Friday, 3 May 2024
สหรัฐอเมริกา

TOPIC 24 : ภารกิจเพื่อชาวโลก!! ‘สหรัฐฯ - รัสเซีย’ จับมือออกสำรวจนอกโลก สานฝันมนุษยชาติให้ได้รู้ความลับจักรวาล

ภารกิจเพื่อชาวโลก!! ‘สหรัฐฯ - รัสเซีย’ จับมือออกสำรวจนอกโลก สานฝันมนุษยชาติให้ได้รู้ความลับจักรวาล

Click on Clear Original
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา)

บ.เทคยักษ์ใหญ่มะกันแตะเบรคจ้างงานใหม่ หลังเห็นพ้องวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่กำลังมา

สัญญาณเศรษฐกิจส่อเค้าไม่ดี! ‘แอปเปิล-กูเกิล-ไมโครซอฟท์’ พร้อมใจเลิกรับคนเข้าทำงานชั่วคราว เชื่อวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่กำลังมา

เอเจนซีส์ - กระแสความกลัวเศรษฐกิจถดถอยจากสงครามยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากวิกฤตโรคติดต่อระดับโลกที่ยังคงส่งผล ล่าสุด โรคฝีดาษลิงถูก WHO ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทั่วโลกแล้ว สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยทำให้บริษัทไฮเทคชื่อดังสหรัฐฯ ล่าสุด รวม "กูเกิล" "ไมโครซอฟท์" และ "แอปเปิล" รวมกลุ่มบริษัทใหญ่อื่นๆ ประกาศยกเลิกจ้างงานใหม่ชั่วคราว และสั่งประกาศลดตำแหน่งงานที่มีอยู่เดิม

สื่อมินท์ของอินเดียรายงาน เมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.) ว่า ดูเหมือนพนักงานอินเดียบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ จากทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ และแอปเปิล จะรอดจากกระแสการประกาศลดตำแหน่งงานเดิม แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญของอุตสาหกรรมชี้ว่า มาตรการหยุดการจ้างงานใหม่ชั่วคราวและการสั่งปลดพนักงานที่ออกมาจากบรรดาบริษัทไฮเทคสหรัฐฯ เชื่อจะกระทบในระดับทั่วโลกอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานวันพุธ (20) ว่า ทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ และแอปเปิลเดินตามรอยบริษัทไฮเทคสหรัฐฯ ยักษ์ใหญ่ก่อนหน้าที่ชะลอการจ้างงานใหม่ ปลดพนักงานเดิมออกบางส่วน และให้ความสนใจไปที่การเพิ่มประสิทธิผลแทน

บลูมเบิร์กชี้ว่า แอปเปิล (Apple Inc.) มีนโยบายสั่งลดต้นทุนและการเติบโตตำแหน่งงานลงในบางแผนก ขณะที่สื่ออื่นรายงานว่า ไมโครซอฟท์อาจสั่งปลดพนักงานออกถึง 1% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 180,000 คน ด้านกูเกิล (Google Inc.) จะมีการจ้างงานใหม่ช้าลงภายในปี 2022 อ้างอิงบันทึกภายในบริษัทที่ออกมาจากผู้บริหารระดับสูง ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai)

บลูมเบิร์กชี้ว่า อีลอน มัสก์ ซึ่งก่อนหน้าเคยออกมาแสดงความวิตกและย้ำว่าเทสลา (Tesla) จำเป็นต้องประกาศเลิกจ้างพนักงานลง โดยเฉพาะพนักงานแผนกขับขี่อัตโนมัติ (Auto pilot) ลง 200 คน จากการที่โรงงานเทสลาในเมืองซานเมเทโอ (San Meteo) รัฐแคลิฟอร์เนียปิดลง

ซึ่งในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก มัสก์ยืนยันว่าพนักงานกินเงินเดือนจำนวนราว 10% จะต้องตกงานภายใน 3 เดือน ซึ่งบริษัทเทสลามีพนักงานทั่วโลกสิ้นสุดปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 100,000 คน

ทวิเตอร์ อิงค์ (Twitter Inc.) ซึ่งกำลังมีปัญหาทางกฎหมายกับมัสก์ เรื่องดีลการซื้อขายบริษัทที่เดินหน้าสู่ชั้นศาลแล้วได้ประกาศเริ่มการหยุดการจ้างงานชั่วคราวเช่นกัน และเริ่มต้นการสั่งปลดพนักงานในเดือนพฤษภาคม โดยอ้างอิงจากบันทึกภายในบริษัทเมื่อปี 2021 ซึ่งพบว่าบริษัทมีพนักงานทั้งหมด 7,500 คน

เมตา อิงค์ (Meta Inc.) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กของผู้ก่อตั้งมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ยกเลิกแผนการจ้างวิศวกรภายในไม่ต่ำกว่า 30% โดยซักเกอร์เบิร์ก ได้บอกกับพนักงานเมตา อิงค์ว่า เขาคาดการณ์ว่ากำลังจะเกิดวิฤตทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่จำเป็นทำให้บริษัทต้องสั่งถอยการจ้างงานลง

สื่อบารอนรายงานเมื่อวันที่ 3 ก.ค.โดยอ้างอิงรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สว่า ซักเกอร์เบิร์ก กล่าวผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) กับพนักงานเมตา อิงค์จำนวน 77,800 คน ประกาศคำเตือนวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครั้งนี้ สื่อรีพับบลิกเวิลด์ของอินเดียรายงานวันที่ 3 ก.ค.ว่า โพลสำรวจของไฟแนนเชียลไทมส์รายงานกว่า 70% ของนักเศรษฐศาสตร์โลกชั้นนำลงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในต้นปี 2024 และบริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญหน้าเศรษฐกิจขาลงครั้งใหญ่ที่คาดว่ากำลังจะเริ่มภายในสิ้นปี 2022

นอกเหนือจากซักเกอร์เบิร์ก พบว่า ผู้บริหารเมตา อิงค์คนอื่นออกมาแสดงคำเตือนคล้ายกันว่า บริษัทกำลังเผชิญหน้าต่อช่วงเวลาที่ร้ายแรง และปัจจัยภายนอกกระทบทางเศรษฐกิจนั้นรุนแรง

ด้านแอมะซอน อิงค์ (Amazon Inc.) แถลงก่อนหน้าเมื่อเมษายนว่า บริษัทมีจำนวนพนักงานมากเกินความต้องการหลังก่อนหน้าช่วงวิกฤตโควิด-19 ทางบริษัทได้เพิ่มกำลังในกระบวนการและปัจจุบันทางบริษัทของผู้ก่อตั้ง เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ต้องการลดกำลังพนักงานลง

'สี จิ้นผิง' ออกเตือน 'ไบเดน' กำลังเล่นกับไฟ หลังข่าว 'ประธานรัฐสภาฯ' เยือนไต้หวันสะพัด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตือนประธานาธิบดีไจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่า 'กำลังเล่นกับไฟ' ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยทางโทรศัพท์กันในรอบที่ 5 ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยหนึ่งในนั้นประเด็นที่โหมกระพือความตึงเครียดคือ ความเป็นไปได้ที่ประธานรัฐสภาของอเมริกาจะเดินทางเยือนไต้หวัน

สื่อมวลชนแห่งรัฐของจีนรายงานว่า สี ได้บอกกับ ไบเดน ไปว่าสหรัฐฯ ยึดมั่นต่อ 'หลักการจีนเดียว' และเน้นย้ำอย่างหนักแน่นต่อจุดยืนของจีนที่คัดค้านความเป็นเอกราชของไต้หวันและการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก 'ใครที่เล่นกับไฟ รังแต่จะถูกไฟแผดเผา' สีบอกกับไบเดน "เราหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะสามารถเล็งเห็นเรื่องนี้อย่างชัดเจน"

ส่วนทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง เผยว่าไบเดนได้บอกกับสี ไปว่านโนยายของสหรัฐฯ นั้นไม่เปลี่ยนแปลง และวอชิงตัน "คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันหรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน" อ้างถึงน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างเกาะไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่

การพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) และกินเวลาราวๆ 2 ชั่วโมง มีขึ้นในขณะที่ ไบเดน กำลังเล็งหาหนทางใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกับจีน ท่ามกลางการแข่งขันระดับนานาชาติระหว่าง 2 ฝ่ายที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเกี่ยวกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน สาธารณสุขโลกและนโยบายเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ

ล่าสุด จีนประกาศเตือนด้วยถ้อยคำแข็งกร้าว เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่นางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาอาจเดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุพวกเขาจะมองการเดินทางดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุ

เกาะปกครองตนเองแห่งนี้ได้รับแรงสนับสนุนด้านป้องกันตนเองอย่างไม่เป็นทางการจากสหรัฐฯ แต่ จีน มองเกาะแห่งนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของดินแดน

"ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานจะเดินหน้าในแนวทางนี้และท้าทายเส้นใต้ที่จีนขีดไว้ มั่นใจได้เลยว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างเต็มกำลัง" จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ "รับประกันได้เลยว่าสหรัฐฯ ต้องแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมาทั้งหมดทั้งมวล"

เพโลซี จะเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ระดับสูงสุดคนที่ 2 ที่เดินทางเยือนไต้หวัน พันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกา ต่อจากประธานรัฐสภา นิวต์ กิงริช เมื่อ 25 ปีก่อน แต่ทางประธานาธิบดีไบเดน แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กองทัพคิดว่าโปรแกรมเยือนไต้หวันของเธอในเวลานี้ "ไม่ใช่ความคิดที่ดี"

สถานทูตจีนในไทย จวกสหรัฐฯ ใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน บิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ

ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่แบ่งแยกไม่ได้ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแต่รัฐบาลเดียวที่สามารถเป็นตัวแทนของทั่วประเทศจีน มติ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1971 ได้มีการรับรองในเรื่องนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 181 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนบนพื้นฐานหลักการประเทศจีนเดียว ซึ่งเป็นฉันทามติทั่วไปของประชาคมโลกและหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

'อ.ปิติ' ดึงสติคนไทย ต้องไม่เป็นแฟนกีฬาบ้าคลั่ง ชี้ 'การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ' ไม่ใช่เชียร์มวย

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Piti Srisangnam' ระบุว่า...

ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

Status quo ที่สหรัฐคิดแบบ Strategic Ambiguity และจีนคิดแบบ Strategic Patience จนเราได้เห็นสันติภาพแบบมีกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดมา แต่ก็สามารถทำการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 กำลังจะเปลี่ยนไป

"การเดินทางเยือนไต้หวันของนาง Pelosi คือการ ทำลายล้างรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน และเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดต่อกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน"

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ประนาม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ + รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม + คณะกรรมการกลางสภาประชาชนจีน + คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยกิจการไต้หวัน + คณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน Xie Feng เรียก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง Nicholas Burns เข้าพบ เพื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเยือนไต้หวันของ Pelosi และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งเลวร้ายมากและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ฝ่ายจีนจะไม่นั่งเฉย ๆ

หนุ่มมะกันหัวร้อน ชักปืนยิงพนง.แม็คโดนัลด์ เหตุไม่พอใจเสิร์ฟเฟรนช์ฟรายส์เย็นชืด

ชายคนหนึ่งในนิวยอร์ก ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า หลังก่อเหตุยิงพนักงานคนหนึ่งของแม็คโดนัลด์ ด้วยความโมโหที่เสริฟมันฝั่งทอดเย็นชืดให้แม่ของเขา จากการเปิดเผยของตำรวจ

เหตุการณ์นี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุยิงกันหลาย ๆ เหตการณ์ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กแทบทุกวัน ตามรายงานของเอเอฟพี

ในคดีล่าสุด ไมเคิล มอร์แกน วัย 20 ปี ก่อเหตุยิงใส่พนักงานแม็คโดนัลด์ รายหนึ่ง วัย 23 ปี ในบรูคลิน เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (1 ส.ค.) จากข้อมูลของตำรวจและหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ ทั้งนี้เหยื่ออาการสาหัสและกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล

คดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการโต้เถียงกันระหว่างผู้หญิงวัย 40 ปีรายหนึ่งกับเหยื่อ โดยฝ่ายหญิงกล่าวหาพนักงานของร้านแม็คโดนัลด์ เสิร์ฟเฟรนช์ฟรายส์เย็นชืดให้เธอ

สื่อมะกัน แฉ อาวุธที่ตะวันตกมอบให้ยูเครน พบถึงแนวหน้าแค่ 30% ที่เหลือลือถูกขายต่อตลาดมืด

แม้สหรัฐ อเมริกา และพันธมิตรให้สัญญามอบแรงสนับสนุนด้านการทหารแก่ยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่รายงานข่าวของสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์เมื่อเร็ว ๆ นี้ บ่งชี้ว่าในบรรดาอาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้นั้น มีเพียงแค่ราว ๆ 30% ที่ถูกส่งถึงมือแนวหน้า ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับการถูกทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ คอร์รัปชันและนำไปขายต่อทำกำไรในตลาดมืด

สหรัฐฯ อนุมัติความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางทหารแก่ยูเครนไปแล้วมากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนสหราชอาณาจักรสัญญามอบความช่วยเหลือด้านการทหารเกือบ ๆ 3,000 ล้านดอลลาร์ และอียูส่งมอบอาวุธแก่ยูเครนอีก 2,500 ล้านดอลลาร์ โดยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไล่ตั้งแต่ปืนไรเฟิล ระเบิด ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ไปจนถึงระบบจรวดหลายลำกล้อง ถูกลำเลียงออกจากคลังแสงของตะวันตกมุ่งหน้าสู่ยูเครน เกือบทั้งหมดผ่านทางโปแลนด์

อย่างไรก็ตาม มีน้อยครั้งมากที่การส่งมอบจะเป็นไปอย่างราบรื่น รายงานของซีบีเอสนิวส์เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ทั้งหมดถูกลำเลียงข้ามชายแดน และจากนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น มีแค่ราว ๆ 30% ไปที่ถึงจุดหมายปลายทาง" โจนาส โอห์มาน ผู้ก่อตั้งองค์กรจัดหาเสบียงแก่ทหารยูเครน ที่มีฐานบัญชาการในลิทัวเนีย กล่าวกับซีบีเอสนิวส์ พร้อมระบุว่าการนำพาอาวุธไปมอบเหล่าทหารนั้น พัวพันกับเครือข่ายอันซับซ้อนของบรรดาผู้ทรงอิทธิพล ผู้มีอำนาจและผู้มีบทบาททางการเมือง

"ไม่มีข้อมูลจริง ๆ ว่าอาวุธกำลังถูกส่งไปที่ไหน" โดนาเคลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การนิรโทษกรรมสากลบอกกับซีบีเอสนิวส์ "มีความกังวลอย่างแท้จริงในบางประเทศ ว่าการส่งมอบอาวุธไม่เป็นไปอย่างที่คิด และพวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบต้องกำหนดกลไกกำกับดูแลที่แข็งขันอย่างยิ่งขึ้นมา"

ยูเครน ยืนกรานว่าพวกเขาติดตามอาวุธแต่ละชิ้นและทุกชิ้นที่ข้ามเข้าสู่ชายแดนของพวกเขา โดย ยูริ ซัค ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า รายงานข่าวต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกัน "อาจเป็นส่วนหนึ่งของสงครามข้อมูลข่าวสารของรัสเซีย เพื่อทำให้พันธมิตรนานาชาติท้อใจ ไม่อยากมอบอาวุธแก่ยูเครน"

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางส่วนในตะวันตกยังคงส่งเสียงแสดงความกังวล โดยแหล่งข่าวด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นในเดือนเมษายน ว่า วอชิงตันแทบไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาวุธเหล่านั้น และให้คำจำกัดความการส่งมอบอาวุธว่าเป็น "การหย่อนลงสู่หลุมดำขนาดใหญ่" ครั้งที่อาวุธเหล่านี้ถูกส่งเข้าไปในยูเครน ส่วนแหล่งข่าวแคนาดาก็ระบุเช่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าอาวุธที่ส่งมอบไปนั้น แท้จริงแล้วไปจบลงที่ไหน

สำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป (ยูโรโพล) อ้างว่าอาวุธบางส่วนไปจบลงในมือขององค์การอาชญากรรมกลุ่มต่าง ๆ ในอียู ส่วนรัฐบาลรัสเซียเตือนว่าพวกมันกำลังไปโผล่ที่ตะวันออกกลาง ทั้งนี้จากการตรวจสอบของสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์เมื่อเดือนมิถุนายน พบตลาดออนไลน์หลายแห่งที่มีการนำยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยของตะวันตก อย่างเช่นจรวดเจฟลิน และระบบต่อต้านรถถัง NLAW รวมถึงโดรนสวิตช์เบลด ออกวางจำหน่ายในราคาดอลลาร์

ยูเครนติดอันดับชาติที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกต่อเนื่องมาหลายปี มีคะแนน 122 เต็ม 180 ใน "ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI)" ประจำปี 2021 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดย 180 เป็นตัวแทนของการคอร์รัปชันมากที่สุดและ 0 เป็นตัวแทนของการคอร์รัปชันน้อยที่สุด

'แนนซี เพโลซี' ปล่อยไก่!! เผลอหลุดปาก บอก 'จีน' เป็นสังคมที่เสรีที่สุดในโลก

แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เผลอหลุดปากเรียก 'ไต้หวัน' ว่า 'จีน' แถมยังกล่าวย้ำอีกว่า 'จีน' เป็นชาติที่มีสังคมที่เสรีที่สุดในโลก

วาทะปล่อยไก่ของ แนนซี เพโลซี มาจากการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ NBC Today Show ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการออกสื่อครั้งแรกหลังจากการเดินทางเยี่ยมเยียนประเทศในย่านอาเซียน และ เอเชียตะวันออก โดยได้แวะลงที่ไต้หวัน จนสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมากจนถึงวันนี้

นอกจากการสับสนชื่อประเทศแล้ว แนนซี เพโลซี ยังกล่าวสนับสนุน 'นโยบายจีนเดียว' ออกสื่ออย่างชัดเจน โดยบางส่วนของบทสัมภาษณ์ของเธอได้กล่าวว่า...

"We still support the 'one China policy', we go there to acknowledge the status quo is what our policy is, there is nothing disruptive about that. It was only about saying, China is one of the freest societies in the world, don't take it from me, that 's from Freedom House, it's a strong democracy, courageous people"

"เรายังคงสนับสนุน 'นโยบายจีนเดียว' เราไปที่นั่นเพื่อรับรู้ถึงสถานะที่เป็นอยู่นั้นตามนโยบายของเรา เราไม่ได้ต้องการไปก่อกวน แค่ต้องการบอกว่าจีนเป็นหนึ่งในสังคมที่เสรีที่สุดในโลก ซึ่งเรื่องนี้ฉันไม่ได้พูดเอง แต่มาจากองค์กร Freedom House (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐในการทำวิจัย และสนับสนุนด้านประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง และสิทธิมนุษยชน) ที่นั่นมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และประชาชนที่กล้าหาญ”

อเมริกันชนปากแจ๋ว เจอคุกยาว 37 เดือน หลังขู่ฆ่า 'เฟาซี' หมอใหญ่แห่งทำเนียบขาว

งานเข้า!! โทมัส แพทริค คอนแนลลี่ จูเนียร์ วัย 56 ปี หลังถูกตัดสินให้เข้าไปนอนสงบจิตสงบใจในคุกรัฐแมรี่แลนด์ 37 เดือน โทษฐานส่งอีเมล์ไปขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายและฆ่านายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการเรื่องโควิดของทำเนียบขาวในสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ และในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายแพทย์หัวหน้าที่ปรึกษาของประธานาธิบดีด้านการแพทย์ 

ทั้งนี้ โทมัส ได้ส่งอีเมล์ไปหานายแพทย์เฟาซีหลายครั้งหลายหน โดยเป็นการส่งไปยังอีเมล์ที่ทำงานของนายแพทย์เฟาซีในรัฐแมรี่แลนด์ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 ซึ่งฉบับแรกจั่วหัวอีเมล์ว่า "หวังว่าจะได้เห็นกระสุนระเบิดหัวระยำของแกวันนี้"

ส่วนข้อความในอีเมล์ฉบับหนึ่งที่ส่งถึงนายแพทย์เฟาซีเขียนว่า...

ย้อนรอยคดีดัง!! สามคนร้ายลักพาตัวเด็กนักเรียนใน Chowchilla หวังเรียกค่าไถ่ ก่อนฝังเหยื่อ ๒๗ รายทั้งเป็น

วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ผู้ปกครองของเด็ก ๒๖ คนในเมืองชนบท Chowchilla มลรัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดเมื่อลูก ๆ ของพวกเขาหายตัวไป รถโรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนอายุระหว่าง ๕ ถึง ๑๔ ปี หายไปอย่างลึกลับระหว่างกลับจากทัศนศึกษาในช่วงฤดูร้อน 

โดยเวลาราว ๑๖.๓๐ น. ขณะที่ รถโรงเรียนที่ขับโดย Frank Edward ‘Ed’ Ray วัย ๕๕ ปี กำลังขับรถพาเด็ก ๆ กลับนั้น ทันใดก็มีรถตู้สีขาวขับปาดหน้ารถโรงเรียนจนต้องจอดกลางถนน ชายสองคนสวมหมวกคลุมศีรษะและถือปืนลูกซองตัดลำกล้องปีนขึ้นไปบนรถโรงเรียน คนหนึ่งควบคุมตัว Ray ไว้ ในขณะที่อีกคนเข้าควบคุมรถ ส่วนชายคนที่สามรออยู่ในรถตู้ที่จอดขวางอยู่

รถบรรทุกที่ใช้ขังเหยื่อถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต

หลังจากขับรถพาเหยื่อออกเดินทางเป็นระยะทางสั้น ๆ คนร้ายสามคนก็จอดรถโรงเรียนไว้ในบริเวณที่เรียกว่า ลำธาร Berenda อันเป็นลำธารสาขาที่แห้งขอดของแม่น้ำ Chowchilla ซึ่งล้อมรอบด้วยพุ่มไม้สูง โดยมีรถตู้อีกคันจอดรอไว้อยู่แล้ว พวกเขาสั่งให้ Ray และเด็ก ๆ ขึ้นไปด้านหลังของรถตู้ทั้งสองคัน ซึ่งดัดแปลงมาจากรถขนนักโทษของเรือนจำ หน้าต่างทาสีดำ และด้านในบุด้วยไม้ระแนงเพื่อกันไม่ให้เด็ก ๆ มองเห็นหรือได้ยินเสียง จากนั้นคนร้ายทั้งสามก็ได้ขับรถตู้สองคันวนไปมาราว ๑๑ ชั่วโมง ในที่สุดก็หยุดจอดที่เหมืองหินที่อยู่ห่างออกไปราว ๑๐๐ ไมล์ในเมือง Livermore พวกเขาบังคับ Ray และเด็กๆ ทุกคนปีนลงบันได และให้เข้าไปในรถบรรทุกซึ่งถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต ซึ่งมีอาหารและน้ำจำนวนเล็กน้อยและฟูกนอนอีกนิดหน่อย

เด็ก ๆ ที่เป็นเหยื่อส่วนหนึ่งกับ Frank Edward ‘Ed’ Ray คนขับรถโรงเรียน

Ray รู้ว่า เขาและเด็ก ๆ คงอยู่ได้อีกไม่นานถ้าอากาศหมด ซ้ำหลังคารถบรรทุกก็ยุบตัวลงมา Ray และบรรดาเด็กโตก็ได้ช่วยกันวางฟูกที่นอนเพื่อให้เอื้อมถึงช่องเปิดที่ด้านบนของหลังรถบรรทุก ซึ่งถูกวางทับด้วยแผ่นโลหะที่หนักมากและแบตเตอรี่อุตสาหกรรมขนาด ๔๕ กิโลกรัมอีกสองลูก 

หลังจากใช้ความพยายามอยู่หลายชั่วโมง Ray และ Michael Marshall เด็กชายที่โตที่สุดวัย ๑๔ ปี ก็สามารถใช้เศษไม้งัดช่องเปิดออก แล้วย้ายแบตเตอรี่จนพ้นช่องเปิด จากนั้นพวกเขาก็ขุดเศษซากสิ่งของที่ปิดทางออกที่เหลือ สิบหกชั่วโมงหลังจากที่ถูกบังคับให้เข้าไปในรถบรรทุก พวกเขาก็สามารถหนีออกมาได้ และพากันเดินไปยังกระท่อมยามของเหมือง ซึ่งอยู่ใกล้กับอุทยาน Shadow Cliffs 

สามคนร้ายจากซ้าย Frederick Newhall Woods IV พี่น้อง James และ Richard Schoenfeld

Frederick Newhall Woods IV ลูกชายเจ้าของเหมืองหิน วัย ๒๔ ปี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นหนึ่งในคนที่มีกุญแจของเหมืองหินแห่งนั้น และสามารถเข้าไปในเหมืองได้ลึกมากพอที่จะฝังรถบรรทุกไว้ที่นั่น เขากับเพื่อนอีกสองคน พี่น้อง James และ Richard Schoenfeld (อายุ ๒๔ และ ๒๒ ปี) เคยถูกตัดสินว่า มีความผิดฐานขโมยรถยนต์ ซึ่งพวกเขาถูกตัดสินลงโทษโดยการถูกคุมประพฤติ มีการออกหมายค้นที่ดินของพ่อของ Woods แล้วตำรวจก็พบอาวุธปืนหนึ่งกระบอกที่ใช้ในการลักพาตัว เช่นเดียวกับร่างจดหมายเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่คนร้ายทั้งสามหนีไปแล้ว

สองสัปดาห์ต่อมาหลังจากการลักพาตัว Woods ถูกจับตัวได้ในนคร Vancouver มณฑล British Columbia ประเทศแคนาดา James Schoenfeld ถูกจับในวันเดียวกันที่ Menlo Park มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่ Richard Schoenfeld สมัครใจมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแปดวันหลังจากการก่อเหตุลักพาตัว


สภาพของรถบรรทุกที่ใช้ขังเหยื่อถูกฝังไว้ใต้ดินลึก ๑๒ ฟุต หลังจากถูกขุดขึ้นมา 

ผู้ลักพาตัวไม่สามารถติดต่อเรียกค่าไถ่จำนวน ๕ ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่ากับ ๒๓.๘ ล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔) เนื่องจากโทรศัพท์ของสถานีตำรวจ Chowchilla ไม่ว่างเลย ด้วยสายเข้าจากโทรศัพท์ของสื่อและครอบครัวที่ตามข่าวลูก ๆ ของพวกเขา ในตอนดึกของวันที่ ๑๖ กรกฎาคม รายงานข่าวทางโทรทัศน์ก็แจ้งว่า เหยื่อสามารถหลบหนีออกมาได้โดยปลอดภัยแล้ว 

ในภายหลัง James Schoenfeld เล่าว่า แม้จะเขามาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ทั้งเขา Richard และ Woods ต่างก็มีหนี้สินมากมาย “เราต้องลักพาเหยื่อหลายรายเพื่อให้ได้เงินหลายล้าน และเราตัดสินใจเลือกเด็ก เพราะเด็กมีค่าเสมอ รัฐยินดีจ่ายค่าไถ่สำหรับพวกเขา และเด็ก ๆ มักจะไม่ต่อสู้ขัดขืน อ่อนแอ และเอาแต่ใจ" ผู้กระทำความผิดทั้งสามสารภาพว่า ได้ปล้นรถ และลักพาตัวเด็ก ๆ เพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ปฏิเสธที่จะสารภาพว่า ได้ทำร้ายร่างกายเด็ก ๆ เนื่องจากเชื่อว่าการถูกดำเนินคดีในข้อหานั้นร่วมกับข้อหาลักพาตัวจะมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ต้องรอลงอาญา หรือไม่ได้รับทัณฑ์บนเพื่อลด/พักโทษในภายหลัง 

พวกเขาถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย และถูกตัดสินว่า มีความผิดและได้รับโทษจำคุก แต่ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาของพวกเขาโดยพบว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายของเด็ก ๆ (ส่วนใหญ่บาดแผลและรอยฟกช้ำ) ไม่เป็นไปตามเกณฑ์การทำร้ายร่างกายภายใต้กฎหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top