Sunday, 12 May 2024
พิธา

‘พิธา’ ฝาก!! เป็นนายกฯ วันแรกจะเซ็นเลิกขาว 3 ด้าน หลัง 'ก้าวไกล' พ่ายโหวต 'ทวงคืนทรงผมตำรวจ'

(1 ก.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งเป็นการพิจารณาครั้งที่ 6 โดยเริ่มจากมาตรา 120 ซึ่งภาพรวมการพิจารณาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งเวลา 10.35 น. มาตรา 143 ระบุว่า ให้อำนาจฝ่ายบริหารออกกฎกระทรวง กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบตำรวจ โดยพ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อย ได้สงวนความเห็นเพิ่มวรรคสอง ระบุว่า... 

ข้าราชการตำรวจทุกเพศ มีสิทธิ เสรีภาพ ในการไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้โดยสุภาพเรียบร้อย การออกกฎระเบียบ คำสั่ง ให้จำกัดสิทธิเสรีภาพได้เท่าที่จำเป็น เพื่อความสุภาพเรียบร้อยเท่านั้น จะเห็นว่าไม่ได้เป็นการให้สิทธิเสรีภาพทรงผม แต่ยังคงให้อำนาจฝ่ายบริหารจำกัดสิทธิเสรีภาพตำรวจในการไว้ทรงผมได้เท่าที่จำเป็น เพราะทรงผมสุภาพเรียบร้อยมีหลายทรงไม่ใช่แค่ทรงขาวสามด้าน การที่ตนเสนอวรรคนี้เพื่อให้ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจ เมื่อแต่งกายชุดข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อที่ให้ข้าราชการตำรวจชายต้องตัดผมสั้นด้านข้างขาวทั้ง 3 ด้าน ด้านบนยาวได้ไม่เกิน 3 ซม. ที่ออกโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ให้มีผลถูกยกเลิกไปโดยปริยาย เป็นการทวงคืนทรงผมให้ตำรวจ 

ส่วนเหตุผลที่ต้องเสนอเพิ่มในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากประเด็นนี้สำคัญเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นครอบคลุมทุกมิติ เป็นการเปลี่ยนแปลงให้สิทธิความเป็นธรรมแก่คนหน้างาน การทวงคืนทรงผมถือเป็นการปฏิรูป เดิมผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจสั่งการจำกัดสิทธิผู้ใต้บังคับบัญชาเกินความจำเป็น ทำให้อึดอัดทำลายคุณค่า ทำลายความมั่นใจ ซึ่งเป็นปัญหา จึงต้องปรับปรุงให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น

“ผมเคยอยู่ทันคำสั่งทรงผมบ้าบอ ๆ ของผบ.ตร.เป็นปี ๆ ก่อนจะลาออกมา ผมเห็นปัญหาต่าง ๆ ขององค์กรตำรวจมาตลอด ข้องใจมาตลอดว่าระบบราชการทำไมห่วยขนาดนี้ โดยเฉพาะตำรวจแย่กว่าองค์กรอื่น ๆ ยิ่งมีรัฐประหาร ยิ่งทำให้องค์กรตำรวจย่ำแย่หนัก คำสั่งทรงผมขาว 3 ด้าน ช่วงแรกที่สั่งมาตำรวจไม่ทำตามยื้อมาได้ครึ่งปี ผบ.ตร.ที่บ้าอำนาจไม่สามารถบังคับได้ สุดท้ายใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดู เอาตำรวจกลุ่มหนึ่งไปธำรงวินัย แล้วทำไอโอส่งไปตามกลุ่มไลน์ตำรวจให้เกิดความกลัว เป็นบรรยากาศของการถูกบังคับสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย ซึ่งตำรวจไม่ใช่ต้องทำตามคำสั่งจากความหวาดกลัวของคนหัวโบราณ” พ.ต.ต.ชวลิต กล่าว

‘พิธา’ อัด 3 แกนประยุทธ์ สุดกลวง!! แท้จริงมีแต่การทำลายประเทศ-ประชาชน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้ 8 ปี รัฐบาลประยุทธ์ทำคนไทยมืด 8 ด้าน  อัด ‘เศรษฐกิจ 3 แกน’ คือ ความกลวงปลอมเปลือก แท้ที่จริงคือ 
1.ทำลายศักยภาพในประเทศสร้าง-ซุกหนี้สารพัด 
2.ทำลายศักยภาพในต่างประเทศ เสี่ยงโดนกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ และ 3.ทำลายศักยภาพประชาชน ละเมิดสิทธิเสรีภาพ-หลักนิติรัฐอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมเผยตัวเลขน่าตกใจ โรคระบาดในไทยที่มีคนตายมากกว่าโควิด

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นผู้สรุปการอภิปรายว่า 8 ปีนับตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจมาถึงวันนี้ทำคนไทยมืด 8 ด้าน ไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน ไม่มีอนาคต ซึ่งกลยุทธ์ 3 แกนสร้างอนาคต เมื่อไปดูในรายละเอียดก็พบว่ากลวง เป็นของปลอมที่มีแต่เพียงเปลือก อย่างแกนที่ 1.โครงสร้างพื้นฐานก็ช้าและมีแต่จะเจ๊ง แกนที่ 2.อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มต้นช้าตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ความหวังเป็นศูนย์กลางแทบไม่มีทางเป็นไปได้ และ แกนที่ 3.การเงินการธนาคารที่จะให้คน 30 ล้านเข้าถึงขนาดมีอำนาจเต็มยังทำไม่ได้ อีกทั้งแผนการเงินที่พูดมาก็เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ และขนาดที่ผู้บริหารธนาคารระดับประเทศเองก็บอกว่างงเป็นไก่ตาแตกกับแผนนี้

“เรื่องที่ไว้วางใจไม่ได้มากที่สุดคือนายกรัฐมนตรีไม่รู้จักประชาชน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ประชาชนนอนไม่หลับคือไม่มีความหวัง ท่านต้องเข้าใจว่าตอนนี้เงินเฟ้อทั้งปีจะสูงที่สุดในรอบ 24 ปี เงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 16 ปี หนี้สาธารณะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ปุ๋ยแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ราคาอาหารสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ในเวลาแบบนี้ประชาชนต้องการให้นายกเป็นผู้นำที่จะสร้างความหวังกลับมาให้ประเทศ ไม่ใช่ให้ สมช. คิดแผน แล้วก็ไปตั้งคณะกรรมการ เดี๋ยวก็ตั้งคณะอนุกรรมการ และอนุกรรมการก็ไปตั้งที่ปรึกษา ไม่ได้มีแก่นสาร ไม่ได้มีสาระอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยออกจากวิกฤติได้เลย” พิธา กล่าว

พิธา กล่าวอีกว่า สำหรับ 3 แกนที่แท้จริงของประยุทธ์ คือ 3 ทำลาย ได้แก่ 1.ทำลายศักยภาพในประเทศ ผ่านการบริหารที่ผิดพลาดล้มเหลว ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะมีแต่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีหนี้นโยบายและหนี้กองทุนน้ำมันที่ซุกไว้อีกด้วย 
2. ทำลายศักพยภาพของไทยในต่างประเทศ เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่ทันโลก ไม่เจนจัดสนามการเมืองโลก ขาดลูกล่อลูกชน และโดยหลักการคือควรวางตัวเป็นกลางเพื่อรักษาสมดุลระหว่างประเทศกลับไม่ทำ อย่างกรณีเครื่องบินรบเมียนมา MIG-29 รุกล้ำน่านฟ้าไทยเข้ามายิงคนในประเทศตัวเอง ก็เสี่ยงที่จะทำให้ไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยลากขึ้นศาลได้ ขณะที่การตั้งผู้แทนพิเศษด้านเมียนมา ก็ดันไปเอาบุคคลที่มีมลทินเคย มีความผิดเกี่ยวกับความเป็นล็อบบี้ยีสต์มาดำรงตำแหน่ง 
และ 3.ทำลายศักยภาพประชาชน ซึ่งก็คือการทำลายเสรีภาพของคนไทยทุกคน ละเมิดสิทธิประชาชนด้วยคดีความที่เป็นการทำลายนิติรัฐ ทำลายกติกาของการอยู่ร่วมกันของสังคมไทย เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะที่สำคัญคือการแอบอ้างเรื่องสถาบัน ที่ทำให้มีคนจำนวนมากถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
.
 

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแจมงานคราฟต์เบียร์ หลังเสร็จศึกซักฟอกรัฐบาล ให้คำมั่นเดินหน้าสู้เพื่อปลดแอกสุราคนไทย ตามนโยบายทำน้อยแต่ได้มาก

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ชั้น 2 อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า จัดงาน B.A.D. BEER ครั้งที่ 2 มหกรรมคราฟต์เบียร์รวมเบียร์ฝีมือคนไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก มีทั้งแบรนด์เบียร์ ร้านอาหารร่วมออกบูธ 

ภายในงานมีการออกบูธเบียร์-สุราชุมชนที่มีแบรนด์ถูกกฎหมาย รวมถึงจัดทำเวิร์คช็อป ชิม เบียร์-อาหาร โดยมี ส.ส. พรรคก้าวไกล เท่า พิภพ ลิมจิตกร เป็นวิทยากร โดยประชาชนและนักดื่มนักต้มเบียร์ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของกิจกรรม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวที่งาน โดยร่วมขึ้นปราศรัย ขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและต่อสู้เพื่อผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า จนสำเร็จผ่านการพิจารณาในวาระแรก เพื่อเดินหน้าทลายทุนผูกขาด ปลดล็อกศักยภาพเบียร์ฝีมือคนไทย

"สินค้าการเกษตรนั้นมันเกิดขึ้นได้จากคนที่มีแพชชั่นแบบคุณทุกคนที่อยู่ในงานนี้ และหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน คงไม่มีวันที่จะสำเร็จได้" นายพิธา กล่าว

‘พิธา’ ร้อง ‘รัฐ-ยูเอ็น’ กดดันเผด็จการทหาร หลังตัดสินประหารนักเคลื่อนไหวในเมียนมา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า…

ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมรู้สึกตกใจและเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารของเผด็จการทหารเมียนมาในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น พโย เซยา จ่อ และ ก่อ หมิ่น ยู ผมขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด

สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมโดยตุลาการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอันชอบธรรม เป็นอิสระ และเป็นกลาง เป็นหนึ่งในหลักการอันล่วงละเมิดมิได้ที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR การทำลายสิทธิดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามจิตสำนึกร่วมที่ดีของประชาคมโลก

เผด็จการทหารเมียนมาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุติความรุนแรงต่อพลเรือนโดยทันที ดังนั้นผมขอสนับสนุนให้อาเซียนทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้กับเมียนมา พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งสัญญาณที่เข้มแข็งและชัดเจนต่อเผด็จการทหารเมียนมาว่า การเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรียกร้องให้คืนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็วผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากเมียนมาที่เป็นประชาธิปไตยและมั่งคั่ง เป็นประโยชน์ไม่เพียงต่อประเทศไทยแต่ต่อประชาคมโลกในภาพรวมด้วย

'วงในเมียนมา' ฉะ!! 'พิธา' จุ้นเรื่องเพื่อนบ้าน ย้อน!! หรือเห็นด้วย 'ยิงพระ-วางระเบิดใต้'

จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารเมียนมา ในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีชัดเจนไม่เห็นด้วยในการกระทำของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า...

เพิ่งรู้ว่าพิธา ถือสัญชาติเมียนมาด้วย ไปยุ่งอะไรกับเรื่องในบ้านเขา เอางี้นะ ถามว่า PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชน : People's Defense Force) มีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมประหาร 4 คน? ทำไม Paing Takhon สุดหล่อถึงไม่โดนประหารไปด้วย? ทั้งที่ก็เคยเป็น PDF ระดับออกโรงแถวหน้า

ก็เพราะว่า...

1. 4 คนนี้เป็น PDF ระดับแกนนำในการจัดหาท่อน้ำเลี้ยงจากต่างประเทศ

2. ทั้ง 4 คนถูกจับพร้อมหลักฐานที่พบในที่ถูกจับ

ถามว่าคุณพิธาเห็นด้วยกับการยิงพระ วางระเบิดโรงพยาบาล ฆ่าคนในร้านน้ำชา วางระเบิดตามสถานที่ราชการในเมืองใหญ่ ๆ และล่าสุดคือวางระเบิดที่จอดรถสำนักงานของธุรกิจคนไทยในย่างกุ้งใช่หรือไม่

ขอถามกลับว่าที่ภาคใต้ของไทยโจรใต้ก็ได้กระทำการไม่ต่างกับกลุ่ม PDF กระทำการในเมียนมา ปัจจุบันนี้ คุณพิธาเห็นด้วยกับการกระทำของโจรใต้อย่างนั้นหรือ

พิธา ลงพื้นที่ ชูโมเดล “ภูเก็ต NEXT” กระจายอำนาจ สร้างการพัฒนาที่ตกถึงมือประชาชน เชื่อคนใต้พร้อมเปิดใจเลือกพรรคก้าวไกลไปสร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้า

ทันทีที่สภาพักการประชุม ทีมพรรคก้าวไกล นำโดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, รังสิมันต์ โรม, อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล พร้อมด้วยทีมงาน ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ต่อทันทีที่ จ.ภูเก็ต เพื่อเรียนรู้และค้นหาโมเดลที่จะเป็นศักยภาพการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้า กระจายความเจริญในทุกจังหวัดอย่างเต็มศักยภาพ

พิธา กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตที่ผมมาในวันนี้ สถานการณ์ต่างจากภูเก็ตที่ผมเคยมาก่อนหน้าจะเข้ามาทำงานการเมืองโดยสิ้นเชิง ภาคท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจภูเก็ตนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 80% ในช่วงโควิดที่ผ่านมา พี่น้องเกษตรกรต้องเผชิญกับวิกฤตราคาปาล์ม-ยาง ที่แย่ตลอดยุค คสช. เมื่อราคาเริ่มขยับตัวดีขึ้นกลับถูกซ้ำเติมจากวิกฤตราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนชาวประมงก็ยังได้รับผลกระทบเรื้อรังจากการจัดการด้วยกฎหมายที่ขาดการมีส่วนร่วมของ คสช. 

เราจำเป็นต้องกลับมาทบทวนว่าจากภูเก็ตที่เคยเติบโตมาจากดีบุก-ประมง ไปสู่ภูเก็ตที่เติบโตจากการท่องเที่ยว ในอนาคตการพัฒนาของภูเก็ตที่จะเป็น “ภูเก็ต NEXT” คืออะไร?

“คำตอบของผม อนาคตการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตอยู่ที่คน”

“ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่ อบต.เชิงทะเล ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกับคณะก้าวหน้า เราเห็นโครงการพัฒนาที่เรียบง่ายแต่ก้าวหน้า พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้จริง 3 โครงการ ไม่ว่าจะเป็น

1.โครงการอาคารซ่อมเรือ ตำบลเชิงทะเล ที่จะพัฒนาอาคารซ่อมเรือ ทำให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านกว่า 100 ครัวเรือน จากเดิมที่ใช้แรงคนในการยกเรือประมงขึ้นซ่อมเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักร ที่จะทำให้ลดการใช้แรงงานคนในการยกเรือลำใหญ่ขึ้นชายหาดเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทน

2. โครงการปรับปรุงสถานีบำบัดน้ำเสีย หาดสุรินทร์ ที่ได้นายก อบต. มาโนช พันธ์ฉลาด ที่ร่วมงานกับคณะก้าวหน้าเข้ามาปรับปรุงโครงการจากเดิมที่แบบการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานใช้งานไม่ได้จริง ให้สามารถดำเนินการได้ สามารถบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนประชาชนและโรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยว คืนน้ำสะอาดสู่ชายหาดสุรินทร์เดือนละละ 43,000 ลูกบาศก์เมตร และในอนาคตมีแผนจะพัฒนาศักยภาพด้วยการใช้ระบบไฮโดรลิกอัดตะกอนแทนที่ระบบตาก
.
3. โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นของ อบต. เชิงทะเล คือโครงการน้ำประปาดื่มได้ ที่ร่วมมือกับคณะก้าวหน้าปรับปรุงระบบน้ำประปาท้องถิ่นให้ประชาชนในเกาะภูเก็ตเข้าถึงน้ำประปาที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่หลงเหลือจากการทำเหมืองแร่ ซึ่งในตอนนี้สามารถหาแหล่งน้ำดิบได้แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพน้ำและพัฒนาโครงการจัดทำระบบน้ำประปา
.
“โครงการเหล่านี้ของ อบต. เชิงทะเล ใช้เครื่องมือเครื่องจักรและเทคโนโลยี แต่ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ซับซ้อน เป็นการลงทุนที่เรียบง่าย แต่ปรับใช้ให้เข้ากับบริบทด้วยการเข้าถึงพื้นที่จริงๆ คิดและทำจากท้องถิ่นจริงๆ ไม่ใช่โครงการลงทุนหว่านแหแบบโครงการ “ป๊อกแทงค์” แบบที่รัฐบาลทำ” พิธา กล่าว

'ก้าวไกล' ล่า 50,000 ชื่อตาม พ.ร.บ. ประชามติ RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่

'ก้าวไกล' เปิดแคมเปญ 'RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่' ล่า 50,000 ชื่อตาม พ.ร.บ. ประชามติ ชงนายกฯ จัดประชามติพร้อมเลือกตั้งปีหน้า ถามประชาชนเรื่องให้มี สสร. เลือกตั้ง มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ประหยัดงบ ดักคอ ส.ส.รัฐบาล-ส.ว. เคยรับหลักการให้มี สสร. มาแล้ว 

เมื่อ 7 กันยายน 2565 ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพียง 23 เสียง จาก 250 เสียง ความตอนหนึ่งว่า...

ผลการลงมติของรัฐสภาวันนี้น่าผิดหวังเป็นพิเศษ เพราะแม้รัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาเยอะมาก แต่ข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นข้อที่พื้นฐานที่สุด และ เป็นมาตราที่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ในเมื่อไม่สามารถตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ ส.ว. ไม่นำตัวเองเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่ควรเคารพและยึดตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่จะถูกสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง

พิธา กล่าวต่อว่า จุดยืนที่พรรคก้าวไกลประกาศต่อประชาชนมาตลอด คือการแก้ไขวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ ต้องไม่ใช่แค่ 'ปะผุ' หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแล้วจะเพียงพอ แต่ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ที่ผ่านมาการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างฉบับใหม่ผ่านช่องทางรัฐสภา เจอทางตันทุกครั้ง

พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าต้องหา 'ไพ่ใบใหม่' ที่ยังไม่มีใครเคยใช้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญชื่อ 'RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่' ที่จะอาศัยช่องทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 มาตรา 9(5) เชิญชวนประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ร่วมลงชื่อเสนอต่อ ครม. ให้มีการจัดทำประชามติเพื่อถามประชาชน 1 คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน?” โดยจะเริ่มรณรงค์ทันทีจนกว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด

“เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566” พิธากล่าว

'แรมโบ้' อัด 'พิธา-ธนาธร' เป็นถึงหน.พรรค แต่ไม่ฟังคำศาลฯ อย่าอ้างประชาชนสิ้นหวังคับแค้น ทั้งที่เป็นเพียงส่วนน้อย

'แรมโบ้' อัด 'พิธา-ธนาธร' เป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองแต่ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และอย่ามาอ้างประชาชนสิ้นหวังคับแค้นใจ เพราะเป็นเพียงแค่คนส่วนน้อยเท่านั้น เหน็บเหมาะเป็นหัวหน้ากองโจรมากกว่าหัวหน้าพรรค

(1 ต.ค. 65) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาวิจารณ์และออกแถลงการณ์ต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณี 8 ปี ว่าเป็นอีกครั้งที่ทำให้ประชาชนไทยรู้สึกสิ้นหวัง สร้างความคับแค้นใจให้กับประชาชน และมีราคาอันแสนแพงที่สังคมไทยต้องจ่ายจากการที่พลเอกประยุทธ์ได้ไปต่อ

โดยนายเสกสกล กล่าวว่าการออกแถลงการณ์เช่นนี้เท่ากับว่านายพิธากับพรรคก้าวไกลและนายธนาธร ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นพรรคที่ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านยื่นให้ประธานสภาฯ เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยเรื่องนี้เอง ทั้งนี้หากไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทยก็ไม่ควรไปร่วมเพื่อให้มีการวินิจฉัยตั้งแต่แรก

'พิธา' ร่วมวางพวงมาลารำลึก 6 ตุลา 19 เตือนรัฐอย่าทำซ้ำ เพราะจุดจบจะไม่เหมือนเดิม

'พิธา' พร้อม 'ชัยธวัช' และ 'พรรณิการ์' เป็นตัวแทน ก้าวไกล-ก้าวหน้า รำลึกเหตุการณ์สังหารณ์หมู่ 6 ตุลา ชงข้อเสนอแก้กติกา-สร้างระบบ ยุติเงื่อนไขรัฐในการปราบปราม-เข่นฆ่า-ยึดอำนาจประชาชน พร้อมเตือนชนชั้นนำอย่าคิดปลุกโมเดล 6 ตุลาอีก มั่นใจจุดจบไม่เหมือนเดิม

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ร่วมเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า วางพวงมาลารำลึกครบรอบ 46 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 โดยบนพวงมาลามีข้อความที่สอดคล้องกันคือ 'ดาวศรัทธายังส่องแสงเบื้องบน' สำหรับพวงมาลาของพรรคก้าวไกล และ 'ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย' บนพวงมาลาของคณะก้าวหน้า

หลังการร่วมพิธีทำบุญในช่วงเช้าตรู่และการวางพวงมาลาที่ลานปฏิมานุสรณ์ 6 ตุลา พิธาได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือบทเรียนว่าสังคมไทยจะต้องร่วมกันทบทวนเงื่อนไขในการปราบปรามของรัฐ การรัฐประหาร ไปจนถึงการเข่นฆ่าประชาชน ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

พรรคก้าวไกล มีข้อเสนอทางการเมืองเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเกิดความสมานฉันท์ ให้ความคิดที่แตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ในสังคมไทยจริง ๆ และเหตุการณ์อย่าง 6 ตุลา ไม่เกิดขึ้นอีก นั่นคือจะต้องมีการคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อคดีการเมือง ผู้ต้องคดีการเมืองต้องได้นับการยุติการดำเนินคดี ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด และจะต้องมีการเสาะหาข้อเท็จจริง ทั้งในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 พฤษภา 35 และทุกเหตุการณ์การเมือง รวมถึงเหตุการณ์ในปี 2557 ด้วย

'นิด้า' เผยโพล คนอีสาน ยก 'อุ๊งอิ๊ง' ยืนหนึ่ง นั่งนายกรัฐมนตรี ยก 'พิธา' เป็นที่สอง

(9 ต.ค. 65) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ 'นิด้าโพล' สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.45 ระบุว่าเป็น

น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร

อันดับ 2 ร้อยละ 12.65 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

อันดับ 3 ร้อยละ 10.20 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 9.85 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 5 ร้อยละ 6.50 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 6 ร้อยละ 3.95 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา เป็นคนที่พูดจริงทำจริง และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.80 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบวิธีการทำงาน และชื่นชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นคนลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง อันดับ 8 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา

อันดับ 9 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เชื่อมั่นในการทำงาน และร้อยละ 4.35 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) ดร.สุทิน คลังแสง (พรรคเพื่อไทย) และไม่ตอบ/ไม่สนใจ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top