Sunday, 5 May 2024
พิธาลิ้มเจริญรัตน์

‘พิธา’ ชู นโยบาย ‘เกษตรก้าวหน้า’ แก้ปัญหาเผาป่า ตัดต้นตอ PM 2.5 ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนวิถีเกษตรกรรม

(30 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ‘Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เรื่องวิธีแก้ปัญหาไฟป่า โดยข้อความระบุว่า…

ดับจุดแดง PM2.5 ด้วยนโยบาย ‘เกษตรก้าวหน้า’

หลังจากที่ผมได้เสนอต้นตอปัญหา PM2.5 ที่เกิดจากการขยายพื้นที่ทางการเกษตรในต่างประเทศ มีคำถามเข้ามาจำนวนมาก ว่า “ถ้าไม่เผา เรามีทางเลือกอะไร”

การลบจุดแดงที่เกิดจากการเผาในภาคเกษตรจากแผนที่ มองภาพให้ใหญ่กว่านั้นคือประเทศไทยต้องเปลี่ยนจากเกษตรที่พึ่งพาการเผา เป็นภาคเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีที่มีการลงทุนมากขึ้น ใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีเข้มข้นขึ้น และสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปวัสดุเศษเหลือจากการเกษตร ให้เปลี่ยนจากขยะที่ต้องเผาทิ้งไปสร้างมูลค่า

1.) เปลี่ยนเกษตรแบบเผา เป็นเกษตรที่ใช้เครื่องจักร
สิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันทีคือไปคุยกับธุรกิจเครื่องจักรทางการเกษตร และทำโครงการร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรสามารถ ซื้อเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว (อ้อย) และเตรียมดิน (ข้าว และข้าวโพด) โดยขอรับสินเชื่อที่ดอกเบี้ย 0% พร้อมการดูแลหลังการขาย สำหรับกลุ่มเกษตรกร/ สหกรณ์/ ผู้ประกอบการในชุมชนที่ให้บริการเกษตรกรในพื้นที่จำนวนมาก รัฐบาลสามารถให้เงินสนับสนุนอีกทางสูงสุด 25% เพื่อเร่งให้ภาคเกษตรไทยในพื้นที่ต่างๆ ให้ใช้เครื่องจักรกลมากยิ่งขึ้น นอกจากจะช่วยลดการเผาแล้ว ยังเป็นการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ของภาคเกษตรกรรมของประเทศในระยะยาว

นี่คือความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นระหว่างรัฐบาลและกลุ่มทุน พรรคก้าวไกลเราไม่ได้มองกลุ่มทุนเป็นศัตรูในทุกเรื่อง แต่ในเรื่องที่ต้องทำงานร่วมกันแล้วเกิดผลดีกับประเทศเราต้องสนับสนุนให้กลุ่มทุนสร้างการแข่งขันให้กับประชาชนคนตัวเล็ก แต่ในเรื่องที่กลุ่มทุนทำธุรกิจอย่างไม่รับผิดชอบจนเกิดผลกระทบกับประชาชน รัฐบาลก็ต้องกล้าจัดการอย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังสนับสนุนให้เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ สามารถเปลี่ยนมาเป็นการปลูกไม้ยืนต้น ที่มีความหลากหลายและมีมูลค่าได้ โดยสามารถเลือกที่ใช้เพื่อการปลดหนี้ หรือการรับเป็นรายได้ประจำเป็นรายเดือนด้วย ซึ่งจะเป็นการลดการเผาวัสดุการเกษตรในระยะยาว

2.) เปลี่ยนขยะที่ต้องเผา เป็นเงินในกระเป๋าเกษตรกร
อีกอุตสาหกรรมที่เราจำเป็นต้องทำให้เกิดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรคืออุตสาหกรรมแปรรูปเศษวัสดุการเกษตร (by-product) ทั้งฟางข้าว ใบอ้อย และต้นข้าวโพด ซึ่งไม่ใช่แค่การลดการเผา แต่เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดและทำให้ผลผลิตจากการเกษตรสร้างเงินในกระเป๋าประชาชนมากที่สุดอีกด้วย

พรรคก้าวไกลมีนโยบาย สนับสนุนงบประมาณผ่านผู้ประกอบการ/ผู้รวบรวมรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร ทั้งฟางข้าว ใบอ้อย และต้นข้าวโพด ให้สามารถรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตรเหล่านี้ในอัตรา 1,000 บาท/ตัน เพื่อมาใช้ประโยชน์ (เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์) และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ (เช่น ภาชนะบรรจุ) เกษตรกรสามารถได้รับการสนับสนุนโดยการขายให้กับผู้รวบรวมรายใดก็ได้

3.) ทุนสร้างตัว 100,000-1,000,000 ล้านบาท สร้างผู้ประกอบการแปรรูปวัสดุการเกษตร
นอกจากการรับประกันราคาฝั่งเกษตรกรแล้ว ผู้ประกอบการที่นำเศษวัสดุทางการเกษตรไปแปรรูป และ/หรือไปใช้ประโยชน์ก็เป็นภาคเศรษฐกิจที่ประเทศไทยต้องส่งเสริมให้เกิดขึ้นเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่จะลดการเผาในระยะยาว

ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลหรือบริหารกระทรวงเกษตรฯ เราจะมีนโยบายจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย+ทุนตั้งตัว 100,000 บาท/ราย เพื่อก่อตั้งธุรกิจ และทุนสร้างตัว 1,000,000 บาท/ราย เพื่อขยายกิจการให้ยั่งยืนในระยะยาว

4.) ฟรี! รับรองมาตรฐาน GAP-GMP-เกษตรอินทรีย์ ส่งสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก
เนื่องจากเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าถึงการเข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าประเภทพืชไร่และข้าว ซึ่งทำให้ไม่สามารถขายสินค้าเกษตรได้ราคาส่งออกต่างประเทศได้ เราจึงมีนโยบาย ‘รับรองมาตรฐาน GAP-GMP-เกษตรอินทรีย์ฟรี! ส่งสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก’

เมื่อเกษตรกรดำเนินการโดยปลอดการเผา และการดำเนินการอื่นๆ ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (หรือ GAP) เกษตรกรจะสามารถขอรับมาตรฐาน GAP และ/หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ได้ฟรี! โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นเวลา 2 ปี

5.) เลิกงบไฟป่าไม่โปร่งใส ให้งบตรงไปที่ท้องถิ่นและประชาชน
สุดท้าย การลบจุดแดง PM2.5 อย่างยั่งยืน เราต้องแก้ปัญหาไฟป่า ถามว่าทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาไฟป่าได้อย่างยั่งยืนกันแน่?

‘พิธา’ กร้าว!! ปลดล็อก ‘สวัสดิการผู้สูงอายุ’ ชี้!! เคาะแล้วตกมื้อนึงได้ไข่ต้มแค่ฟองเดียว

‘พิธา’ ควงผู้สมัครปักธงชัย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ชูนโยบาย 4 ป. ปลดล็อกสวัสดิการ-ที่ดิน-หนี้สิน-ท้องถิ่น แก้ปัญหาประชาชน ก่อนขนทัพใหญ่เปิดเวทีปราศรัย ‘ก้าวไกล’ กลางเมืองพิษณุโลกเย็นนี้ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบ 5 เขต

(1 เม.ย.66) แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดพิษณุโลก ทั้ง 5 เขต ก่อนที่จะร่วมเปิดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้

ในส่วนของนายพิธา ได้ร่วมกิจกรรมเดินหาเสียงพบปะประชาชนในเขตชุมชน ที่ อ.นครไทย ร่วมกับนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 ตามด้วยการเปิดเวทีพูดคุยพบปะประชาชน ที่วัดหนองกะท้าว ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย และที่ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง ร่วมกับ โชคดี สายนำพามีลาภ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 โดยประชาชนส่วนมากประสบปัญหาร่วมกันในเรื่องที่ดินทำกิน

นายพิธากล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานในสภาฯ มาตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ ตนได้เดินทางมา จ.พิษณุโลกบ่อยครั้ง เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาที่ดินหลายกรณีมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่ตนต้องมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอ ‘4 ปลดล็อก’ มาเสนอเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคนที่นี่ รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่เผชิญปัญหาแบบเดียวกัน จากปัญหาระยะสั้นไปถึงปัญหาระยะยาว ให้แก้ปัญหาไปถึงอนาคตของลูกหลานทุกคน

ปลดล็อกที่หนึ่ง คือปลดล็อกสวัสดิการผู้สูงอายุ จากที่ตนได้เห็นงบประมาณของประเทศที่ถูกจัดสรรผ่านมาทั้ง 4 ปี พบว่ามีงบประมาณที่ถูกนำไปใช้อย่างไม่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะงบประมาณของกองทัพ มากมายกว่างบประมาณที่เอามาดูแลประชาชนเสมอ ปัจจุบันสวัสดิการที่ให้กับผู้สูงอายุ เริ่มต้นที่ 100 บาท เฉลี่ยออกมาได้แค่วันละ 20 บาท หรือเป็นค่ากินแค่มื้อละ 7 บาท ได้ไข่ต้มแค่ฟองเดียว ไม่สอดคล้องกับสังคมสูงวัย ของแพงค่าแรงถูกในปัจจุบัน

พรรคก้าวไกล จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนงบกองทัพที่ไม่จำเป็น เอามาทำเป็นงบประมาณ เพิ่มเบี้ยสูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาทต่อเดือน นี่คือรัฐสวัสดิการที่ทำให้ผู้สูงอายุอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี คนหนุ่มสาวกล้าเสี่ยงเดินตามความฝันโดยไม่ต้องกังวลถึงพ่อแก่แม่เฒ่า

ปลดล็อกที่สอง คือการปลดล็อกที่ดิน หลายพื้นที่ เช่น อ.นครไทย แห่งนี้ มีสถานะเป็นเหมือนขนมชั้น คือ ส.ป.ก. ครอบทับกับกรมป่าไม้ ดูแลกันสองหน่วยงาน อำนาจบางส่วนทับซ้อนกัน ทำให้เวลาชาวบ้านไปเดินเรื่องก็ทำอะไรไม่ได้ เกี่ยงกันเป็นเก้าอี้ดนตรี พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบาย เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ทวงคืน ส.ป.ก. จากนายทุนทั่วประเทศ 4 ล้านไร่ หาที่ดินเพิ่มให้ประชาชนอีก 6 ล้านไร่ รวมเป็น 10 ล้านไร่ ซึ่งแม้ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับที่ดิน 320 ล้านไร่ที่ประเทศไทยมีอยู่ แต่อย่างน้อยนี่จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดินในระยะยาว

ปลดล็อกที่สาม คือปลดล็อกหนี้สิน โดยเฉพาะในภาคเกษตร สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าสำหรับใครก็ตามที่เป็นหนี้ ธ.ก.ส. มีอายุเกิน 60 ปี และชำระหนี้เกินครึ่งของเงินต้นไปแล้ว นโยบายคือการปลดหนี้ให้ทันที

‘พิธา’ กร้าว!! กาก้าวไกลได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง 1. ‘ประยุทธ์’ ออก 2. ‘ประวิตร’ ออก 3. ได้คนใหม่ ‘เปลี่ยนประเทศ’

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีปราศรัยใหญ่และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก โดยนายพิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตน และ ส.ส.ปดิพัทธ์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ‘ความเป็นพ่อคน’ พวกเราทำงานการเมือง เพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรคก้าวไกลมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป

นายพิธา กล่าวต่อไปอีกว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือ ประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป

“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่าน ที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาฯ ที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังเสนอว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่น ๆ ในสังคม โดยพรรคก้าวไกล 1.) จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท 2.) จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ 3.) คือการสร้างงาน จากปัจจุบันที่รัฐฯ บังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และ 4.) สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ

นายพิธา ยังเสนออีกว่า ตนและพรรคก้าวไกลต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมา

‘พิธา’ ยืนหนึ่ง!! ลงสมัครแคนดิเดตนายกฯ ก้าวไกล ย้ำ!! นโยบายพรรคชัดเจน - ทำงานคุ้มภาษี ปชช.

‘พิธา’ นำทีม ‘ก้าวไกล’ ยื่นแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียว ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ชูจำเบอร์ ส.ส.เขตก้าวไกล-บัตรบัญชีรายชื่อจำโลโก้พรรค ย้ำเลือกพรรคก้าวไกลชัดเจน ตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน

(4 เม.ย.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 40 คน เดินทางโดยรถเมล์ NGV ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ เพื่อไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง กรุงเทพฯ

พิธากล่าวว่า วันนี้พรรคก้าวไกล ยื่นชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว พร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อจำนวน 92 คน เรามั่นใจว่าทุกคนมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและความท้าทายใหม่ๆ ของประเทศ เป็นมืออาชีพพร้อมเข้าไปบริหาร เป็นคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น ด้านแรงงาน ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้านการเอาจริงกับปัญหาโลกร้อน ความเท่าเทียมทางเพศ สันติภาพชายแดนภาคใต้

ภายใน 100 วันแรก รัฐบาลก้าวไกลจะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ด้วยการจัดประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด ผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าทีพรรคก้าวไกลได้ริเริ่มไว้ เช่น สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า ผลักดันนโยบายหวยใบเสร็จ ปฏิวัติหลักสูตรการศึกษา รวมถึงการใช้ประโยชน์จากกองทุนส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น

ส่วนในช่วงนี้ที่มีโพลสำนักต่าง ๆ ออกมาคาดการณ์จำนวน ส.ส. ที่พรรคก้าวไกลจะได้รับ ตนมีความเชื่อมั่นจากการลงพื้นที่ พรรคก้าวไกลได้รับเสียงตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ บางคนอาจยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนในวงกว้าง แต่เชื่อว่าหากมีโอกาสได้แสดงความคิดความเห็น แสดงวิสัยทัศน์ผ่านเวทีต่าง ๆ ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลทุกคนไม่เป็นรองใครในวงการนั้น ๆ จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้แน่นอน 

“การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ และทุกการเลือกตั้งคือโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วจากการทำงานในสภาฯ ตลอด 4 ปี ว่าเรามีจุดยืนที่ชัดเจน ทำงานตรงไปตรงมา คุ้มค่าเงินภาษีประชาชน พร้อมแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นตอ ครั้งนี้จึงมั่นใจเช่นกันว่าด้วยผู้สมัครที่เป็นคนใหม่และมีความสามารถ หากเราได้รับโอกาสจากประชาชนเป็นเสียงข้างมาก รัฐบาลก้าวไกลจะเปลี่ยนประเทศไทยได้” พิธากล่าว

ส่วนเรื่องหมายเลขพรรค พิธาเปิดเผยว่าไม่ว่าได้รับหมายเลขอะไร พรรคก้าวไกลพร้อมสู้ทุกเลข เชื่อว่าประชาชนจำโลโก้พรรคก้าวไกลได้ ขอให้ประชาชนจดจำเลขผู้สมัครเขตใบบัตรผู้สมัครเขต ส่วนในบัตรบัญชีรายชื่อให้จำโลโก้พรรค

“สิ่งที่ต้องขอย้ำไปถึงประชาชน คือการเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ นอกจากผู้สมัครพรรคเดียวกันแต่ละเขตจะมีเบอร์ไม่เหมือนกันแล้ว ในบัตรเลือกตั้งยังไม่มีชื่อผู้สมัครด้วย จึงขอให้ประชาชนจดจำหมายเลขของผู้สมัครเขต ส่วนบัตรบัญชีรายชื่อที่เลือกพรรคนั้น เลือกเบอร์ที่มีโลโก้พรรคก้าวไกลปรากฏอยู่ เชื่อว่าประชาชนจดจำได้” พิธากล่าว

'พิธา' เสนอนโยบาย '5 ต.' ดันหวยใบเสร็จ-ลดภาษี SMEs โวย!! ศก.ยังไม่ฟื้น เพราะช่วยเหลือคนตัวเล็กไม่เท่าทุนใหญ่

‘พิธา’ ร่วมวงนโยบายเอสเอ็มอี ชี้แม้โควิดผ่านไปแล้วแต่ยังไม่ฟื้น ได้ความช่วยเหลือไม่เท่าทุนใหญ่ รัฐบาลก้าวไกล พร้อมกิโยตินกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เสนอนโยบาย '5ต.' ดันหวยใบเสร็จ-ลดภาษีเอสเอ็มอี

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรยายในงาน Move Forward SME Conference ที่พรรคก้าวไกลจัดขึ้น โดยมีการเชิญตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ด้านต่างๆ มาร่วมพูดคุยกับทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล

พิธา บรรยายปิดท้ายวงพูดคุย ระบุว่าคำถามสำคัญเร่งด่วนสำหรับ SMEs ในขณะนี้ คือสถานการณ์โควิดผ่านไปแล้ว SMEs ไทยฟื้นตัวหรือยัง? วันนี้ทุกคนรู้ดีว่าการเติบโตของ GDP ไทยที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ค่าเฉลี่ยการเติบโตติดลบไป 6.2% แต่เมื่อมองไปในภาพลึก จะพบว่าสำหรับ SMEs การติดลบสูงถึงกว่า 10% สัดส่วนของ SMEs ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ 35% หายไป 1% เต็มๆ คิดเป็นมูลค่ากว่าหลายแสนล้านบาท ที่ผ่านมา SMEs จึงเป็นผู้ที่เจ็บลึกและเจ็บยาว

พิธากล่าวต่อว่า สำหรับ SMEs แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่กำไร แต่คือสภาพคล่อง ที่เป็นดั่งชีพจรสุดท้าย แต่ระหว่างวิกฤติโควิดที่ผ่านมา ปรากฏว่า SMEs กลับเข้าไม่ถึงสภาพคล่อง ไม่สามารถกู้เงินมาเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤติได้ แม้จะมี พ.ร.ก.เงินกู้ฯ ออกมา แต่ก็มาพร้อมเงื่อนไขว่าต้องเป็นลูกค้าธนาคารพาณิชย์มาก่อน สิ่งที่ตามมาก็คือในปี 2565 ไตรมาส 2 ธนาคารมีการปล่อยกู้ให้กลุ่มทุนใหญ่ เป็นสัดส่วนกว่า 10% ขณะที่การปล่อยกู้ให้ SMEs มีสัดส่วนน้อยมาก ดังนั้น สิ่งที่ SMEs ต้องการในตอนนี้ คือการอัดฉีดสภาพคล่องโดยเร็วที่สุด ไม่อาจปล่อยให้ล้มหายได้

พิธากล่าวต่อไป ว่าพรรคก้าวไกลเห็นความสำคัญของ SMEs เสมอมา โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด พรรคลงไปทำงานผ่านกลไกกรรมาธิการการเศรษฐกิจ นำงบประมาณที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา อภิปรายให้เห็นจุดบกพร่องของ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ ที่ไม่ทำให้ SMEs เข้าถึงได้จริงๆ รวมทั้งการผลักดันนโยบายทลายทุนผูกขาด เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างทุนใหญ่และธุรกิจ SMEs ผ่านกฎหมายสุราก้าวหน้า เป็นต้น

ส่วนในระยะต่อไป พรรคก้าวไกลเห็นว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับ SMEs คือกฎหมายและระเบียบที่ล้าหลังหลายพันฉบับ บางฉบับมีมาตั้งแต่ปี 2490 พรรคก้าวไกลยืนยันว่าสามารถกิโยตินทิ้งได้ถึง 50%

‘พิธา’ ลุยพื้นที่สมุทรปราการ อ้อนขอคะแนน ปชช. ชูนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ’ กระตุ้นเศรษฐกิจรายย่อย

(7 เม.ย.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย วรรณวิภา ไม้สน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเพื่อช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส. สมุทรปราการ พรรคก้าวไกลในหลายเขตพื้นที่ โดยตลอดการหาเสียง มีพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับและร่วมพูดคุยอย่างคึกคัก ก่อนที่ในช่วงเย็น พรรคก้าวไกลจะจัดเวทีปราศรัยย่อย เพื่อแนะนำนโยบายพรรคและผู้สมัคร ส.ส. ณ ตลาดครุในไนซ์มาร์เก็ต อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

สำหรับช่วงเช้า เริ่มต้นที่ตลาดสุขอนันต์คลองด่าน พิธา และ ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 8 พรรคก้าวไกล เดินตลาดเพื่อทักทายประชาชนในพื้นที่ ระหว่างหาเสียง มีประชาชนเข้ามาพูดคุยและร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก จากนั้นหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ในหลายเขตพื้นที่ ได้ขึ้นรถแห่รอบตลาดตำหรุ พื้นที่เขตบางปู ร่วมกับ รัชนก สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคก้าวไกล เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมฟังปราศรัยย่อยในช่วงค่ำ ระหว่างเดินทักทายประชาชน ได้รับเสียงตอบรับจากพ่อค้าแม่ขายและคนในพื้นที่เป็นอย่างดี

ด้านวรรณวิภา ในฐานะอดีตแรงงานที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมปราศรัยขอคะแนนพี่น้องประชาชน ให้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้ง กาก้าวไกลเพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้คนใหม่ได้เข้าไปทำงานในสภาฯ ให้พิธาเป็นนายกฯ

‘พิธา’ วอนชาวตราด เลือก ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1 ย้ำชัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญข้าราชการแน่นอน

‘พิธา’ ลุยหาเสียงภาคตะวันออก ขอโอกาสชาวตราด กาก้าวไกลไปเปลี่ยนประเทศ ส่ง ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดตราด ช่วยหาเสียงให้ นายศักดินัย นุ่มหนู ผู้สมัคร ส.ส.ตราด เขต 1 พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 โดยขึ้นรถแห่ทั่วเมืองตราด ขอโอกาสให้ชาวตราดเลือกศักดินัยกลับเข้าสภาฯ อีกครั้ง โดยนายพิธากล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา นายศักดินัยแสดงให้เห็นว่าเป็น ส.ส. ที่ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ‘ซื่อสัตย์ ชัดเจน และโคตรขยัน’ ได้ร่วมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.ประมง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำประมงพื้นบ้าน ทำให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศต้องประสบปัญหาในการออกทะเล หรือหลายคนต้องยุติอาชีพประมงไป

“วันนี้มาที่ตราด เพื่อช่วยรักษาแชมป์ ขอโอกาสให้ ส.ส.คนเดิมคนเก่งเข้าสภาฯ ต้องกาศักดินัย นุ่มหนู กาพรรคก้าวไกล” นายพิธา กล่าว

โดยในช่วงเช้าของวัน นายพิธา พร้อมด้วยนายศักดินัย เริ่มเดินหาเสียงบริเวณตลาดเช้าซอยไร่รั้ง อำเภอเมืองตราด ตลอดเส้นทางมีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.ตราด ได้ขึ้นรถแห่รอบอำเภอเมืองตราด ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ซึ่งมีจุดเด่นคือความเป็นพหุวัฒนธรรมของพี่น้องไทย จีน และมุสลิม ผนวกกับเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนายพิธาได้แสดงวิสัยทัศน์ในการยกระดับและพัฒนาจังหวัดตราดว่า จังหวัดตราดมี 4 เสาหลักค้ำยันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว, ประมง, ผลไม้ และการค้าชายแดน แต่ที่ผ่านมารายได้กว่า 10 ปีของชาวตราดกลับไม่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อการเปลี่ยนแปลง ตนมีข้อเสนอ 4 แนวทาง ประการที่หนึ่ง ต้องเปลี่ยนแนวทางการเกษตรไทย ให้เป็นเกษตรเพิ่มมูลค่า ยกระดับชาวสวนผลไม้ในจังหวัด ประการที่สอง แก้ไขกฎหมายประมง กระจายอำนาจการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น ให้ประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ ประการที่สาม ต้องมีการปลดล็อก SMEs ด้านการท่องเที่ยว ประการที่สี่ เสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรม ให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ปัญหาการขอใบอนุญาตที่เป็นคอขวด

‘พิธา’ หาเสียงเมืองจันท์ ชวนกาหน้าใหม่เข้าสภาฯ ลั่น!! เมืองหลวงผลไม้จันทบุรี จะมีอนาคตที่สดใส

‘พิธา’ หาเสียงเมืองจันท์ ให้ความเชื่อมั่น ‘ก้าวไกล’ คัดผู้สมัครอย่างดี ขอโอกาสให้คนใหม่เข้าสภาฯ ไปเปลี่ยนประเทศ โหวตผ่านสุราก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต1 และ 2 ของพรรคก้าวไกล สำหรับจุดแรก นายพิธาเดินทางถึงตลาดเจริญสุข พร้อมกับ นายวรายุทธ ทองสุข ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 1 (เบอร์ 4) เดินหาเสียงแนะนำตัวและขอคะแนนจากพี่น้องประชาชน โดยนายพิธากล่าวอย่างชัดเจนว่า มาครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน ว่าพรรคก้าวไกลได้คัดสรรผู้สมัครเป็นอย่างดี ขอโอกาสให้นายวรายุทธได้เป็นคนใหม่เข้าไปในสภาฯ เป็นปากเสียงของคนจันทบุรี เป็นอีกหนึ่งเสียงในสภาฯ ที่จะโหวตให้กฎหมายที่ก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล

จากนั้น นายพิธา เดินทางต่อไปที่ตลาดห้วยสะท้อน เพื่อช่วยหาเสียงให้นายปรัชญาวรรณ ไชยสืบ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 2 (เบอร์ 3) พร้อมกล่าวว่า ตลอด 4 ปี พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ให้ชาวจันทบุรีเห็นแล้วว่า ส.ส. ทุกคนทำงานอย่างคุ้มค่า คุ้มภาษีของประชาชน แม้หลายคนชอบบทบาทของพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้าน แต่ตนต้องบอกว่ายิ่งก้าวไกลทำงานดี ยิ่งต้องให้โอกาสส.ส. ของพรรคเข้าสภาฯ ไปเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ ให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เปลี่ยนประเทศไทยให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

‘พิธา’ ขอบคุณ ปชช.เทคะแนนโหวต หนุนเป็นนายกฯ คนต่อไป สะท้อนคนไทยเบื่อการเมืองแบบเดิม พร้อมลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประชาชนโหวตให้เป็นอันดับ 1 คนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 จากผลโพลของสำนักข่าวมติชนที่ร่วมกับสำนักข่าวเดลินิวส์ ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 84,076 ราย กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ และเป็นการโหวตแบบไม่ซ้ำไอพีแอดเดรส (IP Address) ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

นายพิธา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ คะแนนจากโพลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสัมผัสได้ในทุกจังหวัดที่เดินทางไป และสอดคล้องกับตัวเลขในทางออนไลน์ ที่ประชาชนแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยิ่งกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอยากเห็นตนเป็นนายกฯ อยากได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกลมาทำงานรับใช้ประชาชน และในภาพใหญ่ คืออยากให้คนบริหารประเทศเป็นคนแบบก้าวไกล

เสียงสนับสนุนที่เราได้รับ สะท้อนให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์การทำงานให้ประชาชนเห็นแล้วว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำงานได้โดดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่เคยมีมาอย่างไร จนได้รับคำชมว่า ก้าวไกลทำงานตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่า และมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

“สิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงสนับสนุนที่ก้าวไกลได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบเดิม ๆ อีกแล้ว เพราะนักการเมืองแบบเดิม ๆ วิธีคิดและวิธีการทำงานการเมืองแบบเดิม ไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมไทยยุคใหม่ได้ ประชาชนจึงต้องการพรรคก้าวไกลมาทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่ได้” นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกลทิ้งท้ายว่า ในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พวกเราพรรคก้าวไกลต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ทั้งเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทั้งสื่อสารทางออนไลน์และผ่านสื่อมวลชน ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อเข้าหาพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดโฉมหน้าของรัฐบาลชุดต่อไป ว่าจะน่าไว้วางใจแค่ไหน และจะมีพรรคทหารจำแลงร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top