Monday, 6 May 2024
พิธาลิ้มเจริญรัตน์

'พิธา' นำทัพก้าวไกล เปิดฉากปราศรัยใหญ่ จ.สระแก้ว ชูนโยบาย กระจายที่ดินทำกิน- เปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก เป็นโฉนด

(18 ก.พ.66) ที่ ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส. ประกอบด้วย อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, คำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดเวทีปราศรัยแรกในการลงพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมีประชาชนให้การต้อนรับและรอฟังการปราศรัยอย่างคับคั่งร่วมพันคน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสหพันธ์ที่ดินสระแก้ว ที่เกินกว่าครึ่งเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล สะท้อนว่าประชาชนจำนวนมากในพื้นที่มีปัญหาร่วมกันคือปัญหาที่ดินทำกินและต้องการเห็นนโยบายปฏิรูปที่ดินของพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริง

พิธา กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า รู้สึกปลื้มใจที่ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่พี่น้องชาวสระแก้วอย่างอบอุ่น การลงพื้นที่ภาคตะวันออก นอกจากเป็นการเยือนถิ่นที่หลายคนมองว่ามี 'บ้านใหญ่' เพื่อเสนอตัวให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นทางเลือกที่ดีของประชาชน เรายังตั้งใจมานำเสนอนโยบายของพรรคที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะนโยบายปฏิรูปที่ดิน ที่ทราบว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน ที่ผ่านมาที่ดินในประเทศไทยตกอยู่ในมือของนายทุน ขุนศึก ศักดินา มานานเกินไป เฉพาะกองทัพบกมีที่ดินเกือบ 5 ล้านไร่ อยู่ที่สระแก้ว 1.5 แสนไร่ พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องกระจายที่ดินที่มีความกระจุกตัวแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินของกองทัพ หรือ ที่ดิน ส.ป.ก. ให้กลายเป็นโฉนดเพื่อเป็นที่ดินทำกินของประชาชน

“พิธาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 วันนี้เชื่อว่ากระแสลมทางการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว นอกจากกระแสของบ้านใหญ่ที่พัดในภาคตะวันออก ก็มีกระแสของ ‘บ้านใหม่กว่า’ ที่พร้อมปักธงทั่วทั้งภาคตะวันออกเช่นกัน” พิธากล่าว

พิธา นำทัพ 'ก้าวไกล' ลุยบางแสน เปิดแผงหวยนโยบาย ย้ำ!! ขอเป็น 'บ้านใหม่' อีกตัวเลือกให้ชาวชลบุรี

(19 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พาชาวก้าวไกลลุยทะเลบางแสน พร้อมทัพส.ส.ก้าวไกล นำโดยอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, เบญจา แสงจันทร์, คำพอง เทพาคำ, และวิโรจน์ ลักขณาดิศร อดีตส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทักทายพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้เวลาหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ บริเวณชายหาดบางแสน อำเภอแสนสุข จังหวัดชลบุรี โดยระหว่างการเดินพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีพ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับและขอถ่ายภาพจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่ผ่านไปมาสังเกตเห็นแผงหวยนโยบายที่พรรคก้าวไกลนำไปด้วย จึงเข้ามาขอชมและเลือกหวยนโยบายกลับบ้านไปด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลตั้งใจนำเอาแผงหวยนโยบายนำไปเปิดให้ประชาชนหยิบจับและเลือกนโยบายที่ตนให้ความสนใจในการเยี่ยมทักทายประชาชนวันนี้

ตัวอย่างนโยบายในแผงหวย เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-ผู้พิการ เดือนละ 3,000 บาท ข้อดีของสวัสดิการนี้ คือไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความจน งานสวัสดิการจะโอนตรงเข้าบัญชีผู้รับและมีการตั้งกองทุนดูแลผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย และนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ’ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่มีผู้ค้ารายย่อยจำนวนมากให้บริการขายสินค้าอยู่บริเวณริมหาด หวยใบเสร็จเป็นนโยบายการซื้อสินค้าร้านค้ารายย่อยครบ 500 บาท ต่อหนึ่งใบเสร็จ ผู้ซื้อสินค้ารับฟรีหวย 1 ใบเพื่อไว้ชิงโชค เป็นโชค 2 ชั้น ได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้า ซึ่งนโยบายหวยใบเสร็จเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และเป็นการกระจายโอกาสไปยังธุรกิจฐานรากอีกด้วย

ผู้ร่วมก่อตั้งอนาคตใหม่ เผย ‘ปิยบุตร’ ที่รู้จัก เลย ‘มือพาย’ ไปไกล แค่หวั่นใจทิศทางวันนี้

(22 ก.พ. 66) นายภูวกร ศรีเนียน หรือ 'จ.เจตน์' หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพะเยา โพสต์เฟซบุ๊ก Phuvakorn Srinean แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ 'อ.ปิยบุตร ที่ผมรู้จัก' มีเนื้อหาดังนี้...

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงปี 53 หลัง ทหารสลายการชุมนุมเสื้อแดง
กระแสสังคม คนกรุง ที่มีความรู้ ทันสมัย ส่วนใหญ่
เหยียบย่ำ ซ้ำเติม ผู้ชุมนุม

มีกลุ่มอาจารย์จำนวนหนึ่ง ออกมายืนยันความถูกต้อง ออกมายืนยันสิ่งที่ควรจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

หนึ่งในนั้น มีอาจารย์กฏหมาย ชื่อ ปิยบุตร
นี่คือครั้งแรกในชีวิต ที่ผมรู้จักเค้า 

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อน น้ำท่วม ปี 54  กลุ่มอาจารย์เหล่านั้น
ใช้ชื่อ ว่า นิติราษฏร์ ออกมา พูดดัง ๆ ในสังคม

ล้างพิษรัฐประหาร 49 จนเป็นความหวังของคนในสังคม ที่แสวงหาหลักการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง

เป็นการจุดคบเพลิงความคิดที่มีพลัง
แน่นอน หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
กฏหมาย มาตรา 112 เริ่มถูกพูดถึง ในยุคที่วัยรุ่น
ยังไม่ตื่นตัวทางการเมือง

ความเสี่ยงต่าง ๆ ในการอธิบายเรื่องนี้ต่อสังคม 
แน่นอน มีน้อยคนที่จะกล้าหาญ
หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อตั้งอนาคตใหม่ ต้นปี 61 หลายคนต้องตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง  
ในวันที่ไม่มีใครรู้ว่า การตั้งพรรคการเมืองแนวใหม่ จะประสบผลอย่างไร

‘พิธา’ ยัน!! เคลียร์ใจ ‘ปิยบุตร’ ทำงานร่วมกันได้ ปัด!! กุเรื่องแกล้งเกาเหลา สร้างกระแสก่อนเลือกตั้ง

(23 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุการเกิดวิวาทะกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าว่า สั้นๆ คือการถอยเพื่อที่จะก้าวกระโดด และมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่เมื่อได้ปรับความเข้าใจกันแล้วก็สามารถทำให้ทำงานร่วมกันต่อไปได้ มั่นใจว่าเวลาที่เหลือสามารถสู้ศึกการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ และหวังว่าเราสามารถทำงานไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้ แน่นอนว่าในเรื่องของการเมืองย่อมมีอะไรที่มองไม่ตรงกันบ้าง แต่ในที่สุดเราก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้

เมื่อถามว่า ข้อความที่นายปิยบุตรโพสต์ถึงนายพิธา ค่อนข้างที่จะรุนแรง ได้มีการชี้แจงให้นายปิยบุตรฟังว่าอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิด ที่เมื่อได้พูดคุยกันแล้วเขาก็เข้าใจ สิ่งที่ตนโพสต์นายปิยบุตรก็เข้าใจ ตอนนี้ได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรที่ค้างคาใจกัน และย้ำว่าสามารถที่จะทำงานต่อไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า เรื่องสำคัญเป็นเรื่องความคาดหวังของนายปิยบุตรที่อาจจะไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่พรรค ก.ก. เป็นอยู่ตอนนี้ถ้าเทียบกับสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนายปิยบุตรอย่างเดียว เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไป คณะกรรมการบริหารพรรคก็ถูกตัดสิทธิ์ไป จึงทำให้ไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากเน้นได้ และกฎหมายก็ห้ามไม่ให้มีการเข้ามาครอบงำพรรค ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นแม้จะไม่มีความเข้าใจกันบ้าง แต่เราก็ได้ปรับความเข้าใจกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีผลกระทบกับสนามเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า เป็นการถอยที่ทำให้เราก้าวกระโดดต่อไป ทั้งทีมงานพรรคที่ได้เห็นตนและนายปิยบุตร ปรับความเข้าใจกันแล้ว ความฮึกเหิมเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) ก็เทียบเท่ากับว่าสปิริตของพรรคอนาคตใหม่กลับคืนมา ฉะนั้น แม้อาจจะมีกรณีที่เหมือนจะมีการขัดขากันบ้าง แต่ยืนยันว่าเราไม่มีการขัดขากัน แต่เป็นการถอยหลังกันคนละก้าว และเวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้ยันทันที่จะเรียกความเชื่อมั่นใจกลับคืนมา ขอบคุณทุกท่านที่เป็นตัวเชื่อมให้ความเป็นปึกแผ่นของพรรค ก.ก. กลับคืนมา และทำให้เราสองคนได้พูดคุยกัน ซึ่งตัวเชื่อมที่สำคัญคือประชาชน และสมาชิกพรรคที่บอกว่าไม่อยากเห็นความขัดแย้งนี้ ปรับความเข้าใจกันเถอะ มั่นใจว่าเขาก็คงบอกนายปิยบุตรเช่นกัน ฉะนั้น ต้องขอขอบคุณทุกคน

เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนนี้จะเป็นพลังในการสู้ศึกเลือกตั้งได้อย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวเพียงสั้นๆว่า “จากสิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่าตอนนี้สปิริตของพรรคอนาคตใหม่กลับคืนมาครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สะสมเมื่อปะทุออกมา และได้ทำความเข้าใจกัน ได้นึกถึงว่าเรามาเป็นนักการเมือง และตั้งพรรคขึ้นมาทำไม ก็ทำให้เรากลับมามีพลังมากขึ้น และเราจะใช้พลังนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งให้ได้”

เมื่อถามต่อว่า ท้อหรือไม่เพราะคนใกล้ชิดมองตัวนายพิธาในด้านลบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีเหนื่อย ไม่มีท้อ เราตั้งใจที่จะไปสู่เป้าหมายเดียวกันให้ได้ และเราก็ลงพื้นที่อย่างหนัก รวมถึงได้การตอบรับจากการลงพื้นที่อย่างดี ซึ่งหากเราทำงานอย่างมีสมาธิที่สุด ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็จะเป็นประโยชน์ที่สุดกับการทำงานพรรค ทั้งนี้ สิ่งที่แตกต่างไปจากอดีตคือการทำงานที่เข้มข้นขึ้น ก้าวไกลได้มากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น แม้จะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันอีกในอนาคต เราก็จะได้พูดคุยกันอย่างฉันท์มิตร โดยที่ไม่ต้องผ่านสื่อหรือโซเชียลมีเดีย และนายปิยบุตรไม่ได้มาครอบงำตน แต่เมื่อมีความไม่เข้าใจตรงกัน ก็จะพูดคุยกันในฐานะเพื่อนร่วมงานเก่า

เมื่อถามถึงประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกันคือประเด็นอะไร นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มารวมกัน เช่นการลงพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น

เมื่อถามว่า ความขัดแย้งครั้งนี้เป็นการเรียกเรตติ้งให้พรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ พรรคเรามีวุฒิภาวะพอ ในการที่จะหาเสียง ในการทำงาน บางครั้งเมื่อมีความไม่เข้าใจกัน และโอกาสในการที่จะปรับความเข้าใจกันน้อย มีการสื่อสารไปทางโซเชียล ตรงนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ยืนยันกับพี่น้องประชาชน ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็จะมีสมาธิในการทำงานการเมืองต่อไป ไม่มีปัญหาอะไร ”

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะได้เห็นนายปิยบุตรและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คงต้องดู เพราะตามกฎหมายสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ แต่ที่แน่ ๆ ทั้งสองพร้อมสนับสนุนพรรค ก.ก. ตามที่กฎหมายกำหนดได้ ถามต่อว่า หากเป็นเช่นนี้จะหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาว่าครอบงำพรรคได้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เราสามารถแจ้งชื่อกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เหมือนตอนที่เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่นายธนาธร ขึ้นเวทีปราศรัยให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.

เมื่อถามว่า บทบาทและอิทธิพลของแกนนำพรรคอนาคตใหม่และพรรคก.ก. มีมากแค่ไหน นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอุดมการณ์และแนวคิด ที่แบ่งปันกันมาตั้งแต่ร่วมตั้งอนาคตใหม่ แต่เรื่องของการบริหารและการคัดเลือกผู้สมัครส.ส. เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ เรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราเจอมาตลอด 3 ปี และการเป็นบุคคลสาธารณะคงจะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ไม่ได้

ขณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในกรณีเดียวกันว่า เกิดจากความไม่เข้าใจกัน และความเห็นที่แตกต่างกันในการทำงานหลายเรื่อง เพราะหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบนายปิยบุตร ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมขับเคลื่อนพรรคก้าวไกล ไม่ได้ทำงานในสภา เกิดระยะห่าง ทำให้ความเห็นไม่ตรงกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดความไม่เข้าใจกัน และความขัดแย้งตามมา แต่มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะทั้งคู่ก็จะได้เรียนรู้และเติบโตกับสถานการณ์ ซึ่งทั้งคู่ก็มีวุฒิภาวะเพียงพอ ที่จะปรับความเข้าใจกันและถอยกันคนละก้าว และการได้มานั่งคุยกัน และเห็นผลประโยชน์ของพรรคมากกว่าอัตรา ก็จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ทำให้ผู้สนับสนุน คนที่เชียร์พรรค ซึ่งเราก็ดีใจที่ทั้ง 2 ท่านซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีความสำคัญต่อการผลักดันประชาธิปไตยในประเทศนี้ กลับมาจากมือทำงานร่วมกันเดินหน้าก้าวไปอย่างมีพลัง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ นายปิยบุตร จะเดินทางไปพบภรรยาที่ต่างประเทศ ถึงไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคก้าวไกลทันหรือไม่

เมื่อถามถึงความไม่เข้าใจกันระหว่างทั้ง 2 คนเป็นเรื่องอะไร นายธนาธร กล่าวว่า ขอให้ไปสอบถามนายปิยบุตรและนายพิธาเอง ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของมิติการทำงาน ความคิดความอ่านของสถานการณ์​บ้านเมืองที่ไม่เข้าใจกัน

เมื่อถามว่าที่ทั้ง 2 คนดีกันได้เพราะ นายธนาธร เข้าไปเคลียร์ใจ นายธนาธรยิ้มและยักคิ้ว พร้อมกล่าวว่า ไม่ใช่ ตนไปร้องเพลง

‘พิธา’ ตั้งโพเดียมกลางน้ำ เปิดนโยบายสิ่งแวดล้อม ลั่น!! เอาจริง แก้ปัญหาโลกร้อน ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ

(24 ก.พ. 66) ที่ชุมชนปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงเปิดนโยบาย 'สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า' ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 7 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย

การเปิดนโยบายครั้งนี้ มีจุดเด่นคือ การตั้งโพเดียมกลางน้ำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีการต่างประเทศ ของประเทศตูวาลู ในช่วงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) โดยพิธากล่าวว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากกว่าที่คิด และส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชน เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงและถี่ขึ้น

จากตัวอย่างพื้นที่ปทุมธานี ที่เป็นสถานที่แถลงนโยบาย คนในชุมชนนี้บอกว่าในอดีตน้ำท่วม 2-3 เดือนต่อปี แต่ปัจจุบันน้ำท่วม 5-6 เดือนต่อปี หรือเมื่อ พ.ศ. 2549 พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมี 10 ล้านไร่ ตอนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเป็น 27 ล้านไร่ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของธนาคารโลกที่ระบุว่าปี 2011-2045 (พ.ศ. 2554-2588) โลกร้อนจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรไทยราว 3 ล้านล้านบาท ผลิตพืชต่าง ๆ ได้น้อยลง เช่น ข้าวน้อยลง 13% มันลดลง 21% อ้อยลดลง 35%

หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุว่า รัฐบาลอาจบอกว่าเราสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสหประชาชาติ แต่ตัวเลขเหล่านั้น เราเก็บเอง เขียนรายงานเอง ต่างจากการประเมินโดยองค์กรระหว่างประเทศ ที่บอกว่าการรับมือในเรื่องนี้ของไทยอยู่ในระดับ ’ไม่เพียงพอขั้นวิกฤติ’ (Critically Insufficient) และหากทำตามนโยบายปัจจุบันของรัฐบาลต่อไป จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศา ในขณะที่ความพยายามของทั้งโลก ต้องการให้ต่ำกว่า 2 องศา

“ปัญหาโลกร้อนเป็นภัยความมั่นคงของยุคปัจจุบัน นี่คือศัตรูตัวจริงของรัฐบาล ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารแบบเดิมอีกต่อไป ดังนั้น พรรคก้าวไกลต้องการประกาศศึกกับภาวะโลกร้อน โดยมีนโยบายที่ชัดเจน ทั้งในเชิง ‘รับ’ เพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และในเชิง ‘รุก’ ที่รุกไปที่ต้นตอของปัญหา เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้จริง ควบคู่กับสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม” พิธากล่าว

สำหรับชุดนโยบาย ’สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า’ ของพรรคก้าวไกล ต้องการเอาจริงกับปัญหาโลกร้อน ผ่านนโยบายเชิงรุกและเชิงรับ ต่อไปนี้

(A) เชิงรุก : เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)

ด้านการผลิตไฟฟ้า = เปิดตลาดเสรี ส่งเสริมไฟฟ้าสะอาดพลังงาน :
1.) หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ครัวเรือน
2.) ปลดล็อกระเบียบ สร้างตลาดซื้อ-ขายไฟฟ้าเสรีของประชาชน
3.) ประกันราคา ไฟฟ้าพลังงานสะอาด สำหรับครัวเรือน
4.) ปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด ภายใน 2035 (พ.ศ.2578)

ด้านการเกษตร = ป้องกันการเผา เปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกเป็นรายได้ :
5.) กำจัดการเผาภายใน 3 ปี งบปรับตัวตำบลละ 3 ล้านบาท 1,000 ตำบล
6.) เปลี่ยนการเผาเป็นเงินในกระเป๋าเกษตรกร งบอุดหนุนปลูกข้าว ’เปียกสลับแห้ง’ แทนการเผา สร้างอุตสาหกรรมแปรรูปฟางข้าว-ซังข้าวโพดแทนการเผา
7.) 1 ฟาร์มปศุสัตว์ 1 บ่อหมักก๊าซชีวภาพ (เป็นอย่างน้อย) เปลี่ยนมีเทนเหลือทิ้งให้เป็นพลังงาน

ด้านอุตสาหกรรม = จำกัดการปล่อยมลพิษอุตสาหกรรม :
8.) กำหนดเพดานและเปิดตลาด (Cap & Trade) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม เปิดตลาดค้าขายแลกเปลี่ยนโควตา
9.) PRTR – กฎหมายเปิดข้อมูล บังคับให้ทุกโรงงานเปิดข้อมูล สารพิษอันตรายและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ด้านการขนส่ง = ปรับปรุงการขนส่งให้สะอาดที่สุด :
10.) รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ภายใน 7 ปี
11.) วันขนส่งฟรี รณรงค์ลดใช้รถยนต์ส่วนตัว
12.) เปลี่ยนรถไฟดีเซลเก่าเป็นไฟฟ้า
13.) ตรวจสภาพรถยนต์ฟรี! ปีละครั้ง
14.) ควบคุมปริมาณรถบรรทุกในเขตเมือง

‘พิธา’ ควง ‘ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ’ เยือนอีสาน 3-4 มี.ค. ชู ‘อนาคตใหม่ก้าวไกล เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’

(1 มี.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล เผย วันที่ 3-4 มีนาคมนี้ พรรคก้าวไกลยกทัพบุกพื้นที่อีสาน 2 จังหวัด คือ ขอนแก่น และร้อยเอ็ด นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และมีไฮไลต์สำคัญ คือ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติ เปิดตัว 3 ขุนพลแกนนำอนาคตใหม่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงพร้อมเดินสายทั่วประเทศสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ โดยประเดิมที่แรก เวทีปราศรัยจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่บรรยากาศโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

'พิธา' อ้อน!! ปชช. เลือกก้าวไกล ปิดสวิตช์ 3ป มั่นใจ!! ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(4 มี.ค. 66) ‘พิธา’ ปราศรัยขอนแก่น ขอประชาชนเลือกก้าวไกลยกจังหวัด ชี้ การรวมตัวอนาคตใหม่-ก้าวไกล สะท้อนการเมืองคือความเป็นไปได้ ชูนโยบายปากท้อง ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’ เปลี่ยนแรงงานภาคอีสานเป็นเถ้าแก่ ยันรอบนี้ไม่มีงูเห่าแน่นอน

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยบนเวทีหาเสียง ท่ามกลางประชาชนที่รอฟังอย่างคึกคัก ความตอนหนึ่งว่า การที่เราทุกคนมารวมตัวกันวันนี้ พิสูจน์แล้วว่าการเมืองคือ เรื่องของความเป็นไปได้

4 ปีก่อน หลายคนตั้งคำถามว่าการทำการเมืองแบบอนาคตใหม่ ที่ไม่มีหัวคะแนน ที่คนธรรมดามาลง ส.ส. จะทำให้เราได้ ส.ส.สักกี่คน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น หรือการทำงานในสภาฯ ทั้งอภิปรายกระดุม 5 เม็ด หรือเรื่องตั๋วช้าง ที่ได้รับการยอมรับ พวกเราทำได้ เราพิสูจน์ว่าเขาพูดผิด ในการเลือกตั้ง 2562 ที่ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ได้เกือบ 200,000 คะแนน เขต 1 ขอนแก่น ได้คะแนนมากกว่า 40% เจาะไข่แดงได้สำเร็จ

“เขากระทืบเราให้จมดิน แต่ไม่รู้เลยว่าเราคือเมล็ดพันธุ์ ยิ่งเหยียบยิ่งโต เขาเด็ดดอกไม้ได้ แต่หยุดฤดูใบไม้ผลิไม่ได้” นายพิธากล่าว

นายพิธากล่าวต่อว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้ หลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะมาช่วยพรรคก้าวไกลหาเสียง แต่พวกเราคือมิตรแท้ ผูกเสี่ยวกันไว้หมดแล้ว วันนี้เหลืออีกเพียงประมาณ 60 วันก่อนเลือกตั้ง อยากชวนให้ประชาชนเปลี่ยน 3ป เป็น 3P 'พิธา-ปิยบุตร-พรรณิการ์' เลือกตั้งทั้งที อย่าแค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ กาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

ไม่เหมือนเดิม คือ การเมืองดี เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ส่งลุงกลับบ้านเลี้ยงหลาน ปิดสวิตช์ 3ป ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 100 วันแรกทันที

ปากท้องดี คือ เปลี่ยนให้ขอนแก่นไม่เหมือนเดิม ตลอดเวลาที่ผ่านมาวิสัยทัศน์ของตนสำหรับภาคอีสานไม่เคยเปลี่ยน และนับวันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ สรุปเป็น 3 คำนี้ คือ ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’

‘ตัดตอน’ คือ ตัดตอนทุนผูกขาด เราต้องเปลี่ยนแรงงานเป็นผู้ประกอบการ เป็นเถ้าแก่อีสานให้ได้ นโยบายก้าวไกล ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาท ผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า สร้างงานซ่อมประเทศไปด้วยกัน

‘แต้มต่อ’ คือ หวย SME ให้แต้มต่อแก่ร้านรายย่อย เปลี่ยนใบเสร็จเป็นหวย ใครช่วยซื้อสินค้าจากรายย่อย ลุ้นได้เงินล้าน

‘ตั้งตัว’ คือกองทุนตั้งตัว ให้เงินทุน SME ตั้งตัวรายละ 1 แสนบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน 2 แสนรายต่อปี

มีอนาคต คือ คนขอนแก่นต้องกำหนดอนาคตตัวเองได้ ซึ่งจะมีอนาคตได้ ต้องกระจายอำนาจ ปลดล็อกท้องถิ่น

‘พิธา’ ยันคำเดิม ไม่ร่วมส่วนผสมกับพรรคทหารจำแลง ครม.ไหนมี ‘ตู่-ป้อม’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

‘พิธา’ ควง ‘ปิยบุตร’ ขึ้นซาเล้งแห่หาเสียง ดัน ‘ทนายป๊อก’ ย้ำแชมป์ขอนแก่นเขต 1 ไม่หวั่นแบ่งเขตเปลี่ยนไปมา มั่นใจรอบนี้คนแห่เลือกตั้งเพื่ออนาคตมากขึ้น ยืนยันคำเดิม ครม. ไหนมี ‘ประวิตร-ประยุทธ์’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

(4 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแห่หาเสียง โดยใช้ขบวนรถสามล้อและมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแห่ไปรอบตัวเมืองขอนแก่น ทักทายประชาชน แนะนำตัวผู้สมัครและนโยบายของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง โดยกิจกรรมตลอดช่วงเช้านี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวขอนแก่นตลอดสองข้างทางเป็นอย่างดี

ก่อนเริ่มขบวนแห่ ทั้งสามคนร่วมให้สัมภาษณ์และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ซึ่งถามถึงความมั่นใจของพรรคก้าวไกลต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยปิยบุตร ระบุว่าจากการติดตามผลสำรวจคะแนนนิยมอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลยังคงอยู่ เมื่อ 4 ปีที่แล้วทุกคนก็ปรามาสพรรคอนาคตใหม่ว่าจะไม่ได้คะแนนนิยม แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถึง 88 ที่นั่ง รวมทั้งที่ขอนแก่นเขต 1 ด้วย มาครั้งนี้ก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะยังคงเก็บชัยชนะได้

ด้านนายพิธา ระบุว่าในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลตั้งเป้าหมายว่าจะต้องได้จำนวน ส.ส.เขตมากขึ้น ให้มี ส.ส.เขตในทุกภาค และต้องมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงจะต้องได้คะแนนนิยมรวม หรือพอปพิวลาร์โหวตมากขึ้นด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นไปได้ แม้วิธีการคำนวณคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้อาจต่างกัน แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในปัจจัยที่เราควบคุมได้ เรามีแผนการหาเสียงยาวไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งแล้ว ทั้งการเปิดตัวนโยบาย ลงพื้นที่ เปิดตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อ

แต่หากจะมีสิ่งใดที่ยังเป็นข้อกังวลอยู่บ้าง ก็คงจะมีการเขียนเขตที่ไม่แน่นอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการไม่มีระบบรายงานผลแบบเรียลไทม์ การใช้เวลาราชการและการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาเสียงโดยฝ่ายรัฐบาล แต่เราก็จะทำในสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องไปยัง กกต. ให้จัดการการเลือกตั้งอย่างมีระบบ มีความชัดเจน มีบรรทัดฐานที่ต่อเนื่อง และไม่สร้างความสับสนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

นายพิธายังกล่าวต่อไปว่า สำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนและพรรคก้าวไกลคาดแล้วว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้มีการวางแผนให้ผู้สมัครเดินหาเสียงไปพร้อมกัน 2-3 ทีมในเขตใกล้เคียงกันหลายที่ ให้ประชาชนได้เห็นตัวผู้สมัครครบทุกคน ทำงานเป็นทีมและส่งพลังให้แก่กันด้วย

ทั้งนี้ การแบ่งเขตแบบที่นับรวมฐานประชากรแต่เฉพาะคนสัญชาติไทย อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเขตไปอย่างมีนัยยะสำคัญในจังหวัดอย่างเชียงใหม่และเชียงราย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ในทุกรูปแบบ และเชื่อว่าจะสามารถรักษาเขตเดิมและเพิ่มเขตใหม่ได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อถึงกรณีการขยับของพรรคเพื่อไทย ที่มีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจขึ้นมา จะส่งผลต่อการหาเสียงของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธาระบุว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเสมอในการแข่งขันเชิงนโยบายเพื่อเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้สังคมไทย และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคก้าวไกลก็พร้อมที่จะร่วมมือกับแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ในอนาคต เพราะวันนี้ทั้งสองพรรคต่างเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม ที่เมื่อนำมารวมกันจะเป็น ครม. ที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ของประเทศไทยได้

เยือนถิ่นคนเสื้อแดง!! ‘ก้าวไกล’ ลุยอุดรฯ ชูนโยบาย หยุดวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ชี้ เลือกทั้งที ต้องเลือกให้ขาด เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

(5 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ยังคงร่วมกันเดินสายหาเสียงในภาคอีสานอย่างต่อเนื่องที่จังหวัดอุดรธานี โดยในช่วงเช้า ได้ร่วมเดินสายหาเสียงไปกับ นายอานันท์ อมรินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล (อ.ศรีธาตุ, อ.ไชยวาน, อ.วังสามหมอ, อ.กู่แก้ว) ขึ้นรถอีแต๋นแห่หาเสียงไปตามถนนสายหลักของ อ.ศรีธาตุ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนศรีธาตุวิทยาคม ท่ามกลางประชาชนชาวศรีธาตุที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายปิยบุตรปราศรัยว่า ที่ผ่านมาจากพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล เราได้พิสูจน์แล้วว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในสภาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีมวยล้มต้มคนดู อภิปรายทุกครั้งทุกคนยกให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่อภิปรายได้ดีเยี่ยม ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนเป็นเพื่อนเก่า ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนช่วยดูแลอยู่ รัฐมนตรีคนไหนประพฤติมิชอบพรรคก้าวไกลอภิปรายแทนประชาชนทั้งหมด

พรรคก้าวไกลยังได้เสนอแนวนโยบายแทนประชาชนหลายเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้ง พ.ร.บ.แรงงาน, พ.ร.บ.บำนาญประชาชน, การแก้ปัญหาที่ดิน ฯลฯ หลายกฎหมายถูกนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตีตก ถูกคว่ำร่างกฎหมาย แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือน ประชาชนสนับสนุนสิ่งที่พรรคก้าวไกลผลักดันอย่างกว้างขวาง ขนาดพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำได้ขนาดไหน

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าอุดรธานีขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดง ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย ปี 2553 คนที่เข้าไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขันที่สุดก็คือ คนเสื้อแดงอุดรธานี แต่การต่อสู้ในวันนั้นจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่า คนเสื้อแดงหลายคนถูกจับดำเนินคดี บาดเจ็บล้มตายกันไป ผ่านไปถึง 13 ปี วันนี้ยังไม่ชำระสะสาง นายทหารที่บัญชาการการสั่งฆ่ายังลอยนวล ไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย แถมยังได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีในวันนี้

แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้เสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. ในวันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ถามจริงว่าพี่น้องคนเสื้อแดงยอมให้คนแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจได้ต่อไปอย่างนั้นหรือ ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ

สำหรับพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอด ว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น ถ้า ครม. วันข้างหน้ามีพรรคทหารจำแลงอยู่ในนั้นเมื่อไหร่พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที

“พอกันทีกับการเมืองแบบเดิม ๆ ลูบหน้าปะจมูก ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร ผ่านมา 13 ปี จากเหตุการณ์ปี 2553 คนเสื้อแดงอุดรธานีย่อมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ความปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ยิงพวกเราตายเสร็จแล้วบอกว่าโทษที ลืม ๆ กันไป ความปรองดองที่แท้จริงต้องมาจากการยอมรับความจริง ชำระสะสางเหตุการณ์ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่หน้าสื่อวันนี้ เต็มไปด้วยข่าวการย้ายพรรค ดูดตัว ส.ส. กันให้วุ่นวายน่าสับสนไปหมด วันหนึ่งอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ อภิปรายด่าฝ่ายค้าน สนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ มาอีกวันแค่เปลี่ยนเสื้อก็กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว สรุปว่าพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นที่รวมตัวของคนอยากเป็น ส.ส. รวมยอดที่นั่ง ส.ส. กันไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรีกันแน่

ใครที่ไม่อยากเห็นการเมืองเดิม ๆ แบบนี้อีกแล้ว ขอให้ร่วมกันเลือกพรรคก้าวไกลให้มาก ๆ ส.ส. พรรคก้าวไกล รวมตัวกันด้วยความต้องการเดียวเท่านั้นคือการเปลี่ยนแปลง เราต้องการ ส.ส. จำนวนมาก ๆ เพียงเพื่อไปยกมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปส่งมอบนโยบายที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น

ในส่วนของนายพิธา ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถเลือกเพื่อการเปลี่ยนแปลงได้ เพื่ออนาคต 60% ของเด็กเล็กในอุดรธานีอยู่ในครอบครัวที่ยากจน เราต้องมีรัฐสวัสดิการให้ลูกเด็กเล็กแดง คืนครูให้กับห้องเรียน ยกเลิกระบบครูเวรทันที โรงเรียนต้องเป็นที่ปลอดภัยของทุกคน เราต้องกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่นทุกระดับ ยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่ใช่อย่างที่ประยุทธ์ไปพูดผิด ๆ ว่าจะยุบ อบต.

อย่าโหนศพหาเสียง!! ‘นิพิฏฐ์’ โพสต์ฉะ ‘พิธา’ โหนคนเสื้อแดง แขวะแรง อย่ามารักแค่ตอนขึ้นเวทีปราศรัย

(6 มี.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…
.
เตือนคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วยความหวังดี

อ่านข่าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวหาว่า พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ มีส่วนฆ่าคนเสื้อแดง ในปี 2553 ผมย้อนอายุไปตอนนั้น คุณพิธาเพิ่งอายุ 20 ปี ไม่ทราบว่าตอนนั้นคุณพิธาอยู่ที่ไหน ได้ร่วมกับกระบวนการคนเสื้อแดงหรือเปล่า หรือ เพิ่งมานอนบนซากศพคนเสื้อแดงในปีนี้ ตอนนี้แปลกคุณพิธา เกิดรักคนเสื้อแดงขึ้นมาจนน้ำลายไหล ไม่ทราบว่าเคยไปเยี่ยม ไปดูแล ครอบครัวเขาบ้างหรือเปล่า หรือ เพิ่งรักตอนขึ้นเวทีหาเสียง

คุณพิธา เป็นคนฉลาด แต่แปลกไม่พูดความจริง และไม่พูดให้คนฉลาด

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top