Thursday, 2 May 2024
พรรคพลังประชารัฐ

ความมุ่งมั่นครั้งสำคัญของ 'นายกใหญ่' สะบัดธง ‘พลังประชารัฐ’ รับใช้ 'ปทุมธานี' ยกจังหวัด

"เป้าหมายใหญ่ พัฒนาปทุมธานี ให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนต้องหยุดมอง และกลายเป็นอีกเมืองสำคัญของประเทศ ที่ผู้คนต้องแวะมาท่องเที่ยว เศรษฐกิจดี ปากท้องต้องดี สาธารณูปโภคพร้อม ไร้ยาเสพติด และสลายสีขั้วการเมือง" 

นี่คือการประกาศศักดาจาก นายเสวก ประเสริฐสุข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดปทุมธานี ชายที่พี่น้องชาวปทุมฯ ต่างรู้จักกันดีในฉายา ‘นายกใหญ่’ อดีต นายก อบต.เชียงรากใหญ่ และ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ผู้ได้รับฉายา ‘พี่ใหญ่ มีแต่ให้’ ของชาวปทุมฯ ที่เปิดเผยในรายการ Contributor (ผู้แทน เดอะซีรีส์)

'พี่ใหญ่ เสวก' ถือเป็นบุคคลที่ชาวปทุมฯ ให้การยอมรับในความเป็นคนพูดจริงทำจริง มีน้ำใจสไตล์นักเลง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เพราะตนเองเคยผ่านความยากลำบากมาก่อน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนพื้นที่เชียงรากใหญ่ แห่งเมืองปทุมฯ จะคุ้นเคยกับพี่ใหญ่อย่างมาก เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทุ่มเทพัฒนาผืนถิ่นในส่วนที่ทำได้ (เชียงรากใหญ่) นำความเจริญในแง่ของสาธารณูปโภค เศรษฐกิจ และการเกษตรมาสู่ปทุมธานีอย่างต่อเนื่อง ใต้บทบาทของคนทำงานเบื้องหลัง

พี่ใหญ่ มักจะมองเห็นปัญหา และแนวทางแก้ปัญหา รวมถึงวิธีการพัฒนาจังหวัดปทุมธานี แต่ด้วยข้อจำกัดของการเป็นคนเบื้องหลัง ทำให้การผลักดันภายใต้มุมคิดที่เจนจัดถูกขจัดออกไป

ดังนั้น การตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็นคนเบื้องหน้า ลงสมัคร ตำแหน่ง ส.ส.แห่งเมืองปทุมฯ จึงเป็นธงสำคัญ ที่จะช่วยเร่งความเจริญให้ปทุมธานีไม่ต้องทนเป็นแค่เมืองล้าหลังอีกต่อไป และต่อจากนี้คือสิ่งที่พี่ใหญ่เล่าให้ THE STATES TIMES ฟัง...

>> แปลงร่างปทุมธานี 
"ปทุมธานีเหมาะที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงานย่อยๆ เพราะใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ท่าเรือ ถ้าทำได้ ผมกล้าบอกเลยว่าความเจริญมันจะเกิดขึ้นในพื้นที่ปทุมธานี และถ้าจะให้ผมทำมันให้เกิดขึ้นจริงได้ ต้องเลือกผมทั้ง 7 คน 7 เขต ประชาชนชาวปทุมธานีต้องร่วมมือกันเลือกทีมนายกใหญ่ ช่วยกันเลือกพลังประชารัฐปทุมธานี"

>> แค่ผมคนเดียว เปลี่ยนแปลงไม่ได้!!
"ที่บอกว่าควรเลือกเราทั้ง 7 เขต เพราะแค่ความสามารถและความตั้งใจจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งยังไม่พอ เราเห็นสิ่งที่บุรีรัมย์เป็นไหม เราเห็นสิ่งที่สุพรรณบุรีเป็นไหม ความเจริญมาจากความเป็นหนึ่งเดียวของ ส.ส.ที่มาจากพรรคเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้มีอำนาจในการผลักดันนโยบายและการทำงานแบบบูรณาการได้ชัดเจน ทำงานร่วมกัน ไม่เกิดความขัดแย้ง จังหวัดก็เจริญ"

>> เพื่อนร่วมทีมชั้นยอด เก่งกาจคนละด้าน
"ยิ่งไปกว่านั้น ผมเลือกแต่คนที่เข้าใจปัญหา และมีหัวใจที่อยากเปลี่ยนแปลงจังหวัดปทุมธานีไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายใต้ความสามารถที่แตกต่างกันแบบไม่ทับซ้อน เช่น ผมมี 'สจ.ตุ้ย นพดล ลัดดาแย้ม' ท่านจะเข้ามาช่วยบูรณาการด้านเกษตร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้องค์ความรู้ในการสร้างผลผลิตทางเกษตรแนวใหม่

"ต่อมา กำนันหมู ยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ท่านอยากจะเข้ามาผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ชาวปทุมฯ ผ่านระบบคมนาคมใหม่ที่เป็นรูปธรรมและเหมาะต่อพี่น้องชาวปทุมธานี รวมถึงท่านยังเก่งในการเข้าถึงการแก้ปัญหายาเสพติดอีกด้วย

"ด้าน ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล ท่านวางแผนระยะยาวในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเรื่องของรถติด และจะทำให้ชาวปทุมฯ กลับถึงบ้านได้โดยเร็ว ไม่ต้องติดบนถนนนานๆ อีกต่อไป

"ท่าน วิรัช พยุงวงษ์ นี่คือกุนซือด้านกฎหมาย และมีความสามารถในการจัดหางบประมาณมาช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้จังหวัดได้ ซึ่งแต่ก่อนท่านก็หางบมาช่วยท้องถิ่น อบต. เทศบาลอยู่อย่างต่อเนื่อง

"ต่อมา เกียติศักดิ์ ส่องแสง ท่านต้องการทำเมืองปทุมฯ ให้เป็นแลนด์มาร์ก เช่น ปทุมฯ ต้องมีแลนด์มาร์กในจุดช่วงงบแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องทำให้เป็นเมืองน่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ 

"สุดท้ายกับ กฤษณา วงศ์คำ เธอมองไปถึงการนำเทคโนโลยี เข้ามาเป็นสื่อกลางในการค้าขาย ยกระดับราคา และช่วยขยายตลาด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ชาวเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น

"ทุกคนมีพลัง มีความรู้ และมีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาร่วมกันพัฒนาปทุมธานีให้เจริญภายใน 4 ปีนี้"

>> ทั้งชีวิตมีแต่ให้
พี่ใหญ่ เล่าให้ฟังอีกว่า เหตุผลที่กล้าลงมาสมัคร เพราะเชื่อในความไว้วางใจที่คนปทุมฯ มอบให้ เพราะพี่ใหญ่เริ่มจากการทำบ้านเกิดจากไม่มีอะไร จนวันนี้เชียงรากใหญ่เจริญเริ่มผิดหูผิดตา

"อยากให้สังเกตดูที่เชียงรากใหญ่ ผมของบมาทำถนนคอนกรีตหมด 100% มีถังขยะทุกอาคาร จากนั้นมาต่อท่อมาบำบัดน้ำเสีย 3 ตัว 80 กว่าล้าน ทำมาประมาณ 7-8 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีการของบสร้างเขื่อน 764 ล้านบาท และคนที่นี่ก็ได้สันเขื่อน

"นี่เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งในช่วงตั้งแต่ที่เป็นนายก อบต. ซึ่งผมมีแต่ให้ บางทีไปเจอคนจน คนไร้บ้าน ก็หาที่ทางให้เขาอยู่ เช่น ก่อนหน้านี้ มี 7 ครอบครัวที่ผมปลูกบ้านให้ฟรีๆ ตกหนึ่งหลังประมาณ 103,000 บาท เงินส่วนตัวทั้งนั้น ไม่ได้อวดรวยนะ แต่เราทำเราก็ได้บุญ เพราะชีวิตเราเคยจนมาก่อน เคยลำบากมาก่อนพอเห็นทุกคนยืนได้ผมก็ดีใจ"

'สมศักดิ์' ยัน ไม่แยกวง 'สุริยะ' ยังอยู่ 'พปชร.' ทั้งคู่ ย้ำ ตนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ร่วมงานได้กับทุกคน

(14 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 09.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุม ครม.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวการย้ายกลับพรรคเพื่อไทย (พท.) แม้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. จะยืนยันว่าทั้งคู่ยังอยู่กับพรรค พปชร. ว่า ตนกับนายสุริยะ ทำการเมืองด้วยกันมาเกือบ 30 ปี เรามีแนวทาง วิธีคิดต่าง ๆ เหมือนกัน นายสุริยะประกาศแล้ว ประกาศอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ส่วนที่สื่ออยากรู้ คือเรื่องทีมงานในจังหวัดสุโขทัย จะย้ายไปพรรคอื่นหรือไม่นั้น ตนขอบอกว่าไม่เคยหวงห้ามใครทั้งสิ้น

ก่อนหน้านี้ทีมงานในกลุ่มสามมิตรก็ย้ายไปพรรคอื่น และพาพวกไปด้วย 7-8 คน โทรไปเป็นเรื่องของคนที่จะต้องเติบโต เพื่อหาแนวทางเดินต่อไป ประกอบกับเรามีเรื่องเส้นเวลา คือเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถ้าเราอยากเป็น ส.ส. ก็จำเป็นต้องสังกัดพรรคตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เขาทนไม่ไหวเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ ในกรณีที่มีพื้นที่เลือกตั้งยาก เราก็ต้องปล่อย ซึ่งเราก็ต้องหาคนใหม่มาเสริม คิดว่าสามารถหาได้ ไม่มีปัญหา เพราะเวลายังมีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ว่าจะไม่ย้ายแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสุริยะได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว แต่เราจะพัฒนากลุ่มที่อยู่ด้วยกัน ไม่เป็นหัวหน้ากลุ่มรอง ๆ ให้มีสิทธิ์มีเสียงที่จะเสนอตัวขึ้นมาเป็นผู้บริหารในวันข้างหน้า

“ผมยืนยันว่า ตัวผมเองและท่านสุริยะไปด้วยกัน ทิศทางเดียวกัน ท่านสุริยพูดอย่างงั้น ก็โอเค” นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ส.สุโขทัย พรรค พปชร. 2 คน จะย้ายไปพรรค พท.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอนแรกก็บอกอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ก็หายไป ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

'อุตตม-สนธิรัตน์' นำทีม 'สร้างอนาคตไทย' พร้อมลูกพรรค หวนคืนรัง 'พปชร.' ร่วมหนุน 'บิ๊กป้อม' นั่งนายกฯ คนที่ 30

(15 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน และคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าว 'สร้างอนาคตไทย คืนสู่เหย้าพลังประชารัฐ' พร้อมเปิดตัวสมาชิกพรรค 8 คน ที่กลับเข้ามาร่วมงานกับพรรค ได้แก่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย

1.) นายประจวบเหมาะ ภักดีชน จ.นครศรีธรรมราช
2.) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี จ.ชุมพร
3.) นายกานต์ เพชรบูรณ์ จ.พังงา
4.) นางปวีณา นิลแย้ม จ.ลพบุรี
5.) นางศรัณยา สุวรรณพรหม จ.หนองบัวลำภู
6.) นายมนตรี พึ่มชัย จ.อุดรธานี
7.) นายประวัติ กองเมืองปัก จ.มหาสารคราม
8.) นายทวีศักดิ์ ประทุมลี จ.มุกดาหาร

นายวิรัช กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกคนที่มาในวันนี้ บุคคลที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างให้พรรคพลังประชารัฐมีความคิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราเข้าใจเดียวกัน เมื่อมาอยู่ในบ้านเดียวกันเป็นหน้าที่ของทุกคนในพรรคพลังประชารัฐที่จะทำให้บ้านเราเข้มแข็ง เป็นตัวหลักในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต่อไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่อดีตสมาชิกที่เคยอยู่กับพรรคพลังประชารัฐและออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก และยังระลึกถึงความอบอุ่นตามที่ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นสำหรับที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร เป็นความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนที่มาในวันนี้มีความสำคัญ มีความสามารถ มีบทบาท จึงขอต้อนรับกลับมาร่วมงาน

ไม่เกี่ยวแก้เคล็ด!! ‘ชัยวุฒิ’ แจง ‘บิ๊กป้อม’ แห่ผ้าขึ้นพระธาตุ เพื่อสิริมงคล พร้อมเผย พปชร. ใช้แผนดาวกระจายแยกหาเสียง

‘ชัยวุฒิ’ เผย พปชร. กางยุทธศาสตร์ดาวกระจาย แยกหาเสียงพร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมแจง ‘บิ๊กป้อม’ ล่องใต้ห่มผ้าพระธาตุ เพื่อสิริมงคล ไม่เกี่ยวแก้เคล็ด

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรค ว่า ในช่วงนี้พรรคพปชร.จะแบ่งกันทํางานเป็นดาวกระจาย ตามหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน ที่แบ่งเป็น ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ในส่วนที่ตนดูแลพื้นที่ภาคกลาง มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค มาช่วยหาเสียง โดยจะลงพื้นที่พบปะประชาชนในทุกพื้นที่ และมีทีมงานที่มีคุณภาพ มาช่วยกันสร้างความเข้าใจในเรื่องนโยบายของพรรคออกไปสู่พี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.มั่นใจจะรักษาฐานที่มั่นภาคใต้ได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร มีความผูกพันกับภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช  เรามี ส.ส.ถึง 4 คน และพล.อ.ประวิตร เคยลงไปช่วยประชาชนในเรื่องของการสร้างอาคารโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมีกำหนดจะไปวางศิลาฤกษ์แต่ติดภารกิจจึงไม่ได้ไป

‘คนไทย’ เกินครึ่ง เชื่อ!! ลุงตู่ VS ลุงป้อม ไม่ แตกกัน

แม้ 2 พรรคใหญ่ อย่าง 'พลังประชารัฐ' และ 'รวมไทยสร้างชาติ' จาก 2 ป. พี่น้อง 'ป้อม-ตู่' จะเริ่มออกมาเรียกคะแนนเรียกคะแนนเสียง และฟาดฟันกันด้วยนโยบายเคลมบลัฟแบบไม่ไว้หน้ากัน จนสะท้อนภาพรอยร้าวในความสัมพันธ์ของคู่พี่น้องให้ประชาชนสัมผัสได้ชัดขึ้น แต่หากย้อนดูโพลเมื่อวันที่ 29 ม.ค.66 ก็เชื่อว่านี่น่าจะยังเป็นเพียงความดุเดือดทางการเมือง ที่ท้ายสุด อาจจะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์แยกกันเดิน ร่วมกันตี หลังการเลือกตั้งนี้จบลง ก็เป็นไปได้

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในวันนั้นได้เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง 'พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปะทะ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)' ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 23-25 มกราคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
 

‘พปชร.’ เตรียมลุยปราศรัยเมืองกรุงฯ 18 มี.ค. นี้ ชู ‘แก้ ศก.-ปากท้อง’ ตั้งเป้ากวาด ส.ส. 12 คนขึ้นไป

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดปราศรัยใหญ่ในกทม. ของพรรค พปชร.ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ที่ลานคนเมืองกทม. ว่า ในวันดังกล่าวนอกจากจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต พรรคจะนำเสนอนโยบายสำหรับคนกทม. ที่เน้นเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง โดยจะมีทีมเศรษฐกิจของพรรค นำโดย นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีแนะนำนโยบาย และนอกจากเวทีใหญ่ในกทม.ในวันดังกล่าวแล้ว พรรคจะจัดเวทีย่อยในกทม. ทั้งในกทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพื่อที่จะนำเสนอนโยบายของพื้นที่ในเขตนั้นๆ สำหรับความคืบหน้าการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคนั้นขณะนี้ได้ตัวครบเกือบหมดแล้ว มีเพียงบางพื้นที่ที่ทาง กกต.แบ่งเขตใหม่ คือลด 4 จังหวัด และเพิ่ม 4 จังหวัด รวมถึงในกทม.

ทัพใหญ่ 'พปชร.' ปราศรัยหนุนผู้สมัคร ส.ส.กทม.33 เขต ลั่น!! พปชร. เป็นรัฐบาล 'ขจัดฝุ่นพิษ-ปลดหนี้-เพิ่มรายได้' ทันที

(18 มี.ค.66) พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.ภายใต้ชื่อ 'พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ' นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก, นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

โดย พรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย...
เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง
เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์
เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ 
เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ 
เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน 
เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร  
เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช 
เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ 
เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ 
เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล
เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค
เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น 
เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ  
เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล  
เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง 
เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร
เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี 
เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา 
เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี
เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ
เขต 22 สวนหลวง ประเวศ  นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 
เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน 
เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา 
เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 
เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล  
เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง 
เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ 
เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์
เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน 
เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ 
และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

จากนั้นเมื่อเวลา 17.20 น.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คน กทม. ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือเป็นเวทีเป็นไม้แรก ของขุนพลพลังประชารัฐ กทม. ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ประกาศเปิดตัวทั้ง 33 เขต มั่นใจถึงความพร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ตนขึ้นเวทีเป็นคนแรกเพื่อบอกว่า พปชร.ในอดีตที่พี่น้องกทม.ให้ความไว้วางใจ มี ส.ส.กทม.12 คน ตนจึงเป็นสัญลักษณ์ว่าในอดีตที่พี่น้องให้กำลังใจนั้น วันนี้มาเชื่อมโยงให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งพรรคคัดผู้สมัครคุณภาพ 33 เขต ผสมผสานระหว่างผู้สมัครตัวเก๋า และ รุ่นใหม่ที่จะเป็นขวัญใจพี่น้องกทม. 

"แน่นอนว่า ปัญหาของ กทม. ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น คือเรื่องมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุรวมไปถึงเด็ก ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชารัฐจะนำอากาศบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้กับคนไทยทุกคน เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาเร่งด่วน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญของคนทุกชนชั้น ขอให้ทุกคนไว้วางใจผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เลือกพวกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคนทั้ง 33 เขต เพราะพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคของเรา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ" สนธิรัตน์ กล่าว

ต่อมาในเวลา 17.30 น. นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวปราศรัยว่า "วันนี้เรามาเพื่อแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทย กทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศูนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน

"ขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้" นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวอีกว่า พรรคพปชร. จะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 

'ชัยวุฒิ' ทวนความจำ '30 บาท' ยุค พปชร. ตอบโจทย์ อุดรอยรั่ว '30 บาท' ยุครบ.เสียอำนาจ ที่เอาแต่เคลม

'ชัยวุฒิ' ซัด บางพรรคย้อนอดีต เกลียดปฏิวัติ เหน็บ เพราะเสียอำนาจ เย้ย '30 บาท ตายทุกโรค' ทำวุ่น เคลม รัฐบาลปัจจุบัน ปลดล็อกได้

(19 มี.ค.66) ที่สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จ.เชียงใหม่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า บางพรรคพูดถึงผลงานตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พูดแต่เรื่องเก่า เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค สมัยก่อนมีปัญหามากแถวบ้านตนเรียก 30 บาท ตายทุกโรค เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลเจ๊ง เงินไม่พอ กว่าจะแก้ปัญหามาได้เหนื่อยมาก แต่รัฐบาลนี้ทำมาแล้ว ไม่ต้องไปดูป้ายหาเสียงพรรคไหน เพราะ พรรคพปชร.ทำมาแล้ว 

‘ชัยวุฒิ’ ซัด บางพรรคย้อนอดีต เกลียดปฏิวัติ เหน็บ เพราะเสียอำนาจ เย้ย ‘30บาท ตายทุกโรค’ ทำวุ่นเคลม รัฐบาลปัจจุบัน ปลดล็อกได้

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่สนามกีฬาสมโภชน์ 700ปี จ.เชียงใหม่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า บางพรรคพูดถึงผลงานตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พูดแต่เรื่องเก่า เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค สมัยก่อนมีปัญหามากแถวบ้านตนเรียก30 บาท ตายทุกโรค เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลเจ๊ง เงินไม่พอ กว่าจะแก้ปัญหามาได้เหนื่อยมาก แต่รัฐบาลนี้ทำมาแล้ว ไม่ต้องไปดูป้ายหาเสียงพรรคไหน เพราะ พรรคพปชร.ทำมาแล้ว ดังนั้น อย่าจมอยู่กับอดีต

'ชัยวุฒิ' เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลอยากจะทำงานร่วมกันต่อ บอกหากขัดแย้งกันจริง รัฐบาลล้มไปนานแล้ว

'ชัยวุฒิ' เผย นายกฯ ไม่กำชับ รมต.-ส.ส. หวั่นผิดระเบียบ กกต. บอกทุกคนรู้อยู่แล้ว เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลอยากจะทำงานร่วมกันต่อ บอกขัดแย้งกัน รัฐบาลล้มไปแล้ว

(21 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ​ พปชร.เปิดเผยภายหลังเข้าอวยพร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันเกิดอายุครบ 69 ปี ว่า นายกฯ ขอให้ทุกคนทำงานราบรื่นประสบความสำเร็จ ให้รักและสามัคคีกันไว้ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทำงานมาดูกัน 4 ปีไม่มีความขัดแย้งอยู่แล้ว รักกัน สามัคคีกันอยู่แล้ว ก็น่าจะทำงานด้วยกันต่อไป

เมื่อถามว่า นายกฯ ยังคาดหวังว่าจะทำงานร่วมกันต่อกับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่การเมืองก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ก็ว่าไปตามพื้นที่และบริบทของผู้สมัคร การแข่งขันตามระบบประชาธิปไตย ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ผมก็เชื่อว่าทุกคนอยากจะทำงานร่วมกันต่อไป  พร้อมยืนยันว่าไม่มีการขัดแย้งกันถึงเดินหน้ามาได้ 4 ปี ถ้ามันขัดแย้งกันก็คงล้มไปแล้วรัฐบาล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top