Thursday, 2 May 2024
พรรคพลังประชารัฐ

พปชร. เปิดตัวอีก 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ฮือ! ‘คิงก่อนบ่าย’ ลงชิง ประจวบฯ เขต 1

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ (27 ธ.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.กระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ใน 5 จังหวัด จำนวน 10 คน ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี 5 คน ได้แก่ นายสุชาติ อินทรมณี เขต 1 นายธนโชติ ติณพันธ์ เขต 2 นายสุริญญา ยืนนาม เขต 3 นายณัฐวรันธร ทองคำ เขต 4 และนายมนู วณิชชานนท์ เขต 5, จ.หนองบัวลำภู 1 คนคือ นายทรงศักดิ์ ศิริสถิตย์ เขต 1, จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 คน ได้แก่ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิงก่อนบ่าย เขต 1 นายพิษณุ กล้าขาย เขต 2, จ.นครปฐม 1 คน คือ นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ เขต 2, จ.ปทุมธานี 1 คน คือ นายนพดล ลัดดาแย้ม 

นายสันติ กล่าวว่า คนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์และตั้งใจจะรับใช้ประชาชน การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 5 จังหวัดเป็นเครื่องมือยืนยันว่า พปชร.มีนโยบายที่เข้มแข็ง เหมือนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบ้านเมือง ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพิ่มศักยภาพให้เยาวชน มีนโยบายเกี่ยวกับพัฒนาสตรี ดูแลผู้สูงอายุ ให้ พปชร.เป็นที่มุ่งหวังของประชาชน และเป็นแกนนำในการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์  

รู้จัก 'เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล' ส.ส.ป้ายแดง แห่งพลังประชารัฐ

สภาฯ ประกาศ เลื่อน 'เอกสิทธิ์' เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. แทน 'พิชชารัตน์' ที่ลาออกจากพรรค เผยดีกรี 'เลขาฯ รมว.ดีอีเอส' 2 ยุค ''พุทธิพงษ์-ชัยวุฒิ' ร่วมทีม 'มือปราบแก๊งคอลเซนเตอร์' บุกกวาดล้างถึงเขมร เผยแบ็กกราวน์ทายาทธุรกิจเหล็กกล้าหลายพันล้าน ก่อนเข้าสู่ถนนสายการเมือง

(6 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามในประกาศสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 5 ม.ค. 66 เรื่อง ให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณี นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 66 ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน

‘สรวุฒิ’ รับ ‘พปชร.-รทสช.’ ไม่เป็นปรปักษ์ แต่ลงสนามเลือกตั้ง คงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง

‘สรวุฒิ’ เผย กรรมการบริหาร พปชร. ถกหารือชื่อแคนดิเดตนายกฯ รับต้องเป็นคู่แข่ง ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง แย้ม ไม่ปิดประตูจับมือหลังเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่า ยืนยันยังทำงานร่วมกับพรรคพปชร.และที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสตนมาตลอด และในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะดูแลในภาคตะวันออกทั้งหมดและจะจัดวางตัวบุคคล ให้เรียบร้อยภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ สําหรับการสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะหารือว่าจะเสนอชื่อใคร และแต่ละคนมีจุดเด่นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือไม่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาก็ต้องแข่งกัน เป็นการแข่งขันบนหลักว่าไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อกัน อาจร่วมทำงานกันในอนาคตก็ได้ แต่เมื่อลงสนามเลือกตั้งคงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง ทุกฝ่ายต้องใส่กันเต็มที่

‘บิ๊กป้อม’ ยิ้มแป้น ลงพื้นที่ตรวจราชการลำปาง หลัง ‘ธรรมนัส’ ยกขบวนผู้สมัคร ส.ส. ต้อนรับ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ (16 ม.ค. 66)ที่ท่าอากาศยานลำปาง  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางถึงจ.ลำปาง เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมน.ส.ธนพร ศรีวิลาศ สวมชุดพื้นเมือง นำว่าที่ผู้สมัคร สส.พปชร.จ.ลำปาง พรรคพปชร.นางระพีพรรณ โพธิ์ทอง เขต1 นายจินดา วงศ์สวัสดิ์ เขต2นายดาชัย เอกปฐพี 3 และนายสมเกียรติ ตันตระกูล เขต 4 รอต้อนรับ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ บางส่วน นำมาลัยดาวเรืองมามอบต้อนรับ โดยพล.อ.ประวิตร มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี โดยการลงพื้นที่มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพปชร. รวมถึงนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพปชร.ร่วมคณะ

'ชาวพะเยา' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม' ช่วยคนจนมีที่ทำกิน ยกย่องภาวะผู้นำ เหมาะนั่งนายกฯ คนต่อไป

จ.พะเยา คึกคัก ชาวบ้านแห่รับ 'ลุงป้อม' ช่วยคนจนให้มีที่ทำกิน ฟื้นฟูกว๊านพะเยา ยกย่องมีภาวะผู้นำ ทำงานหนัก ทุ่มเท รวดเร็ว ถูกใจชาวบ้าน เหมาะเป็นนายก คนต่อไป

(16 ม.ค. 66)  พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.ลำปาง) โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่จ.พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร จ.พะเยา โดยมี ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผวจ. ให้การต้อนรับ

เมื่อ พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางถึง บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมือง จ.พะเยา มีประชาชนมาร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก ต่อจากนั้นได้เข้าประชุมหารือกับ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามผลการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล และการบริหารจัดการน้ำ ของจังหวัด และการพัฒนา ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา จากนั้นได้เป็นประธานพิธีมอบเอกสาร โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพ พปชร. เปิดนโยบายแรก ลั่น ได้จัดตั้ง รบ. เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการทันที 700 ต่อเดือน

‘พปชร.’ คึกคัก ‘บิ๊กป้อม’ เปิดนโยบายแรก ชู เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทย ค่าแรง 600 บาท ยัน พร้อมสานสัมพันธ์ทุกคน ลั่น พร้อมเป็นนายกฯถ้าประชาชนเลือก

เมื่อเวลา 14.30 น. (17 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาเกือบทั้งหมด ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม 

เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค  ส.ส.รวมถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ขณะที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคและโดยรอบพรรค ได้ติดป้ายสโลแกน และป้ายนโยบายบัตรประชารัฐ เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีนโยบายที่เตรียมหาเสียง ครอบคลุม 16 ด้าน โดยชูนโยบายที่เป็นไฮไลต์ “บัตรประชารัฐ เพิ่มเงิน-เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน เป็นการสานต่อนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับประชาชนไปใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการเป็นค่าโดยสารรถสาธารณะ ค่าสาธารณูปโภค ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้าและน้ำประปา ขณะที่นโยบายด้านอื่นจะทยอยแถลงเป็นระยะ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ นโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย

“ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข" พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ 

พล.อ.ประวิตร ประกาศว่า พร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

“เนื่องจากพรรคพปชร.ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน  สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น”พล.อ.ประวิตร กล่าว 

ถอดรหัสสโลแกนใหม่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ กับนัยยะ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้งไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย’

ยิ่งใกล้ครบวาระรัฐบาล การเมืองไทยยิ่งทวีความเข้มข้น ทุกการเคลื่อนไหวของทุกพรรคการเมืองล้วนถูกจับจ้อง 

เช่นเดียวกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ พรรคแกนนำรัฐบาล จากการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่ทว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจจะไม่ได้เป็นพรรคแกนนำในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล นั่นเพราะส.ส.ในสังกัดยังไหลออกไม่หยุด หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เก้าอี้ส.ส.ที่เคยมี คงไม่ได้เท่าเดิม

นั่นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย พี่ใหญ่ 3 ป. ‘บิ๊กป้อม - พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก หากต้องการนำพรรคกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งให้ได้ 

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นการประกาศนโยบายแรก ที่สร้างความฮือฮา และ เป็นกระแสให้พูดถึงอย่างมาก กับการประกาศ ‘เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน’ หากได้จัดตั้งรัฐบาล

แน่นอนว่า นโยบายที่ออกมา ถูกใจชาวบ้านในระดับรากหญ้า และกลุ่มเปราะบาง เพราะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ ขณะที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นนโยบายที่สร้างชื่อให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างมาก

ไม่เพียงเท่านั้น ในงานแถลงข่าวเปิดตัวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ นั่นคือการชูคำขวัญ หรือ สโลแกนใหม่ของพรรคที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่”

คำขวัญดังว่า อาจจะดูเป็นสโลกแกนธรรมดา แต่หากวิเคราะห์ลึกลงไป จะเห็นนัยยะที่ซ่อนไว้ และจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐและพลเอกประวิตรได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะคำว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ที่พลเอกประวิตร ย้ำเป็นพิเศษ และถือเป็นจุดยืนของพรรค ที่พร้อมจะสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ก้าวข้ามความขัดแย้ง และหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยไร้ความขัดแย้ง

“ปัจจุบันสังคมไทยยังคงมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกแยกเป็น 2 ขั้ว ผมขอยืนยันจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ อย่างหนักแน่นว่า เราพร้อมจะสานสัมพันธ์กับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และเพื่อสร้างพลังแห่งความสามัคคี เพื่อนำทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำประเทศไทย ไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน” พล.อ.ประวิตร ประกาศต่อหน้าสื่ออย่างหนักแน่น

‘นฤมล’ ย้ำบัตรประชารัฐ 700 บ. สอดรับเงินเฟ้อ ลั่น ยังมีสวัสดิการช่วยเหลือประชาชนอีกเพียบ

‘ศ.ดร.นฤมล’ ย้ำ นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท/เดือน สอดรับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูง หลังฟังเสียงสะท้อนจากการลงพื้นที่ของ ส.ส. 200-300 บาทไม่เพียงพอใช้จ่าย ลั่นยังมีสวัสดิการช่วยเหลือ ปชช.อีกเพียบ แย้มเตรียมประกาศนโยบาย "ที่ดินประชารัฐ" เร็วๆ นี้ 

วันนี้ (19 ม.ค. 66) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน ของพรรคพลังประชารัฐว่า ในปี 2566 จะมีประชาชนได้รับสิทธิประมาณ 18 ล้านคน คนละ 700 บาทต่อเดือน จะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวมีการคำนวนแหล่งที่มาของงบประมาณมาจากที่ใดแล้ว ในส่วนของบัตรประชารัฐที่เราได้ทำมาตั้งแต่ปี 61 ไม่ใช่มีแค่เงินรายเดือน 200 หรือ 300 บาทเท่านั้น แต่ยังมีสวัสดิการอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทาง จิปะถะ เราพยายามจัดการสิ่งเหล่านี้ให้สอดคล้อง กับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ บางคนได้ไปก็ไม่ได้ใช้ ค่าเดินทางไม่ได้ใช้ แก๊สหุงต้มไม่ได้ใช้  

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เมือปี 2561 ตนก็เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลรับผิดชอบสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่วงนั้น เราอยากจะให้พี่น้องประชาชน ผู้ที่มีรายได้น้อย สามารถที่จะมีเงินประทังชีวิตต่อเดือน สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เขาสามารถไปซื้อ ข้าวสาร น้ำปลา อาหารแห้ง ได้ ในต่างจังหวัดอยู่ได้โดยไม่ลำบาก แต่ปัจจุบันสภาวะ ทางเศษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ ไม่ต่างกับประเทศไทย สินค้ามีราคาที่สูงขึ้นมาก ดังนั้นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ก็ไม่เพียงพอ เสียงสะท้อนก็ออกมาจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนต่างก็บอกเงินไม่พอแล้ว

แลกหมัดนโยบาย แบบหมัดต่อหมัดระหว่าง นโยบายเพิ่มเงินบัตรประชารัฐ 700 บาท จากพรรคพลังประชารัฐ กับ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จากพรรคเพื่อไทย

ซึ่งนโยบายเพิ่มเงินบัตรประชารัฐ 700 บาท จากพรรคพลังประชารัฐ ก็เพื่อปรับปรุงระบบสวัสดิการและบริการพื้นฐานเพื่อลดช่องว่างของความยากจน ให้เกิดการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมกันให้มากขึ้น ส่วนนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จากพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อให้รัฐบาลกระจายรายได้ ขยายโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง 

ส่วนจุดแข็งของ นโยบายเพิ่มเงินบัตรประชารัฐ 700 บาท จากพรรคพลังประชารัฐ คือ เป็นโครงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ส่งตรงจากรัฐบาลถึงมือประชาชนทันที ทำให้การช่วยเหลือถูกกลุ่มเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยภาครัฐมีข้อมูลในการติดตามประเมินผลได้ ส่วนจุดอ่อน คือ ไม่สามารถคัดกรองประชาชนยากจนจริง ๆ กับประชาชนที่ไม่ได้ยากจนได้ เนื่องจากไม่มีระบบตรวจสอบทรัพย์สินของประชาชนที่รัดกุม และมีข้อกังวลว่าอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการเอกชนบางรายที่เข้าร่วมโครงการ

อดีต ส.ส.'ประนอม โพธิ์คำ' ทิ้ง 'พปชร.' ซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ตามคำชวน 'แรมโบ้'

อดีต ส.ส. ‘ประนอม โพธิ์คำ’ ออกจากพลังประชารัฐ เข้าสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ตามคำชวน ‘แรมโบ้’ มั่นใจได้ผู้มีความรู้ ความสามารถ นำพาพรรคชนะเลือกตั้ง ‘โคราช’

(20 ม.ค. 66) นายประนอม โพธิ์คำ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นใบสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ตามคำเชิญชวนของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top