'ชาวพะเยา' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม' ช่วยคนจนมีที่ทำกิน ยกย่องภาวะผู้นำ เหมาะนั่งนายกฯ คนต่อไป

จ.พะเยา คึกคัก ชาวบ้านแห่รับ 'ลุงป้อม' ช่วยคนจนให้มีที่ทำกิน ฟื้นฟูกว๊านพะเยา ยกย่องมีภาวะผู้นำ ทำงานหนัก ทุ่มเท รวดเร็ว ถูกใจชาวบ้าน เหมาะเป็นนายก คนต่อไป

(16 ม.ค. 66)  พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.ลำปาง) โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่จ.พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร จ.พะเยา โดยมี ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผวจ. ให้การต้อนรับ

เมื่อ พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางถึง บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมือง จ.พะเยา มีประชาชนมาร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก ต่อจากนั้นได้เข้าประชุมหารือกับ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามผลการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล และการบริหารจัดการน้ำ ของจังหวัด และการพัฒนา ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา จากนั้นได้เป็นประธานพิธีมอบเอกสาร โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ

ทั้งนี้ มีเกษตรกรที่มีฐานะยากจนได้สะท้อนความรู้สึก โดยขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ท่านเป็นคนใจดี เป็นกันเองใกล้ชิดติดดิน ไม่ถือตัว และมีความจริงใจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน/ที่อยู่อาศัย จนเป็นผลสำเร็จ ที่ผ่านมายังไม่มีใครทำได้นอกจากท่าน การแก้ภัยแล้งก็ได้ผลดี ทำให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดปี ยอมรับท่านมีภาวะผู้นำ ทำงานได้ผลรวดเร็ว โดนใจชาวบ้านแท้จริง จึงมีความประทับใจที่อยากจะสนับสนุนให้ท่าน เป็นนายกฯ คนต่อไป ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโครงการขุดลอก 'กว๊านพะเยา' อ.เมือง จ.พะเยา เพื่อตรวจติดตาม ความก้าวหน้าโครงการที่ได้เคยสั่งการไปแล้ว  ทั้งนี้ได้รับรายงานจากกรมชลประทาน และกรมประมงที่รับผิดชอบโครงการว่า มีความคืบหน้าไปมาก ตามแผนงาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับกรมชลประทานให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 67 พร้อมเร่งก่อสร้าง ทำนบดิน ลาดยางความยาว 1.3 ก.ม. รองรับการท่องเที่ยวรอบกว๊านพะเยา และสามารถช่วยเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ ให้เพียงพอต่อความต้องการทางการเกษตร และอุปโภค-บริโภค ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ มากกว่า 150,000 ครัวเรือน บรรเทาพื้นที่อุทกภัย ได้มากถึง 31,776 ไร่