ถอดรหัสสโลแกนใหม่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ กับนัยยะ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้งไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย’

ยิ่งใกล้ครบวาระรัฐบาล การเมืองไทยยิ่งทวีความเข้มข้น ทุกการเคลื่อนไหวของทุกพรรคการเมืองล้วนถูกจับจ้อง 

เช่นเดียวกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ พรรคแกนนำรัฐบาล จากการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่ทว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจจะไม่ได้เป็นพรรคแกนนำในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล นั่นเพราะส.ส.ในสังกัดยังไหลออกไม่หยุด หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เก้าอี้ส.ส.ที่เคยมี คงไม่ได้เท่าเดิม

นั่นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย พี่ใหญ่ 3 ป. ‘บิ๊กป้อม - พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก หากต้องการนำพรรคกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งให้ได้ 

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นการประกาศนโยบายแรก ที่สร้างความฮือฮา และ เป็นกระแสให้พูดถึงอย่างมาก กับการประกาศ ‘เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน’ หากได้จัดตั้งรัฐบาล

แน่นอนว่า นโยบายที่ออกมา ถูกใจชาวบ้านในระดับรากหญ้า และกลุ่มเปราะบาง เพราะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ ขณะที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นนโยบายที่สร้างชื่อให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างมาก

ไม่เพียงเท่านั้น ในงานแถลงข่าวเปิดตัวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ นั่นคือการชูคำขวัญ หรือ สโลแกนใหม่ของพรรคที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่”

คำขวัญดังว่า อาจจะดูเป็นสโลกแกนธรรมดา แต่หากวิเคราะห์ลึกลงไป จะเห็นนัยยะที่ซ่อนไว้ และจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐและพลเอกประวิตรได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะคำว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ที่พลเอกประวิตร ย้ำเป็นพิเศษ และถือเป็นจุดยืนของพรรค ที่พร้อมจะสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ก้าวข้ามความขัดแย้ง และหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยไร้ความขัดแย้ง

“ปัจจุบันสังคมไทยยังคงมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกแยกเป็น 2 ขั้ว ผมขอยืนยันจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ อย่างหนักแน่นว่า เราพร้อมจะสานสัมพันธ์กับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และเพื่อสร้างพลังแห่งความสามัคคี เพื่อนำทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำประเทศไทย ไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน” พล.อ.ประวิตร ประกาศต่อหน้าสื่ออย่างหนักแน่น

จากคำยืนยันอย่างหนักแน่นของพลเอกประวิตร ย่อมตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นการทอดไมตรีไปถึงทุกพรรคการเมือง ว่า พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจับมือกับทุกพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล นั่นย่อมหมายถึงพรรคที่ร่วมรัฐบาลกันอยู่ในขณะนี้ และพรรคขั้วฝ่ายค้าน ที่กระแสมาแรงอย่างพรรคเพื่อไทยด้วย

ส่วนคำว่า “ขจัดทุกปัญหา” ย่อมหมายถึง ปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองที่ได้จัดการมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่าง ปัญหาค้ามนุษย์, ปัญหายาเสพติด, ปัญหาที่ดินทำกิน และ ปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น ซึ่งปัญหาหลักๆ เหล่านี้ล้วนถูกคลี่คลายภายใต้รัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ

ขณะที่คำว่า “พัฒนาทุกพื้นที่” ยิ่งเป็นภาพสะท้อนชัดว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐนั้น มองทุกพื้นที่ คือ ประเทศไทย ที่ต้องเดินหน้าพัฒนา เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่มีการแบ่งแยกเหนือ กลาง อีสาน ใต้ แต่ขับเคลื่อนการพัฒนาทุกพื้นที่ไปพร้อม ๆ กัน

ดังนั้น จากสโลแกนของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะใช้รณรงค์สำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า ได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของพรรคอย่างชัดเจน กับเป้าหมายหลัก ขอกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง