Friday, 17 May 2024
พรรคพลังประชารัฐ

‘บิ๊กป้อม’ สักการะพระพุทธชินราช ก่อนปราศรัยใหญ่ที่พิษณุโลก ลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย ปลื้ม!! แฟนคลับฟันน้ำนมโผกอดให้กำลังใจ

(8 พ.ค. 66) ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เดินทางมาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สักการะพระพุทธชินราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ลานเอนกประสงค์ เทศบาลตำบลพรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก โดยมีประชาชนมามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ ทันทีที่ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาถึง

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร สักการะรูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเด็กชายรายหนึ่ง วิ่งเข้ามาหา พล.อ.ประวิตร จึงกวักมือเรียกเข้ามาหา และสวมกอดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และลูบหัวอย่างเอ็นดู พร้อมถามหยอกล้อว่า “เบอร์อะไรลูก” เด็กชายคนดังกล่าวตอบว่า “เบอร์ 1” ทำให้ พล.อ.ประวิตร อมยิ้มและบอกว่า “เบอร์ 37 สิ” จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กราบนมัสการพระสงฆ์ในพระอุโบสถ พระสงฆ์ได้พรมนํ้ามนต์ให้พร แก่ พล.อ.ประวิตร

‘สกลธี’ ย้ำ!! พปชร. ไม่จับมือพรรคแก้ ม.112 เตือน!! ต่างชาติหยุดแทรกแซงเลือกตั้ง

‘สกลธี’ ลงพื้นที่เขตบางกอกใหญ่ ช่วยหาเสียง ‘ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เบอร์ 6 ย้ำจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง วอน กกต.ลดความผิดพลาด อย่าให้เป็นเงื่อนไข เตือนต่างชาติหยุดแทรกแซงการเลือกตั้ง

(9 พ.ค. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกาย คลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช), เขตบางกอกใหญ่, เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่ามีทหารและผู้อยู่เบื้องหลังการเลือกตั้ง และใช้อำนาจกดดันไม่ให้พรรคฝ่ายค้านหาเสียงนั้น นายสกลธีกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างวาทกรรมแบบนี้ เพราะประเทศกำลังเดินหน้าตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนลงเลือกตั้งด้วยกติกาเดียวกัน ตนก็เห็นข่าวฝ่ายค้านหาเสียงอยู่ตลอด หรือเวลาตนลงพื้นที่ก็เจอพรรคฝ่ายค้านเดินอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบ อยู่ที่ใครจะตั้งใจหาเสียงหรือตั้งใจจะสร้างประเด็นการเมืองมากกว่า และขอเรียกร้องไปยัง กกต.ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งอย่างระมัดระวัง อย่าให้เกิดความผิดพลาดเหมือนการเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะอาจถูกยกมาเป็นเงื่อนไขต่อไป

ส่วนกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ เสนอมติเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิทธิในการชุมนุมนั้น นายสกลธีกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างชัดเจน มารยาททางการทูตเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องมี และกฎหมายที่คุ้มครองประมุขของรัฐฯ และการกำหนดสิทธิขอบเขตการชุมนุมก็มีอยู่ในทุกประเทศ ดังนั้น ประเทศอื่นๆ ต้องระวังไม่ให้มีการแทรกแซงการเลือกตั้งจากต่างประเทศ

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอด ว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้น ถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน” นายสกลธี กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนอย่างไรก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงจะทำให้ลูกหลานทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย

ชัยวุฒิ’ ชู!! นโยบายการศึกษา มุ่งพัฒนา ‘ภาษา-ดิจิทัล’ ด้าน นักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด

‘ชัยวุฒิ’ ร่วมเสวนานโยบายการศึกษา ระบุชัด ความจริงมีเรื่องเดียว แต่ได้รับข้อมูลไม่ตรงกัน จึงมีความเห็นต่าง พปชร.ขออาสาประสานให้ทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้ เพื่อพัฒนาประเทศและระบบการศึกษาไทย ด้านนักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด ให้ถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด 

(9 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมเสวนาทางการเมือง ซึ่งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จัดขึ้นในหัวข้อ นโยบายด้านการศึกษาและสังคม ณ สนามกีฬากลาง ม.ร.ว.จุรีพรหม กมลาศน์ (มศว ประสานมิตร) โดยมีตัวแทนจาก ทั้งหมด 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม

ทั้งนี้ ได้กล่าวถึงนโยบายระบบการศึกษาว่า ส่วนมากหลายพรรคการเมืองมักไม่ค่อยพูดถึงเรื่องการศึกษาในเวทีดีเบตต่างๆ เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นนโยบายที่ไม่ค่อยมีความขัดแย้งทางความคิดกันมากนัก หลายๆ พรรคมักจะมีนโยบายเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดโอกาส การเรียนเสริมด้านภาษา เทคโนโลยีและดิจิทัล ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการพัฒนามาโดยตลอด เพราะไม่ต้องใช้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ การขาดแรงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ ‘STEM’ ที่ค่อนข้างมีน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และเรื่องของภาษาก็มีส่วนสำคัญ ที่ต้องพัฒนา เพราะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาเปิดโรงงาน หรือ ฐานการผลิตภายในประเทศ 

ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษา ระหว่างพื้นที่ห่างไกลกับเขตเมือง ซึ่งยังคงมีคุณภาพที่แตกต่างกันอยู่ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข โดยทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข ให้โอกาสเด็กๆ ทั้งประเทศได้มีความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายในการเสวนาครั้งนี้อีกด้วยว่า เห็นด้วยกับหลายนโยบายด้านการศึกษาของพรรคต่างๆ ที่มาร่วมเสวนาในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ เรื่องของการเมืองนั้นไม่ได้สำคัญแค่เรื่องนโยบาย แต่สำคัญที่ว่า หากพรรคนั้นได้เป็นรัฐบาลแล้ว สามารถทำให้รัฐบาลมีสเถียรภาพได้หรือไม่ ทำงานได้ บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ขออาสาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง บางเรื่องสามารถคิดต่างกันได้ เห็นไม่ตรงกันได้ แม้ความจริงจะมีอยู่เรื่องเดียว แต่รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันก็เกิดเป็นความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐจึงสามารถประสานให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยทำความเข้าใจกันได้ หาทางออกแก้ไขร่วมกัน จับมือไปด้วยกัน ให้ประเทศไทย เป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ตลอดไป

ด้าน ‘น้องมังกร’ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มศว ปี 1 นักศึกษาที่มาร่วมรับฟังการเสวนา ได้สะท้อนมุมมองที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ว่า รู้สึกปลื้มใจ ไม่คิดว่าจะเป็นกันเองมากขนาดนี้ จากที่เห็นภาพลักษณ์ตามเวทีดีเบตต่างๆ ที่ได้ฉายา ‘ตัวตึง’ คิดว่าจะเข้าถึงได้ยาก แต่กลับกัน เป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ขอถ่ายรูปก็ได้ถ่ายด้วยอย่างใกล้ชิด จึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่มาร่วมในการเสวนา และให้ความรู้ในวันนี้

‘พปชร.’ ปิดจ๊อบหาเสียง ชู ‘เลือกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย’ ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ กร้าว!! ภารกิจสุดท้าย คือ การเป็นนายกฯ ของคนไทย

‘พปชร.’ ปิดเวทียิ่งใหญ่ “เลือกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย” ประกาศนั่งนายกฯ เป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิต ขอคนไทยรวมพลังจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน

(12 พ.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย ก่อนประชาชนจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ปี 2566 ในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามไทย – ญี่ปุ่นดินแดง กรุงเทพฯ มีประชาชนกว่า 4,000 คน มาร่วมรับฟังการปราศรัย พร้อมชูสโลแกน ‘เลือกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย’ ที่จะนำพาทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง

ทั้งนี้การปราศรัยเริ่มตั้งแต่เวลา 14.30 น.โดยมีนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีพูดเป็นคนแรกว่า ผมในนามของพรรคพลังประชารัฐตลอดระยะเวลาหาเสียงกว่า 2 เดือน เราได้รับเสียงตอบรับที่อบอุ่นจากคนไทยทั้งประเทศ ต้องขอขอบคุณด้วยใจ วันที่ 14 พ.ค.นี้ อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของประชาชนทุกคน จึงอยากให้ทุกคนตั้งคำถามว่า อยากเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร? อยากเห็นเศรษฐกิจที่ดี คนไทยกินดีอยู่ดี หรืออยากจะเห็นความแตกแยกของคนสองยุค อยากเห็นคอรัปชั่น ยาเสพติดระบาดทั่วเมือง ที่ผ่านมา การเมืองไทยไม่ไปไหนเพราะติดหล่มอยู่กับความขัดแย้ง

นายสกลธี กล่าวต่อว่า คนที่อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ต้องเคารพการตรวจสอบได้ ประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด รักใคร ก็ต้องยอมรับกฎหมาย ตนอยากจะเตือนสติว่า ไม่ว่าคุณจะได้รับการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย การเลือกตั้งคือ การที่คุณได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศเท่านั้น ไม่ใช่คุณจะอยู่เหนือกฎหมาย แล้วมาใช้กฎหมู่ทำลายล้างกัน ดังนั้นประเทศเราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ของพรรคพลังประชารัฐ คือ อยากจะให้ประชาชนรักกัน

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของเราเข้าไปลงมือทำ ซึ่งพรรคเรามี พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง 4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ แก้เศรษฐกิจ และแก้ปัญหาน้ำ” นายสกลธี กล่าว

นายวราเทพ กล่าวว่า พรรคนี้อนาคตไกล จึงขอเป็นตัวแทน กก.บห. พรรคนี้ไม่มีนายใหญ่ และไม่มีครูใหญ่ แต่มีใจบันดาลแรง วันนี้มีหลายเวที และที่ผ่านมามีวาทกรรมที่เกิดขึ้นตลอดการหาเสียง 60 วัน สร้างความเกลียดชังและใส่ร้าย แต่พปชร.มีนโยบายโดยไม่ต้องมีวาทกรรม ไม่ต้องแอบอ้างว่าคิดใหญ่ ทำเป็น แต่เราคิดเป็น ทำได้ และทำทันที บางคนบอกให้กาพรรคประเทศไทยไม่เหมือนเดิม แต่ถ้ากา พปชร.ประเทศไทยจะดีกว่าเดิม

นายวราเทพ กล่าวต่อว่า กว่า 20 ปี ท่ามกลางวิกฤตสถานการณ์ เห็นแต่ พล.อ.ประวิตร ที่ทำได้ ถึงไม่ย้ายไปไหน หลายคนอยากกลับมา จึงบอกว่าหลังเลือกตั้งให้กลับมา ถามว่าผู้นำคนไหนเป็นแบบนี้ จะเลือกคนหนุ่มสาว แต่ผู้นำที่เคลือบแคลงจะมาเปลี่ยนแปลงจะทำให้เชื่อได้หรือไม่ เราต้องเลือกแบบมีเหตุผล ไม่ใช่เลือกข้างใดข้างหนึ่งแบบไร้สติ ขอให้ประชาชนคิดอย่างไรก็ได้เพื่อหยุดความขัดแย้ง และก้าวข้ามไปด้วยกัน

“วันนี้ไม่มีรัฐบาลพรรคไหนที่จะไม่ทำเพื่อประชาชน ทุกคนอยากทำเพื่อประชาชน แต่โอกาสไม่เหมือนกัน ครั้งที่แล้ว เราเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และมีพรรคร่วม 19 พรรค แต่หัวหน้าเราไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ แต่วันนี้หัวหน้าพรรค พปชร.มีโอกาสเป็นนายกฯ แล้ว และคิดว่าสามารถทำได้ในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง โดย 4 ปีที่แล้วมีพรรคเดียวที่ชนะใจคนทุกภูมิภาคคือพรรค พปชร.ที่มีส.ส.ทุกภาค รวมทั้ง กทม.12 คน เพียงพรรคเดียว ได้ ส.ส.116 คน ในครั้งนี้ขอให้ทุกคนพิสูจน์ว่า คน กทม.จะเลือกกลับมาเป็น 2 เท่า และผมเชื่อมั่นว่าทางออกของประเทศจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีผู้นำที่ตั้งใจ และเดินทางไปดูแลประชาชนครบทุกจังหวัด อย่าง พล.อ.ประวิตร” นายวราเทพ กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า อีก 2 วัน จะเป็นการชี้ชะตาของประเทศไทย กว่า 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยตกอยู่ในวังวนความขัดแย้ง ครั้งนี้เราจะปล่อยให้ประเทศเดินเข้าวังวนแบบนั้นอีกหรือไม่? เราต้องหยุดวงจรนี้และเดินหน้าไปพร้อมกับพรรคพลังประชารัฐ เรากำลังจะได้ตัดสินอนาคตของพวกเราทุกคน มันจะมีผลกระทบต่อชีวิตคนไทยทั้งประเทศ

“พรรค พปชร.จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะพาพี่น้องคนไทยผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เพราะหลายคนกำลังกังวลถึงความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองที่จะเข้ามายุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พรรคที่สามารถเชื่อมโยง พูดคุย กับทุกพรรค นั่นก็คือ พรรค พปชร.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่วุดในสถานการณ์ตอนนี้ เพราะผู้นำทางการเมืองต้องพร้อมที่จะเป็นกาวใจให้กับทุกฝ่าย ต้องมีบารมีที่ทุกฝ่ายให้ความแกรงใจ รวมถึงพร้อมรับฟัง และพร้อมทุ่มเมฃทแรงกาย แรงใจให้กับประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

จากนั้น เมื่อเวลา 15.40 น.พรรคพลังประชารัฐเปิดตัว พล.อ.ประวิตร อย่างยิ่งใหญ่นำขบวนโดยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน พร้อมธงโบกสะบัด โดย พล.อ.ประวิตร เปิดตัวด้วยการเดินอย่างกระฉับกระเฉง ยิ้มแย้มกับประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย รวมถึงติดไมค์ลอยคล้องหูด้วย

ต่อมา พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยปิดเวทีว่า ทุกนโยบายที่หาเสียงไว้ ผมขอสัญญาว่า จะทำให้สำเร็จ เพราะผมเป็นคนที่ไม่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ผมมีเพียงภารกิจเดียว และเป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิตผม คือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย ผมขอให้ทุกคนช่วยกัน

“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาของการเป็นรัฐบาล ผมสามารถพูดคุยกับทุกคน รับฟังความคิดเห็นต่างได้จากทุกฝ่ายได้ โดยไม่มีอคติใดๆ ตลอดชีวิตของผมมีหน้าที่ในการปกป้องประเทศจากศัตรูภยันตราย ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ความมั่นคงป้องกันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของเรา วันนี้ผมได้เห็นแล้วว่า ประเทศของเรายังมีปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะปัญหาความยากจน และปัญหาเรื่องปากท้องไปจนถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง และการก้าวล่วงสถาบัน การแทรกแซงทางการเมือง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ผมและพรรคพลังประชารัฐ มุ่งมั่นที่จะเอาชนะปัญหาของประชาชนในทุกเรื่องให้ได้ เรารับรองว่า เราจะก้าวไปด้วยกัน ทุกนโยบายที่รับปากพี่น้องประชาชน เมื่อทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะทำทันที โดยขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่า ผมทำได้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นพรรคพลังประชารัฐ และผู้บริหารของพรรคจะทำงานเพื่อประชาชนทุกคน ขอให้เชื่อมั่นว่าผมจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เราจะช่วยกันนำพาประเทศนี้ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ขอให้เลือกผมและพรรคพลังประชารัฐ ประเทศชาติจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ค้าขายจะเจริญรุ่งเรือง ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 และ ผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขตของพรรคพลังประชารัฐทั่วประเทศ

“ประเทศเราถ้ามีความสงบแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองจะมาสู่ประเทศของเราอย่างแน่นอน พรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคทุกคนยินดีที่จะนำความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ ขอให้พวกเราทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเบอร์ 37 ‘เลือกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย’ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งพร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน” พล.อ.ประวิตร กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ก่อนปิดเวที พล.อ.ประวิตร ได้ถ่ายภาพร่วมกับ กก.บห. ผู้สมัคร ส.ส.กทม.และถ่ายภาพร่วมกับประชาชนที่มาร่วมในเวทีปิดปราศรัยด้วย นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับชาวจีน ที่เดินทางจากต่างประเทศมาร่วมให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร โดยระบุว่า เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จึงอยากมาถ่ายรูปคู่ด้วย

‘ชัยวุฒิ’ ถก 'อ.ปวิน' แลกเปลี่ยนมุมมองความเห็นต่างทางการเมือง ชี้!! การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจนำปัญหามาสู่ประเทศได้

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 66 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มาร่วมให้สัมภาษณ์และพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง และความคิดเห็นทางการเมือง ในรายการ ‘Pavin Channel’ ของรองศาสตราจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ นักเขียน นักรัฐศาสตร์และอดีตนักการทูตชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต

โดยนายชัยวุฒิได้กล่าวว่า ตนนั้น มีความดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้มาคุยกับอาจารย์ปวิน อีกทั้งตนนั้นมีความรักและเคารพอาจารย์ปวินเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาจารย์นั้นเป็นคนเก่ง เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และคิดว่าตนและอาจารย์ปวินคงทำงานร่วมกันได้ แม้ว่าทั้ง 2 คน จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อยู่คนละฝ่าย แต่ตนเชื่อว่า ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากให้บ้านเมืองของพวกเรามีความเจริญก้าวหน้า อยากให้คนไทยมีชีวิตที่ดี อยากเห็นประเทศไทยเป็นบ้านที่น่าอยู่ของทุกคน 

แต่เนื่องจากทุกวันนี้การทำการเมืองนั้นมีความยากลำบากมากขึ้น ตนได้ไปร่วมดีเบต ได้ไปพูดคุยมาหลายเวที ก็มองเห็นถึงความขัดแย้งที่มีค่อนข้างเยอะ เพราะมีคนที่เห็นต่างกันหลายกลุ่ม หลายฝ่าย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งตนคิดว่า ความเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน มันมีความรุนแรงมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่บางพรรคมีนโยบายบางอย่างออกมา เป็นนโยบายที่จะเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนนั่น เปลี่ยนนี่ ทำให้ตนคิดว่า มันยังไกลเกินไปสำหรับตอนนี้ และอาจส่งผลให้มีความวุ่นวายทางการเมืองเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งตนคิดว่าอาจารย์ปวินก็คงจะเคยเห็นมาก่อนแล้ว การที่ประเทศต่างๆ มีปัญหา และมีความวุ่นวาย ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รวดเร็วและรุนแรงจนเกินไป

“ผมคิดว่า สิ่งนี้คือเรื่องสำคัญ พรรคพลังประชารัฐจึงมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง นี่ไม่ใช่วาทกรรมนะครับ สิ่งนี้เป็นความคิดของลุงป้อมจริงๆ ที่อยากจะประสานให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย มาพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เราสามารคิดต่างกันได้ครับ แต่เราต้องรักและสามัคคีกัน เราต้องจับมือและเดินไปด้วยกันกับ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ขอฝากด้วยครับ”

โดยหลังจากนั้น ทางอาจารย์ปวินได้ออกมาตอบกลับคลิปดังกล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณคุณชัยวุฒิมากเลยนะครับ ที่มาเป็นแขกให้กับช่อง ‘Pavin Channel’ ผมก็ขอถือคตินี้เช่นกันครับ ว่า ผมให้พื้นที่กับคนต่างด้วย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ได้มีโอกาสเชิญน้องบอส มีนชัยนันท์ มาร่วมในรายการ วันนี้จึงถือโอกาสเชิญคุณชัยวุฒิ หรือ ‘พี่โอ๋’ มาหาเสียงในช่องนี้ด้วย มาฟังมุมมองในด้านการเมืองของพี่โอ๋ และสิ่งที่พี่โอ๋อยากเห็นในการเมืองไทย ใครก็ตามที่อยากจะเลือกพี่โอ๋ เชิญตามสบาย โหวตกันได้เต็มที่เลยนะครับ”

‘ชัยวุฒิ’ มั่นใจจะได้ฟังข่าวดี เผยเลือกตั้งรอบนี้สูสี  ย้ำ!! มองแค่กระแสพรรคไม่ได้ ต้องมองที่บุคคลด้วย

(14 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย เดินทางมาถึงที่สำนักงานใหญ่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเข้าร่วมการฟังผลการเลือกตั้งปี พ.ศ.2566 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำนักงานใหญ่พรรคพลังประชารัฐเป็นจุดศูนย์รวมลูกพรรค และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะมารวมตัวกันเพื่อลุ้นคะแนนที่นี่ โดยหลังจากทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการจะมีการแถลงข่าวถึงทิศทางทางการเมือง แนวทางการทำงานในอนาคต คาดว่าเวลาประมาณ 20.00 น. - 21.00 น.

สำหรับตอนนี้ตนเองยังให้ข่าวอะไรไม่ได้ ต้องรอลุ้นคะแนนก่อน ซึ่งหากดูจากโพลแล้ว ก็พบว่าคะแนนค่อนข้างสูสีกัน แต่คงต้องรอดูผลในตอนท้ายก่อน 

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนกระแสของพรรคพลังประชารัฐ ตนเองพบว่า จากการที่มีการส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ และได้มีการทำโพลในพื้นที่นั้น ตนเองเชื่อว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จได้ผลตามเป้าหมาย และคิดว่าจะได้รับผลการเลือกตั้งที่ดี 

นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า ในส่วนของคะแนนนั้นเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของกระแสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของบุคคลด้วย

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งรอบนี้มีการแข่งขันกันในพื้นที่ค่อนข้างหลายพรรค เนื่องจากไม่มีการแบ่งฝ่ายว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือว่าฝ่ายค้าน ทุกพรรค ทุกคนที่ลงพื้นที่มีการช่วยกันอย่างเต็มที่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ตนเองคิดว่า โดยปกติมีการพูดคุยกันมาก่อนอยู่แล้ว ซึ่งมีความคุ้นเคยกันดี คุยกันเป็นระยะอยู่แล้วตลอด 4 ปี แต่ก็ยังต้องรอลุ้นผลในคืนนี้กันต่อไป แต่ตนเองไม่สามารถบอกได้ว่าจะจับมือกันเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะการร่วมรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง และเหตุการณ์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเหมือนเดิมตลอดไป 

ทั้งนี้ หลังจากทราบผลอย่างไม่เป็นทางการตนเองคิดว่าคงไม่จบง่ายๆ ยังคงต้องมีการพูดคุยถึงแนวทางการทำงานร่วมกันและเรื่องของนโยบายต่างๆ แต่คืนนี้อาจได้เห็นเค้าลางว่าจะคุยกันอย่างไรต่อไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถข้ามขั้วได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า คงเป็นการคุยกันเรื่องของการทำงานและนโยบายมากกว่า ทุกคนพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนและร่วมกันเสนอนโยบายต่าง ๆ รวมถึงแนวทางที่ประชาชนฝากความหวังอยากให้ทำ

สุดท้ายนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า คงไม่ได้มีการคุยเฉพาะเรื่องของตัวเลข ส.ส. เท่านั้น แต่ยังคงมีเรื่องของความพร้อมหรือความสามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ต่อไป 

เปิดรายชื่อ 41 ว่าที่ ส.ส. พปชร. ส.ส. เขต 39 คน ‘ลุงป้อม’ – ‘สันติ’ บัญชีรายชื่อ

รายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ รวม 41 คน

พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.เขต คะแนนนำ 39 ที่นั่ง คะแนนบัญชีรายชื่อ รวม 530,017 เสียง คิดเป็น 2 ที่นั่ง รวมมี ส.ส. 41 ที่นั่ง

โดยมีรายชื่อ ดังต่อไปนี้

 

ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน

1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

2. นายสันติ พร้อมพัฒน์

 

ส.ส.เขต 39 ที่นั่ง

จ.หนองคาย -นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ หนองคาย เขต 1

จ.ชัยภูมิ - นางสาวกาญจนา จังหวะ ชัยภูมิ เขต 4 ,นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ชัยภูมิ เขต 7

จ.สระแก้ว - นางขวัญเรือน เทียนทอง สระแก้ว เขต 1 ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง สระแก้ว เขต 2

จ.ปัตตานี - นายคอซีย์ มามุ ปัตตานี เขต 2

จ.ราชบุรี - นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ราชบุรี เขต 2 , นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 3,นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 5

จ.กาฬสินธุ์ - นายจำลอง ภูนวนทา กาฬสินธุ์ เขต 3

จ.พะเยา - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พะเยา เขต 1 ,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง พะเยา เขต 2, นายจีรเดช ศรีวิราช พะเยา เขต 3

จ.พังงา - นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2

จ.สงขลา - นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สงขลา เขต 4

จ.สกลนคร - นายชัยมงคล ไชยรบ สกลนคร เขต 5

จ.สิงห์บุรี - นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สิงห์บุรี เขต 1

จ.ตรัง - นายทวี สุระบาล ตรัง เขต 2

จ.เชียงใหม่ - นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เชียงใหม่ เขต 9

จ.เพชรบูรณ์ - นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1,นายจักรัตน์ พั้วช่วย เพชรบูรณ์ เขต 2, นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3,นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เพชรบูรณ์ เขต 4,นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เพชรบูรณ์ เขต 5,นายอัคร ทองใจสด เพชรบูรณ์ เขต 6

จ.แม่ฮ่องสอน- นายปกรณ์ จีนาคำ แม่ฮ่องสอน เขต 1

จ.กำแพงเพชร- นายไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร เขต 1,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร เขต 2,นายอนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร เขต 3,นายปริญญา ฤกษ์หร่าย กำแพงเพชร เขต 4

จ.ตาก - นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ตาก เขต 3

จ.ร้อยเอ็ด - นางรัชนี พลซื่อ ร้อยเอ็ด เขต 3

จ.มุกดาหาร - นายวิริยะ ทองผา มุกดาหาร เขต 1

จ.ชลบุรี - นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ชลบุรี เขต 1

จ.นราธิวาส - นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 2,นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3

จ.นครศรีธรรมราช - นายสุธรรม จริตงาม นครศรีธรรมราช เขต 6

จ.สระบุรี - นายองอาจ วงษ์ประยูร สระบุรี เขต 4

จ.ฉะเชิงเทรา - นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ฉะเชิงเทรา เขต 2

41 ว่าที่ ส.ส พรรคพลังประชารัฐ พร้อม! ก้าวข้ามความขัดแย้ง

เปิดรายชื่อ ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เข้าสภาฯ ทั้ง 41 คน ส.ส.แบบแบ่งเขต คะแนนนำ 39 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 ที่นั่ง จะมีใครบ้าง ไปชมกันเลย!!
 

‘บิ๊กป้อม’ ยัน!! ไม่ทิ้งเก้าอี้หัวหน้า ‘พปชร.’ - ไม่ถอยการเมือง ไล่ถามคนปล่อยข่าวยุบพรรคย้ายซบ ‘พท.’ โอดอยู่เฉยๆ แท้ๆ

วันที่ (23 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม กรณีที่มีกระแสข่าวจะลาออกจากการเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า “โอ้โห ยังไม่ได้คิดเลย ต้องไปถามคนที่วิเคราะห์เรื่องนี้ ไปถามเขาดู ออกแล้วผมจะไปไหน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะวางมือถอยทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า จะไปถอยที่ไหน ยังไม่ได้คิดเลย

เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เป็นสิ แล้วผมเป็นอยู่หรือเปล่าล่ะ”

เมื่อถามว่ายืนยันจะไม่ลาออกใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถามเหลือเกิน

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ จะถอยจากการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวที่จะยุบพรรค พปชร.ไปรวมกับพรรคเพื่อไทย แสดงว่าไม่จริงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่คิด คิดแล้วพูดออกมา มาถามตน ทั้งที่ไม่ได้คิด ยังไม่ได้พูดอะไร และอยู่เฉย ๆ แท้ ๆ

เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาเป็นความพยายามสกัดไม่ให้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามคนที่พูดดู

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาพูดเรื่องแบบนี้ในเวลาที่กำลังตั้งรัฐบาลมีจุดประสงค์ เพื่ออะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ต้องไปถามคนพูดดู

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับเอ็มโอยู 23 ข้อของ 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้รับทราบแล้ว แต่จะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา

เมื่อถามว่า เป็นห่วงกรณีที่พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา ต้องไปถามพรรคร่วมกับเขาดู

‘พปชร.’ รักษาแชมป์ ‘เพชรบูรณ์-พะเยา-กำแพงเพชร’ เร่งเดินหน้าขจัดปัญหา พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(23 พ.ค. 66) เปิดพื้นที่ 3 จังหวัด ที่พรรคพลังประชารัฐ รักษาแชมป์ไว้ได้ ว่าที่ ส.ส.กวาดทุกเขต พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร เร่งเดินหน้านำทุกปัญหาเข้าสู่กระบวนการแก้ไข ยืนยันจะทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้อยู่ดีกินดี มีอาชีพที่มั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

โดยว่าที่ ส.ส.พปชร. ทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่

จังหวัดเพชรบูรณ์   
1.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
2.) น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เขต 1
3.) นายจักรัตน์ พั้วช่วย เขต 2
4.) นายบุญชัย กิตติธาราทรัพ เขต 3
5.) นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4
6.) นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เขต 5
7.) นายอัคร ทองใจสด เขต 6

จังหวัดพะเยา
1.) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เขต 1
3.) นายอนุรัตน์ ตันบรรจง เขต 2
4.) นายจีรเดช ศรีวิราช เขต 3

จังหวัดกำแพงเพชร 
1.) นายไผ่ ลิกค์ เขต 1
2.) นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2 
3.) นายอนันต์ ผลอำนวย เขต 3 
4.) นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top