Friday, 17 May 2024
พรรคพลังประชารัฐ

‘ลุงป้อม’ ชู ปุ๋ยครึ่งราคา-เพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนเก็บเกี่ยวข้าว หวังสร้างความมั่นคงให้ชาวนา ช่วยกระดูกสันหลังของชาติพ้นความจน

(30 เม.ย. 66) นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้ความสำคัญกับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีจำนวนมากที่สุด มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมากจากผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว, อ้อย, มันสำปะหลัง, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้ของเกษตรกรไทยแล้ว กลับเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าอาชีพอื่น ๆ ขาดความมั่นคง ก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิต อีกทั้ง มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง

นายชาญกฤช ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจึงออกนโยบายเฉพาะเพื่อเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ โดยเริ่มจากนโยบายที่ 1 นโยบายเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกร ครัวเรือนละ 30,000 บาท นโยบายที่ 2 นโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งภาครัฐจะช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และล่าสุด นโยบายที่ 3 นโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนา อัตราไร่ละ 2,000 บาท จำนวนไม่เกิน 15 ไร่ เป็นเงิน 30,000 บาทต่อราย

'จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี' พปชร. เขต 2 เบอร์ 9 อำนาจเจริญ ดูแลชาวบ้านมาตลอดกว่า 20 ปีทั้งที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส.

'ชาวอำนาจเจริญ' ขอเทใจ "เลือกเธอคนเดียว" จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี พปชร. เขต 2 เบอร์ 9

การลงสนามการแข่งขันครั้งนี้ในจังหวัดอำนาจเจริญ เขต 2 เป็นการสู้กันระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' เจ้าของพื้นที่ กับ 'พรรคพลังประชารัฐ' ผู้ท้าชิงที่เป็นขวัญใจชาวบ้านและประชาชน ทั้งอำเภอเลือกเธอคนเดียวอย่าง 'จันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี' เบอร์ 9

นางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. เขต 2 อำนาจเจริญ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 9 กล่าวว่า ตนเองได้ลงพื้นที่ของเขต 2 ซึ่งมีอยู่ 5 อำเภอประกอบด้วย อำเภอลืออำนาจ, ชานุมาน, ปทุมราชวงศา, พนา และเสนางคนิคม ทุกอำเภอทุกพื้นที่ ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก ประชาชนชอบนโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบายเพิ่มเงินผู้สูงอายุ ที่จัดทำเป็นขั้นบันได เริ่มตั้งแต่ 3,000 บาท อายุ 60 ปีขึ้นไป / 4,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป และ 5,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ นางจันทร์เพ็ญ มองว่า เพราะประเทศไทยนั้นเข้าสู่ภาวะผู้สูงวัยแล้ว ณ วันนี้ การดูแลผู้สูงอายุจึงจำเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามทางพรรคก็ไม่ทิ้งคนรุ่นใหม่หรือเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติด้วยเช่นกัน โดย พรรคพลังประชารัฐนั้น ให้ความสำคัญกับการสร้างชาติ แปงเมือง ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นผู้ดูแลชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย 'แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ' ซึ่งดูแลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 266,000 บาท ต่อเด็ก 1 คน (ตั้งครรภ์ 1 ถึง 5 เดือน รับเดือนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ต่อคน และเด็กแรกเกิด รับเดือนละ 3,000 บาท นาน 6 ปี รวมเป็นเงิน 216,000 บาท)

‘บิ๊กป้อม’ บุกร้อยเอ็ด สักการะหลวงพ่อใหญ่ ก่อนขึ้นปราศรัย ปลื้ม!! ‘ผู้ช่วยเจ้าอาวาส’ ชมตัวจริงยังไม่แก่ ยังดูแข็งแรง

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘บิ๊กแอ๊ด’ ลุยร้อยเอ็ด สักการะพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี ก่อนปราศรัย ปลื้ม ผช.เจ้าอาวาส ชมยังแข็งแรง

(1 พ.ค.66) ที่วัดบูรพาภิราม (วัดพระยืน) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมแกนนำพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรค และสักการะพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพร องค์ยืนที่สูงที่สุดในประเทศไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่คู่เมืองของชาวจ.ร้อยเอ็ด และกราบนมัสการพระครูปริยัติเจติยาภิบาล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบูรพาภิรามพระอารามหลวง ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่หอประชุมสาเกตฮอลล์ 

โดยผู้ช่วยเจ้าอาวาส สนทนากับพล.อ.ประวิตร ว่า ได้เจอตัวจริง ปกติเจอแต่ในโทรทัศน์ มาเจอตัวจริงยังไม่แก่ ยังดูแข็งแรง พร้อมถามว่าอายุเท่าไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ว่า 78 ปี จากนั้นผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตร สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข ความเจริญ ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง หากใครมาวัดพระยืน จะต้องมาสักการะพระใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของ จ.ร้อยเอ็ด โดยองค์หลวงพ่อใหญ่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนมากราบสักการะขอพรเยอะมากโดยเฉพาะนักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนประสบความสำเร็จ ในวันนี้ถ้าปรารถนาอะไรก็ขอให้กราบขอพรจากหลวงพ่อ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้สอบถามว่าวัดพระยืนสร้างมากี่ปี แล้ว ตัวแทนเจ้าอาวาส กล่าวว่า ประมาณ 40 กว่าปี โดยพระยืนมีพุทธคุณด้านการศึกษา และการทำงาน

‘ชัยวุฒิ’ ชูนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ในระยะยาว หนุนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง-สิทธิครอบครองที่ดินถูกกฎหมาย 

‘พปชร.’ ชูนโยบายช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ด้วยโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง พร้อมให้สิทธิครอบครองที่ดินถูกกฎหมาย 

(1 พ.ค. 66) สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี เปิดเวทีบิ๊กดีเบต เลือกตั้ง66 #วาระคนไทย ที่จังหวัดพิษณุโลก

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า เกษตรกรเป็นประชากรกลุ่มหลักของประเทศ พรรคพลังประชารัฐมีความห่วงใยเกษตรกร เนื่องจากปัญหาต้นทุนการผลิตปัจจุบันสูงขึ้นมาก ทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น พรรคพลังประชารัฐเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรีบเข้ามาดูแล ด้วยการลดราคาเชื้อเพลิง น้ำมันเบนซินลดลง 18 บาทต่อลิตร ดีเซล 6 บาทต่อลิตร และผลักดันให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง การจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร การประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ครอบครัวละ 30,000 บาท ที่สำคัญในระยะยาวเพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทางพรรคจะนำเทคโนโลยี สมาร์ทฟาร์ม ในการนำ AI มาช่วยวางแผนการผลิต และพัฒนาระบบชลประทานเพื่อให้มีน้ำพอเพียงต่อการทำเกษตรกรรม

ในเรื่องของการที่ประชาชนบุกรุกพื้นที่ป่า ทางพรรคพลังประชารัฐเข้าใจถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี โดยทางพรรคจะเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์สำหรับพี่น้องที่อยู่มาก่อนจะเป็นพื้นที่ป่า เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พื้นที่ป่าทำมาหากินและอยู่อาศัยได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมชะลอการดำเนินคดีกับชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ป่า ส่วนเรื่องของการเปลี่ยนที่ดินสปก. เป็นโฉนดนั้น ทางพรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีเอกสารสิทธิ์ที่มั่นคง เปลี่ยนมือได้ และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอนาคต  รัฐบาลยังมีการนำโครงสร้างภาษีที่ดิน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนได้ เพราะสำหรับผู้ที่ครอบครองที่ดินถ้าไม่ได้ทำประโยชน์ต้องเสียภาษีให้กับรัฐในอัตราร้อยละ 3 แต่สำหรับผู้ที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินจะเสียภาษีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตรงนี้จะสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ ส่วนการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมนั้น เรื่องนี้รัฐบาลได้ดำเนินการอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องไปดูแลจัดหาที่ทำกินให้ ออกเอกสารสิทธิให้ สร้างที่อยู่อาศัยสำหรับพี่น้องประชาชน ให้ดำรงชีวิตอยู่ได้

‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา’ ยกระดับ สธ.ทั้งระบบ ช่วยคนไทยใกล้ชิดหมอแค่ปลายนิ้ว ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว

(3 พ.ค. 66) เพจของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการเผยแพร่คลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยด้วย นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า…

“จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้เห็นว่า ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้ ซึ่งนโยบายนี้ คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้เกิดขึ้นทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้ง โดยคนไทยทุกคนจะต้องมีสุขภาพที่ดี ด้วยเทคโนโลยีสาธารณสุขใหม่ ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน คนไทยก็ใกล้หมอกว่าที่เคย”

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า จากนี้ไปไม่ว่าจะพบแพทย์จ่ายยาหรือดูแลรักษา จะสามารถเข้าถึงที่บ้านของคนไทยทั่วประเทศ แม้ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ได้ใกล้ชิดหมอมากกว่าเดิม พรรคพลังประชารัฐจะใช้เทคโนโลยีทางไกล เชื่อมต่อทุกบริการทางการแพทย์ คนไทยจะใกล้หมอแค่ปลายนิ้ว เจ็บป่วยจะจัดการได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว

‘นพวรรณ’ เปิดเหตุผลเด็ด ย้ำเตือนคนกทม. ทำไมต้องเลือก ‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง-แก้ปัญหาปากท้อง-กองทุนพัฒนาท้องถิ่น’

‘นพวรรณ’ เปิดเหตุผลคนกทม. ต้องเลือก พปชร. พรรคชัดเจน แก้ปัญหาปากท้อง – ก้าวข้ามความขัดแย้ง

‘นพวรรณ หัวใจมั่น’ เปิดเหตุผลทำไมคนกรุงเทพ ต้องเลือก ‘พลังประชารัฐ’ โชว์นโยบายเด็ด ตั้งกองทุนประชารัฐนำเงินแสนล้านพัฒนาพื้นที่ กทม. เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องประชาชนแบบเร่งด่วน พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความปรองดองเพื่อชาติบ้านเมือง

ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขต12 (เขตบางเขน แขวงท่าแร้ง เขตสายไหม แขวงออเงิน เขตลาดพร้าว แขวงจรเข้บัว) เบอร์ 12 ได้กล่าวถึงเหตุผลที่คนกรุงเทพต้องเลือก พปชร. ว่านอกจากทางพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ที่มีจุดยืนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อเดินหน้าสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ในด้านนโยบายที่ทางพรรคจะผลักดันออกมานั้น ล้วนแต่ทำเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เหมือนดังเช่นที่ผลักดันจนสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร มีความเป็นห่วงประชาชนอย่างยิ่ง จึงได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจของพรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6.30 บาท หรือการลดราคาแก๊สถัง 15 ก.ก. เหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายลดค่าไฟฟ้า ที่จะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่หลายส่วน ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ทางพรรคพลังประชารัฐ ยังได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจไปศึกษาถึงการตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนระดับประเทศในสมัยหน้า ถ้า พปชร.ได้เป็นรัฐบาลจะมีกองทุนนี้ภายใน 4 ปี เป็นการนำเงินจากรัฐบาลกลางเข้าไปช่วยพัฒนาท้องถิ่น

‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม ‘พปชร.’ กระแสดี มั่นใจ!! นโยบายกินขาด ลั่น!! พร้อมจับมือทุกพรรค หากนโยบายต้องตรงกัน

(4 พ.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังแถลงสรุปภาพรวมนโยบายของพรรค พปชร.ถึงถึงเรตติ้งความนิยมของพรรคที่เพิ่มขึ้น หลังนำทีมแกนนำนั่งรถไฟลงพื้นที่ ว่า ดีใจ ถ้าผู้สื่อข่าวสนับสนุน พรรค พปชร.ก็ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 9 วัน จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะว่าพร้อมก็พร้อม แล้วแต่ประชาชนจะเลือก ถ้าเลือกตนก็พร้อม

เมื่อถามว่า ได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียล มีเดียบ้างหรือไม่ พล.อ.ไม่ได้ดูเลย

เมื่อถามว่า มองนโยบายภาพรวมแล้วมีความมั่นใจอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ประกาศออกไป มั่นใจว่าเราทำได้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็ทำได้ทันที เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่า ถ้าคุณเลือกก็ได้

เมื่อถามว่า หลายพรรคเริ่มมีการตีกันจะไม่จับขั้วรัฐบาล โดยระบุว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งที่จะไม่จับมือด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร “ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว” ถ้าได้ 300 กว่าเสียงแล้วจะไปจับกับใครล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะเลือกใคร ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องเชื่อมั่นในประชาชน ต้องไว้ใจประชาชนว่าเขาจะเลือกใคร

เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาขณะนี้แสดงว่าเชื่อไม่ได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ ก็เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือเปล่า แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า มันก็อย่างนี้แหละโพลก็คือโพล เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแสพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ จะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เชื่อมั่น ตนลงพื้นที่มาตลอดทั้งปี พื้นที่เขาก็ต้อนรับตน ไม่เห็นมีใครมาด่าเลย

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ สรุปนโยบายพรรค ก่อนเลือกตั้ง ลั่น!! หากเป็นรัฐบาลทำทันที ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดราคาน้ำมัน’

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ สรุปนโยบาย พปชร.โค้งสุดท้าย ลั่น ถ้าเป็นรัฐบาลทำทันทีทุกอย่าง ชู ยุติความขัดแย้งช่วงวัย ไม่มีลงถนน บริหารประเทศแบบไม่ชะงัก ‘อุตตม’ เผย ภารกิจด่วน กระตุ้นเศรษฐกิจ ‘สนธิรัตน์’ ตีปี๊บ ใช้กองทุนหมู่บ้านเสริมเข้มแข็งชุมชน ‘มิ่งขวัญ’ ย้ำ ลดราคาพลังงาน-ก๊าซแน่ อ้อน ปชช. ขอใจร่มๆ ฟังแล้วไปเลือกเบอร์ 37 ‘คณิศ’ โอ่ พรรคไม่แจกเงินคนรวย ‘ธีระชัย’ กางแหล่งที่มาเงิน ใช้ ‘ไฟแนนซ์นโยบาย’ ทุกโครงการเศรษฐกิจมหภาคโตหมด ‘นฤมล’ สานต่อบ้านประชารัฐ

(4 พ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายคณิศ แสงสุพรรณ ร่วมกันแถลง 'สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ'

พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เหลืออีก 10 วันเท่านั้น จะมีการเลือกตั้ง ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะหาเสียงแล้ว ตลอดระยะเวลา 45 วันหลังจากที่รัฐบาลได้ยุบสภา เราได้หาเสียงกันมาตลอด 45 วัน มุ่งเน้นหาเสียงทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ 7 นโยบายของ พปชร.คือ 1. ก้าวข้ามความขัดแย้ง 2. ก้าวข้ามความยากจน 3. ลดความเหลื่อมล้ำ 4. สร้างสวัสดิการเข้มแข็ง 5. พลิกฟื้นเศรษฐกิจ 6. สร้างความเป็นธรรมของสังคม และ 7. พลิกโฉมการบริหารงานของภาครัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนอยากให้คนไทยมีความรักใคร่ สามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เมื่อประเทศมั่นคง ไม่มีขัดแย้งกันแล้ว จะเกิดความสงบสุข รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ ต่างประเทศจะมาลงทุนในประเทศไทย การค้าขายจะเจริญเติบโต ไม่มีการหยุดชะงักถ้าไม่มีประชาชนมาเดินในถนน เมื่อเราทุกคนมีความเป็นหนึ่งเดียว สามัคคีกัน จะสามารถบริหารประเทศไปได้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตนไม่สามารถทำให้คนไทยมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันได้ การเมืองใครจะคิดอย่างไร อยู่พรรคไหน อยู่ไป ไม่ว่าอะไร แต่เมื่อเลือก ส.ส.มาแล้ว 400 เขต ให้ไปว่ากันในสภา จะแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมาย ไปว่ากันในเรื่องของสภา เพราะเป็นตัวแทนของประชาชน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการบริหารประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชน เมื่อบริหารประเทศโดยไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีหยุดยั้ง ไม่มีการเดินถนน จะทำให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้ บริหารประเทศไปได้ ประชาชนไม่ชอบหรือ ถ้าเราทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าท่านดีขึ้น รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้โดยไม่ติดขัด จึงอยากฝากประชาชนทุกคนว่า ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศต่อไป ความขัดแย้งระหว่างรุ่นอายุ ทุกคนเป็นคนไทยทั้งนั้น ถึงเวลาที่เราจะต้องยุติสักที ฝากกับประชาชนว่าความเป็นคนไทยไม่ว่าจะอายุ หรือเพศไหน อย่างไรเป็นคนไทย ต้องมีความรักใคร่ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ประเทศจะได้เจริญรุ่งเรืองถ้าพวกเราก้าวข้ามความแย้งสำเร็จ มั่นใจว่าคนไทยกว่า 60 ล้านคน จะสามารถก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องน้ำ เรื่องที่ดิน ถ้ามีน้ำจะไม่มีแล้ง มีที่ดินจะไม่มีจน เราจะดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง หาที่ดินทำกิน ส่วนเรื่องน้ำ รัฐบาลทำมาตลอดสี่ปี ทำให้ประชาชนไม่มีแล้งเลย แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลที่ตนได้ดำเนินการมาสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีฝนตกมากจะต้องมีน้ำหลาก ต้องมากันว่าในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีน้ำหลาก ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต่างประเทศน้ำก็เดือดร้อนเพราะน้ำหลากเช่นกัน แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ รัฐบาลสามารถเยียวยาได้

นายอุตตม กล่าวว่า ภารกิจด่วนที่ต้องทำทันทีเมื่อ พปชร.ได้เป็นแกนนำรัฐบาล จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ต้องเร่งเศรษฐกิจให้โต เพราะเศรษฐกิจประเทศไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปี จะแก้ปัญหาความยากจนด้วยการกระตุ้น นอกจากนี้ ต้องลดค่าใช้จ่าย โดยเรื่องค่าใช้จ่ายพลังงาน พปชร.พร้อมจะแก้ไขทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องราคา และเราจะแก้ไขภาระหนี้สินของประชาชนอย่างครบวงจร

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องการสร้างความเข้มแข็งนั้น สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ ใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน จะดำเนินโครงการที่ พปชร.เคยทำมาแล้วในอดีต จะผลักดันกองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่วนภาคเกษตร เราจะลดค่าใช้จ่าย คือ แก้ปัญหาปุ๋ยแพงทันที โดยโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ นอกจากนี้ จะให้ทุนการเพาะปลูก 3 หมื่นบาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการเกษตร คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน ส่วนนโยบายด้านสาธารณสุข จะเน้นสาธารณสุขเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามา มี รพ.สต.เป็นฐานหลัก

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีปัญหาค่าครองชีพ ทุกคนเดือดร้อนกันหมด เริ่มจากน้ำมัน พปชร.จะลดราคาน้ำมันเบนซิลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลิตรละ 6.30 บาท ไม่ว่าน้ำมันโลกจะขึ้นหรือลง เมื่อ พปชร.ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลจะทำทันที ส่วนเรื่องแก๊ส หลังวันเลือกตั้งถ้า พปชร.ได้ขึ้นมาบริหารจัดการ ราคาค่าไฟฟ้าครัวเรือนจะอยู่ที่ 250 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย พปชร.จะทำให้ค่าครองชีพลดลง นอกจากนี้ จะผลักดันนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ โดยอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท อายุ 70 ปี ขึ้นไปได้ 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป ได้ 5,000 บาท ทั้งนี้ เหลืออีก 10 วันจะเลือกตั้งแล้ว ขอให้คนไทยใจเย็นๆ ใจร่มๆ ฟังดรีมทีมเศรษฐกิจของเรา และถามตัวเองว่าใช่สิ่งที่ท่านต้องการหรือไม่ ถ้าใช่ขอให้เลือกเบอร์ 37 ด้วย

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับนโยบายอีสานประชารัฐ อีสานเป็นภาคที่มีความสำคัญ เป็นภาคที่มีประชากรมากที่สุด มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมจำนวนมากและมีแรงงานมากที่สุด ถ้าพัฒนาอีสานได้จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ตลาดโลก เป็นความคิดที่จะดูแลภาคอีสาน เป็นความตั้งใจที่ชาญฉลาดในการพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวอีสาน อีสานประชารัฐ คือ การพัฒนาอีสาน เริ่มต้นจากการที่จะมีโครงการรถไฟความเร็วปานกลางวิ่งตั้งแต่ จ.บึงกาฬ มาถึงภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่อีอีซี

นายคณิศ กล่าวว่า นโยบายของ พปชร.คือ ไม่แจกเงินคนรวย เพื่อให้ทุกคนกลับฟื้นคืนมา ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งนี้ สำหรับนโยบายระยะยาวนั้น เราจะทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ใน 5 จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับดี ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ทำให้ทุกคนดีขึ้น ตอนนี้เราทำแผนกันไว้แล้ว

‘ลุงป้อม’ กินข้าวตลาดบองมาเช่ เป็นการส่วนตัว แม่ค้าขอถ่ายรูปหน้าร้าน บอกช่วงนี้ค้าขายดี

(5 พ.ค.66) พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หรือ ‘ลุงป้อม’ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางลงพื้นที่เป็นการส่วนตัวที่ตลาดบองมาเช่ ทักทายพ่อค้าแม่ค้าประชาชน พร้อม นั่งรับประทานอาหารบริเวณฟู้ดคอร์ท โดยสั่งอาหารที่ร้านค้ามารับประทาน อาทิ ก๋วยจั๊บร้านคุณต๋อย หมูทอดชาววัง เจ้าเก่าวังหลังศิริราช ก๋วยเตี๋ยวแห้งหมู ข้าวมันไก่ ซั้งไห่ ระหว่างรับประทานอาหาร ได้มีประชาชนและแฟนคลับมาขอถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชียร์ให้ลุงป้อมสู้ๆ แฟนคลับบอกลุงป้อมว่า เลือกพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ขอให้ลุงป้อมได้เป็นนายกคนที่ 30

‘บิ๊กป้อม’ ลุยหาเสียง จ.ตรัง พร้อมเซลฟีกับ ปชช.เป็นที่ระลึก ลั่น!! หาก ‘พปชร.’ ได้เป็น รบ.จะทำให้ทุกคนหัวเราะดังกว่านี้

‘บิ๊กป้อม’ เซลฟีบอกรักชาวตรัง เก็บภาพเป็นที่ระลึก โปรยยาหอม แก้ราคาน้ำมันปาล์ม 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ

(6 พ.ค. 66) ที่จังหวัดตรัง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรค พปชร. พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3, นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6, พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจ.ตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร.เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียรเพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ซึ่งขอยืนยันว่า นโยบายแก้ไขปัญหาราคายาง และราคาปาล์ม ของพรรค พปชร.สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที

“เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจ.ตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจ.ตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผมขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไง้กับชาวตรังทุกคนด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top