Friday, 17 May 2024
พรรคพลังประชารัฐ

‘วิรัช’ ปัด!! นโยบายแจกเงินเกษตร 3 หมื่นบาท ไม่ได้ปาดหน้า ‘พท.’  เมินโพล ‘พปชร. อีสาน’  ได้แค่ 2 เก้าอี้ โว!! แค่โคราชก็ 12 คนแล้ว

‘วิรัช’ ลั่น ไม่ได้ปาดหน้า ‘เพื่อไทย’ จ่อออกนโยบายแจกเงินเกษตรกร 30,000 บาท แจง เมินโพล ชี้ พปชร. อีสาน เหลือ 2 ที่นั่งโว โคราช 12 ที่แล้ว

(23 เม.ย.66) ที่จ.นครราชสีมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนโยบายแจก 3 หมื่นบาทให้เกษตรกร 8 ล้านราย ว่า ไม่ใช่นโยบายใหม่แต่เป็นเพียงการเพิ่มวงเงินให้กับเกษตรกร เป็นทุนในการทำนา ทำไร่ ยืนยันการออกมาในช่วงนี้ไม่ได้ต้องการมาตัดหน้านโยบาย 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย เพราะการจะออกก่อนหรือออกหลัง ไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียด มันก็ใช้ไม่ได้พร้อมตั้งคำถามถึงธนาคารแห่งประเทศไทยว่าทำอะไรอยู่ เพราะนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทออกมา 3 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวว่าเรื่องนี้สามารถทำได้หรือไม่ ขอให้ออกมาตอบให้สังคมว่า สามารถใช้ได้หรือไม่ได้ เพราะหากไปถามเพื่อไทย เดี๋ยวก็จะมีเงินสกุลใหม่ออกมาอีก แต่ขอไม่ประเมินว่านโยบายนี้จะไปรอดหรือไม่รอด 

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ปม 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง ชี้!! เป็นเรื่องเข้าใจผิด ลั่น!! “ไม่ใช่ทั้ง 130 ท่าน ที่จะถือหุ้นสื่อ”

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ข้องใจ 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์ลต. ยัน ‘บิ๊กป้อม-ตนเอง ไม่ได้ถือหุ้น  ไล่ดูกม. ให้ชัด เหน็บ ไฟไหม้แค่เขต2 นครนายกฯ เท่านั้น

(24 เม.ย.66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัครส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ กล่าวตอบโต้กรณีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งข้อสังเกตกรณีที่ถูกกกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่2นครนายก ตัดสิทธิ์ลงสมัครส.ส.เพียงคนเดียว จากการถือครองหุ้น เข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส. โดยพาดพิงว่านักการเมืองทั้งหมด 130 คน มีผู้สมัคร ส.ส.ระดับบิ๊กเนม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวพรรค พปชร. และร.อ.ธรรมนัส ยังเดินหาเสียงได้อีก ทำไมไม่ถูกตัดสิทธิ์ 

ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาด ว่า นายชาญชัย คงเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าบุคคลอื่นถือหุ้นสื่อด้วย จึงขอชี้แจงว่า พล.อ.ประวิตร และตนไม่ได้ถือหุ้นสื่อ จึงไม่เป็นความจริงตามที่นายชาญชัย เข้าใจผิด ส่วนรายชื่อ 130 คน ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งมานั้น บอกว่าเป็นผู้มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 130 คนจะถือหุ้นสื่อแต่อย่างใด

“อยากฝากไปบอกคุณชาญชัย ว่า ให้กลับไปดูบทบัญญัติบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3) คือเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆโดยข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติห้ามเด็ดขาด และเหตุการณ์ไม่ได้ถึงขั้นไฟไหม้สำเพ็ง แต่ไหม้เฉพาะนครนายก เขต 2 เท่านั้น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘ดร.เอ๋ บุณณดา’ เลือดใหม่ พปชร.โต้วงดีเบตด้วยหลักการ ตอกหงายผู้แทนพรรคอื่น ด้วยนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 66 ในรายการ THE STANDARD NOW MINI DEBATE นำโดยพิธีกรรายการ ‘อ๊อฟ ชัยนนท์’ จัดวงดีเบต 4 นักการเมืองหญิง จากทั้ง 4 พรรคการเมือง ผ่าน ‘นโยบายสะท้อนจุดยืนพรรค’ ผู้สมัครร่วมดีเบตได้แก่ ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล, ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.(เขตบางพลัด-บางกอกน้อย) พรรคพลังประชารัฐ

เปิดรายการทางพิธีกรยิงคำถาม ถึงผลโพลของว่าที่นายกฯ ว่า พล.อ.ประวิตร หัวหน้า พลังประชารัฐ ยังไม่ติดอันดับ ทางด้าน ดร.เอ๋นั้นมีความหวั่นใจหรือไม่ ด้าน ดร.เอ๋ ได้กล่าวว่า “จากการลงพื้นที่ กระแสค่อนข้างจะแตกต่าง เพราะประชาชนมีความสนใจในเรื่องของบัตรประชารัฐ และความชื่นชอบในตัวของลุงป้อมที่ดูเป็นกลางและก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง”

อ๊อฟ ชัยนนท์ พิธีกรรายการถามถึงนโยบายส่งเสริม เกษตรกรครอบครัวละ 30,000 บาท ทาง ดร.เอ๋ ได้ชี้แจ้งว่า “อยากจะให้มองที่ประโยชน์ของประชาชนหรือเกษตรกรที่จะได้รับมากกว่า ซึ่งวงเงิน 30,000 บาทตรงนี้ สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรไทยได้ ซึ่งถ้าหากพลังประชารัฐได้เข้าไปเป็นรัฐบาล หรือ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ นโยบายนี้สามารถทำทันทีและทำได้เลย สำหรับข้อกำหนดที่จะได้เงินตัวนี้ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและเป็นเกษตรกรเท่านั้น”

ดร.เอ๋ ยังกล่าวอีกว่า “ทุกอย่างต้องมีเวลา ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหลังจากที่ผ่านมา ทางเรารู้แล้วว่าอะไรคือปัญหาเพราะมีประสบการณ์แล้ว”

จากประเด็นมาตรา 112 ด้าน ดร.เอ๋ ได้กล่าวว่า “จริง ๆ แล้วมาตรา 112 ไม่เคยทำร้ายใคร ในการพูดถึงควรที่จะตั้งคำถามอย่างไรให้สุภาพ ให้ถูกต้อง ไม่จาบจ้วงล่วงละเมิด สถาบันฯ โดยเฉพาะสถาบันฯไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมต้องแก้กฎหมายมาตรา 112 อยากจะให้ดูข้อมูลจริงยอมรับความจริง ไม่ใช่พูดแต่ข้อมูลหลอกลวง ใส่ร้ายแต่เรื่องไม่ดี”

อ๊อฟ ชัยนนท์ พิธีกรรายการถามถึงการชูนโยบายการก้าวข้ามความขัดแย้ง ของทางพรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นได้จริงหรือไม่ ดร.เอ๋ ได้กล่าวว่า ถ้าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ พล.อ.ประวิตร ด้านการบริหารทั้งกองทัพและการบริหารประเทศ ท่านสามารถรวบรวมคนเก่งมารวมตัวกันได้ เจรจาไกล่เกลี่ย ประนีประนอม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพียงแต่ยังมีวาทกรรมที่แบ่งฝ่าย ว่าฝ่ายนี้คือเผด็จการ ฝ่ายนี้คือประชาธิปไตย อยากให้เลิกเรียกพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคเผด็จการ เพราะถ้าไม่เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดรัฐประหาร เพราะคนทำรัฐประหารก็ไม่อยากทำเหมือนกัน”

‘สกลธี’ เผย ‘พปชร.’ ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม. หนุน ประชาชนออกกำลังกาย ลดโรค-สร้างสุขภาพที่ดี

( 25 เม.ย. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับ ‘อ้น’ น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 15 (คันนายาว-บึงกุ่ม) หมายเลข 8 เพื่อพบปะประชาชน โดย น.ส.ณิรินทร์ กล่าวว่า สวนเสรีไทยนี้ เป็นหนึ่งในสวนตัวอย่างของ กทม.ที่ไม่ต้องมีขนาดใหญ่มาก แต่เข้าถึงง่าย ใกล้กับหมู่บ้าน แหล่งชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเดินออกกำลังรอบสวนได้ มีความปลอดภัยเพราะมี รปภ.ดูแลตลอด ตนจึงอยากให้มีการสร้างสวนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหลาย ๆ แห่งใน กทม.

นายสกลธี กล่าวว่า เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม.โดยเฉพาะการสร้างสวนขนาดเล็ก ที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที แต่งบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐจึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทขึ้น เพื่อมาช่วยท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค

‘นฤมล’ ฝ่าสายฝน บุก ซ.ละลายทรัพย์ ชูนโยบายกระตุ้น ศก. ลดค่าครองชีพ-ฟื้นฟูย่านการค้า กระจายรายได้สู่ชุมชน

(26 เม.ย. 66) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่สีลมซอย 5 ซอยละลายทรัพย์ ช่วยนายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) เบอร์ 11 หาเสียง เพื่อพบปะพูดคุยผู้ค้าขายในพื้นที่ท่ามกลางฝนที่ตกมาอย่างหนัก โดยมีประชาชนสอบถามเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเรื่องราคาพลังงาน ไฟฟ้า แก๊ส การลดค่าครองชีพ และการฟื้นตัวของการค้าขาย

นางนฤมล กล่าวว่า ผู้สมัคร กทม.พรรค พปชร.ลงพื้นที่ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้าย การลงพื้นที่ซอยละลายทรัพย์ จะเน้นในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชนฐานราก และนโยบายลดค่าครองชีพ ที่พรรคมีนโยบายภาพรวมแก้ปัญหาครบทุกภาค ทั้งภาคตะวันออก ภาคใต้ และให้ความสำคัญสำหรับทุกภาคของประเทศไทย สำหรับการพัฒนาพื้นที่ ไม่ใช่ดูแลคน กทม.อย่างเดียว จะพัฒนาจังหวัดโดยรอบ เน้นไปที่ประชาชนว่าจะกระจายรายได้ไปถึงเขาได้อย่างไร

ผู้สมัครบางคนถูกถอดสายน้ำเกลือแล้ว  ลุ้น!! ‘สุนทร’ ชิงกันเข้าวินกับ ‘น้องบีท’

แม้ชื่อของ เชาวศิลป์ บุญประเสริฐ (รองโข่ง) จะปรากฏเป็นกระแสอยู่ระยะหนึ่งกับการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 8 นครศรีธรรมราช (ฉวาง-นาบอน-ช้างกลาง-พิปูน) ในนามพรรคเพื่อไทย และก็ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสพอใช้ได้ จนโพลบางสำนักยกให้อยู่อันดับ 1 เมื่อบวกกับกระแสเพื่อไทยทั่วประเทศ ยิ่งส่งแรงบวกให้รองโข่งมากขึ้น

แต่ก็ต้องเข้าใจตรงกันนะว่า ภาคใต้ไม่ใช่ฐานที่มั่นของเพื่อไทย แม้ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ จะลงไปคลุกอยู่ในพื้นที่นครศรีธรรมราชหลายครั้ง แต่ไม่น่าจะช่วยอะไรก็ได้มากนัก แต่คะแนนพรรคคงมีทุกเขต

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน การเมืองก็เปลี่ยน ฝ่ายคู่แข่งงัดกลยุทธ์ ขุดวิชาขึ้นมาใช้ น่าจะทำให้กระแสเสียงของรองโข่งแผ่วลงไปบ้าง เมื่อกระสุนไม่พอ กระแสก็ไม่เกิด ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การออกเดินพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งแบบ ‘หามรุ่งหามค่ำ’ และค่ำไหนนอนนั้น (นอนวัด) ของ ‘สุนทร รักษ์รงค์’ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ คู่ไปกับการตั้งวงพูดคุยแลกเปลี่ยนในสไตล์ที่ถนัด ยิ่งทำให้กระแสเสียงของสุนทรค่อยๆ ขยับตัวมาดีขึ้น พูดได้ว่าน่าจะอยู่อันดับ 1 แล้วเวลานี้

ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งความพร้อมของพรรค และตัวผู้สมัคร สุนทร บุกหนักทั้งงานจัดตั้งแกน งานด้านสื่อ และโครงการสุนทรนอนวัด 21-25 เมษายน ที่เดินเท้าขอคะแนนถึงบ้านตอนกลางวัน ถึงเวลากลางคืนจัดเวทีเสวนาที่วัด เพื่อรับฟังปัญหา ความต้องการของชาวบ้าน และรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปเสนอพรรคเพื่อทำนโยบายเชิงพื้นที่ 

ถ้าสุนทรใช้วิชาที่ถนัดแบบเต็มแม๊ก เดินเท้าทุกชุมชน เพื่อขอคะแนนเสียง เปิดเวทีย่อย-เวทีใหญ่ ให้ครบทั้ง 5 อำเภอ 

พรรคภูมิใจไทย มุกดาวรรณ ม้าตีนต้นเริ่มแผ่ว น่าจะมีปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยงร่างกายขาดน้ำเกลือ ย่อมอ่อนเพลียเป็นธรรมดา

กล่าวสำหรับเขตนี้ ก็ไม่ควรมองข้าม ‘น้องบีท’ ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ จากประชาธิปัตย์ ลูกสาวชินวรณ์ ก็เชื่อว่า ชิณวรณ์จะต้องออกแรงหนัก เพื่อดันน้องบีทให้แจ้งเกิดทางการเมือง โดย ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ ในฐานะเคยเป็น ส.ส.เขตนี้มาก่อนก็ต้องจับมือ ‘ชิณวรณ์’ ช่วยน้องบีทอีกแรง เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า แต่ต้องแก้ให้ได้กับกระแสไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่เอาการสืบทอดสู่ทายาท เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า 

‘สนธิรัตน์’ ขึ้นเวทีดีเบต ชู บัตรประชารัฐ ช่วยผู้มีรายได้น้อย ย้ำ!! เจตนารมณ์ดูแลกลุ่มเปราะบางให้ตั้งตัวได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี

(27 เม.ย.66) ที่สถานีโทรทัศน์ PPTV กรุงเทพฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีดีเบต ‘เลือกตั้ง 66 ฟังเสียงคนไทย’ ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ PPTV มีตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ เข้าร่วมดีเบต โดยนายสนธิรัตน์ ได้ตอบคำถามเรื่องการยกระดับรายได้ และแก้ปัญหาความจนของประชาชนว่า บัตรประชารัฐเกิดจากทีมที่พวกตนร่วมทำกัน ซึ่งเจตนารมณ์คือต้องการช่วยหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี ซึ่งผู้ที่มีรายได้น้อย รัฐฯ ต้องดูแล

อย่างไรก็ตาม เจตนาจริง ๆ ของบัตรประชารัฐไม่ใช่การนำเงินมาแจก แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีข้อมูล ไม่รู้ว่าคนจนอยู่ไหน การทำบัตรประชารัฐทำให้มีฐานข้อมูล ทำให้เรารู้ว่าคนจนอยู่ที่ไหน เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้พี่น้องได้ถูกต้อง แต่ก็ต้องใส่แรงจูงใจเข้าไป ไม่ใช่แค่ให้เขาเข้ามาเฉย ๆ ซึ่งเงิน 300 บาทก็มีความหมาย หากพรรคพลังประชารัฐได้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เราต้องการแก้ปัญหาความยากจน โดยเพิ่มเงินเป็น 700 บาท พร้อมทั้งนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาแก้ความยากจน โดยทำให้พี่น้องประชาชนมีโอกาสในการสร้างรายได้ ให้พ้นปีละ 1 แสนบาท ซึ่งเท่ากับว่าเรามีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำให้พ้นความยากจน ให้พี่น้องได้มีอาชีพ ตั้งตัวได้ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี

‘บิ๊กป้อม’ ปราศรัยใหญ่ที่สงขลา ชู หนุนภาคใต้สู่เขต ศก.พิเศษ สร้างอาชีพ-รายได้ให้ลูกหลาน อ้อน ปชช.เลือก ‘พปชร.’ ทั้ง 9 เขต

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมแกนนำพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำภาคใต้, นายคณิศ แสงสุพรรณ ทีมนโยบายพรรค ปราศรัยนำเสนอนโยบาย และแนะนำผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ทั้ง 9 เขต ได้แก่

เขต 1 นายภวัต นิตย์โชติ เบอร์ 7
เขต 2 นายอดิสัณห์ ชัยวิวัฒน์พงศ์ เบอร์ 6
เขต 3 นายอาทิตย์ สุวิทย์ เบอร์ 5
เขต 4 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เบอร์ 1
เขต 5 นายญาณพง เพชรบูรณ์ เบอร์ 6
เขต 6 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์  เบอร์ 5
เขต 7 นายธเนศ ล่องนาวา เบอร์ 7
เขต 8 นายธีรพงศ์ ดนสวี เบอร์ 3
เขต 9 นายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว เบอร์ 2

ทั้งนี้ ได้มีประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยเต็มความจุศูนย์ประชุมฯ พร้อมส่งเสียงเชียร์เบอร์ 37 และโบกธงโลโก้พรรคเพื่อให้กำลังใจ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรค พปชร.นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ ทั้งเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน ลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้า ทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ จะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายดูแลทุกช่วงวัย ‘แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ’ แจกเงินคนท้อง เดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลบุตรเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ เพื่อให้สตรีมีขวัญกำลังใจในการช่วยกันเพิ่มประชากร รวมถึงนโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีที่ดินทำกิน ไม่มีจน เราจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีที่อยู่ที่อาศัย และมีเงินสนับสนุนเงินให้เกษตรกร ทั่วประเทศ จำนวน 30,000 บาท ทั้ง 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจน

ด้านนายนิพิฏฐ์ กล่าวปราศรัยว่า ถ้าเลือกพรรค พปชร.หมายความว่า ประชาชนเลือกตัวแทนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่จะมาดูแลพวกเราอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ชีวิตของชาวใต้ยกระดับขึ้น ขอให้ทุกคนคิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับอะไรคืนมา ประเทศไทยวันนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พรรคพลังประชารัฐจึงเล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุในประเทศไทยทุกคน ด้วยการมอบสวัสดิการดูแลเป็นรายเดือน รวมไปถึงอนาคตของลูกหลานของเรา ก็ต้องได้รับการดูแลตั้งแต่คลอดออกมา และต้องมีการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปอย่างมีศักยภาพและจะเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศไทยของเราต่อไป ซึ่งคนทั้ง 2 กลุ่มถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง ปกป้องให้พวกเขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็ง

นางนฤมล กล่าวว่า เรามั่นใจว่าเราจะได้รับความเมตตาจากพี่น้องที่นี่ ผู้สมัครครั้งนี้แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่จะเข้ามาดูแลสวัสดิการของประชาชน แต่พรรค พปชร.เป็นพรรคแรกที่พูดแล้วทำจริง ตั้งแต่ปี 62 และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราต้องการจะเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ให้เข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กเกิดมาก็ต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ประชาชนทั่วไปต้องได้รับการส่งเสริมให้มีอาชีพ เพื่อที่เขาจะสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองให้ได้ สิ่งนี้ภาครัฐก็จะต้องเข้าไปดูแลเช่นกัน

“เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งนี้หลังจากวันที่ 14 พ.ค.เมื่อเราเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อ จะพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ ผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้มีความเจริญมากขึ้น จึงขอฝากผู้สมัครทั้ง 9 คน ของพรรค”

‘สกลธี’ จี้ กกต.เร่งสร้างความเข้าใจบัตรเลือกตั้ง เหตุ ปชช.ยังสับสน แนะ อย่าทำงานเน้นความสะดวกส่วนตน จนกระทบผู้ใช้สิทธิ์

(29 เม.ย. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่สวนพฤกษชาติคลองจั่น ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ร่วมกับนางนฤมล รัตนาภิบาล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 14 (บางกะปิ-วังทองหลาง) หมายเลข 5 เพื่อพบปะประชาชน

โดยนางนฤมล กล่าวว่า ตนเป็น ส.ก.มา 3 สมัย จึงรู้ปัญหาและความต้องการของคนในพื้นที่ดี เขตบางกะปิเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่น จึงมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ขาดพื้นที่สีเขียว และปัญหาน้ำท่วมเพราะท่อตัน อีกทั้งยังมีการจราจรหนาแน่น ซึ่งแม้จะมีรถไฟฟ้าเข้ามา 2 เส้นทางคือสายสีส้มและสายสีเหลือง แต่ยังขาดการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกมากอย่างที่ควร

​“ปัญหาเหล่านี้จะหวังพึ่งท้องถิ่นอย่าง กทม.อย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีงบประมาณไม่พอ และบางปัญหาบางพื้นที่ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน หากดิฉันได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในฐานะ ส.ส. จะสามารถประสานงานกับทุกหน่วยงานและแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ให้พี่น้องประชาชนได้มากกว่าเดิม จึงอยากขอโอกาสจากชาวบางกะปิ วังทองหลางด้วย” นางนฤมล กล่าว

‘ดร.รงค์’ เปิดใจครั้งแรก ไม่ขออยู่ร่วมพรรคนายทุน ถึงจะรัก ‘ลุงตู่’ หมดใจ แต่วันนี้ขอเลือกอยู่กับ ‘ลุงป้อม’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30

‘ดร.รงค์’ เปิดใจครั้งแรก ไม่ขออยู่ร่วมพรรคนายทุน ถึงจะรัก ‘ลุงตู่’ หมดใจ แต่วันนี้ขอเลือกอยู่กับ ‘ลุงป้อม’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30

(30 เม.ย. 66) รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 1 เขต 1 จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ขณะลงพื้นที่หาเสียงได้กล่าวถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ ‘พรรคลุงตู่’ ว่า ตนเป็นอีกหนึ่งคนที่รักลุงตู่ แต่เลือกที่จะอยู่พรรคลุงป้อม เพราะตนมองว่าพรรคของลุงตู่เป็นพรรคนายทุน โดยระบุว่า…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top