Sunday, 19 May 2024
ประชาธิปัตย์

‘อลงกรณ์’ ชู 10 นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมประมงครบวงจร ภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีฟ้า หวังดันไทย สู่ ‘ผู้นำด้านประมง’

(5 พ.ค. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเพชรบุรี เขต 1 ในฐานะทีมเศรษฐกิจกล่าวในเวทีดีเบต ‘อนาคตประมงไทยหลัง
การเลือกตั้ง’ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 66 ที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ThaiPBS) ว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นในศักยภาพประมงไทยโดยยกระดับนโยบายประมงเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติ บนแนวทางการพัฒนาประมงอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายประเทศผู้นำประมงโลกภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีฟ้า (Blue Economy) สร้างมูลค่า 6 แสนล้าน สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ 5 แนวทาง ได้แก่

1. เร่งรัดพัฒนาอุตสาหกรรมประมง กระจายการลงทุน 18 กลุ่มจังหวัด 
2. สร้างฐานใหม่ เขตเศรษฐกิจพิเศษประมง อ่าวตัว ก., อันดามัน, อ่าวไทย, 4 จังหวัดใต้สุด และทุกภาค 
3. ส่งเสริมการลงทุนประมงไทยในต่างประเทศ 
4. ฟื้นฟูพัฒนาประมงสู่ศักยภาพใหม่ ทั้งประมงนอกน่านน้ำ ประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน อุตสาหกรรมกุ้งไทย และประมงเพาะเลี้ยงรวมถึงอุตสาหกรรมประมงแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแห่งอนาคต (สาหร่าย โปรตีนทางเลือกใหม่) ประมงอินทรีย์ ประมงมูลค่าสูง (เวชสำอาง วิตามิน ยา อาหารเสริม) และประมงท่องเที่ยว
5. เดินหน้าการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก

'ประชาธิปัตย์' ชูนโยบาย 'ตัดหนี้ 70,000 ล้าน' ปลดทุกข์เกษตรกรสูงวัยเกษตรกรทุพลภาพ 3 แสนราย

'อลงกรณ์' ยืนยัน ปชป.แก้ปัญหาหนี้เกษตรกรแนวใหม่อย่างยั่งยืนแบบมืออาชีพมีประสบการณ์จริงไม่กระทบฐานะการเงินของธกส.และไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรวันนี้ (5พ.ค.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรอย่างยั่งยืน รวมทั้งนโยบายเติมทุนเติมเงินอัดฉีดก้อนใหม่เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร โดยจะตัดหนี้ให้เกษตรกรสูงวัย มีอายุมากเกิน 65 ปี หรือทุพลภาพไม่สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว มีอยู่ประมาณ 300,00 ราย มีมูลหนี้ประมาณ 70,000 ล้านบาท จะยกหนี้ให้แก่เกษตรกรผู้สูงอายุ เป็นการตอบแทนคุณความดีที่ผลิตสินค้าให้เป็นอาหารแก่คนไทยมาอย่างยาวนาน หลุดพ้นจากความทุกข์ยากจากการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวโดยตัดเป็นหนี้สูญ 

‘ดร.เอ้’ ปราศรัยปลุกใจชาวกระบี่!! ดันสร้าง ‘มหาวิทยาลัยอันดามัน’ ชี้ เพื่อจุดเปลี่ยนของการศึกษา พร้อมเชื่อมวิสัยทัศน์ ‘สร้างคน’ ของ ‘ปชป.’

(6 พ.ค. 66) ‘ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมงานปราศรัยเย็น เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 ณ ลานปูดำ จ.กระบี่ โดยมี 'นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' หัวหน้าพรรค ขึ้นปราศรัยก่อนหน้า และผู้สมัคร ส.ส. กระบี่ ทั้ง 3 เขต คือ เขต 1 นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) เบอร์ 3 เขต 2 นายสาคร เกี่ยวข้อง เบอร์ 5 และเขต 3 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล (น้ำผึ้ง) เบอร์ 5 

นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ตั้งแต่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และนายทวีเกียรติ ใจดี ร่วมปราศรัยอย่างคับคั่ง 

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีหน้าที่สร้างคนวิชาชีพให้มีคุณภาพ และจำนวนมากพอ ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม สร้างเศรษฐกิจ เพื่อการแข่งขันของชาติ ดังนั้นจึงต้องมีมหาวิทยาลัย อย่างทั่วถึง ครอบคลุม เท่าเทียม และเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ 'สร้างคน' ของพรรคประชาธิปัตย์ 

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ต้องอยู่กระจายให้ครบทุกภูมิภาค ไม่เช่นนั้น เด็กไทยในแต่ละพื้นที่ย่อมเสียโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับวิชาชีพ นอกจากประเทศเสียหาย พื้นที่ก็เสียโอกาส วันนี้จังหวัดฝั่งอันดามันยังไม่มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนครบสาขาเลย ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่ฝันอยากเป็นวิศวกร หมอ นักบัญชี หรือแม้แต่นักกฎหมาย ต้องไปเรียนไกลบ้าน ที่กรุงเทพฯ หรือหัวเมืองต่างจังหวัด

‘ชนินทร์’ อ้อนขอโอกาส ปชช. อีกครั้ง หากในอดีตยังคงโกรธ ‘ปชป.’ พร้อมปล่อยคลิป “คุณคือลมหายใจ” เพื่อส่งสารไปยังคนกรุงเทพฯ

(8 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พรรคการเมืองต่างปรับยุทธศาสตร์การหาเสียง โดยความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีความน่าสนใจ คือ นายชนินทร์ รุ่งแสง ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางกอกน้อย บางพลัด เบอร์ 7 ภายหลังที่การหาเสียงสะดุดไปหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากติดโควิดและประสบอุบัติเหตุ ล่าสุดเมื่อออกจากโรงพยาบาล นายชนินทร์จึงเร่งหาเสียง และเพิ่มจัดทำคลิป “คุณคือลมหายใจ” เพื่อส่งสารไปยังคนกรุงเทพฯ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Chaninroongsang และแอปพลิเคชันติ๊กต็อก https://www.tiktok.com/@bang_chanin

นายชนินทร์ กล่าวว่า ความรู้สึกในคลิปดังกล่าวเปรียบได้ว่าตนเป็นตัวแทนของเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนในกรุงเทพฯ ที่ทำงานอย่างไม่ย่อท้อให้กับพื้นที่ของตัวเองตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำนี้ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพฯ แล น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง มาร่วมในคลิปนี้ด้วย ซึ่งตนได้เลือกเพลงประกอบที่มีเนื้อหาใจความประกอบตรงกับสถานการณ์

‘อภิสิทธิ์’ ลุยตลาดพลู ชวนเจ้าของประเทศไปใช้สิทธิ์ 14 พ.ค. นี้ อ้อนขอคะแนนให้ ‘แนน ศิริภา’ การันตีความสามารถ พร้อมรับใช้ปชช.

(8 พ.ค. 66) ที่ตลาดพลู เขตธนบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงให้ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ หมายเลข 11 พรรคปชป. โดยนายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถปราศรัยขนาดเล็กปราศรัย เชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. นี้ เพื่อยืนยันสิทธิและยืนยันความเป็นเจ้าของประเทศ เพื่ออนาคตของทุกคน โดยขอให้พี่น้องชาวธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ เข้าคูหาเลือก น.ส.ศิริภา เบอร์ 11 บัตรสีม่วง มาเป็นผู้แทนของพี่น้องชาวฝั่งธนบุรี ส่วนบัตรสีเขียว เลือกหมายเลข 26 พรรคประชาธิปัตย์

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้ามาให้กำลังใจ ขอถ่ายรูปกับ นายอภิสิทธิ์ และบอกคิดถึงนายอภิสิทธิ์ เป็นจำนวนมาก โดยนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับ น.ส.ศิริภา ได้เดินเท้าพบปะพี่น้องประชาชน ที่มาเดินทางมาท่องเที่ยวตลาดพลู รวมถึงประชาชนที่มารอใช้บริการรถไฟที่สถานีรถไฟตลาดพลู เพื่อขอคะแนนเสียงและแสดงความตั้งใจในการเลือกตั้งครั้งนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า น.ส.ศิริภา เป็นคนรุ่นใหม่ของปชป. ตนได้มีโอกาสทำงานกับ น.ส.ศิริภา  โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการต่างประเทศ ของพรรคปชป. น.ส.ศิริภาเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคที่มีบทบาทสำคัญ ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการประชุมในการประชุมตัวแทนของพรรคการเมืองในระดับภูมิภาคมาแล้วหลายครั้ง ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ และยังเป็นเลขาส่วนตัวของ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ จึงขอยืนยันว่า น.ส.ศิริภา เป็นบุคคลที่มีความพร้อม มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชน ในนามของพรรคประชาธิปัตย์

ชาวสงขลากว่า 6 หมื่น แห่ฟังปราศรัยใหญ่ ปชป. ด้าน 'นิพนธ์' ลั่น!! ประชาธิปัตย์ ไม่มีวันตาย

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และขุนพลฝีปากกล้าพรรคประชาธิปัตย์, นางวทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์) ประธานคณะกรรมการการเมืองพรรคปชป. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) ประธานการศึกษาทันสมัยพรรคปชป. ร่วมด้วยผู้นำท้องที่ โดยนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบ จ.สงขลา และสมาชิกสภา อบจ.สงขลา ขึ้นเวทีปราศรัยโค้งสุดท้าย ขอคะแนนเสียงช่วย 3 ผู้สมัคร 3 เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 4 เขต 2 นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 4 และเขต 3 นายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 4 และขอเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์หมายเลข 26 ณ สนามสอนขับรถยนต์ คลอง ร.5 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องว่าทำไมต้องเลือกประชาธิปัตย์ เพราะหลายคนมองว่าประชาธิปัตย์ไม่ทำอะไรเลย จึงขอเรียนว่าสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำ อยากให้ทุกคนลองไปทบทวน อย่างน้อยบางสิ่งที่บอกได้คือ เรื่องของนมโรงเรียน ประชาธิปัตย์คิดสมัยท่านชวนเป็นนายก ตั้งแต่ปี 2536 มาถึงวันนี้ ปี 2566 ลูกหลานทุกคนยังได้ดื่มนมโรงเรียน นี่คือนโยบายประชาธิปัตย์ นี่คือสิ่งที่ท่านชวนคิดเมื่อ 30 ปีที่แล้วยังไม่มีใครกล้ายกเลิก ให้ดื่ม 5 วันต่อหนึ่งสัปดาห์ ปีหนึ่งดื่ม 250 วัน รอบนี้ประชาธิปัตย์มาประกาศถ้าได้เป็นแกนนำร่วมรัฐบาลจะให้ลูกหลานพี่น้องดื่มนมตลอดทั้งปีคือ 365 วัน นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำในเรื่องสร้างคน และด้วยนโยบายของพรรค ทำให้ลูกหลานได้กินอาหารกลางวันอีก และลูกหลานพี่น้องถ้าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพก็ต้องขายนาขายสวน ส่งให้ลูกเรียน มาวันนี้พี่น้องสามารถส่งลูกเรียนจนจบปริญญาไม่ต้องขายนาขายสวน ซึ่งท่านชวนได้ตั้งกองทุน กยศ.ขึ้นมาเพื่อให้ลูกหลานได้ เรียนหนังสือ ซึ่งปัจจุบันมีเด็กที่จบด้วยทุน กยศ.มีเป็นหกล้านคน นี่คือสิ่งที่พรรคทำ ยังไม่พอสมัยที่ท่านอภิสิทธิ์เป็นนายก นายจุรินทร์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษามีฟรี 5 อย่างคือชุดนักเรียนฟรี กระเป๋าหนังสือฟรี รองเท้าฟรี ทัศนศึกษาฟรี อุปกรณ์การเรียนฟรี ประชาธิปัตย์คิดเพิ่อลดค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องมาถึงวันนี้ก็ยังใช้ฟรี แต่ถ้าไม่มีนโยบายนี้ทุกคนต้องจ่ายเงินเอง 

วันนี้ประชาธิปัตย์คิดต่อ และรอบนี้ถ้าพรรคไปเป็นแกนนำรัฐบาล จะให้ลูกหลานเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ในสาขาที่ขาดแคลน นี่คือความหมายสร้างคนของประชาธิปัตย์ คิดเรื่องสร้างคน เมื่อเทียบนโยบายต่อนโยบายว่าพรรคการเมืองเหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์เวลาบอกกับพี่น้อง พูดอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้จะไม่พูด นี่คือประชาธิปัตย์ 

พี่น้อง อสม. ก็เช่นกัน ได้ค่าตอบแทนในสมัยที่ท่านอภิสิทธิ์เป็นนายก และเป็นคนแรกที่ให้ค่าตอบแทนแก่ อสม.เพราะนี่เป็นนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ มาถึงวันนี้ยังไม่มีใครกล้ายกเลิกเบี้ยผู้สูงอายุเริ่มตั้งแต่ท่านชวนให้คนละ 200 บาท ไว้ซื้อหมากซื้อพลู ไข่เป็ด ไข่ไก่แต่ให้เฉพาะคนจน ต่อมาเพิ่มเป็น 300 บาท จนถึงพลเอกสุรยุทธ ให้ 500 แต่ยังให้กับคนจน จึงเป็นที่มาที่ว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนคัดเลือกคนจนเอง จนมีข้อครหานินทาเกิดขึ้น นี่คือความไม่เท่าเทียมจนถึงสมัยท่านอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เราคงบอกว่าใครอายุ 60 ปีขึ้นไปได้ทุกคน นี่ก็เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์

นิพนธ์ กล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์อยู่มา 77 ปี ย่างเข้าปีที่ 78 ประชาธิปัตย์ไม่ตายแล้ว เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมา 8 คน ตั้งแต่นายควง อภัยวงศ์, หม่อมเสนีย์ พ.อ.ถนัด คอมันต์, นายพิชัย รัตกุล, นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ,  นายอภิสิทธิ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีวันตาย ขอให้เชื่อได้ พรรคบางพรรคขอมาเป็นนายกปีกว่าๆ เท่านั้น แต่ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง จึงไม่เชื่อว่าพวกเราจะไม่เลือกนายชวน เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่เลือกนายชวน

นี่คือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาแล้ว ซึ่งถ้าวันที่ 14 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ถ้าพี่น้องเลือกประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล ประชาธิปัตย์มีนโยบายอีกหลายเรื่อง 

พี่น้องข้าราชการ เราจะเอาเงินที่เป็นสมาชิก กบข. ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือของกระทรวงแรงงาน เราจะเอาเงินจากกองทุนสมทบที่มีอยู่ในสองกองทุนนี้ประมาณเกือบสามล้านล้านบาท เราจะเอาออกมาเพียง 10% หรือ สามแสนล้านมาให้พี่น้องไปซื้อบ้านได้ หรือนำไปชำระหนี้ค่าผ่อนบ้านได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน นี่คือทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ พี่น้องไม่ต้องเป็นหนี้ไม่ต้องรับภาระเรื่องดอกเบี้ย เงินของพี่น้องที่ฝากอยู่ในกองทุนทุกๆ เดือน เอาเงินนี้มาให้ข้าราชการมาชำระหนี้ได้เลย นี่ประชาธิปัตย์คิดเรื่องแบบนี้ นี่คือสิ่งบอกว่าทำไมต้องเลือกประชาธิปัตย์

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

5 ผู้สมัครฯ เขต 3 ปทุมฯ ถกเดือด!! ปมก๊วนอิทธิพล ปทุมฯ ครองจังหวัด งัดนโยบายพรรคประชัน!! ผ่านเวทีดีเบต THE STATES TIMES

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 THE STATES TIMES จัดเวทีดีเบต 'ถลกข่าว ถลกปัญหา' จับตาโค้งสุดท้ายนโยบายแก้ไขปัญหาพื้นที่เขต 3 ปทุมธานี ณ พื้นที่เขต 3 จังหวัดปทุมธานี ตลาดจัมโบ้ องค์การบริหารส่วนตำบล คลอง 3 ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ทั้งหมด 10 พรรคการเมือง  

สำหรับการดีเบตครั้งนี้ ได้ผู้สมัคร ส.ส. มาร่วมดีเบตทั้งหมด 5 พรรค ได้แก่ นายสุทัศน์ พรหมมาศ เบอร์ 3 พรรคไทยภักดี, ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ, นายชัยพร จันทนา เบอร์ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ เบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์, นายโชคชนะ ทวีกุล เบอร์ 10 พรรคพลังปวงชนไทย ดำเนินรายการโดยนายสถาพร บุญนาจเสวี

เกี่ยวกับประเด็นเรื่องกลุ่มอิทธิพลในท้องที่ นายสุทัศน์ พรหมมาศ เบอร์ 3 พรรคไทยภักดี กล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปทุมฯ หรือพื้นที่ไหน ก็ล้วนมีกลุ่มอิทธิพล กลุ่มคนพวกนี้จะมาทำลายประเทศชาติ ซึ่งตนมั่นใจว่าพื้นที่ปทุมธานีมีการทุจริต ชาวบ้านที่ถูกอิทธิพลไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัว ถ้าพ่อแม่พี่น้องปลดล็อกความกลัวและกล้าพูด บ้านเมืองเราจะดีขึ้น ขณะนี้ยังมีผู้มีอิทธิพลจากต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาในประเทศไทย ถ้าพรรคไทยภักดีได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ตนจะเข้าไปปราบโกงและจับคนพวกนี้ให้หมดไปจากประเทศไทย”

ด้าน ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ”จริงๆ แล้วบ้านเรามีความโกงอยู่ในตัวเอง เพราะว่าคนที่เป็นการเมืองท้องถิ่น มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองระดับประเทศ มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นอสม., กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน การโกงจึงมีมาตลอด ดังนั้นนักการเมืองทุกคนควรมีหลักธรรมาภิบาล ดังนั้นพรรคยืนยันว่าจะไม่ร่วมงานกับคนโกงแน่นอน"

นายชัยพร จันทนา เบอร์ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า "ตนอยู่วงการตุลาการมา 30 กว่าปี เป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างมากที่ปทุมธานีไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อก่อนเป็นเมืองธรรมมะไปเมืองธรรมมะ แต่ตอนนี้การเมืองท้องถิ่นกลับมีแต่กลุ่มอิทธิพล แค่เรื่องการทำงานก็จะเห็นได้ว่ามีการนำลูกท่านหลานเธอ เด็กฝาก มาทำงาน เราจึงควรมีหลักธรรมาภิบาลถึงจะทำให้ปทุมธานีพัฒนาไปข้างหน้าได้"

นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ เบอร์ 8 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า "จุดยืนของตนต้องการทำงานอย่างสุจริต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองมีนโยบายเรื่องความสุจริตอยู่แล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา 4 ปี ตนมองว่ามันเป็นการดูถูกประชาชน สำหรับคนที่ซื้อเสียงในพื้นที่เขาต้องใช้เงินหลายสิบล้าน พี่น้องประชาชนอย่าดูถูกตัวเองด้วยการรับเงินจากคนโกง เพื่อปทุมธานี"

นายโชคชนะ ทวีกุล เบอร์ 10 พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า "สำหรับตนไม่มีอะไรมาก เพราะตนเห็นว่าการเมืองปทุมธานีมีสิ่งไม่ดีเข้ามา ตนต้องแก้ไข ปัญหาทุจริตการโกง ให้สิ้นซากไปจากปทุมธานี  ยังไงเราทุกคนต้องช่วยกันกำจัดกลุ่มอิทธิพลและคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทย"

‘อภิสิทธิ์’ ลั่น!! ขอให้นึกถึงประเทศเป็นหลัก อย่าเลือกเพราะเกลียด-กลัว ยืนยัน ‘ปชป.’ มีคนทุกรุ่น สามารถช่วยประเทศฟันฝ่าวิกฤตไปได้

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์จัดการปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ภายใต้ชื่องาน “#SAVEประชาธิปัตย์ เพื่อ #SAVEประชาธิปไตยไม่โกง” โดย นายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปราศรัยว่า ก่อนเข้าสู่การเมืองตนอายุ 27 ปีไม่มีสตางค์ ไม่มีอิทธิพล แต่มาใกล้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ประชาชนให้การสนับสนุน ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณประชาชน และพรรคที่สังกัดตลอดไป ตนอยากมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนกับพรรคอื่นแน่นอน เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ ขณะที่พรรคอื่น ถ้าเอ่ยชื่อบางพรรค ก็จะร้องอ้อ รู้เลยว่า ตั้งขึ้นมาไว้สนับสนุนลุง อีกพรรคก็มีลุงอีกคน ส่วนอีกพรรคเป็นของเสี่ย และอีกพรรคมีคนแดนไกลกำกับอยู่หรือป่าว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน เพราะ 77-78 ปี พรรคประชาธิปัตย์มีไว้เพื่อสืบสานอุดมการณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล แต่มีประชาชนเป็นเจ้าของพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ไปร่วมร่างนโยบายกับพรรค แต่รู้ว่าสิ่งที่กำหนดออกมามีการหารือกับนักการเมืองของพรรคที่ล้วนแต่เป็นตัวแทนของประชาชน แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย ดังนั้นนโยบายของพรรคบางทีไม่ตื่นเต้น เร้าใจ และไม่ลดแลกแจกแถมเหมือนคนอื่น การเลือกตั้งเที่ยวนี้พี่ประชาชนอ่านแล้วตาลาย เพราะนโยบายเยอะจริงๆ แต่หลายเรื่องเราต้องดูประวัติความเป็นมา เช่นนโยบายผู้สูงอายุ เดี๋ยวนี้มีทั้งบำนาญ กองทุนสารพัด เพราะคนไทย 100 คนจะมีผู้สูงอายุ 20 คน ก็ไม่แปลกที่มีนโยบายผู้สูงอายุออกมาแข่งขันกันใหญ่ แต่ 30 ปีที่แล้วผู้สูงอายุมีไม่มากนายชวน หลีกภัย ขณะเป็นนายกฯ ก็อนุมัติเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็นปีแรก 300 บาท ต่อมาตนเป็นนายก ฯก็ปรับให้เป็น 500 บาท ดังนั้นไม่ว่าประชาชนจะเชื่อนโยบายใครแต่คนที่คิดทำก่อนคือพรรคประชาธิปัตย์

“ดังนั้นอย่าเอาความกลัว ความเกลียดเป็นตัวตั้ง แต่ให้นึกถึงประเทศเป็นตัวตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ ตนยืนยันว่าคนที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มีทุกรุ่นที่จะช่วยประเทศได้ทั้งสิ้น เราเป็นพรรคที่สร้างคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่เหล่านั้นรู้ว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างมีศิลปะ บางครั้งความพยายามจะเปลี่ยนแปลงโดยไม่เรียนรู้ความละเอียดอ่อน ความรู้สึกนึกคิดของคนต่างวัย ในที่สุดจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง” นายอภิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องกาบัตรสองใบ ตนไม่ใช่เซียนการเมือง ได้ดูโพลบ้างแต่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครจะได้จัดรัฐบาล แต่พอจะมองเห็นความวุ่นวายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น เกี่ยวกับกติกาที่ออกแบบมา ตนยืนยันได้เพียงว่าเลือกประชาธิปัตย์เราจะเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ เลือกประชาธิปัตย์เราจะช่วยฟันฝ่าวิกฤตต่างๆได้ จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านเราทุ่มเททำงานให้กับประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจะสืบทอดอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ตลอดไป

“ผมยืนยันได้ว่าชีวิตผมอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิตเป็นสิ่งที่ผมรัก และชอบใช้ชีวิตที่มีความสุขกับการติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองด้วยความสุขใจ เมื่อได้โอกาสจากประชาชนและพรรค ผมก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อใดจังหวะเวลาไม่ใช่ ผมก็พร้อมจะถอยให้คนอื่นสามารถทำงานได้ นี่คือความเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์สั่งสอนมา ดังนั้นผมไม่รู้ว่าสภาจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าอีก4 ปีหรืออาจจะสั้นกว่านั้น ไม่รู้ว่าวันนั้นผมจะอยู่ในสถานะอะไร แต่รู้แน่ว่าผมยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตราบเท่าที่ประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ในวันที่ก่อตั้งเมื่อ ปี2489 และตราบเท่าที่ผมเป็นสมาชิกพรรค เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคสั่งตนก็ต้องมา อายุก็จะมากขึ้นหน่อยแต่ความหล่อก็จะเพิ่มขึ้น และความรักความผูกพันที่มีให้กับประชาชนไม่มีวันลดลงแน่นอน เพราะนี่คือ ประชาธิปัตย์ของพี่น้อง ดังนั้น 14 พฤษภาคม อย่าลังเลเเลือกประชาธิปัตย์ทั้งสองใบ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

‘แนน ศิริภา’ งานเข้า ถูกมือดีทำลายป้ายก่อนวันเลือกตั้ง เจ้าตัวบอกไม่หวั่น!! วัดกันที่นโยบาย-ความตั้งใจ ไม่ใช่กระแส

(13 พ.ค.66) น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผยภาพ ป้ายหาเสียง เบอร์ 11 ของตนเองในพื้นที่ฝั่งธนบุรีช่วงหาเสียงโค้งสุดท้าย โดนมือดี ทำลายป้ายพังยับหลายจุด ก่อนวันเลือกตั้ง ทั้งตัดรูปใบหน้า ตัดเบอร์ออกจากป้าย รวมถึงมีการขีดเขียนบนใบหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าบางป้ายหายไปจากจุดติดตั้งเดิม และมีหลายป้าย มีผู้สมัครการเมืองอื่นเอาป้ายหาเสียงมาปิดทับบดบังด้วย

น.ส.ศิริภา กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มไม่หวังดีมาตระเวนทำลายป้ายหาเสียงทั้งๆที่ เข้าสู้วันสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่เว้น  ถือเป็นความพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทางแม้แต่ทำลายป้าย เพื่อไม่ให้ประชาชนจดจำเบอร์ 11 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และตนได้มอบอำนาจให้ทีมงานแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว

“ส่วนตัวขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกหวั่นไหวต่อคู่แข่งในพื้นที่ ที่แม้จะมีการแข่งขันกันมาอย่างเข้มข้นแต่เชื่อว่ายิ่งทำให้ประชาชนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ยอมรับต่อพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น และมองว่าการแข่งขันกันในพื้นที่ฝั่งธน ประชาชนจะตัดสินกันที่นโยบาย วัดกันที่ความทุ่มเท ความตั้งใจ และความจริงใจที่ผู้สมัคร มีให้กับประชาชน รวมถึงทางออกที่สามารถมองไปข้างหน้าได้ว่าผู้แทนคนนี้พร้อมที่จะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียง เป็นคนที่คอยประสานทั้งจากระดับนโยบายลงมาสู่พื้นที่ได้ และประสานปัญหา หรือข้อเรียกร้องในพื้นที่  ขึ้นไปดูการแก้ไขในระดับนโยบายได้ และเข้าถึงได้กับคนทุกเพศทุกวัย สิ่งนี้มากกว่าที่มีผลต่อฝั่งธน ไม่ใช่เพียงกระแส ไม่ใช่เพียงมาทำลายป้าย หรือดิสเครดิตกัน”น.ส.ศิริภา กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top