Sunday, 5 May 2024
การเมือง

‘อนุทิน’ นัดถก ’คมนาคม-ท่องเที่ยว’  วางมาตรการรับจีนเปิดประเทศ

‘อนุทิน’ นัด ‘คมนาคม-ท่องเที่ยว’ หารือมาตรการด้านสาธารณสุขไทย รองรับนักท่องเที่ยวจีน ด้าน ‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง บวท.-กพท. สรุปตัวเลขไฟลท์ของสายการบินจีน เสนอแลนด์ดิ้งเข้าไทย

(28 ธ.ค.65) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีประเทศจีนจะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.66 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังไทยจำนวนมากนั้น เรื่องนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเชิญรมว.คมนาคมและรมว.ท่องเที่ยว ประชุมในวันที่ 5 ม.ค. เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกำหนดมาตรการสาธารณสุขในการรองรับการเดินทาง

“ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขไทยมีศักยภาพสูง พร้อมที่จะรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจีนได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานงานไปยังสถานทูตจีนว่าข้อเท็จจริงในการเปิดประเทศเป็นอย่างไรและจะมีมาตรการอะไรบ้าง เพื่อที่ไทยจะได้สามารถกำหนดมาตรการสาธารณสุขและกำหนดวิธีการปฏิบัติให้สอดคล้องต่อไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว

‘เอกนัฏ’ เตรียมพร้อมเข้าโหมดการเลือกตั้ง ชี้!! ‘บิ๊กตู่’ งานรัดตัว แต่ร่วมทัพ ‘รทสช.’ ชัวร์

‘เอกนัฏ’ แย้ม รอนายกฯ เคาะเปิดตัวร่วมงานรทสช. มั่นใจไม่เปลี่ยนตามคำยุแยง ชี้ ภารกิจดูแลประชาชนรัดตัว ปล่อยพรรค รทสช. เตรียมความพร้อม จ่อจัดเวิร์กช็อปคลอดนโยบายพรรค

(4 ม.ค. 65) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรครทสช.ในช่วงต้นเดือน ม.ค.ว่า ประเด็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อใดนั้นไม่ถือเป็นสาระสำคัญ เพราะท่านนายกฯ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะมาร่วมงานกับทางพรรค และพรรคเองก็แสดงความชัดเจนเช่นกันว่า เราเป็นพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 

ขณะนี้ นายกฯ ก็ยังมีภารกิจในการบริหารรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนพรรคก็มีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งก็มีความพร้อมขึ้นทุกขณะ ทั้งในส่วนของผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส. หรือการจัดทำนโยบายต่างๆ

“ที่ผ่านมามักมีการข่าวปล่อยยุแยงว่า นายกฯ เปลี่ยนใจ ก็เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของบางพรรคเท่านั้น แต่ผมยืนยันว่านายกฯ จะมาร่วมงานกับพรรค รทสช.อย่างแน่นอน แม้จะยังไม่สมัครสมาชิกพรรค รทสช.อย่างเป็นทางการก็ตาม แต่เรื่องวันเวลาที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่นายกฯ จะพิจารณาเอง”

‘ศาลฎีกา’ สั่ง ‘อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์’ พ้น ส.ส.เพื่อไทย พร้อมเพิกถอนสิทธิ์สมัคร ส.ส. ตลอดชีวิต ปมรับเงิน 5 ล้าน

เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.66) ‘ศาลฏีกา’ ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญ ซึ่งมีนักการเมืองที่กำลังเตรียมลงทำศึก ‘เลือกตั้ง66’ ติดบ่วงรอฟังคำตัดสินคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องต่อศาลว่า ‘นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์’ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จาก ‘นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์’ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ
.
‘ศาลฎีกา’ มีคำพิพากษาว่านายอนุรักษ์ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้พ้นจากตำแหน่งส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี   

.

'กรณ์' ชูนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์-รื้อระบบสินเชื่อ' หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย-SME ให้เดินหน้าธุรกิจต่อได้

(7 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง 'แก้หนี้ ให้ชีวิตเดินหน้า' โดยระบุว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตระหนักดีว่าคำว่า 'หนี้' ไม่มีใครอยากเป็น แต่เวลาเป็นแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดจากวงจรนี้ ซึ่งนอกจากนโยบายหาเงินให้คนไทยแล้ว การแก้หนี้คือความเร่งรีบอันดับต้น ๆ ที่ตนต้องการแก้ และเคยทำมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ปี 2552 แก้หนี้นอกระบบ 5 แสนราย ปี 2553 ปรับโครงสร้างหนี้กองทุนฟื้นฟู-เกษตรกร ปี 2554 ออกกฎหมาย 'กองทุนการออมแห่งชาติ' (กอช.) ปี 2559 ก่อตั้ง Refinn ช่วยคนไทยแก้หนี้ที่อยู่อาศัย ปี 2565 โครงการ 'กล้าปลดหนี้' ช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ ปี 2566 นโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์' เสนอระบบ Credit Score

ส่วนกรณีที่มีบางคนระบุว่า คนที่เป็นหนี้คือคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า อาจถูกส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นความจริงเสมอไป ในหลาย ๆ ครั้งเกิดจากวิกฤตที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น วิกฤตโควิด ที่ทำให้ผู้ประกอบการและ SME เป็นจำนวนมาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และการกู้ยืมในระบบทำได้ยาก ตนในฐานะนักการเงินไม่อยากให้เกิดที่สุด คือ การกู้หนี้นอกระบบ การช่วยเหลือและออกนโยบายต่าง ๆ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนี้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าดอกเบี้ยโหดมาก และยากที่จะคืนเงินต้นได้ การติดแบล็กลิสต์ก็เช่นกัน ต่อให้ใช้หนี้ครบแล้วยังขึ้นจากเหวนี้ไม่ง่าย ตนจึงเสนอนโยบายปลดแบล็กลิสต์ แล้วใช้ระบบ Credit Scoring แทน ใครเครดิตดีก็กู้ได้มาก เครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย นี่ก็เป็นวินัยทางการกู้รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนเป็นหนี้ขึ้นมาจากเหวได้ 

ปชป. กางยุทธศาสตร์ 3 ส. 'สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ' ย้ำ!! เจตนารมณ์พรรค 70 ปี มุ่งทำงานเพื่อชาติเป็นหลัก

ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ประกาศความพร้อมแบบ 'เต็มอัตราศึก' พร้อมลุยทุกสนามเลือกตั้ง ในทุกกระบวนท่า พร้อมทั้งในแง่นโยบาย ในแง่บุคลากร โดยจะส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกเขต 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน ครบ 500 คน

การประกาศความพร้อมในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความพยายามในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ การคิดนโยบายใหม่ ๆ เพื่อสนองตอบต่อปัญหาของประชาชน

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ อันเป็นการ 'ปูพรม' กับการเปิดยุทธศาสตร์ 3 ส. คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ

โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง อธิบายขยายความกับเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ 3 ส. ว่า นอกจากการเตรียมผู้สมัครในแต่ละเขตแล้ว เรื่องนโยบายที่ใช้หาเสียงก็เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เช่นกัน ซึ่งการจัดทำนโยบายของพรรคนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ กรอบงบประมาณที่ต้องใช้ภายใต้นโยบายที่จัดทำ ระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดต่อประชาชน และประเทศชาติ ทั้งด้านการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องดีขึ้น 

ซึ่งขณะนี้ หลักคิดเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเป็นทั้ง มาสเตอร์แพลน (Master plan) หรือแผนแม่บทของพรรคในการวางอนาคตของประเทศชาติและประชาชน ที่จะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ โดยมีแนวทางที่สำคัญของทั้ง 3 ส. ดังนี้  

1.สร้างเงิน โดยการแยะเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือ สร้างเงินให้ประเทศ และสร้างเงินให้ประชาชน

2.การสร้างคน ที่พรรคจะสนับสนุนและส่งเสริมดูแลคนตั้งแต่ในครรภ์มารดา จนส่งสู่เชิงตะกอน ทั้งสร้างสวัสดิการเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้น เพราะพรรคเชื่อว่าเมื่อเราสร้างคนให้มีความความรู้และความมั่นคงในชีวิต จะแปรเปลี่ยนพลังของประชาชนให้เป็นพลังในการสร้างประเทศชาติได้อย่างมั่นคง 

3.สร้างชาติ ด้วยระบบประชาธิปไตย ที่สุจริต ควบคู่ไปกับการกระจายอำนาจมุ่งสู่สร้างเมืองมหานคร พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมเพื่อเชื่อมประเทศไทยกับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ มีความคืบหน้าจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งท่านหัวหน้าพรรค 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' และท่านเลขาฯ จะแถลงเปิดนโยบายฯ อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคมนี้ และในขณะนี้พรรคได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านแล้ว

ส่องความเคลื่อนไหว สมรภูมิเลือกตั้ง ‘ภูเก็ต’ เวทีนี้ไม่มีหน้า ‘เก่า-ใหม่’ วัดใจที่นโยบายล้วนๆ

สมรภูมิแข่งขันทางการเมืองที่ดุเดือดอีกสนามหนึ่งทางภาคใต้ คงหนีไม่พ้นจังหวัดภูเก็ต ที่แต่เดิมมีเขตเลือกตั้ง เพียง 2 เขต และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 นี้ภูเก็ตจะมี 3 เขต จากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ให้แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปี พ.ศ. 2566 

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปดูสถิติของการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 ครั้ง จะพบรายละเอียดดังนี้...

>> จังหวัดภูเก็ต เขต 1 
(3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
- นางอัญชลี เทพบุตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 52,921 คะแนน
- นายวิสิษฐ์ ใจอาจ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไป 16,573 คะแนน
- วีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ พรรคแทนคุณแผ่นดิน ได้คะแนนไป 281

(24 มีนาคม พ.ศ. 2562) 
- นายสุทา ประทีป ณ ถลาง พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนไป 32,338 คะแนน
- นายเรวัติ อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 25,194 คะแนน
- นายวิศิษฐ์ อนันต์ศิริภัณฑ์ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนไป 22,599 คะแนน

(ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562 )

>> จังหวัดภูเก็ต เขต 2
(3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
- นายเรวัติ อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 52,585 คะแนน
- นายจิรายุส ทรงยศ พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนไป 28,252 คะแนน
- นายสมาน เก็บทรัพย์ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไป 8,206 คะแนน

(24 มีนาคม พ.ศ. 2562)
- นายนัทธี ถิ่นสาคู พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนไป 27,267 คะแนน
- นายชัยยศ ปัญญาไวย พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 23,958 คะแนน
- นายศุภณัฐ เลื่องลือ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนไป 19,963 คะแนน

(ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562)

จะเห็นว่าเมื่อการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2554 พรรคที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ทั้งเขต 1 และ เขต 2 เป็นที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีคะแนนทิ้งห่างจากลำดับที่ 2 อยู่หลายหมื่นคะแนน ส่วนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่ง ส.ส.เดิม คือ นายเรวัติ อารีรอบ จากเขต 2 แต่ไปลงชิงคะแนนในเขต 1 ซึ่งก็แพ้คะแนนให้กับ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง จาก พลังประชารัฐ ไปหลายพันคะแนน ส่วนเขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งนายชัยยศ ปัญญาไวย ท้าชิงกับนายนัทธี ถิ่นสาคู จากพลังประชารัฐ คะแนนของนายชัยยศตามหลังห่างกันเพียง 3,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ทำให้พลังประชารัฐยึดที่นั่ง ส.ส.ภูเก็ตได้สำเร็จ แต่ที่น่าสังเกตในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562 คือ พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเกิดใหม่ แต่ชูลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมในภูเก็ตเทคะแนนให้แบบหมดหน้าตัก 

ด้านพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้นก็สร้างปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ โดยได้รับคะแนนนิยมมาเป็นอันดับที่ 3 ของทั้ง 2 เขต ซึ่งคะแนนห่างจากลำดับที่ 2 ไม่กี่พันคะแนนซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่โดยคนรุ่นใหม่ และถ้ามาพิจารณาคะแนนของผู้ที่ได้ลำดับหนึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 มีคะแนนสูงถึง 5 หมื่นกว่าคะแนน เนื่องจากมีพรรคที่ลงแข่งไม่มาก ประมาณ 3-4 พรรคที่รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น 

ส่วนในปี พ.ศ. 2562 คะแนนของผู้ที่เป็นลำดับหนึ่งลดน้อยลงไป เนื่องจากมีพรรคการเมืองลงแข่งขันจำนวนมากกว่า 26 พรรค ทำให้คะแนนถูกกระจายไปยังพรรคอื่นๆ ซึ่งต้องมาพิจารณากันว่าในปี พ.ศ. 2566 จะมีพรรคการเมืองลงแข่งขันกันมากน้อยขนาดไหนและคะแนนจะเป็นอย่างไร ส่วนการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2566 จากข้อมูลสถิติข้างต้น สามารถบอกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่หรือหน้าเก่า ก็สามารถแทรกตัวเป็น ส.ส. อันดับหนึ่งได้ อยู่ที่นโยบายของพรรค แคมเปญที่สามารถครองใจชาวภูเก็ตได้ หรือมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนชาวบ้านไว้วางใจ เรามาดูว่ามีพรรคการเมืองไหนได้เปิดตัวว่าผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ภูเก็ต เป็นใครกันบ้าง ดังนี้...

>> พรรคประชาธิปัตย์ 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 จ.สงขลา 
- ภายใต้แนวทางรวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน (สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ) 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายกวี ตันสุคตานนท์, เขต 2 นายชัยยศ ปัญญาไวย, เขต 3 นางสาวพลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์

>> ก้าวไกล 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางก้าวไกล Next x ปักษ์ใต้ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ว่าที่ ร.ต. สมชาติ เตชถาวรเจริญ, เขต 2 นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล, เขต 3 รอการประกาศที่ชัดเจนจาก กกต.

>> ไทยสร้างไทย 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางคนใต้ต้องกินดีอยู่ดี สร้างรายได้ ปลดหนี้ มีบำนาญ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้, เขต 2 มณีรัตน์ วิชัยดิษฐ-สุขยิรัญ, เขต 3 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้

>> ชาติพัฒนากล้า 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางคนรุ่นใหม่ รู้ลึกพื้นที่ รู้จริงปัญหาภูเก็ต 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้, เขต 2 นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์, เขต 3 นายเทมส์ ไกรทัศน์

>> พลังประชารัฐ 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 65 กรุงเทพมหานคร 
- ภายใต้แนวทางเราคือพลังประชารัฐ เคียงข้างชาวใต้ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายจิรายุส ทรงยศ, เขต 2 นายนัทธี ถิ่นสาคู, เขต 3 นายสุธา ประทีป ณ ถลาง

>> ภูมิใจไทย
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางภูเก็ตต้องผลัดใบ ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช, เขต 2 นายวิวัฒน์ จินดาพล, เขต 3 นายวงศกร ชนะกิจ

>> เพื่อไทย 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 จ.นครศรีธรรมราช 
- ภายใต้แนวทางครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายวัชรพงษ์ อนันตกูล, เขต 2 นายสนธยา หลาวหล้าง, เขต 3 นายอาวุธ หนูเซต

(ข้อมูล ณ วันที่ 8 ม.ค.2566 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต)

ในส่วนของยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคมีความแตกต่างกัน เริ่มที่พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ภายใต้แคมเปญ รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน โดยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ น้ำตาซึมอ้อนชาวใต้บอกว่าเป็นพรรคของคนใต้อย่างแท้จริง เชื่อว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงชาวใต้คงให้โอกาสผู้สมัครของพรรคให้ได้มากกว่า 35 ที่นั่ง ส่วนเลขาธิการพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน ประกาศว่าถ้าได้ ส.ส. น้อยกว่าครั้งก่อนคือ 52 ที่นั่ง จะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต ส่วนยุทธศาสตร์สำคัญของพรรค คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ทุกจังหวัดในภาคใต้ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

‘อนุสรณ์’ จวก ‘ประยุทธ์’ หักหลังประชาชน เป็นนายกฯ ของพปชร. แต่ดันสมัครเข้า รทสช.

(10 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติจัดอีเวนต์เปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าเป็นสมาชิกพรรคว่า

พล.อ.ประยุทธ์อาจจำไม่ได้ หรือเลือกไม่จำว่า 8 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น 8 ปีที่แปดเปื้อน พล.อ.ประยุทธ์ทำประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแค่ไหน ก่อนจะรวมไทยสร้างชาติในวันนี้ ทำไมวันนั้นต้องชัตดาวน์ประเทศ ไหนม็อบนกหวีด กปปส. บอกว่าไม่ปฏิรูป ไม่ยอมให้เลือกตั้ง 8 ปีที่ผ่านมาปฏิรูปอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง นอกจากทำการเมืองล้าหลังย้อนยุคไปสู่ Money Politics ธนกิจการเมือง ประชาธิปไตยแบบแจกกล้วย จับปลาจากบ่อเพื่อน พล.อ.ประยุทธ์จะตอบประชาชนที่เขาสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างไร เป็นนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ดันสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น แต่ขอเป็นนายกฯต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือเป็นการทรยศหักหลังประชาชนหรือไม่ 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย นโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีประกาศตอนอยู่พรรคพลังประชารัฐ แล้วทำไม่ได้จะรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้งคนในพรรครวมไทยสร้างชาติมารับตำแหน่งในรัฐบาลแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรมจริยธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล คนในพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาล จะคิดอย่างไรไม่สนใจ พล.อ.ประยุทธ์หมดตัวเล่น แต่ก็ยังเดินหน้าตั้งคนหน้าเดิม ๆ ที่ใกล้ชิดตัวเองมารับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เหมือนตอนเป็นหัวหน้าคสช. มีมาตรา 44 จะทำอะไรก็ได้ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่

หลายพรรคลุยติด ‘ป้ายหาเสียง’ ทั่ว กทม. สร้างสีสัน - หวังคะแนนเสียงจากชาวกรุง

ช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยแล้ว แต่แหม..ยังไม่ทันไร ป้ายจากพรรคต่าง ๆ ก็มาปักให้เห็นกันแล้ว 

วันนี้ (11 ม.ค. 66) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้ลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในหลายเขต หลายพื้นที่ ก็ได้พบเห็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มติดป้ายแนะนำพรรค โปรโมตนโยบายพรรค ที่แฝงมาในรูปแบบสวัสดีปีใหม่ ตรุษจีน พร้อมทั้งติดภาพว่าที่ผู้สมัครของพรรคขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนคุ้นหน้าคุ้นตาก่อนใคร ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างสีสันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

'กรณ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชาติพัฒนากล้า ชูนโยบาย 'งานดี มีเงิน ของไม่แพง' ปลดแอกประชาชน

‘กรณ์’ นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดวิสัยทัศน์ 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชูนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ จับตา ชุดนโยบาย พร้อมปล่อยทุกสัปดาห์ เน้นรื้อโครงสร้าง ปลดแอกประชาชน เชื่อ สะเทือนหลายวงการ 

(12 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคชาติพัฒนากล้า ได้จัดเวทีเปิดวิสัยทัศน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่องาน ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสุราษฎร์ธานี’ นำทีมโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างเนืองแน่น 

สำหรับว่าผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในวันนี้ มี 3 คน จาก 3 เขตเลือกตั้ง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่ นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขตเลือกตั้งที่ 5 นายวศุธน เรืองขนาบ ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสุราษฎร์ธานีให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาว จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดีขึ้น โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง 

นายอนุวัตร์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมากว่า 8 ปี ทั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม 2 สมัย ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยนายอนุวัตร์ กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มในทุกระดับการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ไม่สร้างความเสียหายทางจริยธรรมทางสังคม การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญระหว่าง กลไกทุน และระบบความคิดของประชาชน ที่จะทำให้เมืองสุราษฎร์ธานีก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่การจะไปสู่จุดหมายได้นั้น ต้องมีความกล้าที่จะกำจัดสิ่งปนเปื้อนประชาธิปไตยไทยให้หมดไปสิ้นไป พลเมืองของแผ่นดินจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างสิ่งปนเปื้อน หรือเป็นผู้กำจัดสิ่งปนเปื้อน 

นางพงศ์ศรี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ประกอบอาชีพ ทนายความ ชาวบ้านเรียกว่า ทนายอ๋อย เจ้าของธุรกิจโรงแรม และสำนักงานทนายความ โดยเจ้าตัวเปิดเผย ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ว่า เนื่องจากมีแรงผลักดันจากวิกฤตชีวิตของครอบครัว ที่เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสามี ลูก และหลาน เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบากเพื่อให้ได้รับเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ผลักดันการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เพื่อช่วยเหลือชาวเกาะสมุย ที่ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการผูกขาดการเดินทาง ของเครื่องบิน และเรือข้ามฟาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนบนเกาะถึง 2 เท่า และยังเป็นปัญหาต่อการทำมาหากิน การสร้างสะพาน จึงเป็นการชุบชีวิตคนรากหญ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนพบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยที่จะให้สร้างสะพานเชื่อมเกาะ ประชาชนต้องสามารถกำหนด กฎเกณฑ์การเข้าเกาะสมุย ไม่ใช่เอกชนเพียงไม่กี่รายที่ได้ประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน  

นายวศุธน ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5 เป็นนักธุรกิจเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ มีความสนใจการเมือง เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้า ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเสนอตัวรับใช้คนสุราษฎร์ธานี ซึ่งตนต้องการเห็นเศรษฐกิจสุราษฎร์ดี คนสุราษฎร์รวย รู้เท่าทันเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วที่สุราษฎร์ธานีต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิรูปสังคมให้ทันยุคทันสมัย ปลดล็อกการค้าเสรี สุรา เบียร์ ต้องไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน นอกจากนี้ตนยังสนใจกีฬามวยไทยเป็นพิเศษ และพร้อมผลักดันสู่การเป็น Soft power ซึ่งคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ได้ประกาศจุดยืนในเรื่องนี้มาตลอด

ด้าน นายกรณ์ กล่าวว่า สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ทั้งด้านการเกษตรและท่องเที่ยว ในแง่ทรัพยากรธรรมชาติได้เปรียบหลายจังหวัด แต่ขาดแรงผลักดันที่จะไปต่อ ทั้งที่สามารถทำได้ดีกว่านี้มาก เช่นเดียวกับ สะพานข้ามเกาะสมุย ตนก็เห็นด้วยที่จะต้องสร้าง เพราะต้นทุนความเป็นอยู่ของชาวเกาะสมุยสูงกว่าแผ่นดินใหญ่มาก ซึ่งการมีสะพานนอกจากสร้างเศรษฐกิจให้กับชาวเกาะสมุย และจ.สุราษฎร์ธานีแล้ว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาคใต้ ที่สามารถต่อยอดการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ได้ 

นอกจากนี้ โครงการมอเตอร์เวย์ จะต้องเกิดที่ภาคใต้ เพราะจะทำให้ต้นทุนความเป็นอยู่ของประชาชนลดลง โอกาสในการค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในทุกความคิด ทุกข้อเสนอ จะมีโอกาสผลักดันให้เป็นจริงได้ ถ้าประชาชนไว้วางใจ ว่าที่ผู้สมัคร 3 คน ของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่พรรคได้คัดสรรมา ว่าจะเป็นผู้แทนที่ดีให้กับ ชาวสุราษฎร์ธานีอย่างแน่นอน ซึ่งตนและว่าที่ผู้สมัคร ก็พร้อมสู้ในทุกสนามเลือกตั้ง 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดพื้นที่ให้คนทั้ง รุ่นเก๋ามากประสบการณ์ ผสมผสานคนรุ่นใหม่ที่มีจินตนาการ ได้มีโอกาสมารับใช้ชาติ เพื่อให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เศรษฐกิจไทยต้องเข้มแข็งเพื่อการแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ถ้าการเมืองไทยยังเป็นแบบเดิม โอกาสที่ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงต้องยึดความกล้าเป็นปัจจัยและเงื่อนไขในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกช่วงวัย ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง นโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นับวันนับปี เงินภาษีก็ใช้ไปเรื่อย ๆ แต่คนก็ยังจนเหมือนเดิม

เปิดม่านเมืองกาญจน์ สังเวียนวัดพลัง ‘พท-ภท.’ ชิงชัย 5 เขต 'อุ๊งอิ๊ง' เตรียมพาเหรดเรียกเรตติ้ง

แม้สัญญาณลั่นระฆังเลือกตั้งจะยังคงแผ่วเบา แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงดังกังวาล หลังวาระ 4 ปีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเวียนบรรจบมาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งเราจะได้เห็นท่าทีของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนครบวาระ 4 ปีหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกัน

ทว่าในกรณีที่มีการประกาศยุบสภาก่อนวาระจริง ก็คงจะต้องมีการจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน หลังจากวันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภามีผลบังคับใช้นั้น และนั่นก็ทำให้บรรดาพรรคการเมืองเปิดยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่กันอย่างไวว่อง

อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาณจะยังไม่ชัด แต่หลายพรรคการเมืองก็เริ่มออกมาอัดนโยบายและเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในหลาย ๆ พื้นที่จังหวัดกันบ้างแล้ว 

หนึ่งในสนามที่ตอนนี้เริ่มมีความชัดเจนในการปูตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่น่าจับตาไม่น้อยนั้น ก็คือ จังหวัด กาญจนบุรี โดยการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 5 เขตนั้น เริ่มมีการเคลื่อนพลสมาชิกและว่าที่ผู้สมัครฯ ออกมาแล้วหลายพรรค แต่ก็มีอีกหลายพรรคการเมืองยังคงเงียบเหงา เพราะยังไม่มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเลยแม้แต่เขตเดียว เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พรรคก้าวไกล (กก.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)หรือแม้กระทั่งพรรค ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นต้น

สำหรับพรรคการเมืองที่มีการเปิดตัวสมาชิกและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ที่ชัดเจน แต่ยังไม่ครบทั้ง 5 เขต ที่ฮือฮาที่สุดคือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครส่วนใหญ่ล้วน เป็น ส.ส.ที่ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่สำคัญเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋าที่มีประสบการทางด้านการเมืองที่สุดที่ชาวกาญจนบุรีต่างก็รู้จัก เช่น พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 ครั้งนี้ลงในนามพรรคภูมิใจไทย แต่พื้นที่เขต 1 (อ.เมือง อ.ศรีสวัสดิ์) ยังมีว่าที่ผู้สมัครที่พรรคภูมิใจไทยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คือ ดร.วรสุดา สุขารมณ์ หรือ ดร.จุ๊บ ลูกสาวสุดที่รักของ นาวาโท นพ.เดชา สุขารมณ์ หรือหมอเดชา อดีต ส.ส.กาญจนบุรี หลายสมัยที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเขตนี้ขึ้นอยู่กับผลโพลว่าใครจะได้รับความนิยมมากกว่า พรรคภูมิใจไทย ก็จะส่งคนนั้นลงสมัคร

ด้านเขต 2 (อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย) ขณะนี้ยังไม่ปรากฏชื่อผู้สมัคร แต่คาดว่าพรรคภูมิใจไทยน่าจะอยู่ระหว่างการพิจารณาตัวว่าที่ผู้สมัครที่เหมาะสม 

ส่วนเขต 3 (อ.ท่ามะกา อ.พนมทวน) นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน หรือ ส.ส.กุ๊ก แชมป์เก่า ที่เป็นดาวเด่นในสภา ได้ลงสมัครพื้นที่เดิม 100% 

เขต 4 (อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ อ.หนองปรือ และ อ.บ่อพลอย) นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ หรือผู้ใหญ่แหลม อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่พลาดที่จะได้เป็นว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน 

ขณะที่ เขต 5 (อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี) นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ หรือพี่เมศ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะได้ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย 100% เช่นกัน

ถัดจากพรรคภูมิใจไทย ก็มีอีก 1 พรรคสำคัญที่จะต้องเอ่ยถึง คือ พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยครั้งนี้พรรคเพื่อไทย ประกาศส่งชื่อว่าที่ผู้สมัครครบแล้วทั้ง 5 เขต ซึ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขต ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่เขต 1 (อ.เมือง อ.ศรีสวัสดิ์) นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือ กอล์ฟ นักธุรกิจอาหารเสริมที่ประสบความสำเร็จ และอยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด โดยได้รับการชักชวนให้เข้าสู่วงการการเมืองจาก มดดำ คชาภา ตันเจริญ พิธีกรชื่อดังของเมืองไทย

เขต 2 (อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย) นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ อดีต สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี คนนี้ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงเช่นกัน

แต่ว่าที่ผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแล้วสร้างความฮือฮาให้กับคอการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมากที่สุดคือ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 (อ.ท่ามะกา อ.พนมทวน) น.ส.พลอย ธนิกุล หรือน้องพลอย ทายาท แคล้ว ธนิกุล อดีตเจ้าพ่อนครบาล และ เขมพร ต่างใจเย็น หรือเจ๊เขม เจ้าแม่ธุรกิจก่อสร้าง โดยที่ผ่านมา น.ส.พลอย หรือ น้องพลอย ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาโดยตลอด แต่ในที่สุดกลับกลายเป็นพรรคเพื่อไทยที่คว้าตัวไปครอง หลังจากเปิดตัว น.ส.พลอย ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากชาว อ.พนมทวน อ.ท่ามะกา กันอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าไปแสดงความยินดีและต้อนรับกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top