Wednesday, 15 May 2024
กระทรวงแรงงาน

‘รมว.เฮ้ง’ มอบ 10 นโยบายให้สปส. ดูแลผู้ประกันตน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต-สร้างหลักประกันที่มั่นคงยั่งยืน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการให้กับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุม โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม อำพล สิงหโกวินท์ ชั้น 6 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม

นายสุชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมทุกท่าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ทำงานหนัก ทุ่มเท เสียสละ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยมีเป้าหมาย สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ ในทุกมิติ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และผมมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบายด้านแรงงานต่าง ๆ การพัฒนาระบบประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เพื่อช่วยเหลือพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกันตน และผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และภาวะทางเศรษฐกิจที่ถดถอย จนกระทั่งก้าวผ่านพ้นวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปได้ ซึ่งในวันนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ตนได้มีโอกาสมาประชุมพร้อมตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม ทุกภาคส่วนได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม 
เพื่อขับเคลื่อนงานประกันสังคมให้มีความเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของลูกจ้าง ผู้ประกันตนและสังคมโดยรวมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1.) พัฒนาสิทธิประโยชน์ โดยแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดยเพิ่มหลักการ 3 ขอ คือให้ผู้ประกันตนสามารถ 
(1) ‘ขอเลือก’ รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญชราภาพได้ 
(2) ‘ขอคืน’ ในกรณีเกิดเหตุการณ์อันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของผู้ประกันตน ให้สามารถนำเงินสะสมกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อนได้
(3) ‘ขอกู้’ โดยการนำเงินสะสมกรณีชราภาพไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินได้และมีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นๆ อาทิ เพิ่มเงินสงเคราะห์เพื่อการคลอดบุตรเป็น 98 วัน (เดิม 90 วัน) และเพิ่มเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพเป็นร้อยละ 70 (เดิม ร้อยละ 50)

2.) การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้ประกันตน โดยขอให้ศึกษาความเป็นไปได้และสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตน เพื่อกำหนดแนวทางในการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตนที่เกษียณอายุ

3.) จัดตั้งสถาบันการแพทย์เฉพาะทางสำหรับผู้ประกันตน รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงการรักษาให้กับผู้ประกันตน สำหรับโรคเฉพาะทาง โดยไม่ต้องไปรอการรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิ โดยใช้โมเดลเดียวกันกับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์

4.) การส่งเสริมสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อให้การดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเข้าถึงได้โดยง่าย โดยให้คำแนะนำและคำปรึกษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยง และป้องกันการเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

5.) ขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานอิสระภาคสมัครใจ สร้างการรับรู้ให้ผู้ประกันตนให้ความสำคัญในการส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มช่องทางชำระเงินสมทบ

‘แรงงาน’ เนื้อเต้น ‘รมว.เฮ้ง’ จับมือ AOT เปิดพื้นที่หางาน จัดตลาดนัดแรงงานที่สุวรรณภูมิ ร่วม 1,500 อัตรา

(8 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 คลี่คลาย แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลง ประชาชนมีงานทำมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างทยอยเพิ่มการจ้างงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ที่ผลักดันนโยบายรักษาการจ้างงานตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในส่วนกระทรวงแรงงานขานรับข้อสั่งการเดินหน้าส่งเสริมการมีงานทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นการให้บริการจัดหางานออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม 'ไทยมีงานทำ' เพื่อคนหางานยุคใหม่เข้าถึงได้ทุกเวลา ควบคู่กับการลงพื้นที่บูรณาการร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงตำแหน่งงานแก่ประชาชนทุกพื้นที่ ล่าสุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT) มีกำหนดจัดงาน 'ตลาดนัดแรงงาน' ณ ศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 9 -11 พฤศจิกายน 2565 กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ จึงได้เตรียมกิจกรรมตามภารกิจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย

“การจัดตลาดนัดแรงงาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน คนหางานได้คัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ โดยสามารถสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดี ที่นายจ้าง/สถานประกอบการและผู้สมัครงานจะได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเชื่อว่ากิจกรรมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์แก่คนที่กำลังมองหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

‘รมว.เฮ้ง’ ส่ง ‘โฆษก’ ให้กำลังใจกลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน (อุดรฯ) หลังเข้าถึงรายได้แล้ว เฉลี่ยคนละ 3,000 - 5,000 บาทต่อเดือน

(9 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วย นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางานและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจกลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน 'ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าย้อมคราม' โดยมี นางสมภาร คำภารหมี ประธานกลุ่ม พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดอุดรธานี และสมาชิกกลุ่มรับงานไปทำที่บ้านร่วมให้การต้อนรับ ณ ศูนย์การเรียนรู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตำบลเชียงยืน อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่มีอยู่กว่า 22 ล้านคน ให้เกิดการจ้างงานในระดับพื้นที่ เพราะแรงงานทุกคนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ในวันนี้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มอบหมายให้ดิฉันและคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจแก่สมาชิกกลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน 'ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าย้อมคราม' ที่จังหวัดอุดรธานี 

‘รมว.เฮ้ง’ ห่วงแรงงานไทยถูกลวงทำงานที่ญี่ปุ่น สั่ง ‘กรมการจัดหางาน’ เร่งตรวจสอบ-ช่วยเหลือ

(10 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณี คนไทย 27 ราย ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานวุฒิสภา ขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกหลอกลวงจากนายหน้าจัดหางาน ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย อ้างว่าสามารถพาไปทำงานประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ ‘วีซ่าทักษะเฉพาะทาง’ Specified skilled Worker จนทำให้แรงงานไทยที่หลงเชื่อสูญเงินค่าบริการจัดหางานไปแล้วรายละ 20,000 - 70,000 บาท สุดท้ายถูกเลื่อนกำหนดเดินทางไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นพิรุธ ขอเงินคืนกลับถูกนายหน้าบ่ายเบี่ยง ทำให้บางรายเสียทั้งเงินและงาน เนื่องจากแจ้งลาออกจากงานล่วงหน้า เพื่อเตรียมเดินทางไปทำงานที่ใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เป็นมูลค่าความเสียหายรวม 5 ล้านบาท ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับทราบเรื่องแล้วไม่นิ่งนอนใจ ได้สั่งการกรมการจัดหางานเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวทันที

“ผมได้สั่งการอธิบดีกรมการจัดหางาน เร่งตรวจสอบแล้วพบว่า นายซังคิวและพวก ที่ถูกแรงงานไทย 27 คน รวมตัวกันร้องเรียนนั้น ไม่ได้รับใบอนุญาตให้จัดหางานจากกรมการจัดหางาน จึงไม่สามารถรับสมัครและจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศได้ ซึ่งกรมการจัดหางานจะเร่งดำเนินคดีต่อไป ในส่วนโรงเรียนสอนภาษาดังกล่าว ได้ประสานหน่วยงานเจ้าของเรื่องรับไปดำเนินการต่อ สุดท้ายผมขอฝากความห่วงใยถึงคนไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ก่อนหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ใด ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานกับกรมการจัดหางานก่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ทำหน้าที่ติดตาม เฝ้าระวัง การโฆษณาจัดหางานบนสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเข้มงวด หากพบผู้ใดโฆษณาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘รมว.สุชาติ’ สั่งติวเข้ม ‘หมอนวดไทย’ เตรียมรับทัพสื่อมวลชนร่วมทำข่าว ‘เอเปค’ โชว์ฝีมือและเอกลักษณ์ของนวดไทยให้ชาวโลกประจักษ์

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจพนักงานนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ (Thai Wellness Massage & Spa) และเจ้าหน้าที่รวมกว่า 50 คน ที่มาสาธิตและให้บริการเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพรองรับสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศที่มาทำข่าวการประชุมเอเปค โดยมี นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และพนักงานนวดร่วมให้การต้อนรับ ณ อาคารวิทยาลัยการแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน 

นายบุญชอบ กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยให้เกิดการขยายตัว และยังถือเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านการโรงแรม ท่องเที่ยว อาหาร ของที่ระลึก และการบริการต่างๆ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะที่เป็นหน่วยงานด้านพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอฝีมือแรงงานไทยที่มีมาตรฐานให้ต่างชาติได้รับรู้ในงานนี้ด้วย ซึ่งท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะดังกล่าว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้แรงงานมีทักษะฝีมือ ก้าวสู่การมีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคง จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมจัดกิจกรรมนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพในงานดังกล่าว เพื่อรองรับสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศที่มาติดตามทำข่าว รวมทั้งคณะผู้แทนจากเขตเศรษฐกิจเข้าร่วมงานหลายพันคน 

นายบุญชอบ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังได้จัดนิทรรศการเผยแพร่และสาธิตการนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ (Thai Wellness Massage & Spa) ในช่วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) 2022 ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายนนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีกิจกรรมการสาธิตโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 3 กิจกรรม ประกอบด้วย การให้บริการนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ (นวดคอบ่าไหล่ นวดตอกเส้น  นวดสปาหินร้อน) การทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อใช้ในการนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ และการทำเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ 

รมว.แรงงาน ปลื้ม โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เกิดประโยชน์กับคนพิการ หลังนายจ้างแห่ให้สิทธิ์กว่า 2 พันราย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศอย่าง "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยกระทรวงแรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล ในการเร่งสร้างโอกาส อาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคงให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนพิการซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 

โดยตนได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ เพื่อเชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ให้ดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกล ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง สามารถพึ่งพาตนเองได้ทัดเทียมคนทั่วไป

“โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เป็นโครงการที่ผมให้ความสำคัญมาก เพราะเกิดประโยชน์กับคนพิการอย่างแท้จริง ผู้พิการมีรายได้โดยตรงและได้ทำงานที่หน่วยงานใกล้บ้าน ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัวให้ดีขึ้น ต้องขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชน และชื่นชมการทำงานของกรมการจัดหางานที่ลงพื้นที่เชิงรุก เชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มช่องทางเข้าร่วมโครงการฯให้ทั้งคนพิการที่ต้องการรับสิทธิและสถานประกอบการที่ต้องการให้สิทธิตาม มาตรา 35 สามารถแจ้งผ่านระบบ e-Services ของกรมการจัดหางาน ได้สะดวก รวดเร็ว จนมีนายจ้าง/สถานประกอบการ แจ้งให้สิทธิคนพิการฯ ตามโครงการแล้วถึง 2,264 ราย” นายสุชาติ กล่าว

เครือข่ายปกป้องสถาบันฯ รวมพล จ่อชง 'เสี่ยเฮ้ง' เขี่ยแอมเนสตี้พ้นไทย

(21 พ.ย.65) มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 24 พ.ย.นี้ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศปปส. พร้อมด้วยกลุ่มนักรบองค์ดำ และศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) เตรียมเดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พิจารณาเพิกถอนสัญญาแอมเนสตี้ (amnesty) ในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยยุยงปลุกปั่นให้ประชาชน คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศปปส. เผยว่าสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร.0105.04/43146 โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประสานส่งเรื่องให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีหน้าที่รับผิดชอบรับไปพิจารณาแล้ว ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน กลุ่มนักรบองค์ดำและศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ซึ่งได้ติดตามความคืบหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 โดยมีนางนลินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เซ็นลงนามในหนังสือตอบกลับดังกล่าว

แต่ผลปรากฏว่าทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แจ้งว่าทางพม.ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงกับเรื่องที่ร้องมาและชี้แจงว่าให้ไปที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งในวันดังกล่าวทางผู้ร้อง ก็ได้เดินทางต่อไปยังกระทรวงมหาดไทยซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย ก็แจ้งมาว่าเรื่องที่ผู้ร้อง ร้องนั้นกระทรวงมหาดไทยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง โดยชี้แจงว่าต้องไปที่กระทรวงแรงงาน

ดังนั้นศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กลุ่มนักรบองค์ดำและศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) จึงทำหนังสือมายังนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรง งานตามคำชี้แจงของกระทรวงมหาดไทย

รมว.สุชาติ ชี้!! IMF คาดจีดีพีไทยโต - ว่างงานต่ำสุดในโลก ผลพวงนโยบายรัฐบาลบิ๊กตู่ช่วงโควิด-19

(21 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าถึงกรณีที่ IMF หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกรายงานคาดการณ์ GDP ปี 2023 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผลปรากฏว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต มี GDP เป็นบวก คือ จาก 2.8 เป็น 3.7 โดยในเอเชีย มีเพียงไทยและจีน 3.2 เป็น 4.4 เท่านั้น ที่ IMF คาดการณ์ว่า GDP จะเป็นบวก ไม่นับฮ่องกงและมาเก๊า (ข้อมูลอ้างอิงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ International Monetary Fund (IMF) ที่ได้วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ฉบับเดือนตุลาคม 2565) ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวไหลกลับเข้ามา รวมถึงการลงทุนขนาดใหญ่ที่รัฐบาลได้ไปเจรจาไว้ โดยเฉพาะ EEC และเสถียรภาพทางการคลังของประเทศด้วย

รมว.สุชาติ ห่วง เหตุคาร์บอมบ์เมืองนราฯ สั่ง สปส. เยียวยาผู้ประกันตนโดยด่วน

รมว.แรงงาน ห่วง เหตุระเบิดแฟลตตำรวจจังหวัดนราธิวาส สั่ง สปส.ตรวจสอบช่วยเหลือผู้ประกันตนบาดเจ็บโดยด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดที่แฟลตตำรวจบริเวณถนนสุริยประดิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ข้าราชการตำรวจเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ว่า ทันทีที่ทราบข่าว ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุซึ่งเป็นผู้ประกันตนทันที ซึ่งจากการตรวจสอบของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนราธิวาส ปรากฎว่า จากเหตุการณ์นี้มีผู้ประกันตนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย รายแรก นางนิดา ชนะพันธ์ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รายที่ 2 นายฉันชริน มะยูโซะ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รายที่ 3 นางเจริญตา บุญส่ง เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 และรายที่ 4 นายปฐวี ปิ่นแก้ว เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top