Wednesday, 15 May 2024
กระทรวงแรงงาน

กระทรวงแรงงาน จับมือ 9 หน่วยงานรัฐ + เอกชน MOU ความร่วมมือด้าน 'การส่งเสริมการมีงานทำ'

วันที่ 27 มกราคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน โดยมีนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

นายสุรชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ที่เริ่มคลี่คลาย ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น จนมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการให้บริการจัดหางาน เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานให้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Service) เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ Big Data โดยในวันนี้กรมการจัดหางาน กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวม 9 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมโรงแรมไทย บริษัทจัดหางาน จ็อบ มายเวย์ จำกัด บริษัทจัดหางาน กู๊ด จ๊อบ โปรเพสชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจัดหางาน เก็ทลิงส์ จำกัด และบริษัทจัดหางาน อินเทิร์นชิพส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ เพื่อจัดทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ ระบบ Labour Big Data Analytics สำหรับเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลด้านความต้องการแรงงาน และด้านกำลังแรงงาน เพื่อใช้แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และการว่างงาน 

“ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้จะช่วยเตรียมความพร้อมการวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวทางการพัฒนาประเทศ สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการสร้างโอกาสการเข้าถึงอาชีพ ให้ประชาชนมีรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าว

‘เสี่ยเฮ้ง’ เผย ครม.เคาะค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ หนุนแรงงานรับค่าจ้างเหมาะสม - เป็นธรรม

(31 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (31 มกราคม 2566) เห็นชอบประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ สำหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 17 สาขา เพื่อส่งเสริมให้แรงงานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 17 สาขา ได้แก่ 

>>กลุ่มช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย 
-ช่างระบบส่งถ่ายกำลัง ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 495 บาท 
-ช่างระบบปั๊มและวาล์ว ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 515 
-ช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 500 
-ช่างปรับ ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 500 บาท 
-ผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 520 บาท 
-ช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 545 บาท ระดับ 2 ไม่ต่ำกว่าวันละ 635 บาท และระดับ 3 ไม่ต่ำกว่าวันละ 715 บาท

‘รมว.เฮ้ง’ เตือน!! นายหน้าเถื่อนระบาดโซเชียล หลอกใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้า UAE ทำงานผิดกฎหมาย

วันนี้ (31 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน ได้รับรายงานจากฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ว่า ขณะนี้มีสาย นายหน้าเถื่อนหลอกลวงคนหางานไปทำงานพนันออนไลน์ และงานนวดสปาใน UAE โดยเน้นการชักชวนผ่านเพจ Facebook และเอเจนซี่เถื่อน หรือคนรู้จัก โดยแนะนำให้ใช้วีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่าเยี่ยมเยือน (Tourist Visa or Visit Visa) เดินทางเข้าประเทศ เพื่อลักลอบทำงานเว็บพนันออนไลน์ ร้านนวดสปา ร้านอาหาร พร้อมแอบอ้างชื่อบริษัทหรือกิจการที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมารับสมัครงาน บางแห่งเอเจนซี่ออกเงินค่าใช้จ่ายให้ก่อน

สุดท้ายเดินทางถึงประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากเป็นงานเว็บพนันออนไลน์ จะถูกยึดหนังสือเดินทาง ให้ทำงานเกินระยะเวลาที่ตกลง เมื่อขอยกเลิกไม่ทำงานจะถูกเรียกค่ายกเลิกวีซ่าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้านงานนวด เมื่อไปถึงพบเป็นงานนวดแฝง นำไปสู่การประเวณี บางรายให้เซ็นสัญญารับสภาพหนี้ หากทำงานไม่ได้หรือไม่มีรายได้ตามเป้าจะถูกส่งขายเป็นทอด ๆ ทำให้หนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยได้มอบหมายกรมการจัดหางานตรวจสอบคนหางานที่มีพฤติการณ์ลักลอบเดินทางไปทำงานอย่างเข้มงวด รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ทราบเพื่อป้องกันการหลอกคนไปทำงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และขอย้ำเตือนให้คนหางานต่างประเทศศึกษา ตรวจสอบบริษัทที่จะเดินทางไปทำงานให้รอบคอบ และศึกษาวิธีการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องเดินทางผ่านด่านตรวจคนหางาน กรมการจัดหางานเท่านั้น หากมีผู้ชักชวนไปทำงานต่างประเทศโดยไม่แจ้งการทำงาน ให้สันนิษฐานว่าอาจถูกหลอกลวง หรือตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

รมว.สุชาติ ส่ง เลขาฯ สักขีพยานลงนาม MOU เครือข่ายสถานประกอบการ - สถานศึกษา มุ่งพัฒนากำลังคนรองรับความต้องการของประเทศ

รมว.แรงงาน มอบ เลขาฯ สุเทพ เปิดงาน Techno Chon & Prabhassorn "Think Different" ชื่นชมสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี โรงเรียนประภัสสรวิทยา จัดการศึกษาทศวรรษใหม่ ด้วยนวัตกรรมบริหารแนวใหม่ “Think Different” ได้อย่างมีคุณภาพ ก่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพ มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 น.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดงาน Techno Chon & Prabhassorn "Think Different" และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการ 30 แห่ง พร้อมมอบโล่-เกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน และร่วมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนกับทางวิทยาลัยฯ 19 แห่ง โดยมี ดร.อุไรวรรณ ตันประภัสร์ ประธานกรรมการบริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนภาครัฐและเอกชน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานกระทรวงแรงงานจังหวัดชลบุรี ร่วมให้การต้อนรับ ณ หอประชุมลีลาวดี วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี
    

นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอชื่นชมที่ผู้บริหารสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี และโรงเรียนประภัสสรวิทยา ที่ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาการจัดการศึกษาทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา บนเส้นทางการจัดการศึกษาอันยาวนานของโรงเรียนประภัสสรวิทยากว่า 54 ปี และ 38 ปี ของวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ซึ่งได้เห็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นในการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับการเตรียมคนสู่ศตวรรษที่ 21 และ “การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการศึกษาในจังหวัดชลบุรี นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ทั้งหน่วยงานภายในประเทศและจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก การเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญ สถานศึกษาทุกระดับจึงเป็นหน่วยงานที่สำคัญต่อการผลิตและพัฒนากำลังคน ในฐานะที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับ กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พัฒนาและส่งเสริมแรงงานให้มีศักยภาพสูง รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ เพื่อรองรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสมัยใหม่ การดำเนินงานของโรงเรียนประภัสสรวิทยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษาที่จะผลิตนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึง อาชีวศึกษาที่มีความเชื่อมโยงกัน รวมถึงการที่วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ได้มีการประสานความร่วมมือและพัฒนาเครือข่ายกับสถานประกอบการ สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันพัฒนาการจัดการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนสู่ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยการลงนามความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคี เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย สามารถมีรายได้ระหว่างเรียน ซึ่งสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับกระทรวงศึกษาธิการในการส่งเสริมการศึกษาและการมีงานทำของนักเรียนนักศึกษาและแรงงานทุกระดับ นอกจากนี้ สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการให้นักเรียนนักศึกษาฝึกงานในสถานประกอบการในระบบทวิภาคี สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ 100 ของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกอบรม 10 รายการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ของสถานประกอบการจากการฝึกอบรมกรณีรับนักเรียนนักศึกษาฝึกเตรียมเข้าทำงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

'เสี่ยเฮ้ง' สั่งเยียวยา 'คนทีวี' เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน เตือน!! ละเมิดใช้แรงงานเกินกำหนด มีความผิด

(7 ก.พ. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานข่าวของหนุ่มใหญ่ฝ่ายจัดทำผังรายการทีวีเสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน ผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ให้กับทายาทผู้เสียชีวิต พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยด่วน

ทั้งนี้ในส่วนสำนักงานประกันสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่า ผู้เสียชีวิตชื่อนายศราวุฒิ ศรีสวัสดิ์ อายุ 44 ปี เป็นพนักงานบริษัท ไทยนิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด เสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันบนโต๊ะทำงาน ซึ่งบริษัทฯ ของลูกจ้างที่เสียชีวิตอยู่ในเขตความผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ซึ่งหากกรณีดังกล่าวเป็นการเสียชีวิตเนื่องจากการทำงานจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้ 

'รมว.เฮ้ง' แนะคนไทยไปทำงาน ตปท. สมัครสมาชิกกองทุนฯ หากเกิดเหตุไม่คาดคิด มีกองทุนฯ ช่วยดูแล

(10 ก.พ. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานอยากให้คนไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เห็นถึงความสำคัญของกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพราะหากเป็นสมาชิกกองทุนฯ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด หรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ จะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายกำหนด อาทิ กรณีประสบปัญหาจากภัยสงคราม, ภัยธรรมชาติ, หรือโรคระบาด, กรณีประสบอันตรายก่อนไปทำงานหรือขณะทำงานในต่างประเทศ, กรณีถูกเลิกจ้างจากสาเหตุประสบอันตราย, กรณีประสบอันตรายจนพิการ, กรณีถูกส่งกลับเนื่องจากเป็นโรคต้องห้าม และกรณีถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ

โดยผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้แก่ คนหางานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยบริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง คนหางานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยกรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง และคนหางานที่แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง

“ผมรู้สึกห่วงใยทุกครั้งที่ทราบว่า คนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ประสบอันตราย หากประเทศนั้นมีทูตแรงงานประจำอยู่ ผมจะกำชับเสมอให้ดูแล ช่วยเหลือคนไทยอย่างสุดความสามารถ ในส่วนกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ อยากให้คนไทยให้ความสำคัญและสมัครเป็นสมาชิก เพราะมีค่าสมัครเพียง 300, 400 และ 500 บาท ตามแต่ประเทศที่เดินทางไปทำงาน กรณีประเทศตุรกี ถือเป็นการประสบภัยธรรมชาติ และเสียชีวิตในต่างประเทศ หากเป็นสมาชิกกองทุน จะได้รับการสงเคราะห์ 40,000 บาท ” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า คนที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศและประสงค์สมัครสมาชิกกองทุนฯ สามารถสมัครผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (Overseas Employment E-Service) ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ชำระเงินผ่าน Mobile Banking หรือผ่านเคาน์เตอร์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน และตรวจสอบบัตรสมาชิกกองทุนฯ ผ่านเว็บไซต์ หรือ Application "Smart TOEA" ทางโทรศัพท์มือถือของสมาชิกกองทุนฯ

นอกจากนี้ สามารถติดต่อได้ด้วยตัวเองที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กลุ่มงานกองทุนและงานสนับสนุนการจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ฝ่ายกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ชั้น 10 อาคารสำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่ 3 กระทรวงแรงงาน หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด

สำหรับสิทธิประโยชน์ 9 กรณี ที่ได้รับจากกองทุนฯ มีดังนี้

1.) กรณีถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นให้สมาชิกได้เดินทางกลับประเทศไทยตามที่จ่ายจริง ได้แก่ ค่าพาหนะ, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร, ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นโดยให้จ่ายตามที่จ่ายจริง ไม่เกินคนละ 30,000 บาท

2.) กรณีประสบอันตรายก่อนไปทำงานหรือขณะทำงานในต่างประเทศ สงเคราะห์เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินคนละ 30,000 บาท

รมว.สุชาติ มอบ ผู้ช่วยฯ ต้อนรับ ประธาน JETRO Bangkok และ JCC Bangkok นำเสนอผลสำรวจ สร้างความเชื่อมั่นผู้ประกอบการญี่ปุ่นต่อการค้าการลงทุนในไทย


( 10 ก.พ. 66) เวลา 15.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายจุน คุโรดะ (Mr.KURODA Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ และ นายทาเคโอะ คะโต้ (Mr.Takeo Kato) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น - กรุงเทพฯ โดยมี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุรชัย กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณ JETRO Bangkok และ JCC Bangkok ที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการและองค์การทางเศรษฐกิจต่าง ๆ และมีบทบาทในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น และผลักดันการนำเข้าของสินค้าไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นและเผยแพร่บรรยากาศที่ดีของการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในประเทศไทยเกิดการจ้างงานจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

'รมว.เฮ้ง' ห่วงลูกจ้างบาดเจ็บ เหตุตึกทรุด ย่านพระราม 9 สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาสาเหตุ-เร่งช่วยเหลือตามสิทธิ

(13 ก.พ. 66) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ห่วงเหตุอาคารก่อสร้างทรุดตัว ย่านพระราม 9 ทำให้มีลูกจ้างบาดเจ็บ 5 ราย สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม หาสาเหตุและเร่งช่วยเหลือตามสิทธิ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า "กรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว เกิดเหตุอาคารก่อสร้างที่พักอาศัยถล่มทับลูกจ้างบาดเจ็บ 5 ราย เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.00 น. ในเบื้องต้น ผมได้รับรายงานจากพนักงานตรวจความปลอดภัย สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 เหตุเกิดในพื้นที่ใกล้เคียงกับอาคารโชว์ดีซี ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักอาศัย ขณะเกิดเหตุมีลูกจ้างทำงานอยู่ภายในอาคารประมาณ 130 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย สัญชาติกัมพูชา นำส่งโรงพยาบาลเพชรเวชแล้ว จำนวน 3 ราย และไม่ประสงค์ให้นำส่งโรงพยาบาลจำนวน 2 ราย

ผมจึงสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรเวช และจะเร่งดำเนินการให้ได้ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป"

ด้านนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 (สรพ.5) จะเชิญนายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อตรวจสอบว่านายจ้างได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ผช. รมว.แรงงาน ต้อนรับ เอกอัคราชทูตฯ แห่งไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย หารือเตรียมส่งเสริมแรงงานไปไอร์แลนด์ประกอบอาชีพ คนงานเกษตร พ่อครัว บริการรับจ้าง และอาชีพที่อาศัยความรู้และความชำนาญชั้นสูง

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจากกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายแพทริก เบิร์น (Mr. Patrick Bourne) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอานาจเต็มแห่งไอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 48 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2518 รวมถึงความสัมพันธ์ทั้งในด้านการศึกษา การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยกระทรวงแรงงานพร้อมทำงานเพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้ง กระทรวงแรงงานต้องการส่งเสริมโอกาสของแรงงานไทยในไอร์แลนด์ในการประกอบอาชีพ คนงานเกษตร พ่อครัว และบริการรับจ้าง รวมถึงสาขาอาชีพที่อาศัยความรู้และความชำนาญชั้นสูงตามความต้องการของไอร์แลนด์ และต้องการทราบสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการในไอร์แลนด์ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานไทย

‘เสี่ยเฮ้ง’ สั่งตรวจเข้ม ‘ต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย’ ย้ำ!! ตรวจเจอ จับดำเนินคดี ไม่มีข้อยกเว้น

(14 ก.พ. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงคนไทยถูกแรงงานต่างชาติแย่งงาน แย่งอาชีพ จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการแรงงานต่างชาติในประเทศไทยอย่างรอบคอบ เป็นระบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่เคยนิ่งนอนใจ ได้กำชับให้กรมการจัดหางานติดตามตรวจสอบและดำเนินคดีแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมายหรือแย่งอาชีพคนไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 13 กุมภาพันธ์ 2566 มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 14,104 แห่ง ดำเนินคดี 500 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 196,402 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 145,764 คน, กัมพูชา 32,916 คน, ลาว 10,181 คน, เวียดนาม 103 คน และสัญชาติอื่น ๆ 7,438 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,143 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 629 คน, กัมพูชา 175 คน, ลาว 187 คน, เวียดนาม 49 คน, และสัญชาติอื่น ๆ 103 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 600 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 264 คน, กัมพูชา 121 คน, ลาว 97 คน, เวียดนาม 39 คน, อินเดีย 51 คน และสัญชาติอื่น ๆ 28 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ

“พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระบุว่า คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และนายจ้าง/สถานประกอบการ ที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งกระทรวงแรงงานจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ มีทั้งสิ้น 40 งาน เป็นงานห้ามคนต่างด้าวทำเด็ดขาด 27 งาน ตามบัญชีที่ 1 ได้แก่ 
1.งานแกะสลักไม้ 
2.งานขับขี่ยานยนต์ ยกเว้นงานขับรถยก (Forklift) 
3.งานขายทอดตลาด 
4.งานเจียระไนเพชร/พลอย 
5.งานตัดผม/เสริมสวย 
6.งานทอผ้าด้วยมือ 
7.งานทอเสื่อ หรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ฟาง ไม้ไผ่ ขนไก่ เส้นใย ฯลฯ 
8.งานทำกระดาษสาด้วยมือ 
9.งานทำเครื่องเขิน 
10.งานทำเครื่องดนตรีไทย 
11.งานทำเครื่องถม 
12.งานทำเครื่องทอง/เงิน/นาก 
13.งานทำเครื่องลงหิน 
14.งานทำตุ๊กตาไทย 
15.งานทำบาตร 
16.งานทำผ้าไหมด้วยมือ 
17.งานทำพระพุทธรูป 
18.ทำร่มกระดาษ/ผ้า 
19.งานนายหน้า/ตัวแทน 
20.งานนวดไทย
21.งานมวนบุหรี่ 
22.งานมัคคุเทศก์ 
23.งานเร่ขายสินค้า 
24.งานเรียงอักษร 
25.งานสาวบิดเกลียวไหม 
26.งานเลขานุการ 
และ 27.งานบริการทางกฎหมาย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top