Monday, 29 April 2024
กระทรวงสาธารณสุข

‘ลุงหนู’ จ่อชง ครม. แก้กฎกระทรวงเพิ่มโทษยาบ้า หวังแก้ปัญหายาเสพติดเกลื่อนเมือง

‘ลุงหนู’ จ่อชง ครม. แก้กฎกระทรวงเพิ่มโทษยาบ้า หวังแก้ปัญหายาเสพติดเกลื่อนเมือง 

‘อนุทิน’ จ่อชงครม.แก้กฎกระทรวง ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด เป็นผู้เสพ 2 เม็ด เป็นผู้ค้า หวังแก้ปัญหาผู้ค้าเลี่ยงกม. ลั่น ต้องมีมาตรการ จัดการเด็ดขาด

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.20 น. ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์กำหนดการครอบครองยาบ้าเกิน 1 เม็ดเป็นผู้ค้าว่า ตนได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่ากำลังจัดเตรียมประกาศอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากคณะกรรมการการบำบัดรักษา ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และจะมีการนำเสนอให้ตนได้ลงนาม ขณะนี้กำลังเตรียมเอกสารอยู่ ซึ่งมาตรการนี้เป็นร่างของกฎกระทรวง ซึ่งจะต้องนำเสนอให้ครม.เห็นชอบด้วยก่อนประกาศในราชกิจานุเบกษาฯ

‘อนุทิน’ ยัน!! โยก ‘หมอสุภัทร’ เป็นเรื่องฝ่ายประจำ ชี้!! อุทธรณ์เป็นสิทธิ ว่ากันไปตามขั้นตอน

‘อนุทิน’ ยันซ้ำโยก ‘หมอสุภัทร’ เป็นเรื่องฝ่ายประจำ รมต.ไม่เกี่ยว ชี้ อุทธรณ์เป็นสิทธิว่าตามขั้นตอน เมิน ‘ก้าวไกล’ หวังใช้โจมตีช่วงอภิปราย ม.152 ห้ามใครพูดไม่ได้ ลั่นต้องยึดกม. แจงปม ‘ป้ายนโยบายผู้สูงอายุ’ แยกระหว่างงานการเมือง กับงานบริหารราชการแผ่นดิน เปรียบเหมือนเป็น ‘แบรนด์แอมบาสเดอร์’ ให้ฟรี อัดกลับอย่ามาเสียเวลากับเรื่องที่ไร้ผลใด ๆ

(6 ก.พ. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ไปเป็น ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่มีผลวันที่ 6 ก.พ. 66 ว่า ถ้าตามเอกสารมีผลวันที่ 6 ก.พ. 66 และเท่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานก็เห็นว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามขั้นตอนราชการ ซึ่งตนยังไม่มีเวลาไปติดตาม เพราะว่าไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของส่วนราชการประจำ

เมื่อถามว่า ได้มีการยื่นคัดค้านมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าจะมีการยื่นคัดค้านมา ก็มีขั้นตอนอยู่แล้ว ต้องยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นสิทธิข้าราชการ ต้องยื่นอุทธรณ์ขึ้นมาเป็นลำดับชั้น ตนคิดว่าเราต้องดูตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอุทธรณ์ขึ้นมาจะมีระยะเวลากำหนดว่าต้องกี่วัน ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับระดับการเมือง เพราะมาไม่ถึงจริง ๆ ขึ้นมาก็ขึ้นไม่ถึง ลงมาก็ลงไม่ถึง เพราะว่าระบบของส่วนราชการอยู่ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าอะไรก็ตามเป็นเรื่องงานบริหารราชการในส่วนข้าราชการประจำ ก็เป็นเรื่องปลัดกระทรวงอยู่แล้ว รัฐมนตรีมอบนโยบายในการทำงานของกระทรวง ไม่ใช่มอบนโยบายในการบริหารบุคคล อันนั้นไม่ใช่หน้าที่รัฐมนตรี ไม่มีสิทธิมอบด้วย

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างกรณีพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นเรื่องการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ายิ่งมองเป็นเรื่องการเมือง ยิ่งทำให้ความชอบธรรมไม่เกิด เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีวุฒิภาวะ มีดุลพินิจในการบริหารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเต็มตัวอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องมาปรึกษาใด ๆ กับฝ่ายการเมือง

ตนขอเรียนย้ำอีกครั้งการหารือในเรื่องของการบริหารงานบุคคล ในส่วนที่ปลัดกระทรวงจะหารือกับทางรัฐมนตรีได้ก็คือ เมื่อมีการเสนอข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ตรงนั้นรัฐมนตรีมีสิทธิหารือปลัดกระทรวงได้ เพราะรัฐมนตรีเป็นคนลงนาม นำเสนอเพื่อรับการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรงนั้นถึงจะมีช่องทางพูดคุยกันได้ ในส่วนของข้าราชการที่ต่ำกว่าระดับซี 10 ลงไป ตรงนี้ปลัดกระทรวงไม่จำเป็นต้องมาหารือใด ๆ ฝ่ายนโยบาย 

เมื่อถามว่า จะเป็นประเด็นให้พรรคก้าวไกล นำไปใช้ช่วงอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่สามารถห้ามใครพูดอะไรได้ แต่การชี้แจงต้องเป็นไปตามกฎหมาย บางครั้งไม่ชอบใจในบางเรื่องก็บอกว่ารัฐมนตรีก้าวก่าย บางเรื่องรัฐมนตรีไม่เคยยุ่ง ก็บอกทำไมรัฐมนตรีไม่ลงไปล้วงลูก เพราะฉะนั้น การเถียงแบบนี้มันนานาจิตตัง สิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องยึดตามระเบียบว่าอย่างไรก็ตามนั้น กรณีนี้ในการโยกย้าย ผอ.โรงพยาบาล ถือเป็นระดับซี 9 ไม่มีส่วนไหนที่รัฐมนตรีจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้

'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป ยกระดับ '30 บาท รักษาทุกโรค' ชูระบบเทคโนโลยีทันสมัย บริการได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

(24 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ก.พ. พรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผลงานโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ระบุข้อความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยในอนาคต คือ การยกระดับโครงสร้างสาธารณสุขไทยทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ใกล้ใจ - เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ง่ายดาย - บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย
ครบครัน - ใช้ฐานข้อมูล Cloud ทั้งระบบ
รวดเร็ว - รักษาและจ่ายยาออนไลน์
ปลอดภัย - ข้อมูลผู้ป่วยไม่รั่วไหล
สะดวก - นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนาน ๆ
ทันใจ - ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย
โปร่งใส - ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์

ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV

ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบ ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine

‘ชูวิทย์’ เดือด!! 'สธ.' บุก รร.เดวิส ตรวจบาร์กัญชา เชื่อ!! ถูกกลั่นแกล้ง หลังพูดแตะเรื่องกัญชา

(27 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษษฏ์ ได้ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ หลังกรมการแพทย์ไทยและการแพทย์ทางเลือก ของกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาตรวจสอบบาร์กัญชา ในโรงแรมเดอะ เดวิส ซึ่งตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท โดยเจ้าตัวเผยว่า ถือเป็นการกลั่นแกล้งประชาชน พอพูดความจริงก็รับไม่ได้

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ และสอบถามว่าจะกลั่นแกล้งเหรอ พอตนพูดถึงเรื่องกัญชา ก็มาตรวจ ถือว่าใช้ได้ที่ไหน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้มาแนะนำ ทำหน้าที่ ทางนายชูวิทย์จึงสอบถามว่าทำไมเพิ่งมาร้านแห่งนี้ อยากรู้เหตุผล เพราะพอตนพูดถึงกัญชา กลับเดินทางมา ทั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่เคยออกกฎห้ามเลย เรื่องเยาวชนมาซื้อ เอาแต่พูดถึงข้อดี แต่ไม่เคยพูดถึงเด็กเล็ก ๆ กลับเล่นกัญชา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อ้างว่า เพิ่งได้ข้อมูลมา โดยได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งนายชูวิทย์ได้สอบถามอย่างเดือดระอุว่า “ใครสั่งมา”

'อนุทิน' ชง ครม. เพิ่มค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท ยก เปรียบเป็นหมอคนแรกที่ต้องดูแลทั้ง 'ผู้สูงอายุ-ยาเสพติด'

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.66) ที่ทำเนียบฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม.ว่า ตนได้ลงนามเสนอเรื่องให้ที่ประชุมครม. พิจารณาเห็นชอบเพิ่มค่าตอบแทนให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 2,000 บาท 

อยู่ที่การเลือกใช้ ‘กระทรวงสาธารณสุข’ เล็งหากฎหมายรองรับ ‘กัญชา’ ย้ำ! ควรใช้อย่างถูกต้อง-เข้าใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์ . สธ.เตือน ‘กัญชา’ มีทั้งคุณและโทษ ควรใช้ประโยชน์อย่างเข้าใจและถูกต้อง

สธ.เตือน ‘กัญชา’ มีทั้งคุณและโทษ ควรใช้ประโยชน์อย่างเข้าใจและถูกต้อง

(3 มี.ค. 66) นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า “กัญชา” เป็นสมุนไพรควบคุม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) 2565 กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงส่งเสริมการใช้และองค์ความรู้ในการใช้ทางการแพทย์ และมีการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ แต่ สธ.มีข้อกำหนดการใช้กัญชาชัดเจนว่า กำหนดให้ใช้กัญชาได้ในผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เด็กวัยเรียนเยาวชนไม่สามารถใช้กัญชาได้ รวมทั้ง สตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรก็ไม่สามารถใช้กัญชาได้

“นอกจากนี้ ตามประกาศกระทรวงที่กำหนดให้กลิ่นและควัน เป็นเหตุรำคาญ ยังกำหนดข้อห้ามใช้สูบ ใช้เสพในที่สาธารณะ ซึ่งกฎหมายนี้จะเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ และ เจ้าพนักงานตามกฎหมายสามารถนำมาใช้ในการป้องกันแก้ไขผลกระทบที่อาจทำให้เกิดการใช้ที่ไม่เหมาะสม นอกจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรครบคุม (กัญชา) 2565 แล้ว ยังมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจากการใช้ไม่เหมาะสม เช่น ประกาศของกรมอนามัยที่กำหนดให้กลิ่นกัญชา ควันกัญชาเป็นเหตุก่อความรำคาญ ก็เพื่อป้องกันการเสพในที่สาธารณะ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่จะนำกัญชามาปรุงเป็นอาหารหรือประกอบอาหารต้องปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงกับผู้บริโภค และผู้บริโภคเองสามารถสังเกตฉลากบรรจุภัณฑ์อาหารที่ต้องแสดงรายละเอียดส่วนผสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการรับประทานโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้แพ้กัญชา เราต้องคำนึงถึงและระมัดระวัง” นพ.ธงชัย กล่าว
 

สธ. เผย 3 ปี รัฐใช้งบ 4.44 แสนล้านบาท สู้โควิด พบเป็นค่าตรวจรักษาถึง 59% - ซื้อวัคซีน 7.7 หมื่นล้าน

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลศึกษาไทยใช้จ่ายด้านสาธารณสุขรับมือ 'โควิด' ปี 2563-2565 รวม 444,294 ล้านบาท กว่าครึ่งเป็นค่าบริการสุขภาพ ทั้งตรวจคัดกรอง รักษาพยาบาล ค่าฉีดวัคซีน รวม 260,174 ล้านบาท ตามด้วยค่าจัดซื้อ บริหารจัดการวัคซีน 77,987 ล้านบาท และค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย ค่าเสี่ยงภัย 57,499 ล้านบาท 

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ 11) ในฐานะประธาน คกก.ฯ MIU (MOPH Intelligence Unit) กล่าวว่า จากการศึกษาของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการเงินการคลังสุขภาพเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย พบว่า 

แหล่งงบประมาณหลักด้านสาธารณสุขในการรับมือการระบาดของโรคโควิด 19 มาจากงบกลางและงบเงินกู้ กรอบวงเงิน 1 ล้านล้านบาท และ 5 แสนล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโรคโควิด 19 ระหว่างปี 2563-2565 รวมทั้งสิ้น 444,294 ล้านบาท เป็นค่าบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโควิด 19 เช่น ค่าตรวจคัดกรอง ค่ารักษาพยาบาล ค่าฉีดวัคซีน เป็นต้น ในสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 260,174 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 59 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตามด้วยการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน รวม 77,987 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับบุคลลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 57,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ส่วนที่เหลือเป็นค่ายาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ และองค์กรการวิจัยและพัฒนาฯลฯ

ดองนานจนลืม!! ‘แพทย์ชนบท’ ทวง ‘เสี่ยหนู’ ปมโรคนอกสิทธิ์บัตรทอง ชี้ 4 เดือน ไร้ความคืบหน้า วอน รีบแก้ปัญหาก่อนยุบสภาฯ

(6 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

นานแล้วนะ ที่ปัญหาถูกดองไม่ถูกแก้

งบส่งเสริมป้องกันของกลุ่มประชากรที่ไม่ได้ใช้บัตรทอง เช่น กลุ่มสวัสดิการข้าราชการและครอบครัว กลุ่มประกันสังคม กลุ่มครูเอกชน กลุ่มรัฐวิสาหกิจ รวมแล้ว 20 ล้านคน ยังไม่ได้งบลงสู่พื้นที่ สธ. บอกให้โรงพยาบาลให้บริการไปก่อน แต่จริง ๆ ยังมีโรงพยาบาลนอก สธ.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ สธ. สั่งไม่ได้อีกด้วย

นี่ผ่านมากว่า 4 เดือน ไร้ความคืบหน้า ใกล้ยุบสภาฯ เป็นรัฐบาลรักษาการ จะส่งเรื่องให้ ครม.อนุมัติเห็นชอบทันไหม สงสัยจะไม่ทัน เพราะดองลืม ไม่ใส่ใจแก้ปัญหา สนใจแต่เดินสายหาคะแนนเสียง

ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาต้านไวรัส วัคซีนพื้นฐาน ฝากท้อง แว่นสายตาผู้สูงอายุ งบกองทุนสุขภาพตำบล มากมายหลายรายการที่หน่วยบริการปวดหัวมาก เดิมให้ทุกคนทุกสิทธิ ตอนนี้ต้องมาอธิบายชาวบ้าน บ่อยครั้งชาวบ้านไม่เข้าใจ ไม่พอใจ เลยต้องบอกชาวบ้านว่า ให้ไปต่อว่าคนคนนั้นที่ดองงบแทน อย่ามาว่าพยาบาล
 

‘ครม.’ ไฟเขียวเพิ่มค่าตอบแทน อสม.-อสส. จาก 1,000 เป็น 2,000 ต่อเดือน

ครม.ไฟเขียว เพิ่มค่าป่วยการ อสม.-อสส. จากเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท เตรียมตั้งคำของบประมาณตั้งแต่ปี 67 คาดใช้งบปีละ 1.3 หมื่นล้าน โวลั่น ภท.พูดแล้วทำ

จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอเรื่องเข้าบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องขอเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 1,000 บาท เพิ่มเป็น 2,000 บาท ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 นั้น

(7 มี.ค. 66) รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาทต่อคน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป  ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในแต่ละปีงบประมาณ จำนวน 13,081 ล้านบาท

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้กล่าวขอบคุณ ครม. ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. และได้อนุมัติการเพิ่มเงินค่าป่วยการในครั้งนี้ให้สอดคล้องกับภารกิจของ อสม. และอสส. ที่เพิ่มขึ้นมีทั้งภารกิจ 9 งานหลัก และภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายเพิ่มเติมใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1.) การคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาวะผู้สูงอายุ 9 ด้าน 
2.) สร้างความรอบรู้และให้บริการดูแลสุขภาพตามสภาพปัญหาในแต่ละด้าน 
3.) ประสานภาคีเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ปฏิบัติงานในระยะ Post-Pandemic ของโรคโควิด19 
และ 4.) ติดตามผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดในระบบสมัครใจบำบัด

นายอนุทิน กล่าวว่า อสม.และอสส. ได้รับค่าป่วยการในอัตราปัจจุบันที่ 1,000 บาทต่อเดือนมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 โดยผู้จะได้รับค่าป่วยการจะต้องเป็น อสม.และ อสส. ที่มีรายชื่อในฐานข้อมูลประวัติของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีระยะเวลาปฏิบัติงานที่แน่นอน มีการรายงานผลปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมี อสม. อยู่ 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน รวม 1,090,163 คน ก่อนจะเสนอ ต่อ ครม. ในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาเปรียบเทียมอัตราค่าป่วยการ กับค่าใช้จ่ายของ อสม. ในการปฏิบัติงานแล้วพบว่า ค่าป่วยการที่ได้นั้นต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ อสม. ได้มาโดยตลอด

วัคซีนมาแล้ว!! ‘อนุทิน’ รับวัคซีน ‘โมเดอร์นา’ ล็อตใหม่ จากฝรั่งเศล เร่งเคาะฉีด ‘ครึ่งโดส-เต็มโดส’ คาด!! ส่งต่อ รพ.ทั่วประเทศวีกหน้า

(12 มี.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการรับมอบวัคซีนโควิด-19 จากสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมี นายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบ ว่า วันนี้ สธ. ได้รับมอบวัคซีนโควิด-19 โดยบริษัทโมเดอร์น่า ชนิดไบวาเรนท์ ซึ่งเป็นวัคซีนสองสายพันธุ์ จำนวน 1,000,200 โดส จากรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3 รวมทั้งสิ้น 4.2 ล้านโดส โดยวัคซีนที่ได้รับสนับสนุนมานี้อยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต (Lot release) คาดว่าจะสามารถกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในวันที่ 20 มี.ค. นี้ และพร้อมฉีดให้กับประชาชนได้ทันที

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยวัคซีนเข็มแรกมากกว่าร้อยละ 83 ของประชากรทั้งหมด และได้รับวัคซีนเข็มที่สองร้อยละ 78 ทำให้การระบาดของโรคลดความรุนแรงลง ประกอบกับการมีเวชภัณฑ์ ยา มีความพร้อมของระบบสาธารณสุข ทำให้ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้เปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 มีนักท่องเที่ยว นักลงทุน ทำให้เกิดการสัญจรได้สะดวกตามปกติ ทั้งยัง สร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติ โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยในปี 2566 สูงถึง 15 ล้านคน แต่ทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยเกินหลัก 20 ล้านคน ดังนั้น สธ.ยังขอเชิญชวนให้คนไทยมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top