Thursday, 27 March 2025
WORLD

ม็อบหนุน-ต้านยุนซอกยอล ชุมนุมกลางโซลแม้อากาศหนาวจัด

(6 ม.ค. 68) ผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านประธานาธิบดียุนซอกยอล ของเกาหลีใต้ รวมตัวชุมนุมในเช้าวันนี้ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด หิมะตกหนัก และสภาพถนนเปียกชื้นในกรุงโซล  

ชาวเกาหลีใต้นับหมื่นคนฝ่าหิมะตกหนักในวันอาทิตย์นี้ (5 ม.ค.) เพื่อแสดงจุดยืนทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านการควบคุมตัวนายยุน ซ็อกยอล ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขาประกาศกฎอัยการศึกโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

ผู้ชุมนุมจำนวนมากต้องใช้ผ้าห่มฟอยล์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น โดยกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านได้ชุมนุมกันในจุดต่าง ๆ บนถนนใกล้เคียงในย่านฮันนัม กรุงโซล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักประธานาธิบดี ที่นายยุนยังพำนักอยู่ระหว่างกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่ง เนื่องจากกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567  

การชุมนุมบางส่วนเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อคืนในพื้นที่ดาวน์ทาวน์ของกรุงโซล ก่อนจะมีการเคลื่อนไหวต่อในเช้าวันนี้ใกล้บ้านพักประธานาธิบดี โดยสภาพอากาศในพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -5 องศาเซลเซียส และมีหิมะหนากว่า 5 เซนติเมตรในบางเขต ทางการจึงได้ออกคำเตือนเรื่องหิมะตกหนัก  

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ต้องระงับความพยายามในการจับกุมตัวนายยุน หลังเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่สอบสวนกับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี ซึ่งยืดเยื้อหลายชั่วโมง  

อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนระบุว่าจะพิจารณาขั้นตอนดำเนินการต่อไป โดยหมายจับที่ออกให้มีกำหนดหมดอายุในวันจันทร์นี้  

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังศาลอนุมัติหมายจับนายยุนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเขาปฏิเสธหมายเรียกสอบปากคำถึงสามครั้ง ซึ่งทำให้ยุนซอกยอล มีแนวโน้มเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมในระหว่างดำรงตำแหน่ง  

เมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านนายยุนได้ปิดถนน 8 เลน ส่งผลให้การจราจรติดขัดทั้งสองฝั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงแถวเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนายยุนได้จัดการชุมนุมใกล้เคียงในจุดอื่น ๆ ของพื้นที่เดียวกัน

‘อังกฤษ’ ขุดพบ!! ‘รอยเท้าไดโนเสาร์’ ทั้งสายพันธุ์ ‘กินพืช – ล่าเนื้อ’ ในยุค 166 ล้านปีก่อน ยาวเป็นทางเดิน คาดขนาดจริง คงตัวใหญ่มาก

(5 ม.ค. 68) นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบหลุมแปลก ๆ ในเหมืองหินแห่งหนึ่งในอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งรอยบุ๋มเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน ซึ่งการค้นพบนี้เกิดขึ้นหลังจากคนงานในไซต์รายงานว่า พบเนินและหลุมเยอะผิดปกติ

การค้นพบทางเดินยาวเกือบ 500 ฟุตที่เต็มไปด้วยร่องรอยของสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ขนาดยักษ์ในอ็อกซ์ฟอร์ดเชียร์ ใกล้กับลอนดอนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถนนทางหลวงไดโนเสาร์” ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม เชื่อกันว่าการค้นพบในศตวรรษที่ 20 นี้ยังมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยุคจูราสสิกตอนกลาง เมื่อประมาณ 166 ล้านปีก่อน

เริ่มตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2024 นักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา และอาสาสมัครมากกว่า 100 คนจะเข้าร่วมงานขุดเหมืองหิน ซึ่งแกรี่ จอห์นสันค้นพบรอยเท้าเหล่านี้ครั้งแรกเมื่อเขาขับรถขุด 

“ผมเพิ่งทำความสะอาดดินเหนียว แล้วก็โดนกระแทก ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพียงหลุมที่ไม่เรียบในดิน แต่ไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อว่าจะหลุมคล้าย ๆ กันอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร”

เนื่องจากมีการค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ในบริเวณใกล้เคียงในช่วงทศวรรษ 1990 แกรี่จึงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า หลุมเหล่านี้อาจเป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์ พร้อมกล่าวว่า 

“ผมคิดว่า ผมเป็นคนแรกที่ได้เห็นรอยเท้าเหล่านี้ มันช่างเหนือจริงและน่ากังวลเล็กน้อย”

บีบีซี รายงานว่า ทีมวิจัยพบรอยเท้าทั้งหมด 5 รอย โดย 4 รอยเท้ามาจากซอโรพอด เซติโอซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชที่เดินด้วย 4 ขาและอาจยาวได้ถึง 18 เมตร รอยเท้าดังกล่าวดูใหญ่โตเล็กน้อย มีขนาดใหญ่กว่ามาก อีกตัว คือ เมกาโลซอรัส ซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อสองขาที่ว่องไวมีลักษณะสามนิ้วถูกพบเห็นว่าทับซ้อนกับรอยเท้าของสัตว์กินพืชคอยาวหลายตัว

ดร.เอ็มมา นิโคลส์กล่าวว่า “นักวิทยาศาสตร์รู้จักและศึกษาเมกาโลซอรัสมานานกว่าไดโนเสาร์ตัวอื่น ๆ บนโลก อย่างไรก็ตาม การค้นพบล่าสุดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีหลักฐานใหม่ ๆ เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ที่รอการค้นพบอยู่”

ปัจจุบันส่วนที่ยาวที่สุดของรอยเท้าที่พบสูงถึง 150 เมตร และในขณะที่การขุดค้นดำเนินไปก็อาจขยายออกไปอีก เคิร์สตี เอ็ดการ์ นักบรรพชีวินวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมกล่าวว่า 

“นี่เป็นหนึ่งในรอยเท้าที่น่าทึ่งที่สุดที่ผมเคยพบเห็นในแง่ของขนาดและขนาดรอยเท้า คุณสามารถย้อนเวลากลับไปและจินตนาการถึงสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์เหล่านี้ที่เดินไปมาได้”

ริชาร์ด บัตเลอร์ นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมกล่าวว่า 

“รอยเท้าไดโนเสาร์หรือแม้แต่รอยเท้าทั้งหมด เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของชีวิตสัตว์เหล่านี้ คุณสามารถเข้าใจได้ว่าสัตว์เหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร และสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่เป็นอย่างไร ข้อมูลนี้ไม่สามารถระบุได้จากกระดูกฟอสซิล สำหรับสาเหตุที่รอยเท้าถูกเก็บรักษาไว้นั้น เราไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจเป็นพายุที่ทำให้เกิดตะกอนจำนวนมากเหนือรอยเท้า ซึ่งหมายความว่ารอยเท้าเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้และไม่ถูกพัดพาออกไป”

‘ไมค์ จอห์นสัน’ ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอีกสมัย โดยได้รับการสนับสนุนหลักจาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีคนใหม่

(4 ม.ค. 68) ‘ไมค์ จอห์นสัน’ จากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอีกครั้ง หลังผ่านกระบวนการอันตึงเครียดในรัฐสภา

จอห์นสันทำให้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านโกรธเคืองด้วยการร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการผ่านกฎหมายงบประมาณ และชัยชนะของเขาได้มาหลังจากการเจรจาภายในห้องลับที่ตึงเครียดซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันมากกว่าสิบคนแสดงความสงสัยต่อความเป็นผู้นำของเขา

การประชุมงบประมาณในปี 2023-2025 ที่วุ่นวายนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของกลุ่มอนุรักษนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการจัดการการเจรจาการใช้จ่ายของรัฐบาลไบเดน โดยที่กลุ่มผู้ต่อต้านการคลังเรียงคิวกล่าวหาว่าเขาไม่เข้มงวดกับการขาดดุล

ในท้ายที่สุด มีเพียง 3 คนที่ยังคงสนับสนุนพรรครีพับลิกันเมื่อการลงคะแนนเสียงเริ่มต้นขึ้น โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้ง 215 คนสนับสนุนฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำของพวกเขา

สำนักข่าว Punchbowl News ซึ่งเป็นสื่อของรัฐสภา รายงานว่าจอห์นสันสามารถรักษาความทะเยอทะยานในการเป็นประธานสภาไว้ได้ หลังจากที่ทรัมป์เข้าแทรกแซงเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยกับกลุ่มกบฏ 2 คนทางโทรศัพท์ ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนคะแนนเสียง

"หลังจากสี่ปีของภาวะเงินเฟ้อสูง เรามีวาระสำคัญ เรามีอะไรต้องทำอีกมาก และเราสามารถทำได้โดยปราศจากการผูกขาด" จอห์นสันกล่าวในขณะที่เขาให้คำมั่นว่าจะช่วยทรัมป์ให้เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจได้สำเร็จ

"เราสามารถต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อสูงได้ และเราต้องทำ เราจะให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกัน และเราจะขยายเวลาการลดหย่อนภาษีของทรัมป์ เราจะลดขนาดและขอบเขตของรัฐบาลลงอย่างมาก เราจะคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน" จอห์นสันกล่าว

โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวถึงประธานสภาฯคนใหม่แต่หน้าเดิมว่า "ไมค์จะเป็นผู้พูดที่ยอดเยี่ยม และประเทศของเราจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ประชาชนชาวอเมริกันรอคอยสามัญสำนึก, ความเข้มแข็ง และความเป็นผู้นำมาเป็นเวลา 4 ปี และอเมริกาจะยิ่งใหญ่กว่าที่เคย"

การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่ใกล้จะมาถึงมีผลอย่างมากในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอิทธิพลสำคัญในวอชิงตัน โดยควบคุมดูแลกิจการของสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในลำดับสามต่อจากตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี

แต่จอห์นสันอ่อนแอลงจากการเผชิญหน้ากับกลุ่มหัวรุนแรงในพรรคฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่พวกเขามี เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภา

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน มีกำหนดจะรวมตัวกันที่วอชิงตันในวันเสาร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการสำหรับปี 2025 และผู้นำพรรคฯจะพบกันอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่เมืองบัลติมอร์

แต่ลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการคือการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งควบคุมการดำเนินงานประจำวัน โดยจะอนุญาตให้เฉพาะสมาชิกพรรครีพับลิกันเท่านั้นที่จะบังคับให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดประธานสภาผู้แทนราษฎรได้

พรรคเดโมแครตโต้แย้งว่าการปฏิรูปดังกล่าวจะทำให้จอห์นสันต้องรับผิดชอบต่อฝ่ายของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งสภา โดยในสภาคองเกรสชุดที่แล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งก็สามารถเสนอ ‘ญัตติเพื่อถอดถอน’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้

‘สาวเวียดนาม’ โดนโซเชียลถล่มยับ!! หลังเชียร์นักเตะช้างศึก ทีมชาติไทย

(4 ม.ค. 68) Youtube ช่อง ‘UP Comment’ ได้นำเสนอเรื่องราวของ 'สาวเวียดนาม' ซึ่งโดนโซเชียลถล่มหนัก หลังเชียร์ทีมชาติไทย โดยในคลิปนั้นมีใจความว่า ...

เป็นประเด็นในโซเชียลมีเดีย ประเทศเวียดนาม เมื่อ ‘ง็อก-เหวียน-โด’
สาวเวียดนามรายหนึ่ง ที่ได้มีการปรากฏภาพของเธอสวมเสื้อเชียร์ทีมชาติไทยในศึกเอเอฟเอฟคัฟ ที่เวียดนาม นั้นสามารถเปิดบ้านเอาชนะทีมชาติไทยไปได้สองประตูต่อหนึ่ง 

งานนี้เธอโดนชาวเวียดนามรุมประณามอย่างหนักด้วยข้อหาไม่รักชาติพร้อมกับตั้งคําถามเพราะเหตุอันใดเธอจึงเชียร์ทีมชาติไทย

ตามข้อมูล ได้มีการระบุว่า เธอได้มีการติดตามเชียร์ทีมชาติไทยมากว่า 10 ปีแล้วและทุกครั้งที่ทีมชาติไทยมาแข่งขันที่ประเทศเวียดนามเธอก็มักจะเข้าไปให้กําลังใจทีมชาติไทยอยู่เสมอ ซึ่งจากภาพดังกล่าวที่ถูกสื่อเวียดนามเผยแพร่นี้เอง ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเวียดนามเป็นจํานวนมาก จนถึงขั้นที่เธอนั้นถูกชาวเวียดนามรุมสาปแช่ง แล้วรวมถึงมีการรุมรีพอร์ตเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อกของเธอจน ถูกระงับการใช้งานไปเป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ชาวเวียดนาม ได้มีการออกมาแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงมีการบูลลี่เธอเป็นอย่างมาก 

เรามาเริ่มต้นกันที่ความคิดเห็นของชาวเวียดนามท่านแรกครับท่านนี้เค้าบอกว่า ถ้าผมอยู่ใกล้ ๆ ผมจะฉีกเสื้อตัวนั้นทิ้งท่านนี้ก็น่าจะหมายถึงเสื้อทีมชาติไทยนะครับ

ความคิดเห็นต่อไป ช่างมันเถอะมันก็โต ๆกันแล้ว แล้ว เธอมีจุดประสงค์อะไรที่ไปสนามกีฬาที่มีคนเวียดนามเยอะขนาดนั้น

ความคิดเห็นต่อไป นอกจากกีฬาสีแล้วฉันยังไม่เคยเห็นใครทําร้ายเด็กแบบนี้เลย ชอบทีมไหนเชียร์ทีมไหนก็ลุยเลยเธอไม่ใช่คนทรยศเธอไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายและเธอก็ไม่เคยสาปแช่งประเทศตัวเอง

คุณกินข้าวเวียดนามดื่มน้ำเวียดนามและสูดอากาศของเวียดนามที่บรรพบุรุษต้องเสียสละ เพื่อให้ได้มันมา แต่พอเวียดนามยิงประตูได้ ทําไมเธอถึงโกรธ

ความคิดเห็นต่อไป ทําไมคนไทยคนนี้ถึงมีชื่อเหมือนเวียดนามท่านนี้ก็แสดงความคิดเห็นแบบประชดประชันไว้

ตั้งฐานทัพบินมาถล่มเวียดนาม อยากจะถามเธอว่าเธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

เธอคงตั้งหน้าตั้งตาที่จะไปทํางานในประเทศไทยนั่นแหละ เธอเลยสร้างภาพเพื่อให้ได้สมัครงานมาง่าย ๆ

ความคิดเห็นต่อไปครับทั้งนี้เขาบอกว่าทุกคนคงยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่างจริง ๆ แล้วเธอคนนี้เป็นเด็กผู้ชายที่เกิดมาในร่างของเด็กผู้หญิงดังนั้นเธอจึงต้องการไปที่ประเทศไทยเพื่อกลายเป็นคนข้ามเพศ เธอจงใจดึงดูดความสนใจเพื่อที่จะทําให้เธอเป็นคนข้ามเพศในไทยและทําให้คนไทยนั้นเห็นใจเธอ

เปิดประวัติ 'ชอลซู' หุ่นสังหารตัวใหม่จาก 'Squid Game' แรงบันดาลใจจากตัวละครในแบบเรียนเกาหลี

(3 ม.ค. 68) หลังจากที่ Netflix เปิดตัวซีรีส์เรื่องดัง Squid Game ซีซั่น 2 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024  ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดผู้ชมรวมถึง 68 ล้านวิวภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 แต่ยังครองอันดับหนึ่งในหมวดคอนเทนต์ยอดนิยมใน 92 ประเทศทั่วโลก

แม้เรื่องราวของซีซั่น 2 จะปิดฉากลง แต่ก็มีการเปิดตัวอย่างความเข้มข้นของ ซีซั่น 3 ที่วางแผนฉายในปี 2025 โดยหนึ่งในจุดเด่นที่มีการพูดถึงคือการเปิดตัวตุ๊กตาสังหารตัวใหม่ อย่าง 'ชอลซู' ที่มาเป็นคู่หูของ 'ยองฮี' หรือตุ๊กตาเด็กผู้หญิงในชุดสีเหลืองที่คนไทยรู้จักในชื่อ 'โกโกวา' จากเกม AEIOU

สำหรับแรงบันดาลใจในการสร้างชอลซูและยองฮี มาจากตัวละครในแบบเรียนประถมของเกาหลีใต้  โดยตัวละครนี้ปรากฏครั้งแรกในปี 1948 ผ่านฝีมือของ คิมแทฮยอง หนึ่งในผู้จัดทำตำราเรียนแห่งชาติ ชอลซูและยองฮีเปรียบเสมือนตัวแทนความทรงจำวัยเด็กของชาวเกาหลีใต้ คล้ายกับ 'มานะ-มานี' จากแบบเรียนภาษาไทยระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 บเรียนภาษาไทย ระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 รวม 12 เล่ม (ภาคเรียนละ 1 เล่ม) ซึ่งใช้ในการเรียนการสอนภาษาไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2521–2537 

นอกจากถูกใช้เป็นตัวละครในเรื่อง Squid Game ชอลซูและยองฮียังเป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสติ๊กเกอร์เซ็ตที่ใช้ในแอปพลิเคชัน  Kakao ด้วย

การปรากฏตัวของชอลซู ในซีรีส์ทำให้แฟน ๆ หลายคนจับตามองว่าจะมีการนำหุ่ชอลซูมาใช้ในเกมใด เพราะในซีรีส์ทั้งภาค 1 และ 2 ผู้สร้างมีการนำการละเล่นในวัยเด็กของชาวเกาหลีมานำเสนอในซีรีส์ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เกมตีกระดาษ (ตั๊กจี) เกมแกะน้ำตาล (ดัลโกนา) และหมากเก็บ (กงกี)

Squid Game จึงไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์ที่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้สู่สายตาชาวโลกอีกด้วย

ทูตจีนย้อนเกล็ดสหรัฐ หนุนเอกราชไต้หวัน ลืมสัญญาปี 1978 แล้วหรือ ย้ำรบจีนยังไงก็ไม่ชนะ

(3 ม.ค. 68) จาง ฮานฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวผ่านสำนักข่าวสปุตนิกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ในการสร้างวาทะกรรมที่ทำให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เกิดความไม่มั่นคง เพราเมื่อใดที่ไต้หวันเผชิญหน้ากับจีน ก็แพ้พลังของกองทัพจีนอยู่ดี

"การเล่นกับไฟจะทำให้เกิดการล้มเหลวในที่สุด ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ซึ่งเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มจะพ่ายแพ้" จางกล่าวในบทความที่เขียนสำหรับสปุตนิก

นายจางยังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ "มองข้ามข้อเท็จจริงและแทนที่ด้วยคำโกหก" โดยสหรัฐให้การสนับสนุนการแยกตัวของไต้หวันอย่างเปิดเผย

"สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นอย่างชัดเจนในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เมื่อปี 1978 เกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และในคำแถลงร่วมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1982 ว่าสหรัฐฯ 'ยอมรับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด' และ 'เข้าใจจุดยืนของจีนที่มีเพียงจีนเดียวในโลกและไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน' ซึ่งเป็นหลักการที่ชัดเจนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"

จางยังกล่าวว่า วอชิงตันสนับสนุนความทะเยอทะยานของนายไล่ชิงเต๋อผู้นำไต้หวัน ในการแยกตัว "แม้จะมีความเสี่ยงที่จะทำลายความสงบและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำมั่นทางการเมืองของพวกเขา"

"สิ่งนี้ยิ่งยืนยันว่า สหรัฐฯ มีแผนการที่ซับซ้อนในการเล่น 'การ์ดไต้หวัน' และใช้ 'แรงกดดันสูงสุด' ด้วยการละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง โดยหวังผลจากการสร้างความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและปกปิดเจตนาที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือในการยับยั้งจีน ซึ่งที่แท้จริงแล้วคือต้องการขัดขวางการพัฒนาของจีนและรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่กำลังเลือนหายไป เมื่อเผชิญกับพลังอันเป็นหนึ่งเดียวของชาวจีน 1.4 พันล้านคน พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้" เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมอสโกระบุ 

นทท.ข้ามแดนผ่านด่านยูนนานพุ่ง 3 แสน เพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบปีที่แล้ว

(3 ม.ค. 68) สถานีตรวจสอบการผ่านแดนขาเข้า-ขาออกตำบลโม๋ฮัน มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รายงานว่า ด่านรถไฟโม๋ฮันได้รองรับการเดินทางข้ามพรมแดนของประชาชนจากราว 100 ประเทศและภูมิภาค จำนวนมากกว่า 301,000 คนในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 136 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ด่านรถไฟโม๋ฮันได้รองรับการเดินทางโดยรถไฟข้ามพรมแดนในปี 2024 มากกว่า 7,900 เที่ยว ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความนิยมของการเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นับตั้งแต่เปิดให้บริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดน เนื่องจากมีราคาถูกและสะดวกสบาย

'ท่องเที่ยวจีน' เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจสูงในขณะนี้ หลังจากจีนขยายโครงการฟรีวีซ่ากับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการผ่อนปรนนโยบายเดินทางผ่าน (transit) แบบฟรีวีซ่า ซึ่งขยายระยะเวลาพำนักที่ได้รับอนุญาตสำหรับนักเดินทางชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์จากเดิม 72 และ 144 ชั่วโมง เป็น 240 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่สถานีฯ กล่าวว่า การเปิดให้บริการรถไฟโดยสารข้ามพรมแดนจีน-ลาว เส้นทางสิบสองปันนา-หลวงพระบาง เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2024 ได้เพิ่มการเดินทางข้ามพรมแดนจาก 300 คนต่อวันเป็นมากกว่า 800 คนต่อวัน โดยตัวเลขสูงสุดในหนึ่งวันอยู่ที่มากกว่า 1,200 คน

มัคคุเทศก์แซ่หวังจากมณฑลอวิ๋นหนานกล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวนั้นทั้งสะดวกและรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทาง ทำให้ผู้เดินทางเลือกใช้บริการนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

ริตชี เดวิด สจ๊วร์ต นักท่องเที่ยวชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวจีนครั้งแรกพร้อมภรรยา กล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวนั้นให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน ทั้งสะดวกสบายและคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมทั้งสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยที่สถานีรถไฟในคุนหมิงอีกด้วย

‘ทรัมป์’ จวกรัฐบาลเดโมแครตอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ เปิดชายแดนจนประเทศล้มเหลว ย้ำพบกัน 20 ม.ค. จะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

เมื่อวันที่ (2 ม.ค.68)โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล หลังการเกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนใส่ฝูงชนในเมืองนิวออร์ลีน รัฐฐลุยเซียนา โดยว่าที่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า  ประเทศของเราตกอยู่ในหายนะ เป็นที่ขบขันของทั่วโลก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดชายแดน ด้วยความเป็นผู้นำที่ไม่มีอยู่จริง อ่อนแอ และไร้ประสิทธิภาพ กระทรวงยุติธรรม (DOJ) สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และอัยการรัฐและท้องถิ่นเดโมแครต ต่างไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน ไร้สมรรถนะ และทุจริต ใช้เวลาทำงานทั้งหมดไปกับการโจมตีคู่แข่งทางการเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือผมเอง แทนที่จะมุ่งปกป้องชาวอเมริกัน จากคนเลวจากทั้งในและนอกประเทศที่ใช้ความรุนแรงและแทรกซึมอยู่ในทุกภาคส่วนของรัฐบาลและชาติของเรา"

ทรัมป์ ระบุอีกว่า "เดโมแครตควรละอายแก่ตนที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องตอนนี้ ก่อนจะสายไป สหรัฐอเมริกากำลังแหลกสลาย ความปลอดภัย ความมั่นคงแห่งชาติ และประชาธิปไตย กำลังถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างรุนแรงทั่วทั้งชาติ ความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและทรงพลังเท่านั้นที่จะหยุดยั้งได้ แล้วพบกันวันที่ 20 มกราคม ผมจะทำให้อเมริกากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

คำกล่าวของทรัมป์สะท้อนเสียงวิจารณ์ของชาวอเมริกันบางกลุ่มที่มองว่ากรณีเหตุที่นิวออร์ลีน จุดชนวนข้อถกเถียงขึ้นเกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมืองภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดนว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก็ตาม ทำให้บุคคลสำคัญฝั่งขวาหลายคนรีบเชื่อมโยงโศกนาฏกรรมครั้งนี้เข้ากับนโยบายคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน  

BYD ยอดขายทั่วโลกใน Q4/67 พุ่ง คาดปี 2025 แซง Tesla ขึ้นแท่นค่ายรถอีวีขายดีสุด

วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า บีวายดี (BYD) ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลก โดยในไตรมาส 4 ของปี 2024 บีวายดีแซงหน้าเทสลา (Tesla) เป็นครั้งที่สอง

(3 ม.ค.68) จากรายงานระบุว่า บีวายดี ผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ที่สุดของจีน ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (All-Electric Vehicles) จำนวน 207,734 คันในเดือนธันวาคม 2024 เพิ่มขึ้นประมาณ 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในไตรมาส 4 ปี 2024 บีวายดีส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรวมประมาณ 595,000 คัน มากกว่าเทสลาที่ส่งมอบได้ 496,000 คัน แม้ตัวเลขดังกล่าวจะเป็นสถิติใหม่ของเทสลา แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 507,000 คัน

สำหรับยอดขายทั้งปี 2024 บีวายดีสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้รวม 1.768 ล้านคัน เพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่เทสลามียอดขายรวม 1.79 ล้านคัน ลดลงประมาณ 1% เมื่อเทียบกับปี 2023

รายงานของ WSJ สอดคล้องกับการเปิดเผยของเทสลา ที่ได้รายงานยอดการผลิตและส่งมอบรถยนต์ในไตรมาส 4 และตลอดปี 2024 โดยในไตรมาสสุดท้ายของปี เทสลาส่งมอบรถยนต์รวม 495,570 คัน และมียอดผลิตรวม 459,445 คัน ขณะที่ยอดส่งมอบทั้งปีอยู่ที่ 1,789,226 คัน และยอดผลิตรวม 1,773,443 คัน นี่เป็นครั้งแรกที่ยอดส่งมอบรถยนต์ของเทสลาลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในปี 2023 เทสลาส่งมอบรถได้ทั้งหมด 1.81 ล้านคัน

ก่อนหน้านี้ เทสลาได้เตือนนักลงทุนถึงความเป็นไปได้ที่การเติบโตอาจลดลงในปี 2024 เนื่องจากบริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน 2024 เทสลาได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยเลิกจ้างพนักงานกว่า 10% เพื่อลดต้นทุนและเน้นการพัฒนาแท็กซี่ไร้คนขับตามคำมั่นของ อีลอน มัสก์

ในช่วงครึ่งปีหลัง มัสก์กลายเป็นที่จับตามองอีกครั้ง จากบทบาทของเขาในการสนับสนุนแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ มัสก์ใช้เงินราว 277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนทรัมป์และผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน พร้อมร่วมลงพื้นที่หาเสียงในหลายรัฐสำคัญ

แม้ว่าเทสลาจะยังคงเป็นผู้นำในด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าหากมองจากยอดขายรวมตลอดทั้งปี แต่ช่องว่างในการแข่งขันกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดย บีวายดี มีศักยภาพสามารถเพิ่มยอดขายรถยนต์ได้มากกว่า 41% ในปี 2024 เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีโอกาสสูงที่จะแซงหน้าเทสลาในปี 2025

การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการสนับสนุนจากตลาดในประเทศจีน ซึ่งมีการแข่งขันระหว่างแบรนด์ท้องถิ่นอย่างดุเดือด และยังได้รับแรงจูงใจจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลหลายประเทศ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

กว่า 90% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบีวายดี มาจากตลาดจีน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บีวายดีเหนือแบรนด์ต่างชาติอย่างโฟล์คสวาเกน และโตโยต้า

การเติบโตของบีวายดีและผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ของจีนกำลังสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในตะวันตก ฮอนด้า และ นิสสัน ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่ากำลังเจรจาควบรวมกิจการ เพื่อต่อสู้กับการแข่งขันที่เข้มข้นจากอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน

บุกบ้านยุนซอกยอล ทีมสอบสวนใช้อำนาจตามหมายจับ แต่กองเชียร์ขวางไม่ให้เข้า

ช่วงเช้าตรู่วันที่ (3 ม.ค.68) ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโซล คณะสอบสวนจากสำนักงานสอบสวนการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเมือง (ซีไอโอ) พร้อมตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานาธิบดียุนซอกยอล ในกรุงโซล เพื่อใช้อำนาจตามหมายจับควบคุมตัวผู้นำเกาหลีใต้ หลังมีการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา  

ศาลได้อนุมัติหมายจับประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งยังดำรงตำแหน่งต้องเผชิญหมายจับ โดยหมายดังกล่าวมีผลบังคับถึงวันที่ 6 มกราคมนี้  

อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่สอบสวนโดยกองกำลังทหารที่ประจำอยู่ภายในบ้านพัก นายยุนคัปกึน ทนายความของประธานาธิบดี ยืนยันว่าการควบคุมตัวตามหมายจับดังกล่าว "ผิดกฎหมายและขาดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง" พร้อมเตือนว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  

สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้มีประมาณ 150 คน ประกอบด้วยตำรวจ 120 นาย และเจ้าหน้าที่ซีไอโอ 30 คน โดยมีการแบ่งกำลังบางส่วนเข้าไปในพื้นที่บ้านพัก และอีกส่วนหนึ่งคอยตรึงกำลังอยู่ภายนอก ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่มาชุมนุมกันเพื่อคัดค้านการจับกุม  

ในกรณีที่นายยุนถูกจับ เจ้าหน้าที่สอบสวนวางแผนจะนำตัวเขาไปยังสำนักงานใหญ่ของซีไอโอในเมืองกวาชอน ชานกรุงโซล เพื่อสอบสวนก่อนส่งตัวไปยังศูนย์กักขังโซลในเมืองอึยวังซึ่งอยู่ใกล้เคียง ทางซีไอโอจะมีเวลา 48 ชั่วโมงในการตัดสินใจขอหมายจับเพิ่มเติมเพื่อควบคุมตัวอย่างเป็นทางการหรือปล่อยตัวชั่วคราว

ผู้นำคาซัคแถลงผลงาน 2024 ชูสำเร็จรอบด้าน สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษดึงนักลงทุนต่างชาติ

(3 ธ.ค. 67) ทำเนียบประธานาธิบดีคาซัคสถานได้เผยแพร่แถลงการณ์สุนทรพจน์ปีใหม่ 2025 ของนายคัสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ซึ่งได้กล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาลคาซัคสถานภายใต้การนำของเขาอย่างรอบด้านทั้งด้าน การเมือง สังคม และเศรษฐกิจของคาซัคสถานตลอดปี 2024

ในแถลงการณ์ของนายโตกายเฟระบุว่า ตลอดปี 2024 เขาได้เดินทางเยือน 11 ภูมิภาคทั่วประเทศ และเยี่ยมชมเขตอุตสาหกรรมและพื้นที่เชิงวัฒนธรรมกว่า 60 แห่ง รวมถึงเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมสำคัญกว่า 41 ครั้ง และพบปะกับบุคคลทางการเมืองและสาธารณะทั้งในและต่างประเทศ 137 ครั้ง นอกจากนี้ นายโตกาเยฟได้ลงนามในกฎหมายและคำสั่งประธานาธิบดีรวมกว่า 3,979 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยกฎหมาย 95 ฉบับ กฤษฎีกา 319 ฉบับ คำสั่ง 81 ฉบับ บันทึกการประชุม 28 ฉบับ และเอกสารทางการ 3,456 ฉบับ จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2024

ในบรรดากฎหมายที่นายโตกาเยฟลงนาม มีการปรับโครงสร้างการปกครองของจังหวัดอัลมาตี โดยการยกระดับตำบลเจตีเกนให้กลายเป็นเมืองอาลาตาว ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยนายโตกาเยฟได้ใช้โอกาสในการเยือนสิงคโปร์เพื่อหารือกับนักลงทุนเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจเสรีในอัลมาตีและการปรับปรุงการปกครองในพื้นที่สำคัญ

ผู้นำคาซัคสถานยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาสังคม 5 ประการ ได้แก่ การป้องกันการค้ามนุษย์ การส่งเสริมสิทธิของผู้หญิงและเด็ก และการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว โดยการออกกฎหมายใหม่และปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนสิทธิที่สำคัญเหล่านี้

ในด้านการจัดการวิกฤต น้ำท่วมครั้งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิที่ส่งผลกระทบต่อ 10 ภูมิภาคของประเทศ นายโตกาเยฟได้สั่งการอพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบและให้การช่วยเหลือทั้งทางการเงินและปัจจัยด้านต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วม พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ในด้านเศรษฐกิจ นายโตกาเยฟได้สั่งการให้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมการแข่งขันและลดการแทรกแซงจากรัฐ โดยมุ่งเน้นที่การลดต้นทุนธุรกิจและการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศในอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น การทำเหมืองแร่ การค้า และการผลิต ซึ่งส่งผลให้คาซัคสถานสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศสูงถึง 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในครึ่งแรกของปี 2024

นอกจากนี้ คาซัคสถานยังได้เปิดตัวศูนย์ขนส่งและโลจิสติกส์สำคัญหลายแห่ง รวมถึงในเมืองซีอาน ประเทศจีน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีสูงสุดถึง 26.7 ล้านตัน แม้จะประสบกับภัยพิบัติจากน้ำท่วม

ปี 2024 คาซัคสถานยังได้เริ่มโครงการสร้างโรงเรียนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพในพื้นที่ชนบท โดยสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนใหม่เพื่อให้บริการที่ดีกว่าแก่ประชาชนในชนบท

ในเดือนพฤษภาคม นายโตกาเยฟได้ลงนามในคำสั่งที่มุ่งเน้นการปรับปรุงเศรษฐกิจ โดยการลดการแทรกแซงจากรัฐและส่งเสริมการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงการร่วมมือกับอุซเบกิสถานในการพัฒนาเส้นทางการค้าทรานส์-อัฟกัน แม้คาซัคสถานจะเผชิญกับน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีได้มากที่สุดในรอบสิบปีที่ 26.7 ล้านตัน

นอกจากนี้ การรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครรงการ Taza Kazakhstan สามารถระดมพลประชาชน 2.4 ล้านคน เก็บขยะได้ 900,000 ตัน และปลูกต้นไม้ได้ 2.5 ล้านต้น

ปี 2024 คาซัคสถานยังได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยการเปิดตัวเมืองอาลาตาว จากการลงนามคำสั่งของนายโตกาเยฟในเดือนมกราคม ซึ่งได้เปลี่ยนหมู่บ้านเจทีเกนให้กลายเป็นเมืองอาลาตาว ตั้งอยู่ระหว่างอัลมาตีและโคนาเยฟ โครงการนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการหารือกับนักลงทุนในสิงคโปร์เกี่ยวกับการรวมกลุ่มอัลมาตีเข้าเป็นเขตเศรษฐกิจเสรี

ตลอดทั้งปี 2024 นายโตกาเยฟได้แนะนำกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของผู้หญิงและความปลอดภัยของเด็ก โดยเน้นการเสริมบทลงโทษสำหรับความรุนแรงในครอบครัวและการค้ามนุษย์ รวมถึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนด้วยการกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับการทำลายทรัพย์สิน การห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า และมาตรการลดการเสพติดการพนัน

โดยรวมแล้ว ปี 2024 ถือเป็นปีที่สำคัญสำหรับคาซัคสถานในการพัฒนาเศรษฐกิจ การปรับปรุงสังคม และการจัดการวิกฤต พร้อมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศในอนาคต

ผู้นำคาซัคสถานนายคัสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ กล่าวว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ปีหน้าเป็นปีที่ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น โดยกล่าวว่า "เราจะดำเนินการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องและทำโครงการที่ได้วางแผนไว้ให้สำเร็จ" 

"รัฐบาลต้องดำเนินการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง เราต้องเปิดโรงงานผลิตใหม่ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจ สร้างถนนให้มากขึ้น และแก้ปัญหาในภาคบริการสาธารณะ" เขากล่าว

นายโตกาเยฟยังเน้นถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งปัญญาประดิษฐ์ในการขับเคลื่อนการพัฒนา "เป้าหมายหลักของการทำงานทั้งหมดนี้คือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน" นายโตกาเยฟกล่าว

มัสก์บอกกระบะ 'ไซเบอร์ทรัก' กันระเบิดได้ บึ้มหน้าโรงแรมทรัมป์จึงเสียหายไม่มาก

(2 ม.ค. 67) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ตามเวลาสหรัฐฯ เมื่อรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรักของเทสลาระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บหลายคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจนครลาสเวกัสเปิดเผยว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดระบุว่าแสงจากการระเบิดมีลักษณะคล้ายกับการระเบิดของพลุดอกไม้ไฟที่ใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทำให้เชื่อว่าไม่ใช่การระเบิดจากระเบิดแสวงเครื่องที่มักใช้ในเหตุการณ์ก่อการร้าย อีกทั้งยังไม่พบความผิดปกติของตัวรถที่อาจทำให้เกิดการระเบิด

นายอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลา ได้กล่าวผ่าน X ว่า "พวกหัวรั้นเลือกยานพาหนะผิดคันในการโจมตี รถกระบะ Cybertruck จริงๆ สามารถกักเก็บการระเบิดจากด้านข้างและส่งแรงระเบิดออกทางด้านบน ทำให้แม้แต่ประตูกระจกของล็อบบี้โรงแรมก็ไม่แตก"

มัสก์ยังกล่าวว่า ทีมระดับสูงของ Tesla กำลังสืบสวนเหตุการณ์นี้ โดยจากการสืบสวนพบว่า การระเบิดเกิดจาก "ดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในรถคันดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดปกติของตัวรถที่ทำให้เกิดการระเบิด"

คำกล่าวของมัสก์สอดคล้องกับรายงานของตำรวจลาสเวกัส ที่พบถังแก๊สและดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ในท้ายรถ Tesla Cybertruck ที่ระเบิดใกล้กับโรงแรม Trump International ในลาสเวกัส นายอำเภอเควิน แม็กมาฮิล ได้กล่าวในภายหลังและขอบคุณมัสก์และทีมงานสำหรับข้อมูลที่ให้มา

ผู้นำไต้หวันกร้าว จีน-รัสเซีย อันธพาลโลก เล็งทุ่มงบกลาโหมเสริมป้องกันประเทศ

(2 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันกล่าวในตอนหนึ่งของสุนทรพจน์เนื่องในวันปีใหม่ว่า จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันประเทศ ท่ามกลางภัยคุกคามจากจีน พร้อมระบุว่าไต้หวันเป็น 'แนวป้องกันประชาธิปไตย' ที่สำคัญของโลก  

ประธานาธิบดีไล่กล่าวว่า "จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน กำลังร่วมมือกันคุกคามระเบียบโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก สันติภาพ และเสถียรภาพของโลก" คำกล่าวดังกล่าวไต้หวันสะท้อนไปยังจีนซึ่งยังคงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน และพร้อมใช้กำลังหากจำเป็น  

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน เช่น การซ้อมรบรอบเกาะและการแย่งชิงพันธมิตรทางการทูตของไต้หวันให้หันไปสนับสนุนจีน ในขณะที่ไต้หวันตอบโต้ด้วยการปฏิรูปกองทัพและจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ  

ไล่กล่าวว่า "เราต้องเตรียมพร้อมในยามสงบ ด้วยการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องประชาธิปไตยและความมั่นคงของเรา ทุกคนมีหน้าที่ปกป้องไต้หวัน เพราะไต้หวันคือแนวป้องกันประชาธิปไตยสำคัญของโลก"  

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไล่ยังย้ำถึงความสำคัญของการรักษาประชาธิปไตยภายในประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยพรรคฝ่ายค้านได้ผ่านร่างกฎหมายที่ถูกวิจารณ์ว่าอาจเป็นภัยต่อประชาธิปไตย  

สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไล่ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงตอบโต้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงหลังจากที่ผู้นำจีนแถลงในสาส์นปีใหม่ว่า "ชาวจีนของทั้งสองฝั่งช่องแคบไต้หวันเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดสามารถตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือหยุดยั้งการรวมชาติได้"  

ส่งจดหมายถึงกองเชียร์ ประกาศสู้จนถึงที่สุด ก่อนศาลตัดสินถอดถอน เกาหลีใต้เร่งจับกุม

(2 ม.ค. 68) ทนายความของประธานาธิบดียุน ซอกยอลแห่งเกาหลีใต้ ซึ่งถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่หลังจากประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ได้เปิดเผยข้อความผ่านจดหมายน้อยที่ประธานาธิบดียุนซอกยอลส่งถึงบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนในวันที่ 1 มกราคม ระบุว่าเขาจะสู้จนถึงที่สุดหลังจากศาลเกาหลีใต้อนุมัติการออกหมายจับยุนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งคนแรกที่ต้องเผชิญการจับกุมในข้อหาก่อกบฏ

ข้อความในจดมหมายระบุว่า "ผมเห็นว่าพวกคุณกำลังต่อสู้อย่างหนักผ่านไลฟ์สดในยูทูป ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับพวกคุณ เนื่องจากกองกำลังภายในและภายนอก ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงกิจกรรมของกลุ่มต่อต้านรัฐ เกาหลีใต้จึงตกอยู่ในอันตราย ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศนี้พร้อมกับทุกคน"

พรรคประชาธิปไตย (ดีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและมีเสียงข้างมากในสภา ได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดียุนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม กล่าวว่า จดหมายของยุนไม่ช่วยให้เขาพ้นผิดแต่อย่างใด โดยนาย โจ ซึงแร โฆษกของพรรคดีพี กล่าวว่า ความพยายามในการก่อกบฏยังไม่เพียงพอสำหรับยุนและตอนนี้เขากำลังปลุกระดมให้ประชาชนลุกฮือขึ้น

สำนักงานการสอบสวนการทุจริตสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ มีเวลาที่จะดำเนินการหมายจับยุนจนถึงวันที่ 6 มกราคม และศาลมีกำหนดพิจารณาคดีถอดถอนประธานาธิบดีในวันที่ 3 มกราคม หากศาลตัดสินให้ยุนถูกถอดถอน จะมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน

ทนายความของยุนกล่าวว่า การออกหมายจับประธานาธิบดีไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย เนื่องจาก CIO ไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดียุนได้ส่งข้อความถึงผู้สนับสนุนที่รวมตัวกันที่หน้าบ้านพักประธานาธิบดีในกรุงโซล โดยกล่าวว่า "ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องประเทศ" และขอบคุณผู้สนับสนุนที่ต่อสู้ผ่านการถ่ายทอดสดทางยูทูบ

ปัจจุบันนายยุนกำลังเผชิญกับการสอบสวนในข้อหาก่อกบฏหลังจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าเขาจะถูกถอดถอนหรือไม่

พรรคฝ่ายค้านวิจารณ์ข้อความล่าสุดของยุน โดยกล่าวหาว่าเขากำลังยุยงให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่หน่วยงานปราบปรามการทุจริตกำลังดำเนินการตามหมายจับโดยเร็วที่สุด หลังจากศาลแขวงโซลออกหมายจับนายยุนในข้อหาวางแผนการประกาศกฎอัยการศึกและการใช้อำนาจในทางมิชอบ

หากจับกุมนายยุนได้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวเขาไปสอบสวนที่สำนักงานของ CIO ก่อนจะควบคุมตัวที่สถานที่กักขังในเมืองอึยวัง ใกล้กับสำนักงานของ CIO

นอกจากนี้ คณะที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดียุนได้ยื่นหนังสือลาออกยกชุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม หลังจากที่รักษาการประธานาธิบดีชเว ซังม็อก อนุมัติการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ 2 คนเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังพิจารณาคดีถอดถอนประธานาธิบดียุน

การลาออกเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่รักษาการประธานาธิบดีชเว อนุมัติการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ 2 คน ซึ่งส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญมีองค์คณะผู้พิพากษา 8 คนจากทั้งหมด 9 คน การพิจารณาคดีของประธานาธิบดียุนจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 6 เสียง

พรรคพลังประชาชนวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของรักษาการประธานาธิบดีชเว ว่าเป็นการกระทำที่ "ดันทุรัง" และขาดการปรึกษาหารืออย่างเพียงพอ

นักศึกษาไทยฝึกงานเมคคาทรอนิกส์-หุ่นยนต์ในจีน กรุยทางสู่อาชีพในอุตสาหกรรมระดับโลก

(2 ม.ค. 68) ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทยได้ส่งเสริมโครงการความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจวของจีนกับวิทยาลัยเทคนิคของไทย จำนวน 5 แห่ง ซึ่งมีการรับสมัครนักศึกษารวม 85 คน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์

โครงการนี้จัดการฝึกอบรมแบบ “ภาษาจีน+วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์” แก่นักศึกษา โดยนักศึกษาจะเข้าฝึกงานที่บริษัท จูไห่ ฟาวน์เดอร์ ปริน เซอร์กิต บอร์ด ดีเวลอปเมนต์ จำกัด หรือฟาวน์เดอร์ พีซีบี (Founder PCB) ในจีนหลังจากผ่านการฝึกอบรม รวมถึงมีโอกาสเข้าทำงานที่ฐานการผลิตของฟาวน์เดอร์ พีซีบี ในไทยด้วย

สง่า แต่เชื้อสาย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งเดินทางไปส่งคณะนักศึกษาชาวไทยที่เข้าร่วมโครงการในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อไม่นานนี้ กล่าวว่าโครงการนี้ช่วยให้เด็กไทยได้เล่าเรียนและฝึกงานในจีน เปิดกว้างมุมมองและประสบการณ์ มีโอกาสได้งานทำที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาอาชีวศึกษาในไทยอย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่ง กว่างซีได้เดินหน้ากระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับอาเซียน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือทางอาชีวศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาของกว่างซีได้จัดตั้งวิทยาลัยช่างฝีมือสมัยใหม่จีน-อาเซียน จำนวน 17 แห่ง ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเกษตร การอนุรักษ์น้ำ ไฟฟ้า การขนส่ง ฯลฯ

ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับอาเซียนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอาเซียนจำนวนไม่น้อย เฉกเช่นอินทิรา พันธ์วิไล หรือหลี่เฟิ่งหวง บัณฑิตวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจว ได้เข้าทำงานที่บริษัท เซินหนาน เซอร์กิต จำกัด ในไทย ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จจากความร่วมมือดังกล่าว

กลุ่มคนวงในอุตสาหกรรมต่างๆ มองว่าความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับไทยไม่เพียงบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถมากทักษะที่บริษัทนานาชาติต้องการ แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ของอาชีวศึกษาสมัยใหม่ในสองประเทศ อัดฉีดแรงกระตุ้นใหม่สู่การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top