Saturday, 9 December 2023
WORLD

‘อินเดีย’ ปล่อยจรวดส่งยาน ‘อาทิตยา-แอล 1’ ไปสำรวจดวงอาทิตย์แล้ว ใช้เวลาเดินทาง 4 เดือน ระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร ก่อนถึงหมุดหมาย

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation = ISRO) ถ่ายทอดสดการปล่อยจรวดขนส่งยานสำรวจระบบสุริยจักรวาล ‘อาทิตยา-แอล 1’ (Aditya-L1) ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว เพื่อเดินทางไปสำรวจดวงอาทิตย์ที่จะใช้เวลาในการเดินทางเป็น 4 เดือน ภายใต้โครงการอวกาศอันทะเยอทะยานของอินเดีย

หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน อินเดียเพิ่งประสบความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกของโลกที่ส่งยานสำรวจลงจอดบริเวณขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์เป็นผลสำเร็จ และเป็นชาติที่ 4 ของโลกที่ส่งยานอวกาศไปลงดวงจันทร์ได้

จรวดขนส่งนำยานอาทิตยา-แอล 1 ทะยานออกจากฐานปล่อยจรวดของ ISRO บนเกาะศรีหริโคตาเมื่อเวลาก่อนเที่ยงวันของวันเสาร์ (2 ก.ย.) นี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมทางเทคนิคในภารกิจนี้ตลอดจนผู้เฝ้ารอชมอยู่หลายร้อยคน ต่างส่งเสียงเชียร์ปรบมือด้วยความยินดี

“การปล่อยประสบความสำเร็จ ทุกอย่างปกติ” เจ้าหน้าที่ ISRO ประกาศจากศูนย์ควบคุมภารกิจ ขณะจรวดขนส่งนำยานสำรวจมุ่งหน้าสู่ชั้นบรรยากาศตอนบนของโลก

ยานสำรวจดังกล่าวกำลังนำเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เพื่อไปสังเกตการณ์ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ที่จะใช้เวลาในการเดินทางราว 4 เดือน

ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาและองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ส่งยานสำรวจไปยังศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาลมาแล้วหลายครั้ง เริ่มจากโครงการ Pioneer ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) ในทศวรรษ 1960 ขณะที่ญี่ปุ่นและจีนเพียงส่งยานสังเกตการณ์ระบบสุริยะขึ้นสู่วงโคจรโลก

หากภารกิจล่าสุดนี้ของ ISRO ประสบความสำเร็จ อินเดียจะกลายเป็นชาติแรกในเอเชียที่ส่งยานสำรวจไปโคจรรอบดวงอาทิตย์สำเร็จ

นายโสมัก ไรเชาดูรี นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของอินเดีย กล่าวในวันก่อนว่า นี่เป็นภารกิจที่ท้าทายสำหรับอินเดีย และว่า ภารกิจนี้จะศึกษาการปลดปล่อยมวลขนาดใหญ่ออกมาจากบรรยากาศชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ที่จะเห็นการปล่อยพลาสมาและพลังงานแม่เหล็กจำนวนมหาศาลจากชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ การปลดปล่อยที่ทรงพลังมากเหล่านี้สามารถมาถึงโลกและอาจขัดขวางการทำงานของดาวเทียมดวงต่างๆ ได้

ทั้งนี้ อาทิตยา-แอล 1 ตั้งตามชื่อเทพแห่งดวงอาทิตย์ในศาสนาฮินดู จะเดินทางเป็นระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร เพื่อไปถึงจุดหมาย ซึ่งยังคงเป็นเพียงแค่ 1% เท่านั้นของระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์

แบ่งปันกันยิ่งใหญ่!!

(2 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนจะแบ่งปันความสำเร็จของการขับเคลื่อนการสร้างความทันสมัยของจีน ขณะดำเนินความพยายามร่วมกันกับนานาประเทศทั่วโลก ในการนำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

อนึ่ง สี จิ้นผิง กล่าวคำข้างต้นขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดการค้าภาคบริการโลกของงานมหกรรมการค้า ภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน (CIFTIS) ประจำปี 2023 ผ่านทางระบบวิดีโอ

สี จิ้นผิง กล่าวว่า “จีนจะทำงานเพื่อขยายอุปสงค์ภายในประเทศ เร่งการสร้างตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ดำเนินแผนริเริ่มเพื่อเพิ่มการนำเข้าบริการที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการส่งออกบริการที่อาศัยองค์ความรู้มากขึ้น”

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนจะอัดฉีดแรงผลักดันใหม่สู่การพัฒนาระดับโลก ด้วยโอกาสที่เกิดจากตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน รวมถึงส่งมอบการบริการของจีนที่ดีขึ้นและมากขึ้นแก่โลก ผ่านการพัฒนาคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงผลประโยชน์ของผู้คนทั่วโลก

‘จีน’ เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในประเทศ หนุนเพิ่มการผลิต ‘ภาคอุปกรณ์ด้านพลังงาน’ เต็มประสิทธิภาพ

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘ไชน่า ซีเคียวริตีส์ นิวส์’ (China Securities News) ซึ่งบริหารโดยสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ภาคอุปกรณ์พลังงานสะอาดของจีนส่งสัญญาณมีอนาคตที่สดใส โดยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ในประเทศอย่างรวดเร็ว

ความต้องการอุปกรณ์พลังงานสะอาดของจีนนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านล้านหยวน (ราว 9.74 ล้านล้านบาท) เมื่อนับถึงช่วงสิ้นสุดระยะเวลาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025) โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตติดตั้งพลังงานสะอาด

คาดว่าภายในปี 2025 กำลังการผลิตพลังงานสะอาดที่ติดตั้งใหม่ในจีนนั้นจะทะลุ 700 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ 3.02 พันล้านกิโลวัตต์เอกสารว่า ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมอุปกรณ์พลังงานสะอาดระดับโลก ระบุว่าการจัดเก็บพลังงาน การแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลในภาคพลังงาน การพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างชาญฉลาด และภาคส่วนพลังงานไฮโดรเจน มีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอีก 5 ปีข้างหน้า

‘ซูอิ๋นเปียว’ ประธานคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ (IEC) กล่าวว่าเมื่อนับถึงสิ้นปี 2022 กำลังการผลิตติดตั้งพลังงานสะอาดโดยรวมของจีน คิดเป็นร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 2.56 พันล้านกิโลวัตต์ ส่วนการลงทุนของจีนในโครงการพลังงานใหม่คิดเป็นร้อยละ 30 ของการลงทุนทั้งหมดทั่วโลก

‘เงินกีบอ่อนค่า’ ทำคนลาวแห่หันมาใช้ ‘เงินบาท’ ทำชาวบ้านลำบาก เพราะคนค้าขายไม่รับเงินกีบ

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @dyogr6z2idix ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับ คนลาวเริ่มแห่ทิ้งเงินกีบ เพื่อหันมาใช้เงินบาท ขณะที่ธนาคารชี้ชัดด้วยว่า คนลาวไม่มีเงินฝากแล้ว โดยระบุว่า...

สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ของ สปป.ลาว กําลังเข้าสู่ยุคใช้เงินบาทอย่างเต็มตัว ซึ่งดูได้จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารพงสะหวัน วันที่ 25 ส.ค.66 จะเห็นได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย จะอยู่ที่ 612.79 กีบ ต่อ 1 บาท นั่นแปลว่า ‘เงินกีบอ่อนค่า’ ให้กับสกุลเงินบาทไปแล้ว 75% เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา

และการที่เงินกีบไร้เสถียรภาพเช่นนี้ จะส่งผลทำให้เงินกีบอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ แน่ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และสภาพจิตใจของประชาชนอย่างมาก เพราะแต่ละวันจะเอาเงินจากไหนไปใช้เพื่อดูแลครอบครัว

อีกทั้ง บางครอบครัว ก็อาศัยใช้ที่ดินในการทำมาหากิน ปลูกผัก ปลูกผลไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ แต่มาในตอนนี้ พื้นที่เหล่านั้นถูกเปลี่ยนตกไปอยู่ในการคุ้มครองของนายทุนตามนโยบายของรัฐบาลลาว เพื่อการส่งออกจะได้มีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนลาวสามารถทำได้ในตอนนี้ คือ ‘พยายามถือครองเงินบาทให้มากที่สุด’ โดยผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มมาถือครองเงินบาทมากกว่าช่วงที่ผ่านมาแล้วด้วย ส่วนจะมากแค่ไหน ก็มากถึงขั้นที่ว่าล่าสุดบรรดาพ่อค้าแม่ขายผักในตลาดได้ระบุราคาขายสินค้าเป็นเงินบาทแล้ว แถมยังบอกอีกด้วยว่าจะไม่รับเงินกีบแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ลาวได้มีการใช้เงินบาทในการชำระสินค้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าปัจจุบันนี้ที่ถึงขั้นไม่รับเงินกีบ จนถึงช่วงนี้ที่เหลือเพียงแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น ที่ยังรับการชำระเป็นเงินกีบ อย่างเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้อ้างอิงประเด็นการปฏิเสธเงินกีบได้จากเพจของลาวที่ชื่อว่า ‘จดหมายข่าว’ ที่ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของสาวลาวที่ได้ไปซื้อผักผลไม้ที่ตลาด แต่แม่ค้าได้ตอบกลับมาว่าไม่รับเงินกีบ ด้วยว่า…

“รู้สึกน่าอายจริง ๆ เลย ที่สาวคนหนึ่งไปซื้อผักที่ตลาดแขวงบ่อแก้ว เพื่อที่จะได้ไปทำอาหารกินกับครอบครัว แต่พอนำเงินกีบมาจ่ายค่าผักผลไม้ให้กับแม่ค้า กลับถูกแม่ค้าปฏิเสธไม่รับเงินกีบ และยังบอกด้วยว่าพืชผักขายเป็นเงินบาทเท่านั้น” ทำให้สาวลาวคนนั้นได้อ้อนวอนกับแม่ค้า เพราะเธอไม่ได้พกเงินบาทมาด้วย จึงทำให้สุดท้ายแม่ค้าจึงยอมรับเงินกีบไว้...

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเคส ซึ่งเป็นลูกเพจชาวลาวคนหนึ่งซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม ได้ส่งเรื่องเข้ามา โดยเขาได้บอกว่า “ในลาวมีการผ่อนค่างวดรถเป็นเงินบาท” โดยเขาได้โพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กของตนเอง ที่แปลเป็นไทยได้ว่า “ใครที่ผ่อนรถเป็นเงินบาท เงินดอลลาร์ จะเข้าใจว่ามันจุกแค่ไหน” 

ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าเงินกีบลาวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…

‘ซีเค เจิง’ เปรียบ ‘เกษตรกรจีน’ เป็นได้แค่พนักงาน ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของกิจการ เพราะไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดิน

(1 ก.ย. 66) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ ‘ckfastwork’ ของ ซีเค เจิง นักธุรกิจรุ่นใหม่ เผยแพร่คลิปวิดีโอในหัวข้อ ‘ระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจของจีน’ โดยระบุว่า..

“โดยส่วนตัว ผมจะไม่มีวันไปลงทุนกับประเทศจีน ผมไม่คิดว่ามันจะเวิร์ก สิ่งที่รักษาประเทศจีนอยู่ถึงทุกวันนี้เป็นเพราะมีประชากรจีนเยอะมาก แต่จีดีพีต่อหัวยังถือว่าต่ำมาก แต่ประชากรเยอะเลยอยู่ได้ง่าย คุณขายน้ำ ก๋วยเตี๋ยว ไม่ต้องขายบ้านอื่น ขายแค่ในบ้านก็รวยแล้ว คนที่รวยที่สุดในประเทศจีนตอนนี้คือใครครับ? คนที่ขายน้ำเปล่า (Zhong Shanshan) แบรนด์น้ำของเขาไม่จำเป็นต้องขายบ้านอื่นเลย ซึ่งเขาเป็นคนที่รวยที่สุด เพราะว่าขายแค่ในบ้านตัวเอง”

ซีเค เจิง ระบุต่อว่า “การลงทุนของผมไม่ชอบอะไรอย่างนั้น ผมชอบทำธุรกิจที่เปลี่ยนโลก ผมไม่ชอบธุรกิจที่อยู่แค่ในบ้าน จีนทำสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยหลายอย่าง ซึ่งผมไม่ชอบมาก การไม่ให้คนอื่นลงทุนต่างประเทศ คุณหาเงินที่จีน แต่คุณเอาเงินหยวนออกจากจีนไม่ได้นะ อย่างมาก 1 ปี ได้ 2 ล้านหยวน คือเขาบังคับให้คุณต้องลงทุนกับประเทศจีน แล้วจะซื้อที่ดินจีนก็ซื้อไม่ได้ด้วย อสังหาฯ จีนจะไปซื้อได้ไง ใครจะไปซื้อที่ดินจีน ซื้อไม่ได้ ครบ 70 ปี คุณก็ต้องคืน”

“เกษตรกรบ้านเขาจะเกิดได้ยังไง เป็นเหมือนระเบิดเวลา เดี๋ยวเกษตกรจีนก็ตาย เพราะเกษตรกรจีนเป็นเหมือนพนักงาน ไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการ เพราะยังไงที่ดินก็เป็นของประเทศจีน ไม่ได้เป็นของพลเมืองจีน ถ้าพี่เป็นเกษตรกรจีนที่เก่งมาก พี่อยากอยู่ไหม? ไม่อยากอยู่หรอก จะเป็นพนักงานทั้งชีวิตเหรอ? ไม่มีทาง”

“ผมไม่ชอบประเทศจีนนะ ผมรู้นะว่าหลายคนบอกว่าจีนกำลังมาแรง หรือเรย์ ดาลิโอ เขามีหนังสือเขียนว่าเทรนด์จีนกำลังแซงหน้าสหรัฐฯ เข้าไปทุกที ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะ คลิปของผมก็อยู่ในโซเชียลหมด ถ้าวันหนึ่งจีนเหนือกว่าอเมริกาจริง ๆ ค่อยมาหัวเราะใส่ผมแล้วกัน ผมจะไม่ลงทุนในประเทศจีน”

“ผมเป็นคนจีนนะครับ ต้องบอกว่าสำหรับผม ผมค่อนข้างที่จะละอายที่ประเทศจีนทำอย่างนี้ และหลายๆ อย่างที่ผมไม่ชอบมาก” ซีเค เจิง ทิ้งท้าย

'จีน' จ่อให้บริการ 'แท็กซี่บินได้' ที่แรกของโลก หลัง 'อี้หาง' ผ่านมาตรฐานการบินแดนมังกรแล้ว

แม้แท็กซี่บินได้ (Air Taxi) จะกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของการพัฒนาไปสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่ก็มีหลายบริษัทจากทั่วโลกที่กำลังเร่งก้าวไปสู่การให้บริการจริง 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า 'อี้หาง' (eHang) บริษัทผู้พัฒนาแท็กซี่บินได้จากประเทศจีน อาจจะเป็นผู้บริการรายแรกของโลกที่ทำได้สำเร็จ หลังผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการบินของหน่วยงานจีนแล้ว

สำหรับแท็กซี่บินได้ (Air Taxi) ของอี้หาง (eHang) ซึ่งมีชื่อว่า อีเอช 218 (EH218) นั้น เป็นอากาศยานขึ้นลงแนวดิ่งพลังงานไฟฟ้า (eVTOL) แบบ 8 ใบพัด (Octocopter) ที่มีความกว้าง 5.6 เมตร สูง 1.9 เมตร ทำระยะการบินอยู่ที่ 30 กิโลเมตร รองรับผู้โดยสาร 2 คน โดยรับน้ำหนักรวมกับสัมภาระได้ไม่เกิน 220 กิโลกรัม ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่แบบชาร์จได้

โดย EH128 จะทำการบินด้วยระบบไร้คนขับแบบคลาวด์ (Unmanned Aircraft Cloud System) ที่จัดการการควบคุมและการจราจรทางอากาศบนระบบคอมพิวเตอร์คลาวด์ผ่านเครือข่าย 5G พร้อมทั้งมีการเฝ้าสังเกตการณ์และควบคุมจากระยะไกลในกรณีที่จำเป็น

ทั้งนี้ อี้หาง เป็นหนึ่งในบริษัทที่พร้อมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะโรงผลิตแท็กซี่บินได้ ได้เริ่มเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2021 และระบบการบินแบบไร้คนขับก็ได้รับใบอนุญาตจากองค์การบริหารการบินพลเรือนของจีน (Civil Aviation Administration of China: CAAC) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังทดสอบการบินอย่างเต็มรูปแบบในจีนกว่า 10,000 รอบ ในเส้นทางที่ครอบคลุมมากกว่า 20 เมืองใหญ่ทั่วจีน

แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยระยะเวลาแผนงานอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่ากระบวนการอนุญาตของ CAAC ที่รวดเร็วกว่าฝั่งสหรัฐอเมริกาอย่างเอฟเอเอ (FAA: Federal Aviation Administration) หรือฝั่งยุโรป (EASA) อาจจะทำให้อี้หางเปิดตัวเชิงพาณิชย์ได้เป็นรายแรกของโลก แซงหน้าโจบี้ เอวิเอชัน (Joby Aviation) ตัวเก็งจากฝั่งสหรัฐอเมริกาที่จะเปิดตัวในปี 2024 นี้

‘จีน’ เตือน ปชช.รับมือ ‘พายุซาวลา’ คาดถล่ม ‘ฮ่องกง’ บ่ายนี้ ทำรถไฟ-สายการบินวุ่น!! ถูกระงับ-ยกเลิกการเดินทางชั่วคราว

(1 ก.ย. 66) สถานการณ์เส้นทางพายุซาวลาล่าสุด จีนประกาศเตือนภัยไต้ฝุ่นระดับสูงสุด โดย ซูเปอร์ไต้ฝุ่นซาวลาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฮ่องกงและชายฝั่งทางตอนใต้ของแผ่นดินใหญ่ โดยมีหลายเมืองเลื่อนวันเปิดภาคเรียนออกไป เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฮ่องกง ระบุว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่นซาวลา เคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 18.00 น.ของวันพฤหัสบดี อยู่ห่างประมาณ 370 กิโลเมตร จากตะวันออกเฉียงใต้ของฮ่องกง ศูนย์กลางการเงินของจีน

ไต้ฝุ่นลูกนี้ จะทำให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรงในวันศุกร์ (1 ก.ย.) และระบุว่า ระดับภัยคุกคามคาดว่าจะเพิ่มเป็น “ที8” ซึ่งเป็นคำเตือนภัยสูงสุดอันดับ 3 ของฮ่องกง ในช่วงเช้าวันศุกร์

ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ เตือนภัยรุนแรงที่สุดในระบบเตือนภัย 4 ระดับของประเทศ โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ คาดว่าไต้ฝุ่นซาวลาจะพัดขึ้นฝั่งในพื้นที่ชายฝั่งแห่งใดแห่งหนึ่งบริเวณจากเขตฮุ่ยไหลถึงฮ่องกง อย่างเร็วสุดภายในบ่ายวันศุกร์ แต่มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า ไต้ฝุ่นอาจมุ่งหน้าสู่ตะวันตก และผ่านน่านน้ำมณฑลกวางตุ้งโดยไม่ขึ้นฝั่ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การให้บริการรถไฟทั่วมณฑลกวางตุ้ง ถูกระงับชั่วคราว ขณะที่หลายเมืองในมณฑลภาคใต้แห่งนี้ ซึ่งรวมทั้งซัวเถา, ซานเหว่ย, เจียหยาง และเฉาโจว เลื่อนเปิดภาคเรียนเป็นวันจันทร์

‘สายการบินแอร์ไลน์ คาเธ่ แปซิฟิก’ ระบุว่า ได้ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดทั้งขาเข้าและออกฮ่องกง ระหว่างเวลา 13.00 น.ของวันเสาร์ ถึง 09.00 น.ของวันเสาร์ตามเวลาในไทย

กองทัพทหาร บุกยึดอำนาจ ‘อาลี บองโก ออนดิมบา’ หลังคว้าชัยเลือกตั้งใหญ่ ล้มอำนาจผู้นำ 3 สมัยแห่งกาบอง

คลื่นกระแสการรัฐประหารในทวีปแอฟริกา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด กองทหารระดับสูงแห่งกาบอง ได้ประกาศผ่านช่อง Gabon 24 เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 66 แถลงข่าวยึดอำนาจประธานาธิบดี ‘อาลี บองโก ออนดิมบา’ ผู้นำกาบอง 3 สมัย หลังจากเพิ่งคว้าชัยจากการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงขาดลอยถึง 63.4%

นับเป็นการเลือกตั้งที่มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์อย่างรุนแรงจากพรรคฝ่ายค้าน และชาวกาบอง ถึงความไม่โปร่งใส และทุจริต

แต่ทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของกาบองได้รับรองผลการนับคะแนน และประกาศให้ ประธานาธิบดี อาลี บองโก ผู้นำคนปัจจุบัน เป็นผู้ชนะได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีกลุ่มกองทหารบุกยึดสถานีโทรทัศน์พร้อมออกแถลงการณ์ว่า “ได้ยึดอำนาจ ประธานาธิบดี อาลี บองโก แล้ว” โดยอ้างว่า “การเลือกตั้งที่ผ่านมาขาดความน่าเชื่อถือ จึงเป็นเหตุให้คณะทหาร ซึ่งเป็นตัวแทนของกองทัพที่หน้าที่ดูแลความมั่นคง และป้องกันประเทศ จำเป็นต้องยึดอำนาจรัฐบาล ให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และยุบสถาบันฝ่ายบริหารทั้งหมดในกาบอง”

ล่าสุด มีรายงานว่ามีการปิดพรมแดนของประเทศกาบอง และมีเสียงปืนดังขึ้นที่กลางกรุงลีเบรอวิล เมืองหลวงของกาบอง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

นับเป็นการรัฐประหารครั้งที่ 8 ในระยะเวลาเพียง 3 ปี ที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในโซนภูมิภาคซาเฮล และประเทศใกล้เคียงอย่างกาบอง ที่ส่วนมากเป็นประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อน

และหากรัฐประหารครั้งนี้สำเร็จ จะเป็นการสิ้นสุดการปกครองของตระกูลบองโก ที่ครองอำนาจในกาบองมานานถึง 56 ปี โดยประธานาธิบดี อาลี บองโก ผู้นำคนปัจจุบันที่ถูกรัฐประหารในวันนี้ ดำรงตำแหน่งมาแล้วถึง 14 ปี และสืบทอดอำนาจต่อจาก ‘โอมาร์ บองโก ออนดิมบา’ อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งเป็นพ่อของเขาเอง

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี อาลี บองโก เคยเกือบถูกรัฐประหารมาแล้ว เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 โดยกองทหารกลุ่มหนึ่งบุกยึดสถานีวิทยุแห่งชาติ ณ ใจกลางกรุงลีเบรอวิล ประกาศยึดอำนาจรัฐบาล ในขณะที่ อาลี บองโก ยังพักรักษาตัวจากอาการโรคหลอดเลือดสมองในประเทศโมร็อกโก แต่ครั้งนั้นทำการไม่สำเร็จ

แต่หากรัฐประหารในวันนี้ของกาบอง สามารถโค่นล้ม อาลี บองโก ผู้นำ 3 สมัยลงได้ ทวีปแอฟริกาคงสั่นสะเทือนแรงอีกครั้ง หลังจากเกิดรัฐประหารล่าสุดที่ไนเจอร์ ที่จะส่งผลต่อดุลอำนาจในภูมิภาคอย่างมาก

เนื่องจาก กาบองเป็นอีกหนึ่งชาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝรั่งเศส และในด้านทรัพยากร ก็ยังเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยก๊าซธรรมชาติ แร่แมงกานีส และป่าไม้  อีกทั้งยังสะท้อนปัญหาการเมืองในหลายประเทศของแอฟริกา ที่สถาบันรัฐยังเปราะบาง สุ่มเสี่ยงต่อการถูกโค่นล้มจากคลื่นกระแสรัฐประหารในแอฟริกา เชื่อว่าจะไม่จบลงที่กาบองอย่างแน่นอน

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘Country Garden’ ยักษ์อสังหาจีนส่อวิกฤต หลังครึ่งปีขาดทุน 2.3 แสนลบ. อาจผิดนัดชำระหนี้

Country Garden Holdings Co. เตือน อาจผิดนัดชำระหนี้ และอยู่ในธุรกิจต่อไปยาก เพราะครึ่งปีแรกของปี 2566 ขาดทุน เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.31 แสนล้านบาท) หวั่นเสียหายหนักกว่า China Evergrande Group 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (31 ส.ค.) Country Garden Holdings Co. ออกมาเตือนว่า อาจผิดนัดชำระหนี้ และกล่าวถึงความกังวลในความสามารถของการอยู่ในธุรกิจต่อไป หลังจากรายงานการขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.31 แสนล้านบาท) ในครึ่งปีแรกของปี 2566

โดย ผู้บริหารของ Country Garden กล่าวว่า หากผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทยังคงตกต่ำลง กลุ่มบริษัทอาจไม่สามารถชำระมูลหนี้ทั้งหมดได้ “ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้” ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันพุธ 

พร้อมเสริมว่า “ความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญ” หรือ Material Uncertainties ที่อาจก่อให้เกิด “การตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของกลุ่มในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต”

ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า คำเตือนดังกล่าวเน้นย้ำว่า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง 

โดย Country Garden ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ หากประเมินตามยอดขาย ทว่ากลับประสบปัญหาหนี้สินที่อาจเลวร้ายกว่าคู่แข่งอย่าง China Evergrande Group เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 4 เท่า

นักบินมีหนาว!! ‘เกาหลีใต้’ พัฒนาหุ่นยนต์นักบินตัวแรกของโลก ควบคุมเครื่องได้แม่นยำ หวังตีตลาดการบิน ‘ทหาร-พลเรือน’

เมื่อไม่นานนี้ วงการนักบินต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อทีมนักวิจัยจากสถาบันขั้นสูงทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ (The Korean Advanced Institute of Science and Technology : KAIST) ได้พัฒนา ‘ไพบ็อต’ (PIBOT) หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่มีลักษณะเป็นนักบินตัวแรกของโลก ที่นอกจากจะสามารถควบคุมเครื่องบินในห้องนักบินได้ไม่แพ้มนุษย์ แต่ยังสามารถจดจําแผนภูมิการบิน และกระบวนการรับมือเหตุฉุกเฉินได้ ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย

ที่ผ่านมา มีการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ด้านการบินมาบ้างแล้ว ตั้งแต่ระบบลูกเรือในห้องนักบินอัตโนมัติ (Aircrew Labor In-Cockpit Automation System) ขององค์กรนวัตกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศแห่งอนาคตของสหรัฐฯ หรือ ‘DARPA’ ในปี 2016 ไปจนถึงโรโบไพบ็อต (ROBOpilot) หุ่นยนต์นักบินของห้องปฏิบัติการวิจัยกองทัพอากาศ สหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งเคยทดลองบินเป็นเวลา 2 ชั่วโมงมาแล้วในปี 2019

ความแตกต่างระหว่างหุ่นยนต์นักบินตัวก่อนหน้ากับตัวล่าสุดนี้ คือการที่ PIBOT นั้นเป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้เทคโนโลยี AI ในการขับเครื่องบิน ทั้งยังเป็นหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์สำหรับขับเครื่องบินตัวแรกของโลกอีกด้วย

‘เดวิด ฮยอนชุล ชิม’ (David Hyunchul Shim) ผู้นำโครงการ PIBOT กล่าวว่า นวัตกรรมนี้มีประโยชน์เนื่องจากมันไม่จําเป็นต้องดัดแปลงเครื่องบินที่มีอยู่ และสามารถนําไปใช้กับเที่ยวบินอัตโนมัติได้ทันที

นอกจากนี้ นักวิจัยยังกล่าวว่า การผสมผสานปัญญาประดิษฐ์อย่างแชตจีพีที (ChatGPT) ช่วยทําให้ PIBOT มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน เพราะเทคโนโลยีนี้ทำให้ PIBOT จดจําแผนภูมิการนําทางทางอากาศได้ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงขั้นตอนการรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหนือความสามารถของนักบินที่เป็นมนุษย์ ด้วยความสามารถเหล่านี้ ทีมงานจึงกล่าวว่า PIBOT อาจจะสามารถขับเครื่องบินได้โดยที่มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เร็วกว่านักบินที่เป็นมนุษย์

ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายมนุษย์ PIBOTสามารถควบคุมสวิตช์ต่าง ๆ ในห้องนักบินของเครื่องบินได้อย่างแม่นยํา แม้ในช่วงเวลาที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ อีกทั้งกล้องที่ถูกติดตั้งยังช่วย PIBOT ในการวิเคราะห์สถานการณ์ภายในห้องนักบินและสภาพแวดล้อมภายนอกได้เช่นกัน

อย่างไรก็ดีการทดสอบ ความสามารถในการขับเครื่องบินของ PIBOT ที่ผ่านมาได้รับการทดสอบโดยใช้เครื่องจําลองการบินเท่านั้น ซึ่งนักวิจัยวางแผนที่จะทดสอบศักยภาพของหุ่นยนต์ด้วยเครื่องบินเบาในโลกแห่งความเป็นจริงในไม่ช้า โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2026 ซึ่งนักวิจัยวางแผนที่จะตีตลาด ทั้งการบินทางทหารและการบินพลเรือน

‘รัสเซีย’ บรรจุ ‘ภาษาจีน’ ในหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัย อ้าง!! หวังเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์

เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ของสหรัฐฯ รายงานว่า อันเดร เฟอร์เซนโก (Andrei Fursenko) ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเครมลินซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีการศึกษาและเทคโนโลยีรัสเซียกล่าวมีใจความว่า

“จะไม่มีความรุนแรงพวกเราจะหว่านล้อมแต่ในเวลาเดียวกันพวกเราจะมุ่งหน้าสู่แนวทางนี้หากว่าพวกเราต้องการที่จะสามารถแข่งขันได้” เขากล่าวในรายงานของสื่อ RIA Novosti ของรัสเซีย

ทั้งนี้ สื่อยูเครนสกายา ปราฟดา (Ukrainska Pravda) ที่รายงานเช่นเดียวกันระบุว่า ได้มีการบรรจุภาษาแมนดารินเข้าสอนในหลักสูตรตามมหาวิทยาลัยภายในรัสเซีย

เฟอร์เซนโก ชี้ว่า หนทางนี้จะช่วยให้บรรดานักศึกษาสามารถเข้าสู่ความเข้าใจทางสาขาวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยชี้ว่า 30% ของงานวิจัยวิทยาศาสตร์โลกนั้นถูกตีพิมพ์เป็นภาษาจีน

วอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ชี้ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยรัสเซียชื่อดังอย่างน้อย 1 แห่งออกมาต่อต้านคำสั่งโดยชี้ว่า “แปลกประหลาดและส่งผลร้าย”

ซึ่งเฟอร์เซนโกยืนยันว่า มันมีความสำคัญจากการที่จีนมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง มองว่า นี่เป็นหนทางที่จะทำให้ 2 ชาติสหายมีความใกล้ชิดผูกพันมากขึ้น

เฟอร์เซนโกกล่าวในการประชุมฟอรัมการศึกษาเยาวชนรัสเซีย

“พวกเราต้องการที่จะอยู่ในเทรนด์วิทยาศาสตร์กันอยู่หรือไม่? มุ่งไปข้างหน้ากันเถิด” เขากล่าว และเสริมต่อว่า “ปัญหาคือแน่นอนที่สุดมันมีความจำเป็นที่ต้องทำให้มั่นใจว่า ภาษารัสเซียยังคงอยู่ท่ามกลางไม่กี่ภาษาของด้านวิทยาศาสตร์”

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ดร.เซอร์เก โพโพป (Dr.Sergei Popov) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศส Le Monde เมื่อต้นปีว่า สำหรับการศึกษาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน มีภาษาเดียวเท่านั้นคือภาษาอังกฤษ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในอนาคตระยะใกล้

“ราว 100% ของสิ่งที่ผมได้อ่านและ 90% ของสิ่งที่ผมได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งภาษาจีนที่เป็นคำถามนั้นอาจขึ้นมา แต่พบน้อยกว่าในแวดวงวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี”

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า บรรดานักศึกษารัสเซียประจำสถาบันการศึกษาฟิสิกส์และเทคโนโลยีแห่งมอสโก MFTI (The Moscow Institute of Physics) ได้ออกมาโต้ว่า ความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์รัสเซียและนักวิทยาศาสตร์จีนไม่ถึงระดับที่จะทำให้การศึกษาภาษาจีนนั้นมีความสำคัญ

ยูเครนสกายา ปราฟดา ชี้ว่า มีการประท้วงเกิดขึ้นในหมู่นักศึกษาเมื่อมีนาคมต้นปี หลังจากทางสถาบันการศึกษาได้สั่งถอดวิชาภาษาต่างประเทศทั้งสเปน เยอรมัน และฝรั่งเศสออกจากหลักสูตร และใส่วิชาภาษาแมนดารินในหลักสูตรสำหรับภาคการศึกษา 2023-24 แทนด้วยเหตุผลด้านค่าใช้จ่าย

และเมื่อมีนาคมต้นปีเช่นเดียวกัน ธนาคารแห่งรัสเซีย (Bank of Russia) กำหนดให้พนักงานของตัวเองต้องเรียนภาษาแมนดาริน โดยอ้างว่าเพื่อการติดต่อทางธุรกิจกับเพื่อนร่วมงานจากจีน

โดยหนังสือพิมพ์มอสโกไทม์สได้รายงานเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่า เป็นผลมาจากการเผชิญหน้าอย่างตึงเครียดกับตะวันตกหลังเครมลินเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เครมลินได้หันไปมุ่งสู่เอเชียแทน ความต้องการเรียนภาษาแมนดารินเพิ่มขึ้นจากการที่รัสเซียได้เพิ่มการพึ่งพาทางเศรษฐกิจต่อจีน

หนังสือพิมพ์มอสโกแสดงภาพน่ารักของบรรดาสาว ๆ รัสเซียแต่งกายในชุดจีนโบราณสำหรับพิธีน้ำชาอย่างคึกคัก รวมถึงการศึกษาพู่กันจีน

ในขณะเดียวกัน จำนวนนักศึกษาระดับไฮสกูลรัสเซียได้เลือกภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศในการสอบไล่ปลายปีเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปี มาอยู่ที่ 17,000 คน ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะยังคงเป็นภาษาต่างประเทศที่เลือกเป็นอันดับ 1 สำหรับเวลานี้

มีนักเรียนรัสเซียตั้งความหวังจะไปศึกษาต่อในจีนหลังมีความหวังน้อยลงในการเข้าสู่สถาบันการศึกษาโลกตะวันตก และมีอีกบางส่วนมองหาลู่ทางที่จะเดินทางไปทำงานในจีนจากเหตุค่าตอบแทนสูงสำหรับชาวยุโรป

'จีน' ออกแคมเปญดุ!! 'ปราบละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์' ปกป้อง 'ลิขสิทธิ์-คอนเทนต์' หลุดแพลตฟอร์มเถื่อน

(30 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนริเริ่มโครงการรณรงค์ใหม่ เพื่อออกปฏิบัติการพิเศษปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์ทั่วประเทศ ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน นี้

โครงการดังกล่าวเปิดตัวโดยสำนักบริหารลิขสิทธิ์แห่งชาติจีน ในความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และหน่วยกำกับดูแลไซเบอร์สเปซของจีน

ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ จะเพิ่มการคุ้มครองลิขสิทธิ์สำหรับการออกอากาศงานแข่งขันกีฬา ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การเผยแพร่รายการแข่งขันกีฬาแบบไม่ได้รับอนุญาตและผิดกฎหมาย อาทิ การแข่งขันกีฬาหางโจว เอเชียนเกมส์ และเอเชียน พารา เกมส์ ที่กำลังจะมาถึง

โดยหน่วยงานเหล่านี้ จะยกระดับการกำกับดูแลลิขสิทธิ์สำหรับโรงภาพยนตร์ตามความต้องการและห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัวภายในบ้าน อีกทั้งเสริมสร้างการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และห้องสมุด

ตลอดการรณรงค์ข้างต้น เว็บไซต์และแอปพลิเคชันสตรีมมิงวิดีโอ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เว็บเบราว์เซอร์ และโปรแกรมค้นหาข้อมูล จะต้องได้รับการตรวจสอบลิขสิทธิ์เช่นกัน

อนึ่ง สำนักบริหารฯ ให้คำมั่นว่าจะกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์

'ครูสาว' ผันตัวเป็น 'ดาว OnlyFans' เผยอาชีพเดิมมีแต่อึดอัด ลั่น!! เป็นดาวโป๊แล้วมีอิสระ รู้สึกเป็นตัวของตัวเองกว่าเยอะ

(30 ส.ค.66) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ‘ชาแนล ยุย (Chanel Yui)’ ผู้สร้างเนื้อหาบน OnlyFans ได้ออกมาเปิดใจถึงการตัดสินใจลาออกจากอาชีพคุณครูมาเข้าสู่การคอสเพลย์และวงการ 18+

โดยชาแนลเปิดเผยว่า การเป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมค่อนข้างกดดันและอึดอัด ทำอะไรตามใจไม่ได้นัก เพราะผลที่ตามมาคือการโดนตำหนิและโดนร้องเรียน จนทำให้เธอฉุกคิดว่า “ทำไมถึงจะเป็นตัวของตัวเองไม่ได้?”

ด้านเหตุผลที่เลือกเข้าร่วมเส้นทางอาชีพที่ ‘เป็นที่ถกเถียง’ และ ‘ไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง’ นั้น ชาแนลเผยว่าเป็นเพราะ ‘ซากุระ’ เพื่อนสนิทคนหนึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ และแนะนำให้เธอรู้จักอินฟลูเอนเซอร์มากมาย ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมักสร้างเนื้อหาบน OnlyFans ประจำ

แน่นอนว่าซากุระก็เข้าร่วม OnlyFans ด้วยเช่นกัน ชาแนลจึงเริ่มเข้าสู่วงการด้วยการช่วยงานเบื้องหลัง ตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการช่วยจองเที่ยวบินสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งหลังจากสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังมานาน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลองทำ OnlyFans ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หลังจากวิดีโอเปิดใจถูกเผยแพร่ ค่อนข้างมีกระแสตอบรับเชิงลบต่อการเปลี่ยนอาชีพของเธอ “น่าอับอาย กระทรวงศึกษาธิการเป็นต้องปรับปรุงการคัดเลือกครูในอนาคตจริงๆ”, “รัฐจ่ายเงินเดือนครูให้น้อยจนทำให้เธอต้องออกมาโชว์เนื้อหนังหรอ?”

‘ฝรั่งเศส’ จ่อแบนชุด ‘อาบายะห์’ ของชาวมุสลิมในโรงเรียนรัฐฯ อ้าง!! ลดการบ่งบอกศาสนาที่นับถือ ผ่านการแต่งกาย-สัญลักษณ์

(29 ส.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส ออกประกาศว่า เด็กนักเรียนหญิงในโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่ง จะถูกห้ามไม่ให้ใส่ชุดคลุมยาวอาบายะห์ มาตรการนี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันทีในภาคการศึกษาใหม่ โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 4 กันยายนที่จะถึงนี้ โดยรัฐบาลจะประกาศแนวทางปฏิบัติในระดับประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมีข้อบังคับเข้มงวด และห้ามไม่ให้มีการสวมใส่เครื่องแต่งกาย หรือแสดงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเชื่อทางศาสนาอย่างชัดเจนในโรงเรียนรัฐฯ รวมถึงหน่วยงานราชการ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อไม่ให้ขัดต่อหลักปรัชญาโลกิยนิยม และไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก หรือไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งข้อบังคับนี้ครอบคลุมไปถึงไม้กางเขนของศาสนาคริสต์ด้วย

‘กาเบรียล อัตตัล’ (Gabriel Attal) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้สัมภาษณ์กับ TF1 TV ว่า “เมื่อคุณเดินเข้ามาในห้องเรียน คุณไม่ควรจะรู้ศาสนาที่นักเรียนคนนั้น ๆ นับถือได้ทันทีจากการแค่มองดู ผมจึงตัดสินใจว่าไม่ควรให้สวมชุดคลุมอาบายะห์ในโรงเรียนอีกต่อไป”

ด้าน CFCM องค์กรที่เป็นตัวแทนชาวมุสลิม ระบุว่า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพียงอย่างเดียว ไม่ถือเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา

'โตโยต้า' สั่งระงับการผลิตรถยนต์ 12 โรงงาน ในญี่ปุ่น หลังพบระบบขัดข้อง ทำให้ยังไม่สามารถสั่งซื้อชิ้นส่วนได้

(29 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเผยการระงับการดำเนินงานในโรงงานประกอบยานยนต์ 12 แห่ง จากทั้งหมด 14 แห่งในญี่ปุ่นเมื่อเช้าวันอังคารนี้ เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องซึ่งทำให้ไม่สามารถสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ได้ ส่วนเวลาที่จะกลับมาดำเนินการอีกครั้งยังไม่ชัดเจน

โรงงานทั้งหมดใน 25 สายการผลิตได้รับผลกระทบ ยกเว้นโรงงานมิยาตะในจังหวัดฟุกุโอกะ และโรงงานของไดฮัทสุ มอเตอร์ จำกัด (Daihatsu Motor Co.) บริษัทรถยนต์ในเครือโตโยต้า ในจังหวัดเกียวโต

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โตโยต้าระงับการปฏิบัติงานที่โรงงานทุกแห่งในญี่ปุ่นหนึ่งวัน หลังจากที่บริษัท โคจิมะ อินดัสทรีส์ คอร์ป. (Kojima Industries Corp.) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ในประเทศของบริษัทฯ ประสบปัญหาระบบขัดข้อง ส่งผลกระทบต่อสายการผลิตในญี่ปุ่นของโตโยต้าทั้ง 28 สาย ในโรงงาน 14 แห่ง และกระทบผลผลิตราว 13,000 คัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top