Thursday, 8 June 2023
WORLD

เมื่อ 'รบ.เมียนมา' เดินหน้าสร้างสัมพันธ์กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หวังทยอยเปิดด่านเชื่อม 'ไทย' ชวนสนใจเรื่องปากท้อง

เมื่อวันก่อน ถือเป็นปฐมฤกษ์ที่เราสามารถเปิดพรมแดนระหว่าง 'ไทย -​เมียนมา' ที่สะพานมิตรภาพ 1 ได้สำเร็จ ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเมียนมาที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคก่อกวนไม่ให้เปิดชายแดนจนลุล่วงสามารถเปิดให้คนข้ามไปมาหาสู่กันได้เหมือนก่อนมีโควิด-19 ระบาด

การที่เอย่ากล่าวว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเมียนมา เพราะว่าในเมียวดีนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือ KNU นั่นเอง ซึ่งนั่นไม่ง่ายเลยในการที่จะเจรจากับกลุ่ม KNU ถึงการยุติความขัดแย้งที่มีต่อกันแล้วหันหน้ามาทำมาหากิน เพราะแม่สอด-เมียวดี เป็นช่องทางการค้าที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งเม็ดเงินตรงนั้นส่วนหนึ่งคนที่ได้ประโยชน์แรก ๆ ก็คือกลุ่มชาวกะเหรี่ยงที่ค้าขาย ชายแดน ค้าขายแรงงานกันอยู่บริเวณนี้นั่นเอง

บ่าว-สาวแดนโสม เคือง!! แขกผู้หญิงร่วมงาน เหตุแต่งตัวชุดโทนขาว แย่งซีนเจ้าสาวเต็มๆ

เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 66) เพจ ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งของบ่าวสาวชาวเกาหลีใต้ ซึ่งภายหลังจากเสร็จพิธีงานทั้งบ่าวสาวเกิดอาการไม่พอใจแขกผู้หญิงที่มาร่วมงาน โดยทางเพจระบุว่า…

เกาหลีใต้ 🇰🇷 : ประเด็นดรามา #คุมโทน
สีที่ใส่ได้สุภาพ สีดำ โทนดำ สีที่ไม่สว่าง
เด่นกว่าเจ้าสาว เพราะคุณคือแขกไปร่วมงาน

🖤🤎 คู่รักโกรธแขก มาร่วมงานแต่งงาน เป็นแขกที่ได้รับเชิญจากผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว (*ดรามาประเด็นการแต่งตัวไปร่วมงาน ไม่เหมาะสม และไม่มีมารยาท)

‘นาซา’ ค้นพบดาวเคราะห์ ‘TOI 700 e’ เชื่อ!! มนุษย์อาจไปอาศัยอยู่ได้

นาซารายงานพบดาวเคราะห์ที่อาจเหมาะต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตเพิ่มอีกดวง ชื่อว่า TOI 700 e อยู่ห่างจากโลกราว 100 ปีแสง

เรื่องของการตามหา ‘โลกสำรอง’ ที่มนุษย์จะสามารถอพยพไปอาศัยอยู่ได้หากโลกใบนี้ของเราเกิดวิกฤตหนักจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกแล้วในอนาคตอันไกล ยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่หน่วยงานอวกาศทั่วโลกให้ความสนใจ

ล่าสุดภารกิจดาวเทียมสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบ (TESS) ขององค์การนาซา รายงานพบดาวเคราะห์ที่คาดว่ามนุษย์น่าจะไปอาศัยอยู่ได้เพิ่มอีก 1 ดวง มีขนาดใกล้เคียงกับโลก และอยู่ห่างไปราว 100 ปีแสง (9.46 ล้านล้านกิโลเมตร)

ดาวเคราะห์ที่พบนี้มีชื่อว่า TOI 700 e หรือ ดาว e เป็นดาวเคราะห์หิน (Rocky Planet) มีขนาดประมาณ 95% ของโลก อยู่ในระบบดาวแคระ TOI 700 ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2020 ก็มีการพบดาวเคราะห์ TOI 700 d ที่คาดว่าสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตได้เช่นกัน

ทั้งดาว TOI 700 e ที่เพิ่งค้นพบ และ TOI 700 d ที่พบก่อนหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่รอบดาวแคระ (Dwarf Star) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ชนิดหนึ่ง โดยมีระยะไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป ทำให้น้ำบนดาวคงสถานะของเหลวไว้ได้ไม่ระเหยไปจากความร้อนของดาวแคระ บ่งชี้ว่า ดาวเคราะห์เหล่านี้อาจสามารถใช้อยู่อาศัยได้

เอมิลี กิลเบิร์ต จากนาซา หัวหน้าทีมวิจัยที่ค้นพบ TOI 700 e กล่าวว่า “นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ระบบที่มีดาวเคราะห์ขนาดเล็กหลายดวงโคจรอยู่ในระยะเหมาะสมที่เรารู้จัก”

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ระบุดาวเคราะห์ในระบบดาวแคระ TOI 700 ได้แล้ว 4 ดวง คือดาวเคราะห์ b, c, d และล่าสุดคือ e ที่เพิ่งค้นพบ

ดาวเคราะห์ TOI 700 b มีระยะอยู่ให้กับดาวแคระที่สุด มีขนาด 90% ของโลก การโคจรรอบดาวแคระ 1 รอบ หรือ 1 ปีบนดาวนั้นใช้เวลาแค่ 240 ชั่วโมงหรือ 10 วันบนโลกเท่านั้น ถัดออกมาเป็นดาวเคราะห์ TOI 700 c เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลก 2.5 เท่า ใช้เวลาโคจรรอบดาวแคระน้อยเช่นกัน คือ 16 วัน

ส่วนดาวเคราะห์ d และ e ที่มีการประเมินว่าสิ่งมีชีวิตน่าจะอาศัยอยู่ได้นั้น ใช้เวลาโคจรรอบดาวแคราะ 37 วันและ 28 วัน ตามลำดับ โดยดาวเคราะห์ e นั้นอยู่ใกล้กับดาวแคระมากกว่าดาวเคราะห์ d

'บอนนี่-ไคลน์' คู่รักนักปล้น จอมสร้างกระแส ฆ่าตำรวจ 12 ราย แต่ผู้คนมากมายก็ยังชื่นชม

หลายคนสงสัยว่า ทำไมคนจำนวนมากถึงนิยมชมชอบอดีตนักโทษที่มีคดีความเป็นชนักติดหลัง หรือชอบคนดีแต่พูด แต่ไม่ทำงานใด ๆ ให้ปรากฏเป็นชิ้นเป็นอัน 

อย่าได้แปลกใจ!!

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการตลาดล้วน ๆ มีการสร้างกระแสให้คนนิยมชมชอบ จนเชื่อฟังทุกคำพูดอย่างว่าง่าย กลายเป็นแฟนคลับเหนียวแน่นจนเถียงแทนทุกคำ     

เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนในอเมริกา โดยตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งคือ 'คดีคู่รักนักปล้น' บอนนี่และไคลน์ (Bonnie and Clyde)

ช่วงยุคเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกาหรือเรียกว่ายุค The Great Depression หรือช่วงปี ค.ศ.1929 นั้น อเมริกันชนตกงานกันเป็นเบือ ผู้คนยากจนอย่างฉับพลัน ธนาคารหลายพันแห่งของสหรัฐอเมริกาล้มละลาย ตามภาคอุตสาหกรรมและตลาดหุ้น ผู้คนหลายล้านคนสูญเสียเงินและตกงานจำนวนมาก  

ระหว่าง ค.ศ. 1929-1932 รายได้ประชาชาติ (National Income) ของประเทศลดจาก 81,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ เหลือเพียง 41,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ ธุรกิจกว่า 8,500 แห่งเลิกกิจการ คนตกงานกว่า 1.5 ล้านคนในค.ศ. 1929 เพิ่มเป็น 15-16 ล้านคน 

ช่วงเวลาอันลำเค็ญเช่นนี้ เมื่อดาวโจนส์ร่วง ดาวโจรก็รุ่ง!!

โจรนอกกฎหมายผุดขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งคู่รักนักปล้นคู่หนึ่งที่ชื่อ 'บอนนี่กับไคลน์' ที่แม้จะทำเรื่องเลว ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย แต่อเมริกันกลับรักใคร่ชื่นชม นายและนางโจรคู่นี้ราวกับซุปเปอร์สตาร์ ไปไหนมาไหนมีแต่คนรักใคร่ปกป้อง จนลืมไปว่าทั้งคู่เป็นโจรปล้นฆ่าตำรวจถึงสิบสองคน

ตามประวัติแล้ว 'บอนนี่ พาร์กเกอร์' และ 'ไคลด์ แบร์โรว์' เป็นคู่ผัวตัวเมียหน้าตาดี ที่ปล้นดะรายทางตั้งแต่ปั๊มน้ำมันไปยันธนาคาร ร่ำลือกันว่าบางครั้งปล้นธนาคารแล้วเอามาแจกจ่ายคนยากจน     

โดนฝั่งบอนนี่เป็นสาวสวยตาสีฟ้าผมบลอนด์ที่ฝันอยากเป็นกวี แต่โชคชะตานำพาเธอมาพบกับหนุ่มรูปหล่อชื่อไคลน์ 

เมื่อทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคนรักแล้ว ก็ก่อวีรกรรมร่วมกันปล้น จนเป็นที่กล่าวขวัญในความโหดเหี้ยม เพราะนอกจากปล้นแล้ว ยังฆ่าตำรวจตายไปถึง 12 คน แถมถ่ายรูปไว้ดูเล่นอีกต่างหาก

นอกจากเป็นโจร บอนนี่ยังเขียนบทกวีส่งไปลงตีพิมพ์บ่อย ๆ พร้อมถ้อยคำหยิกแกมหยอก ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการปล้นหลงรักเธอทั่วหน้า ที่กระฉ่อนโลกสุด ๆ คือ เธอมักถ่ายรูปในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งสูบซิการ์ก๋ากั่นควงปืนเก๋ไก๋ จนกลายเป็นขวัญใจหนังสือพิมพ์ในเวลานั้น

ทุกคนหลงรักคู่รักนักปล้น อย่างชนิดที่เรียกว่าติดตามข่าวอย่างใจจดใจจ่อ พลางเอาใจช่วยให้คู่นี้รอดจากการถูกจับ ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย ท้าทายกฎหมายบ้านเมืองที่สุด 

ทั้งนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปล้นหนักมือไปหน่อยจนประสบเหตุให้บอนนี่กลายเป็นคนขาเป๋ บรรดาสมาชิกแก๊งโจรอยากลากเธอออกจากกลุ่ม แต่ไคลน์ไม่ยอมเพราะรักสติปัญญาและความมีอารมณ์ขันของเธอ 

ส่วนไคลน์นั้นแม้จะชอบลักรถ แต่ก็มีน้ำใจพอที่จะทิ้งเงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้ให้เจ้าของเป็นสินน้ำใจ เลยเปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น อาจจะด้วยความที่ไม่อยากให้ตำรวจตามเจอ รวมทั้งชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยทำให้ทั้งคู่มีรถใหม่ตลอดเวลา

‘อินโดนีเซีย’ เตรียมเปิดบ้านรับ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ด้านรมว.ท่องเที่ยว เผย ‘พร้อมต้อนรับด้วยพรมแดง’

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘ซานเดียกา อูโน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่าอินโดนีเซียพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจีนได้ปรับปรุงความเหมาะสมของกลยุทธ์การรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

โดยนาย อูโนกล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ กรุงจาการ์ตา ระบุว่า “เราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยพรมแดง ส่วนประชาชนชาวอินโดนีเซียเพียงต้องทำตามมาตรฐานความสะอาด สุขภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (CHSE) เช่นเดียวกับที่ทำมาตลอด”

ม็อบหนุนอดีตประธานาธิบดี บุกทำเนียบ ค้านผลเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) กลุ่มผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล ได้บุกรุกเข้าไปในสภาคองเกรส, ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลสูงของบราซิลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

หลังจากนายลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลในเดือนต.ค. 2565 ด้วยคะแนนโหวต 59.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 50.86% แซงหน้านายโบลโซนารู ปธน.บราซิลในเวลานั้น ซึ่งได้รับคะแนนโหวต 57.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 49.14% เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.โบลโซนารูซึ่งเป็นอดีตผู้นำขวาจัดของบราซิล ได้แสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แถลงว่าทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิล และจะทำการควบคุมสถานการณ์ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. หลังจากเบื้องต้นกองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ไม่สามารถรับมือกับพวกผู้บุกรุกได้

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ปธน.ลูลาได้กล่าวโทษนายโบลโซนารู ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จลาจล และยังตำหนิเกี่ยวกับมาตรการความมั่นคงที่ไม่เพียงพอในเมืองหลวง โดยกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยให้กลุ่มคนที่ฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายและและกลุ่มคนหัวรุนแรงสร้างความเสียหายร้ายแรง

โชเชียลเมียนมา รุมบูลลี่ ‘นางแบบหน้าสวย’ เพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวนายพลในกองทัพ

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทาง DC Candler ได้ประกาศชื่อแคนดิเดตของ The Most Beautiful Face ในปี 2022 ในเฟซบุ๊กและไอจีของเพจ ก่อนจะประกาศตำแหน่ง Top 100 Most Beautiful Faces ในช่วงปลายปี ซึ่งก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งดาราไทยหลายท่านโดยเฉพาะลิซ่าที่ปีนี้ติดอันดับ 3 ผู้หญิงหน้าสวยแม้น้องจะตกจากอันดับ 1 ในปีที่แล้วก็ตาม

แต่ประเด็นเกิดขึ้นในเพจเฟซบุ๊กของ TC Candler เมื่อ 1 ในนางแบบเมียนมาอย่าง Nay Chi Oo ถูกเสนอเป็นผู้เข้าชิงในครั้งนี้ด้วย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์ในภาพของเธอหลายประเด็น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการที่เธอคือบุตรสาวของนายพลในกองทัพเมียนมา และเรื่องอื่นๆ เช่น เธอทำศัลยกรรมมาหรือเรื่องรอยปานบนใบหน้าของเธอ

Nay Chi Oo ถือเป็นนางแบบชื่อดังคนหนึ่งและเป็น Beauty Blogger ที่ได้รับการยอมรับโดยเฉพาะฝีมือในการ make up ที่สาวๆ หลายคนได้นำทริคในการแต่งหน้าของเธอไปใช้และเห็นผล อีกทั้งเธอยังเป็นเซเลปที่อยู่ในวงสังคมของเมียนมาโดยไม่ได้สนใจหรือออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของกองทัพเลย เช่นเดียวกับเซเลปเมียนมาหลายคนที่วางตัวนิ่งเฉยกับเหตุการณ์นี้

การบูลลี่เธอบนเพจเฟซบุ๊ก จะมีผลหรือไม่มีผลต่อการตัดสินของ TC Candler นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การกระทำของชาวโซเชียลเมียนมาที่ไม่งดงาม เมื่อแสดงออกในระดับนานาชาติว่า สุดท้ายเธอจะหงายการ์ดว่ารู้เท่าถึงการณ์หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี

จับตา!! หาก 'ไทย' เร่งเจรจาเปิดด่าน 'เมียนมา' สำเร็จ โอกาสสินค้าไทยไหลรับ 'คนจีน' แห่เข้าเมียนมาเพียบ!!

ทางการจีนได้ประกาศเปิดด่านชายแดนฝั่งเมืองมูเซ หรือ ในภาษาไทใหญ่เรียกว่าหมู่แจ้ ทั้ง 3 ด่าน หลังจากปิดไปช่วงโควิด-19 ระบาดที่ผ่านมาในวันที่ 8 มกราคมนี้  

นับเป็นอีกหนึ่งการผ่อนคลายมาตรการของการควบคุมโควิดของฝั่งจีน ซึ่งจะทำให้เกิดการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และการเปิดด่านครั้งนี้ทางเมียนมาก็จะได้อานิสงส์ในการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากจีนในราคาถูกด้วยเช่นกัน

การส่งออกที่ด่านเมืองมูเซในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 550 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทางการเกษตร เช่น กุ้งและปูเป็นที่มีการขนส่งเข้าสู่จีนจำนวนมาก

ในวันที่ 8 มกราคมที่จีนประกาศผ่อนคลายให้ชาวจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ทางเมียนมาคาดการณ์ว่าจะมีชาวจีนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวไหว้พระในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์และอีกจำนวนหนึ่งน่าจะเดินทางข้ามชายแดนมาเพื่อประกอบธุรกิจในเมืองมูเซและอาจจะรวมถึงคนจีนอีกจำนวนไม่น้อยที่น่าจะเข้ามาเล่นคาสิโนในเมืองดังกล่าว

'สื่อไต้หวัน' ปูด!! มังกรน้อยส่งกล้องสำรวจ Hsiung Feng III ขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียงไปซ่อมในจีน

เมื่อวันพุธ (4 ม.ค.) สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ Chung-Shan (NCSIST) ยอมรับว่า กล้องสำรวจของขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียง 'สยงเฟิง 3' (Hsiung Feng III) ซึ่งถูกซื้อในปี 2564 จากบริษัท Leica ของสวิตฯ ได้ถูกส่งกลับไปยังผู้ผลิตเพื่อทำการซ่อมแซมเมื่อไม่นานมานี้ หลัง Mirror Media Weekly สื่อไต้หวันออกมาแฉข้อมูล

สถาบันวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไต้หวันถอดการ์ดหน่วยความจำของเครื่องออกก่อนส่งไปซ่อม โดยขอให้ตัวแทนส่งชิ้นส่วนดังกล่าวไปสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี บริษัท Leica แจ้งว่าศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับภูมิภาคเอเชียอยู่ในจีน จึงจำเป็นต้องส่งไปแผ่นดินใหญ่

“NCSIST ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลบนอุปกรณ์ทันที และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการติดตั้งมัลแวร์ ดังนั้น จึงสามารถขจัดข้อกังวลด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ” แถลงการณ์ระบุ

‘Amazon’ จ่อปลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง เซ่นพิษเศรษฐกิจ - ภาวะเงินเฟ้อ

‘แอมะซอน’ ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอเมริกัน ประกาศตัดลดตำแหน่งงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งจากกำลังแรงงานของบริษัท ซึ่งมากกว่าที่เคยเปิดเผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลเรื่อง ‘เศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน’ และข้อเท็จจริงที่ว่าทางบริษัทมีการ ‘จ้างงานอย่างรวดเร็ว’ ระหว่างที่เกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) แอนดี แจสซี ซีอีโอของแอมะซอน กล่าวในคำแถลงถึงบรรดาลูกจ้างพนักงานที่มีการนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนว่า จากที่บริษัทได้เคยแจ้งเรื่องการลดตำแหน่งงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อมาถึงตอนนี้บริษัทวางแผนจะปลดลูกจ้างพนักงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งเล็กน้อย ทั้งนี้ ตอนที่บริษัทประกาศไว้ในเดือน พ.ย. โดยที่เริ่มให้ลูกจ้างพนักงานในแผนกเครื่องมืออุปกรณ์ออกไปนั้น ระบุว่าจะเลย์ออฟราว ๆ 10,000 คน

ซีอีโอของแอมะซอนบอกว่า ตำแหน่งงานที่ถูกตัดลดลงคราวนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในพวกองค์กรด้านอีคอมเมิร์ซ และด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท และบางส่วนจะเกิดขึ้นในยุโรป โดยแอมะซอนจะเริ่มแจ้งให้ลูกจ้างพนักงานที่ถูกกระทบทราบตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม

ในคำแถลง แจสซี กล่าวว่า คณะผู้นำของบริษัท มีความตระหนักอย่างลึกซึ้งว่า การลดตำแหน่งงานเหล่านี้สร้างความยากลำบากให้แก่ผู้คน และเราไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ด้วยความง่ายดายเลย

“เรากำลังทำงานเพื่อสนับสนุนผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือน และกำลังจัดทำแพกเกจต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินสำหรับการต้องแยกจากกัน ผลประโยชน์ด้านการประกันสุขภาพระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน และความสนับสนุนในเรื่องการหาตำแหน่งงานจากภายนอก” ซีอีโอของแอมะซอน กล่าว

แอมะซอน มีกำลังแรงงานทั่วทั้งบริษัทราวๆ 300,000 คน การเลย์ออฟคราวนี้จึงเท่ากับลดคนลงไปประมาณ 6% และก็เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงการกลับลำอย่างรวดเร็วยิ่งของยักษ์ใหญ่ขายปลีกผ่านออนไลน์รายนี้ ซึ่งเพียงไม่นานมานี้เอง ยังเพิ่งขยายเพดานสูงสุดของเงินเดือนฐานของตนไป 1 เท่าตัว ในระหว่างการแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อช่วงชิงผู้มีความรู้ความสามารถ

จุดเริ่มต้นจากการเอาใจ ‘ผู้นำสายดวลปืน’ สู่ปาร์ตี้กำจัดชีสเน่าที่ทำเนียบขาวใน 2 ชั่วโมง

หลายคนคงไม่รู้ว่าในอเมริกามีวันฉลองแปลกๆ ทั้งปี บางทีแปลกอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง

วันพิลึกเหล่านี้ บางวันก็มีที่มาที่ไปน่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งในอเมริกาด้วย เช่น วันเบียร์แห่งชาติ วันที่ 7 เมษายน ที่กำหนดให้ระลึกถึงวันสิ้นสุดการห้ามผลิตเหล้าเบียร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 ถึง ค.ศ.1933  

แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และเป็นประวัติศาสตร์อันเหม็นหึ่งชนิดที่ทำให้ต้องอุดจมูกกันทั้งวอชิงตันดีซีเลยทีเดียว แถมเกี่ยวพันกับประธานาธิบดีแห่งอเมริกาเสียด้วย วันที่ว่านี้คือวันที่ 29 มกราคมของทุกปี อันกำหนดให้เป็น ‘วันโคตรชีสแห่งชาติ’ หรือ ‘Big Block of Cheese Day.’    

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดี ‘แอนดรูว์ แจ็กสัน’ และคงต้องเล่าท้าวความไปถึงประธานาธิบดีคนนี้สักหน่อย เพราะเป็นประธานาธิบดีที่มีด้านมืดซ่อนเร้นอยู่เยอะมาก แม้อเมริกันจะยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งก็ตาม 

แอนดรูว์ แจ็กสันมีชื่อเล่นว่า ‘โอลด์ฮิกกอรี่’ (Old Hickory) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 7 เคยเป็นนักค้าที่ดินและนักค้าทาส โดยมีทาสในครอบครองเป็นจำนวนมาก    

นอกเหนือจากการค้าทาส อินเดียนแดงทุกคนจดจำชื่อของประธานาธิบดีคนนี้ขึ้นใจด้วยความคับแค้น เพราะแอนดรูว์ แจ็กสัน ลงนามเพื่อโยกย้ายชาวพื้นเมืองอเมริกัน ตามรัฐบัญญัติว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวอเมริกันอินเดียน (Indian Removal Act of 1830) ในปี ค.ศ. 1831 ส่งผลให้อินเดียนแดงล้มตายจนเกือบสูญเผ่าพันธ์ กระนั้นแอนดรูว์ แจ็กสัน ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ

ก่อนเป็นประธานาธิบดี ก็ดวลปืนกับชาวบ้านจนลือลั่นไปทั้งบาง มีกระทาชายคนหนึ่งชื่อ ชาร์ล ดิคคินสัน ปากเปราะจิกกัดเมียของ แอนดรูว์ แจ็กสัน ว่ามีผัวสองคน ประมาณว่ายังไม่ทันหย่าผัวคนแรก แล้วมาได้กับแอนดรูว์ ทำนองนั้น ลุงแอนดรูว์ได้ยินก็หัวร้อน เลยขอท้าดวล ขนาดโดนยิงจนอกแทบทะลุ แต่ลุงแอนดรูว์ยังกระเด้งตัวรัวปืนกลับ จนคนปากเสียถึงกับล้มคว่ำจมกองเลือด ไงล่ะ..เปรี้ยวเอาการใช่มั้ย ประธานาธิบดีรายนี้

ครั้นเมื่อแอนดรูว์ แจ็กสัน นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีถึงสองสมัย ก็ย่อมมีคนรักเป็นธรรมดา ทีนี้ชาวบ้านร้านถิ่นรู้ว่าประธานาธิบดีของตนนั้นโปรดชีสเป็นชีวิตจิตใจ เลยอยากหาของขวัญชิ้นพิเศษถูกอกถูกใจประธานาธิบดีอันเป็นที่รักของตน

ในปี ค.ศ.1835 ผู้พันโธมัส เอส มีแชม เกิดไอเดียบรรเจิด อยากส่งชีสไปให้ประธานาธิบดี แต่ของขวัญสำหรับประธานาธิบดีย่อมไม่ธรรมดา  

ความใหญ่โตมโหฬารของชีสก้อนนี้ เอาแค่เส้นผ่าศูนย์กลางก็ยาวประมาณ 4 ฟุตเข้าไปแล้ว หนาสองฟุต และหนัก 1,400 ปอนด์หรือ 700 กิโลกรัม ใช้เวลาผลิตทั้งหมด 4 วัน โดยใช้แม่วัว 150 ตัวปั๊มนมเพื่อทำชีส เมื่อทำเสร็จแล้วก็ห่อมาอย่างดีพร้อมถ้อยคำปลุกใจแนวรักชาติ คาดว่าผู้พันมีแชมคงชาตินิยมสุด ๆ

การขนส่งจากนิวยอร์กสเตท มาวอชิงตัน ไม่ใช่เรื่องงุบงิบส่งมา หากแต่มีขบวนแห่ขบวนพาเหรดอย่างอู้ฟู่หรูหราสมศักดิ์ศรีโคตรชีสอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าแห่แหนกันมาแต่ต้นทาง จากเมืองสู่เมือง โดยมีชาวบ้านโผล่หน้ามาชมก้อนชีสยักษ์เป็นบุญตา ว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเห็นโคตรชีสแบบนี้มาก่อน

พอประธานาธิบดีแอนครูว์ แจ็กสันได้รับของขวัญชิ้นมหึมาและแปลกประหลาดนี้คงเงิบไปนิด พลางคิดว่าจะเอาชีสก้อนเท่าควายไปทำอะไรดีหว่า ถึงจะชอบกินชีสยังไง ก็คงกินไม่หมดแน่ ๆ เพราะขนาดใหญ่โตวัวตายควายล้มขนาดนี้ 

ท่านประธานาธิบดีผู้เก่งกล้าเคยท้าดวลกับนักแม่นปืนถึงกับกุมขมับ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีสยักษ์ หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกินชีสยักษ์ตามใจชอบแล้วก็ยังเหลืออีกบานเบอะ ตั้งตระหง่านอยู่ในทำเนียบขาว จะเอาไปทิ้งก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่าคนให้จะเสียใจ 

เมื่อเวลาผ่านไป ชีสก็เน่า เริ่มมีกลิ่นตุๆ โชยหึ่งไปทั่วทำเนียบขาว ไม่ใช่แต่ทำเนียบขาวที่คลุ้งอวลไปด้วยกลิ่นพิลึกนั้น ผู้คนทั่วทั้งวอชิงตันได้กลิ่นกันทั่วหน้า ต้นฉบับภาษาอังกฤษบรรยายกลิ่นก้อนชีสยักษ์ว่า ‘An evil-smelling horror’ ในเมื่อไม่รู้จะทำยังไงกับก้อนชีสยักษ์ เลยปล่อยวางไว้อย่างนั้นเป็นเวลาถึงเกือบสองปี

FED ไฟเขียว!! อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ เปิดให้บริการด้าน Crypto ได้

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศในแถลงการณ์ร่วมว่า ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ สามารถเปิดให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Crypto ได้

"องค์การทางธนาคารต่าง ๆ จะไม่ถูกยับยั้งจากการให้บริการทางธนาคารไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใดแก่ผู้ใช้บริการ ตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย" ธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และระบบการเงิน

อย่างไรก็ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า การถือ Crypto มีแนวโน้วว่าจะไม่ปลอดภัย โดยกล่าวว่า “จากความเข้าใจของและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่เชื่อว่า การสร้างหรือถือครอง Crypto ที่ถูกสร้างขึ้น การจัดเก็บ หรือเคลื่อนย้ายไปยังที่สาธารณะ หรือเครือข่ายกระจายอำนาจ หรือระบบที่คล้ายคลึงกัน มีแนวโน้มที่จะไม่เป็นการสอดคล้องกับแนวทางด้านความปลอดภัยของระบบธนาคาร” 

โดยการ 'ถือ' Crypto ในที่นี้ หมายถึง การถือครอง private key ไม่ว่าจะเป็นถือครองด้วยตัวเองหรือผู้ให้บริการอื่นเป็นผู้ถือครองให้ก็ตาม “มีแนวโน้มว่าจะไม่ปลอดภัย” แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นการห้ามแต่อย่างใด

ผู้โดยสาร 4 คนรอดตายหวุดหวิด หลังรถเทสลาตกหน้าผาลึก 76 เมตร

รถยนต์เทสลาตกหน้าผาลึกกว่า 76 เมตร ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผู้โดยสาร 4 คน รอดชีวิตราวกับปาฏิหาริย์ ตำรวจเผยขณะเกิดเหตุรถไม่ได้เปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมเร่งหาสาเหตุที่ทำให้รถเสียหลัก

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งยี่ห้อเทสลา สีขาว 4 ประตู ตกเหวที่บริเวณหน้าผาใกล้กับ ‘เดวิล สไลด์’ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ (2 ม.ค. 66) ที่ผ่านมาและดิ่งชนกับโขดหินที่ลึกลงไปกว่า 76 เมตร

หลังจากได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ ก่อนจะสังเกตเห็นผู้โดยสารบนรถมีการเคลื่อนไหวจากระยะไกล จึงเร่งช่วยเหลือและพบว่าผู้โดยสารทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย เด็ก 2 คน และผู้ใหญ่ 2 คน ยังรอดชีวิตอยู่อย่างปาฏิหาริย์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวแม้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนบ่อยครั้งแต่ก็ยากที่จะพบผู้รอดชีวิต

IMF มองจีนคลายล็อกโควิดทำยอดติดเชื้อพุ่ง เชื่อ!! กระทบเศรษฐกิจ 'ภูมิภาค-โลก'

ไอเอ็มเอฟเตือนการผ่อนคลายมาตรการโควิดของทางการจีนจะทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราว ‘ไฟป่า’ ในช่วง 3-6 เดือนนี้ ในขณะที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีน และยาต้านไวรัสที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชน

“ช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบากของจีน” นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ กล่าวกับรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS ที่ออกอากาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์

นางจอร์เจียวา ขยายความว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่แพร่กระจายรวดเร็วราว ‘ไฟป่า’ นี้  จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจในจีน เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจโลก

เมื่อปลาย พ.ย. ก่อนทางการจีนประกาศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ นางจอร์เจียวาเปิดเผยว่าไอเอ็มเอฟอาจปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงอีกหลังจากเพิ่งประกาศปรับลดไปแล้วหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นเนื่องจากข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด รวมถึงวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์

เมื่อเดือน ต.ค. ไอเอ็มเอฟตัดสินใจปรับลดประมาณการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2023 เนื่องจากสงครามในยูเครนและดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นเพราะธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ พยายามจะควบคุมราคาที่สูงขึ้น

>> ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 3.2% ในปี 2022 และ 4.4% ในปี 2023

ทว่าเมื่อกลาง ธ.ค. หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ของสหรัฐฯ ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนในปี 2023 เพิ่มจาก 5% เป็น 5.4%

นางจอร์เจียวา กล่าวกับ CBS ด้วยว่า ภาวะล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อในจีนและปัจจัยลบอื่น ๆ ในประเทศในปี 2022 จะทำให้จีนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ‘ใกล้เคียงหรือต่ำกว่า’ อัตราการเติบโตเฉลี่ยของทั่วโลกที่ 3.2%  

ไอเอ็มเอฟเป็นองค์กรนานาชาติที่มีประเทศสมาชิก 190 ชาติ สมาชิกเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อพยายามเพิ่มเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก หน้าที่หลักหน้าที่หนึ่งคือทำหน้าที่เป็นระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจ

>> ‘ยากลำบากกว่า’ ปี 2023

ในการสัมภาษณ์กับ CBS นางจอร์เจียวาเตือนด้วยว่าชาติต่าง ๆ ราว 1 ใน 3 ของทั้งโลกจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยปีนี้

เธอบอกว่าปี 2023 จะ ‘ยากลำบากกว่า’ ปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจทั้งในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน เติบโตช้าลง

“เราคาดการณ์ว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย” นางจอร์เจียวา บอกกับรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS 

“แม้กระทั่งประเทศที่ไม่ได้มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย คนหลายร้อยล้านคนก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย”

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่มีสงครามในยูเครน, ราคาข้าวของต่าง ๆ แพงขึ้น, อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และการระบาดของโควิดในจีน ล้วนส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก 

ไอเอ็มเอฟคาดว่าในปี 2023 เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงภาวะติดลบได้ แต่ในสหภาพยุโรป ครึ่งหนึ่งของชาติสมาชิกจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัว ส่วนเศรษฐกิจจีนจะลดความเร็วในการเติบโตลง

>> นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนก็มองคล้ายกัน

คาทรีนา เอลล์ นักเศรษฐศาสตร์บริษัทด้านเศรษฐกิจ Moody's Analytics ในซิดนีย์ บอกว่า แม้ว่าจะยังไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยระดับโลกในปีนี้ แต่ความเสี่ยงก็สูงมาก อย่างไรก็ดี ยุโรปจะต้องตกอยู่ในภาวะนั้น ขณะที่สหรัฐฯ ตกอยู่ในสถานะหมิ่นเหม่ 

เอเชียเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากสงครามยูเครน และครัวเรือนและบริษัทต่าง ๆ ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 

'นาซา' ระแวง!! หวั่นจีนอาจอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดวงจันทร์ หากชนะสหรัฐฯ ในสมรภูมิแข่งขันด้านอวกาศ

จีนอาจพยายามเข้าควบคุมตำแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรมากที่สุดบนดวงจันทร์ หากว่าปักกิ่งมีชัยชนะในการแข่งขันเหนืออเมริกา สำหรับดวงดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกดวงนี้ จากความเห็นของ บิล เนลสัน ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา)

"มันเป็นความจริง เราอยู่ในศึกแข่งขันด้านอวกาศ" เนลสัน ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ ‘โพลิติโค’ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) พร้อมเตือนว่า "และมันเป็นความจริงที่เราต้องระแวดระวังมากขึ้นว่าจีนจะไม่เข้าควบคุมสถานที่หนึ่งๆ บนดวงจันทร์ ภายใต้หน้ากากของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และมันไม่ใช่เรื่องเกินเลยในขอบเขตความเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะบอกว่าพื้นที่นี้ห้ามเข้า เราอยู่ที่นี่ นี่คือดินแดนของเรา"

ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า "ปัญหาคือ ณ ตอนนี้มันมีหลายพื้นที่ทางขั้วใต้ของดวงจันทร์เท่านั้นที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราคิด สำหรับกักเก็บน้ำและอื่น ๆ เป็นต้น"

เนลสัน พาดพิงพฤติกรรมของจีนในผืนโลก ในการให้เหตุผลเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่า "ถ้าคุณคลางแคลงใจ คุณลองดูสิ่งที่พวกเขาทำกับหมู่เกาะสแปตลีย์สิ" เขากล่าวอ้างถึงหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งประเทศอื่น ๆ โต้แย้งกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน แต่กองทัพจีนได้เข้าไปจัดตั้งฐานทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในปี 2019 จีนกลายเป็นประเทศแรกที่สามารถลงจอดแบบนุ่มนวลในด้านห่างไกลของดวงจันทร์ ส่วนหนึ่งในภารกิจของยานฉางเอ๋อ 4 และหุ่นยนต์สำรวจขนาดเล็กที่ชื่อ อวี้ทู่ 2 ทั้งนี้ ต่อมามันได้ส่งตัวอย่างดวงจันทร์กลับมายังโลก และทางปักกิ่งคาดหมายว่าพวกเขาจะสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ก่อนปี 2023 และจากนั้นจะจัดตั้งสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนดวงจันทร์เป็นลำดับต่อไป

ช่วงไม่ปีที่ผ่านมา องค์กรอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) ยังประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศและยานโรเวอร์ไปดาวอังคารด้วยเช่นกัน รวมถึงปล่อยสถานีอวกาศแห่งชาติขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก

เนลสันยอมรับว่า "ภายในทศวรรษที่ผ่านมา จีนประสบความสำเร็จอย่างมโหฬารและมีความก้าวหน้ามากมายในด้านโครงการอวกาศ" 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top