Friday, 29 March 2024
WORLD

‘สื่อตะวันตก’ เผยผลสืบสวนพบ 'ยูเครน' อยู่เบื้องหลังบึ้มท่อนอร์ดสตรีม ผู้กระทำอ้าง!! คอยรับคำสั่งมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกทอด

(12 พ.ย.66) หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ และเยอรมนี อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิด ระบุว่า โรมาน เชอร์วินสกี พันเอกแห่งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของยูเครน คือผู้ประสานงานของปฏิบัติการโจมตีท่อลำเลียงน้ำมันนอร์ดสตรีม ทั้งนี้ ผลการสืบสวนร่วมของวอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล อ้างอิงคำบอกเล่าของพวกเจ้าหน้าที่ในยูเครนและที่อื่นๆ ในยุโรป เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่รับรู้เกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม

สื่อมวลชนสหรัฐฯ ให้รายละเอียดว่า เชอร์วินสกี ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านโลจิสติกส์และควบคุมทีมงานที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คน ซึ่งเช่าเรือใบลำหนึ่งภายใต้ชื่อปลอมและใช้อุปกรณ์ดำน้ำสำหรับดำลงไปวางวัตถุระเบิดที่ท่อทำเลียง ทั้งนี้เขาไม่ได้วางแผนปฏิบัติการหรือลงมือเพียงลำพัง แต่คอยรับคำสั่งมาจากพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกทอด

รอยรั่วขนาดใหญ่ 4 รู ถูกพบบนท่อลำเลียง 2 เส้นของท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม นอกชายฝั่งเกาะบอร์นโฮล์มของเดนมาร์ก ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2022 ซึ่งสถาบันธรณีวิทยาหลายแห่งตรวจพบแรงระเบิดใต้น้ำ 2 รอย ก่อนที่ท่อลำเลียงจะเกิดการรั่วไหล

ท่อลำเลียงแห่งนี้ตกอยู่ในแก่นกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยุโรป โดยรัสเซียตัดการส่งมอบก๊าซป้อนสู่ยุโรป ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเป็นการแก้แค้นมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานมอสโกต่อกรณีรุกรานยูเครน

เชอร์วินสกี ให้การปฏิเสธผ่านทนายความส่วนตัว บอกกว่าเขาไม่ได้มีบทบาทใดๆ ในการลอบก่อวินาศกรรมโจมตีท่อลำเลียง "ทุกข่าวลือเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของผม ในเหตุโจมตีท่อนอร์ดสตรีม ถูกเผยแพร่ออกมาโดยโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย โดยปราศจากพื้นฐานใดๆ รองรับ" เขาเขียนถ้อยแถลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรส่งถึงวอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ปฏิเสธซ้ำๆ ว่าประเทศของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดท่อลำเลียง "ผมจะไม่มีวันทำเช่นนั้น" เขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

อ้างอิงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพต์ ระบุว่าปฏิบัติการก่อวินาศกรรมถูกคิดค้นขึ้นมาโดยปราศจากการรับรู้ของเซเลนสกี

วอชิงตัน โพสต์กับแดร์ ชปีเกิล เผยว่าพวกเขาได้ติดต่อไปยังรัฐบาลยูเครน เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับผลการสืบสวนร่วมของพวกเขา แต่ทางเคียฟไม่ได้ให้คำตอบกลับมาแต่อย่างใด

‘จีน’ เปิดตัว 'รถเมล์ผู้สูงวัย' จำนวน 6 สาย ชูจุดเด่น!! ออกแบบพิเศษให้ตอบโจทย์ใช้งานจริง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เปิดตัวรถบัสประจำทางที่เหมาะสำหรับให้บริการผู้สูงวัย จำนวน 6 สาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่เดินทางด้วยรถประจำทาง

รถบัสเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน อาทิ พื้นรถถูกปรับลดระดับความสูงลง การใช้งานได้แบบไร้สิ่งกีดขวาง อุปกรณ์สำหรับยึดรถเข็น เบาะพนักพิงที่นุ่มยิ่งขึ้น ตลอดจนมือจับที่มีข้อความน่ารักๆ อย่าง ‘ห่วงใยผู้สูงวัย สังคมแห่งน้ำใจ’ นอกจากนี้ คนขับรถและพนักงานบนรถบัสก็ยังได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเรื่องการบริการและดูแลผู้สูงวัยด้วยเช่นกัน

'สถานทูตจีน' ไม่พอใจสื่อไทยบางแห่ง  เสนอปมปลุกปั่นแยกไต้หวันเป็นอิสระ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) เฟซบุ๊ก 'Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย' ได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อสำนักหนึ่งของไทยได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ 'อู๋เจาเซี่ย' ที่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน ระบุว่า

เมื่อเร็วๆ นี้ มีสื่อไทยสื่อหนึ่งได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ อู๋เจาเซี่ย คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน อู๋ได้ปลุกปั่นคำพูดที่เหลวไหลเกี่ยวกับ 'การแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน' ในการให้สัมภาษณ์ และโจมตีข้อเสนอที่รวมประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสันติของประเทศจีนอย่างร้ายแรง คำพูดที่ไร้สาระอย่างนี้ไม่คุ้มค่าที่จะหักล้าง ส่วนสื่อนี้ได้เสนอเวทีที่เผยแพร่คำพูดที่เหลวไหลให้แก่คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน ซึ่งทำลายผลประโยชน์ของประเทศจีน และทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีน ฝ่ายจีนต้องแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำอย่างนี้อย่างรุนแรง

ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับของทั่วโลก การกระทำที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญในเรื่องที่เกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและการต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนของจีน ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนตรงกันข้ามกับมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีนและไทย การกระทำที่ทำร้ายประเทศอื่นๆ และประชาชนของประเทศอื่นๆ โดยใช้เสรีภาพของสื่อเป็นข้ออ้าง ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นการใช้เสรีภาพของสื่ออย่างพร่ำเพรื่อ

เราหวังว่าสื่อที่เกี่ยวข้องเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของจีน แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด และไม่ให้เรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีนเกิดขึ้นอีก

‘สภาฯ สิงคโปร์’ วุ่น!! เร่งถก ‘แลนด์บริดจ์ไทย’ หวั่นกระทบการค้า-สะเทือนเศรษฐกิจในประเทศ

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 สำนักข่าว CNA ของสิงคโปร์ รายงานว่า นายชี ฮง ทัต รักษาการณ์รัฐมนตรีคมนาคมสิงคโปร์ได้ชี้แจงและตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสิงคโปร์ในวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ในประเด็นโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย ซึ่งถูกมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์

โดยนายชี กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์อาจช่วยลดเวลาการขนส่งสินค้าราว 2-3 วันก็จริงอยู่ แต่เรือขนสินค้าอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และจริงๆ อาจลดเวลาได้ไม่มากนัก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยปัจจัยสำคัญ คือ เรือสินค้าจะต้องเสียเวลาในการโหลดสินค้าขึ้นจากท่าเรือฝั่งหนึ่ง เพื่อขึ้นรถบรรทุกหรือรถไฟขนส่งไปยังท่าเรืออีกฝั่ง จากนั้นก็โหลดสินค้าลงสู่เรือเพื่อเดินทางต่อ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ บริษัทขนส่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้ต้องมีการทบทวนและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ระหว่างการแล่นอ้อมช่องแคบมะละกาและสิงคโปร์ และการใช้แลนด์บริดจ์ของไทยว่าทางไหนคุ้มกว่ากัน

สำหรับประเด็นที่ว่าโครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งเชื่อมอ่าวไทยและทะเลอันดามันของไทย จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ และกระทบกับศักยภาพการแข่งขันของสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหรือไม่ นายชีตอบว่า “สิงคโปร์ไม่สามารถห้ามประเทศอื่นจากการพัฒนาท่าเรือหรือโครงสร้างใดๆ ก็ตามได้ แต่สิ่งที่สิงคโปร์ควรทำและทำได้ คือ ทำอย่างไรที่จะให้สิงคโปร์ไม่ได้รับผลกระทบ หรือหาทางเพิ่มศักยภาพท่าเรือสิงคโปร์ให้ดึงดูดเรือขนสินค้าเหล่านั้น”

‘จีน’ ล้ำหน้า!! ผุด ‘รถมินิแวนไร้คนขับ’ ช่วยส่งของรับเทศกาล ‘ชอปปิง 11.11’

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, หยางเฉวียน รายงานว่า จีนใช้ประโยชน์จาก 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เพื่อปรับปรุงการจัดส่ง ขณะเตรียมความพร้อมสำหรับเทศกาลชอปปิง 11.11 (Double Eleven) ซึ่งเป็นงานลดราคาสินค้าออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

รถมินิแวนไร้คนขับ จำนวน 12 คัน ออกวิ่งจัดส่งพัสดุให้ผู้คนในเมืองหยางเฉวียน หลังจากการทดสอบเดินรถประสบความสำเร็จ

ยานพาหนะชนิดนี้ยาว 2.5 เมตร สูง 1.6 เมตร และกว้าง 1 เมตร ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยีไลดาร์ (lidar) บนหลังคา พร้อมกล้อง 11 ตัว ซึ่งสามารถตรวจจับไฟจราจร คนเดินเท้า และสิ่งกีดขวางต่างๆ ส่วนระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรถสามารถปรับการปฏิบัติงานให้เข้ากับสถานการณ์บนท้องถนนเพื่อการวางแผนเส้นทาง

รถมินิแวนไฟฟ้าเหล่านี้มีความเร็วสูงสุด 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งเป็นระยะทางถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟจนเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งประหยัดเวลาการจัดส่งต่อวันเกือบ 2 ชั่วโมง

ส่วนในพื้นที่แออัด ยานพาหนะดังกล่าวจะชะลอความเร็วลง รักษาระยะห่างระหว่างสิ่งกีดขวาง และส่งเสียงแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัยของคนเดินเท้า พร้อมด้วยเบรกฉุกเฉินที่สามารถหยุดรถได้ในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตร ซึ่งถูกติดตั้งมาเพื่อหลบสิ่งกีดขวางแบบกะทันหัน

‘ทีมแพทย์มะกัน’ เจ๋ง!! ผ่าตัดปลูกถ่ายตาทั้งดวงครั้งแรกของโลก ด้านผู้ป่วยฟื้นตัวดี รอลุ้นผลลัพธ์ ปลุกความหวังทางการแพทย์

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีและเอพีรายงานว่า ทีมแพทย์จากโรงพยาบาล ‘NYU Langone Health’ ในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายดวงตามนุษย์ทั้งดวงเป็นครั้งแรกของโลก ให้กับ ‘นายอารอน เจมส์’ คนไข้วัย 46 ปี โดยการผ่าตัดดังกล่าวถูกยกให้เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ ถึงแม้ว่ายังไม่มีใครตอบได้ว่าเจมส์จะกลับมามองเห็นด้วยตาดวงใหม่ของเขาหรือไม่

เจมส์ ทำงานเป็นช่างสายส่งไฟฟ้าในรัฐอาร์คันซอและถูกกระแสไฟฟ้า 7,200 โวลต์ดูดเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 อาการบาดเจ็บที่รุนแรงทำให้เจมส์ต้องสูญเสียดวงตาซ้าย แขนซ้ายตั้งแต่ช่วงศอกลงไป จมูก ริมฝีปาก ฟันหน้า แก้มซ้าย และคาง เขาต้องรอรับการบริจาคดวงตาอยู่นาน 3 เดือนก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าและดวงตาที่โรงพยาบาล NYU Langone Health เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ในปัจจุบันการปลูกถ่ายกระจกตาเป็นวิธีการรักษาทั่วไป ให้กับคนไข้ที่สูญเสียการมองเห็นบางประเภท แต่การปลูกถ่ายตาทั้งดวงซึ่งประกอบไปด้วยลูกตา หลอดเลือดของดวงตา และเส้นประสาทตาที่ต้องเชื่อมต่อกับสมองของคนไข้ ยังคงถือเป็นเรื่องที่ยากมากในทางการแพทย์ ถึงแม้นักวิจัยจะเคยประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายดวงตาทั้งดวงให้กับสัตว์มาบ้างในอดีต จนทำให้การมองเห็นของสัตว์กลับมาบ้างบางส่วน แต่ยังไม่เคยมีการปลูกถ่ายดวงตาทั้งดวงในมนุษย์มาก่อน

คณะแพทย์ของโรงพยาบาลให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ว่าจนถึงตอนนี้เจมส์กำลังฟื้นตัวดีจากการผ่าตัดและตาดวงใหม่ของเขาที่ได้จากการบริจาคก็ดูปกติดีเช่นกัน และสามารถส่งสัญญาณไฟฟ้าออกมา ถึงแม้เจมส์จะยังไม่สามารถมองเห็นด้วยตาดวงใหม่ของเขาก็ตาม “มันรู้สึกดีนะ ผมยังไม่สามารถขยับตาของผมได้ ผมยังกะพริบตาไม่ได้ แต่ผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างที่ตาแล้ว” เจมส์กล่าว

นายเอดูอาร์โด โรดริเกซ หัวหน้าทีมแพทย์ที่ทำการผ่าตัด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำการปลูกถ่ายใบหน้าให้กับคนไข้มาแล้ว 4 ครั้ง กล่าวให้ความรู้สึกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายตาทั้งดวงเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน ทีมแพทย์สามารถลดระยะเวลาในการผ่าตัดจาก 36 ชั่วโมง เมื่อครั้งแรกที่เขาเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าในปี 2012 จนเหลือเพียง 21 ชั่วโมงในการผ่าตัดครั้งนี้

“เราไม่ได้บอกว่าเราจะฟื้นฟูการมองเห็น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราเข้าใกล้เข้าไปอีกขั้นแล้ว” โรดริเกซ กล่าว พร้อมกับบอกอีกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าไม่ใช่การทดลองอีกต่อไป และควรถูกมองว่าเป็นขั้นตอนการรักษาทั่วไป สำหรับอาการบาดเจ็บรุนแรงบริเวณใบหน้า

‘ศุลกากรฯ ฮ่องกง’ ยึด ‘ยาบ้าล็อตใหญ่’ หนัก 1.1 ตัน ส่งตรงจากเม็กซิโก ถูกแปลงโฉมเป็น ‘เปลือกหอย’ ซุกซ่อนปะปนมากับเปลือกหอยของจริง

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮ่องกง รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ ศุลกากรเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน พบเหตุต้องสงสัยกรณีค้าเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือ ‘ยาบ้า’ จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ และยึดของกลางดังกล่าวได้ราว 1.1 ตัน โดยยาบ้าเหล่านี้ถูกดัดแปลงให้เป็นรูปทรงของ ‘เปลือกหอย’ และบรรจุซุกซ่อนมากับเปลือกหอยจริง

ศุลกากรฯ ระบุผ่านถ้อยแถลงว่า คดีนี้เป็นคดีค้ายาบ้าชนิดแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ศุลกากรฯ เคยตรวจพบ

หลังจากการประเมินความเสี่ยง เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ศุลกากรฯ ได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลตู้หนึ่ง ที่ระบุไว้ว่าบรรทุกอาหารทะเล 611 กระสอบ และถูกส่งจากเม็กซิโกมาถึงฮ่องกง

จากการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบยาบ้าต้องสงสัยจำนวนหนึ่งซึ่งซุกซ่อนอยู่ โดยถูกอำพรางมาในรูปแบบของเปลือกหอย และปะปนอยู่กับเปลือกหอยของจริงภายในถุงไนลอนจำนวน 104 ใบ

ทั้งนี้ หลังทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ศุลกากรฯ ได้จับกุมชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถ และชายวัย 54 ปี ผู้ดูแลโกดังแห่งหนึ่ง จากนั้นได้จับกุมหญิงวัย 46 ปี ผู้ดูแลโกดังสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ และชายว่างงานวัย 27 ปีรายหนึ่ง โดยคดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

อนึ่ง ศุลกากรฯ ตรวจพบกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าจำนวนมากกว่า 1 ตันเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2022 มีการยึดยาบ้าแบบเหลวได้ราว 1.8 ตัน จากการขนส่งทางทะเลที่ระบุว่าเป็นการบรรทุกสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว

IG เปิดฟีเจอร์ใหม่!! โพสต์ ‘ภาพ-Reels’ ดูได้แค่‘เพื่อนสนิท’ หลัง 'Close Friends' ในไอจีสตอรี่ กระแสตอบรับดี!!

สายอัพ IG มุงทางนี้! Meta ได้ออกมาเปิดฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ให้กับ 'instagram' สามารถลงโพสต์ภาพ – วิดีโอ reels โดยเลือกแบบ Close Friends เห็นแค่เพื่อนสนิทได้แล้ว

เรียกว่าผู้ใช้งาน 'instagram' หรือ 'IG' (อินสตาแกรม) อาจไม่ต้องสร้างแอคหลุมอีกต่อไป

เพราะล่าสุดทาง 'Lia Haberman' ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดสื่อดิจิทัล นักยุทธศาสตร์ และวิทยากร ออกมาเปิดเผยว่า อินสตาแกรม (Instagram) กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ โดยผู้ใช้งานสามารถแชร์โพสต์แบบ Close Friends หรือเพื่อนสนิทได้แล้ว

โดย ผู้ใช้งานอินสตาแกรม จะสามารถเลือกกดผู้ชมหรือผู้เห็นโพสต์ของตัวเอง (Audience) ให้เป็นแบบ Close Friends ซึ่งลักษณะจะขึ้นเป็นวงกลมสีเขียวได้

ขณะที่จะโพสต์รูปภาพ วิดีโอผ่านฟีด เพื่อเป็นการจำกัดให้ผู้ใช้งานบางกลุ่มสามารถมองเห็นโพสต์ได้เท่านั้น

อย่างไรก็ดี สาเหตุการเปิดใช้งาน Close Friends นั้น เพราะก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์ Close Friends บนไอจีสตอรี่ ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสุด ๆ

สำหรับขั้นตอนมีดังต่อไปนี้

1. เลือกภาพหรือวิดีโอที่ต้องการจะโพสต์

2. ทำทุกอย่างเหมือนเดิม จนถึงการเพิ่มแคปชัน จะมีให้เลือก “Audience” หรือผู้ชม เราสามารถเลือกได้เลยว่า จะให้ผู้ติดตามหรือเพื่อนสนิทเห็น

เท่านี้ เราก็สามารถโพสต์รูปหรือวิดีโอให้เพื่อนสนิทเราเห็นได้แล้ว

‘อันหยูชิง’ เปิดใจ หลังศาลสั่งคุก 5 ปี อดีต ตร. ไถเงิน ยัน!! ยังอยากมาเที่ยวเมืองไทย เพราะวัฒนธรรมไทยน่ารัก

(10 พ.ย. 66) จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิพากษาจำคุก 5 ปี 4 อดีต ตำรวจห้วยขวาง รีดไถเน็ตไอดอลไต้หวัน ค่าบุหรี่ไฟฟ้า และไม่พกพาสปอร์ต 

ล่าสุด สาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ Charlene An ได้โพสต์อินสตาแกรม ถึงกรณีดังกล่าวว่า…

“เพิ่งเห็นข่าววันนี้ ในที่สุดเรื่องนี้ก็ยุติลง 10 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทุกวันนี้คนไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาที่ปลอดภัยในต่างประเทศ ประเทศไทยยังสวยงามอยู่มาก ฉันยังอยากไปอีกถ้ามีโอกาส บางทีฉันอาจจะมีงาน และมีโอกาสได้ไปอีก Miss Thailand หวังว่าทุกอย่างจะดี

เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันบอบช้ำทางจิตใจ แต่แน่นอนว่าการคอร์รัปชันมีอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ฉันคิดว่ามีอะไรดี ๆ มากกว่าสิ่งเลวร้ายในประเทศไทย และประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่น่ารัก”

‘พิซซ่าฮัทฮ่องกง’ รังสรรค์เมนูใหม่ ‘พิซซ่าหน้างู’ ใช้เนื้องูเน้นๆ เชื่อ!! ช่วยบำรุงกำลัง-โลหิตไหลเวียนดี

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท Pizza Hut (พิซซ่าฮัท) ในฮ่องกงเปิดตัวเมนูใหม่โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Pizza Hut กับ Ser Wong Fen (เฉอหวังเฟิน) ร้านอาหารฮ่องกงที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 100 ปี รังสรรค์เมนูใหม่ ‘พิซซ่าหน้างู’ คือพิซซ่าที่ใช้ ‘เนื้องู’ จริง ๆ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของพิซซ่าฮัทนี้ประกอบด้วย เนื้องู เห็ด แฮม ขิง หน่อไม้ ชีส ไก่ ซอสหอยเป๋าฮื้อ ตะไคร้ ซึ่งบางส่วนประกอบเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ของเมนูสตูว์งูแบบดั้งเดิม พิซซ่าฮัทฮ่องกง กล่าวในแถลงการณ์เปิดตัวเมนูใหม่ว่า “เมื่อจับคู่กับชีสและไก่หั่นเต๋า เนื้องูจะมีรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น” พร้อมเสริมว่า เนื้องูสามารถบำรุง เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ตามความเชื่อในการแพทย์แผนจีน เมื่อรวมกับพิซซ่าแล้ว ถือเป็นความก้าวหน้าจากแนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับความหมายของการรักษาสุขภาพที่ดี 

สำหรับพิซซ่าหน้างูนี้มีขนาด 9 นิ้ว มาพร้อมกับซอสหอยเป๋าฮื้อแทนที่จะเป็นซอสมะเขือเทศธรรมดา โดยจะมีวางจำหน่ายจนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น ผู้ที่ได้ลองชิมพิซซ่าหน้าใหม่นี้บอกว่า เนื้องูมีลักษณะคล้ายกับไก่แห้ง โดยมีทั้งคนที่ชอบและคนที่รู้สึกว่าน่ากลัว

นักชิมที่ชอบลองพิซซ่า กล่าวว่า ฉันคิดว่ามันน่ากลัว งูไม่ใช่อาหารในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก

ทางด้านราเชล หว่อง ชาวฮ่องกงซึ่งเป็นแฟนตัวยงของซุปงูตั้งแต่เธอเคยกินครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก รู้สึกตื่นเต้นกับเมนูใหม่นี้ เนื้อสัมผัสจะคล้ายกับไก่เล็กน้อยและมีรสชาติเหมือนปลาและอาหารทะเลอื่น ๆ ฉันชอบทานอาหารที่มีโปรตีนสูงในช่วงฤดูหนาว

ส่วนคาเรน ชาน ผู้จัดการของพิซซ่าฮัทฮ่องกงและมาเก๊า กล่าวว่า บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญของเฉอหวังเฟินในการพัฒนาพิซซ่าจากเนื้องูหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น งูสิง งูสามเหลี่ยม และงูปล้องฉนวน พิซซ่างูสุดพิเศษมอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบให้กับทุกรสชาติ ทั้งอร่อยและเผ็ดร้อนสำหรับฤดูกาลนี้

‘3 แพนด้ายักษ์’ ในสวนสัตว์สหรัฐฯ กลับจีน หลังสิ้นสุดสัญญา 23 ปี ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียดของทั้งสองในขณะนี้

‘สวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียน’ (Smithsonian National Zoo) สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดีซี ส่งแพนด้ายักษ์ 3 ‘พ่อ-แม่-ลูก’ เดินทางกลับจีนแล้ว หลังสัญญา 23 ปีสิ้นสุด ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียดของจีนกับสหรัฐฯ

(10 พ.ย. 66) เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ‘แพนด้าเหมย เซียง’ (Mei Xiang) ‘แพนด้าเทียน เทียน’ (Tian Tian) และ ‘แพนด้าเซียว ฉี จี’ (Xiao Qi Ji) แพนด้า 3 พ่อ-แม่-ลูก ถูกส่งตัวกลับจีนแล้ว โดยทั้ง 3 ตัว ถูกนำใส่ลังที่ทำจากเหล็ก ซึ่งภายในใส่ใบไผ่ แอปเปิล และลูกแพร์จำนวนมาก เพื่อเป็นเสบียงอาหารระหว่างเดินทางไกล 19 ชม. ไปยังเมืองเฉิงตูของจีน

โดยแพนด้ายักษ์ทั้ง 3 ตัว ได้เดินทางด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777 เอฟ ที่มีชื่อว่า ‘เฟดเอ็กซ์ แพนด้า เอ็กซ์เพรส’ (FedEx Panda Express) ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติแดลลัส ของสหรัฐอเมริกา พร้อมผู้ดูแลอีก 3 คน เพื่อเดินทางไปยังเขตป่าสงวนในมณฑลเสฉวนของจีน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีแพนด้ายักษ์ อาศัยอยู่ในป่าตามธรรมชาติของจีนประมาณ 1,800 ตัว

ทั้งนี้ ‘เหมย เซียง’ วัย 25 ปี และ ‘เทียน เทียน’ วัย 26 ปี ถูกนำมาที่สวนสัตว์แห่งชาติสหรัฐฯ เมื่อปี 2543 และให้กำเนิดลูกแพนด้ายักษ์ 3 ตัว ระหว่างช่วงปี 2548-2558 โดยล่าสุด คือ เซียว ฉี จี ที่เกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ เหมย เซียงกลายเป็นแพนด้ายักษ์ที่อายุมากที่สุดที่ให้กำเนิดลูกได้ในสหรัฐฯ

เอบีซี เผยอีกว่า แพนด้ายักษ์ทั้ง 3 ตัวนี้ มีแฟนคลับมากมาย ซึ่งมียอดเข้าชมเว็บไซต์ของสวนสัตว์มากกว่า 100 ล้านครั้ง และบรรยากาศแห่งการจากลาเป็นไปด้วยความเศร้า เพราะเจ้าแพนด้า 3 ตัวที่เป็นดาราประจำสวนสัตว์มาโดยตลอด ไม่สามารถโผล่ออกมากล่าวคำอำลากับเด็กๆ พ่อแม่และแฟนๆ ที่ต้องการกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับการส่งแพนด้ากลับจีนครั้งนี้ มีขึ้นหลังสัญญาโครงการให้ยืมแพนด้ายักษ์ ที่ทางการจีนทำไว้กับสวนสัตว์ดังกล่าวหมดอายุลง และการเดินทางกลับของแพนด้าเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘โจ ไบเดน’ จะพบกับประธานาธิบดีจีน ‘สี จิ้นผิง’ ที่เมืองซานฟรานซิสโก ระหว่างการประชุม APEC ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้ง 2 ชาติ

และจากสถานการณ์ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศที่ตึงเครียดขึ้น จึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติม โดยผู้อำนวยการสวนสัตว์ แบรนดี สมิท (Brandie Smith) ไม่ยอมตอบตรงคำถามว่ามีความพยายามใดๆ จากสวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียนในการต่อสัญญายืมตัวแพนด้าดังกล่าว

นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้จะมีแพนด้าจากจีนหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินสหรัฐฯ อีกแค่ 2 ตัว เป็นแพนด้าแฝด ชื่อ ‘หยา หลุน’ กับ ‘ซี หลุน’ อยู่ที่สวนสัตว์เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แต่ก็มีกำหนดจะต้องส่งคืนจีนช่วงต้นปีหน้าเช่นกัน 

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่สหรัฐฯ จะไม่มีทูตสันถวไมตรีอย่างแพนด้าอีกต่อไป และนั่นก็หมายความว่า จะเหลือแพนด้าอีกเพียงตัวเดียวในทวีปอเมริกาเหนือ คือ ที่สวนสัตว์ในกรุงเม็กซิโก ซิตี เท่านั้นด้วย

‘ปฏิญญา Balfour’ สารตั้งต้นแห่งความรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันตก แรงบันดาลใจของ ‘กลุ่มไซออนิสต์’ สู่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์

การแบ่งแยกและยึดครอง : มรดกของ ‘Arthur James Balfour’

กรุงเตหะราน, ประเทศอิหร่าน วันที่ 2 พฤศจิกายน 2023 ถือเป็นวันครบรอบ 106 ปี ปฏิญญาของรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ‘Arthur James Balfour’

สิ่งที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ‘ปฏิญญา Balfour’ คือข้อความสั้น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไม่เพียงแค่ชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนหลายล้านคนในเอเชียตะวันตกด้วย เนื่องจากมันก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้าย เช่น การก่อตัวของระบอบการปกครองจอมปลอม การสังหารหมู่ผู้หญิงและเด็กหลายแสนคน พลเมืองปาเลสไตน์หลายล้านคนต้องพลัดถิ่น และการถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิด กระทั่งท้ายที่สุด จึงนำไปสู่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์โดยอิสราเอล

คำประกาศที่ชั่วร้ายนี้ปูทางไปสู่การก่อตัวของเนื้องอกที่เป็นมะเร็ง และเรื่องผิดกฎหมายในเอเชียตะวันตก โดยผลที่ตามมายังคงส่งผลกระทบต่อผู้คนปาเลสไตน์และในภูมิภาค หลังจากผ่านไปเกือบ 80 ปี คำแถลงต่อสาธารณะอาจเป็นประเด็นสำคัญของการหารือทางโทรศัพท์ ของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่านและสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยหัวหน้านักการทูตอิหร่านอาจทำให้ชาวสหราชอาณาจักรสนใจว่า ประเทศของเขาสนับสนุน ‘การสถาปนา ‘มาตุภูมิแห่งชาติสำหรับชาวยิว’ ในดินแดนปาเลสไตน์’ เมื่อปี 1917 ซึ่งเป็นรากฐานของทุกความท้าทาย และความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันตกในปัจจุบัน

‘กลุ่มไซออนิสต์’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าพ่อแองโกล-แซกซัน (Anglo-Saxons) ในการส่งเสริมประวัติศาสตร์จอมปลอมและการกดขี่ กำลังเผชิญกับวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเอเชียตะวันตก การตื่นตัวและลุกขึ้นต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ได้เปิดหูเปิดตาของผู้คนทั่วโลก ให้มองเห็นความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของไซออนิสต์ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะอ่านปฏิญญา Balfour อีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิติของ Nakba (ภัยพิบัติ, หายนะ) ในปี 1948

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ‘ปฏิญญา Balfour’ แสดงความเห็นอกเห็นใจของสหราชอาณาจักร ต่อความปรารถนาและแรงบันดาลใจของไซออนิสต์ในนานาชาติ ที่จะสถาปนาสิ่งที่เรียกว่า ‘มาตุภูมิแห่งชาติของไซออนิสต์ในดินแดนปาเลสไตน์’ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 21 ปีก่อนที่ชาวยุโรปจะเดินหน้าสร้างสันติภาพระหว่างประเทศอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรู้ว่า ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ลงเอยด้วยการสังหารชาวยิวจำนวนมาก ดูเหมือนว่าสหราชอาณาจักรและสหายไซออนิสต์จะตระหนักดี ถึงสิ่งที่รอคอยชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2

การปรากฏตัวโดยชอบธรรมของไซออนิสต์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยวและเป็นเท็จ 2 เรื่อง โดยเรื่องราวแรกคือ ในพระคัมภีร์ของชาวยิว ดินแดนนี้ถูกสัญญาไว้กับพวกเขา (ไซออนิสต์) และคำบรรยายที่ 2 อ้างว่า เป็นการสังหารและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวโดยพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องเล่าทั้ง 2 นี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ 2 ได้ส่งชาวยิวจำนวนมากไปยังปาเลสไตน์ และปูทางไปสู่การยึดครองและการทำลายล้างประเทศอาหรับ 3 ปีหลังจากการเผยแพร่ปฏิญญา Balfour และในสนธิสัญญาที่ลงนามโดยประเทศที่ได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 ชะตากรรมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งปาเลสไตน์ถูกส่งมอบให้กับสหราชอาณาจักร และคำมั่นสัญญาของ Balfour ที่มีต่อไซออนิสต์ก็ดำเนินไป

คงจะเป็นเรื่องไร้เดียงสามาก หากเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

สหราชอาณาจักรส่งมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้กับไซออนิสต์ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ชาวปาเลสไตน์ซึ่งแท้จริงแล้ว คือทายาทที่แท้จริงของชาวยิวปฐมวัย อาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ตลอดช่วงชีวิตนอกกฎหมายของระบอบการปกครองที่ฆ่าเด็ก รัฐบาลตะวันตกได้นำเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อมาใช้เล่นเกมกล่าวโทษและวาดภาพผู้กดขี่ว่า เป็นผู้ถูกกดขี่ พวกไซออนิสต์ได้ก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่ต้องรับผิดชอบ เมื่อใดก็ตามที่มีการประท้วงเพื่อปกป้องปาเลสไตน์ ไซออนิสต์จะเป่าสโลแกน ‘ต่อต้านชาวยิว’ หลังจาก ‘ปฏิบัติการพายุแห่งอัล-อักซอ’ (Operation Al-Aqsa Storm) โดยกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผู้สนับสนุนระบอบการปกครองเทลอาวีฟก็ออกมาเดินหน้าอีกครั้งเพื่อบิดเบือนความจริง ในขณะเดียวกันก็เตรียมการและให้กำลังใจอิสราเอล

ภารกิจที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนบ่าของสหราชอาณาจักร ถูกโอนไปยังสหรัฐอเมริกา หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศในระบบของการเมืองระหว่างประเทศ การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร สำหรับระบอบไซออนิสต์เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ล้มเหลวในการยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ด้วยการยับยั้งมติ (Veto) ถึง 45 ครั้ง สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ต่อต้านการหยุดยั้งอาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซาเท่านั้น แต่ยังปฏิเสธที่จะช่วยบรรลุแนวทางแก้ไข เพื่อบรรเทาวิกฤติด้านมนุษยธรรมในดินแดนที่ถูกปิดล้อมอีกด้วย

ในความขัดแย้งที่ชัดเจนกับการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สหรัฐฯ ยังได้ลงคะแนน ‘ไม่เห็นด้วย’ กับมติที่ร่างขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนไซออนิสต์ยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา เป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างของการเพิกเฉยต่อหลักการสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ประเด็นก็คือ ระบอบการปกครองจอมปลอม แม้ว่า อิสราเอลจะได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ มานานหลายปี แต่ก็ไม่ก็สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตมีไว้สำหรับปาเลสไตน์

‘ดิสนีย์’ เผย!! กำไร Q4 ปีนี้ สูงกว่าที่คาด หลังได้รับอานิสงส์จากธุรกิจ ‘สตรีมมิ่ง’

(9 พ.ย.66) บริษัท วอลต์ ดิสนีย์ เปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาด ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2566 โดยได้แรงหนุนจากกำไรในธุรกิจสตรีมมิ่ง อีเอสพีเอ็นพลัส (ESPN+) และรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจสวนสนุก แต่รายได้จากการโฆษณาที่ลดลงได้บดบังภาพรวมผลประกอบการของบริษัท

ดิสนีย์ ระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 82 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 70 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.124 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้น 5% แต่ยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.133 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่รายได้ของดิสนีย์อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์

ส่วนจำนวนสมาชิกที่ใช้บริการสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัส (Disney+) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7 ล้านราย สู่ระดับ 150.2 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 148.15 ล้านราย

ดิสนีย์เปิดเผยรายได้จากการโฆษณาลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเอบีซี เน็ตเวิร์ก (ABC Network) และโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ของดิสนีย์

ดิสนีย์ ระบุว่า บริษัทได้นำภาพยนตร์หลายเรื่องที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์เข้ามาเพิ่มในบริการสตรีมมิ่งในไตรมาส 4 ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Elemental’, ‘Little Mermaid’ และ ‘Guardians of the Galaxy: Vol. 3’

นอกจากนี้ ดิสนีย์ ยังประกาศแผนการลดต้นทุนเชิงรุก โดยจะปรับลดต้นทุนเพิ่มอีก 2 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับเป้าหมายที่วางไว้ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์

‘ลาว’ วิกฤติ!! ‘ยาบ้า’ ทะลักเกลื่อนตลาด ราคาถูกยิ่งกว่าน้ำเปล่า หน่วยปฏิบัติงานหย่อนยาน มุ่งดักจับแค่เป็นรายกรณีเกินไป

‘องค์การสหประชาชาติ’ วิตก ปัญหายาเสพติด ประเภท ‘เมทแอมเฟตามีน’ แพร่ระบาดอย่างหนักในท้องตลาด ‘ลาว’ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ราคาขายต่อเม็ดเหลือไม่เกินเม็ดละ 8 บาท ถูกยิ่งกว่าน้ำดื่มทั่วไป ดันยอดผู้เสพยาพุ่งเพราะเข้าถึงง่าย ซื้อขายคล่อง สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในลาว

ชาวลาวเรียก ‘เมทแอมเฟตามีน’ ว่า ‘ยาบ้า’ เช่นเดียวกับบ้านเรา ซึ่งเป็นสารเสพติดที่แพร่หลายอย่างในลาวมานานนับ 10 ปีแล้ว เนื่องจากลาวเป็นเส้นทางขนส่งยาบ้า จากรัฐฉานทางฝั่งพม่าข้ามรอยต่อชายแดนเข้ามาในลาว

แต่ทว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา ทำให้เกิดการแตกแยกทางการเมือง และสุญญากาศในการบังคับใช้กฎหมายในพม่า ส่งผลให้ขบวนการค้ายาเสพติดในพม่าเติบโตอย่างมาก การลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในลาวก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

เมื่อมีของเข้ามามาก ราคาก็ถูกลงตามกลไกตลาด ซึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับปัจจัยค่าเงินเฟ้อในลาว ในขณะที่สินค้าอุปโภค บริโภคพื้นฐานที่จำเป็นล้วนมีราคาสูงขึ้น มีแต่ยาบ้าเพียงเท่านั้น ที่นับวันราคายิ่งถูกลงไปเรื่อยๆ แม้จะมีฐานะยากดีมีจนขนาดไหนก็สามารถซื้อได้

นายบุญมี ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ ‘Transformation Center’ หนึ่งในศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดเอกชน ที่มีเพียง 2 แห่งในลาว ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ช่วง Covid-19 เป็นต้นมา ค่าครองชีพในลาวเพิ่มสูงขึ้น ข้าวของทุกอย่างล้วนขึ้นราคา แต่ยาบ้ากลับมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ทุกวันนี้ คนลาวสามารถซื้อยาบ้า 1 เม็ดได้ในราคาเม็ดละ 5,000 - 7,000 กีบ (8.50-12 บาท) แต่ถ้าซื้อยกแพ็ก 200 เม็ด หารเฉลี่ยจะตกเหลือเม็ดละ 2,500 กีบ (4.30 บาท) เท่านั้น

นายแก้ว หนึ่งในผู้บำบัดยาเสพติดในศูนย์ ‘Transformation Center’ วัย 37 ปี เล่าว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้เสพติดยาบ้า และเสพต่อเนื่องมานานกว่า 17 ปี ราคายาบ้าที่ถูกลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาเสพหนักกว่าเดิมถึงวันละ 10 เม็ด บางครั้งนำไปผสมกินคู่กับกาแฟด้วย เสพหนักจนหลอน จำลูก-เมียไม่ได้ ประสาทตื่นตัวตลอดเวลา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนครอบครัวต้องจับมาส่งศูนย์บำบัดในกรุงเวียงจันทน์

‘เจเรมี ดักลาส’ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ยอมรับว่าหลังเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า ทำให้เกิดการไหลทะลักของยาเสพติดข้ามชายแดนเขตรัฐฉาน ตามแนวพรมแดนแม่น้ำโขงเข้ามาในฝั่งลาว

อย่างไรก็ตาม ทางการลาวได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและจับกุม โดยยาเสพติดล็อตใหญ่ล่าสุด จับกุมได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 จากการสกัดจับรถบรรทุกขนเบียร์ในจังหวัดบ่อแก้ว ซึ่งพบว่ามีการลักลอบขนยาบ้ามากถึง 55 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 1.5 ตันในคราวเดียว

จากรายงานล่าสุดของ UNODC พบว่า ยอดการจับกุมยาเสพติดในลาวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี พ.ศ. 2562 ยึดได้ 17.7 ล้านเม็ด และเพิ่มขึ้นเป็น 18.6 ล้านเม็ดในปีต่อมา แต่ทว่าตัวเลขล่าสุดของปี 2563 ยึดของกลางได้ถึง 144 ล้านเม็ด

แต่ถึงตัวเลขการจับกุมจะสูงขึ้นแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีการรื้อถอนขบวนการขนส่ง ที่เป็นต้นตอของปัญหาของการลำเลียงยาเสพติดผ่านเข้ามาในดินแดนลาว การไหลบ่าของยาเสพติดก็ยังคงอยู่

ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ได้ชี้ถึงข้อบกพร่องในการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ลาวว่า จะเป็นการปฏิบัติงานในรูปแบบเฉพาะกิจ ดักจับเป็นรายกรณีไป ซึ่งหลายครั้งพบการเพิกเฉยในการจับกุมคนขับรถขนยา ละเลยการสาวลึกลงไปในขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามชาติอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด

ดังนั้น จะมองเพียงตัวเลขการจับกุมและของกลางที่ยึดอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปริมาณยาเสพติดที่ขนเข้ามาในฝั่งลาว สังเกตได้จากยาบ้าที่ล้นตลาด จนทำให้มีราคาถูกลงมากอย่างน่าใจหายนั่นเอง

ซึ่งปัญหาของยาบ้าล้นตลาดในลาว ก็สะท้อนถึงปัญหาของไทยเช่นกัน เนื่องจากไทยก็เป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งยาบ้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ไหลเข้ามาฝั่งไทยจำนวนมหาศาล ท่ามกลางปรากฏการณ์ ‘ยาบ้าถูกกว่าน้ำเปล่า’ เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนควรต้องตระหนักว่า เราควรหาทางป้องกันสังคมของเราอย่างไรต่อภัยยาเสพติดราคาถูกเช่นนี้

‘บ.มะกัน’ ผลิต ‘น้ำมหัศจรรย์’ ช่วยลดอาการเมาค้าง เคลม!! ขจัดแอลกอฮอล์ในเลือดครึ่งหนึ่ง ภายใน 30 นาที

(9 พ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทในสหรัฐอเมริกาอ้าง กำลังผลิต ‘น้ำมหัศจรรย์’ ดื่มแล้วลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ครึ่งหนึ่ง ภายใน 30 นาที ลดปัญหาอาการเมาค้าง

ปัจจุบันมีอาหารเสริมและเครื่องดื่มมากมายที่มีสรรพคุณโฆษณาชวนเชื่อแปลกใหม่ ชวนให้น่าลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นช่วยเรื่องความสวยความงาม ลดน้ำหนัก เพิ่มพลังงานสมอง บำรุงสายตา เรื่องเพศ จนถึงตัวช่วยในการดื่มแอลกอฮอล์

ล่าสุดบริษัทหนึ่งในอเมริกาก็ประกาศจะว่าจะเปิดตัวเครื่องดื่มดีท็อกซ์แอลกอฮอล์ในเลือดตัวใหม่ปลายปีนี้ที่จะทำให้อาการเมาค้างหายเป็นปลิดทิ้ง

ว่ากันว่าสูตรที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้สามารถลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของคนลงได้ครึ่งหนึ่งในเวลาเพียง 30 นาที ลดความเสี่ยงต่อพิษจากแอลกอฮอล์และอาการเมาค้าง

โดยใช้ส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพิ่มเส้นทางการเผาผลาญที่สลายระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและสร้างชั้นป้องกันรอบกระเพาะอาหารเพื่อป้องกันการดูดซึมแอลกอฮอล์ที่ตกค้างเข้าสู่ร่างกาย

ซึ่งจะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคมของปีนี้ และตลาดอื่น ๆ คาดว่าจะตามมา เครื่องดื่มมหัศจรรย์นี้จะจำหน่ายในกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ ราคา 4.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 177 บาท) เบื้องต้นเครื่องดื่มดังกล่าวจะวางจำหน่ายในร้านขายยาทั่วสหรัฐอเมริกา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top