Saturday, 23 September 2023
WORLD

‘หนุ่มแบงก์มะกัน’ ควงปืนไล่ยิงเพื่อนร่วมงาน พร้อมไลฟ์สดขณะก่อเหตุ โชว์ว่อนโลกออนไลน์

พนักงานธนาคารวัย 23 ปีรายหนึ่ง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 4 ราย และมีคนอื่นได้รับบาดเจ็บ 9 คน ภายในที่ทำงานของเขาในวันจันทร์ (10 เม.ย.) ในเหตุโจมตีที่คนร้ายทำการไลฟ์สดระหว่างลงมือ ณ สาขาหนึ่งของธนาคารโอลด์ เนชันแนล แบงก์ ในย่านกลางเมืองลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี สหรัฐฯ
.
กรมตำรวจนครบาลลุยส์วิลล์ เผยว่า คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมหรือลงมือปลิดชีพตนเอง
.
ตำรวจระบุตัวตนคนร้าย ได้แก่ นายคอนเนอร์ สเตอร์เจียน ซึ่งเพิ่งเข้าทำงานในฐานะพนักงานประจำของธนาคารโอลด์ เนชันแนล แบงก์สาขานี้เมื่อปีที่แล้ว
.
ในเหตุการณ์ล่าสุดของเหตุกราดยิงหมู่ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในสหรัฐฯ ตำรวจเผยว่าพวกเขาตอบสนองภายในเวลาแค่ 10 นาที หลังได้รับแจ้งว่ามีเหตุโจมตีที่อาคารธนาคาร ใกล้สนามเบสบอล สลักเกอร์ ฟิลด์ ตอนเวลาประมาณ 8.30 น.
.
เจ้าหน้าที่ยิงใส่คนร้ายซึ่งมีอาวุธปืนไรเฟิล จากการเปิดเผยของแจคลีน กวินน์-วิลลาโรเอล ผู้บัญชาการตรวจบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมเผยว่าคนร้ายได้ทำการไลฟ์สดการโจมตีผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย
.
ตำรวจเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย โจชัย บาร์ริค วัย 40 ปี โธมัส เอลเลียต วัย 63 ปี จูเลียนา ฟาร์เมอร์ วัย 45 ปี และเจมส์ ทัตต์ วัย 64 ปี
.
แอนดี เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือระหว่างแถลงสรุป ว่าเขารู้จักเหยื่อบางคน ในนั้นรวมถึงเอลเลียต ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของสาขาธนาคารดังกล่าว "เขาสอนผมให้รู้ถึงวิธีช่วยยกระดับวิชาชีพกฎหมายของตนเอง เขาช่วยให้ผมก้าวมาเป็นผู้ว่าการรัฐ เขามอบคำแนะนำต่างๆ กับผม เหมือนกับเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง" เบเชียร์กล่าว "เขาเป็นหนึ่งคนที่ผมพูดคุยด้วยมากที่สุดในโลก"

เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน ในนั้นรวมถึงตำรวจวัย 26 ปีที่เพิ่งจบการศึกษาสถาบันตำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะและอาการยังวิกฤตหลังเข้ารับการผ่าตัดสมองในวันจันทร์ (10 เม.ย.) นอกจากนี้ ยังมีเหยื่ออีก 2 คนที่อาการสาหัสเช่นกัน ทั้งนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยลุยส์วิลล์

สถานะตำแหน่งการงานในธนาคารของมือปืนยังคงไม่ชัดเจนในวันจันทร์ (10 เม.ย.) ในขณะที่ กวินน์-วิลลาโรเอล เผยระหว่างแถลงข่าวว่าเขายังเป็นลูกจ้างของที่นั่น แต่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เผยว่าคนร้ายได้รับแจ้งว่าเขาจะถูกไล่ออก

'ผู้นำยูเครน' หวั่น!! หลังเอกสารหลุดเพนตากอนเผย 'กระสุนระบบขีปนาวุธจะหมดเกลี้ยงในเดือน พ.ค.'

(11 เม.ย.66) ยูเครนจะใช้ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศจนเกือบหมดภายในเดือนพฤษภาคม ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ในวันจันทร์ (10 เม.ย.) อ้างอิงจากเอกสารลับของเพนตากอนที่รั่วไหลเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ และด้วยแนวโน้มต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รัสเซียครองความได้เปรียบบนท้องฟ้า เคียฟจึงได้ร้องขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมจากตะวันตกมานานหลายเดือนแล้ว

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่ารายงานที่นำเสนอต่อเพนตากอนลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ระบุว่า ยูเครนกำลังยกระดับการใช้ขีปนาวุธบัคราว 69 ลูกต่อเดือน และขีปนาวุธเอส-300 จำนวน 200 ลูกต่อเดือน ด้วยอัตราการยิงเช่นนี้ กองกำลังยูเครนจะไม่เหลือกระสุนขีปนาวุธบัคใช้งานในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และคลังกระสุนขีปนาวุธเอส-300 จะหมดลงในวันที่ 3 พฤษภาคม

การเสาะหาขีปนาวุธสำหรับแพลตฟอร์มอาวุธที่สร้างในยุคสมัยสหภาพโซเวียต ถือเป็นงานยากลำบากอย่างมากสำหรับเคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตก ทั้งนี้แม้อีกด้านหนึ่ง ยูเครนได้รับระบบต่อต้านอากาศยานไอริส-ที ของเยอรมนี 3 เครื่อง และระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานขั้นสูง NASAMS ของอเมริกา 8 เครื่อง แต่ระบบเหล่านั้นผลาญขีปนาวุธราวๆ 64 ลูกต่อเดือน และด้วยจำนวนที่มีน้อยนิด ทำให้พวกมันมีอาณาเขตไม่ครอบคลุมกว้างขวางเท่าเอส-300 ของยูเครน วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้างเอกสารหลุด

เพื่อชดเชยปัญหาขาดแคลน มีรายงานว่าพวกนักวางแผนด้านการทหารของสหรัฐฯ ประเมินว่ายูเครนจำเป็นต้องการไอริส-ที และ NASAMS อย่างน้อย 16 เครื่อง และระบบขีปนาวุธแพทริออตหรือระบบป้องกันภัยทางอากาศ SAMP-T จำนวน 12 เครื่อง ทั้งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกาอนุมัติประจำการระบบแพทริออต 1 ชุด ส่วนเยอรมนีรับปากอีก 1 ชุด ขณะที่ฝรั่งเศสและอิตาลีสัญญาจะมอบระบบ SAMP-T ชาติละ 1 ชุด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีอันไหนที่ส่งถึงมือยูเครนเลย จากคำกล่าวของโฆษกกองทัพยูเครนที่ให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีทเจอร์นัล

ประเด็นที่รัฐบาลทหารกลัว จนไม่ออกใบรับรองผลการเรียน สวนทาง!! การสนับสนุนแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ

หลังจากรัฐบาลทหารเมียนมาทำการรัฐประหาร ก็ทำให้มีคนต้องการจะเดินทางไปเรียนหรือทำงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความปลอดภัยก็ดี หรือ เรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้คนว่างงานสูงขึ้นตาม

เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้หนุ่มสาวเมียนมาเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ชีวิตในต่างแดนนั้น มันไม่ง่ายเหมือนในเมียนมา...

ในเมียนมาหลักฐานการศึกษาที่ใช้เป็นตัวบ่งสถานะจะเป็นใบรับรองที่ระบุเป็นภาษาพม่าว่า ได้จบหลักสูตรตามที่ทางกระทรวงศึกษากำหนดไว้ แต่ไม่มีการให้ใบเกรดหรือใบทรานสคริปต์ ซึ่งแตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศในเอเซีย และใบทรานสคริปต์นี่แหละคือเอกสารสำคัญหรือเป็นใบเบิกทางที่ใช้ในการศึกษาต่อหรือทำงานตามสิ่งที่ไปเรียนมา

ในช่วงแรกที่มีการปิดไม่ให้ใบทรานสคริปต์หลายคนเข้าใจได้ว่าภายในรัฐบาลยังสับสน เจ้าหน้าที่หลายคนทำอารยะขัดขืน หรือ CDM (Civil Disobedient Movement) โดยการไม่ไปทำงาน 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี จากเหตุการณ์วุ่นวายจนเหตุการณ์สงบ คำสั่งลับที่ไม่มีการประกาศนี้ ก็ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนหรือยกเลิกไป

สุดท้ายจึงทำให้เกิดมิจฉาชีพขึ้น หลายคนเลือกซื้ออนาคตด้วยการติดต่อทำทรานสคริปต์ปลอม ในขณะที่หลายคนพยายามติดต่อสถาบันการศึกษาที่ตนสำเร็จมา แต่ผลตอบกลับมาคือ ทำได้แค่รอหากต้องการทรานสคริปต์กับสามารถออกอีเมลรับรองให้ว่าได้ผ่านการศึกษาวิชานั้นวิชานี้ ซึ่งในหลักสากลไม่สามารถนำมาใช้ในการสมัครศึกษาต่อหรือสมัครงานได้เลย

‘โรงเรียนจีน’ เอาจริง!! พาเด็กลุย ‘ภาคปฏิบัติ’ เก็บเกี่ยวประสบการณ์เกษตรกร เพาะปลูก-จับปลา

(11 เม.ย.66) สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า โรงเรียนหลายแห่งจากหลากมุมเมืองของจีน ได้จัดกิจกรรมห้องเรียนภาคสนามช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อพาเหล่าเด็กนักเรียนเดินทางสู่ท้องทุ่งนาและเรียนรู้การทำงานต่างๆ อาทิ เพาะปลูก จับปลา นำไปสู่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นแรงงานทางการเกษตรด้วยตัวเอง
 

‘ชาวเน็ตเขมร' เปลี่ยนประวัติศาสตร์ เล่าเป็นฉากๆ เคลม!! ‘นายขนมต้ม' เป็นคนเขมร ชื่อ ‘ฉันใหญ่นะ’

เคลมอีกแล้ว ! ชาวเน็ต 'เขมร' เล่าเป็นฉากๆ 'นายขนมต้ม' เป็นคนเขมร 

(10 เม.ย. 66) The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก ออกมาเปิดเผยว่าในเว็บไซต์ khmer440 มีชาวเขรมใช้นามปากกาว่า SEAhistory มาเล่าว่า นายขนมต้มนั้นแท้จริงเป็นชาวเขมร และวิชาที่นายขนมต้มใช้นั้นไม่ใช่มวยไทย แต่เป็นมวยเขมรตามหลักฐานที่ปรากฏบนกำแพงนครวัด

นาย SEAhistory บอกว่า ‘ตำนานนายขนมต้ม’ ซึ่งพูดถึงเรื่องนักมวยไทยที่ถูกพม่าจับตัวไป และสามารถใช้วิชามวยไทยต่อยชนะพม่าถึงสิบคนนั้น เป็นเรื่องที่ชาวไทยแต่งขึ้น โดยลอกไปจากตำนานของเขมร

ตำนานเขมรอันเป็นเรื่องราวที่แท้จริงเล่าแบบนี้ ...กาลครั้งหนึ่งเมื่อกษัตริย์พม่ารบชนะอยุธยา และกวาดต้อนชาวไทยไปนั้น ได้มีทาสชาวเขมรคนหนึ่งอยู่ในหมู่เชลยไทย มีหน่วยก้านดี จึงถูกเรียกมาให้ต่อยมวยให้กษัตริย์พม่าดู

ทาสเขมรคนนั้นชื่อนายขนมต้ม แต่แทนที่จะต่อยมวย เขาได้ใช้วิชาร่ายรำอันงดงามและทรงพลัง ทำให้นักมวยพม่าที่เป็นคู่ชกมีอาการมึนเมา และถูกเขาสยบลงในที่สุด

กษัตริย์พม่ารู้สึกประหลาดใจจึงเรียกนักมวยพม่ามาสู้อีก ก็ล้วนถูกนายขนมต้มใช้การร่ายรำทำให้เมามายไปทั้งสิ้น รวมแล้วเป็นสิบคน

วีรกรรมนี้ทำให้กษัตริย์พม่ามีความพึงพอใจ จึงประทานเงินทองและภรรยาให้กับนายขนมต้ม จนนายขนมต้มอยู่สอนวิชามวยเขมรในเมืองพม่า กลายเป็นต้นตำรับมวยพม่า หรือที่เรียกว่า และเหว่ (Lethwei)

ชาวเขรมชื่อนาย SEAhistory ชี้ให้เห็นว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ระบุว่านายขนมต้มเป็นชาวไทย แต่หลักฐานชิ้นใหญ่ที่สนับสนุนเรื่องราวของเขา คือชื่อของนายขนมต้มเอง เพราะคำว่า ‘ขนมต้ม’ เป็นคำที่ไม่มีความหมายในภาษาไทย โดยคำว่า ‘ขนม’ นั้นแปลว่าของหวาน ส่วนคำว่า ‘ต้ม’ แปลว่าต้มอาหาร หรือแปลว่าซุป ...ใครกันจะเอาของหวานไปต้มทำซุปเล่า?
ในทางตรงข้ามคำว่าขนมต้มกลับมีความหมายในภาษาเขมร โดยมาจากคำว่า ‘ขยม’ ที่แปลว่า ‘ตัวฉัน’ หรือ ‘ข้ารับใช้’ และคำว่า ‘ธม’ ที่แปลว่า ‘ใหญ่’

ดังนั้นนายขนมต้มจึงมีชื่อที่แท้จริงว่า ‘นายขยมธม’ ที่แปลว่า ‘ฉันใหญ่นะ’

เขาชี้ให้เห็นว่าเมื่อก่อนนั้นทาสเขมรถูกชาวไทยกดขี่ ห้ามไม่ให้เปิดเผยถึงเชื้อชาติที่แท้ของตน แต่ชาวเขมรมีความฉลาดเฉลียวจึงแอบตั้งชื่อตัวเองเป็นภาษาเขมร เพื่อส่งสัญญานให้ลูกหลานในอนาคตเรียนรู้ว่าชนชาติของตนนั้น ‘ฉันใหญ่นะ’ ขนาดไหน

‘หญิงอังกฤษ' จบชีวิตรักต่างภพ หลังแต่งกับผีได้แค่ 5 เดือน เหตุฝ่ายหญิงเหนื่อยหน่าย ผีสามีขี้ระแวง สุดท้ายจ้างหมอผีขับไล่

(10 เม.ย.66) ผู้หญิงรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ซึ่งตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายเดือนก่อน หลังเข้าพิธีวิวาห์กับผีผู้ชายตนหนึ่งที่มาจากยุคศตวรรษที่ 19 ล่าสุด ชีวิตสมรสระหว่างทั้งคู่ไม่เป็นไปด้วยดีนัก และมีอันต้องจบลงภายในเวลาเพียง 5 เดือน เหตุฝ่ายหญิงเหนื่อยหน่ายผีสามี สุดท้ายจึงว่าจ้างหมอผีมาขับไล่วิญญาณผู้เป็นสามีพ้นไปจากชีวิตของเธอตลอดกาล ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดลิสตาร์ สื่อมวลชนของอังกฤษ

หนังสือพิมพ์เดลิสตาร์ รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้หญิงนามว่า โบร์คาร์ด วัย 38 ปี เปิดเผยว่าเธอติดต่อกับวิญญาณชาย เอ็ดวาร์โด วัย 35 ปี ที่บ้านพักเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน และหลังจากตกหลุมรักกันอย่างไม่คาดหมาย เธอและเอ็ดวาร์โด แต่งงานกันที่โบสถ์ร้างแห่งหนึ่งในคืนวันฮาโลวีนเมื่อปีที่แล้ว แต่เพียง 5 เดือนหลังจากเข้าพิธีวิวาห์ ชีวิตคู่ของทั้ง 2 คนก็กลับพังครืนลงตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

รายงานของเดลิสตาร์ระบุเรื่องราวการเลิกราที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเจ้าผีสามีนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองขี้ระแวงเกินไป หรือไม่กังวลเกินไปว่าจะถูกเธอตีจาก ทั้งนี้ โบร์คาร์ด ให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันทุกข์ทรมานจากความคิดในแง่ลบมากๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา" พร้อมเผยว่าเธอเข้ารับการปรึกษาด้านชีวิตแต่งงานมาตั้งแต่ต้นปี แต่สามีของเธอไม่ใส่ใจมัน และนับตั้งแต่มันทำให้ชีวิตของเธอเหมือนตกอยู่ในนรกมากกว่าที่ผ่านๆ มา

โบร์คาร์ด คร่ำครวญว่าที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผีสามี เปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงออกเดินทางท่องเที่ยวไปฮันนีมูนแล้วด้วยซ้ำ

หลังจากพยายามทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาระหว่างมนุษย์กับผี สุดท้าย โบร์คาร์ด เผยว่าเธอต้องหันไปพึ่งหมอผีให้มาขับไล่ เอ็ดวาร์โด ไปจากชีวิต เพราะว่าผีตนนี้เอาแต่ทรมานเธอ เพราะไม่พอใจที่เธอกำลังตีจากเขา "เพราะเขาไม่มีความสุขและฉันต้องการยุติชีวิตสมรสนี้"

‘เทสลา’ เตรียมสร้างโรงงาน ‘เมกะแฟคทอรี’ ในเซี่ยงไฮ้ เน้นผลิต ‘เมกะแพ็ก’ เผย แบตเตอรี่มีขนาดเท่าตู้คอนเทนเนอร์

(10 เม.ย.66) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ (9 เม.ย.) เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าจะสร้างโรงงานเมกะแฟคทอรี (Megafactory) แห่งใหม่ในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน ซึ่งจะมุ่งเน้นการผลิตเมกะแพ็ก (Megapack) ผลิตภัณฑ์กักเก็บพลังงานของบริษัทฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบตเตอรี่ขนาดเท่าตู้คอนเทนเนอร์

เทสลากล่าวระหว่างพิธีลงนามโครงการดังกล่าวในเซี่ยงไฮ้ว่า โรงงานแห่งใหม่นี้มีกำหนดเริ่มการก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และจะเริ่มการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024

PDF รุ่น 1 ผู้สร้างตราบาปแก่ God’s Army ให้เด็กออกหน้า ส่วนผู้ใหญ่อยู่ข้างหลัง

สงครามระหว่างกองทัพเมียนมาและกะเหรี่ยงมีมานานมากแล้ว และเกือบทุกครั้งไทยคือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบแทบทุกครั้ง เช่นเดียวกับเหตุการณ์การบุกยึดสถานทูตเมียนมา ในครั้งนั้นกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์หัวรุนแรงที่ปฎิบัติการแบบกองโจรอยู่แล้วได้มีกลุ่มกองกำลังที่เรียกว่านักรบนักศึกษาพม่า ซึ่งเป็นองค์กรที่ต่อต้านการปกครองของกองทัพพม่า โดยองค์กรนี้กลายเป็นองค์กรก่อการร้าย  

เมื่อเข้าร่วมกับกองกำลังกะเหรี่ยงคริสต์และสถาปนาเด็กแฝด นาม 'จอห์นนี่ ทู' และ 'ลูเธอร์ ทู' ซึ่งในตอนนั้นทั้งสองอายุเพียง 12 ปีว่า เป็นผู้ส่งสารจากพระเจ้า โดยอาวุธใดๆ ก็ไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาได้ เพียงแต่ในความเป็นจริงนั้น ก่อนที่ทั้งสองจะได้ขึ้นมาเป็นตัวแทนของกองกำลังนี้ กองกำลังนี้ได้เด็กคนหนึ่งนามว่า 'จอปาซูปรี' เป็นเด็กชายอายุ 10 ปี มีลิ้นดำตรงตามลักษณะของมหาบุรุษแบบพม่าเฉกเช่นเดียวกับ พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ที่มีลิ้นดำ แต่ จอปาซูปรี ก็เสียชีวิตไปด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งนั่นทำให้กองกำลังกะเหรี่ยงคริสต์ยก 'จอห์นี่ ทู' และ 'ลูเธอร์ ทู' ขึ้นมาแทน

และแล้วในวันที่ 1 ตุลาคม 2542 ในเวลา นักศึกษาพม่าจำนวน 12 คนพร้อมอาวุธปืนและระเบิด บุกเข้าไปที่สถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย ที่ถนนสาทร จับเจ้าหน้าที่สถานทูตและผู้มาติดต่อเป็นตัวประกันรวม 20 คน แล้วชักธงชาติพม่าลงจากยอดเสา ชักธงของพรรคสันนิบาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ขึ้นแทน พร้อมประกาศให้กองทัพพม่าในขณะนั้นปล่อยนาง 'อองซาน ซูจี' ที่โดนจับอยู่

เหตุการณ์ในครั้งนั้นจบที่นายจอห์นนี่ได้ต่อรองขอเฮลิคอปเตอร์ให้ไปส่งตนและพรรคพวกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่จังหวัดราชบุรี ทางรัฐบาลไทยได้ตอบรับ โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ เสนอตัวเป็นตัวประกันนั่งโดยสารไปด้วย เพื่อรับรองความปลอดภัยจนกระทั่งถึงที่หมาย เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตัวประกันทั้งหมดในสถานทูต ซึ่งนั่นเป็นวันที่ทำให้ทุกคนในโลกรู้จัก 'กองกำลังของพระเจ้า' หรือ God’s Army

จากนั้น 3 เดือนในวันที่ 24 มกราคม 2543 นายเบดาห์ นำกองกำลังนักรบนักศึกษาพม่าจำนวน 10 รายบุกยึดโรงพยาบาลราชบุรีและจับแพทย์ พยาบาลและคนไข้จำนวน 1,000 คนเป็นตัวประกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้จบด้วยการจู่โจมของกองกำลังอรินทราชและทั้ง 10 ถูกสังหาร แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกคนป้ายความผิดให้กองกำลังก๊อดอาร์มีว่าอยู่เบื้องหลังการกระทำในครั้งนี้โดยแทบไม่มีใครรู้เลยว่านี่คือ ผลงานก่อการร้ายของกองกำลังนักศึกษาพม่า  

'จีน-รัสเซีย' ดันราคา 'ทองคำโลก-หยวน' ศึกการเงินระลอกใหม่ หวังทุบดอลลาร์

(10 เม.ย.66) ศึกการเงินโลกของจีน-รัสเซีย จะสามารถทุบดอลลาร์ได้จริงหรือไม่ ?? งานนี้ใครกันแน่ที่จะพัง ?!? เมื่อจีนเดินหน้าซื้อ 'ทองคำ' เพิ่มอีกราว +5 หมื่นล้านบาท !!! ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว ซึ่งทำให้มูลค่าทองคำสำรองในคลังพุ่งเฉียด 5 ล้านล้านบาทหรือประมาณ 2,068 ตัน ! ขณะที่เงินรูเบิลรัสเซียเสื่อมค่ายับ จากอดีตเคยอยู่ที่ 25 ต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้เทรดอยู่ 81.2 ต่อ 1 ดอลลาร์แล้ว ! (พูดง่าย ๆ ว่าอ่อนค่ากว่า -3x เท่า) 

ไม่นานมานี้ World Maker เผยถึงยอดรวมของการซื้อทองคำของจีนในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาว่า เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 102 ตัน ! ในขณะที่ทางรัสเซียเองก็ดูเหมือนกำลังพยายามสะสมทองคำอยู่โดยไม่ได้รายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการ ! พร้อมกับที่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าราคาทองคำกำลังจะพุ่งทะลุเพดาน ? และฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็กำลังใช้สื่อออกมาแนะนำให้คนรีบไปซื้อทองคำเก็บเอาไว้ ! โดยเฉพาะการกระพือข่าวว่าดอลลาร์กำลังจะล่มสลาย ??

ยกตัวอย่างเช่นในไทย ตอนนี้เราจะเห็นนักวิเคราะห์และสื่อมากมายออกมาเชียร์ให้ซื้อทองคำ บางคนกล่าวชัดเจนว่าดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นกงเต็กไร้ค่า แต่บางคนก็กล่าวว่าควรถือทองคำเอาไว้ในช่วงเวลาที่โลกมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ! โดยพวกเขามองว่าทองคำเป็นเพียง 1 ในสินทรัพย์เพียงไม่กี่อย่างบนโลกที่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว และมีแนวโน้มจะทำ All Time High ใหม่เหนือ 2,075 $/Oz ??

มีการกล่าวอีกว่าหลายประเทศกำลังจะเลิกใช้เงินดอลลาร์ รวมถึงประเทศในตะวันออกกลางที่ดูเหมือนจะหันมาจับมือกับจีน-รัสเซียเพื่อตกลงรับเงินหยวน-ทองคำเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและการค้ามากขึ้น พร้อมกับลดอำนาจและความเชื่อมโยงกับเงินดอลลาร์ไปในตัว ?

แน่นอนว่าสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการก็คือทำให้คนแห่ไปซื้อทองคำกันเยอะ ๆ เพื่อดันราคาทองคำให้สูงขึ้นไปอีกและทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปพร้อม ๆ กัน เช่นการใช้เงินที่ได้จากการซื้อทองคำของผู้คนหรือเงินจากการเก็งกำไรในตลาดไปทุบดอลลาร์ต่อ

เหตุผลตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่มา Support ทองคำนั้นยังคงเป็นดังนี้...

1. ความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของดอลลาร์
2. คาดการณ์ที่ว่าดอกเบี้ย FED ใกล้ถึงจุด Peak และจะลดลงในอนาคต
3. การที่จีน-รัสเซียพยายามดันหยวน-ทองคำขึ้นมาแทนที่ดอลลาร์ 
4. อัตราเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้คล้าย ๆ กับตอนที่ Bitcoin และ Tesla เคยเป็นกระแสข่าวในไทย ซึ่งมีสื่อปั่นกระแสอยากหนักและเชียร์ให้ซื้อ โดยกล่าวว่าราคาจะพุ่งขึ้นอีกมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ร่วงยับ -80% ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าฉากนี้จะเกิดขึ้นกับทองคำที่กำลังเป็นกระแสโหมกระหน่ำด้วยหรือไม่ ??

‘เจ้าชายซาอุฯ’ นำหลักสูตรมวยไทยไปสอนทหารในประเทศ ชี้ มวยไทยเป็นมากกว่ากีฬาต่อสู้ แถมทำให้ ไทย-ซาอุฯ ใกล้ชิดกัน

(10 เม.ย.66) เพจ ‘The World Echo’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า… 

เจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ฟาฮัด บิน มานซูร์ อัล ซาอูด ทรงเป็นประธานสมาพันธ์มวยไทยแห่งชาติด้วยตัวพระองค์เอง พระองค์ฝึกมวยไทยมานาน แถมยังช่วยนำหลักสูตรมวยไทยเข้าไปสอนเหล่าทหารในกองทัพของซาอุดีอาระเบีย 

ในงานเลี้ยงกลางสถานเอกอัครราชทูต เจ้าชายกล่าวสุนทรพจน์ถึงกีฬามวยไทย

"ผมดีใจที่ได้มายืนอยู่ที่นี่ในฐานะประธานสมาพันธ์มวยไทยแห่งชาติ มวยไทยได้รับการยอมรับจากโอลิมปิกสากล และเป็นมากกว่าแค่กีฬาต่อสู้ นี่คือศิลปะการป้องกันตัวที่ผสมผสานประเพณี ค่านิยม การแข่งขันสมัยใหม่ และเป็นหนึ่งในกีฬาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเวลานี้

หมู่เกาะโกโก ฝันที่ไม่เคยเป็นจริงของอเมริกา กับการจับตา ‘จีน-เมียนมา’ แบบไร้มารยาท

มีบทความที่เขียนโดย John Pollock และ Damien Symon ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ Chatham House ในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีใจความน่าสนใจว่า...

“มีภาพถ่ายเมื่อเดือนมกราคม 2566 โดย Maxar Technologies ซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นกิจกรรมการก่อสร้างบนเกาะ Great Coco ระดับใหม่ สิ่งที่มองเห็นได้คือ โรงเก็บเครื่องบินใหม่ 2 โรง ทางหลวงใหม่ และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นที่พัก ซึ่งทั้งหมดนี้จะมองเห็นได้ในบริเวณใกล้เคียงกับรันเวย์ และนอกจากนี้ ยังมีสถานีเรดาร์ที่ปรับปรุงใหม่ยาว 2,300 เมตร มองเห็นได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ปลายด้านใต้ของเกาะ Great Coco (หมู่เกาะโกโก) ซึ่งอยู่เลยทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเกาะ เป็นหลักฐานของความพยายามในการเคลียร์ที่ดิน ซึ่งบ่งชี้ว่างานก่อสร้างกำลังจะเกิดขึ้น โดยมีการยึดโยงว่าจีนทำการลงทุนเปลี่ยนเกาะ Great Coco เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางตะวันตกของจีน เพื่อใช้สอดแนมฝั่งมหาสมุทรอินเดีย”

อ่านจบถึงตรงนี้แล้ว ต่อให้กองทัพเมียนมาจะสมคบคิดกับกองทัพจีนหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วคือ กองทัพสหรัฐฯ กำลังจับตาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้อยู่ 

ย้อนกลับไปในปี 2012 ทาง Sydney Morning Herald เคยลงข่าวว่ากองทัพอเมริกาเคยวางแผนที่จะใช้เกาะ Great Coco มาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับการสอดแนมในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเชื่อได้ว่าแผนดังกล่าวนี้น่าจะสำเร็จลุล่วงหากไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นเสียก่อน เพราะมีข่าวแว่วออกมาจากทางเนปิดอว์ว่า ในตอนนั้น นางอองซาน ซูจี เตรียมจรดปากกายกเกาะให้อเมริกาเช่าเป็นฐานทัพ แต่ติดที่กองทัพเมียนมาไม่เห็นด้วย

‘จีน’ เปิดปฏิบัติการทางทหาร 3 วันรอบไต้หวัน ลั่น!! เป็นการเตือน  ล่าสุด ไต้หวันตรวจพบเรือรบจีน 8 ลำ-เครื่องบิน 42 ลำ

จีนเปิดฉากการฝึกซ้อมทางทหารในช่องแคบไต้หวันเป็นเวลา 3 วัน ย้ำเป็นการเตือนอย่างจริงจังต่อรัฐบาลไต้หวัน หลังจากปธน."ไช่ อิงเหวิน"พบกับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ล่าสุดพบจีนส่งเรือรบ 8 ลำ เครื่องบินรบ 42 ลำล้อมเกาะไต้หวันแล้ว

(8 เม.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพภาคตะวันออกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนหรือพีแอลเอ (PLA) แถลงว่า การฝึกซ้อมทางทหารที่มีชื่อว่ายูไนเต็ดชาร์ปซอร์ด (United Sharp Sword) จะดำเนินไปตั้งแต่วันนี้จนถึงวันจันทร์

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างโฆษกพีแอลเอว่า การฝึกซ้อมทางทหารจะเกิดขึ้นทั้งในน่านน้ำและน่านฟ้าของช่องแคบไต้หวัน นอกชายฝั่งทางเหนือและทางใต้ของไต้หวัน และทางตะวันออกของไต้หวัน เพื่อเป็นการเตือนอย่างจริงจังต่อการที่กองกำลังแยกดินแดนหาทางแยกไต้หวันเป็นเอกราชคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ และการดำเนินกิจกรรมยั่วยุ การฝึกซ้อมนี้จำเป็นต่อการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนแห่งชาติของจีน ด้านหน่วยงานทางทะเลของมณฑลฝูเจี้ยนที่อยู่ตรงข้ามกับไต้หวันแจ้งว่า จะมีการฝึกซ้อมทางทหารด้วยกระสุนจริงในน่านน้ำนอกชายฝั่งในวันจันทร์ ขอให้เรือต่าง ๆ หลีกเลี่ยง

ขณะเดียวกันกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า ตรวจพบเรือรบของจีน 8 ลำ เครื่องบินขับไล่ของจีน 42 ลำ อยู่รอบไต้หวันในช่วงก่อนเที่ยงของวันนี้ หลังจากจีนประกาศฝึกซ้อมทางทหารรอบไต้หวันเป็นเวลา 3 วัน

เปิดปูม ‘Cynthia Maung’ ผู้ได้รับรางวัล The People Award 2023 หมอแห่ง ‘แม่ตาวคลินิก’ คลินิกฟรีนอกสารบบแพทยสภา

ในงาน The People Award 2023 คงมีแต่คนที่จับจ้อง ‘แบม’ กับ ‘ตะวัน’ ที่ได้รับรางวัล แต่ใครจะรู้ว่าในวันนั้นมีอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

วันนี้เอย่าขอนำเสนอเรื่องราวของแพทย์หญิง Cynthia Maung (ซินเทีย หม่อง) คุณหมอแห่ง ‘แม่ตาวคลินิก’ ซึ่งเป็นคลินิกที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก...ลองมาดูเรื่องราวของแพทย์หญิงและคลินิกแห่งนี้กัน

เรื่องราวของแพทย์หญิง Cynthia Maung เธอเป็นชาวเมียนมาที่เกิดจากบิดาที่เป็นชาวกะเหรี่ยงและมารดาที่เป็นชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในย่างกุ้ง เธอเติบโตขึ้นในเมืองเมาะละแหม่งกับพี่น้องรวมกัน 6 คน และเธอได้จบจากโรงเรียนแพทย์ที่ย่างกุ้งและน่าจะมีชีวิตที่ดีหลังจากเรียนจบแพทย์  

>> แต่ด้วยความใฝ่ประชาธิปไตยของเธอ : เมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2531 กองทัพพม่าในขณะนั้นเข้ายึดอำนาจ อันเป็นเรื่องราวการปฎิวัติที่คนเมียนมารู้จักกันในนาม ปฏิวัติ 8888 นั้น เธอและเพื่อน ๆ ได้ตัดสินใจหนีเข้าป่าและหนีมากบดานในประเทศไทยและเธอได้เริ่มเป็นหมอรักษา โดยเริ่มจากเป็นหมออาสาในค่ายผู้ลี้ภัยจนสุดท้ายได้มาทำงานในแม่ตาวคลินิก ซึ่งเป็นฟรีคลินิกที่ช่วยรักษาชนกลุ่มน้อย จนทำให้คุณหมอได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น...

Jonathan Mann Award ในปี 1999 รางวัลแมกไซไซ ในปี 2002 ได้ Times’s Asian Heroes ในปี 2003, รางวัล Sydney Peace Prize ในปี 2013 และ UNDP's N-Peace Award ในปี 2018 และรางวัลล่าสุด The People Award ในปี 2023 ซึ่งดู ๆ ไปแล้ว คุณหมอท่านนี้น่าจะเป็นคนทรงคุณค่าท่านหนึ่งเลยทีเดียว

กลับมาที่แม่ตาวคลินิกกันสักนิด หากมาดูว่าคลินิกนี้เป็นของใคร เมื่อเข้าไปดูในเว็บไซต์ ก็พบชื่อมูลนิธิแห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า ‘มูลนิธิสุวรรณนิมิต’ ซึ่งในเว็บไซต์ระบุว่า...

“มูลนิธิสุวรรณนิมิต จดทะเบียนเป็นองค์กรการกุศล ให้การสนับสนุนแม่ตาวคลินิกในด้านการคุ้มครองทางกฎหมาย การเสริมสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่เพื่อพัฒนาคุณภาพการทำงาน ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทย มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการผลักดันด้านนโยบายด้านสุขภาพของประชากรข้ามชาติและการคุ้มครองเด็กเคลื่อนย้าย”  

นั่นแสดงว่ามูลนิธินี้ น่าจะเป็นมูลนิธิที่ช่วยก่อตั้งแม่ตาวคลินิกหรือไม่? และเมื่อหาข้อมูลต่อไป เอย่าก็พบว่ามูลนิธินี้คือ มูลนิธิอะไร?...

มูลนิธิสุวรรณนิมิตร เป็นมูลนิธิของไทยที่ทำงานผ่านการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรในการให้บริการที่จำเป็นแก่ชุมชนชายขอบที่อาศัยอยู่ตามชายแดนไทย (จังหวัดตาก) – เมียนมา เอย่าจึงคิดขึ้นมาทันทีว่าหากเป็นมูลนิธิที่ถูกต้องจริง จะต้องมีการจดมูลนิธิให้เป็นไปตามการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะถูกคุ้มครองโดยกฎหมายไทย

แต่เมื่อเอย่าเช็กในรายชื่อมูลนิธิหรือสมาคมที่ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร กลับไม่พบชื่อของ ‘มูลนิธิสุวรรณนิมิต’ 

เอาละสิ!! เมื่อเป็นเช่นนั้น เอย่าจึงเริ่มหาข้อมูลเพิ่มขึ้นโดยเข้าไปค้นหาชื่อของแม่ตาวคลินิกในฐานข้อมูลสถานพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุขกลับพบว่า ไม่มีชื่อ ‘แม่ตาวคลินิก’ ในฐานข้อมูลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งเมื่อได้เช็กข้อมูลคลินิกจากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่มีชื่อของแม่ตาวคลินิก หรือ คลินิกแม่ตาว ทำให้เอย่าคิดได้ว่า อ้าว!!….ถ้าเป็นแบบนี้คลินิกแม่ตาวก็คือ ‘คลินิกเถื่อน’ น่ะสิ!!

ทั้งนี้หากมาดูที่ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ได้มีการระบุไว้ในมาตรา 16 ว่า ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต และสุดท้ายเมื่อตรวจสอบรายชื่อจากแพทยสภาแล้ว ไม่พบชื่อ แพทย์หญิง Cynthia Maung ในรายชื่อของแพทยสภาในประเทศไทยด้วย

ร่วมใจอนุรักษ์ เกร็ดน่ารู้ ‘ก่อเจดีย์ทราย’ ประเพณีร่วม ‘ไทย-เมียนมา’ ร่องรอยมรดกจากอยุธยา ที่ผ่านไป 200 ปีก็ยังมิเลือน

ในช่วงสงกรานต์ หรือ ตะจ่าน ของทุกปี ชาวบ้านในหมู่บ้านสุขะ เมืองมัทดายามัน ภูมิภาคมัณฑะเลย์จะมีประเพณี ‘ก่อพระเจดีย์ทราย’ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การก่อเจดีย์ทรายนั้น ไม่มีกระทำกันสำหรับวัดในเมียนมา หากแต่การก่อเจดีย์ทรายของที่นี่ คือ มรดกทางวัฒนธรรมจากสมัยอยุธยาที่สืบมาจนถึงปัจจุบัน

ในประเทศไทยนั้น ประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายถือว่าเป็นประเพณีหนึ่ง ที่มีที่มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง โดยคนไทยผูกโยงประเพณีนี้เข้ากับคติความเชื่อเรื่องเวรกรรมในพระพุทธศาสนา มีการก่อพระเจดีย์ทรายถวายวัดเพื่อนำเศษดินทรายที่ติดเท้าออกจากวัดไปมาคืนวัดในรูปพระเจดีย์ทราย และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้เป็นกุศลอานิสงส์

นอกจากประเพณีเพื่อเป็นพุทธบูชาแล้ว ยังเป็นกุศโลบายของคนในอดีต ให้มีการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อร่วมกันจัดประเพณีรื่นเริงเป็นการสังสรรค์สร้างความสามัคคีของคนในชุมชนด้วย

แต่สำหรับการก่อเจดีย์ทรายในเมียนมานั้น มีความเชื่อเรื่องพระเจดีย์ทราย ที่ต่างจากไทย โดยทางเมียนมามีความเชื่อว่าเม็ดทราย เสมือนตัวแทน ผู้สำเร็จพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา จำนวน นับไม่อาจประมาณได้เมื่อก่อกองทรายเสร็จ ก็กราบไหว้บูชา เสมือน พระเจดีย์ ในวัด ทั่วไป จนกว่ากองทราย จะยุบและพังในที่สุดโดยกองทรายที่ยุบและพังไปนั้นทางชาวบ้าน ก็นำไปเทไว้ตามธรรมชาติ หรือเทไว้ที่ริมตลิ่งแม่น้ำเพื่อให้ทรายกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

การก่อพระเจดีย์ทรายฝั่งเมียนมาอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3วัน เพราะต้องมีพิธีสวดอัญเชิญ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ มาสถิตย์อยู่ เสมือนเป็นเจดีย์ทั่วไป ซึ่งในบางชุมชนที่ไม่มีกำลังจะสร้างวัด หรือเจดีย์ เพื่อเฉลิมฉลองวันปีใหม่ ก็จะใช้ก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นมา เพื่อเป็นการเคารพบูชาแทน พระพุทธเจ้า ไว้กราบไหว้ ในชุมชนนั้นๆ ซึ่งจะแตกต่างจากประเพณีของฝั่งไทยที่เป็นการขนทรายเข้าวัด เพื่อไปก่อสร้างเจดีย์เท่านั้น

และนี่คือมรดกอีกชิ้นหนึ่งที่ยังคงดำรงไว้ให้ลูกหลานแม้เวลาจะผ่านไปนับ 200 กว่าปีแล้วก็ตาม

เรื่อง: AYA IRRAWADEE

‘สเปซเอ็กซ์’ ส่งดาวเทียมสู่อวกาศพร้อม ‘เทมโป’ ตัวตรวจมลภาวะ เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศ - มลพิษทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ

(8 เม.ย. 66) เว็บไซต์ ยูพีไอ รายงานว่า ‘สเปซเอ็กซ์’ บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ที่ทำธุรกิจทางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการส่งดาวเทียมตรวจวัดคุณภาพอากาศขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซา) ขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จเมื่อวันที่ 7 เม.ย.

โดยระบุว่า ‘จรวดฟอลคอน 9’ ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศจากฐานยิงจรวดสเปซ ลอนช์ คอมเพล็กซ์ รัฐฟลอริดาของสหรัฐ เมื่อเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เพื่อนำดาวเทียมอินเทลแซท 40 อี (Intelsat 40e) ดาวเทียมโคจรพ้องคาบโลกขั้นสูง ซึ่งมีเครื่องมือ ‘เทมโป’ (TEMPO-Tropospheric Emissions: Monitoring of Pollution) ตัวตรวจวัดมลภาวะในชั้นบรรยากาศของนาซา ขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศเหนือเส้นศูนย์สูตรเพื่อตรวจสอบมลพิษในอากาศทั่วทวีปอเมริกาเหนือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top