Wednesday, 2 July 2025
WORLD

‘นครฉงชิ่ง’ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ลงนาม 70 โครงการใหญ่ ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ มูลค่าทะลุ 2 แสนล้านหยวน

เมื่อวันที่ (6 เม.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฉงชิ่ง รายงานว่า ทางการท้องถิ่นเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รายงานว่า ฉงชิ่งได้ลงนามโครงการขนาดใหญ่ 70 โครงการ มูลค่าการลงทุนตามสัญญารวมกว่า 2.08 แสนล้านหยวน (ราว 1.02 ล้านล้านบาท) ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปีนี้

พิธีลงนามร่วมถูกจัดขึ้นวันพฤหัสบดี (6 เม.ย.) ในเขตจิ่วหลงโพของฉงชิ่ง โดยการลงทุนใหม่เหล่านี้ จะครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักต่าง ๆ อาทิ ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เชิงอัจฉริยะและเชื่อมต่อกับเครือข่าย แผงวงจรรวม ชีวการแพทย์ ซอฟต์แวร์ และนวัตกรรมวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี

เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถในเมียนมา นัยป้องปรามการก่อความไม่สงบ

หลังจากเกิดรัฐประหารในเมียนมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ก็มีประกาศหนึ่งออกมาในเดือนกรกฎาคมปี 2564 คือ ประกาศให้เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องทำเรื่องจดแจ้งเพื่อเปลี่ยนทะเบียนรถจากแบบเดิมเป็นแบบใหม่ทั้งหมด โดยรถยนต์สาธารณะได้นำร่องให้เปลี่ยนก่อน ซึ่งเพิ่งจะสิ้นสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง

ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคล รวมถึงรถจักรยานยนต์จะต้องเปลี่ยนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ 

เรื่องนี้มีนัยสำคัญอะไร? มีแน่นอน!! แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น วันนี้ เอย่า จะพาไปดูวิวัฒนาการของป้ายทะเบียนในเมียนมากันก่อน...

ป้ายทะเบียนรถในยุคแรกๆ ช่วงปี 1937-1953 จะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวตามด้วยเลข 4 ตัว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแบบเป็นตัวอักษรเมียนมาทับแล้วตามด้วยเลขพม่า 4 ตัว ก่อนจะมาปรับอีกเล็กน้อยในช่วงปี 1988 เป็นขึ้นต้นด้วย เลขพม่าก่อน ตามด้วยตัวอักษรพม่า ทับและตามด้วยเลขพม่า 4 ตัว 

ในปี 2013 มีการปรับอีกครั้งให้เป็น ตัวเลขอารบิก ตามด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ขีดกลาง แล้วต่อด้วยเลขอารบิก 4 ตัว กำกับบนทะเบียนด้วย อักษรย่อแสดงถึงภูมิภาคที่รถคันดังกล่าวจดทะเบียน เช่น ย่างกุ้ง, บะโก, อิรวดี, ฉาน, มัณฑะเลย์ เป็นต้น

‘นักวิจัย’ เผยพฤติกรรม ‘แมงมุมใยกรวย’ เพศเมียแกล้งตาย ลวงแมงมุมตัวผู้ผสมพันธุ์ คลายกังวลถูกจับกินหลังเสร็จกิจ

เมื่อไม่นานมานี้ งานวิจัยล่าสุดจากออสเตรเลียไขปริศนาพฤติกรรมแปลกประหลาดของแมงมุมใยกรวย (funnel weaving spider) เพศเมียที่แกล้งตายระหว่างการจับคู่ผสมพันธุ์ โดยพบว่าเป็นกลวิธีดึงดูดเพศผู้ให้มาจับคู่ผสมพันธุ์โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับกินเป็นอาหารหลังเสร็จกิจ

งานวิจัยชิ้นนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Zoology ระบุว่า การแกล้งตายดังกล่าวช่วยให้แมงมุมเพศผู้คลายความวิตกกังวล และทำให้เพศเมียสามารถเลือกคู่ผสมพันธุ์ที่ดีที่สุดได้

แมงมุมใยกรวยเป็นตระกูลหนึ่งของแมงมุมที่ทอเส้นใยดักเหยื่อเป็นรูปทรงกรวย และมีพฤติกรรมที่เพศเมียมักจับเพศผู้กินเป็นอาหารในช่วงก่อน ระหว่าง หรือหลังจากกิจกรรมการผสมพันธุ์ ที่เรียกว่า sexual cannibalism ซึ่งนี่ทำให้แมงมุมตัวผู้ไม่ค่อยกล้าเสี่ยงชีวิตจับคู่ผสมพันธุ์กับตัวเมีย

ด้วยเหตุนี้ แมงมุมใยกรวยบางชนิดพันธุ์จึงพัฒนาพฤติกรรมแกล้งตายที่เรียกว่า sexual catalepsy โดยการงอขาและอยู่นิ่งไม่ไหวติงราวกับตายไปแล้ว เพื่อให้แมงมุมตัวผู้เข้าจับคู่ผสมพันธุ์โดยไม่ต้องกลัวว่าจะตกเป็นอาหารอันโอชะของเพศเมียหลังเสร็จกิจ

นักวิทยาศาสตร์ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรม sexual catalepsy มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่านี่คือพฤติกรรมที่แมงมุมเพศเมียยอมแกล้งตายเองเพื่อดึงดูดเพศผู้มาผสมพันธุ์ด้วย หรือเป็นการควบคุมของเพศผู้ผ่านการกระตุ้นทางพฤติกรรม หรือการส่งสัญญาณทางเคมีบางอย่าง


ที่มา : https://www.bbc.com/thai/articles/ckv3y804g19o
 

จับโป๊ะ!! สื่อ ปชต.ในเมียนมา อ้างพบผู้หลบภัยไปยังวัดพม่าในไทย แต่สุดท้ายเป็นลูกหลานชาวเมียนมาดั้งเดิมที่อาศัยในเชียงใหม่

สื่อเมียนมาที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตยอย่างสำนักข่าว Irrawaddy news ได้ลงบทความว่า “ชาวเมียนมาหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเฉลิมฉลอง Thingyan” โดยยกภาพการเฉลิมฉลองเทศกาล Thingyan แบบพม่าของ 'วัดทรายมูลพม่า' ใน จ. เชียงใหม่ เมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นภาพก่อนเกิดรัฐประหารตั้งหลายปีมาตีแผ่

แต่ประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ งานเฉลิมฉลองของ 'วัดทรายมูลพม่า' มีมาก่อนที่จะมีก่อนรัฐประหาร และเจ้าภาพก็คือ ลูกหลานชาวเมียนมา รวมถึงชาวเมียนมาและไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้หลบหนีแต่อย่างใด 

ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติ หากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้อง!!

ช็อก!! ‘บ๊อบ ลี’ ผู้ก่อตั้งแอปฯ โอนเงิน Cash App ถูกแทงดับที่ซานฟรานซิสโก - ตร.เร่งสอบหาคนร้าย

‘บ็อบ ลี’ วัย 43 ปี ผู้ก่อตั้ง บริษัท Cash App ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันโอนเงินออนไลน์ ถูกแทง 2 แผลที่หน้าอก เสียชีวิตที่ซานฟรานซิสโก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งสืบสวนสอบสวนหาคนร้าย

ตำรวจ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ระบุว่า พบว่า บ็อบ ลี มีบาดแผลถูกแทง ให้ความช่วยเหลือในจุดเกิดเหตุและนำส่งโรงพยาบาล San Francisco General Hospital แต่สุดท้ายเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดบนถนนในซานฟรานซิสโก เมื่อวันอังคาร (4 เม.ย.66) เวลา 02.35 ตามเวลาท้องถิ่น  

ครอบครัวของบ็อบ ลี นำโดย ลิค ลี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ยืนยันว่า ลูกชายเสียชีวิตแล้ว เป็นการสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุด พร้อมทั้งขอบคุณคนที่ให้ความช่วยเหลือ  

ด้าน ทิม โอลิเวอร์ ลี น้องชาย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเช่นกันว่า พี่ชายเป็นคนที่ดีที่สุด โชคดีมากที่ได้เกิดและเติบโตมากับพี่ชาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เหมือนว่า ได้สูญเสียส่วนหนึ่งในชีวิตของตัวเองไป

ขณะที่มีอีกหลายคนโพสต์แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น Bill Barhydt ซีอีโอของ Abra บริษัท cryptocurrency กล่าวบน Twitter ว่า บ็อบ ลี เป็นคนใจดีที่ไม่สมควรถูกฆ่า

อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และเจ้าของทวิตเตอร์  ร่วมแสดงความเสียใจด้วย ระบุว่า เหตุอาชญากรรมความรุนแรงในซานฟรานซิสโกนั้นน่ากลัวมาก และเมื่อคนร้ายถูกจับกุม พวกเขาก็มักได้รับการปล่อยตัวทันที

รอน คอนเวย์ นักลงทุนร่วมทุนชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน SV Angel ในซานฟรานซิสโก ทวีตข้อความขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ บ็อบ ลี  และได้นึกถึงช่วงเวลาที่บ็อบ ลี พูดสร้างแรงบันดาลใจในงาน CEO Summit ในตอนนี้ เราได้สูญเสียนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ ภาวนาขอให้จับผู้ต้องสงสัยได้โดยเร็ว

ชุดนักเรียนไทย เสน่ห์ดึงดูดเมียนมา 'อยากใส่-อยากเรียน' ผลลัพธ์แห่ง Soft Power ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หมู่คนจีน

เราอาจจะเคยเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่แต่งตัวชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา ตอนมาเที่ยวไทย จนกลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยกันไปบ้างแล้ว

แต่ เอย่า ขอบอกเลยว่า ชุดนักเรียน-ชุดนักศึกษาไทย ไม่ได้บูมแค่ในหมู่คนจีนเท่านั้น หากแต่ยังเป็น Soft Power ที่ดังไกลมาถึงเมียนมาด้วยเช่นกัน

เอย่าขอยกเรื่องราว เช่นในปี พ.ศ. 2562 หลายปีก่อนที่ Soft Power ชุดนักเรียนจะเป็นที่รู้จักนั้น Han Lay ดารา และนางแบบสาวในเมียนมาก็เคยสวมชุดนักศึกษาไทยถ่ายแบบมาแล้ว  

หรือแม้เมื่อช่วงตุลาคมปีที่แล้ว (2565) May Thada Kyaw Phyu นางแบบวัยรุ่นที่ใครๆ รู้จักเธอในชื่อ Hillary Soe ก็สวมชุดนักเรียนไทยถ่ายแบบลงไอจีส่วนตัวของเธอ สร้างความฮือฮาให้แฟนคลับชาวไทยที่ติดตามเธออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่นอกจากเรื่องการสวมชุดเป็น Soft Power แล้ว ในทุกวันนี้สถาบันการศึกษาในไทยหลายแห่งเริ่มมีนักศึกษามาจากเมียนมาเข้ามาศึกษามากขึ้น ซึ่งต่างจากในอดีตที่นักศึกษาจากเมียนมาจะมาเรียนที่เอแบคหรือสถาบัน เอ ไอ ที หรือแม่ฟ้าหลวงเท่านั้น

นักชก 'สปป.ลาว' โร่แฉ ‘กัมพูชา’ โกงโบกาตอร์ ชิงแชมป์อาเซียน พร้อมโพสต์ระบาย!! “แพ้แบบไม่น่าเชื่อ ได้แต้มแต่ไม่ชนะ”

หลังจากที่มีข่าวว่า กัมพูชา ได้ จัดการแข่งขันกีฬา โบกาตอร์ ชิงแชมป์อาเซียน ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นการทดสอบ และเตรียมความพร้อมก่อนที่จะจัดการแข่งขันในศึกซีเกมส์ 2023 ในครั้งนี้ 

โดยชิงชัยทั้งหมด 21 เหรียญทอง และมีชาติที่เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 4 ประเทศ คือ กัมพูชา,  สปป.ลาว, เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์

กัมพูชา กวาดเหรียญไปเกินครึ่งโดยมีผลงาน 11 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดงขณะที่อันดับ 2 ลาว คว้าไปได้ 5 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง ตามด้วยอันดับ 3 เวียดนาม คว้าได้ 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง และอันดับ 4 ฟิลิปปินส์ คว้าได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง

'จัสติน ซุน' ศิษย์ 'แจ็ก หม่า' ผู้มั่นใจในอนาคตเงินคริปโต ถูก ก.ล.ต สหรัฐฯ แจ้งจับคดีฉ้อโกงปั่นเหรียญ Tron

'จัสติน ซุน' หรือ 'ซุน หยู่เฉิน' เป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ศรัทธาในมูลค่าของทรัพย์สินดิจิทัล และสามารถบริหารแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตของตัวเองที่ชื่อ Bittorent Inc. ได้ในวัยยังไม่ถึง 30 ปี และยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเงินคริปโตที่ชื่อว่า Tron (TRX) ในปี 2018 ทำให้เขายืนอยู่ในจุดที่นักธุรกิจ รุ่นใหม่อยากจะไปให้ถึง

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ จัสติน ซุน ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติว่า เขามี แจ็ก หม่า เป็นไอดอล และพี่เลี้ยงในการสร้างธุรกิจจากศูนย์สู่หมื่นล้าน โดยแต่แรกเริ่ม จัสติน ซุน เองไม่ได้มีพื้นฐานในด้านธุรกิจ หรือ เทคโนโลยีใด ๆ มาก่อน เขาจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในสาขาประวัติศาสตร์ และ ไปต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในด้านเอเชียศึกษา ซึ่งเขาเริ่มรู้จัก และสนใจในการทำธุรกิจคริปโตระหว่างที่ศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกานี่เอง

พอจบกลับมา เขาตัดสินใจไปเข้าคอร์สด้านการทำธุรกิจที่สถาบันศึกษาศาสตร์แห่งการเป็นผู้ประกอบการ ของแจ็คหม่า ที่มณฑลเจ้อเจียง และเรียนรู้ที่จะลงทุนในธุรกิจเงินดิจิทัลที่นั่น

แม้ จัสติน ซุน จะชื่นชมในตัวแจ็ก หม่า อย่างมากและเขาเรียนรู้วิธีสร้างอาณาจักรธุรกิจจากสถาบันอบรมของแจ็ก หม่า หลายอย่าง ทั้งการสร้างมูลค่าให้กับองค์กร ที่ส่งผลให้หุ้นมีราคาจนสามารถขยายบริษัทจากหนึ่ง เป็นเครือข่ายที่มีพนักงานหลายพันได้ในเวลาไม่นาน อาทิ โมเดลการสร้าง Alibaba ของเขา แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขา และ แจ็ก หม่า มีมุมมองต่างกัน 

โดยคนรุ่น แจ็ก หม่า เคยเชื่อว่าธุรกิจที่มีโอกาสทำเงินได้มหาศาลคือ กลุ่ม E-Commerce, ด้านการเงิน และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมุมมองของนักธุรกิจรุ่นเก่า ที่ตอนนี้มันอิ่มตัวไปแล้ว 

ส่วนในความคิดของจัสติน ซุน เขาเชื่อว่าเงินสกุลคริปโต และ เทคโนโลยี AI จะขับเคลื่อนโลกทั้งใบ และโอกาสในการสร้างธุรกิจของคนรุ่นใหม่ๆ อย่างพวกเขาจะอยู่ที่นั่น ยิ่งเมื่อได้เห็นนโยบายของรัฐบาลจีนที่เข้ามาควบคุมบริษัท Fin Tech เพราะหวั่นเกรงที่จะสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบการเงินของภาครัฐ อีกทั้ง บริษัท Ant Group ของ แจ็ก หม่า ถูกระงับการเข้าตลาดหลักทรัพย์จีนด้วยแล้ว จัสติน ซุน จึงตัดสินใจย้ายประเทศ ทิ้งสัญชาติจีนไปถือพาสปอร์ตเกรนาดา แล้วไปตั้งบริษัทพัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเองในสิงคโปร์ ด้วยความเชื่อมั่นในการเติบโตของกระแสเงินคริปโต และการถือพาสปอร์ตต่างชาติช่วยเรื่องการเดินทางที่คล่องตัวกว่าในฐานะพลเมืองโลก 

‘ซีอาร์อาร์ซีฯ’ มุ่งพัฒนา ‘รถไฟแมกเลฟ’ ที่มีความเร็ว 600 กม./ชม.  ล่าสุดมีการ ‘ทดสอบระบบลอยตัวฯ’ เป็นครั้งแรกแล้ว

(5 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จำกัด ในมณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน รายงานการทดสอบระบบลอยตัวด้วยพลังงานไฟฟ้าสภาพนำยวดยิ่งอุณหภูมิสูงครั้งแรกของรถไฟแมกเลฟที่จีนพัฒนาเอง ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงถึง 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบข้างต้นประกอบด้วยระบบย่อยของรถไฟ ราง แหล่งจ่ายไฟฟ้าขับเคลื่อน และการสื่อสารปฏิบัติการ สามารถประยุกต์ใช้กับท่อสุญญากาศระดับต่ำ ความเร็วสูง และความเร็วสูงพิเศษ โดยระบบนี้อาจเป็นตัวเลือกสำคัญของการขนส่งอันรวดเร็วระหว่างเมืองใหญ่และเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้วในอนาคต

มองกระแส ‘ราคาทองคำ’ ทะยานเฉียด 2,050 $/Oz  หรือสงครามการเงินโลกจะอยู่ใต้กำมือคอมมิวนิสต์

(5 เม.ย.66) World Maker เผยว่า ยังไงต่อดีสำหรับตลาดทองคำโลก !!! หรือว่าระบบการเงินกำลังจะกลับไปสู่มาตรฐานทองคำตามความต้องการของฝ่ายคอมมิวนิสต์กันแน่ ?? หลังจากล่าสุด Gold Futures พุ่งทะยานเฉียด 2,050 $/Oz เข้าไปแล้ว ! หรือพูดง่าย ๆ ว่าใกล้ระดับ All Time High เข้าไปทุกที !

ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลาง “สงครามการเงินโลก” ที่กำลังเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีจีน-รัสเซียเป็นแกนนำหลักในการถล่มค่าเงินดอลลาร์ ทั้งในทางตลาดเงินและปฏิบัติการทางข่าวสาร ! โดยเราคงได้เห็นข่าวมากมายแล้วว่าตอนนี้จีน-รัสเซียกำลังดันหยวนขึ้นเป็นสกุลเงินสำรองใหม่ของโลก เพื่อทุบอำนาจของเงินดอลลาร์และมีแนวโน้มที่จะใช้ทองคำเป็น 1 ในสินทรัพย์สำคัญที่จะมาหนุนค่าเงินของประเทศต่าง ๆ

แม้แต่ทางด้าน Citigroup เองออกมากล่าวว่าราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นสูงถึง 2,300 $/Oz ในระยะสั้น ! โดยมีปัจจัยหนุนหลายอย่างตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น รวมถึงคาดการณ์ของตลาดที่ว่า FED จะลดดอกเบี้ยหรือใกล้ถึงจุด Peak ของการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

โดยในกรณีที่ FED หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ย จะสามารถอธิบายตามหลักเศรษฐศาสตร์ว่าเป็นเหตุผลที่มาหนุนทองคำได้ ! เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้จ่ายปันผลหรือดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นจึงทำให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจน้อยลง แต่เมื่อดอกเบี้ยเริ่มถึงจุด Peak หรือกำลังจะลดลง ทองคำจึงมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง Recession และความเสี่ยงเชิงระบบต่าง ๆ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้วทำให้นักลงทุนแห่เข้าหาทองคำที่ถูกมองเป็น 1 ใน Safe Haven ของโลกมากขึ้น

📌 ทั้งหมดนี้ทำให้หลายคนกำลังมองว่าราคาทองคำจะพุ่งทะยานขึ้นอีก โดย Saxo Bank เป็น 1 ในสถาบันการเงินที่ออกมาทำนายว่าราคาทองคำจะพุ่งทะยานไปได้ถึง 3,000 $/Oz ภายในปี 2023 นี้ !!! หรือพูดง่าย ๆ ว่าพุ่งขึ้นอีกประมาณ 1,000 $/Oz จากระดับปัจจุบันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในกรณีที่ระบบการเงินของสหรัฐฯ พังลงจากการทุบทำลายของจีน-รัสเซีย

นอกจากนี้ Saxo Bank ยังทำลายอีกว่าเงินเยนจะไปถึง 200 ต่อ 1 ดอลลาร์เนื่องจากระบบการเงินของญี่ปุ่นจะมีปัญหา รวมถึงการเกิดวิกฤตทางการเมืองในยุโรป และเมื่อระบบการเงินของประเทศใหญ่ ๆ เผชิญวิกฤต ราคาทองคำก็มักจะพุ่งทะยานเสมอ

และท่ามกลางความพยายามที่จะทุบค่าเงินดอลลาร์นี้ Saxo Bank กล่าวอีกว่า OPEC+, จีน และอินเดีย มีแนวโน้มจะถอนตัวออกจาก IMF และร่วมมือกันสร้างกองทุนใหม่ที่จะไม่ใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน การเริ่มกลับมาเปิดประเทศใหม่ของจีนจะดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกให้สูงขึ้นเนื่องจาก Demand เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะเมื่อ FED ไปถึงจุด Peak ของการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT จะยิ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นตลาดดีขึ้นและ Demand ทางเศรษฐกิจพุ่งสูงขึ้น ซึ่งถูกมองเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ

⚠️ นั่นทำให้ Saxo Bank มองว่าราคาทองคำมีลุ้นจะไปที่ 3,000 $/Oz ซึ่งหากจะสรุปเป็นข้อ ๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ จะได้ปัจจัยที่หนุนทองคำดังนี้

1. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความต้องการทุบค่าเงินดอลลาร์ของจีน-รัสเซีย

2. การพิมพ์เงินของธนาคารกลางจำนวนมากในก่อนหน้านี้ รวมถึงสงครามการดันเงินเฟ้อให้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งนำโดยรัสเซีย จีน และกลุ่ม OPEC+ ที่ล่าสุดออกมาลดการผลิตน้ำมันเพื่อดันราคาขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ถูกมองว่าใกล้ถึงจุด Peak

3. Demand ทางเศรษฐกิจและความต้องการทองคำจริงในช่วงเวลาที่สถานการณ์โลกมีความเสี่ยง

4. ความเชื่อมั่นดั้งเดิมในทองคำ ซึ่งตลอด 5,000 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ตัวเองว่ารักษามูลค่าเทียบกับทุกสกุลเงินบนโลกได้ดี

📌 นอกจากนี้ ล่าสุดทาง Jamie Dimon ซึ่งเป็น CEO ของ JPMorgan ยังออกมากล่าวอีกว่า “วิกฤตธนาคารยังไม่จบ” แม้ว่าจะไม่เหมือนกับในปี 2008 แต่ก็มีแนวโน้มที่จะมีการระเบิดเป็นโดมิโน่ในบางส่วนของเศรษฐกิจ ซึ่งผลกระทบอาจคงอยู่ต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า

เขาแนะว่าในอนาคตธนาคารต่าง ๆ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับ Big Bank ซึ่งจำเป็นต้องยกเลิกกฏระเบียบที่ผ่อนคลายลงในยุคของทรัมป์ ซึ่งเป็น 1 ในต้นเหตุให้ธนาคารต่าง ๆ ใช้เงินอย่างประมาทและเกิด Bank Run ขึ้น

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ติว่ากฏระเบียบของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารต่าง ๆ นิยมสะสมพันธบัตรในช่วงดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการขาดทุนค้างพอร์ตจำนวนมากถึง -21.5 ล้านล้านบาทหรือ -6.2 แสนล้านดอลลาร์

กฎหมายที่ดินในเมียนมา ปมลับล้มดีลโรงแรมเซโดนา แรงปรารถนาของนักลงทุน ที่จนมุมกับค่าเช่ามหาโหด

เมื่อต้นเดือนก่อน (มีนาคม 66) มีข่าวหนึ่งที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก เกี่ยวกับการขายกิจการของโรงแรมเซโดนา โรงแรม 5 ดาวใจกลางเมืองย่างกุ้ง ติดกับทะเลสาปอินยา ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยมาย่างกุ้งต้องเคยมาพักที่นี่

แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องดังกล่าว เอย่า ขอย้อนความ...ด้วยภาวะการระบาดของโควิด 19 ที่สั่นคลอนธุรกิจโรงแรมทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่เมียนมา ทำให้หลายโรงแรมเลือกที่จะยอมปรับตนเองเป็นโรงแรมกักตัวสำหรับชาวต่างชาติในช่วงที่มีการควบคุมของโควิด19

ทว่า 1 ในนั้นไม่ใช่ โรงแรมเซโดนา เพราะด้วยความที่โรงแรมเซโดนามีผู้เข้าพักแบบ Long stay มากเป็นอันดับต้นๆ ในเวลานั้น ทำให้ตัวโรงแรมพอมีรายได้อยู่บ้างแม้ไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะไม่ต้องรับเป็นโรงแรมกักตัว เพราะในช่วงเวลานั้นๆ หลายคนก็ไม่มีใครอยากนอนในโรงแรมที่เป็นโรงแรมกักตัวด้วยเหตุที่ระบบแอร์เป็นระบบแอร์รวม ทำให้หลายคนกังวลว่าจะติดเชื้อผ่านทางระบบปรับอากาศได้

แต่แล้วเมื่อต้นเดือนมีนาคม บริษัท Keppel Corp.​ ได้มาให้ข่าวว่าบริษัทแห่งนี้ได้บรรลุข้อตกลงในการขายกิจการโรงแรมพร้อมสิ่งปลูกสร้าางทั้งหมดของโรงแรมเซโดนา ย่างกุ้งให้กับกลุ่มบริษัท Spring Blossom Venture ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการบริการในสิงคโปร์ โดยตามแผนในข่าวระบุว่าดีลจะสิ้นสุดสำเร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2023 นี้ 

อย่างไรก็ตาม ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็มีข่าวเปรี้ยงออกมาให้คนตกใจว่าดีลนี้อาจจะไม่ได้จบง่ายๆเสียแล้ว เพราะติดปัญหาเรื่องความไม่ลงตัวกับเจ้าของที่ดินที่โรงแรมเซโดนาปลูกสร้างอยู่ กลายเป็นว่าดีลนี้จะสำเร็จไม่ได้หากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของที่นั่นเอง

Amber Alert ระบบเตือนภัยเมื่อลูกหายตัวในสังคมมะกัน แรงขับเคลื่อนจากโศกนาฏกรรม 'เด็กหญิงแอมเบอร์'

การใช้ชีวิตในอเมริกาทำให้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้ระบบสังคมที่แตกต่างไปจากเมืองไทย 

ทุกสังคมมีทั้งแง่บวกแง่ลบ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องให้เครดิตสังคมอเมริกาคือ ระบบการเตือนภัยพิบัติ 

เมื่อมีเค้าลางว่าเหตุภัยพิบัติ เช่น ทอร์นาโด จะมีการตัดเข้าสู่สัญญาณเตือนภัยทันทีในทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุทุกระบบ ทั้งสถานีวิทยุทั่วไป วิทยุผ่านดาวเทียม หรือวิทยุทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงโทรทัศน์ทุกระบบ ทั้งเคเบิลทีวีและสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ 

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาสัญญาณเตือนภัยพิบัติที่ว่ามา ก็มีสัญญาณเตือนภัยอย่างหนึ่งที่อยากให้ประเทศไทยนำไปใช้บ้าง เพราะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในเรื่องการช่วยเหลือเด็กให้รอดจากการถูกลักพาตัว นั่นคือสัญญาณเตือนภัยที่เรียกว่า 'Amber Alert'

เมื่อเกิดการลักพาตัวเด็กขึ้น ทางตำรวจและหน่วยงานหลายหน่วย จะประสานงานกันแล้วแจ้งเตือนด้วยการแทคข้อความและส่งสัญญาณเสียง ไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง ในบริเวณที่คาดว่าคนร้ายกำลังมุ่งหน้าไป โดยจะแจ้งให้ทราบถึงรูปพรรณสันฐานใบหน้าของเด็กที่หายไป และลักษณะรถยนต์ที่ใช้ในการลักพาตัวเด็ก 

AMBER Alert หรือ a Child Abduction Emergency เป็นสัญญาณเตือนภัย เมื่อมีเด็กถูกลักพาตัวไป มีการนำระบบนี้มาใช้ทั่วประเทศในปี ค.ศ 1996 หรือเมื่อ 27 ปีที่แล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคดีของเด็กหญิงตัวน้อยวัยเก้าขวบชี่อ 'แอมเบอร์ ฮาเกอร์แมน' ที่ถูกลักพาตัวไปฆ่าในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส

ย้อนหลังไป 27  ปี เมื่อวันที่ 13 มกราคม ปี ค.ศ.1996   เด็กหญิงแอมเบอร์ขี่จักรยานเล่นกับน้องชายอย่างสนุกสนานในลานจอดรถร้างละแวกบ้านตายายของเธอเอง แต่พอตกเย็น ริกกี้ น้องชายวัย 7 ขวบของแอมเบอร์ขี่จักรยานกลับมาเพียงลำพัง

ข่าวนี้โด่งดังไปทั่วประเทศ อเมริกันทั้งประเทศสวดมนต์และเอาใจช่วยครอบครัวของแอมเบอร์กันอย่างชนิดที่เรียกว่า 'จดจ่อ' กันเลยทีเดียว เพราะถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญมากในเวลานั้น  

ไม่กี่วันต่อมา พบร่างไร้วิญญาณของหนูน้อยแอมเบอร์ในลำธารข้างทาง ไม่ห่างจากบ้านตายายของเธอเองเท่าใดนัก 

มีการส่งศพของแอมเบอร์ไปพิสูจน์หลักฐานพบว่า เมื่อตอนคนร้ายจับตัวหนูน้อยไป เธอยังมีชีวิตอยู่และถูกล่วงละเมิดทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายจะต้องอาศัยอยู่ในละแวกนั้นด้วยเช่นกัน เพราะคนร้ายไม่ได้ทำอันตรายแอมเบอร์ในทันที แต่ลงมือสังหารหลังจากผ่านไปสองวัน 

ที่น่าเศร้าที่สุดคือจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังจับกุมคนร้ายที่ฆ่าเด็กน้อยผู้น่าสงสารไม่ได้ คดีนี้จึงค้างคามาจนปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในคดีที่เรียกว่า Cold Case

ข่าวแสนเศร้าของเด็กหญิงแอมเบอร์ สั่นสะเทือนหัวใจทั่วอเมริกา ทุกคนต่างคิดว่าแอมเบอร์อาจจะไม่เสียชีวิต ถ้าผู้ที่อยู่รอบข้างสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีภายในเวลา 8 นาทีแรก หลังจากที่แม่หนูน้อยขี่จักรยานออกจากบ้าน หรือจนกระทั่ง 8 นาทีแรกหลังจากตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่ามีเด็กถูกอุ้มขึ้นรถไปในลักษณะลักพาตัว

‘รัสเซีย’ เผย ยินดีส่งเด็กยูเครนกลับประเทศ  หากครอบครัวพวกเขาร้องขอ แนะ ให้ผู้ปกครองเขียนอีเมลส่งมา

(5 เม.ย.66) กล่าวว่า มาเรีย โลววา-เบโลวา กรรมาธิการสิทธิเด็กประจำสำนักงานประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศพร้อมส่งเด็กยูเครนกลับประเทศ หากครอบครัวของพวกเขาร้องขอ

โลววา-เบโลวา เป็นผู้ดูแลเด็กยูเครนที่ถูกส่งตัวจากประเทศมาอยู่ใต้การปกครองของประเทศรัสเซีย และเธอเป็นหนึ่งในผู้ถูกหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในข้อหาลักพาตัวเด็กยูเครนไปยังประเทศรัสเซียอย่างผิดกฏหมาย

ยูเครนกล่าวหารัสเซีย ว่า ขโมยเด็กกว่า 16,000 คนออกจากประเทศ นับตั้งแต่เริ่มบุกรุกเมื่อปีที่แล้ว แต่ฝั่งรัสเซียกล่าวว่าเป็นการช่วยชีวิตเด็ก ๆ จากเขตสู้รบ และมีขั้นตอนรองรับเพื่อรอเวลาให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง

ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร มาเรีย โลววา-เบโลวากล่าวว่า เธอไม่เคยได้รับการติดต่อจากตัวแทนของทางการยูเครนเกี่ยวกับเด็กที่ถูกเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศตั้งแต่เริ่มการสู้รบ และเธอยินดีให้ผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นสามารถเขียนอีเมลถึงเธอเพื่อตามหาลูกหลานของพวกเขาได้

"เขียนถึงฉัน...เพื่อตามหาลูกของคุณ" โลววา-เบโลวากล่าว แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อเด็กยูเครนทั้งหมดที่ถูกนำตัวมายังรัสเซีย

ตามรายงานล่าสุดที่เผยแพร่โดยสำนักงานของเธอ ระบุว่า เด็ก 16 คนจาก 9 ครอบครัวได้กลับไปอยู่ร่วมกับญาติชาวยูเครนตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมแล้ว

รายงานยังระบุอีกว่าเด็กกำพร้าชาวยูเครน 380 คนถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในรัสเซีย รวมถึงผู้เยาว์ 22 คนที่ถูกทิ้งในเมืองมารีอูโปล เมืองท่าที่ถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากอง ก่อนที่กองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมื่อปีที่แล้ว

‘Apple’ จ่อปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ เล็งลดตำแหน่งงานบางส่วนออกเป็นครั้งแรก 

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 บลูมเบิร์ก รายงานว่า Apple Inc. (AAPL) กำลังปรับโครงสร้างภายในทีมค้าปลีกของบริษัท ซึ่งถือเป็นการลดตำแหน่งงานภายในบริษัทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการรัดเข็มขัดเมื่อปีที่แล้ว

ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว Apple มีพนักงาน 164,000 คน และตรึงอัตรากำลังไว้ต่อเนื่อง ต่างจากบิ๊กเทคอื่นที่ขยายกำลังพนักงานเร็วในช่วงโควิด เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนถึงปลายปีที่แล้ว ทำให้ความจำเป็นในการเลิกจ้างพนักงาน เช่น Amazon.com Inc. (AMZN) และ Google ของ Alphabet Inc. (GOOGL) ได้ปลดพนักงานหลายหมื่นคน

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา Apple จะรัดเข็มขัด ลดงบประมาณและตัดทอนพนักงานรับเหมาจำนวนมาก รวมถึงวิศวกรสัญญาจ้าง นายหน้า และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และให้พนักงานเหล่านั้นกลับมาสมัครงานใหม่ในตำแหน่งที่คล้ายกัน ซึ่งอาจจะได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าเดิม

'รบ.เมียนมา' ดัน 'เทศกาลตะจ่าน' ขึ้นเป็นมรดกโลก เรื่องดีๆ ที่ถูกฝ่ายประชาธิปไตยดิสเครดิตแบบไร้สติ

'ตะจ่าน' หรือ 'ติงจ่าน' ถือเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวเมียนมา โดยตรงกับช่วงวันสงกรานต์ของไทย 

ดังนั้นสำหรับช่วงเวลานี้รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดยาว 10 วัน เพื่อให้ผู้คนได้เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตน ซึ่งบางคนต้องใช้เวลาเดินทางถึง 2 วันเต็มๆ ในการเดินทาง
ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทศกาลนี้ คือ ล่าสุดทางกระทรวงกิจการวัฒนธรรมและศาสนาของเมียนมากำลังจัด

ทำเอกสาร เพื่อยื่นขอจดทะเบียน 'เทศกาลตะจ่าน' เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมียนมาในระยะยาว  

แต่สุดท้ายก็ไม่วายที่จะถูกสำนักข่าวฝั่งตรงข้ามใส่สีตีข่าวเพื่อดิสเครดิต!!

หากมองกันตามตรงโดยไม่เอาอคติเรื่องเผด็จการหรือประชาธิปไตยมาตั้ง ถามว่าการกระทำครั้งนี้ของรัฐบาล ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและมองการณ์ไกล ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ทางรัฐบาลได้ประกาศขอความร่วมมือในการงดดื่มสุราของมึนเมาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเทศกาลนี้ ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการบาดเจ็บและสูญเสียจากการดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน

ทว่าในข่าวฝั่งประชาธิปไตยพยายามตีแผ่ว่า ในเทศกาลตะจ่านที่ผ่านมา มีคนเล่นน้ำน้อย เพราะไม่มีใครอยากเล่นน้ำในรัฐบาลเผด็จการ ซึ่งความจริงนั้นตรงกันข้าม...

ทางเพจ Look Myanmar เคยนำเสนอเรื่องราวในช่วงเทศกาลตะจ่านปีก่อนไว้ว่า การที่คนไม่เล่นน้ำตามบูธที่รัฐบาลจัด เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเองมากกว่า เนื่องจากในช่วงเวลานั้นในเมืองใหญ่อย่าง ย่างกุ้งหรือมัณฑะเลย์ ก็ยังมีเรื่องระเบิดให้เห็นอยู่ประปราย 

ดังนั้นคนจึงเลือกเดินทางออกไปยังต่างจังหวัด เช่น ทะเล หรือ น้ำตก เพื่อพักผ่อนในช่วงเวลาดังกล่าว และปีนี้ก็เช่นกัน มีการรายงานว่าที่พักที่ชายหาดชองตาและชายหาดงุยเซาในรัฐอิรวดีได้เต็มหมดแล้ว เช่นเดียวกับที่ชายหาดงาปาลีก็เต็มแล้วเช่นกัน  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top