Saturday, 11 May 2024
SPECIAL

รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว มีรัฐบาลโดยกระทรวงการเงินถือหุ้น 100% มาตลอด จะมีการเปิดประมูลซื้อ-ขายหุ้นออกมา 49% ภายในกุมภาพันธ์นี้ นับเป็นการแปรรูปกิจการของภาครัฐ ของสปป.ลาว

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

12 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่แค่เป็นวันตรุษจีน ของชาวเชื้อสายจีนเท่่านั้น แต่ยังเป็นวันสำคัญของ นักลงทุนใน สปป.ลาวด้วย เพราะต้องจับตาว่านักลงทุนเจ้าไหนบ้าง!!!จะยื่นซอง ประมูลซื้อ-ขายหุ้น 49% ของรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว

กำหนดยื่นซองประมูลและเปิดซอง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคาร 2 กรมคุ้มครองวิสาหกิจรัฐลงทุนและการประกันภัย กระทรวงการเงิน บ้านโพนไซ เมืองไซเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์

รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว เคยเป็นส่วนหนึ่งของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม ซึ่งเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2518 โดยตั้งเป็นกระทรวงไปรษณีย์โทรคมนาคม และเปลี่ยนเป็นกระทรวงขนส่งไปรษณีย์ในปี 2525

ปี 2529 ลาวได้มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐ โดยยุบกระทรวงขนส่งไปรษณีย์ กระทรวงก่อสร้าง และกระทรวงคมนาคม รวมเป็นกระทรวงเดียว คือ กระทรวงคมนาคม ขนส่ง ไปรษณีย์ และก่อสร้าง

ปี 2530 มีการปรับโครงสร้างอีกครั้ง โดยจัดตั้งเป็นกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง แยกกิจการไปรษณีย์ออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทไปรษณีย์โทรคมนาคม

ปี 2538 ได้แยกกิจการไปรษณีย์และกิจการโทรคมนาคมออกจากกัน โดยกิจการโทรคมนาคมได้ร่วมทุนกับบริษัทชินวัตร อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจผสมลาวโทรคม ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัทลาวโทรคมนาคม เจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ Lao GSM

ส่วนกิจการไปรษณีย์ได้ตั้งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว มีรัฐบาลโดยกระทรวงการเงินถือหุ้น 100% มาตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่จะมีการเปิดประมูลขายหุ้นออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ นับเป็นการแปรรูปกิจการของภาครัฐ ของสปป.ลาว

ภารกิจในปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาวให้บริการรับส่งจดหมาย พัสดุภัณฑ์ ธนาณัติ และรับชำระค่าบริการสาธารณูปโภค.

จึงน่าสนใจไม่น้อยว่าการแปรรูปครั้งนี้ จะเกิดผลทำให้เศรษฐกิจและกิจการไปรษณีย์ของลาวคล่องตัวมากน้อยแค่ไหน เพราะแม้จะเปิดประมูลแค่ 49 % แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และกิจการไปรษณีย์ซึ่งอยู่ในประเภทขนส่ง การแข่งขันในตลาดเสรีนั้นมีความตื่นตัวมาก การปรับตัวครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญของภาคธุรกิจของสปป.ลาว เช่นกัน


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

‘บรูไน’ ค่าครองชีพแพงแซงหน้า ‘ไทย’ ในอาเซียนเป็นรองแค่ ‘สิงคโปร์’ ที่ยังยืนหนึ่ง

คอลัมน์ เสียงจากเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ บรูไน

ถ้าหากพูดถึงความหรูหรา ฟู่ฟ่า และประเทศแห่งเจ้าชายหนุ่มหล่อหลายพระองค์ ในอาเซียน คงหนีไม่พ้นประเทศบรูไน หรือที่ชื่อทางการว่า เนอการาบรูไนดารุซซาลาม ประเทศที่เดินไปไหนก็กระทบไหล่กับเจ้าชายได้ง่ายๆ เพราะยังใช้ระบอบการปกครองแบบสมบูรณายาสิทธิราชย์

และด้วยความหรูหรา จากภาพในโลก Social Media ของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชาย และข้อเท็จจริงทางด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุดประเทศบรูไน  ได้รับการจัดอันดับจากเว็บไซท์ Numbeo ว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพโดยเฉลี่ยแพงเป็นอันดับ 63 ของโลก จากจำนวนประเทศที่สำรวจ +139 ประเทศ แซงหน้าประเทศไทยไปเรียบร้อย ซึ่งไทยเราที่อยู่ในอันดับที่ 65

และในกลุ่มประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ก็ได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่ 19 แต่หากมองเฉพาะกลุ่มประเทศย่านอาเซียนจะกลายเป็นที่สอง รองจากสิงคโปร์เท่านั้น อู้หูวววว ใครคิดจะย้ายไปอยู่บรูไนละก็ ต้องหาเงินถุงเงินถังไปไม่น้อยเลย

ซึ่งการจัดอันดับนี้ วัดจากค่าเฉลี่ยของราคาสินค้า และบริการในแต่ละประเทศทั่วโลก อันดับล่าสุดของปี 2021 ชี้ว่าค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของบรูไนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในย่านอาเซียน แต่ยังถูกกว่าค่าครองชีพของสิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ค่าครองชีพที่ถูกนะ แต่บริการด้านเศรษฐกิจของเขา ก็มีมาตรฐานเกือบจะเท่าสิงคโปร์เลยทีเดียว

จะว่าไปนอกจากเจ้าชายและภาพแห่งความหรูหราฟู่ฟ่า  จากประเทศบรูไนแล้ว ผู้เขียนและเชื่อว่าอีกหลายคนก็ไม่ค่อยได้เห็นว่าวิถีของชาวบรูไนเป็นอย่างไร อาจจะด้วยระบอบการปกครอง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อโลกใบนี้ มีเครื่องมือสื่อสาร การเดินทางที่สะดวกสบาย สายสัมพันธ์ของผู้คนและวัฒนธรรม ก็เชื่อได้ว่า  การที่เราจะรู้จัก เข้าอกเข้าใจกัน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


อะมีนะห์

สาวไทยมุสลิม เกิดใจกลางกรุงเทพ ชีวิตผกผันแต่งงานกับหนุ่มบรูไน ตั้งรกรากปากกัดตีนถีบแต่มีความสุขดี ยังชีพกับการเผยแพร่อาหารไทย มีความรักผูกพันบ้านเกิดทุกลมหายใจ เลี้ยงลูกสองคน วันนึงจะพาลูกมารู้จักแผ่นดินที่เเม่เกิดให้มากขึ้น แนะนำเพื่อนบ้านบรูไนจากกรุงเสรีเบการ์วันให้คนไทยรู้จักมากขึ้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์ ขู่คว่ำบาตรพม่ารอบใหม่ หลังกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจและจับกุมเหล่าผู้นำรัฐบาลพลเรือน ในนั้นรวมถึงนางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

ไบเดน กล่าวโจมตีกองทัพพม่าต่อการทำรัฐประหาร เรียกมันว่าเป็นการจู่โจมโดยตรงต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้เหตุรัฐประหารในเมียนมาเรียกเสียงประณามดังกึกก้องในระดับสากล

“สหรัฐฯ ปลดมาตรการคว่ำบาตรพม่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บนพื้นฐานของความคืบหน้าสู่ประชาธิปไตย” ไบเดนระบุในถ้อยแถลง “การก้าวถอยหลังของกระบวนการดังกล่าวทำให้เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องทบทวนกฎหมายและอำนาจคว่ำบาตรของเราในทันที ตามด้วยการดำเนินการอย่างเหมาะสม สหรัฐฯ จะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย เมื่อว่าที่ไหนก็ตามที่มันถูกโจมตี”

ขณะเดียวกัน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (1 ก.พ.) ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน เตรียมให้ข้อมูลสรุปแก่สภาคองเกรส ตามหลังข่าวคราวอันปั่นป่วนอย่างมากเกี่ยวกับเหตุรัฐประหารในพม่า และบอกว่าสภาคองเกรสพร้อมทำงานกับรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์

“ผมหวังว่าเราสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในแบบร่วมมือกันทั้งสองพรรค เพื่อสรุปมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับผลประโยชน์ของอเมริกาและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวพม่า” ชูเมอร์กล่าวระหว่างเปิดประชุมวุฒิสภา

พม่าอยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาธิปไตยของตะวันตกมานานหลายทศวรรษและเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จบางประการ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการก้าวถอยหลังสู่ระบอบเผด็จการ ขณะเดียวกันก็มีความผิดหวังใหญ่หลวงต่อตัวของนางอองซานซูจี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เธอไม่ยอมขัดขวางห้ามปรามกองทัพปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาทางตะวันตกของประเทศ

ทั้งนี้ พม่ากำลังหลุดพ้นการปกครองโดยทหารที่เข้มงวดนานหลายทศวรรษ และถูกนานาชาติโดดเดี่ยวที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1962 แต่เหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.) ถือเป็นการร่วงจากอำนาจอันสุดช็อกของอองซานซูจี ที่เคยคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพในปี 1991 ต่อกรณีที่เธออุทิศตัวส่งเสริมประชาธิปไตยและมนุษยชน

อองซานซูจี อยู่ภายใต้คำสั่งกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านพักมานานหลายปี ในขณะที่เธอพยายามผลักดันประเทศของเธอมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย จากนั้นก็กลายเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของพม่า หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2015

สำหรับการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยครั้งที่ 2 ของพม่า นับจากที่ประเทศนี้หลุดพ้นจากการปกครองของทหารอย่างยาวนานถึง 49 ปีในปี 2011

เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดด้วยคะแนนเสียงกว่า 80% มากกว่าการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว

ทว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านา กองทัพออกมาโวยว่ามีความผิดปกติหลายอย่างในการเลือกตั้ง รวมทั้งยังอ้างว่ามีการโกงคะแนนกว่า 10 ล้านคะแนน


ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000010262

เรื่องเล่าของหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เธอเป็นสาวไทยที่ใช้ชีวิตที่ประเทศฟินแลนด์ มาเปิดเผยเรื่องราวหลังการฉีดวัคซีน และเล่าถึงบรรยากาศประเทศฟินแลนด์กับมาตรการป้องกันโควิด -19

เรื่องเล่าของหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เธอเป็นสาวไทยที่ใช้ชีวิตที่ประเทศฟินแลนด์ มาเปิดเผยเรื่องราวหลังการฉีดวัคซีน และเล่าถึงบรรยากาศประเทศฟินแลนด์กับมาตรการป้องกันโควิด -19

ดิฉันเป็นคนไทย ทำงานอยู่ที่เมืองโปริ ประเทศฟินแลนด์ ด้วยอาชีพคือเป็น Nursing home มีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน ซึ่งก็จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโควิด – 19 อยู่พอสมควร ทำให้ทางการจัดให้เป็นกลุ่มบุคคลกลุ่มแรกๆ ที่ได้สิทธิ์รับวัคซีนป้องกันโควิด – 19 แต่ทางต้นสังกัดของดิฉันก็ไม่ได้บังคับว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องฉีดแต่อย่างใด . ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซัน ดิฉันตัดสินใจอยู่นานพอสมควร เพราะกลัวผลข้างเคียงที่จะตามมาหลังจากที่ฉีดไปแล้ว เพื่อน ๆ ร่วมงานหลายคนก็มีความวิตกเช่นเดียวกัน เพราะอย่างที่ติดตามข่าวกันมาตลอด วัคซีนต่าง ๆ ที่มีในตอนนี้ ใช้ระยะเวลาในการวิจัยไม่นาน แต่สุดท้ายตนเองก็ตัดสินใจเข้ารับการฉีด เพราะคิดว่าเป็นการป้องกันในเบื้องต้น และส่วนตัวก็เข้ารับการฉีดวัควีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำอยู่แล้ว

วัคซีนที่ใช้ฉีดคือ วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ระหว่างที่ฉีดรู้สึกหนักและหน่วงแขนเหมือนการฉีดยาทั่วไป แต่หลังจากฉีดเสร็จ เจ้าหน้าที่ให้นั่งพัก 15 นาที เพื่อรอดูอาการข้างเคียง ผลปรากฎว่า ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ . หลังจากที่ฉีดเข็มแรกจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ตามมา ส่วนตัวก็หวังว่าจะไม่เกิดความปกติใด ๆ เกิดขึ้น แม้ว่าที่ฟินแลนด์จะเคยมีข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตจากการรับวัคซีนมาแล้วถึง 3 ราย แต่ผู้ที่เสียชีวิตโดยรวมก็เป็นคนสูงอายุและมีโรคประจำตัว

ดิฉันค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก แม้จะไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลเป็นหลัก แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องไปโรงพยาบาลกับคนไข้ที่ดูแลบ้าง เราจึงมีการป้องกันอย่างเต็มที่ ซึ่งที่นี่ หากคนไข้มีประวัติเคยเดินทางไปโรงพยาบาลมาก่อน เวลากลับบ้านจะต้องกักตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วันอีก

อย่างที่บอกไป ถึงตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างยังเป็นปกติดี และกำลังรอระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ซึ่งเราก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ...

ฝรั่งเศสเตรียมปิดพรมแดน ห้ามผู้ที่เดินทางมาจากประเทศนอกสหภาพยุโรปเข้าฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.นี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ออกมาประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ฝรั่งเศสจะปิดพรมแดน ห้ามผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรปเข้าฝรั่งเศส เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมาตรการนี้จะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ (31 ม.ค.) เป็นต้นไป และผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ทุกคนจะต้องมีหลักฐานการตรวจโควิด-19 ที่มีผลเป็นลบด้วย

นอกจากนี้ยังจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มการตรวจจับผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว วันละ 12 ชั่วโมง และผู้ที่รวมกลุ่มกันจัดงานปาร์ตี้ รวมทั้งเจ้าของภัตตาคารที่เปิดบริการ อันเป็นการท้าทายคำสั่งของทางการด้วย


ที่มา : https://tna.mcot.net/world-627725

รัฐโรบินฮู้ด ‘ปล้นคนรวย มาช่วยคนจน’ อาร์เจนตินาเก็บ ‘ภาษีมหาเศรษฐี’ ดึงช่วยคนเดือดร้อนจากโควิด เกณฑ์รวยเกิน 68.69 ล้านบาท โดน!! เบื้องต้นพบเข้าข่าย 12,000 จากประชากร 44 ล้านคน

ทางการอาร์เจนตินาเริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีแบบครั้งเดียวที่เรียกว่า ‘ภาษีมหาเศรษฐี’ จากกลุ่มคนที่มีฐานะมั่งคั่ง เพื่อนำเงินมาจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 รวมถึงเป็นทุนการศึกษาและจัดหาอุปกรณ์บรรเทาทุกข์ให้ประชาชน

มาตรการนี้ใช้กับบุคคลที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 200 ล้านเปโซ หรือ 68.69 ล้านบาท ต้องจ่ายภาษี 3.5% ของทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศ และ 5.25% ของทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีบุคคลเข้าข่ายราว 12,000 คนจากประชากรทั้งหมด 44 ล้านคน

รัฐบาลของประธานาธิบดี อัลแบร์โต แฟร์นานเดซ คาดว่าจะได้เงินราว 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 89,601 ล้านบาท

มาตรการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วด้วยคะแนนเสียง 42 ต่อ 26 ทว่ามีเสียงคัดค้านจากฝ่ายค้านว่ามาตรการนี้เสมือนเป็นการยึดทรัพย์คนรวย และยังมีความกังวลจากสมาคมชนบทอาร์เจนตินาซึ่งเป็นปากเสียงของเกษตรกรในประเทศว่ามาตรการนี้อาจนำมาใช้แบบถาวร

ทั้งนี้ กว่า 40% ของประชากรอาร์เจนตินาอยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจน คือมีรายได้วันละ 1.90 เหรียญสหรัฐ หรือ 56.75 บาท ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 11


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/644042

เห็นใจประชาชน แต่เข้าใจคนบริหาร!! ชาวอังกฤษ เซ็งจัด!! กลับจากประเทศ 'บัญชีแดง' เข้า UK เมื่อไร…มีจน!! หลัง นายกฯ UK สั่งกักตัวในโรงแรมที่รัฐจัดให้ แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ‘ออกเอง’

เรียกว่าเป็นอีกมาตรการใหม่ของรัฐบาลอังกฤษที่ค่อนข้างเข้ม หลังจากใครก็ตามที่กลับจากประเทศ 'บัญชีแดง' มาเข้าสหราชอาณาจักร จะต้องกักตัวในโรงแรมที่รัฐจัดให้ โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องจัดการด้วตัวเอง เพื่อหวังป้องกันไม่ให้สายพันธุ์ COVID-19 ที่กลายพันธุ์ใหม่เข้ามายังสหราชอาณาจักร
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เผยว่า ภายใต้กฎการเดินทางออกนอกประเทศของอังกฤษปัจจุบัน “การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อการพักผ่อน” ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
เขากล่าวว่ารัฐบาลจะ “บังคับกฎนี้ ณ ท่าเรือ และสนามบินโดยจะมีการสอบถามผู้เดินทางว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องเดินทางและจะให้พวกเขากลับบ้านหากไม่มีเหตุผลที่ถูกต้องในการเดินทาง”
นายจอห์นสัน บอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่ารัฐบาลได้สั่งห้ามผู้เดินทางเข้าประเทศจากประเทศ ที่มีความเสี่ยง จากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ เช่น จาก แอฟริกาใต้, โปรตุเกส และ ประเทศในอเมริกาใต้
“เพื่อลดความเสี่ยงจากชาวสหราชอาณาจักร และผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เราจะออกกฎให้ผู้โดยสารขาเข้าดังกล่าวทั้งหมดไม่สามารถปฏิเสธการเข้าพักในโรงแรมกักตัวที่พักที่รัฐบาลจัดให้ เช่น โรงแรมกักตัวเป็นเวลา 10 วันโดยไม่มีข้อยกเว้น” บอริส จอร์สัน นายกรัฐมนตรีกล่าว
“พวกที่เดินทางเข้ามายังสหราชอาณาจักรจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะถูกรับตัวจากที่สนามบินและถูกส่งเข้าที่พักหรือโรงแรมกักกันโดยตรง”
นายจอห์นสัน กล่าวว่า กรมอนามัยและการดูแลสังคม กำลังดำเนินการ เรื่องสถานที่กักตัว “โดยเร็วที่สุด”
30 ประเทศที่อยู่ใน “รายชื่อสีแดง” รวมถึงประเทศทั้งหมดในอเมริกาใต้ เช่นเดียวกับ ส่วนใหญ่ของ แอฟริกาตอนใต้ และ ประเทศโปรตุเกส
พริติ พาเทล รมต มหาดไทย เผยแผนการกำหนดมาตรการใหม่ต่อสภาฯ โดยแถลงกับ ส.ส. ว่า “มีคนเข้าออกประเทศในขณะนี้มากเกินไปในแต่ละวัน”
เธอกล่าวว่ามาตรการต่อไปมีจุดประสงค์เพื่อลด “การเข้ามาของผู้โดยสาร เพื่อให้มีผู้คนจำนวนน้อยเท่าที่จำเป็นที่ต้องเดินทางเท่านั้น ที่ทำเช่นนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในแผนงานการฉีดวัคซีนป้องกันของเรา”
พริติ ยังเสริมต่อว่า “การไปเที่ยวพักผ่อนไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง” โดยเพิกเฉยต่อคำสั่งการให้อยู่บ้านในปัจจุบัน
“เราจะแนะนำข้อกำหนดใหม่เพื่อให้ผู้ที่ต้องการเดินทางต้องให้ข้อมูลก่อนว่าทำไมถึงต้องเดินทาง” พริติ กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“เหตุผลในการเดินทางนี้จะได้รับการตรวจสอบโดยสายการบินก่อนออกเดินทาง และแนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการตรวจสอบผู้โดยสารขาเข้าที่มีอยู่แล้วในแบบฟอร์มระบุสถานที่ของผู้โดยสาร”
เป็นที่เข้าใจกันว่าผู้เดินทางจากประเทศ “บัญชีแดง” จะต้องจ่ายเงินเองเพื่อกักตัวในโรงแรมที่จะถูกตรวจสอบโดยมีการตรวจโควิด-19 ระหว่างการเข้าพัก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการคาดการณ์อย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนักวิจารณ์ระบุว่ารัฐบาลควรดำเนินการที่เข้มงวดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่านี้
พวกเขาได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งมีการกักตัวอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของการระบาดและได้กำจัดการแพร่กระจายของไวรัสภายในประเทศได้อย่างดี
รายงานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งกันในรัฐบาลว่าควรมีขอบเขตในการกักตัวที่หลากหลายเพียงใด
มีการเสนอจากรัฐมนตรีบางคนว่าการกักตัวควรบังคับใช้กับผู้โดยสารขาเข้าจากทุกประเทศ ในขณะที่คนอื่นๆ สนับสนุนให้มีการกำหนดเป้าหมายไปยังบางประเทศที่ถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่า
Nick Thomas-Symonds รมต เงา กท มหาดไทย พรรคแรงงาน กล่าวว่าแผนการกักตัวในโรงแรมมี “จำกัด เกินไป”
“การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกัน ซึ่งจะคุกคามชีวิตและความหวัง” เขากล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“เราไม่สามารถรู้ได้ว่าการกลายพันธุ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นจากที่ใดต่อไปและความจริงก็คือรัฐบาลจะต้องรับมือกับมัน
“พรรคแรงงานเรียกร้องให้มีการกักตัวในโรงแรมอย่างครอบคลุม และบอกว่าการประกาศในวันนี้มีการ จำกัด เกินไปทำให้มีช่องว่างมากในการป้องกันการแพร่เชื้อจากสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่
“เรารู้ว่าสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ และ บราซิล ได้มาถึงชายฝั่งเหล่านี้แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่การควบคุมต่างๆ มีความหละหลวมมาก”



ที่มา:
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3776455979060052&id=178210772217942
https://news.sky.com/story/covid-19-uk-to-introduce-mandatory-hotel-quarantine-for-travellers-from-red-list-countries-12200338?fbclid=IwAR3RXbqn4sx9wrcCHghw4VqXsY-0A8Dt5-aHwbAeRV3TZWhtJcDb1n_uhZk

แหล่งข่าวในประเทศอิสราเอล ได้มีการรายงานผลของวัคซีนไฟเซอร์ล่าสุด ซึ่งมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

โดยหลังจากใช้งานจริง ด้วยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่กลุ่มเป้าหมายในประเทศเป็นเวลา 7-16 วัน จำนวน 2 เข็ม พบประสิทธิภาพในการป้องกันได้ผลถึง 92%

ทั้งนี้จำนวนประชากรชาวอิสราเอล ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้วราว 50% ของประชากรเป้าหมาย โดยผลลัพธ์พบว่า มีคนติดเชื้อ 31ใน163,000คน ในกลุ่มประชากรของHMOแมกกาบี้ (เหมือนผู้ประกันตน)

ซึ่งเทียบกับประชากรในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จะมีจำนวนติดเชื้อถึง 6,500 คนกันเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ได้รับวัคซีน แล้วติดเชื้อ หรือมีอาการข้างเคียงก็น้อยมาก ในระดับที่ไม่ต้องเตรียมโรงพยาบาลไว้รับมืออาการข้างเคียงแต่อย่างใด

แม้ผลลัพธ์ของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้จะเป็นไปในทางที่ดี แต่ก็ยังต้องดูผลระยะยาว และรวมถึงอัตราการแพร่เชื้อในประเทศอีกด้วย


ที่มา:

https://www.timesofisrael.com/vaccine-found-92-effective-in-israel-in-first-controlled-result-outside-trials/

‘ประกาศิตพญามังกร’ จีนสั่งปิดธุรกิจฝากเงินออนไลน์ ดับฝัน ‘แจ็ค หม่า’ หลัง ‘ระงับไอพีโอแอนต์ กรุ๊ป’ ตัดรายได้หลักของอาลีเพย์และยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ในดาบเดียว

หลังจากเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ‘แอนต์ กรุ๊ป’ เจ้าของแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์อาลีเพย์ ได้ประกาศแผนการเข้าตลาดหุ้นทั้งตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดฮ่องกง โดยฝันหวานด้วยจิตใจที่พองโตว่าการเปิดขายหุ้นสาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ)นี้ จะระดมทุน 34,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หากการเข้าตลาดหุ้นเป็นไปอย่างราบรื่น อาลีเพย์จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 2 ล้านหยวน ทั้งแจ็ค หม่า ผู้บริหารใหญ่ในแอนต์คือ อีริค จิ่ง และลูซี่ เผิง ไปยันกลุ่มนักลงทุน ก็จะฟันกำไรก้อนโตกันหน้าบาน

แต่ทว่า ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันที่เจ้ามดน้อยอย่าง ‘แอนต์’ จะก้าวเท้าเข้าตลาดขายหุ้นไอพีโอในวันที่ 5 พ.ย. พญามังกรก็ร่อนลงมาสะบัดหางปัดมดกระเด็นออกจากตลาดไป นั่นคือ ‘คำสั่งระงับการเปิดขายไอพีโอ’ ต่อมาธนาคารประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานผู้คุมกฎภาคการเงินและการธนาคาร ก็ ‘นัดคุย’ กับแอนต์ กรุ๊ป

ระหว่างเกิดเรื่องเขย่าวงการหุ้นโลกนี้ อภิหมาเศรษฐีแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป และแอนต์ กรุ๊ป ก็หายตัวไปจากสาธารณะอย่างปริศนา ท่ามกลางกระแสลือว่าเขาถูกจับกุมตัวไปดำเนินคดีคอรัปชั่น หม่าหายไปสองเดือนกว่า และเพิ่งปรากฏตัวในพิธีมอบรางวัลดีเด่นให้แก่กลุ่มครูชนบทซึ่งจัดผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

ไม่กี่วันต่อมา กลุ่มสื่อจีนออกข่าว รองผู้ว่าแบงค์ชาติจีน นาย เฉิน อี่ว์ลู่ออกมาเปิดเผยว่า แอนต์ กรุ๊ปได้จัดตั้งกลุ่มทำงานดำเนินการปรับปรุงธุรกิจตามที่หน่วยงานผู้คุมกฎเรียกร้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้อาลีเพย์ได้ปิดธุรกิจที่ทำรายได้หลักไปตลอดกาล ทำให้ผู้ใช้นับร้อยล้านรายร้องกันระงม “เสียดายจัง...”

กลับมาที่เรื่อง ‘นัดคุย’ ก่อนสิ้นปีที่แล้ว แบงค์ชาติมังกรได้เรียก แจ็ก หม่าไปพบอีก ทั้งกลุ่มยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มการเงิน เทนเซนท์ ไฟแนนเชียล เทคโนโลยี (Tencent Financial Technology) ตงจิง ไฟแนนซ์ (Jingdong Finance) ก็ถูกเรียกไปคุยด้วยพร้อมหน้ากันเพื่อแจ้งกฎข้อบังคับใหม่และการปรับปรุงธุรกิจ

หลังการ ‘นัดคุย’ อาลีเพย์ ก็จัดแจงปิดกิจการฝากเงินออนไลน์ทั้งหมดเป็นรายแรก ตามด้วย เทนเซนท์, จิงตง (JD) เหมยถวน (Meituan)…

กฎข้อบังคับใหม่ของแบงค์ชาติมังกรประกาศิตให้ภาคธุรกิจฝากเงินออนไลน์ของอาลีเพย์และบริษัทรายใหญ่อื่นๆหายวับไปจากโลกออนไลน์แผ่นดินใหญ่อย่างชนิดไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย คงเห็นภาพแล้วว่าธุรกิจที่ทำรายได้หลักของอาลีเพย์ และบรรดายักษ์ใหญ่อย่างเทนเซนท์ จิงตง ถูกแบงค์ชาติฟันฉับดาบเดียวร่วงหมดทั้งยวงในพริบตา

ทั้งนี้ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ภาคการเงินออนไลน์เบ่งบานสะพรั่งไปทั่วแผ่นดินจีนโดยมีอาลีเพย์เป็นผู้บุกเบิก จากนั้นเหล่ายักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตและอี-คอมเมิร์ซรายอื่นๆ ทั้ง เทนเซนท์ จิงตง เหมยถวน ก็โดดลงมาชิงส่วนแบ่งตลาดโดยออกแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์ เทียบกับระบบฝากเงินแบบเก่าแล้วระบบการเงินออนไลน์รวดเร็วกว่าและบริการน่าประทับใจ ที่สำคัญคือดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่า

เฉพาะแพลตฟอร์มอาลีเพย์ มีผู้ใช้หลายร้อยล้านราย ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยช้อปปิ้งผ่านระบบฝากเงินออนไลน์กันอย่างเมามัน การปิดธุรกิจฝากเงินออนไลน์อย่างสายฟ้าแลบเช่นนี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากได้แต่มองตาปริบๆด้วยความเสียดาย

ในด้านพญามังกรที่ออกโรงโดยธนาคารกลางนั้นมองว่าธุรกิจเงินฝากออนไลน์ของอาลีเพย์และยักษ์ใหญ่ไอทีรายอื่นๆ เปรียบดั่ง ‘การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่’ และต้องจัดการให้เข้ามาอยู่ในอาณัติกำกับดูแลของผู้คุมกฎ เนื่องจากระบบฝากเงินออนไลน์มีความเสี่ยงใหญ่สองประการ

หนึ่งคือ ทำลายระเบียบการแข่งขันของตลาดฝากเงิน จากข้อมูลระบุว่าผู้ที่ทำธุรกิจฝากเงินออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง-ขนาดเล็กในท้องถิ่นและธนาคารเอกชน กลุ่มธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันกับสี่ยักษ์ใหญ่ธนาคารพาณิชย์ของประเทศได้เลย ดังนั้นจึงใช้วิธีการ ‘ให้ดอกเบี้ยสูง’ และอื่นๆ ที่แหกกฎข้อบังคับ

สองคือ สร้างแรงกดดันให้กับการบริหารสภาพคล่องและต้นทุนหนี้สินของธนาคาร หากกลุ่มธนาคารในท้องถิ่นและธนาคารเอกชนเหล่านี้มีความสามารถในการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินไม่เพียงพอ เมื่อต้องประสบกับสถานการณ์ที่กองทุนเงินฝากมหาศาลถั่งโถมเข้ามา จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท หากห่วงโซ่ทุนเกิดแตกขึ้นมา ผลกระทบที่ตามมาจะเลวร้ายมากอีกทั้งขยายวงกว้างขวาง

การปิดธุรกิจฝากเงินฯ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากสูญเสียช่องทางจัดการทรัพย์สินที่สะดวกและรวดเร็วไป แต่ปกป้องทุนให้มีความปลอดภัยมากกว่า ระบบการเงินออนไลน์เป็นนวัตกรรมใหม่ การสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ดี แต่การควบคุมความเสี่ยงและเสถียรภาพสำคัญกว่า


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000008950

ชายชาวมาเลเซีย สั่งอาหารออนไลน์ แต่เมื่อสินค้ามาถึง เล่นเอาผงะ! เมื่อเมนูที่ชื่อ Serundeng กลับกลายเป็นเส้นยาสูบ เหตุที่โดนต้มตุ๋นครั้งนี้ เพราะวัตถุดิบดันหน้าตาคล้ายกัน

คอลัมน์ สายตรงเคแอล

อวสานเมนูโปรด เตือนสตินักช้อปออนไลน์!!

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ชายหนุ่มที่ปรากฎในภาพได้กลายเป็นไวรัลในเฟซบุ๊ก ที่มาของเรื่องนี้ เมื่อเขาได้สั่งซื้อเมนูอาหารแสนโปรด แต่สิ่งที่ได้รับ กลับทำให้สะเทือนใจ!

มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังเมื่ออาหารที่ตัวเองอยากกินไม่เป็นอย่างที่หวัง เรียกว่าเป็นมื้อที่พังพินาศ! ชายหนุ่มตั้งใจหาซื้อเมนูที่ชื่อว่า "Serundeng" มากินกับข้าว โดยสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ด้วยความที่เข้าใจผิด กลับสั่งเส้นยาสูบมาแทน!

เรื่องโอละพ่อนี้มันมีที่มา โดยลักษณะของเมนูที่ชื่อว่า Serundeng (เซอรุนเด็ง) นั้น เป็นเมนูที่ทำมาจากมะพร้าวขูด และนำมาคั่วกับสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ และอื่น ๆ มักทานกับข้าวหรือ topping บนน้ำแกงกระหรี่ต่างๆ

แต่จากภาพระยะใกล้ที่เห็นในโพสต์ เส้นยาสูบ กับ เซอรุนเด็ง มันก็ช่างเหมือนกันซะเหลือเกิน!

หลังจากไวรัลนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกเห็นใจหนุ่มคนนี้ ที่ต้องอดกินเซอรุนเด็งแสนอร่อยพร้อมกับข้าว (ครั้นจะกินเส้นยาสูบกับข้าวแทนก็ไม่ไหวจะเคลียร์)

แต่หลายคนก็ให้ความเห็นเชิงเตือนสติว่า จริง ๆ แล้วเขาควรอ่านรายละเอียดหรือตรวจสอบสิ่งที่เขาจะซื้อให้ดีก่อน จะได้ไม่ต้องพบความผิดหวังแบบนี้

หวังว่าข่าวนี้จะช่วยเตือนสติขาช้อปออนไลน์ทั้งหลายได้มากขึ้น จะสั่งซื้ออะไร อย่าดูแต่รูปภาพ ควรจะตรวจสอบรายละเอียดก่อนการซื้อ จะได้ไม่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับหนุ่มคนนี้นะคะ

Info via @kuyangeropa2.0/Facebook


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

ธุรกิจโรงแรมยักษ์ใหญ่เมืองไทย ‘เซ็นทารา’ เดินหน้าขยายเชนโรงแรมใน สปป.ลาว เข้าบริหาร 2 โรงแรมที่เมืองวังเวียง คาดเปิดบริการปลายปี 2564

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

เซ็นทารา #รุกขยายธุรกิจในลาว ลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่วังเวียงในลาว และ 1 แห่งที่เขาใหญ่ในไทย

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า

"..เซ็นทาราได้ลงนามสัญญา  บริหารร่วมกับ ทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เพื่อเข้าบริหาร 2 โรงแรมสวยวิวแม่น้ำในเมืองวังเวียง

โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำซองและมีสะพานเชื่อมตรงกลางระหว่าง 2 โรงแรม ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปี 2564..

โรงแรมทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท วังเวียง (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ไอส์แลนด์) และทวีสุข ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ทและสปา วังเวียง เซ็นทารา บูติกคอลเลกชัน (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ริเวอร์ไซด์)

“เซ็นทารารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท"

 #เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดลาวของทวีสุขโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จะสามารถนำความสำเร็จมาสู่เซ็นทาราและการท่องเที่ยวในลาวได้อย่างแน่นอน” นายธีระยุทธกล่าว

“ลาวเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติอันสวยงามและกำลังเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว เรามุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์การบริการอันอบอุ่นเสมือนครอบครัวของเซ็นทาราก้าวไปสู่ระดับสากลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก”


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

สิ้นชื่อ ‘Sergi Mingote’ นักปีนเขาชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุในขณะปีนยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก จบชีวิตลงในวัยเพียง 49 ปี

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

เกิดข่าวช็อคกับแวดวงนักปีนเขา เมื่อ Sergi Mingote ยอดนักปีนเขาที่มีชื่อเสียง พลาดประสบอุบัติเหตุขณะขึ้นปีนยอดเขาก็อดวิน ออสเท็น (Godwin Austen) หรือยอดเขาเคทู (K2) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก ส่งผลให้เจ้าตัวเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน

Sergi Mingote ได้ชื่อว่าเป็นนักปีนเขาที่มีความเชี่ยวชาญในการปีนเขาโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน รวมทั้งเป็นหนึ่งในนักปีนเขาที่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้นิยมกิจกรรมชนิดนี้อย่างมาก โดยล่าสุด เจ้าตัวได้ขึ้นไปปีนยอดเขา K2 แต่เกิดประสบอุบัติเหตุโดนหินตกใส่ ภายหลังเกิดเหตุ มีเพื่อนนักปีนเขาพยายามช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เสียชีวิตลง นำความโศกเศร้า และถือเป็นการสูญเสียบุคลากรในแวดวงการนักปีนเขาไปอย่างกระทันหัน

กล่าวถึง Godwin Austen หรือยอดเขา K2 ถือเป็นยอดเขาสูงที่อยู่ในเทือกเขาคาราโคราม (Karakoram) ซึ่งเป็นเทือกเขาสาขาของเทือกเขาหิมาลัย ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศปากีสถานและประเทศจีน สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 8,611 เมตร หรือ 28,251.3 ฟุต และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่เป็นหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัยด้วยเช่นกัน


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

‘แจ็ค หม่า’ ปรากฏตัวผ่านวิดิโอลิงก์ครั้งแรกหลังโดนข่าวลือหนัก พร้อมทิ้งปริศนา จะกลับมาอีกครั้งหลังโควิด-19 จบลง

ทันทีที่มีการนำเสนอคลิปวิดิโอของอภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของจีน แจ็ค หม่า ที่คนทั้งโลกกำลังตามหาว่าเขาหายไปไหน ก็กลายเป็นข่าวด่วนไปทั่วโลกว่า แจ็ค หม่า กลับมาแล้ว หลังจากที่เขาหายไปนานเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เกิดเรื่องระงับ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ จนอาจนำไปสู่การตรวจสอบบริษัท Alibaba ทั้งเครือข่าย

ล่าสุด มีการนำเสนอคลิปวิดิโอสั้น ผ่านทางสำนักข่าว Tianmu News ที่เป็นสำนักข่าวท้องถิ่นของรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นมณฑลบ้านเกิดของ แจ็ค หม่า และที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Alibaba ได้ออกมาแสดงความยินดีกับครูชนบทดีเด่น 100 คนที่ได้รับรางวัล Jack Ma Rural Teachers Award ในปีนี้ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ แจ็ค หม่า และจัดต่อเนื่องมาทุกปี จนถึงปี 2021 นี้เป็นปีที่ 6 แล้ว

อย่างที่ทราบกันดีว่า แจ็ค หม่า เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมาก่อนที่จะผันตัวเองเข้ามาอยู่ในธุรกิจ e-Commerce และกลายเป็นอาณาจักรธุรกิจ Alibaba ที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน แต่แจ็ค หม่า ยังคงรัก และสนับสนุนอาชีพครู เท่าที่เขาทำได้ และ รางวัล Jack Ma Rural Teachers Award ก็เป็นหนึ่งในโครงการของเขา ซึ่งจัดมอบรางวัลที่เมืองซานย่า ในเกาะไหหลำทางตอนใต้ของจีนตั้งแต่ปี 2015

ในคลิปวิดีโอ แจ็ค หม่า ได้กล่าวแสดงความยินดีกับครูผู้ได้รับรางวัล และบอกว่า เขาจะกลับมาพบทุกคนแน่นอนหลังจากที่โรคระบาด Covid-19 สิ้นสุดลง และยังมีภาพแจ็ค หม่า ไปเยี่ยมโรงเรียนประถมในเมืองหังโจว บ้านเกิดตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาสบายดี ไม่ได้หายไปไหน

แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า นี่อาจเป็นคลิปเก่าที่อัดไว้นานแล้ว ตัวแจ็ค หม่า จะยังอยู่ที่เมืองหังโจว อยู่หรือไม่ ก็ไม่มีใครยืนยันแน่ชัด และยังคงต้องรอจนกว่าแจ็ค หม่า จะพร้อมออกสื่อให้ได้เห็นตัวเป็น ๆ ซึ่งก็อาจจะต้องรอจนกว่า Covid-19 จะหมดอย่างที่เขาพูดไว้ก็เป็นได้


แหล่งข่าว

https://edition.cnn.com/.../jack-ma-appearance.../index.html

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213348.shtml

เรื่องเล่าจากแดนไกล ’เมือง Sost’ แห่งปากีสถาน เมืองท่าชายแดนที่มีชื่อเล่นว่า เมืองขี้เกียจ วันนี้แม้จะต้องต่อสู้กับโควิด-19 รอบข้าง แต่เมืองนี้ไม่มีใครติดโควิด-19 แม้แต่คนเดียว

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

วันนี้จะพาไปเที่ยวเมือง​ Sost เมืองท่าแห่งการคมนาคมของประเทศปากีสถานกับประเทศจีน (เส้นทางสายไหมโบราณ)  บนถนนคาราโครัมไฮเวย์​ จริง ๆ แล้วภารกิจหลักคือ มาซื้อถ่านหินไปใช้หน้าหนาวจัด​ ขาดไม่ได้ไม่อย่างนั้น แข็งตายแน่นอน

เมือง​ Sost  อ่านว่า ซอส​ หรือบางคนออกเสียงว่า ซูส  ซึ่งแปลความหมายในภาษาอูรดู แปลว่า ขี้เกียจ

ผู้คนในเมืองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เกือบทั้งหมดเป็นชาววาคี มีบางส่วนเป็นชาวบูเชสกี้ มาจากฮุนซ่า ภาษาที่ใช้เลยจะเป็นภาษาวาคี และบูเชสกี้

เราอาศัยอยู่เมือง​ Passu ห่างจากเมือง Sost ประมาณ​ 40​ กิโลเมตร แต่ไม่ใช่ ​40 กิโลเมตร​ จากกรุงเทพ​- นครปฐม​ ​นะ เพราะวันนี้ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่า เพราะเส้นทางเต็มไปด้วยหิมะ และถนนลื่นมาก ๆ เลยต้องใส่โซ่ที่ล้อรถ และใช้ความระมัดระวังมาก​ ไม่สามารถทำความเร็วได้

ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยหิมะสีขาว ตัดกับแม่น้ำกุลจิราฟ ที่สีฟ้าสดใส ท่ามกลางหุบเขาสูงใหญ่ของเทือกเขาคาราโครัม จะพบเจอฝูงแกะ และฝูง Yak (จามรี) ตลอดเส้นทาง โชคดีหน่อย ก็จะเจอแพะภูเขา (Himalayan Ibex) ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เดินลงมาหาหญ้ากินข้างล่าง

ในฤดูหนาวจะเห็นฝูงแพะภูเขาได้ง่ายกว่าฤดูร้อน เดินทางมาสักพัก ก็เห็นฝูงแพะภูเขา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เรามากเลย​ นี่ขนาดเดินทางเข้าออกปากีสถานตอนเหนือมาหลายปี​ เห็นกี่ครั้งก็อดตื่นเต้นกับธรรมชาติ​ที่อุดมสมบูรณ์​ของดินแดนหลังคาโลกไม่ได้

สักพักเดินทางมาถึงเมือง ​Sost ปกติเมืองนี้จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจจากประเทศจีน แต่เพราะโควิด-19 ตัวดี​ ทำให้รัฐบาลปิดด่านชายแดนกุลจิราฟ​ ซึ่งเป็นชายแดนที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 4700 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันไม่ได้ และที่สำคัญรถสินค้าจากจีนก็มาปากีสถานไม่ได้เช่นกัน  การท่องเที่ยวที่คึกคักทั้งฝั่งปากีสถานและจีน​ก็เงียบสนิท

ปกติเมือง​ Sost คือศูนย์กลางของการคมนาคมขนส่ง จะมีรถรับจ้างคอยบริการจากเมืองนี้ ข้ามไปเขตปกครองตนเอง​ซินเจียง ประเทศจีนได้ไม่ยาก เข้าไปเมืองทัชคาร์กันและเมืองหลวงอุรุมมูฉี

นักท่องเที่ยวจะจองรถบัสประจำทาง Hunza-Xinjiang  หรือจะเช่ารถส่วนตัวข้ามไปเขตซินเจียงก็ได้ ที่นี่มีคนขับผู้ชำนาญเส้นทางเยอะมาก ๆ

และเมือง Sost ยังมี​ Dry Port หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ท่าเรือบก​ ท่าเรือนี้เป็นที่เก็บสินค้าจีนที่ส่งมาขายที่ปากีสถาน เป็นเหมือนโกดังสินค้าขนาดมหึมา

ตามข้อมูล ท่าเรือบกที่นี่​มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกปี​ เพราะมูลค่าการค้าขายระหว่างประเทศจีน​และปากีสถาน​ผ่านด่านกุลจีราฟ​ มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปี​ และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักของนโยบาย​ One Belt, One Road. ของจีน​ที่ขยายเส้นทางการค้าสมัยใหม่

ปากีสถาน​คือประเทศหลักประเทศหนึ่งตามยุทธศาสตร์​การค้าของจีน

ท่าแห่งนี้ห้ามคนนอกเข้า เราเลยไม่เคยได้เข้าไป แต่ชาวบ้านบอกว่าสินค้าจีนเยอะมาก ๆ คุณอาของสามีเราก็เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานที่นั่นด้วย

ทุกอย่างในเมืองนี้ เหมือนเป็น​  Mini China ทีเดียว

ที่นี่ได้รับผลกระทบจากโควิดเข้าขั้นรุนแรง สาหัส​ ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดร้าน โรงแรมมากมายที่ปิดกิจการ ​(บางโรงแรมเปิดรับเฉพาะคนจีน) ร้านอาหารก็เปิดเพียงไม่กี่ร้าน และผู้คนเป็นหมื่นคนตกงาน ไม่ว่าจะเป็นล่าม พ่อค้า ไกด์ คนงาน คนขับรถประจำทาง คนขับรถสิบล้อ และคนอื่น ๆ ต่างรอคอยการกลับมาของการเปิดด่านชายแดนอีกครั้ง รถสิบล้อที่ข้ามด่านไปไม่ได้จอดรอที่เมืองนี้เป็นร้อย ๆ คัน สร้างความสะเทือนใจให้ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก บางเวลาขณะเราเดินอยู่ในเมืองจะได้ยินเสียง Go Corona Go ไปโคโรน่า ไปโคโรนา​ เสียงนี้มาจากคนที่ตกงาน​จนไม่มีกินจริงๆ

แต่ก็มีความโชคดีจากการปิดด่านชายแดน คือผู้คนที่นี่ไม่มีใครเป็นโควิด-19 ไม่เป็น และไม่เคยเป็น ไม่มีตัวเลขนับ ​1 ด้วย

มันมหัศจรรย์มากนะคะ ที่มีพื้นที่ติดชายแดนจีนเพียงแค่เอื้อม แต่กลับไม่มีโควิด-19 ที่นี่​ อาจจะเป็นเพราะมณฑลซินเจียง ​คือดินแดนตะวันตก​สุด ​ไกลสุดจากอูฮั่น ​มณฑลหูเป่ย​ ที่มีข่าวว่าเป็นต้นทางของโควิด-19 ​ก็ได้

ถนนคาราโครัมไฮเวย์ที่เคยเต็มไปด้วยรถเล็ก รถใหญ่ วันนี้กลายเป็นสนามฟุตบอลให้ชาวบ้านได้เล่นฟุตบอลคลายหนาวแทน

เราเดินซื้อของสักพัก ตั้งใจมาซื้อถ่านหินจากเมืองนี้ เพื่อไปก่อไฟที่บ้านให้ความอบอุ่น และเราก็เดินไปเจอเพื่อน ๆ ไกด์ที่ตกงานมากมาย ทุกคนก็รอความหวังให้โควิด-19 หายไปสักที ในฐานะที่ตัวเองก็ทำทัวร์ ก็อยากให้โควิด-19 หมดไปเช่นกัน

แต่สิ่งที่พบเจอวันนี้ในระหว่างการเดินทาง​ ทุกคนที่เจอยังมีความหวังในการต่อสู้ชีวิตต่อไป​ และคอยการมาของวัคซีน​เพื่อป้องกันไวรัสตัวร้าย​ ให้มนุษย์​ได้ทำมาหากินกันตามปกติสักที

เราจะรอดไปด้วยกัน​ และผู้หญิงไทยคนเดียวบนถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ดินแดนหลังคาโลก​ ก็ต้องรอดเหมือนกัน​ เพราะแม่คอยเราอยู่ที่เมืองไทยอันเป็นที่รัก


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

ออสเตรเลีย โอเพ่น ป่วนหนัก กักตัวนักเทนนิสกว่า 47 คน หลังพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 ร่วมเดินทางในเครื่องบินลำเดียวกัน

เป็นเรื่องซะแล้ว สำหรับงาน ออสเตรเลีย โอเพ่น หนึ่งในงานแข่งขันเทนนิสระดับแกรด์สแลม ที่จัดขึ้นที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อมีการตรวจพบผู้โดสาร 2 คน ที่ร่วมเดินทางมากับเครื่องบินเหมาลำด้วยกันกับทีมนักเทนนิสติดเชื้อ Covid-19 และไม่ใช่แค่เที่ยวบินเดียว แต่พบถึง 2 เที่ยว

เที่ยวบินแรก ไฟล์ท  QR7493 เดินทางมาจากลอส แองเจิลลิส ถึง เมลเบิร์น เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา และตรวจพบผู้โดยสาร 2 คน ติดเชื้อ Covid-19 ซึ่งเที่ยวบินนี้ มีนักเทนนิสที่กำลังจะเข้าแข่งขันออสเตรเลีย โอเพ่น ถึง 24 คน รวมถึง วิคตอเรีย อซาเรนกา อดีตแชมป์รายการถึง 2 สมัย

ส่วนอีกเที่ยวบินหนึ่งนั้น เดินทางมาจากนครอาบู ดาบี ถึง เมลเบิร์น มีนักเทนนิสในเที่ยวบินนี้อีก 23 คน ก็พบว่ามีผู้โดยสาร 1 รายติดเชื้อ Covid-19 เช่นกัน

แม้ว่าจะมีการยืนยันแล้วว่ากลุ่มที่ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินไม่ใช่นักเทนนิส แต่ก็ประมาทไม่ได้ จึงสั่งให้นักกีฬา และทีมงานกักตัว 14 วันตามมาตรที่โรงแรมพิเศษ

นั่นหมายความว่านักเทนนิสที่ถูกกักตัวทั้ง 47 คน จะมาซ้อมภายนอกไม่ได้เลย ต้องอยู่แต่ในห้องพัก ที่อาจทำให้เกิดความเสียเปรียบเมื่อลงแข่งสนามจริงได้

นับเป็นเรื่องวุ่นๆอีกครั้ง ที่เกิดขึ้นใน ออสเตรเลีย โอเพ่น หลังจากที่ปี 2020 ที่ออสเตรเลียต้องเผชิญไฟป่าครั้งเลวร้ายเกือบทั่วประเทศ และทำให้เกิดค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นจนถึงระดับอันตรายในกรุงเมลเบิร์น ช่วงเวลาที่มีการแข่งขันออสเตรเลีย โอเพ่น พอดี จนเป็นเหตุให้มีนักเทนนิสเป็นลมระหว่างการแข่ง จนต้องถอนตัวไป

ปีนี้ก็มีเหตุ Covid-19 ที่ทำให้วุ่นวาย ก็หวังว่าจะสามารถจัดการแข่งขันได้อย่างราบรื่นในท้ายที่สุด


แหล่งข่าว

The Guardian

https://www.theguardian.com/sport/2021/jan/16/australian-open-players-locked-down-as-two-test-positive-for-covid-19-after-flight-from-us

CNN

https://edition.cnn.com/2021/01/16/tennis/australian-open-covid-19-flights-spt-intl/index.html


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top