Tuesday, 25 June 2024
NEWS

เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้! วิกฤตตลาดหุ้น ‘สหรัฐ’ ! ‘รักษาหน้า’ จนฟองสบู่ ‘ใกล้แตก’! | Knowledge Times EP.38

????Knowledge Times BizView | EP.38
????เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้! วิกฤตตลาดหุ้น ‘สหรัฐ’ ! ‘รักษาหน้า’ จนฟองสบู่ ‘ใกล้แตก’!

จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร คนตกงาน ธุรกิจต่าง ๆ ปิดตัวลง ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างดูเหมือนจะเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

โดยในภาค Main Street ซึ่งก็คือ ภาคเศรษฐกิจจริง อันมีธุรกิจที่มีการดำเนินงานอยู่แล้ว มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นการทำธุรกิจแบบยั่งยืน โดยสหรัฐฯ นั้นย่ำแย่มานานจากผลของการระบาดจากโควิด-19 รวมไปถึงปัญหาการเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯ อันเป็นระบอบที่เน้นชนชั้นสูง ผู้นำทางการเงิน ชนชั้นในตลาดหุ้นเป็นหลัก หรือ The winner Takes All (ใครมือยาวสาวได้สาวเอา)

ในขณะเดียวกันที่ภาค Main Street ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 แต่ในด้านของตลาดหุ้นกลับดูเหมือนว่าไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้น NASDAQ (แนสแด็ก) ตลาดหุ้นที่เกี่ยวกับ Tech Company ซึ่งราคาในตลาดหลักทรัพย์มีแต่ขึ้นกับขึ้น แต่ในความเป็นจริง นี่คือลักษณะของการเกิดฟองสบู่ เสียมากกว่า

ย้อนกลับไปในยุคที่สหรัฐฯ นั้นรุ่งเรืองมากที่สุด ซึ่งผลิตสินค้าโภคภัณฑ์มากมายในอดีต เช่น Ford ซึ่งในยุคนั้นสหรัฐฯ เน้นผลิตจากภาคการผลิตจริง ในช่วงยุค 60s 70s 

แต่หลังจากนั้นสหรัฐฯ มีความเชื่อว่าการอัดฉีดเงินเข้าไปในตลาดหุ้น เป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังกลายเป็นที่ทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้น และ CEO แต่ละบริษัทจะได้กำไรมากหรือน้อยไปขึ้นอยู่กับผลประกอบการ

จึงยิ่งทำให้คนไปเน้นตัวเลขที่ตลาดหุ้น มากกว่าการผลิตจริง แน่นอนว่าการที่จะสร้างกำไรมหาศาลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ต้องมีการตัดค่าใช้จ่ายของแต่ละบริษัท 

ซึ่งการตัดค่าใช้จ่ายในจุดต่าง ๆ นั้น ทำให้ภาคการผลิตจริงอ่อนแอ ไม่ว่าจะแรงงานครัวเรือน ชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง อ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ เพราะยิ่งลดค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่ ผู้ถือหุ้นก็จะสร้างกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น และในขณะเดียวกัน CEO ก็จะได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นเช่นเดียวกัน

นี่จึงกลายเป็นจุดตัดของ ‘Main Street’ กับ ‘Wall Street’

ซึ่งถ้าหากพูดถึงภาค Main Street ของสหรัฐฯ ในขณะนี้ ไม่ว่าจะมีการแพร่ระบาดของ Covid-19 หรือไม่ ต่างก็ถูกกดทับในเชิงโครงสร้างมาโดยตลอดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นผลพวงจากวิธีคิดเหล่านี้

และยิ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้ามาซ้ำเติม จึงทำให้ขณะนี้ในสหรัฐฯ มีคนตกงานไปแล้วกว่า 107 ล้านคน จากการรายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed อันเป็นผลพวงจากโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปในทุกจุดของโลก อันทำให้แรงงานต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ

แต่ในทางกลับกันภาค ‘Wall Street’ ที่ยึดผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ดังนั้นการที่หุ้นตกลง นั่นเป็นเสมือนการเสียหน้า อันมีความเชื่อว่าถ้าดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ต่ำเมื่อไหร่ แสดงถึงเศรษฐกิจที่ไม่ดี

เรียกว่าเป็น ‘ตลาดหุ้นแบบสุดโต่ง’ โดยที่แทบไม่ได้สนใจในภาค Main Street และที่ผ่านมา เพื่อรักษาหน้าตลาดหุ้น ‘ธนาคารกลางสหรัฐฯ’ ได้พิมพ์แบงก์จำนวนมหาศาล มาอัดฉีดในตลาดหุ้น 

แทนที่จะนำเงินมาอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจจริง หรือนำไปทำประโยชน์อื่น ๆ แต่ปรากฏว่าในสมัยใหม่ ลัทธิที่ใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเข้าไปอัดระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในอดีตเงินส่วนนี้มักนำไปใช้ในการสร้างโปรเจกต์ยักษ์เพื่อสร้างงานให้กับคน รวมไปถึงการพิมพ์แบงก์ 

แต่ในปัจจุบันกลับนำเงินเข้าไปอัดในตลาดหุ้น ซึ่งเหตุผลที่สหรัฐฯ เลือกทำเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะนี่คือวัฒนธรรมที่ต้องรักษาภาพพจน์ของตลาดหุ้น เพราะมีความเชื่อว่าตัวเลขในตลาดหุ้นดีเท่าไหร่ นั่นยิ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่ดี

ดังนั้นเมื่อมีการอัดฉีดเงินเข้าไปอยู่ตลอด จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐฯ นั้นมีภาพที่ดี เพราะมักใช้ตัวเลขดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ แล้วอัดเงินเข้าไปตรงจุดนี้ให้เยอะ ๆ เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้มาลงในตลาดหุ้นสหรัฐ 

ซึ่งเป็นเทคนิคในการล่อใจนักลงทุนทั่วโลก ด้วยการเอาหุ้นบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่เป็นหลักในการฉีดเงินเข้าไป เพื่อให้เกิดอุปทานหมู่และเงินจากทั่วโลกก็จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่หากมองเนื้อในที่แท้จริง มีเพียง 20% เท่านั้น ที่ราคาตลาดหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ นั้นดีจริง ๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่สมดุล

ดังนั้น การอัดฉีดเงินเข้าไปโดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงย่อมทำให้เกิดฟองสบู่ขึ้น ซึ่งในขณะนี้ก็กำลังขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขาดรากฐานจากความเป็นจริง 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ แท้จริงแล้วรากฐานอาจไม่ได้แข็งแรงและมั่นคงอย่างที่คิด แต่การอัดฉีดเงินเข้าไปมหาศาล เพื่อสร้างภาพพจน์ออกมาให้ดูดี และดึงดูดนักลงทุนนี้ แม้จะเป็นกลยุทธ์ที่อาจใช้ได้ผลในระยะหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่ ‘ฟองสบู่’ อาจจะ ‘แตกสลาย’ ลงเมื่อไหร่ก็ได้ 

"เที่ยวฤดูหนาว ตามรอยโครงการพระราชดำริ" ทิวทัศน์สวย รวยความรู้ | MEET THE STATES TIMES EP.40

 ???? "เที่ยวฤดูหนาว ตามรอยโครงการพระราชดำริ" ทิวทัศน์สวย รวยความรู้ คู่ความชิล!!
???? โครงการในพระราชดำริของพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงช่วยให้ชาวประชามีความเป็นอยู่ดีที่ขึ้น…

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

???? ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

“คุณสมบัติ” ประธานอินเตอร์ลิ้งค์ฯ แชร์ประสบการณ์ “How to Smart Industrial Cabling & Networking” แก่ทั่วประเทศกว่า 100 หน่วยงาน!!

วันที่ 20 พ.ย. 2564 “คุณสมบัติ อนันตรัมพร” ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ มาแชร์ประสบการณ์ “How to Smart Industrial Cabling & Networking” ครั้งแรกกับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศกว่า 100 หน่วยงาน 

พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำที่มาเจาะลึกรายละเอียดการเลือกใช้สายสัญญาณ และอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเห็นภาพจริงและไปประยุกต์ใช้ได้กับยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น 

 

ครูไทยหัวใจต้องแกร่ง! ไขข้อข้องใจ​ทำไมการศึกษาไทยไปไม่ถึงไหน | MEET THE STATES TIMES EP.39

????‘เกิดเป็นครูไทย...หัวใจต้องแกร่ง! ไขข้อข้องใจ​ ทำไมการศึกษาไทยไปไม่ถึงไหน?'
????เปิดปมการศึกษาไทย...ทำไมนับวันยิ่งถอยหลังลงคลอง!!?  มาหาคำตอบไปพร้อมกัน!!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

รัฐบาลเงาเมียนมา เตือน!! ‘ถ้าไม่กลัวสงครามก็มา’ หลังรัฐบาลทหารเมียนพร้อมเปิดประเทศ

รัฐบาลทหารเมียนมา ภายใต้การนำของนายพล ‘มิน อ่อง หล่าย’ เตรียมเปิดประเทศ เดินหน้าเศรษฐกิจอีกครั้งภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้ โดยเริ่มจากการเปิดชายแดนที่ด่านประเทศไทย และจีน หลังจากนั้นก็จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบได้ไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

กระทรวงข่าวสารและสารสนเทศของพม่าได้ประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ว่า จะเริ่มผ่อนปรนมาตรการเข้าเมืองบริเวณด่าน ‘รุ่ยลี่’ ที่ชายแดนมณฑลยูนนานของจีน และด่านท่าขี้เหล็ก เกาะสอง และทิกิ ที่ติดกับชายแดนไทย

โดยเชื่อมั่นว่า หลังจากที่เปิดประเทศแล้ว จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาแน่นอน เนื่องจากพม่ามีแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต สวยงาม น่าดึงดูดใจมากมาย ซึ่งทางการพม่าจะจัดเตรียมกองกำลังทั้งทหาร ตำรวจ เข้ามาดูแลความปลอดภัยในเขตแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ 

ส่วนปัญหาเรื่องการระบาดของ Covid-19 ในประเทศนั้น ทางการพม่ากล่าวอย่างมั่นใจว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ที่ตอนนี้ได้รับวัคซีนบริจาคมาเป็นจำนวนมากจากจีน และอีกหลายประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รัฐบาลของนายพล มิน อ่อง หล่าย แสดงความมั่นใจอย่างมากในการเปิดประเทศ แต่ทว่า รัฐบาลเงา ที่เรียกตนเองว่า National Unity Government of the Republic of the Union of Myanmar หรือ NUG ก็ได้ออกมาประกาศว่า ‘อย่ามาพม่า’ ในช่วงเวลานี้อย่างเด็ดขาด 

ด้าน นาย ทิน ทุน เนียง หนึ่งในรัฐมนตรีของรัฐบาลเงา NUG ได้กล่าวย้ำผ่านสื่อว่า “นี่ไม่ใช่เวลาที่นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวนะครับ!” ซึ่งเรื่องนี้ดูจะทำให้ภาพของเปิดประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเมียนมาของรัฐบาลของ นายพล มิน อ่อง หล่าย อาจไม่เป็นดั่งที่คาดหวังไว้ก็เป็นได้

‘มก.- อปท.’ ร่วมลงนามความร่วมมือพัฒนาบุคลากรส่วนท้องถิ่น

​มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ 5 ปี กับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำและพัฒนาหลักสูตรสำหรับใช้ในการจัดฝึกอบรมพัฒนาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำแหน่งต่าง ๆ รวมถึงข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้มีความรู้ ทักษะสมรรถนะที่เหมาะสมกับตำแหน่งและมีความเป็นมืออาชีพในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นที่ยอมรับเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน

19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00 น. - 15.00 น. ณ ห้องกำพล อดุลย์วิทย์ ชั้น 2 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดย นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ร่วมลงนาม โดยมี ดร.อัศวิน โชติพนัง ที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม รศ.สุวิสา พัฒนเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม นาศศิน พัฒนภิรมย์ ผู้อํานวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ดร.ยุพวัลย์ ทองใบอ่อน รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ร่วมในงานครั้งนี้ด้วย เพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาวิจัย จัดทำ และพัฒนาหลักสูตรสำหรับการฝึกอบรมข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่นทุกตำแหน่ง การพัฒนาหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำหรับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

รวมถึงข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และความร่วมมือด้านการจัดโครงการฝึกอบรม สัมมนา หรือกิจกรรมพัฒนาความรู้ ทักษะและสมรรถนะในการบริหารงานและการปฏิบัติงานให้กับข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำแหน่งต่าง ๆ รวมถึงข้าราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2569

ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ได้ให้ความไว้วางใจร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื่องจากเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสี่ยง มีความเชี่ยวชาญ มีผลงานทางวิชาการและผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และมีประสบการณ์ในการดำเนินงานทางวิชาการ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มอบหมายให้สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านวิชาการ การจัดทำโครงการและงบประมาณ รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยมีสถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำและพิจารณากลั่นกรองร่วมด้วยทุกโครงการ

​ในส่วนของความร่วมมือในการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมนั้น เป็นหลักสูตรภาคบังคับของข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น 

แบ่งเป็น ประเภทอำนวยการท้องถิ่น ได้แก่ หลักสูตรนักบริหารงานการเกษตร ประเภทวิชาการ ได้แก่ หลักสูตรนักวิชาการเกษตร หลักสูตรนักวิชาการประมง หลักสูตรนักวิชาการสวนสาธารณะ หลักสูตรนักวิชาการสิ่งแวดล้อมหลักสูตรนักวิชาการสุขาภิบาล หลักสูตรนายสัตวแพทย์ 

Xpeng เตรียมส่ง 'รถไฟฟ้าบินได้' บุกยุโรป คาดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2024

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. HT Aero ผู้ให้บริการการเคลื่อนย้ายทางอากาศในเขตเมือง (Urban Air Mobility : UAM) บริษัทในเครือของ XPeng ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าบินได้ในงาน EUROPEAN ROTORS 2021 ที่จัดขึ้นในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยานยนต์ดังกล่าวได้โชว์ตัวในยุโรป

Zhao Deli ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท HT Aero กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันก็มีความหลงใหลในเครื่องบินส่วนตัว และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตทุกคนจะสามารถเดินทางทางอากาศด้วยยานยนต์จาก HT Aero นวัตกรรมใหม่นี้มุ่งมั่นที่จะผลักดันขีดจำกัดของความคล่องตัวทั้งบนท้องถนนและบนท้องฟ้า

โดย HT Aero เริ่มพัฒนา "X2" ยานยนต์ 2 ที่นั่งที่สามารถเดินทางทั้งบนบกและอากาศตั้งแต่ปี 2013 ผ่านการทดสอบมาแล้วมากกว่า 15,000 ครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้มีการอัปเกรดคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ รวมถึงระบบควบคุมการบิน ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และระบบร่มชูชีพ

ภายนอกมีลักษณะคล้ายรถซูเปอร์คาร์ แต่มีการติดตั้งใบพัดขนาดใหญ่ข้างตัวรถ ซึ่งสามารถพับเก็บได้โดยอัตโนมัติ และมีการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา

บริษัทเผยว่ายานยนต์ดังกล่าวมีน้ำหนักอยู่ที่ 560 กิโลกรัม ยาว 4.97 เมตร กว้าง 4.78 เมตร สูง 1.36 เมตร สามารถทำความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินได้ในระดับความสูงไม่เกิน 1,000 เมตร

ตำนานบทใหม่ ‘จีน 3.0’ !! “มติครั้งประวัติศาสตร์” ส่ง ‘สี จิ้นผิง’ นั่งแท่นปกครองจีนตลอดกาล?! | Knowledge Times EP.37

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? ตำนานบทใหม่ ‘จีน 3.0’ !! “มติครั้งประวัติศาสตร์” ส่ง ‘สี จิ้นผิง’ นั่งแท่นปกครองจีนตลอดกาล?! 

การประชุมใหญ่แบบเต็มคณะครั้งที่ 6 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจบลงแล้ว! ซึ่งก็เป็นไปตามคาดการณ์ เมื่อที่ประชุมมีการรับรอง “มติประวัติศาสตร์” คือ การยกย่องให้ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ปูทางให้ครองอำนาจต่อสมัยที่ 3 รวม 15 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น…หลังจากก่อนหน้านี้จีนได้แก้กฎหมายที่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ 2 สมัย เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

ผู้สังเกตการณ์บางคนมองว่า “มติประวัติศาสตร์” เป็นความพยายามเสริมสร้างสถานะของ “สีจิ้นผิง” ให้เทียบเท่า “เหมาเจ๋อตง” ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ “เติ้งเสี่ยวผิง” ผู้สืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อจากประธานเหมา และเป็นผู้ที่เปิดประเทศจีน

เพราะในอดีตมีการผ่านมติลักษณะดังกล่าวเพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือในยุคของประธาน “เหมาเจ๋อตง” และครั้งที่ 2 คือ “เติ้งเสี่ยวผิง” นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวว่า นัยสำคัญของ “มติประวัติศาสตร์” คือการใช้เป็นเครื่องมือ หรือช่องทางแก้ไขความผิดพลาดในอดีต และเป็นหมุดหมายในการปรับทิศทางสังคมครั้งใหญ่

ย้อนไปเมื่อครั้งแรกที่ประกาศในที่ประชุมใหญ่พรรคเมื่อปี 1945 “มติประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 1” ช่วยให้ “เหมาเจ๋อตง” รวบรวมความเป็นผู้นำเพื่อให้มีอำนาจเต็มที่ ก่อนการประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 ส่วน “มติประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 2” เกิดขึ้นเมื่อปี 1981 หลังเติ้งเสี่ยวผิงขึ้นสู่อำนาจได้ 2 ปี ในคราวนั้นได้พยายามชำระประวัติศาสตร์ด้วยการวิจารณ์ความผิดพลาดนโยบายก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ของ “เหมาเจ๋อตง” ที่ทำให้ประชาชนอดอยากและล้มตายเป็นจำนวนมาก   

ด้าน BBC รายงานบทวิเคราะห์ของ “อดัม นี” บรรณาธิการ China Neican ว่า “สีจิ้นผิง” กำลังทำตัวเองให้เหมือนเป็นฮีโร่ในมหากาพย์เส้นทางการเดินทางของประเทศ ด้วยการผลักดันผ่านมติประวัติศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้เขาเข้าไปอยู่เป็นศูนย์กลางเรื่องเล่าอันยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์และจีนสมัยใหม่

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิเคราะห์ว่า “มติประวัติศาสตร์” นี้ เป็นสัญญาณว่าจีนอาจย้อนกลับไปสู่ ‘ลัทธิบูชาบุคคล' หลัง “สีจิ้นผิง” เดินหน้ากระชับอำนาจมานานหลายปี เพราะจีนมีบทเรียนที่เคยพาประเทศไปสู่โศกนาฏกรรมมาแล้วในอดีต ย้อนไปสมัย “เหมาเจ๋อตง” ผู้นำคนแรกที่นำแนวคิด “มาร์กซิส” มาใช้ ส่งผลให้ในทศวรรษถัดมา จีนเผชิญกับ ‘ทุพภิกขภัย’ ครั้งใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตจากความอดอยากมากถึง 30 ล้านคน!! 

ความสุดโต่งของนโยบายนี้เอง จึงทำให้ “เติ้งเสี่ยวผิง” ผู้นำคนถัดมา ได้เปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ป้องกันการรวมอำนาจปกครองไว้ที่ผู้นำเพียงคนเดียว ด้วยการให้คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์สูงสุดจำนวน 7 คน เพื่อคานอำนาจผู้นำพรรค

อย่างไรก็ตาม ข้ามเวลามาใน ปี 2018 สภาประชาชนแห่งชาติจีน กลับลงมติรับรองให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกบทบัญญัติที่จำกัดจำนวนวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไม่เกิน 2 สมัย เพื่อเปิดทางให้ “สีจิ้นผิง” ครองอำนาจในฐานะประมุขของประเทศไปตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะสละตำแหน่ง ส่งผลให้ในปัจจุบัน “สี จิ้นผิง” คือ ผู้นำจีนที่ทรงอำนาจที่สุดนับตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตง และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก ซึ่งมาไกลเกินกว่าที่คนรุ่นก่อนจะคาดคิด

ขณะที่ “ดร.ชง จา เอียน” จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า จีนยืนอยู่ในจุดที่สามารถมองย้อนกลับไปเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการได้รับการยอมรับสถานะในฐานะชาติมหาอำนาจของโลก โดยที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน และบรรดาผู้นำต่างอยู่ในอำนาจโดยที่ไม่มีฝ่ายค้านในประเทศ "อาจพูดได้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุค สี จิ้นผิง ได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จสำหรับตัวพรรคและสำหรับประเทศจีน"

ถึงอย่างนั้นแล้ว การเมืองเป็นเรื่องที่อาจพลิกผันได้ และแม้จะมีหลักฐานมากมายว่า “สี จิ้นผิง” ได้กุมอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ในขณะเดียวกัน “อดัม นี” ก็กล่าวทิ้งท้ายไว้อีกด้วยว่า “แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต การเมืองระดับชนชั้นนำของจีนเต็มไปด้วยความลับ และมีเรื่องราวอีกมากที่เรายังไม่รู้" 

ส่วนความท้าทายใหญ่ที่สุดในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 กำลังเผชิญกับศึกใหญ่ทั้ง 2 ทาง คือการแข่งขันกับชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ สงครามการค้าและเทคโนโลยี บวกกับบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศที่ไม่เป็นมิตร รวมทั้งกรณีไต้หวันและทะเลจีนใต้ 

และการเผชิญกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ด้วยโครงสร้างประชากรสูงอายุ และความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจ แม้ว่า “สีจิ้นผิง” มองว่าความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องมีผู้นำที่แข็งแกร่ง... แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นความเสี่ยงมหาศาลที่ต้องพิสูจน์ฝีมือตัวเองเช่นกัน

ครอบครัวทหารในสหรัฐฯ นับแสน กำลังประสบปัญหาเรื่องปากท้อง

รายงานจากสำนักข่าวเอพี อ้างอิงการคาดการณ์ขององค์กรฟีดดิง อเมริกา (Feeding America) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐอเมริกา ที่เข้าประจำการเต็มเวลาจำนวนมากถึง 160,000 นาย กำลังประสบปัญหาในการเลี้ยงดูครอบครัวตนเอง

องค์กรฟีดดิง อเมริกา ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือข่ายธนาคารอาหารทั่วประเทศ เผยว่า ปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารที่รุนแรงนั้น กำลังกัดกินสังคมสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงทหารของกองทัพด้วย องค์กรฟีดดิงฯ ได้คาดการณ์ว่า เมื่อปีที่แล้ว สมาชิกกองทัพสหรัฐฯ ระดับล่างร้อยละ 29 กำลังประสบปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหาร 

'ดีอีเอส' งัดไม้แข็งคุมออนไลน์ พร้อมมอบอำนาจถึงระดับตำรวจภูธร

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อหารือแนวทางดำเนินการในคดีสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อแก้ไขปัญหาการหลอกลวง ฉ้อโกง และธุรกิจผิดกฎหมายทางออนไลน์ ว่า ทุกหน่วยงานเห็นตรงกันว่า จะกระจายอำนาจรับผิดชอบเกี่ยวกับการสอบสวนคดีด้านนี้ไปยังสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปแจ้งความได้เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็วในการสอบสวน รวมทั้งลดจำนวนคดีสะสมที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ด้วย

ทั้งนี้ในการดำเนินการดังกล่าว ถือว่าอยู่ในอำนาจของ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีอำนาจตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาลงนามมอบอำนาจนี้ให้กับตำรวจ บช.สอท. อย่างไรก็ตามในช่วงต่อจากนี้จะมอบอำนาจให้ถึงระดับตำรวจภูธร เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่การซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างมาก ส่งผลให้จำนวนคดีด้านนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

‘กลุ่มไทยรักษา’ วอนอย่าท้อที่จะเข้าโรงหนัง ย้ำ! อย่าให้ค่า คนไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯ

เพจเฟซบุ๊ก ไทยรักษา โพสต์ข้อความกรณีการยืนถวายความเคารพ ช่วงการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี ภายในโรงภาพยนตร์ว่า ขอรณรงค์ ขอรณรงค์ "อย่าท้อที่จะเข้าโรงหนัง"

การไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงหนังมีมานานแล้ว และมีมาตลอดในช่วงเวลา 10 ปีมานี้ แต่พึ่งมาเด่นชัดในช่วงหลังนี้เท่านั้น....

แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังยืนกันอยู่ 
แต่ที่แตกต่างจากเมื่อก่อน คือจำนวนคนที่ไม่ยืนมีเยอะขึ้น และกำลังกลายเป็นค่านิยมในคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

#สิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้ทันทีเลยก็คือ เราจะต้องไม่ไปคุกคามคนที่เขาไม่อยากยืน แค่การที่เขาแสดงสิทธิของตัวเองออกมา 

“บิ๊กช้าง” ประธานร่วม ส่งมอบ 15 ยานเกราะล้อยาง ให้ภูฏาน "มาดามรถถัง" ปลื้ม ยานเกราะไทย ไปไกลถึง UN ครั้งแรก ยันไม่มีค่าคอม-แป๊ะเจี๊ยะ 

ที่กระทรวงกลาโหม(สรีสมาน) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธาน ในพิธีส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4  จำนวน 15 คัน ให้กับรัฐบาลราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพ  ในห้วงเดือนธันวาคมนี้ ณ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และเป็นครั้งแรกที่นำไปใช้ในภารกิจของ UN   โดยมีนายคินซัง ดอร์จิ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏาน ประจำประเทศไทย  เข้าร่วมแสดงความยินดี 

โดยพล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่าเรามีสายสัมพันธ์อันดี กับภูฏาน  การส่งมอบไปใช้ในภารกิจสันติภาพครั้งนี้ ก็ถือว่าไทยมีส่วนร่วมในภารกิจสันติภาพของ UN ด้วย ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศไปสู่การพึ่งพาตัวเอง สู่ พาณิชย์ ส่งออก นำเงินตราเข้าประเทศ  ล็อตต่อไปก็ได้มีการเจรจากับบางประเทศที่มีความสนใจในรถรุ่นนี้ 

ขณะที่พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความสำเร็จ ของความร่วมมือ ระหว่าง กระทรวงกลาโหม กับบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์รับเบอร์ จำกัด บริษัทสัญชาติไทย   ในการส่งออก ยานเกราะล้อยาง FirstWin 4x4 ให้กับราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งเอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย ก็ได้ระบุ ว่าการที่เลือกใช้ยุทโธปกรณ์จากชัยเสรี เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและสมรรถนะของบริษัทจากไทย อีกทั้งทั้งสองประเทศ ยังมีความผูกพันกัน  และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ใกล้ชิดกัน ในขณะที่ ราคา ก็ถือเป็นราคามิตรภาพ ซึ่งยืนยันว่าคุณภาพไม่ได้เป็นรองใคร 

และถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้สามารถส่งออกได้ รวมถึงผลิตใช้ภายในประเทศ ซึ่งก็มีการผลิตอยู่เรื่อยเรื่อยเพื่อให้ตรงกับความต้องการของกองทัพ เช่น ปืนใหญ่ และระเบิด ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทชัยเสรี ที่ร่วมทุนกับ สปท. กำลังเจรจากับฟิลิปปินส์หากเจรจากันได้ก็จะเป็นออเดอร์ ที่ใหญ่พอสมควร ในลักษณะแบบจีทูจี  


ขณะที่ นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือมาดามรถถัง เจ้าของบริษัทชัยเสรี  กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสส่งรถให้กับกองทัพภูฏาน  ถือเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท เพราะเราทำงานนี้มาตั้งแต่ปี 2517 รวม 54 ปีแล้ว ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหม และบริษัท ซึ่งรถเกราะของเรา ก็ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมทหารกระทรวงกลาโหม ทำให้เรามีความน่าเชื่อถือ ในขณะที่คุณภาพก็เป็นที่ยอมรับ และการส่งออกครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเราเคยส่งไปประจำการในกองทัพหลายประเทศแล้ว และยืนยันว่าไม่มีค่าคอมมิชชั่น หรือเงินใต้โต๊ะ

กกพ.เคาะขึ้นค่าไฟฟ้า 16.71 สตางค์ รับปีใหม่

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบ เดือนม.ค. – เม.ย. 2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยปรับปรุงตามค่าจริงในรอบต่อๆ ไป

ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้ดำเนินนโยบายบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้ใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง มาตรการการลดค่าไฟฟ้า และตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรหรือเอฟทีอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้สถานการณ์การ แพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง ทำให้เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศเริ่มฟื้นตัว 

ททท.คาดเงินสะพัดลอยกระทงแค่ 1,400 ล้านบาท บางส่วนหนีโควิดลอยออนไลน์แทน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ปี 64 ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ว่า บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในภาพรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่อาจจะไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 62 เนื่องจากในปีนี้ยังอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแต่ละพื้นที่สามารถจัดกิจกรรมลอยกระทงตามประเพณีได้ โดย ททท.ประเมินว่าจะมีจำนวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 551,700 คน-ครั้ง และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียน 1,400 ล้านบาท โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 24% 

ทั้งนี้ในการจัดกิจกรรมลอยกระทงในพื้นที่ต่าง ๆ ตามประเพณี กำหนดให้อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อขั้นสูงสุด พร้อมกับงดการขายและจุดประทัด เล่นดอกไม้ไฟหรือพลุ และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่หยุดนิ่งส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงกังวลกลัวการติดเชื้อโควิด-19 สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีเทศกาลลอยกระทงในยุคโควิด-19 ของสวนดุสิตโพล ระหว่างวันที่ 6-12 พ.ย. 64 พบว่า คนไทยส่วนใหญ่กว่า 60.04% กังวลเรื่องโควิด-19 กลัวเกิดคลัสเตอร์ใหม่มากที่สุด 

ส่วนการจัดงานในกรุงเทพฯ ปีนี้ คาดว่า จะมีจำนวนคนไทยประมาณ 26,800 คน-ครั้ง มีการใช้จ่าย สร้างรายได้หมุนเวียน 91 ล้านบาท โดยบรรยากาศการเดินทางในพื้นที่ที่ ททท. ให้การสนับสนุน และประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 64 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มี 2 งาน คือ งานมหัศจรรย์เทศกาลลอยกระทงบนแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไอคอนสยาม และ ริเวอร์ เฟสติวัล 2021 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 7  

'กองทัพเรือ' จัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 อดีตผบ.ทร.ร่วมงานพรึ่บ! ขาดเพียง “บิ๊กลือ” ด้าน “บิ๊กเฒ่า” ส่งสารถึงกำลังพล หวังทุกคนตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ขอให้หัวหน้าหน่วยดูแลทุกข์สุขลูกน้องใกล้ชิด

ที่ท้องพระโรงพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานพิธีสงฆ์และพิธีทักษิณานุปทาน เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 โดยมีอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ อาทิ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง พล.ร.อ.ทวีศักดิ์ โสมาภา พล.ร.อ.สถิรพันธุ เกยานนท์ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ พล.ร.อ.ไกรสร  จันทร์สุวานิชย์ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ พล.ร.อ.นริส  ประทุมสุวรรณ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี ซึ่งขาดเพียงแต่พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน

โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธี ประกอบด้วย พระพรหมวัชรเมธี วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระธรรมราชานุวัตรวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร พระธรรมวชิรเมธี วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร พระราชปัญญารังสี วัดชิโนรสารามวรวิหาร และพระราชวิสุทธิโสภณ  วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ และนางศิริรัตน์  นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้เดินทางต่อไปยังท่าน้ำหน้าลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ เพื่อปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด ขยายพันธุ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ พร้อมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นทกรุงเทพมหานคร ได้ตักบาตร พระสงฆ์ 49 รูป ซึ่งนิมนต์มาจากวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหารเพื่อความเป็นสิริมงคล ณ บริเวณลานหน้าอาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะได้ทำพิธีบวงสรวงและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม และกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วย พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในท้องพระโรงชั้นใน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์และศาลสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช พระบวรสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลเจ้าพ่อหนู พระพุทธลีลาราชนาวีศรีนันทอุทยานมิ่งมงคล พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และศาลเจ้าพ่อมังกรแก้ว

สำหรับความเป็นมาของวันกองทัพเรือ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนนายเรืออย่างเป็นทางการณ พระราชวังเดิม ธนบุรี กับได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือ ความว่า “วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ.125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือ มีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบต่อไปในภายน่า” กองทัพเรือ จึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันกองทัพเรือ และเป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการก่อตั้งสถาบันหลักของ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนากิจการทหารเรือ ให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้พล.ร.อ.สมประสงค์ ได้มีสารถึงกำลังพลกองทัพเรือ ว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ ที่พระราชวังเดิมธนบุรี กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันมหามงคลนี้เป็นวันกองทัพเรือ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทหารเรือไทยตามแบบอารยประเทศ ส่งผลให้มีพัฒนาเจริญก้าวหน้าเป็นกองทัพเรือที่ทันสมัยเข้มแข็ง มีเกียรติภูมิเป็นที่ปรากฏจนถึงทุกวันนี้มาเป็นระยะเวลา 115 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตลอดจนความมั่นคงของประเทศและเหนือสิ่งอื่นใดคือการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของปวงชนชาวไทย การดำเนินงานตามพระราชโครงการพระราชดำริและการสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนและพัฒนากองทัพเรือให้เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการบริหารจัดการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top