Tuesday, 25 June 2024
NEWS

 ก.แรงงงาน มอบ 176 รางวัล การันตีสถานประกอบกิจการ จ.ปทุมธานี ที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานที่ดี

นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “Pathum Thani Labour Excellence Award 2021” ให้แก่สถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานที่มีระบบการบริหารจัดการด้านแรงงานที่ดี ประจำปี พ.ศ. 2564 โดยมีนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และนายเอกวิทย์ มีเพียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมพิธี ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ทินิดี โฮเท็ล บางกอก กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธานี

นางสาวบุปผา กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน มีนโยบายสำคัญในการผลักดันและสร้างความเข็มแข็งให้เกิดขึ้นในวงการแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและหลักธรรมาภิบาล โดยได้ดำเนินการพัฒนาสถานประกอบกิจการและศักยภาพของผู้ใช้แรงงาน ให้มีความสามารถในการวิเคราะห์ สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความสมานฉันท์ปรองดอง ตลอดจนมุ่งพัฒนาสถานประกอบกิจการให้มีความแข็งแกร่ง และรองรับการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในภูมิภาค แม้จะเกิดการระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนดูแลสถานประกอบกิจการและผู้ใช้แรงงานให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการทุกแห่งที่ได้รับรางวัลในวันนี้ เพราะสถานประกอบกิจการแต่ละแห่งเป็นกลไกสำคัญของภาคการผลิตที่ส่งเสริมให้มีการจ้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน หากสถานประกอบกิจการมีระบบการบริหารจัดการที่ดีและได้มาตรฐานตามหลักสากล ย่อมส่งผลให้ผู้ใช้แรงงานมีศักยภาพสูงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคัง ยั่งยืนต่อไป

“รมว.กห.” กำชับเหล่าทัพให้ความสำคัญประมวลจริยธรรมฯเคร่งครัดยึดมั่นสถาบันหลักของปท. พบกำลังพลผิดจริง ดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งวินัย-อาญา พร้อมสั่งเหล่าทัพเพิ่มความเข้มงวด รองรับความปลอดภัยไซเบอร์ หลังพบภัยคุกคามเจาะข้อมูลอินเทอร์เน็ต

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 11 /2564 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ให้ความสําคัญกับระเบียบ กระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรมและการรักษาจริยธรรม พ.ศ. 2564 โดยให้กําลังพลทุกระดับชั้นยึดถือและปฏิบัติตนตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการยึดมั่นในสถาบันหลัก ของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีความซื่อสัตย์ สุจริต และมีจิตสํานึกที่ดี รับผิดชอบต่อหน้าที่ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนสําหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูล ความผิดจริง ไม่ว่าจะเป็นทางวินัยหรือทางอาญา ให้ดําเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้ พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 11 /2564 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กำชับเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในปัจจุบัน มีการเจาะระบบข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการรบกวนไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ ทําให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล ที่จําเป็น ในการดําเนินธุรกรรมกับภาครัฐ ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของ หน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างยิ่ง

“รองโฆษกทบ.” เผย “รมว.กลาโหม” สั่ง หน่วยขึ้นตรง-ผบ.เหล่าทัพ สนับสนุนจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ‘ในหลวงร.9’ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เผย ที่ปช.สภากห.ตั้ง 5 กก.สภาทหารผ่านศึก แทนคนเกษียณอายุ 


ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 11 /2564 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน
ว่า นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบนโยบายให้กับหัวหน้าหน่วยข้ึนตรงกระทรวงกลาโหมและ ผู้บัญชาการเหล่าทัพเตรียมการและสนับสนุนส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้อง ในการจัดงานและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
 

ชลประทานจัดงบ 4,465 ล้าน จ้างแรงงาน 7.5 หมื่นคน 

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ดำเนินการตามนโยบายการช่วยเหลือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วยการดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในปีงบประมาณ 2565 เพื่อปฏิบัติงานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำ รวมทั้งโครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทดแทนจากการว่างเว้นการทำการเกษตร 

โดยในปีนี้ มีแผนจ้างแรงงานวงเงินกว่า 4,465 ล้านบาท สามารถจ้างแรงงานได้ประมาณ 75,000 คน ระยะเวลาการจ้างอยู่ระหว่าง 1 - 10 เดือน วงเงินจ้างแรงงานอยู่ระหว่าง 8,700 – 87,000 บาท/คน โดยเกณฑ์การจ้างแรงงานจะพิจารณากลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. เกษตรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรหรือเกษตรกรในพื้นที่ 2. สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำของกรมชลประทานในพื้นที่ 3. ประชาชน และผู้ใช้แรงงานทั่วไป และ 4. หากแรงงานในพื้นที่มีไม่เพียงพอให้พิจารณาจ้างเกษตรกรหรือแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และลุ่มน้ำ  

'ธนารักษ์' เตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ 1 ม.ค.นี้

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามประกาศคณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ เรื่องกำหนดวันเริ่มใช้บัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 โดยคณะกรรมการประจำจังหวัดประกาศบัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่จัดทำ ทุกรอบ 4 ปี ซึ่งต้องประกาศล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้บัญชีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน และบัญญัติให้บัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เริ่มใช้ ณ วันที่ 1 มกราคม ของปีที่คณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐกำหนด

ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันยังคงส่งผลกระทบโดยรวมต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทางคณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จึงออกประกาศให้เริ่มใช้บัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562 โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2566 พร้อมกันทั่วประเทศ 

 

“โฆษกกห.” แจงครม. อนุมัติงบลับ กระทรวงกลาโหม 21.69 ล้าน ใช้แก้ปัญหาความมั่นคง ย้ำ การใช้งบลับเป็นไปตามระเบียบ เพียงแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมย้ำ "นายกฯ" ห่วงเกษตร สั่งกองทัพพร้อมช่วยขนส่งสินค้า ชี้ ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ที่ใช้กองทัพเข้าแก้ไขปัญหา

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 11/2564 กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณลับของกระทรวงกลาโหมเมื่อวานนี้ (23 พ.ย. 64) ว่า งบลับเป็นเรื่องที่อนุมัติเพิ่มเติม เป็นการเปลี่ยนแปลงงบลับที่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามแผนงานยุทธศาสตร์ การพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและพร้อมเผชิญเหตุของกระทรวงกลาโหม โดยค่าใช้จ่ายของบลับ มีขอบเขตของการทํางานเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่เป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคง การข่าว การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน และการจัดตั้งศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม แต่ไม่ใช่ศูนย์บัญชาการทหาร

พล.อ.คงชีพ กล่าวอีกว่า การใช้งบประมาณดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบของทางราชการสำนักนายกรัฐมนตรีปี 2547 เช่นเดียวกับในสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ โดยมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ พร้อมกับย้ำว่าการใช้งบลับเป็นไปตามระเบียบของทางราชการเพียงแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม ดูแลหน่วยความมั่นคง ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันทั้งหมด จะมีที่ตั้งอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ซึ่งใช้ประชุมกับต่างประเทศด้วยและใช้ทำงานกับกระทรวงต่างๆด้วย รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่ไม่ได้นำประเด็นดังกล่าวเข้ามาหารือในสภากลาโหมแต่อย่างใด

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าการขออนุมัติงบลับของกระทรวงกลาโหม อยู่ในแผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ ซึ่งงบประมาณที่ใช้จำนวน 21.69 ล้านบาท โดยมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการกลาโหม ไว้สำหรับปฏิบัติการทางยุทธการ แต่เหนือขึ้นไปในระดับนโยบาย มีหน้าที่ประสานกับกระทรวงอื่นๆ และประสานกับต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนโควิดกับกระทรวงสาธารณสุข ในเพื่อรองรับมาตรการการควบคุมโรคตั้งแต่แรก รวมไปถึงเรื่องน้ำท่วม การประชุมกับต่างประเทศ การประสานภารกิจร่วมกันระหว่างกระทรวง เพราะฉะนั้นศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหมใช้ในระดับนโยบาย แต่ระดับปฏิบัติจะใช้ศูนย์บัญชาการทหาร ของกองทัพไทย

รมว.เฮ้ง มอบนโยบายปี 65 กระทรวงแรงงาน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายกระทรวงแรงงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง)

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทุกท่าน ใน 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทุกท่านทุกกรมของหน่วยงานในการทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน ผู้ประกอบการที่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และภาวะทางเศรษฐกิจที่ถดถอย จนกระทั่งสามารถผ่านพ้นวิกฤตที่สำคัญ เป็นที่ประจักษ์ตามนโยบายกระทรวงแรงงาน

ผมขอมอบนโยบายกระทรวงแรงงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ให้แรงงานจังหวัดเป็น CEO ในการขับเคลื่อนงานระดับจังหวัดในทุกมิติ  มีการบูรณาการข้อมูลให้เป็นฐานเดียวกัน สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านแรงงานระดับจังหวัดและเชื่อมโยงกับส่วนกลาง มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน สร้างการรับรู้นโยบายในทุกระดับและภารกิจของทุกหน่วยงาน “รัฐมนตรีรู้ ปลัดกระทรวงรู้ แรงงานจังหวัดรู้”อาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงาน เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงแรงงาน ให้สร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น จัดตั้งกลุ่มไลน์แรงงานจังหวัดระดับภาคเพื่อเชื่อมโยงการทำงาน, การตั้งกลุ่มไลน์อาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงาน เป็นต้น

การใช้ช่องทางการสื่อสารจาก Social Media ที่มีความเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสามารถใช้ประโยชน์ในการทำงานแบบเครือข่ายไยแมงมุม ให้อัครทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ทำการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศแก่แรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้กลับประเทศไทย โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ  สามารถนำเงินลงในระบบเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ในปี 2565 ขอให้ดำเนินการต่ออย่างเข้มแข็งเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนด้านอาชีพ แรงงานนอกระบบ ผลักดันพระราชบัญญัติแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... เพื่อให้ความช่วยเหลือแรงงานนอกระบบกว่า 20.4 ล้านคน ต้องปรับปรุงกฎหมายให้ทันต่อรูปแบบการจ้างที่เหมาะสมกับการทำงานที่เปลี่ยนไป 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กรมการจัดหางาน จะเน้นในเรื่องการรักษาการจ้างงานและความช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ขอให้เตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ และวางระบบการเบิกจ่ายให้รัดกุม การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ต้องมีการอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ให้เตรียมการจัดงาน JOB EXPO เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ประชาชนผู้สนใจ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ในการออกตรวจ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมิให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด

ส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อเฝ้าระวังสถานประกอบการกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดข้อพิพาท วางแผนการทำงานในแต่ละปีเพื่อลดข้อร้องเรียนที่อาจเกิดขึ้น เช่น เดือนพฤศจิกายนให้หารือกับสหภาพเกี่ยวกับการจ่ายโบนัสประจำปีเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีจะเป็นการลดสถิติของปัญหาข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่อาจเกิดขึ้นดำเนินโครงการแรงงานพันธุ์ดีตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงต่อเนื่อง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้ทบทวนหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบันและเหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอย่างครบวงจรตั้งแต่การฝึกอบรมจนถึงสอนการทำตลาด เช่น สร้าง Story ในการขายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเป็นที่น่าสนใจ

ให้สถาบัน/สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด กำหนดหลักสูตรจังหวัดละ 1 หลักสูตร ขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม MOU ร่วมกับอาชีวศึกษา และสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เร่งรัดการออกหนังสือเพื่อรับรองความรู้ความสามารถให้เร็วขึ้นผ่านระบบออนไลน์ ร่วมกับสถาบันการศึกษาจัดทำหลักสูตรเพื่อผลิตกำลังแรงงานรองรับตลาดแรงงานในอนาคต ระยะ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี สำนักงานประกันสังคม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แก้ไขกฎหมายประกันสังคม

ในส่วนของสิทธิประโยชน์ กรณีชราภาพ “3 ขอ” ได้แก่ ขอเลือก ขอคืน และขอกู้ จัดตั้งธนาคารเพื่อผู้ประกันตน สถาบันการแพทย์เพื่อผู้ประกันตน สร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตนในราคาถูก เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง สร้าง application ประกันสังคมร่วมกับร้านค้าเพื่อเป็นสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน และ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท. สร้างองค์ความรู้ให้แก่สถานประกอบการได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อลดอัตราการอุบัติเหตุและอันตรายจากการทำงาน

WHO คาด!! ระลอกใหม่โควิดในยุโรป อาจดับลมหายใจชาวยุโรปร่วม 7 แสนราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO (The World Health Organization) แถลงคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในภูมิภาคยุโรป เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อาจจะส่งผลทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรายใหม่มากกว่า 7 แสนรายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ยุโรปมีจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 2.2 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากตัวเลขผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมในขณะนี้ 1.5 ล้านราย อันเป็นผลจากการที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะยานพุ่งสูงขึ้นทั่วทั้งทวีป จนเป็นเหตุให้บางประเทศต้องกลับไปใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า การออกมาประมาณการครั้งนี้ เพิ่มตัวเลขจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป ที่ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในยุโรป อาจทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากถึง 5 แสนราย ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า (2565)

'อัษฎางค์' เตือนสติ หยุดคิด!! ก่อนเหยียดใครโง่ เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถูกใครสวมเขา - โดนจูงจมูกอยู่หรือเปล่า?

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่มีการเหยียดคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ว่าเป็นคนโง่ โดยระบุว่า 

“ประยุทธ์มันโง่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้”

สองสามวันก่อนผมคุยโทรศัพท์กับแม่ แล้วมีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ขอมาคุยด้วย บอกว่าเห็นผมตามสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ รู้สึกเป็นห่วงที่ผมเกี่ยวข้องกับข่าวการเมือง เพราะการเมืองมันสกปรก

แล้วญาติคนนั้นก็เริ่มพูดเรื่องการเมือง ซึ่งผมพยายามตัดบทว่า ผมไม่คุยเรื่องการเมืองกับญาติหรือเพื่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา แต่เขาก็ไม่หยุด ยิ่งพูดยิ่งมัน

ตอนเริ่มต้นบอกว่าตัวเองไม่เข้าข้างใคร แต่ยิ่งพูดไปยิ่งฟังออกว่าเกลียดประยุทธ์
ญาติ : แกเข้าข้างประยุทธ์ใช่มั้ยล่ะ บร้าๆๆๆ
ผมตอบว่า: เปล่าครับ 
อันไหนถูกก็ว่าถูก อันไหนผิดก็ว่าผิด
แล้วเขาก็ยังพูดอีกหลายประเด็น

จนในที่สุดผมก็บังเอิญได้โอกาสที่ทำเขาหยุดจนได้
หลังจากที่ฟังเขาพูดอยู่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า: “ประยุทธ์มันโง่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
ผมรีบตัดบท ก่อนที่เขาจะพูดเรื่องอื่นต่อไป ด้วยการถามกลับไปว่า…
แล้วลุงพูดภาษาอังกฤษได้มั้ยครับ
ถามจบ ผมไม่พูดอะไรต่อ 
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีจากที่ล้งเล้ง กลับกลายเป็นเงียบสนิท 

ผมไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เพราะเขาคือญาติผู้ใหญ่ที่นับถือกันมาทั้งชีวิต แต่คำถามนั้นเป็นการย้อนคำด้วยความสุภาพสุดแล้ว 
เป็นคำถามที่อยากให้หยุดคิดนิดนึง
ไม่มีเสียงตอบ ผมก็ไม่พูดอะไรต่อ และไม่วางสาย
ปล่อยให้มันเงียบอยู่แบบนั้น เผื่อเขาจะได้มีเวลาหาคำตอบ

เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่มาออสเตรเลียใหม่ ๆ สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ มีอาจารย์สาวสวย เท่ มีเสน่ห์มาก ชาวอิตาลี เล่าประสบการณ์ของเธอให้นักศึกษาในห้องฟัง เรื่องการพูดภาษาอังกฤษว่า…
ตอนเธอมาออสเตรเลียใหม่ ๆ ภาษาอังกฤษของเธอยังไม่ดี เธอไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร แล้วมีคนพูดดูถูก ด้วยคำที่ทำให้เธอดูเป็นคนโง่
แต่เธอบอกกับนักศึกษาในห้อง โดยเฉพาะนักศึกษาต่างชาติว่า การที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือไม่ดีพอ ไม่ได้แปลว่า “เราโง่”

อาจารย์เล่าว่า อาจารย์ถามคนที่ดูถูกเธอว่า โง่ที่พูดอังกฤษไม่รู้เรื่อง กลับไปว่า…
คุณพูดภาษาอะไรได้อีกนอกจากภาษาอังกฤษ
แต่…ไม่มีคำตอบกลับมา
แล้วเธอก็พูดต่อว่า นอกจากภาษาอังกฤษที่ฉันกำลังหัดพูดแล้ว ฉันพูดอิตาลีได้ดีมาก 
ฉันพูดได้ 2 ภาษา คุณพูดได้ภาษาเดียว ใครโง่กว่ากัน
นักศึกษาชอบใจ ปรบมือลั่นห้อง

ทบ. สานต่อสมัครใจเป็นทหาร เปิดรับชายไทยอายุ 18-20 ปี ที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ และอายุ 22-29 ปี    ที่เคยผ่านตรวจเลือกแล้ว แต่ไม่ถูกเข้ากองประจำการ สมัครเป็นทหารกองประจำการ ปี 65 กรณีพิเศษทาง Online

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกเดินหน้าพัฒนาการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ มุ่งสู่ระบบทหารกองประจำการอาสา ทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมต่อเนื่องตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม หลังจากในปี 2564 กองทัพบกได้เริ่มโครงการรับสมัครชายไทยเป็นทหารกองประจำการด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งมีผู้สมัครใจเป็นจำนวนมาก และผ่านเกณฑ์ได้รับการบรรจุเข้ากองประจำการในผลัดที่ 1/64 จำนวน 3,207 นาย

สำหรับในปี 2565 นี้ กองทัพบกยังคงสานต่อนโยบายการสมัครใจเป็นทหารต่อไป โดยจะเริ่มการรับสมัครทหารกองเกินเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ ผ่านทาง เว็บไซต์ rcm65.rta.mi.th ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 64 - 31 ม.ค. 65 โดยเปิดรับสมัครเฉพาะชายไทยอายุ 18-20 ปี (เกิดปี 2545-2547) ซึ่งยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหาร และอายุ 22-29 ปี (เกิดปี 2536-2543) ที่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหารแล้ว แต่ไม่ถูกเข้าประจำการ ทุกประเภท ให้สามารถสมัครเป็นทหารกองประจำการได้ เป็นกรณีพิเศษ

โดยเป็นการรับสมัครก่อนการตรวจเลือกฯ ตามปกติ ผู้สมัครสามารถเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการในหน่วยทหารได้ โดยไม่จำกัดหน่วยทหารภายในพื้นที่มณฑลทหารบกเดียวกัน และจะได้เข้ากองประจำการในผลัดที่ 1/65 (1 พ.ค. 65) ทั้งนี้กระบวนการรับสมัครและคัดเลือกจะดำเนินการในช่วงวันที่ 12 - 13 ก.พ. 65 ณ มณฑลทหารบก 35 แห่งทั่วประเทศ โดยจะทำการคัดเลือกเสร็จเรียบร้อย ก่อนการตรวจเลือกทหารในระบบปกติ

สำหรับคุณสมบัติในการรับสมัครฯ ไม่จำกัดคุณวุฒิการศึกษา ไม่เป็นคนที่มีโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร โดยพิจารณาขนาดร่างกายและความสมบูรณ์ของร่างกาย ตามผลการคัดเลือกในวันทำการคัดเลือกฯ เป็นเกณฑ์ ซึ่งผู้ที่สมัครเป็นทหารด้วยวิธีพิเศษนี้ สามารถใช้สิทธิลดวันรับราชการประจำการตามคุณวุฒิการศึกษา, สามารถเลือกหน่วยทหารที่ตนเองประสงค์จะเข้าประจำการได้เฉพาะหน่วยทหารของกองทัพบก โดยไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร หากรับราชการทหารครบ 2 ปี และมีคุณสมบัติครบตามที่ทางราชการกำหนด

มีสิทธิสมัครสอบในโควตาการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกตามที่กองทัพบกจัดสรร ให้อีกร้อยละ 30 จากร้อยละ 80 ของทหารกองประจำการ (ซึ่งปัจจุบันกองทัพบกจัดสรรโควตาให้ทหารกองประจำการในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ร้อยละ 80 และรับจากบุคคลพลเรือนร้อยละ 20) นอกจากนี้ ผู้ที่สมัครเป็นทหารจะได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษ 15 % ในการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในสังกัดกองทัพบกรวมทั้งจะได้รับสิทธิสวัสดิการ ค่าตอบแทนเช่นเดียวกับทหารกองประจำการปกติ

“จุรินทร์” จัดพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot14 ขายหมูเนื้อแดงราคาส่ง โลละ 130 บาท ทั่วประเทศ 667 จุด ยันสิ้นปี คาดลดค่าครองชีพกว่า 100 ล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดโครงการพาณิชย์….ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 14 (หมูเนื้อแดง) ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า

เนื่องจากสถานการณ์ราคาหมูในปัจจุบันใช้ราคาเนื้อแดง คือ สะโพกหรือไหล่ ในการคิดราคากลางของราคาหมูเนื้อแดง ซึ่งหน้าเขียงโดยเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 140-160 บาท ส่วนในโมเดิร์นเทรด เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130 บาท 
เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนที่บริโภคหมูทั่วทั้งประเทศ วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ถือเป็น Lot 14 โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทไทยฟู๊ดส์ กรุ๊ป และเครือเบทาโกร เป็นต้น โดยจัดให้มีจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก กิโลกรัมละ 130 บาท สำหรับหมูเนื้อแดง  ถือเป็นราคา ส่งถูกกว่าราคาขายปลีกในท้องตลาดทั่วไปประมาณ 20% โดยจัดให้มีจุดจำหน่ายทั่วทั้งประเทศ 667 จุด ประกอบด้ว กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 116 จุด ต่างจังหวัด 551 จุด

สำหรับกรุงเทพมหานคร นอกจากจุดที่จำหน่าย ณ ที่ตั้ง อีกส่วนหนึ่งจะเป็นรถโมบาย โดยนอกจากเป็นหมูเนื้อแดง จะมีผักอีก 17 ชนิด ขายราคาส่ง เช่น ผักชี จากก่อนหน้านี้ที่กิโลกรัมละ 400 บาท ตอนนี้ราคาตลาดเหลือกิโลกรัมละ 120 บาท และจุดจำหน่ายของรถโมบาย กิโลกรัมละ 70 บาท และข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม ถุงละ 120 บาท น้ำมันปาล์ม ขวดละ 48 บาท ไข่ไก่แผงละ 30 ฟอง ราคา 80 บาท น้ำตาลทรายขาวกิโลกรัมละ 18 บาท เป็นต้น 

โจรมะกัน จัดทีมปล้นอย่างกับหนังฮอลลีวูด บุกห้างกวาดแบรนด์หรูหนีลอยนวลเพียบ

ตำรวจในซาน ฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา กำลังปวดหัวหนัก เมื่อเจอม็อบโจรป่วนเมืองตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกพวกกว่า 80 คน บุกห้างดังกลางย่านดาวน์ทาวน์ กวาดสินค้าแบรนด์หรู เครื่องเพชร อุปกรณ์ดิจิทัลรุ่นล่าสุด แล้วเผ่นขึ้นรถหนีหน้าตาเฉย ท่ามกลางสายตาของลูกค้าในร้านและพนักงานที่ต่างตะลึงว่า...ปล้นง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้เหรอ?? 

เหตุเกิดขึ้นที่ห้าง Nordstrom ใจกลางย่านการค้าในเขตวอลนัท ครีก ในเมืองซาน ฟรานซิสโกของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อช่วงเวลา 3 ทุ่มของคืนวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 มีกลุ่มคนจำนวนมากกว่า 80 คน สวมหน้ากากโม่งมาพร้อมค้อน ชะแลง และอาวุธ วิ่งกรูกันเข้ามาในห้างอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการทุบกระจก งัดตู้ คว้าสินค้าแบรนด์เนม ราคาสูงตามที่ตาเห็น ก่อนจะกระจายตัววิ่งหนีออกจากห้างอย่างรวดเร็ว โดยมีรถยนต์จอดรอรับอยู่ด้านนอกกว่า 10 คัน จัดทีมปล้นกันเป็นเรื่องเป็นราว อย่างกับหนังฮอลลีวูด

และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ก็รีบติดตามคนร้าย และสามารถตามจับตัวมาได้เพียง 3 คนเท่านั้น พร้อมอาวุธปืนและของกลางบางส่วนที่ขโมยได้ ส่วนคนร้ายที่เหลือหลบหนีลอยนวล

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุม็อบโจรปล้นห้างลักษณะนี้ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งจะเกิดเหตุเหมือนปล้นสะดมในห้างยูเนียน สแควร์ ในซาน ฟรานซิสโก โดยกลุ่มคนร้ายที่มาพร้อมอุปกรณ์ เข้าโจมตี ขโมยของจากร้านหลุยส์ วิตตอง และร้านแบรนด์หรูในบริเวณใกล้เคียง สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของร้านไม่น้อย

ผ่านมาเพียงคืนเดียว ม็อบโจรกลุ่มใหญ่กว่า 80 คนก็มาบุกห้าง Nordstrom กวาดสินค้าราคาแพงจากร้านค้าภายในห้างไปเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นข่าวดังทั่วอเมริกา

“ทปษ.นายกฯ” ย้ำ​ สลน.ซื้อไอโฟน​ 12​ กว่าร้อยเครื่อง​ เป็นครุภัณฑ์ราชการ​ จัดซื้อถูกต้อง​ ให้ จนท.ทำงานราบรื่น​ แจง​ "บิ๊กตู่" ไม่ได้ซื้อแจก​ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงกรณีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) เผยแพร่สัญญาซื้อขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน 12 จำนวน 111เครื่อง แบ่งเป็นความจุ 128 GB 23 เครื่อง และ ความจุ 64 GB 88 เครื่อง ราคารวม 2,681,355 บาท ว่า ขอชี้แจงถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสลน.

การจัดซื้อดังกล่าวถือเป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์ เช่นเดียวกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ ทุกคนทราบดีว่าจะมีอายุการใช้งาน ปัจจุบันโทรศัพท์ไอโฟน 7 ที่ใช้อยู่นั้น มีอายุเกิน 4 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่ใช้คือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน เพื่อประสานงาน ส่งข่าว ให้กับสื่อมวลชน และในจำนวน 111 เครื่องนั้น มีจำนวน 80 กว่าเครื่อง นำไปให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ

เพื่อใช้งาน เช่น​ ประสานงานวิปรัฐบาล ประสานงานกับส.ส.จำนวนมาก และไอโฟน​7 ที่ใช้ในปัจจุบันก็มีสภาพชำรุด ขอให้เข้าใจว่าครุภัณฑ์ที่สลน.ตั้งงบขึ้นมา เพื่อดำเนินงานของบจากสภาในหมวดครุภัณฑ์ ถือเป็นความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ โดยเฉพาะในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ส่วนอีก 23 เครื่องนั้น แจกจ่ายให้กับผู้ใหญ่ ที่เข้ามาทำงาน อย่างข้าราชการการเมือง เช่น​ นายกรัฐมนตรี คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

แต่หลายคนก็ไม่ได้รับ นายกฯก็ไม่ได้รับ โดยให้เหตุผลว่าให้นำไปให้ทางราชการ นำไปใช้ประโยชน์ ให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้กัน ขอประชาชนอย่าได้วิตกกังวล ส่วนเรื่องที่วิจารณ์กันว่า นำงบประมาณของรัฐไปซื้อไอโฟนแจกจ่ายเจ้าหน้าที่นั้น ขอยืนยันไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อยี่ห้อใด ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยยึดเรื่องการใช้งานเป็นหลัก นอกจากนี้ มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติแล้วว่า อยากได้โทรศัพท์ยี่ห้อใดและรุ่นไหน 

รมว.แรงงานรับข้อสั่งการนายก เร่งนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MoU แก้ปัญหาขาดแรงงาน เริ่ม 1 ธ.ค. 64

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยและติดตามสถานการณ์ปัญหาลักลอบเข้าเมืองอย่างใกล้ชิด โดยมีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานเตรียมวิธีการนำเข้าแรงงานตาม MoU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อขจัดปัญหาดังกล่าว พร้อมกับเตรียมความพร้อมให้นายจ้าง และสถานประกอบการในประเทศมีแรงงานในกิจการเพียงพอ สอดรับกับการเปิดประเทศ 

“กระทรวงแรงงานรับข้อสั่งการท่านนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันว่าขณะนี้มีความพร้อมที่จะนำเข้าแรงงานตาม MoU แล้ว โดยจะเปิดให้นายจ้างยื่นคำร้องขอนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ (Demand) วันที่ 1 ธ.ค. 64 นายจ้างที่มีความพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาสถานที่กักตัวสามารถดำเนินการได้ทันที โดยมีค่าใช้จ่ายรวมในการนำเข้าฯ ระหว่าง 11,490 – 22,040 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน ในส่วนคนต่างด้าวหากยังฉีดวัคซีนไม่ครบ กระทรวงแรงงานจะเป็นผู้จัดหาวัคซีน และฉีดให้ในวันสุดท้ายของการกักตัว และจะประสานสาธารณสุขจังหวัดปลายทางเพื่อนัดหมายฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่คนต่างด้าวด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เผย 8 ขั้นตอนนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MoU โดยมีขั้นตอน ดังนี้

1.นายจ้างยื่นแบบคำร้องกับสำนักงานจัดหางานในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ได้แก่ แบบ นจ.2 หนังสือแต่งตั้ง สัญญาจ้างงาน และเอกสารนายจ้าง
 
2.การจัดส่งคำร้องความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว โดยกรมการจัดหางาน/สจจ. สจก. 1-10 มีหนังสือแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวผ่านสถานเอกอัครราชทูตประเทศ
ต้นทางประจำประเทศไทยไปยังประเทศต้นทาง

3. ประเทศต้นทางดำเนินการรับสมัคร คัดเลือก ทำสัญญา และจัดทำบัญชีรายชื่อคนงานต่างด้าว (Name List) ส่งให้กรมการจัดหางานผ่านสถานเอกอัครราชทูตประเทศต้นทาง
ประจำประเทศไทย และกรมการจัดหางานส่งให้นายจ้าง

4. นายจ้างที่ได้รับบัญชีรายชื่อคนต่างด้าว (Name List) แล้วยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว พร้อมด้วยเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
   4.1 บัญชีรายชื่อคนต่างด้าวที่ประเทศต้นทางรับรอง 
   4.2 แบบ บต.31 หรือ บต.33 พร้อมเอกสารและหลักฐาน 
   4.3 หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือใบรับรองแสดงประวัติการเคยติดเชื้อมาก่อนในช่วงไม่เกิน 3 เดือน
   4.4 หนังสือยืนยันการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการกักตัว ได้แก่ ค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจโรคโควิด-19 ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ารักษากรณีติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงกรณีป่วยฉุกเฉินหรือโรคอื่นระหว่างกักตัว/กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด -19
   4.5 หลักฐานยืนยันว่ามีสถานที่กักตัวตามที่ราชการกำหนด
   4.6 หลักฐานที่ยืนยันว่ามียานพาหนะเพื่อรับคนต่างด้าวไปยังสถานที่กักตัว
   4.7 กรณีเข้าประกันสังคมซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัย 4 เดือน
   4.8 กรณีเข้าประกันสังคม นายจ้างแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน
  - ชำระค่าคำขอและค่าใบอนุญาตทำงาน (2 ปี) 1,900 บาท
  - วางเงินประกัน (กรณีนายจ้างดำเนินการด้วยตนเอง) หลักประกัน 1,000 บาท/คนต่างด้าว 1 คน

5. กรมการจัดหางานมีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ ประเทศต้นทางของคนต่างด้าวเพื่อพิจารณาออกวีซ่า (Non - Immigrant L-A) ให้แก่คนต่างด้าวตามบัญชีรายชื่อ และหนังสือแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่นายจ้างได้แจ้งไว้ โดยจะอนุญาตให้นำเข้าตามจำนวนสถานที่
รองรับในการกักตัว 

6. เมื่อคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องแสดงหนังสือยืนยันการอนุญาตให้เข้ามาทำงาน ใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าไม่เป็นโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR และ ATK (ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือใบรับรองแสดงประวัติการเคยติดเชื้อในช่วงไม่เกิน 3 เดือน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นระยะเวลา 2 ปี จากนั้นจึงเดินทางไปยังสถานที่กักตัว โดยยานพาหนะที่นายจ้างแจ้งไว้ (ไม่เดินทางร่วมกับบุคคลอื่น และหยุดพัก ณ สถานที่ใดๆ ก่อนถึงสถานที่กักกัน) 

‘สสสส.12 สถาบันพระปกเกล้า’ ลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ศึกษาการมีส่วนร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างชุมชนกับอุตสาหกรรม

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล พร้อมคณาจารย์ นำคณะนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 (สสสส.12) สถาบันพระปกเกล้า ลงพื้นที่จ.ชลบุรี เพื่อรับฟังการบรรยาย EEC สานพลังการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากนางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

โดยสำนักคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)หรือ อีอีซี นำเสนอ ถึงแนวคิดการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มุ่งมั่นปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ Value base economy เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมภายใต้วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีการปรับแผนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ปี 2565-2569 เป็นการต่อยอดโครงสร้างพื้นที่ เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก การดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ยานยนต์ที่สมัยใหม่ ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์และสุขภาพ การขนส่งและโลจิสติกส์ การเกษตรสมัยใหม่และอาหาร

นอกจากนี้ได้มุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วม โดยดึงพลังกลุ่มสตรีในพื้นที่ อีอีซี ให้มีความเข้มแข็ง มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดทำและนำเสนอโครงการที่จะสร้างความยั่งยืนให้พื้นที่และชุมชน โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนา อีอีซี ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ และการเฝ้าระวังในการใช้ประโยชน์ที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือแผนผัง อีอีซี และการมีส่วนร่วมในเฝ้าระวังทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จากนั้นคณะนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 เดินทางต่อไปยังพื้นที่ จ.ระยอง โดยแบ่ง 4 กลุ่ม ลงพื้นที่รับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยกลุ่มแรกลงพื้นที่ศูนย์จัดการขยะครบวงจร เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ "ระยองโมเคล" ต้นแบบบริหารจัดการขยะ เพื่อการพัฒนาพื้นที่ EEC อย่างยั่งยืน ณ ศูนย์จัดการขยะครบวงจร อบจ.ระยอง กลุ่มที่ 2 เข้าดูงานยัง สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพูด เวทีแลกเปลี่ยน "EEC หลังฟื้นฟูท่ามกลาง เวทีแลกเปลี่ยน วิกฤตโควิด-19” กลุ่มที่ 3 เปิดเวทีแลกเปลี่ยน "EEC Vs ท่องเที่ยวโดยชุมชน วิถีสู่ความยั่งยืน" ณ เทศบาลตำบลบ้านเพ อ.เมืองระยอง

จากนั้นคณะนักศึกษา สสสส.12 ร่วมรับฟัง เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแสวงหาจุดร่วมในการอยู่ร่วมกันระหว่าง ไออาร์พีซีและชุมชน ก่อนจะแบ่งกลุ่มศึกษาศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนยายดา (ป้าบุญชื่น) เป็นสวนผลไม้ แบบผสมผสาน ที่มีผลไม้ให้กินตลอดทั้งปี จะผลัดเปลี่ยนออกผลไปตามฤดูกาล ทั้ง ทุเรียน เงาะ มังคุด สละ

คุณบุญชื่น โพธิแก้ว หรือ ป้าชื่น กล่าวว่า ไม่เคยคิดเลยว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะเป็นคำที่อมตะ และเปี่ยมคุณค่า จึงลงมือปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก และใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ตามแนวคิด “สวนรกรุงรัง แต่ได้สตางค์ทุกด้าน”

ทั้งนี้ยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ "การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับ EEC เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ณ ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา “ชุมชนเกาะกก” ซึ่งเป็นผืนสุดท้ายและชาวนาคนสุดท้ายที่มาบตาพุด อยู่ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นชุมชนศูนย์เรียนรู้ และสร้างจุดขายที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top