Monday, 24 June 2024
NEWS FEED

ม.หอการค้าฯ คาดวิกฤตโควิดระบาดระลอกใหม่ อาจกด GDP ปีนี้โตลดเหลือ 2.2% จากเดิมคาด 2.8% ชี้หากคุมสถานการณ์ได้ภายใน 1 เดือน จะสูญเสียทางเศรษฐกิจ 1-2 แสนล้านบาท แต่ถ้าคุมไม่อยู่ จะเสียหาย 3-6 แสนล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นขึ้นนั้น อาจส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้เติบโตเหลือ 2.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิมที่ 2.8% จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาโควิดระบาด

ทั้งนี้ สถานการณ์ไม่ควรยืดเยื้อนานเกิน 3 เดือน ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้อย่างน้อย 2 แสนล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งต้องมีมาตรการเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนควบคู่ไปกับกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ซึ่งเห็นว่าแนวทางที่ดีที่สุดคือ “มาตรการคนละครึ่ง” เพราะช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อีกอย่างน้อย 2-3 เท่าตัว แต่ถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้เงิน 4-6 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะติดลบหนักได้หากคุมสถานการณ์การระบาดไว้ไม่อยู่ และทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/64 มีโอกาสจะหดตัวมากถึง -11.3% แต่ปัจจุบัน ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 นี้ อาจจะหดตัว -4% และหากสถานการณ์การระบาดสามารถคลี่คลายได้ภายในไตรมาส 1 ก็มีโอกาสที่ GDP ไตรมาส 2 จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ 8-10% ซึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนด้วย

โดยทาง ทาง ม.หอการค้าไทย ได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้ใน 3 กรณี ดังนี้

1.) กรณีคุมสถานการณ์ได้ภายใน 1 เดือน ใช้ซอฟท์ ล็อกดาวน์) คาด GDP ปี 64 จะโตได้ 2.2% อัตราการว่างานอยู่ที่ 1.71% หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 85% ความสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 1-2 แสนล้านบาท

2.) กรณีคุมได้ภายใน 2 เดือน (ใช้ซอฟต์ ล็อกดาวน์ 1 เดือน+ฮาร์ด ล็อกดาวน์ 1 เดือน) คาด GDP ปี 64 จะโตได้ 0.9% อัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.76% หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 86.1% ความสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 2-4 แสนล้านบาท

3.) กรณีแย่ที่สุด คุมได้ภายใน 3 เดือน (ใช้ซอฟต์ ล็อกดาวน์ 1 เดือน-ฮาร์ด ล็อกดาวน์ 2 เดือน) คาด GDP ปี 64 จะหดตัว -0.3% อัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.81% หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 87.2% ความสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 3 - 6 แสนล้านบาท

National Association of Manufacturers (NAM) สมาคมที่เป็นตัวแทนขององค์กรธุรกิจกว่า 14,000 แห่งในสหรัฐฯ เช่น Exxon Mobil, Pfizer และ Toyota Motor ได้เรียกร้องให้ พิจารณาปลด โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีทันที

หลังก่อหวอดให้เกิดความวุ่นวาย ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ

Jay Timmons ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NAM กล่าวว่า “ทรัมป์ ได้ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง เพื่อพยายามรักษาอำนาจและตำแหน่งของเขาไว้ และใครก็ตามที่กำลังปกป้องเขา เท่ากับกำลังละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ และปฏิเสธ ระบอบประชาธิปไตย”

ทั้งนี้ กำหนดวันลงจากทำเนียบขาวของ ทรัมป์ คือ วันที่ 20 มกราคม นี้ และโจ ไบเดน จะเข้าสาบานตน และรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างเป็นทางการ แต่จากเหตุการณ์นี้ ทำให้มีภาคธุรกิจ และสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนในรัฐสภา เรียกร้องให้มีการแก้ไข้กฎหมายเพิ่มเติมเพื่อปลด 'ทรัมป์' ออกจากตำแหน่ง โดยทันที

สำหรับเหตุรุนแรงในสหรัฐ เกิดจากการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์โซเชียลปลุกม็อบสหรัฐ ค้านการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จนเกิดความวุ่นวายที่รัฐสภา สหรัฐ


อ้างอิง : https://www.reuters.com/article/us-usa-elections-companies/corporate-group-urges-officials-consider-trumps-removal-to-preserve-democracy-idUSKBN29B2WR

 

เรื่องจริงที่มาเลเซีย ร้านอาหารตกแต่งสไตล์คอมมิวนิสต์จนกลายเป็นไวรัล แต่โดนดีถูกตำรวจเรียกซิวตัว

คอลัมน์ สายตรงเคแอล

เหตุเกิดในจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง

ตำรวจมาเลเซีย (PDRM) ได้เข้าตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งได้รับแจ้งว่ามีการตกแต่งร้านในรูปแบบของลัทธิคอมมิวนิสต์ ร้านอาหารนี้มี 2 สาขา ในภาพคือสาขาปูเลาติกัส (Pulau Tikus) และอีกแห่งใน Auto City, Juru

โดยพบว่าภายในร้านมีการติดวอลเปเปอร์รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งในธีมคอมมิวนิสต์รวมถึงปรากฎใบหน้าของเหมาเจ๋อตุง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน

รูปภาพของร้านอาหารถูกแชร์สู่โลกออนไลน์เมื่อวันเสาร์ที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว พร้อมตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตซึ่งเป็นไปในทางลบอย่างมาก

หลายคนเรียกร้องให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าของร้าน บางคนถึงกับเรียกร้องให้ปลดสัญชาติเขาไปเลยทีเดียว! (โอ้โห...ใคร ๆ ก็ไม่ปลื้มคอมมิวนิสต์)

รายงานเพิ่มเติมจาก New Straits Times รายงานว่า หัวหน้าแผนกสอบสวนคดีอาญาของรัฐปีนัง ผู้ช่วยผู้บัญชาการอาวุโส นาย Rahimi Ra’ais ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

ทางตำรวจได้เข้าตรวจสอบทันทีหลังจากได้รับเรื่องและในการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของชายวัย 40 ปี แต่ยังไม่ได้สามารถพบตัวได้ในขณะนี้ เนื่องจากเขาอยู่ระหว่างการกักตัวโควิด -19 เป็นเวลา 14 วัน

Rahimi กล่าวว่า คดีนี้จะถูกสอบสวนภายใต้มาตรา 47 ในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเข้าสู่สังคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและเข้าข่ายมาตรา 505 (b) ของประมวลกฎหมายอาญาสำหรับการจัดทำการเผยแพร่หรือเผยแพร่คำแถลงการณ์อันเป็นข่าวลือหรือรายงานใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความกลัวหรือความตื่นตระหนกสู่สาธารณะ

และภาพวอลเปเปอร์รวมทั้งของตกแต่งในร้านได้ถูกรื้อออกโดยตำรวจในเวลาอันรวดเร็ว (มาไวเคลมไวมาก)

สำหรับโทษที่ต้องได้รับในคดีดังกล่าว ภายใต้มาตรา 47 ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดนี้จะต้องถูกจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต

ในขณะเดียวกันผู้ที่พบว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 505 (b) ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดถึงสองปีหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นพวกฝักใฝ่ใจรักคอมมิวนิสต์หรือแค่พิเรนสร้างกระแสให้ร้านกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เล่นแบบนี้ปังจริง ๆ ปังปินาศ! 555

Credit news story: https://www.thesundaily.my/local/penang-cops-probe-cafe-owner-for-putting-up-communism-themed-wallpaper-DL5915270


เรื่องโดย "ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

พรรคเพื่อไทยตั้งคำถามรัฐบาล ประชาชนจะได้รับวัคซีนแก้โควิด-19 ครบทุกคนหรือไม่ ยืนยันการได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดร้ายแรงถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่จะได้รับจากรัฐบาล จวกรัฐเอื้อนายทุนใหญ่ เหตุซื้อวัคซีนจีนมีเจ้าสัวไทยถือหุ้น

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ และอสม. ที่ทำหน้าที่ในช่วงเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดนี้ และส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้ง 135 เขต มีความห่วงใย และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่อาจจะไม่ทั่วถึงกับประชาชนทุกคนอย่างทันท่วงที

เบื้องต้นเราเห็นด้วยที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงก่อน แต่ประชาชนกลุ่มที่เหลือที่ไม่เข้าเกณฑ์ รัฐได้เตรียมวัคซีนเพียงพอหรือไม่ เมื่อไรประชาชนจะได้รับวัคซีนครบทุกคน เพราะกว่าที่วัคซีนจะออกฤทธิ์เห็นผลต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดร้ายแรงถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่จะได้รับจากรัฐบาล คนไทยต้องได้รับวัคซีนทุกคน

น.ส.อรุณี กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่รัฐบาลสั่งมาจากบริษัท Sinovac จากจีน มีราคาถูกกว่าผู้ผลิตที่จำหน่ายราคาสูง แต่ราคาถูกนั้นได้มาตรฐานและมีผลต่อการป้องกันโรคได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากมีข่าวว่าทางการบราซิลได้สั่งหยุดทดสอบวัคซีน Sinovac จากจีนในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เพราะทำให้เกิดผลร้ายแรงตามมา

แต่รัฐบาลไทยยังยืนยันที่จะสั่งซื้อเพราะถูกกดดันจากสังคมกรณีได้รับวัคซีนล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่สั่งซื้อวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน จนเปลี่ยนมาสั่งซื้อกับบริษัท Sinovac ของจีน สะท้อนว่ารัฐบาลนี้การขาดการวางแผนในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 อย่างรุนแรง ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าบริษัทเจ้าสัวรายใหญ่ของไทยทุ่มเงิน 1.54 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้น 15% ในบริษัท Sinovac Life Sciences หน่วยผลิตวัคซีนซิโนแวค เป็นการเตรียมการเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่หรือไม่

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดธุรกิจ โดยร้านค้ารายย่อยและโรงงานหลายแห่งเลิกจ้างพนักงาน ปิดกิจการ การจ่ายเงินเยียวยาต้องทำให้รวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจภาคการท่องเที่ยวที่ไม่มีโอกาสฟื้นตัวได้เลย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยเสนอให้รัฐบาลก่อตั้งธนาคารเพื่อการท่องเที่ยวและพักชำระหนี้ ก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 2 หากไม่รีบแก้ปัญหาโควิด-19 รอบนี้ อาจจะฝังประชาชนให้ตายทั้งเป็น

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมจัดฟอรั่มพิเศษ “รับมือโควิดอย่างไร ไม่ให้ประเทศพัง” ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ เวลา 11.00 น.ที่พรรค พท.เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนหาทางออกเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในมิติเชิงสังคมและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โดยมีนายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกฯ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.พลังงาน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผอ.ศูนย์นโยบายฯ พรรคเพื่อไทย ร่วมเสวนา โดยจะถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย

กระทรวงแรงงาน ชวนประชาชนใช้แอป “รวมช่าง” บนสมาร์ตโฟน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อช่างซ่อมแซมที่พักอาศัยและอุปกรณ์ที่ชำรุด เว้นระยะห่างลดการเผชิญหน้า สู้ภัยโควิด-19

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ รัฐบาลและกระทรวงแรงงานภายใต้การนำของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือแรงงานและประชาชนทั่วไปในหลายมาตรการด้วยกัน

สำหรับ กพร. กระทรวงแรงงาน แนะนำบริการแอปพลิเคชัน “รวมช่าง” (Fixer Finder) บนสมาร์ตโฟน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เพิ่มความสะดวกในการติดต่อช่างซ่อมแซมที่พักอาศัยและอุปกรณ์ที่ชำรุด ทั้งระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบประปาและสุขภัณฑ์ ซึ่งมักพบปัญหาเหล่านี้อยู่เป็นประจำ

ซึ่งมีบริการช่าง 3 สาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 5,183 คน แบ่งเป็น (1) ช่างไฟฟ้า ให้บริการเดินสายไฟฟ้าและติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ที่พักอาศัย เปลี่ยนหลอดไฟ ปลั๊ก สวิตซ์ เบรกเกอร์ (2) ช่างเครื่องปรับอากาศ ให้บริการติดตั้ง ล้างเติมน้ำยาแอร์ และตรวจเช็คความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศ และ (3) ช่างประปาและสุขภัณฑ์ ให้บริการเปลี่ยนก๊อกน้ำ ซิ้งค์ ท่อน้ำและติดตั้งสุขภัณฑ์ ซึ่งบริการด้วยราคาที่เป็นธรรมและมีมาตรฐานงานบริการ

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ในสังคมดิจิทัลที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ได้งานที่ดีมีคุณภาพ แอปพลิเคชัน “รวมช่าง” ตอบโจทย์อย่างยิ่ง คือสามารถติดต่อนัดหมายช่างได้บนสมาร์ตโฟน จะมีฟังก์ชั่นที่ บริการประชาชนผู้ใช้บริการและช่างผู้ให้บริการ ดังนี้

ประชาชนที่ใช้บริการ (1) สามารถค้นหาช่างตามประเภทงานที่ต้องการ ระบุชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพที่แสดงตัวตนของช่างอย่างชัดเจน (2) จองเวลาใช้บริการตามที่สะดวกได้อย่างรวดเร็ว (3) ค้นหาช่างที่พร้อมให้บริการที่อยู่ใกล้ตัว (4) สามารถรีวิวและให้คะแนนช่างได้ ส่วนช่างผู้ให้บริการ (1) มีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีงานใหม่เข้ามา (2) มีตารางนัดหมายงาน (3) เช็คประวัติการทำงานที่ผ่านมาได้

ประชาชนที่สนใจสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันโดยการค้นหาคำว่า “รวมช่าง” ได้ใน play store หรือ app store จากนั้นดาวน์โหลดและติดตั้งบนสมาร์ตโฟน ใช้ได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และไอโอเอส

โหลดทันที หมอทวีศิลป์ ย้ำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 17 ยกระดับมาตรการป้องกันโรค ชี้ หากป่วยแล้วตรวจพบว่า ไม่มีแอปพลิเคชัน 'หมอชนะ' ถือว่ามีความผิด

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุว่า นายกฯ ได้ลงนามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 17 เมื่อ (6 ม.ค.) มี 3 ข้อได้แก่ ยกระดับบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และปราบปราม ลงโทษผู้กระทำความผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค

โดยการยกระดับบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ซึ่งต้องรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ล้างมือ ตรวจอุณหภูมิร่างกาย และติดตั้งแอปพลิเคชันที่กำหนด ตลอดจนยอมรับการกักกันตนเอง ตามระยะเวลาและในสถานที่ที่กำหนด หากอยู่ในข่ายที่ต้องรับการกักกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประชาชนจะต้องติดตั้งและใช้ระบบแอปพลิเคชัน 'หมอชนะ' ควบคู่กับการใช้แอปพลิเคชัน 'ไทยชนะ' หากตรวจสอบแล้ว ไม่พบแอปพลิเคชัน จะถือว่ามีความผิดด้วย ถ้าป่วยแล้วมี 'หมอชนะ' ถือว่าไม่มีความผิด แต่ถ้าไม่มีถือว่ามีความผิดตามพรก.ฉุกเฉิน โดยจะต้องใช้ควบคู่กับแอพไทยชนะด้วย

โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท

ส่วนเรื่องเอกสารรับรองนั้น 5 จังหวัด ที่อยู่ ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะต้องมีการขอเอกสารรับรอง ส่วนจังหวัดที่เหลือไม่จำเป็นต้องมี

กองทัพบก เตรียมจัดงานวันเด็กออนไลน์ ภายใต้แนวคิด "คิดดี Kid's Day by ARMY” ผ่านช่องทาง Facebook เพจกรมกิจการพลเรือนทหารบก ในวันเสาร์ที่ 9 มกราคม เพื่อสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งมอบของขวัญให้ผู้โชคดีทั่วประเทศ

พล.ต.ชาญวิทย์ อรรถธีระพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก แถลงข่าวการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2564 ในวันที่ 9 มกราคม ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. ภายใต้แนวคิด "คิดดี Kid's Day by ARMY" แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ปีนี้กองทัพบก จึงได้ปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกัน เป็นรูปแบบออนไลน์ ผ่านช่องทาง Facebook เพจกรมกิจการพลเรือนทหารบก ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ และสามารถรับชมกิจกรรมผ่านทาง YouTube: We are 5.0 และ Facebook สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก

ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การแสดงดนตรีประกอบบทเพลงเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยวง ARMY DANCE //รับชมดนตรีจากวงดนตรี C-19 ก่อตั้งในช่วง Covid-19 ระบาดเมื่อเดือนเมษายน 2563 เป็นการรวมกลุ่มของเยาวชนที่มีความสามารถในด้านดนตรี มารวมตัวกันจัดตั้งวงดนตรี เป็นตัวอย่างของเยาวชนที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ //การรับชมคลิปนำชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ //คลิปการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในภารกิจการป้องกันประเทศการบรรเทาสาธารณภัยและการสนับสนุนภาคส่วนต่างๆในการป้องกันโควิด -19 //คลิปประวัติศาสตร์ชาติไทย จึงขอเชิญชวนเด็กและเยาวชน ร่วมกิจกรรมและแชทตอบคำถามเพื่อชิงของรางวัลกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เข้ามาดำเนินการจัดส่งของรางวัลให้ผู้โชคดีฟรีทั่วประเทศ

รองเลขาธิการก้าวไกล ‘สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ’ ชี้ อำนาจต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ เตือน อย่าเล่นลิ้นปล่อย แต่ละจังหวัด ‘ล็อกดาวน์’ กันเอง ย้ำ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเยียวยาหนุนเสริมด้วย

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อการที่รัฐบาลเริ่มประกาศใช้มาตรการเข้มข้นในการจำกัดสิทธิ์ของประชาชนในบางพื้นที่เป็นพิเศษ เช่น กรณีพื้นที่ 5 จังหวัด (สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

โดยระบุว่า แม้จะมีการเล่นลิ้นว่า "ไม่ใช่ล็อกดาวน์ แต่เป็นการทำให้เกิดความเข้มงวดขึ้นมา" รัฐบาลคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการจำกัดสิทธิ์ที่ใช้เป็นพิเศษในพื้นที่เหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน รายได้ และปากท้องของประชาชนในพื้นที่เหล่านี้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อกลุ่มคนเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อยที่ต้องหาเช้ากินค่ำ

“รัฐบาลมีหน้าที่ต้องออกมาตรการเยียวยาให้ประชาชนแต่ละกลุ่ม ในแต่ละจังหวัดที่ถูกจำกัดสิทธิ์ ให้พวกเขาได้มีชีวิตรอดจากปัญหาปากท้อง เพราะสำหรับพวกเขาปัญหาปากท้องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการที่รัฐบาลกลัวว่าพวกเขาจะติดเชื้อหรือแพร่เชื้อให้คนอื่น แต่ทุกวันนี้ ศบค. มุ่งแต่จะขู่ให้ประชาชนกลัว หวาดระแวงซึ่งกันและกัน รวมถึงสร้างความสับสน ประชาชนในแต่ละกลุ่มในแต่ละพื้นที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ เดินทางข้ามจังหวัดแล้วต้องทำตัวอย่างไร พรรคก้าวไกลจึงอยากเห็นการปรับบทบาทของ ศบค. และรัฐบาล ให้คิดใหม่ทำใหม่ เอาประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วถามตัวเองบ่อยๆว่า หากคุณเป็นเขา คุณอยากรู้อะไร อยากได้อะไร”

นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า มาตรการจำกัดสิทธิ์ต้องใช้ควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยา เมื่อรัฐบาลให้อำนาจไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการจำกัดสิทธิ์แล้ว ก็ควรประกาศมาตรการเยียวยาควบคู่กันไปด้วย ประชาชนแต่ละกลุ่ม ในแต่ละจังหวัดควรได้รับรู้ว่าเขาจะต้องทำตัวอย่างไร ได้รับการเยียวยาจากที่ไหน อย่าปล่อยให้ประชาชนสับสน เคว้งคว้างและสิ้นหวังอีก

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าประชาชนกำลังอยู่ท่ามกลางความสับสนของข้อมูลข่าวสาร เนื่องมาจากประกาศต่างๆของภาครัฐ หรือแต่ละจังหวัดแม้จะมีพื้นที่ติดต่อกัน แต่กลับออกมาตรการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นำไปสู่ความวิตกกังวลของประชาชนในเรื่องการล็อกดาวน์ชีวิตความเป็นอยู่

และสิ่งหนึ่งที่ที่สำคัญและเป็นปัญหามากคือ ตอนนี้ไม่เพียง 5 จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเท่านั้น แต่กลายเป็นว่ามาตรการในบางจังหวัดกลับมีความเข้มข้นของมาตรการไม่ต่างกัน เรียกว่าเป็นการออกมาตรการที่เข้มงวดเกินกว่าความจำเป็น ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพื่อแลกกับผลตัวเลขว่า มาตรการดี มีผู้ติดเชื้อที่ต่ำ โดยไม่มองว่าอาจกลายเป็นการตัดโอกาสทำมาหากินของประชาชน

ซึ่งสำหรับบางรายถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะลุกขึ้นได้แต่กลับโดนซ้ำเติมให้ต้องล้มลงอีกครั้ง อย่างกรณีพื้นที่สีส้มบางจังหวัดยังไม่พบผู้ป่วยเลยในการะบาดระลอกใหม่ แต่กลับมีการดำเนินมาตรการที่ค่อนข้างเข้มข้น บางจังหวัดเพิ่มการควบคุมเวลาเปิด-ปิดร้านอาหารแล้ว หรือหลายจังหวัดในพื้นที่สีส้มและสีเหลือง ก็ออกมาตรการยังบังคับให้ผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่ต้องกักตนเอง หรือมีการตั้งด่านเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค เป็นต้น

“สิ่งที่รัฐบาลควรทำโดยเร่งด่วนเพื่อคลายความสับสน ลดความลักลั่น ขาดเอกภาพในการออกมาตรการคือ การสร้างความชัดเจนตั้งแต่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไม่ใช้ถ้อยคำกำกวมชวนตีความ ต้องสร้างหลักเกณฑ์ที่แน่นอนสำหรับการใช้อำนาจผู้ว่าฯ ในการออกมาตรการรายจังหวัดให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและศักยภาพการจัดการผู้ติดเชื้อในพื้นที่ หลายประเทศที่ใช้วิธีแบ่งโซนพื้นที่ออกเป็นระดับหรือสีต่าง ๆ ตามความความรุนแรงของการแพร่ระบาดเหมือนที่เราใช้ จะมีข้อกำหนดที่ชัดเจนด้วยว่าสีเดียวกันจะใช้มาตรการเหมือนกันหมด ไม่ว่าการจำนวนการรวมกลุ่มหรือชุมนุมกัน การเปิด-ปิด ร้านอาหาร และผับบาร์ การทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ

และอีกสิ่งที่รัฐบาลประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้กระทำคือ ออกมาตรการเยียวยาไปพร้อม ๆ กับมาตรการควบคุมด้วย หรือหากจะให้ผู้ว่าฯมีอำนาจจัดการได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่ รัฐบาลกลางก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่สนับสนุนมาตรการเหล่านั้น เลิกเลี่ยงบาลีที่จะชดเชยความเสียหายให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ต้องเป็นใช้อำนาจไปพร้อม ๆ กับรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากมาตรการของรัฐ

หยุดมองประชาชนเป็นภาระ แต่ต้องมองเป็นเจ้าของภาษีที่ควรได้รับการปกป้องและไม่ควรต้องเสียสละในความผิดที่ประชาชนไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้นมา” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

‘ธนกร วังบุญคงชนะ’ เผย รัฐบาลมีความพร้อมที่จะชี้แจงต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วอนให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ อย่าเน้นวาทกรรมโจมตีรัฐบาลด้วยข้อมูลเท็จ มั่นใจรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาทุจริต ย้ำ ถ้ามีนายรัฐมนตรี ไม่เอาไว้แน่!

‘ธนกร วังบุญคงชนะ’ เผย รัฐบาลมีความพร้อมที่จะชี้แจงต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วอนให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ อย่าเน้นวาทกรรมโจมตีรัฐบาลด้วยข้อมูลเท็จ มั่นใจรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาทุจริต ย้ำ ถ้ามีนายรัฐมนตรี ไม่เอาไว้แน่!

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเวลา 7 วันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า จะใช้เวลาอภิปรายกี่วันอยู่ที่วิปจะหารือกัน รัฐบาลมีความพร้อมที่จะชี้แจงเพราะเท่าที่ดูคงไม่มีอะไรใหม่

ส่วนที่จะอภิปรายเรื่องความล้มเหลวในการบริหารโควิด-19 เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สามารถชี้แจงได้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ล้มเหลวและสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้เหมือนในครั้งแรกแน่นอนหากทุกฝ่ายร่วมมือ และมีการเตรียมการล่วงหน้า เช่น จัดหาวัคซีนไว้รองรับประชาชนให้ได้ใช้ในปี 2564 จึงอยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ อย่าเน้นวาทกรรมโจมตีรัฐบาลด้วยข้อมูลเท็จ

นายธนกร กล่าวว่า "สำหรับประเด็นที่จะอภิปรายเรื่องการทุจริตในหน่วยงานต่าง ๆ ก็ว่ากันไปตามข้อมูลหลักฐาน แต่มั่นใจว่ารัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต หากหน่วยงานไหนปล่อยให้มีการทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ไม่เอาไว้แน่ การทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลนี้ต้องไม่มี ขอให้เชื่อมั่น ทั้งนี้ชื่นชมพรรคเพื่อไทยที่ใช้เวทีสภาฯ ตรวจสอบรัฐบาล ไม่เหมือนกับพรรคฝ่ายค้านบางพรรค ที่อภิปรายในสภาฯ และยังถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนสนับสนุนม็อบด้วยหรือไม่"

แพลตฟอร์มทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แจ้งระงับการใช้งานบัญชีนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังโพสต์โซเชียลปลุกม็อบสหรัฐ ค้านการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จนเกิดความวุ่นวายที่รัฐสภา ขณะที่สื่อหลายสำนัก รายงานมีการประกาศเคอร์ฟิวในกรุงวอชิงตันแล้ว

พร้อมกันนี้ เฟซบุ๊กและยูทูบ ได้สั่งลบวิดีโอคลิปของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากแพลตฟอร์ม โดยอ้างว่าคลิปดังกล่าวยุยงให้เกิดความรุนแรง หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน

ด้าน ทวิตเตอร์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทจะบล็อคบัญชีของปธน.ทรัมป์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ทันทีที่เขาลบข้อความทวีตที่สร้างความสงสัยให้กับสังคม และเตือนว่า หากปธน.ทรัมป์ยังคงละเมิดกฏระเบียบของบริษัท ทางทวิตเตอร์จะทำการบล็อคบัญชีของปธน.ทรัมป์เป็นการถาวร

ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า สหรัฐได้ประกาศเคอร์ฟิวแล้ว เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการประท้วง

นายมูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิถูกเรียกให้ออกมาประจำการตามรัฐใกล้เคียงกับกรุงวอชิงตันเพื่อควบคุมสถานการณ์แล้ว


ที่มา: สำนักข่าวไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top