Monday, 24 June 2024
NEWS FEED

โฆษก ศบค. ‘นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ’ย้ำ แอปฯ หมอชนะ ทำให้การสอบสวนโรคง่ายขึ้น เปรียบเป็นพาสปอร์ตผ่านทาง วอน เข้าใจ เห็นใจ อาจสื่อสารผิดพลาด ทำหน้าที่ที่ได้รับให้ดีที่สุด พร้อมยกคำสอน สมเด็จพระสังฆราช ยึดเหนี่ยว

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ ประชาชนบางส่วนยังไม่มีความมั่นใจในการใช้แอพพลิเคชั่นหมอชนะ ว่า แอพพลิเคชั่นหมอชนะเป็นเครื่องมือในการติดตามตัวเพื่อให้การสอบสวนโรคซึ่งเป็นความยากนั้นง่ายขึ้น เปรียบเหมือนเป็นพาสปอร์ตในการผ่านไปในแต่ละที่ ทำให้ภาครัฐมีความมั่นใจมากขึ้นว่าผู้ใช้งานได้แสดงตัว และเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นหากทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าจะมีการเก็บข้อมูลเป็นความลับหรือไม่หรือเปิดเผยมากน้อยเพียงใดนั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ให้สัมภาษณ์ไว้โดยละเอียดแล้ว เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

"ที่มีการคาดเคลื่อนในการสื่อสาร โดยเฉพาะในส่วนของโทษตามข้อกำหนดหากไม่ปฏิบัติตามคือ 1.ติดเชื้อ 2. ปกปิดข้อมูล ดังนั้นหากติดเชื้อแล้วมีแอพพลิเคชั่นหมอชนะอยู่แต่จำข้อมูลไม่ได้ก็ไม่ได้แสดงว่าปกปิดข้อมูล ก็จะไปค้นดูจากหมอชนะ พบว่ามีการลงข้อมูลในนั้นอยู่ก็ไม่ผิด แต่ถ้าติดเชื้อแล้วจงใจปกปิดข้อมูล แล้วไม่มีแอพพลิเคชั่นหมอชนะด้วย ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่มีโทรศัพท์สามารถรองรับได้ก็ถือว่าแสดงถึงการเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนควบคุมโรคเข้าข่ายฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ จึงต้องขอความเห็นใจและขอความเข้าใจตน เป็นตัวแทนศบค. จะพยายามสื่อสาร เข้มเกินไปก็ไม่ดีอ่อนเกินไปก็ไม่ได้ ใจจริงอยากเชิญ ทุกคนเข้ามาร่วมมือกันแต่เมื่อสื่อสารออกไปแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจและเจ็บปวดหัวใจเหมือนกัน ที่เห็นในโซเชียลมีเดียออกมาในเชิงทางลบจำนวนมาก แต่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้รู้สึกดีใจมากที่เห็น ตัวเลขยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะ มีคนดาวน์โหลดในวันที่ 8 มกราคมเพียงวันเดียวเพิ่มขึ้นมา 2 ล้านครั้ง จะว่าอะไรก็ไม่ว่า แต่พอเมื่อวานนี้วันเดียวเพิ่มขึ้นไป 2 ล้านกว่า ก็ลืมความเสียใจและลืมความไม่สบายใจไปเลย ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่เข้าใจและปฏิบัติตามในความเป็นวิกฤตอย่างนี้ ผมคิดคำพูดไม่ทันเพราะบางครั้งข้อมูลเข้ามาจำนวนมากจริง ๆ ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด"

"สิ่งที่ผมอยากฝากทิ้งท้ายคือการพิจารณาตัวเองว่าในฐานะที่มาเป็นโฆษก เป็นคนที่สื่อสารกับประชาชนโดยได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ทั้งที่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม คือ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข มีพื้นที่รับผิดชอบอยู่ในจังหวัดอีสานใต้ หน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่โดยตรงแต่ตำแหน่งโฆษกศบค. เป็นตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นมา แต่ในกรณีที่ผม พูดพาดพิงไปถึงเรื่องภาระของประชาชนเรื่องภาษี ซึ่งเป็นการตัดต่อคำต่าง ๆ แล้วยังระบุว่าไม่ให้ผมรับเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม เงินประจำตำแหน่ง ไปทำงานเอกชนอย่างไร ซึ่งผม มาทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ได้รับเบี้ยประชุมแต่อย่างใด จึงขออนุญาตชี้แจงว่าเราทำงานด้วยใจ ผมมีเงินเดือนของผมเองอยู่แล้ว ดูแลผมในระดับที่พอประมาณ หากมีเวลาว่างวันเสาร์-อาทิตย์ก็ไปหารายได้เพิ่มมาจุนเจือครอบครัว แต่ในช่วง โควิด-19 นี้ไม่ได้ไปออกตรวจข้างนอกเลย รายได้ที่ควรจะได้ก็กลับไม่ได้ด้วยซ้ำไป ขอเรียนให้ทราบ โดยไม่ได้ขอความเห็นใจใด ๆ แต่เป็นชุดข้อมูลที่จะต้องชี้แจงให้ทราบ"

"เราเองเป็นข้าราชการในเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และในหน้าที่มีความหลากหลายเหลือเกินจนบางครั้งไม่สามารถโฟกัสในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งเดียวได้ และมาจากสายการแพทย์ สิ่งที่ต้องมาเรียนรู้ และเรียนรู้หนักที่สุดด้านกฎหมาย ความมั่นคง โรคระบาดวิทยา ซึ่งไม่ได้เป็นความรู้ทางสายงานของตัวเอง เพราะเป็นจิตแพทย์ ก็ได้พยายามทำดีที่สุด มีข้อบกพร่องแน่นอน และผมก็บอกกับตัวเองว่าจะต้องเรียนรู้ สิ่งที่กระทบมากที่สุดคือที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย โยงผมไปกับการเมือง บอกว่าผมติดในอำนาจ เรื่องการเมือง ซึ่งผมขอบอกว่าผมไม่ได้คิดที่จะไปทางนั้น อยากอยู่หน้าที่ราชการและทำให้ดีที่สุด ข้าราชการต้องปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบาย และผมจะทำให้เต็มที่เพื่อประชาชน ผมเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำงานเพื่อประชาชน ผมภูมิใจในความเป็นตัวเอง ดังนั้นตอนนี้มีข่าวคราวทั้งหลายและกระทบไปถึงส่วนตัว ครอบครัว ต้องขอความเห็นใจ"

"ตอนนี้กำลังใจในการทำงานของทุกคนจะต้องมี ผมเองพยายามสร้างให้กับตัวเอง และเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็สร้างขึ้นมาได้เพื่อสู้กับโรค โควิด-19 ให้ได้ และใช้มาตลอด คือ พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้เสมอ พร้อมน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช คนที่เกิดมามีแต่คนคอยช่วยเหลือถือว่ามีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันทำพร้อมพร้อมกันเพื่อเอาชนะ โควิด-19ให้ได้”

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ‘อนุชา นาคาศัย’ เน้นย้ำให้ศบค.เป็นหน่วยงานหลักเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเผย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เตรียมมาตรการดูแลพระสงฆ์ได้รับผลกระทบแล้ว

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงการสื่อสารของรัฐบาลในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ข้อมูลอาจไม่ชัดเจน จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน ว่า การสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 โดยหลักแล้วจะเป็นการสื่อสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)ซึ่งในการประชุมทุกครั้งก็จะเน้นย้ำให้ศบค.เป็นหน่วยงานหลักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทางกรมประชาสัมพันธ์เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ แต่หากทำไปโดยเข้าใจผิด หรือเพียงแค่ประชาสัมพันธ์อย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานแบบบูรณาการกันหลายหน่วยงาน

ส่วนการสื่อสารสร้างความสับสนทำให้ต้องออกมาแก้ไขความเข้าใจกันหลายครั้งนั้น นายอนุชา กล่าวว่า บางครั้งอาจจะมีอะไรผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ก็อยากให้สังคมได้พินิจพิเคราะห์ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ และอะไรที่อยู่ในสถานะที่เราควรจะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ปัญหาในเรื่องของกระแสสังคมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หากเราช่วยกัน กรมประชาสัมพันธ์ ก็จะพยายามให้ข้อมูลข่าวสารตรงไปตรงมา ขออย่างเป็นกังวลในเรื่องการให้ข้อมูลของกรมประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามอยากขอร้องเรื่องของกระแสสังคม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเราช่วยกันประคับประคองให้กระแสไปในทิศทางที่ดี ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันสร้างพลังสามัคคีในการแก้ปัญหา เราก็จะไปในทิศทางที่ดีได้ และสถานการณ์ต่างๆ ก็จะบรรเทาเบาบางลง

เมื่อถามว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวพระสงฆ์ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ได้รับบ้าง ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 ช่วงแรกพระสงฆ์ได้รับผลกระทบมากกว่าช่วงนี้ เนื่องจากไม่มีการเตรียมพร้อมในมาตรการป้องกัน แต่ปัจจุบันทางสำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ (พศ.) หารือถึงวิธีที่จะดูแลองค์กรสงฆ์ เพื่อให้เป็นหลักของบ้านเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข่าวว่าอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งให้ผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์ สับเปลี่ยนกันทำข่าวในพื้นที่สีแดงทุกคน คนละ 10 วัน และให้กักตัว 14 วัน หลังจากกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน ขอกลับไปตรวจสอบก่อน และคงจะต้องสอบถามผู้บริหารว่าในเชิงความคิดหรือในเชิงประโยชน์ที่จะได้รับจากคำสั่งนี้จะมีมากน้อยแค่ไหนเพราะต้องมีการพิจารณาทุกด้าน ความเสี่ยงก็คือความเสี่ยง ความคุ้มค่าหรือความเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ก็ต้องนำมาพิจารณากัน สำหรับตนมีความเป็นห่วงและเป็นกังวลถึงทุกคนที่ต้องลงพื้นที่

กองทัพบก จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จำนวน 8 ศูนย์ ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร พร้อมมอบอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็น จำนวน 2,000 ชุด จัดกำลังพลเฝ้าระวังพื้นที่ควบคุมและการลาดตระเวนโดยรอบตลาดกลางกุ้ง ตลอด 24 ชั่วโมง

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การคลี่คลายสถานการณ์โควิด 19 ใน จ.สมุทรสาคร กองทัพบกได้ให้การสนับสนุนตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดในส่วนของการสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาครที่ทางจังหวัดได้เตรียมพื้นที่ไว้ จำนวน 8 ศูนย์ ได้แก่ ตลาดกลางกุ้ง(ศูนย์ 1), สนามกีฬากลาง(ศูนย์ 2), วัดโกรกกราก(ศูนย์ 3), วัฒนาแฟคตอรี่(ศูนย์ 4), เทศบาลตำบลนาดี(ศูนย์ 5), วัดสุทธิวาตวราราม(ศูนย์ 6), วัดเทพนรรัตน์(ศูนย์ 7), อบต.ท่าทราย(ศูนย์ 8) สามารถรองรับ การพักอาศัยได้ 2,092 เตียง

ปัจจุบันกองทัพบกได้สนับสนุนสิ่งอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็นในการพักอาศัย ประกอบด้วย เตียงโครงเหล็กพร้อมที่นอน, หมอน, ปลอกหมอน, ผ้าห่ม และมุ้ง จำนวน 2,000 ชุด และได้ลำเลียงไปยัง จ.สมุทรสาครเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ 7 ม.ค. 64 พร้อมกับได้จัดสรรนำไปติดตั้งใช้งาน ณ ศูนย์ห่วงใยคนสาครที่ 1-2-3-4 เรียบร้อย

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้มีการหารือร่วมกับทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปรับแผนการควบคุมพื้นที่ การจัดวางกำลังสนับสนุนศูนย์สาครทั้ง 8 แห่ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมไปถึงการตั้งจุดตรวจร่วม เพื่อคัดกรองการข้ามจังหวัดตามข้อกำหนดในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 17) ซึ่งมีความเข้มงวดมากขึ้นนั้น กองทัพบกได้กำชับให้ มทบ.16, กรมทหารสื่อสารที่ 1 ได้ปฏิบัติอย่างรัดกุมตามแนวทางของ ศบค. ครอบคลุมทั้งเรื่องการวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการ สอบถามความจำเป็นสถานที่ปลายทาง และเอกสารรับรองการเดินทาง พร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติของแต่ละจังหวัดควบคู่กันไป

สำหรับภาพรวมการปฏิบัติงานในปัจจุบัน กองทัพบกได้จัดกำลังพล จากกรมทหารสื่อสารที่ 1, มณฑลทหารบกที่ 16 และ กอ.รมน.จ.สมุทรสาคร พร้อมยุทโธปกรณ์เข้าปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ การประสานงานที่กองอำนวยการร่วม การเฝ้าระวังพื้นที่ควบคุมและการลาดตระเวนโดยรอบตลาดกลางกุ้งตลอด 24 ชั่วโมง การช่วยลงทะเบียนซักประวัติเพื่อคัดแยกบุคคลที่ตลาดกลางกุ้งเพื่อเตรียมย้ายไปพักที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 1-3 การตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรองควบคุมการแพร่ระบาด 9 จุดตรวจ รอบพื้นที่จังหวัด

โดยในแต่ละวันมียานพาหนะผ่านจุดตรวจ 3,000-4,000 คันต่อวัน การจัดเจ้าหน้าที่และยานพาหนะเข้ารับ-ส่งผู้ป่วยจากพื้นที่ควบคุมตลาดกลางกุ้งย้ายไปพักที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 1-3 รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่และรักษาความปลอดภัยศูนย์ห่วงใยคนสาคร 1-2-3 นอกจากนี้ได้เข้าเตรียมพื้นที่ในการจัดตั้งศูนย์ห่วงในคนสาครที่ 4-5-6-7-8 ทั้งด้านการทำความสะอาด การปรับปรุง การวางแผนรักษาความปลอดภัย ควบคู่ไปกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดและการควบคุมโรค

อย่างไรก็ตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด กองทัพบกตระหนักดีว่ากำลังพลมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ จึงได้กำหนดแนวทางพิทักษ์พล โดยนอกจากจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล การจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อมแล้ว เมื่อกลับเข้าหน่วยทหารจะมีการทำความสะอาดล้างฆ่าเชื้อหลังการปฏิบัติงานทุกครั้ง ควบคู่ไปกับการตรวจร่างกายกำลังพลที่ปฏิบัติงานตามห้วงระยะเวลา

รองนายกรัฐมนตรี ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ เคาะแผนบริหารจัดการน้ำ ปีงบประมาณ 2565 บูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ว อย่างยั่งยืน เน้นให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า โปร่งใสและตรวจสอบได้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และคณะกรรมการการบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2565

พล.อ.ประวิตร ได้พิจารณาเห็นชอบงบประมาณแผนงานการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลักเกณฑ์สำคัญได้แก่ การขยายผลงานตามแนวทางศาสตร์พระราชา "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และโครงการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อด้วยงบประมาณการบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล การปรับเปลี่ยนบริการภาครัฐ เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ โควิด-19 โดยมุ่งเน้นนโยบายเร่งด่วนได้แก่ สิทธิสวัสดิการประชาชน การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน การเกษตรและทรัพยากรน้ำ การบริหารจัดการภาครัฐ และการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ

ต่อมาเห็นชอบ หลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (สทนช.) โดยให้ สทนช. จัดลำดับความสำคัญของโครงการ ได้แก่ โครงการพระราชดำริ โครงการตามนโยบาย และการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม และให้ประชาชน มีน้ำใช้ อย่างเพียงพอ และยั่งยืน ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดใช้แดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สทนช. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอีเอส) และกระทรวงต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างจริงจัง ภายใต้แผนงานหลักที่รับผิดชอบ ให้บรรลุเป้าหมาย และตัวชี้วัดยุทธศาสตร์ชาติ ตามนโยบายของรัฐบาล การใช้จ่ายงบประมาณ จะต้องมีความประหยัด แต่ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้

ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันที่จะขับเคลื่อนงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ให้มีความต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของประเทศชาติ

สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส์ ประกาศยกเลิกเส้นทางบินเพิ่มอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง สมุย-ภูเก็ต (ไป-กลับ) และเส้นทาง ภูเก็ต-หาดใหญ่ (ไป-กลับ) ตั้งแต่วันที่ 10-31 มกราคม 2564

รายงานข่าวจากสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ แจ้งว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และประกาศของ ศบค. ในการขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด

ทาง บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จึงมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินเป็นการชั่วคราวเพิ่มเติม 2 เส้นทางบิน ได้แก่ เส้นทาง สมุย-ภูเก็ต (ไป-กลับ) และเส้นทาง ภูเก็ต-หาดใหญ่ (ไป-กลับ) ตั้งแต่วันที่ 10-31 มกราคม 2564

และจะปิดให้บริการสำนักงานออกบัตรโดยสาร สำนักงานใหญ่ (ถนนวิภาวดีรังสิต) เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 11-31 มกราคม 2564 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

คอลเซ็นเตอร์ โทร 1771 และโทร 02-270-6699 (ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 20.00 น.), อีเมล [email protected]

และ PG Live Chat https://bit.ly/PGLiveChatTH

สำหรับ ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารในเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว สามารถติดต่อสายการบินฯเพื่อเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสาร สำหรับผู้โดยสารที่ออกบัตรโดยสารผ่านทางตัวแทนจำหน่าย ให้ติดต่อที่ตัวแทนจำหน่าย

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ เหน็บฝ่ายค้านขอเวลาซักฟอกรัฐบาล 7 วัน อย่าให้น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ชี้ต้องมีข้อมูลใหม่ ให้ประชาชนเชื่อถือ อย่าใช้แต่สำนวนโวหารแค่สาแก่ใจ เวลาเปล่าประโยชน์

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้าน เตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยจะขอเวลาอภิปราย 7 วันว่า ตนเห็นว่าถ้าฝ่ายค้านมีข้อมูลใหม่และทำให้ประชาชนเชื่อถือได้ว่า รัฐบาลมีพฤติกรรมทุจริตและบริหารประเทศไม่เป็นที่พอใจของประชาชน ก็ถือว่าเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เพราะสามารถกระตุกสามัญสำนึกของ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ก่อนที่จะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย จนทำให้ ส.ส. ของพรรค ต้องมีการถกเถียงกันก่อนการลงมติ

แต่ถ้าฝ่ายค้านมีเวลาตามที่ขอ แต่กลับไม่แสดงหลักฐานเพื่อชักจูงได้ว่า รัฐบาลมีพฤติกรรมอย่างไร จึงไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อ หรือเอาแต่สำนวนโวหารหรือขอแค่ได้กระทบกระเทียบก็สาแก่ใจแล้วนั้น ตนถือว่า นอกจากไม่ใช่วิถีทางทางการเมืองที่ประชาชนอยากจะเห็นแล้ว ยังเป็นการทำลายเวลาให้เปล่าประโยชน์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างมากในการแก้ปัญหาด้วย

“ที่ผ่านมา ผมเห็นความเห็นในโลกออนไลน์ว่า ฝ่ายค้านในยุคนี้ ทำหน้าที่ไม่สมกับผู้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่กลับ หมกหมุ่นในการแย่งชิงอำนาจ หรือปล่อยข่าวและข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนและเอือมระอาให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่ฝ่ายค้าน จะขอโอกาสในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องขอเวลาให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะเข้าทำนองสุภาษิตว่า น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงเป็นแน่” นายชัยชนะกล่าว

‘สมคิด จิรานันตรัตน์’ หนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียน โครงการรัฐบาล อาทิ เราไม่ทิ้งกัน และคนละครึ่ง โพสต์ฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Chao Jiranuntarat’ แจงข้อดี-ข้อเสีย - ประโยชน์ แอป ‘หมอชนะ’ ชี้ไม่ควรติเรือทั้งโกลน หวั่นคนอาสาอยากช่วย หมดกำลังใจ

สมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียนให้กับโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น เราไม่ทิ้งกัน, วอลเล็ต สบม. รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Chao Jiranuntarat’ ถึงกรณีกระแสดราม่าโหลดแอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ โดยระบุว่า

วันนี้หลายๆคนคงอยากรู้ว่าควร load app หมอชนะหรือไม่

App หมอชนะคือความร่วมมือของคนไทยเก่ง ๆ หลายคนที่มาช่วยกันพัฒนาด้วยจิตอาสา เพื่อช่วยควบคุมไม่ให้มีการแพร่เชื้อในวงกว้าง เทคนิคและเทคโนโลยีที่ใช้ก็เทียบเท่ากับ แอปติดตามตัวของประเทศอื่น ๆ ที่ใช้กันอยู่ และแอปหมอชนะก็ระมัดระวังเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนตัวเป็นอย่างสูง ทั้งที่เก็บ วิธีการเก็บ และกระบวนการควบคุมการเข้าถึง แอปหมอชนะช่วยในการเตือนเมื่อเข้าเขตที่มีคนมีความเสี่ยง และช่วยในการแสดงตัวว่าตนเองมีความเสี่ยงแค่ไหน แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า เทคโนโลยีก็ไม่ใช่ยาวิเศษ จะมีข้อดีต่อเมื่อเราใช้เป็น แอปหมอชนะก็เช่นกัน จะมีข้อดีเมื่อมีคนใช้เยอะ หากคนใช้ไม่มาก จุดแข็งก็จะเป็นจุดอ่อนได้

แอปหมอชนะมีจุดอ่อนตรงไหน

Version ก่อนหน้านี้ มีประเด็นเรื่องการกินแบตค่อนข้างมากและใช้เก็บข้อมูลมากในเครื่องของเรา แต่ประเด็นนี้ทราบมาว่าได้มีการแก้ไขแล้วใน version ล่าสุด จุดอ่อนอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องข้อจำกัด ของเทคโนโลยี gps และ bluetooth แต่ข้อจำกัดเหล่านี้จะน้อยลงหากใช้ควบคู่กับการสแกน คิวอาร์ไทยชนะ ซึ่งแอปหมอชนะก็ใช้ในการสแกนไทยชนะได้ด้วย

ควรเลิกไทยชนะมั้ย

ไทยชนะเป็นแพลตฟอร์ม ที่ช่วยในการควบคุมความหนาแน่นของสถานที่ และดูด้วยว่าเราอยู่ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงเพราะเป็นที่เดียวกับผู้ติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันการสแกนไทยชนะมีทางเลือกมากมาย ใช้กล้องสแกนโดยไม่ต้องมีแอปใด ๆ เลยก็ได้ ใช้แอปไทยชนะก็ได้ ใช้แอปหมอชนะก็ได้ จนถึงปัจจุบันมีคนไทยที่เคยสแกนไทยชนะแล้วกว่า 47 ล้านคน ไม่ซ้ำกัน และมีการเช็คอินไทยชนะในช่วงนี้กว่า 1 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งไม่ว่าจะสแกนด้วยวิธีใด ข้อมูลเบอร์โทรจะถูกแปลงเป็นรหัสอื่นอีกชั้นหนึ่งเพื่อเก็บในฐานข้อมูลที่กรมควบคุมโรคเป็นเจ้าของสิทธิ์ในการใช้ หากมีคนติดเชื้อ สามารถควานหาได้ว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เราอยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้ติดเชื้อหรือไม่ เพื่อการแจ้งเตือนต่อไป

สรุปแล้วแพลตฟอร์มไทยชนะก็ยังเป็นประโยชน์อยู่ ส่วนจะใช้วิธีไหนสแกนก็แล้วแต่ผู้ใช้ แต่ข้อดีของการใช้แอปไทยชนะ หรือแอปหมอชนะสแกนคือแอปจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของคิวอาร์ให้ด้วย

ข้อสรุป

เรามีคนไทยเก่ง ๆ เยอะ ที่มีความตั้งใจและหวังดีในการสร้างของดี ๆ ขึ้นมา เราให้ความเห็นได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่ไม่ควรติเรือทั้งโกลน เพื่อความมันหรือเพื่อการทำลายล้าง ซึ่งจริง ๆ ก็น่าสงสารคนที่มีความประสงค์เช่นนั้น

ธนาคารพาณิชย์ไทย ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ และธนาคารรัฐ ร่วมจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ ดูแลลูกหนี้ทุกช่องทาง พร้อมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการรับมือโควิดรอบใหม่ แต่จะช่วยเหลือแตกต่างกันไปเป็นรายกรณี

นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงการดำเนินงานและการให้บริการลูกค้าในภาวะวิกฤติโควิด-19 รอบใหม่ ว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไทย ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ และธนาคารรัฐ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อดูแลลูกหนี้ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจทุกช่องทาง รวมทั้งให้การสื่อสารเป็นไปในทิศทางเดียวป้องกันการสับสนของข้อมูล

ขณะเดียวกันยังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการมาตรการรับมือโควิดรอบใหม่ โดยการบริหารจัดการอาจแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละธนาคาร ซึ่งเน้นดูแลความปลอดภัยทั้งลูกค้า พนักงาน คู่ค้า พันธมิตร หรือผู้มาติดต่ออื่น ๆ

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์ยังต้องติดตามสถานการณ์การระบาดที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งยังเร็วเกินไปที่จะประเมินถึงความสามารถในการชำระคืนหนี้และแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้ชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับมาตรการการควบคุมโรคของรัฐบาล เพราะสถานการณ์ยังที่มีความไม่แน่นอนสูง และธนาคารต้องประเมินผลกระทบในหลาย ๆ ด้านและเตรียมแผนไว้ จึงต้องใช้เวลาเพื่อประเมินความชัดเจนก่อน โดยธนาคารแต่ละแห่งพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่ม ซึ่งจะพิจารณาความช่วยเหลือแตกต่างกันไปเป็นรายกรณี"

แทมมี ดักเวิร์ธ นักการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายไทย สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา จากรัฐอิลลินอยส์ พรรคเดโมแครต กล่าวถึง เหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในสภาคองเกรสในสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในห้องประชุมวุฒิสภา

หลังสภาเปิดประชุมพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งของ โจ ไบเดน อีกครั้ง

"ฉันใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่มาตลอดเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของเรา แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจำเป็นต้องปกป้องมันจากการพยายามล้มล้างอย่างรุนแรงในอาคารรัฐสภาของประเทศเรา"

ดักเวิร์ธ ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกอิรักกล่าวว่า "ในปี 2004 ฉันเก็บกระเป๋าเป้สะพายหลังผูกเชือกรองเท้าและเดินทางไปอิรักโดยเต็มใจที่จะเสียสละทุกสิ่งที่ฉันร้องขอเพราะฉันรักประเทศนี้และเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของระบบการเลือกตั้งของเราซึ่งได้ประกาศให้จอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ฉันสูญเสียขาของฉันไปต่อสู้อย่างภาคภูมิใจในสงครามที่ฉันไม่สนับสนุนตามคำสั่งของประธานาธิบดีที่ฉันไม่ได้ลงคะแนน เพราะฉันเชื่อในคุณค่าที่ประเทศของเราก่อตั้งขึ้น - เพราะฉันเชื่อในรัฐบาลเพื่อประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเลือกใครเป็นผู้นำ ไม่ใช่การทำแบบอื่น"

ดักเวิร์ธ ยังกล่าวด้วยว่า “สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ไม่ใช่การประท้วง แต่เป็นการพยายามก่อรัฐประหาร ฉันปฏิเสธที่จะปล่อยให้ใครก็ตามที่มีเจตนายุยงให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกปั่นความรุนแรงขัดขวางไม่ให้ฉันปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ สภาคองเกรสต้องดำเนินการต่อไปเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งและก้าวไปข้างหน้าต่อไปให้พ้นจากเรื่องน่าอับอายนี้ในประวัติศาสตร์ของเรา มันเป็นหนทางเดียวที่จะกระชับหนทางในการรักษาชาติของเรา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top