Friday, 28 June 2024
NEWS FEED

BTS & Airport Rail link จัดกิจกรรมดีๆ วันพ่อแห่งชาติ

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติไทย และวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้

โดยลูกๆ สามารถพาคุณพ่อมาโดยสารรถไฟฟ้า BTS ได้ฟรีตลอดสาย ทุกเส้นทาง รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. รวมไปถึงรถโดยสารด่วนพิเศษ บีอาร์ที ซึ่งคุณพ่อและคุณลูกจะต้องขึ้น / ลงสถานีเดียวกันเท่านั้น สามารถติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายบัตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยกเว้นค่าโดยสารสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 ซม. อีกด้วย

ด้านบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ ก็ได้จัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในวันพ่อแห่งชาติเช่นเดียวกัน เปิดโอกาสให้คุณลูกพาคุณพ่อขึ้นรถไฟฟ้าฟรี! ไม่จำกัดเที่ยว ตลอดวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. เพียงคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวที่ห้องจำหน่ายตั๋ว (คุณพ่อ และคุณลูกไม่จำเป็นต้องมีนามสกุลเดียวกัน) เพื่อขอรับคูปองเดินทางฟรีที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อนเดินทาง เพียงเท่านี้คุณพ่อก็สามารถเดินทางได้ฟรี

5 ธันวาคมนี้ พาคุณพ่อไปเที่ยวกัน!!

Final Stage!! ร่วมชมและลุ้นไปกับ 6 Startup สายพันธุ์ใหม่ คว้าทุนก้อนใหญ่...เติมไฟธุรกิจ @โครงการ 'Startup Connect'

Start-Up (2020) ซีรีส์เกาหลียอดฮิต ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของคนวัยหนุ่มสาวที่ก้าวเดินจากจุดเริ่มต้น (Start) จนเติบโต (Up) ในธุรกิจ Startup ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในฐานะอัจฉริยะ และมีชื่อปรากฏใน 'Silicon Valley' ของเกาหลีใต้ เขาและเธอที่ต่างเป็นตัวละครชวนติดของเรื่องนี้ ได้สร้างแรงผลักดันให้แก่กันและกัน

แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะพวกเขาและเธอ ต่างก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่อีกมากมายทั่วโลกและเมืองไทย ให้อยากก้าวเข้ามาสู่เวทีแห่ง Startup แบบไม่รู้ตัว

จริง ๆ ตอนที่ซีรีส์ชุดนี้ออกมา ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร และมองว่าคงไม่ต่างจากซีรีส์เกาหลีทั่วไป รัก ๆ ใคร่ ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ และแค่หาพล็อตเรื่องแปลก ๆ มานำเสนอ แต่เปล่าเลย ซีรี่ส์เรื่องนี้ สะท้อนแง่มุมที่ 'ไม่ง่าย' ของ Startup ออกมาให้เห็นได้เด่นชัด โดยเฉพาะอุปสรรคของธุรกิจ และที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเงินทุน

เพราะเงินทุนมากมาย จะไม่มีทางออกมาสู่ธุรกิจ Startup ได้เลย ถ้าแนวคิดทางธุรกิจ ไอเดีย ผู้นำ และแผนในอนาคตไม่เฉียบและเด็ดขาด ในระหว่างที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังดำเนินอย่างเข้มข้น ในบ้านเราก็มีงานใหญ่ของ Startup ไทยสาย Deep Technology (เทคโนโลยีเชิงลึก) ที่เกิดขึ้นจาก 'กระทรวงอุตสาหกรรม' ภายใต้โครงการกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและการตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ 'Startup Connect'

ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 นี้ เป็นรอบ 'วัดพลัง' แบบสด ๆ ของ 6 กลุ่มธุรกิจสาย Deep Tech ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามา Pitching เงินทุนก้อนโต ซึ่งจะนำเสนอและอภิปรายผลงาน/สิ่งประดิษฐ์ด้าน Deep technology ประกอบไปด้วย

.

- บริษัท ทีโออี สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด

- ทีมสลัดเก่ง

- บริษัท ไอคิวเมด อินโนเวชั่น จำกัด

- บริษัท อินเทค แวลิ่ว จำกัด

- บริษัท ยู บี เซฟ จำกัด

- บริษัท โชเซ่น เอ็นเนอร์จี้ จำกัด

.

โครงการ 'Startup Connect' ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้บริษัท อีซีจี - รีเซิร์ช จำกัด ที่สนใจในการร่วมลงทุนกับ Startup มาเป็นผู้ใหญ่ใจดีให้ทุนสนับสนุนหลายร้อยล้านบาท เพื่อสานฝันแก่ Startup ทั้ง 6 ที่สามารถเอาชนะใจบรรดา Angel Fund ได้

โดยเป้าหมายของการสนับสนุนครั้งนี้ มาจากการมองถึงการต่อยอดโมเดล Startup ของแต่ละรายที่จะเป็นผลดีในเชิงเศรษฐกิจไทย ทั้งการลดการนำเข้าเทคโนโลยีที่จากต่างประเทศ และสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่อไป

เรื่องราววุ่น ๆ ของ หนุ่มสาวนักธุรกิจรุ่นใหม่ แห่ง Start - Up (2020) จะลงเอยอย่างไรไม่รู้ แต่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 นี้ คงได้รู้แน่ว่าใครจะคว้าทุนหลักร้อยล้านไปต่อยอดธุรกิจ Startup ของตน

สำหรับใครที่สนใจรับชมไอเดียของ Deep Tech ทั้ง 6 ราย สามารถติดตามชมและเป็นกำลังใจให้ได้ผ่าน Live ของ The States Times ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 นี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.


Start Up ของจริง ไม่ได้มีแต่ในซี่รี่ส์เกาหลี

>> รับชม Start Up Connect Live ถ่ายทอดสด Pitching เพื่อลงทุนจริง!!!

สดจาก ห้องประชุม ชั้น 22 เกษรทาวเวอร์

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.

Facebook Live >> https://www.facebook.com/thestatestimes

Website >> https://thestatestimes.com

8 ไอเดียกระแทกใจ ที่ปล่อยออกมาเมื่อไร 'นักลงทุน' ก็ต้องมอง

ยอมรับว่าไอเดียดี ๆ แผนธุรกิจเจ๋ง ๆ คือ แต้มต่อของธุรกิจ Startup ในการจะเข้ามาขอทุนมาดำเนินธุรกิจต่อ แต่ก็ต้องยอมรับอีกว่า หาก Startup นั้น ๆ ขาดการนำเสนอที่ดี โอกาสหลุดลอยจากเป้าหมาย ก็มีสูงเช่นกัน

แล้วแบบไหน ถึงจะเรียกว่า 'นำเสนอได้ดี' ?

เวลาที่จะพูดถึงการนำเสนองานต่อนักลงทุน เหล่า Startup อาจจะคิดภาพการทำแผนธุรกิจที่มาพร้อมเอกสารหนา ๆ เข้าไปนำเสนอ หรือหนีบไลด์ที่สรุปเนื้อหาเข้าไปพูดคุยแบบแน่น ๆ

ถึงกระนั้นต่อให้ข้อมูลทุกอย่างพร้อม โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะหรูหรา แต่ถ้าการนำเสนอและการเรียบเรียงลำดับมีความเข้าใจยาก ก็อาจทำให้นักลงทุนไม่เข้าใจในแผนธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของคุณก็เป็นได้

ฉะนั้นเมื่อ Startup ได้รับโอกาสเข้าไปนำเสนอแผนธุรกิจ ควรเตรียมตัวสร้างเสน่ห์ให้มากพอที่จะยั่วยวนจนนักลงทุนอยากจ่ายและยกนิ้วว่าคุณคือ 'The Best' ให้ได้ก่อนแล้วทำอย่างไร?

.

ลองมาดู '8 ไอเดียพิชิตใจนักลงทุน' กันดู

1.) เริ่มเรื่องคุณต้องเล่าให้เห็นภาพปัญหาของตลาดที่พบเจอในปัจจุบัน จนทำให้ต้องมานำสู่การเสนอโซลูชั่นนี้ นี่แหละตัวเรียกแขกให้คนอยากมาลงทุนกับคุณได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งที่เรียกว่า 'ปัญหา' มักจะทำให้เกิดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมใหม่ของคนยุคนี้ได้ดีมาก ยิ่งปัญหานั้นเป็นปัญหาใหญ่ วงกว้าง แล้วถูกจัดการแก้ปัญหาได้ด้วยธุรกิจของคุณ โอกาสก็เรียกว่าเกินครึ่งที่เงินทุนจะไหลมาเลยทีเดียว

.

2.) โอกาสและขนาดของตลาด กลุ่มที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของ Startup ของคุณมีอยู่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตรงนี้ต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี โดยปกติทั่วไปแล้ว เรามักจะอ้างอิงตัวเลขกว้าง ๆ ไว้ก่อน แต่ในความเป็นจริง เราควรจะต้องวิเคราะห์ตัวเลขหรือที่มาที่ไปของข้อมูลที่นำเสนอให้ได้โดยละเอียด เช่น ขนาดของตลาดที่ธุรกิจคุณจะเข้าไปจับ อาจไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดแต่คุณก็ชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะทำโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มตลาด Mass ทั้งหมด แต่เน้นการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม (Niche Market) และแก้ปัญหาให้พวกเขาได้จริง ๆ ตรงนี้ก็มีโอกาสแจ้งเกิดได้เช่นกัน

.

3.) เปิดอกพูดกันตรง ๆ บอกไปเลยว่าการมาขอระดมทุนครั้งนี้ ต้องการนำเงินทุนดังกล่าวไปใช้พัฒนาหรือขยับขยายส่วนใดบ้าง และแผนกลยุทธ์และการเติบโตที่มีความเป็นไปได้จะเป็นอย่างไร เช่น ในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้า แผนการครองตลาดหลักในไทย จะมีกลยุทธ์แบบไหน จะเข้าถึง หรือทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจได้อย่างไร แล้วแผนในการขยายไปต่างประเทศมีไว้รองรับหรือไม่ ตรงนี้จะเรียกว่าขายฝัน ก็ไม่ผิด แต่ต้องเป็นฝันที่แตะต้องได้พอสมควรอย่างเป็นขั้นเป็นตอนกันเลยแหละ

.

4.) การคิดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร มีแผนการหารายได้อย่างไร บางธุรกิจอาจจะสร้างขึ้นมาด้วย 'ใจ' ล้วน ๆ ไอเดียดี คอนเซ็ปต์เริ่ด แต่ต้องยอมรับว่าอย่างหนึ่งว่า นักลงทุนไม่ใช่ 'เจ้าพ่อการกุศล' เขาหวังที่จะเห็นเม็ดเงิน 'อนาคต' เพื่อกลับมาเป็นกำไรที่งอกเงยจากการลงทุนของเขาเหมือนกัน ถ้าเราทำแล้วมีแผนที่จะต่อยอดรายได้ให้เห็น ถึงแม้ช่วงแรกจะฟรี เช่นเดียวกันกับที่ Facebook และ Google ที่กลายเป็นบริษัทโฆษณาระดับโลก โอกาสก็แค่เอื้อม

.

5.) วิเคราะห์ว่าปัจจุบันมีคู่แข่งรายใดอยู่บ้าง อะไรที่เป็นจุดเด่นของคุณและสามารถสร้างความแตกต่างและแข่งขันได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าผู้เล่นรายใหญ่มีทุนที่หนากว่า ทำโซลูชั่นคล้าย ๆ กัน Startup จะสู้กับผู้เล่นรายใหญ่นี้ได้อย่างไรบ้าง

.

6.) ถ้าคุณดำเนินธุรกิจมาสักระยะแล้ว ควรต้องแสดงให้เห็นถึงการตอบรับของตลาด หรือที่วงการ Startup เรียกกันว่า Traction เช่น มีจำนวนผู้ใช้กี่ราย มีลูกค้าทั้งหมดกี่ราย ถ้าทำธุรกิจประเภท Business-to-Business (B2B) การได้ลูกค้าองค์กรชั้นนำมาเป็นตราประทับยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณมากขึ้น ข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลที่ใช้พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นตอบโจทย์ตลาดได้จริงหรือไม่

.

7.) ทีมงานมีใครบ้าง ซึ่งบางคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่ในมุมของนักลงทุนกลุ่ม Startup โดยเฉพาะช่วง Early Stage (ช่วงเริ่มต้นนั้น) เขาดูถึงความสัมพันธ์ของผู้ร่วมก่อตั้ง ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ก่อนหน้านี้ทำอะไรมาก่อน ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณกำลังเริ่มทำ Startup ที่ต้องการแก้ปัญหาในภาคธุรกิจก่อสร้าง/อสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าถ้าคุณเคยมีประสบการณ์โดยตรงในภาคธุรกิจนี้มาก่อน จะทำให้นักลงทุนเชื่อถือในตัวคุณมากขึ้น ว่าคุณเข้าใจตลาด และปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจนี้จริง แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้าใหม่ของวงการเลย และยิ่งเป็นภาคธุรกิจที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางมาก่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างความเชื่อใจจากนักลงทุนได้

.

8.) ผลงานหรือข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณหรือทีมงานของคุณ เช่น ผลงาน หรือคอนเนคชั่นกับคนมีชื่อเสียง คนที่มีเครดิตที่ทำให้คุณดูน่าเชื่อว่า ถ้านำข้อมูลส่วนนี้มาผสมได้ด้วยจะดีมาก ๆ

.

อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่กล่าวมา อาจจะได้ใช้ทุกข้อ หรือบางข้อ ก็เป็นเรื่องที่ Startup จะนำไปพลิกแพลงตามเหตุการณ์ที่เหมาะสม แต่ถ้าอยากทราบวิธีนำเสนอนักลงทุน และ Pitching แบบของจริง จากเวทีจริง และ Startup ผู้มาคว้าโอกาสตัวจริง สามารถรับชม Live สด งาน 'Startup Connect' ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 นี้ได้


Start Up ของจริง ไม่ได้มีแต่ในซี่รี่ส์เกาหลี

>> รับชม Start Up Connect Live ถ่ายทอดสด Pitching เพื่อลงทุนจริง!!!

สดจาก ห้องประชุม ชั้น 22 เกษรทาวเวอร์

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.

Facebook Live >> https://www.facebook.com/thestatestimes

Website >> https://thestatestimes.com

'Startup Connect' โครงการที่จะทำให้ ‘สตาร์ทอัพไทย’ สายลึกมีที่ยืน

'90% ของ Startup มักจะล้มเหลว'

คำกล่าวนี้คลาสสิคเสมอ สำหรับคนที่มีฝัน อยากสร้างธุรกิจที่เรียกว่า Startup แน่นอนว่าในโลกนี้มี Startup เกิดขึ้นมากมาย หลายรายสามารถกวาดเงินระดมทุนได้ในระดับหนึ่งเพื่อมาต่อยอดธุรกิจ แต่ก็มี Startup จำนวนมากที่ไปไม่รอดในระยะยาว ซึ่งมักจะมาจากปัจจัยที่หลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ความสามารถในการเลือกโมเดลธุรกิจที่มาตรงเวลา และการบริหารจัดการองค์กรที่มีสะดุดพลาด

แต่ทราบไหมว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มักจะทำให้ฝันสวยใสของ Startup หายไป คืออะไร?

'แหล่งเงินทุน' นั่นแหละ!!

ต้องยอมรับว่าธุรกิจ Startup ในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Startup ที่พร้อมจะเข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมแห่งโลกใหม่ในยุค 4.0 จำเป็นต้องมีสายป่านในการนำไปในพัฒนาโมเดลธุรกิจ คอขวดของปัญหานี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลเชื่อว่าต้อง 'เชื่อม' ให้ผู้ประกอบการ Startup เดินหน้าได้สะดวก

ปัจจุบัน 'กระทรวงอุตสาหกรรม' เป็นหนึ่งในเจ้าภาพสำคัญที่เข้ามาช่วยทำให้ Startup เก่ง ๆ ได้เจอกับทุนเจ๋ง ๆ เพื่อช่วยเร่งระบบนิเวศน์ของ Startup ไทยให้เกิด 'นวัตกรรมรุ่นใหม่' ไอเดียใหม่ นวัตกรรมใหม่ ๆ

เพราะเชื่อว่าการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ ที่มีไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ สร้างธุรกิจ ออกมาสู่ประเทศมากที่สุด สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจไทย มี 'อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ' หรือ 'GDP' เติบโตก้าวกระโดด

ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรม ก็ต้องการช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมที่หลากหลาย และหนึ่งในเป้าหมาย คือ นวัตกรรมแบบ 'Deep Technology' หรือนวัตกรรมเชิงลึก ที่สามารถยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าไปสู่ยุค 4.0 ได้แบบเต็มขั้น

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2563 รวมระยะเวลา 5 ปีนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เร่งดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาระบบนิเวศน์ของ Startup อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

โดยไฮไลท์อยู่ที่การสร้าง 'กระบวนการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการ' (Incubation) ภายใต้ 'โครงการแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่' หรือ 'Angel Fund'

แต่ปีนี้ (ค.ศ.2020) เป็นอีกปีที่พิเศษอย่างมาก เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เพิ่มมิติของการพัฒนา Startup ให้ครอบคลุมยิ่งกว่าเก่า โดยนำร่องจัดทำ 'โครงการ Startup Connect' เพื่อต่อยอดผู้ประกอบการด้าน Deep Technology ที่อยู่ในระยะเติบโต ให้เชื่อมไปสู่แหล่งเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุน พร้อมทั้งใช้เครือข่ายของนักลงทุนในการขยายช่องทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น

'Deep Tech (Deep Technology)' หรือ 'เทคโนโลยีขั้นสูง' คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร ลอกเลียนแบบได้ยาก และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองเพราะผ่านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมอย่างยาวนาน

ตัวอย่าง Deep Tech ที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ 'AlphaGo' ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียนรู้ด้วยการเก็บข้อมูลจากการเล่นเกมโกะ (กระดานหมากล้อม) กับมนุษย์แล้วประมวลผลข้อมูลจนเข้าใจกติกา และพัฒนาแนวการเล่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเอาชนะแชมป์โกะระดับโลกได้สำเร็จ

ความซับซ้อนของ AlphaGo นี้เองที่เป็นจุดแข็งที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก ผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี้เกิดขึ้นด้วยแรงกระตุ้นจากประเด็นใหญ่ระดับมหภาคที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ปัญหาโลกร้อน การขาดแคลนพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เป็นต้น

แน่นอนว่า 'โครงการ Startup Connect' นี้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับ Startup โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า 'DeepTech' ได้ก้าวออกออกมาแสดงตัวกันมากขึ้น

โดยมีผู้ประกอบการมาสมัครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 จำนวน 35 ทีม แต่โครงการจำเป็นต้องดำเนินการคัดกรองทีมที่น่าสนใจที่สุดมาเข้าร่วมการนำเสนอโมเดลธุรกิจต่อแหล่งทุน จำนวน 6 ทีม

กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและการตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ 'โครงการ Startup Connect' รอบนี้ เป็นโอกาสที่น่าสนใจที่เชื่อว่าจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่จะเกิดขึ้นอีกในครั้งต่อ ๆ ไป

นี่คืออีกที่ยืนใหม่ของ Startup ไทย โดยมีรัฐมาช่วย 'เข็น' มากกว่า 'ขัด'


Start Up ของจริง

ไม่ได้มีแต่ในซี่รี่ส์เกาหลี

>> รับชม Start Up Connect Live ถ่ายทอดสด Pitching เพื่อลงทุนจริง!!!

สดจาก ห้องประชุม ชั้น 22 เกษรทาวเวอร์

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.

Facebook Live >> https://www.facebook.com/thestatestimes

Website >> https://thestatestimes.com

ปีหน้า ฟ้าเปิด!! รัฐมั่นใจ ศก.ฟื้น ดันศก.ภายใน - ดึงลงทุนต่างชาติ เต็มสูบ

ส่งสัญญาณในการเดินเครื่องเศรษฐกิจแบบเต็มอัตรา หลัง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เผย ปีหน้ารัฐบาลจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง

โดยปีหน้าทางภาครัฐจะมีปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้พึ่งพารายได้จากในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้จะสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจภายในแล้ว จะเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศใน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมายให้แล้วเสร็จ

เพื่อให้ทันกับกระแสการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยแก้ไขและปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน

"ตอนนี้ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง คือ แต่เดิมสิทธิประโยชน์ที่ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้สิทธิเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 17%

ซึ่งในส่วนนี้กำลังจะขอให้กระทรวงการคลังปรับเป็นให้สิทธิไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศไม่จำกัดแค่พื้นที่ EEC เพราะนักลงทุน และชาวต่างชาติที่ได้วีซ่าและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอาจต้องการทำงานและอยู่อาศัยในพื้นที่อื่น ๆ"

ทั้งนี้หากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและดึงการลงทุนจากต่างชาติได้ตามแผน เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะฟื้นตัวกลับมาได้ราว 3 - 4% อย่างแน่นอน

ธนาคารแห่งประเทศไทยออกธนบัตรที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวง ร.10

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และยังเป็นการบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญตลอดจนพระราชพิธีที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย


ทั้งนี้จะนำออกใช้ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นวันครบ 1 ปี ของการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562


สำหรับธนบัตรที่ระลึกชุดนี้มี 2 ชนิดราคา คือ 1,000 บาท จัดพิมพ์จำนวน 10 ล้านฉบับ และ 100 บาท จัดพิมพ์จำนวน 20 ล้านฉบับ โดยธนบัตรที่ระลึกชนิดราคา 1,000 บาท มีรูปทรงแนวตั้ง โดยใช้หมึกพิมพ์แม่เหล็กสามมิติเปลี่ยนสีได้เป็นลักษณะต่อต้านการปลอมแปลง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ใช้อยู่ในธนบัตรแบบปัจจุบัน


สำหรับชนิดราคา 100 บาท มีลักษณะโดยรวมและลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงเช่นเดียวกับธนบัตรชนิดราคา 100 บาท แบบ 17 ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบัน โดยปรับโทนสีธนบัตรให้เป็นสีเหลือง สำหรับภาพด้านหลังธนบัตรทั้ง 2 ชนิดราคา เป็นภาพจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562


ธนบัตรที่ระลึกทั้ง 2 ชนิดราคา สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ประชาชนสามารถแลกตามมูลค่าที่ตราไว้หน้าธนบัตรได้ที่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และสำหรับชนิดราคา 100 บาท สามารถกดจากตู้กดเงินสดอัตโนมัติที่มีป้ายสัญลักษณ์ได้อีก 1 ช่องทางด้วย

คมนาคมลุยลงนาม 5 สัญญารถไฟความเร็วสูงหนองคาย

ไม่นานมานี้ ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงคุณธรรมและลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง

เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) จำนวน 5 สัญญา ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทคู่สัญญา วงเงินลงทุนรวม 40,275 ล้านบาท มีระยะทางรวม 101.15 กิโลเมตร คาดว่าเปิดให้บริการปีพ.ศ.2568

สำหรับสัญญาก่อสร้างงานโยธา 5 สัญญา ประกอบด้วย...

1.) สัญญาที่ 3 - 2 งานโยธาสำหรับงานอุโมงค์ (มวกเหล็กและลำตะคอง) ดำเนินการ โดยบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจุดเด่นคืองานก่อสร้างอุโมงค์ยาวรวม 8 กิโลเมตร และการก่อสร้าง ทางรถไฟระยะทางรวม 12.23 กิโลเมตร

2.) สัญญาที่ 3 - 3 งานโยธาสำหรับช่วงบันไดม้าลำตะคอง ดำเนินการโดย บริษัท ไทยเอ็นยิเนียร์และอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งมีงานก่อสร้างสถานีปากช่อง และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง รวม 26.10 กิโลเมตร

3.) สัญญาที่ 3 - 4 งานโยธาสำหรับช่วงลำตะคอง - สีคิ้ว และช่วงกุดจิก - โคกกรวด ดำเนินการโดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจุดเด่น คือ มีงานก่อสร้างทางรถไฟระยะทางยาวที่สุดในโครงการถึง 37.45 กิโลเมตร

4.) สัญญาที่ 3 - 5 งานโยธาสำหรับช่วงโคกกรวด - นครราชสีมา ดำเนินการโดยบริษัท กิจการร่วมค้า เอสพีทีเค จำกัด ประกอบด้วย บริษัท นภาก่อสร้าง จำกัด บริษัท ทิมเชคาร์ตาร์ เอสดีเอ็น บีเอชดีจำกัด และบริษัท บิน่า พรี่ เอสดีเอ็น บีเอชดี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นงานก่อสร้างสถานีนครราชสีมาและการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม 12.38 กิโลเมตร

5.) สัญญาที่ 4 - 7 งานโยธาสำหรับช่วงสระบุรี - แก่งคอย ดำเนินการโดย บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจุดเด่นคืองานก่อสร้างสถานีสระบุรี และการก่อสร้างทาง รถไฟระยะทางรวม 12.99 กิโลเมตร

เมื่อแกรมมี่ปิด และอาร์เอสเปิด

ในรอบสัปดาห์นี้ มีข่าวของค่ายยักษ์ใหญ่วงการบันเทิงเมืองไทย ฝั่งหนึ่งค่ายอโศก ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ’ ประกาศปิดบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด มีผลให้ช่อง GMM 25 หยุดกิจการลง ในทางกลับกัน ด้านค่ายลาดพร้าว (ปัจจุบันย้ายไปเลียบด่วนฯ) ‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ก็ประกาศหวนคืนสู่ธุรกิจเพลงแบบเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากไปอีคอมเมิร์ชเสียนาน พร้อมคืนชีพค่ายเพลงเก่า เดินหน้าทวงบัลลังก์เจ้าแห่งยุทธจักรเพลงไทย และอย่างที่รู้กันดีว่า ทั้ง 2 อาณาจักรนี้เป็นคู่รักคู่แค้น เอ้ย! คู่แข่งทางธุรกิจกันมายาวววววนาน งานนี้เจ้าที่ปิดจะเดินหมากต่อไปอย่างไร ส่วนเจ้าที่เปิดจะลุยเวทีเดิมได้ดีแค่ไหน ปตต.โปรดติดตาม!

เรือโดยสารไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทย

เปิดบริการล่ะจ้า!!

 

กำลังพูดถึง ‘เรือโดยสารไฟฟ้า’ สายแรกในประเทศไทย ไทย ไทย! เป็นไง เล่นใหญ่รัชดาลัยกันไปเล้ย! วันนี้เป็นวันแรก 27 พ.ย. 63 ที่เรือโดยสารไฟฟ้าจะให้บริการตลอดเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม

 

โดยรายละเอียดของเรือโดยสารไฟฟ้านี้ เป็นเรือที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% มีขนาดความยาว 9.90 เมตร กว้าง 2.98 เมตร ใช้เครื่องยนตร์ขนาด 10 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง เทียบเท่าเครื่องยนตร์แรงม้า 20 แรงม้า รวมทั้งมีแบตเตอรี่ทำความเร็วได้สูงสุด 17 กม./ชม. โดยชั่วโมงการทำงานต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง สามารถให้บริการได้นาน 4 ชั่วโมง รองรับผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง แถมยังจัดพื้นที่รองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ 1 คัน นอกจากนี้บนหลังคาเรือยังมีแผงโซลาร์เซลล์ 12 แผง เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในระบบส่องสว่างภายในเรืออีกด้วย

 

ส่วนเส้นทางเดินเรือนั้นก็น่าสนใจ เพราะมีทั้งหมด 11 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่าเรือหัวลำโพง ท่าเรือนพวงศ์ ท่าเรือยศเส ท่าเรือกระทรวงพลังงาน ท่าเรือแยกหลานหลวง ท่าเรือนครสวรรค์ ท่าเรือราชดำเนินนอก ท่าเรือประชาธิปไตย ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช รวมระยะทาง 5 กม.

 

เรือโดยสารไฟฟ้านี้สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มีจุดเชื่อมต่อการเดินทาง จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ท่าเรือตลาดเทวราช จุดที่ 2 ต่อเรือแสนแสบ ที่ท่าเรือกระทรวงพลังงาน จุดที่ 3 ต่อรถไฟชานเมือง ที่ท่าเรือรถไฟหัวลำโพง และจุดที่ 4 ต่อรถไฟฟ้า MRT ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง

 

เรือจะให้บริการในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันละ 39 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 15 นาทีต่อลำ ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. วันละ 23 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 30 นาทีต่อลำ โดยเปิดให้บริการฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราไม่เกิน 10 บาทตลอดสาย

 

นั่งเรือต่อรถไฟ บอกเลยว่า เธอคือคุณครู เอ้ย! เธอคือคนคูลๆ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ แถมยังเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย คูลเข้าไปอี๊ก! แต่ก็ต้องให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ ไปจ้ะพี่สุชาติ ไปขึ้นเรือกัน!!

 

ผิดกฎหมายชัด!! ศรีสุวรรณ ชี้ คูปองเป็ดเหลือง ผิดหนักโทษแรงถึงจำคุกตลอดชีวิต

หลังจากเมื่อวาลุ่มคณะราษฎร หรือ ม็อบ 25 พฤศจิกายน ได้นัดรวมตัวชุมนุมกันบริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก

.

โดยมีการผลิตธนบัตรหรือแบงค์เป็ด หรือ คูปองเป็ดเหลือง 3,000 ใบ แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งคูปองเป็ดเหลืองมีมูลค่าใบละ 10 บาท หน้าคูปองประกอบด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย – ลูกชิ้นทอด – นกพิราบขาว – หมุดราษฎร – เป็ดยาง โดยสามารถใช้ได้เฉพาะวันที่ 25 พ.ย. 63 และใช้ได้กับร้านค้าที่ร่วมรายการประมาณ 10 ร้านเท่านั้น

.

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแล้วกับผู้ที่นำคูปองดังกล่าวไปใช้ หลังจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาชี้ชัดว่า การผลิต การจ่ายแจก หรือนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรเป็ดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งผู้ผลิต ผู้จ่ายแจก ผู้นำไปใช้ และร้านค้าผู้รับธนบัตรดังกล่าว

.

เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมเรื่องดังกล่าวไว้ คือ พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ซึ่งในมาตรา 9 ได้บัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ คือ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

.

นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 อีกด้วย โดยบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ‘ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต’ หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 400,000 บาท

.

ส่วนผู้ที่นำธนบัตรเปิดออกใช้จ่ายก็มีความผิดตาม มาตรา 244 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 หรือของแปลงตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 300,000 บาท

.

ดังนั้น การผลิตและนำออกมาจ่ายแจกให้ผู้ชุมนุมและร้านค้าใช้ธนบัตรเป็ด จึงเข้าข่ายความผิดทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top