“บิ๊กตู่”ปลื้ม 2 เด็กไทยเข้าร่วม Youth4Climate ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมกันปกป้องโลกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “ย้ำ” รัฐบาลมีแผนงานแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและก๊าซเรือนกระจก

ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเลื่อนการประชุมจากวันอังคารที่ 2 พ.ย. เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง

โดยก่อนการประชุม เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล  นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง  นำนางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมกิจกรรม Youth4Climate : Driving Ambition ในฐานะตัวแทนเยาวชนไทย โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย

นายอนุชา กล่าวรายงานถึงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26  (COP26 ) ว่า องค์การสหประชาชาติ ได้จัด youth4Climate Pre Cop 26 ควบคู่ไปด้วย โดยประเทศไทยมีตัวแทนเยาวชน 2 คน ได้แก่  นางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย 16 ปี มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนานาชาติไทยจีน  และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์  ซึ่งได้รับคัดเลือกให้ผู้แทนประเทศจากผู้สมัคร 8,700 คน ทั่วโลก เพื่อร่วมกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศประมาณ 400 คนทั่วโลก เสนอแนวคิดและข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในประเด็นสภาพภูมิอากาศภายใต้การพัฒนาแบบยั่งยืน ในการประชุม Youth4Climate : Driving Ambition ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2564 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นก่อนการประชุมโดยรัฐบาลประเทศอิตาลีและ UN Secretary General’s Envoy on Youth & Government of Italy   เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ปกป้องโลกของเราจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  เนื่องจากคนรุ่นใหม่ จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต   ขณะเดียวกัน เยาวชนเหล่านี้ ก็จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ของรัฐบาลอีกด้วย

ขณะที่น้องเอม และน้องเกรซ กล่าวถึงการนำเสนอแนวคิดในการประชุม Youth4Climate : Driving Ambition ว่า การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อาทิ ภาวะโลกร้อน ปัญหาก๊าซเรือนกระจก ไม่ได้มีการหารือเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้านมิติสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา สิทธิมนุษยนชน ความเหลื่อมล้ำ อีกด้วย โดยจะได้ทำงานขับเคลื่อนสร้างการรับรู้แก่คนรุ่นใหม่ในวัยเดียวกัน หรือ วัยเด็ก ด้วยการทำงานจิตอาสา “พี่สอนน้อง” ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ในมุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศอย่างยั่งยืนด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีแก่ น้องเอม หรือ น.ส. อมินตา และ น้องเกรซ หรือ น.ส. พัทธ์ธีญา ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเยาวชนเพื่อร่วมเป็นคณะทำงานกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศ พร้อมระบุว่า รัฐบาลมีแผนงานและคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้  ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือน ร้อยละ 0.7 จากประเทศทั้งหมดในโลก เนื่องจากภาคการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การจราจร การใช้สารเคมี ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาตามงบประมาณที่ได้มีการจัดสรรเอาไว้ ที่สำคัญคือภาคการเกษตรที่จะต้องดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย และจัดหาเครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์ เพื่อลดการเผาเพื่อทำการเกษตร ด้วยการใช้เทคโนโลยีและไฟฟ้าขับเคลื่อน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมปัญหาด้านอุทกภัย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงระดับ 71 ของโลกหากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

“ขอชื่นชมเยาวชนทั้ง 2 คน ถือเป็นความภาคภูมิใจของบิดา-มารดา เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ ฉลาด มีความสามารถและที่สำคัญคือกล้าแสดงออก  จึงอยากเห็นนักเรียน นักศึกษา ทุกคน มีมีหลักคิด อย่างเป็นเหตุเป็นผล ภายใต้กรอบของสิทธิเสรีภาพตามที่ควรจะเป็น ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นอย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ    ทั้งนี้  เชื่อว่าการคิด การทำอะไร ที่เป็นสิ่งดี ๆ ย่อมเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน  เยาวชนทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ร่วมงานกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล  ซึ่งเป็นคนรุ่นเก่า ปฏิบัติเพื่อโลกของเรา อย่างที่ได้กล่าวในการประชุม COP26 ว่า เราทุกคนมีโลกเพียงใบเดียว ไม่มีโลกใบใหม่ ดังนั้นจะต้องช่วยกันรักษา โดยเยาวชนถือว่าเป็นตัวแทนในฐานะกระบอกเสียงที่สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว