Monday, 5 June 2023
NEWS FEED

หนุ่มอัดคลิประบายความในใจ ขอคนไทยหยุดทะเลาะกัน ชี้!! หากไม่เลิกแบ่งแยก ประเทศชาติก็ไม่มีวันเปลี่ยน

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘tulipsincere’ ออกมาโพสต์คลิป ระบายความในใจ พร้อมดึงสติคนไทย ให้หยุดทะเลาะ เลิกแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในตอนนี้ มีความคุกรุ่นอย่างมาก ตนจึงอยากให้คนไทยตระหนักถึงว่า แก่นแท้ของประชาธิไตย ว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกได้ระบุว่า…

“สวัสดีพี่น้องชาวประชาธิปไตย ชาวเพื่อไทย ชาวก้าวไกล แอบแปลกใจ เพราะตอนที่เรามีลุง พวกเรารักกันดี แต่ตอนที่ไม่มีลุง พวกเราเอาแต่ทะเลาะกัน นับเป็นความน่าเหนื่อยใจที่หากเราแข่งกันทั้งคู่ ไม่ยอมอ่อนให้กัน ในฐานะที่ผมไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และมองแบบเป็นกลาง ทุกพรรคต้องเคลียร์ใจกันคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย หรือพรรคอื่น ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกพรรคของทุกฝ่ายออกมาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ตอนนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะประชาชนคงจะไม่สามารถไว้ใจหรือเชื่อใจได้ เพราะฉะนั้น ควรกลับไปมีลุงเหมือนก่อนหน้านี้คงจะดีกว่า แล้วเราทุกคนก็เป็นฝ่ายค้านกันให้หมด ทุกพรรคก็ดูจะสามัคคีกันดีกว่าตอนนี้”

ผู้ใช้ติ๊กต็อก ยังได้กล่าวเพิ่มเติม อีกว่า หากไปมองย้อนกลับไป ทุกคนต่างว่าลุงเป็นเผด็จการ แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนในวันนี้ ก็อยากให้พรรคแต่ละพรรคเป็นไปในแบบที่ตัวเองชอบ เหมือนหลงลืมไปว่า การบังคับคนอื่น ด่าทอคนที่เห็นต่าง ไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ นั้น ทำให้พวกเราเป็นประชาธิปไตยอย่างไร หรือว่าตอนนี้ พวกเรากำลังเป็นเผด็จการในแบบที่พวกเราเคยด่า?

“หากยังเป็นแบบนี้กันอยู่ ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะกลับไปหนักกว่าสถานการณ์เดิม ฝากให้พวกเราทุกคนกลับไปคิดอีกครั้ง ว่าประชาธิปไตยคืออะไร ความเห็นต่างคืออะไร และการแยกแยะคืออะไร เพราะพวกเราอาจจะกำลังเป็นคนในแบบที่พวกเราด่ากันอยู่”

‘ดร.สามารถ’ แนะ ‘รฟม.’ เร่งขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง หลังไม่เชื่อมต่อกับสายสีเขียวเหนือ หวั่นทำผู้โดยสารเดือดร้อน

(30 พ.ค. 66) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธา และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์’ ถึงประเด็นที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองไม่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ โดยระบุว่า…

อีกแล้ว!!! รถไฟฟ้า ‘ฟันหลอ’
สายสีเหลืองไม่เชื่อมกับสายสีเขียวเหนือ

สิ่งที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้นอีกแล้ว ใครที่จะใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากถนนลาดพร้าวผ่านทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว เพื่อไปสู่รัชโยธิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วัดพระศรีมหาธาตุ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช หรือสถานที่อื่นบนถนนพหลโยธิน จะต้องสะดุด เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นรถไฟฟ้าฟันหลอ!!

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร เป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรล มีเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ บริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว กับสายสีส้มบริเวณทางแยกลำสาลี กับแอร์พอร์ตลิงก์บริเวณทางแยกต่างระดับพระราม 9 และกับสายสีเขียวใต้ที่สถานีสำโรง การก่อสร้างมีความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 99

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นรถไฟฟ้าฟันหลอ ก็เพราะว่า จากสถานีลาดพร้าวบริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไม่มีเส้นทางเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต ทั้งๆ ที่สามารถเชื่อมต่อได้ที่สถานีรัชโยธิน โดยก่อสร้างเส้นทางเลี้ยวขวาวิ่งบนถนนรัชดาภิเษก ผ่านแหล่งทำงาน และแหล่งที่อยู่อาศัย มีผู้คนมากมาย ไปบรรจบกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือที่สถานีรัชโยธิน การขาดเส้นทางเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือดังกล่าว หรือมีลักษณะเหมือนฟันหลอ ทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ต้องการเดินทางไปสู่สถานที่ต่างๆ บนถนนพหลโยธินไม่ได้รับความสะดวก เพราะต้องเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว เพื่อเดินทางไปสู่สถานีห้าแยกลาดพร้าว แล้วเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือต่อไป ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลาและเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้น

คงจำกันได้ว่า รถไฟฟ้าฟันหลอเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อตอนเริ่มเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน เนื่องจากสายสีม่วงไม่เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีเตาปูน ทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อน ต้องต่อรถเมล์จากสถานีเตาปูนไปสถานีบางซื่อ เพื่อใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อไป แต่ในที่สุด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็เร่งแก้ปัญหาโดยการต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจากสถานีบางซื่อมายังสถานีเตาปูน ส่งผลให้รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารได้รับความสะดวก ไม่ต้องต่อรถเมล์

“ปัญหาฟันหลอของรถไฟฟ้า รฟม. รู้ดี เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว จะต้องรีบแก้ปัญหา ด้วยการเร่งต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากสถานีลาดพร้าวไปเชื่อมกับสายสีเขียวเหนือที่สถานีรัชโยธินโดยด่วน อย่าปล่อยให้ผู้โดยสารเดือดร้อนอีกเลยครับ” ดร.สามารถ กล่าวทิ้งท้าย

‘THG’ จับมือ ‘OR’ เปิดให้บริการ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร นำร่องที่แรกในปั๊มน้ำมันพีทีที

แพทย์หญิงวรีรัตน์ ยมจินดา รองประธาน พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ‘THG’ เปิดเผยว่า พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ด้านการดูแลสุขภาพถึงบ้านแบบองค์รวม โดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ในเครือ THG ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) ในเครือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จัดตั้ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ คลินิกให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมในสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น โดยนำร่องเปิดสาขาแรก ณ ร้านจิฟฟี่ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2

‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ สามารถให้บริการทั้งในรูปแบบออนไซต์ (Onsite) และ ออนไลน์ (Online) อาทิ บริการเจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน ทำแผล ตรวจคัดกรองโควิด ATK และ RT-PCR ฯลฯ รวมถึงให้บริการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านระบบออนไลน์ (Online) ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ตลอดจนให้บริการสุขภาพอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) เป็นผู้บริหารสถานีบริการพีทีที สเตชั่น-จิฟฟี่ ซึ่ง THG เล็งเห็นถึงศักยภาพภายในพื้นที่สถานีบริการที่มีความเหมาะสม ทั้งความสะอาด สะดวก ปลอดภัย เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตั้งอยู่บนถนนสายหลักใกล้แหล่งชุมชน ประชาชนเข้าถึงง่าย นำมาต่อยอดให้บริการการแพทย์ในรูปแบบใกล้บ้าน ซึ่ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพของชุมชน อีกทั้งสามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาในการเดินทาง สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัยของคนในชุมชน

อนึ่ง หากผู้ที่มาใช้บริการมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หรือ มีความจำเป็นส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก ก็จะมีโรงพยาบาลในเครือ THG อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา (โรงพยาบาลธนบุรี 2) ให้การสนับสนุนรองรับในส่วนนี้ หรือ หากผู้ป่วยต้องการการดูแลต่อเนื่องในที่พักอาศัย ก็จะมี พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ พร้อมให้บริการ

สำหรับ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ โครงการนำร่องสาขาแรก ณ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2 ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมก่อนเลี้ยวเข้าถนนรามอินทรา สามารถให้บริการชุมชนโดยรอบครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 กิโลเมตร เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00-19.00 น. และมีแพทย์ทั่วไปประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-12.00 น. พร้อมกันนี้โครงการจะเดินหน้าพัฒนาและวางแผนในการขยายคลินิกทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ทั่วกรุงเทพมหานคร ตลอดจนจังหวัดหลักๆ ทั่วประเทศต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “แก็งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยส่งข้อความ SMS ยังไม่สิ้นซาก” 

เนื่องจากในรอบสัปดาห์  มีการจับกุมมิจฉาชีพรับจ้างแก็งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center)นำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น(SMS)  สวมรอยช่องทางปกติของสถาบันการเงิน และหน่วยงานอื่น หลอกลวงผู้เสียหายกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์และหลอกให้โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกจาก Mobile Banking ของผู้เสียหาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายอื่นสวมรอยส่งข้อความสั้น(SMS) ในลักษณะเดียวกัน   จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.   หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  และ พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2566  เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากยังมีการส่งลิงก์ในลักษณะดังกล่าวอยู่ และมีการส่งในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก  

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 พ.ค.2566)  มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ   3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน  4) คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงในช่วงนี้ คือ คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ โดยใช้วิธีส่งข้อความสั้น (SMS) สวมรอยช่องทางปกติของสถาบันการเงิน หรือหน่วยงานอื่น โดยขยับมาจากอันดับ 6 เป็นอันดับ 4 ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องย้ำเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ  

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด   ผบก.ตอท.บช.สอท.    กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ที่มิจฉาชีพรับจ้างแก็งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) นำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น(SMS)หลอกลวงผู้เสียหาย  ดังนี้ 

ก่อนหน้านี้มิจฉาชีพแก็งคอลเซ็นเตอร์ส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงผู้เสียหายโดยใช้ SIM BOX โทรศัพท์จากต่างประเทศผ่านระบบ VOIP หรือส่งผ่านอีเมลผ่านบริษัทรับส่งข้อความสั้น (SMS) แต่ในรอบเดือนที่ผ่านมา มิจฉาชีพนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ใส่ไว้ในรถขับไปเส้นทางต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล แล้วส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยใช้ชื่อผู้ส่งเป็นสถาบันการเงิน ส่งข้อความสั้น (SMS) ว่า “มีผู้เข้าสู่ระบบธนาคารของผู้เสียหายจากอุปกรณ์อื่น หากไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเอง ให้ผู้เสียหายติดต่อธนาคารผ่านลิงก์ไลน์(Line)ทันที”     และมีผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์   แล้วคนร้ายจะโทรผ่านไลน์หลอกให้กดลิงก์โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ และโอนเงินออกจาก Mobile Banking  ของผู้เสียหาย โดยในห้วงเดือน เม.ย. -พ.ค. 2566 มีการแจ้งความออนไลน์ จำนวน 1,398 เคส รวมมูลค่าความเสียหาย 235,135,988.50 บาท 

ต่อมาวันที่ 24 พ.ค.66 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์โดยการนำของพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,   พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ  รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. ได้ประสานความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,สำนักงานคณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ,สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ,ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS TRUE และ DTAC, ธนาคารกสิกรไทย และ ศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคธนาคาร (TB-CERT) ทำการสืบสวน ตรวจค้น จับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าว โดยจับกุม นายสุขสันต์ อายุ 40 ปี กับพวก รวม 6 คน ในข้อหา “ร่วมกัน ทํา มี ใช้ นําเข้า นําออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม

โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม, เป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรตามประมวลกฎหมายอาญา” ตรวจยึดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) จำนวน 4 คัน พร้อมอุปกรณ์ 4 ชุด ตรวจยึดเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station)   ที่ยังไม่ได้แกะออกมาใช้อีก 1 ชุด ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การรับว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านขับรถนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงประชาชนในรัศมี 2 กม. หรือครอบคลุมพื้นที่ 4 ตร.กม. โดยจะได้ค่าจ้างสำหรับการวิ่งส่งสัญญาณเดือนละ 80,000 บาท ซึ่งเครื่องดังกล่าวนั้นสามารถส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้วันละ 20,000 หมายเลขต่อเครื่อง  

ขอเน้นย้ำให้ได้รับทราบว่า  ในช่วงแรกมิจฉาชีพต้องการให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนไลน์เพื่อหลอกลวงด้วยการพูดคุยตลอดเวลาให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและทำตามขั้นตอน  จากนั้นจะพยายามส่งลิงก์ผ่านไลน์เพื่อให้ผู้เสียหายกดโหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ โดยมิจฉาชีพจะคอยแนะนำขั้นตอนต่างๆ  ทีละขั้นตอน  เนื่องจากการกดยอมรับแอปพลิเคชันให้ควบคุมเครื่องโทรศัพท์นั้น  มีขั้นตอนยุ่งยาก ผู้เสียหายไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ต้องทำตามคำแนะนำของคนร้าย และเมื่อผู้เสียหายกดยินยอมขั้นตอนสุดท้ายแล้ว  หน้าจอจะมีข้อความเป็นเปอร์เซ็นต์หรือข้อความกำลังอัพเดด กรุณารอสักครู่  ช่วงนี้มิจฉาชีพจะทดลองเข้าแอปพลิเคชันธนาคารจากรหัสที่เราตั้งในแอพ หรือจากเบอร์โทรศัพท์ของเรา โอนเงินออกจากบัญชี Mobile Banking  ของผู้เสียหาย  หากเข้าไม่ได้ก็จะหลอกให้โอนเงินไปลงทะเบียน หรือโอนระหว่างบัญชี ซึ่งคนร้ายจะเห็นว่าเรากดรหัสอะไร 

จุดสังเกต   
1) มิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) พร้อมแนบลิงก์สวมรอยช่องทางปกติในการส่งข้อความจาก 
ธนาคาร และใช้ชื่อไลน์คล้ายกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงาน 
2) มิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) ขณะขับรถไปตามเส้นทางต่างๆ แสดงว่าทุกคน ทุกอาชีพมี 
โอกาสได้รับข้อความสั้น (SMS) และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ 
3) พนักงานธนาคาร  ไม่ใช้ไลน์ส่วนตัวในการติดต่อลูกค้า 
4) เว็บไซต์ปลอมที่มิจฉาชีพให้กดโหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์นั้น  สามารถกดได้ 
เฉพาะเมนูดาวน์โหลด เมนูอื่นๆ เมื่อกดแล้วจะไม่ขึ้นข้อมูลใดๆ  
4) ธนาคารไม่มีนโยบายการส่งข้อความ SMS แบบแนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอดไลน์ 
ไอดี  หรือเพิ่มเพื่อนในไลน์ 

วิธีป้องกัน  
1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ 
ติดตั้ง  
2) กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ  ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับ สายด่วนของธนาคารหรือ 
หน่วยงานนั้นๆ โดยตรง  
3) หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ  
Apple Store  เท่านั้น  อย่าเชื่อคำแนะนำของคนร้ายให้กดเข้าบราวเซอร์อื่น 
4) มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการหลอกลวงในรูปแบบให้สแกน QR Code หรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID  
Line จึงไม่ควรสแกนหรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID Line จากคนที่ไม่น่าเชื่อถือ 
 จากข้อมูลสถิติรับแจ้งความออนไลน์พบว่า  หลังจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ (call center) ดังกล่าวข้างต้นถูกจับกุมแล้ว  ปรากฏว่ายังมีสถิติการรับแจ้งความมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างสถานบันการเงิน  การไฟฟ้า ประปา และหน่วยงานอื่นหลอกลวงประชาชนอยู่  เนื่องจากยังมีแก็งคอลเซ็นเตอร์(call center) จำนวนหนึ่งยังไม่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพแก็งคอลเซ็นเตอร์(call center) ดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการของมิจฉาชีพ   และให้ตระหนักไว้ว่าหากมี SMS แปลกปลอม ต้องไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ  ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับ สายด่วนของธนาคารหรือหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง หรือไปติดต่อหน่วยงานนั้นๆ  ด้วยตนเอง  และที่สำคัญหากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store  เท่านั้น และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

อาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตัวตึงเรื่องสถาบันกษัตริย์ ผู้ก่อตั้งเพจ ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง’

รองศาสตราจารย์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เป็นนักวิชาการ นักเขียน นักรัฐศาสตร์และอดีตนักการทูตชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการมีอยู่ของ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย’ ผ่านรายการ วีโอเอไทย ในหัวข้อ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตัวตึงเรื่องสถาบันกษัตริย์’ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 ว่า…

“เนื้อแท้ของปวิน คือ รอยัลลิสต์ ผมอยากเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงอยู่ แต่การที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงสนับสนุนให้มีการปฏิรูป เพราะผมอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทย แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่มีโมเมนต์ไหนเลยที่ผมคิดว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่จำเป็นต่อประเทศไทยแล้ว”

‘โบวี่ อัฐมา’ เผยความในใจ รักประเทศไทยอย่างยั่งยืน ต้องรักไป พัฒนาไป แต่ยังคงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์อันดีงาม

เมื่อไม่นานมานี้ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ หรือ ‘โบวี่’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความรักที่ตนนั้นมีต่อประเทศและผืนแผ่นดินไทย โดยรุบะว่า…

“การรักประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดพัฒนาประเทศ แต่ ยิ่งเรารักประเทศเราก็ยิ่งอยากจะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น (ตามความสามารถที่เราทำได้) ประเทศไทยเรายังมีส่วนที่พัฒนาได้มากกว่านี้อีกเยอะ แต่เสน่ห์ดีๆ ที่เรามีและน่ารักษาไว้ ก็มีมากมายเช่นกัน

ตัวโบเองก็ไม่ได้เกิดมาสบายนะ เคยสมัครเป็นพนักงานเซเว่นแต่เขาไม่รับ มาแล้วเหมือนกัน พ่อแม่โบเข้ามาจาก ตจว.อยู่บ้านเช่ารวมๆ กันกับญาติตอนเด็กๆ เห็นพ่อแม่ลำบากดิ้นรน ก็คิดว่าจะทำยังไงดีที่จะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้จึง ‘พยายาม’ พัฒนาตัวเอง พยายามตั้งใจเรียน เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถไปทำงานที่ดี ได้เงินเดือนที่ดีช่วงจบ ม.6 เคยไปสมัครเป็น พนักงานเซเว่น แต่เขาไม่รับเพราะอายุไม่ถึง เลยไปทำงานเป็นพนังงานยืนเฝ้าร้านขายของในห้าง วันนึงได้ประะมาณ 250 บาท นั่งรถเมล์ไปทำงาน หลับน้ำลายยืดบนรถเมลล์เพราะรถติดมาก และเราก็เหนื่อยพอเข้ามหาวิทยาลัยได้”

“ไปโพสต์รับจ้างสอนพิเศษให้เด็กเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ ได้เงินดีขึ้นมาก ได้ ชม.ละ 200/สอนวันละ 2 ชม. รวมได้ 400 บาท (มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำแล้ว) ตอนนั้นเลยเลิกขอเงินพ่อแม่ใช้ตัวโบเองตอนนั้นเห็นเพื่อนที่เขาเกิดมาสบายเลย เพราะพ่อแม่มีฐานะ ก็คิดเหมือนกันว่าเขาโชคดี ทำบุญมาดีจัง เราทำบุญมาเท่านี้ เกิดมาได้เท่านี้ ก็ต้อง ‘พยายาม’ มากกว่าเขาเราอาจทำบุญมาไม่เท่าเขา แต่เราก็มาสร้างเอาใหม่ได้ พยายามทำความดี คิดดี พูดดี ทำดี กตัญญู สร้างกุศลให้มาหนุนนำชีวิต ให้มันเจริญขึ้นได้

ซึ่งโบก็ได้พิสูจน์มาแล้ว ทุกวันนี้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ นอกจากความ ‘พยายาม’ แล้ว ก็เพราะกุศลที่ได้ทำมาหนุนนำชีวิตนี่แหละ อธิฐานบุญอะไรก็มักจะสำเร็จเสมอโบคิดว่าการที่เราเกิดมาลำบาก และต้องพยายามฝ่าฝัน มันก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่เราต้องผ่านเพราะโบก็เห็นอีกหลายๆคนเขาก็ผ่านมาแบบนี้เหมือนกัน หลายๆคนตอนเด็ก ลำบากกว่าโบอีกมากกกก แต่เขาก็พยายาม ‘พัฒนา’ ตัวเอง ดิ้นรนหาความรู้ เพิ่มทักษะให้ตัวเอง หาช่องทางโอกาสให้กับชีวิต ไม่หยุดนิ่ง และเขาก็ผ่านจุดนั้นมาได้ปัจจัยภายนอกก็ส่วนหนึ่งที่ต้องพัฒนาแก้ไข แต่อีกส่วนก็อยู่ที่ตัวเราเองที่ก็ต้องมีความพยายามพัฒนาตัวเองด้วย” โบวี่ กล่าวทิ้งท้าย

Cr. โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เยือนสิงคโปร์ ประชุมร่วมตำรวจสากล ประสานข้อมูล จัดทำแผนปฏิบัติการ พร้อมเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานปราบปรามค้ามนุษย์ในไทย เพื่อยกระดับแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์สู่ระดับสากล

เมื่อวันที่ 29 พ.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ รอง ผบก.กองการต่างประเทศ และ พ.ต.อ.พงษ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ ผกก.ตม.จว.สงขลา/ สมาชิกชุดปฏิบัติการนานาชาติเพื่อการปราบปรามการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก FBI ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและการค้ามนุษย์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์การตำรวจสากล ณ อาคารสำนักงานนวัตกรรมองค์การตำรวจสากล (Interpol Global Complex for Innovation: IGCI) สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีคุณสมิตา มิตรา และ คุณกอร์ดาน่า วูจิซิส ผู้แทนจากองค์กรตำรวจสากล แผนกอาชญากรรมเกี่ยวกับเด็กเข้าร่วมด้วย

ในที่ประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับผลการปฏิบัติของ ศพดส.ตร. ในด้านการบังคับใช้กฎหมายและจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีผลการปฏิบัติมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งความก้าวหน้าในการพัฒนากระบวนการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้มีการนำเสนอต่อผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ขยับให้ประเทศไทยเป็นเทียร์ 2 

มีการหารือการแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก สถานการณ์การกระทำผิดกฎหมายประเภท Online Scam ที่ประเทศเป้าหมายคือประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์  โดยเฉพาะเหยื่อการค้ามนุษย์ใน Online Scam ที่เพิ่มขึ้นในประเทศพม่า และเหยื่อเหล่านั้นยากต่อการช่วยเหลือ เพราะมีสถานการณ์การสู้รบในประเทศพม่า แต่ตำรวจสากลก็ยังสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้บางส่วนจากการประสานงานกับตำรวจสากลในประเทศไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย โดยมีเคสที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ 9 เคส และดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 12 เคส และสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ 88 คน จากหลากหลายสัญชาติ  โดยในปีนี้ทางตำรวจสากลจะจัดการประชุมในประเทศไทยในประเด็นดังกล่าว

ตำรวจสากลต้องการจัดทำแผนปฏิบัติการและต้องการตั้งศูนย์ประสานงานในประเทศไทยเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้เห็นด้วย พร้อมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์อาชญากรรรมปัจจุบันจะรวมกันอยู่ทั้งหมด เช่น กลุ่มแก็งค์ กลุ่มขบวนการยาเสพติดก็จะทำผิดในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และเชื่อมโยงกับกลุ่มประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะสังเกตตุได้ว่าเป็นขบวนการเดียวกัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้ไปประชุมทวิภาคีเพื่อป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศพม่า

และที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเบาะแสการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจาก NCMEC และจาก Interpol  สิ่งที่ทำเพิ่มเติมที่แตกต่างจากอดีตคือการขยายผลหาตัวเหยื่อในทุกคดี เพื่อปกป้องและเยียวยาเด็กส่งคืนสู่สังคม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ ทุกข้อหาที่กระทำความผิด รวมถึงการยึดทรัพย์และดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน
 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้ขอความร่วมมือให้ Interpol ส่งข้อมูลเบาะแสการกระทำความผิดที่มากกว่านี้ เหมือนกับที่ได้รับข้อมูลมาจาก NCMEC ซี่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับข้อมูลจาก Interpol มาจำนวน 5 กรณี ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และช่วยเหลือเหยื่อเด็กออกมาได้ทุกกรณี

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เยือนเวียดนาม แสวงหาความร่วมมือและบูรณาการการปฏิบัติ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งกำหนดให้คู่ภาคีแลกเปลี่ยนความชำนาญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและปัญหาความมั่นคง โดยมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยดำเนินการของฝ่ายไทย และกระทรวง  ความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นหน่วยดำเนินการของฝ่ายเวียดนาม ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนปัญหาอาชญากรรมประเภทอื่นและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท ซึ่งทวีความรุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นภัยต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอย่างมาก สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน

จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.สรร พูลศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท., พล.ต.ต.ภัทรภวัต สุขแสง ผบก.ศบศ.รร.นรต. พร้อมผู้แทนจาก บช.ก., สตม., บช.ศ., บช.ส. และ ตท. เดินทางไปประชุมร่วมระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งเวียดนาม ระดับบริหาร ครั้งที่ 2 ร่วมกับคณะผู้บริหารของประเทศเวียดนาม นำโดย พล.ต.ท.เล ก๊วก หุ่ง รมช.ความมั่นคงสาธารณะแห่งเวียดนาม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดัง เซิง ห่ง อธิบดีกรมความร่วมมือประหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีวัถุประสงค์ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการการปฏิบัติในงานปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย  ตลอดจนอาชญากรรมประเภทอื่นและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท   โดยเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อตกลงในการประชุมฯ ครั้งที่ 1 ได้แก่ การกำหนดให้กองการต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ เป็นจุดประสานงานหลักระหว่างกัน การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองที่ถูกต้อง แม่นยำและทันเหตุการณ์ผ่านทุกช่องทาง การสนับสนุนการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศ การส่งผู้ช่วยทูตตำรวจไปประจำเมืองหลวง  เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยผลการดำเนินการในทุกเรื่องข้างต้น เป็นไปด้วย  ความเรียบร้อย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ปพรัอมคณะมอบข้าวสาร และน้ำดื่ม จำนวน 100 ชุดให้แก่โรงเรียนวัดบางน้ำชน

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป และทีมงาน ผู้ให้บริการโครงข่ายขนส่งมวลชนสาธารณะพลังงานไฟฟ้า ด้วยรถเมล์โดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า (ไทย สมายล์ บัส และ ไทย สมายล์ โบ้ท) ได้มอบข้าวสาร และน้ำดื่ม จำนวน 100 ชุด ให้แก่ นายวชิ ณ สาเกตนคร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางน้ำชน ซึ่งเป็นตัวแทนนักเรียน ผู้ปกครองโรงเรียนวัดบางน้ำชน รวมถึงพี่น้องในชุมชนวัดบางน้ำชน ณ หอประชุมหลวงพ่อทอง โรงเรียนวัดบางน้ำชน ถนนเจริญนคร แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

บริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเน้นการดำเนินงานด้านมวลชนสัมพันธ์ พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการพัฒนาต่างๆของบริษัทฯ ระหว่างชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก กลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป เชื่อว่า "การแบ่งปัน" จะช่วยให้ทุกการเดินทางมีแต่ "รอยยิ้ม" ตามคอนเซปต์ของบริษัทฯ นั่นเอง

ทั้งนี้ บริษัท ไทย สไมล์ บัส จำกัด ได้ดำเนินโครงการต่างๆเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ เพื่อให้สังคม และประชาชน ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต่อไป ติดตามข่าวสาร บริการ และกิจกรรม ต่างๆได้ที่ https://thaismilebus.com หรือ Tel : 02-113-1019//

"เชียงราย" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ประสานความร่วมมือรัฐฉานประเทศเมียนมา รุดช่วยเหลือหญิงไทยถูกล่อลวงไปทำงานท่าขี้เหล็ก"

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาจากกรณีได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือติดตามบุคคลถูกหลอกลวงไปทำงานฝ้งประเทศเมียนมารายนางสาว วาสนา ศรีชุม ถูกกลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อชักชวนให้ไปทำงานที่สถานบันเทิงKTVจังหวัดท่าขี้เหล็กฝั่งประเทศเมียนมาผ่านทางแอปพลิเคชั่นTIKTOKแต่เมื่อเดินทางไปถึงฝั่งจัวหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมากลับถูกเอเจนซี่หลอกขายให้กับกลุ่มนายทุนจีนใน

เขตเศรษฐกิจพิเศษรัฐฉานประเทศเมียนมาหลักจากได้รับการประสานพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร.จึงได้มอบหมายให้พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางการเมียนมาเพื่อให้ความช่วยเหลือในการพาผู้ร้องขอความช่วยเหลือกลับมายังประเทศไทยเป็นการเร่งด่วนจากกรณีดังกล่าวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ศพดส.ตร.ร่วมกับ ตม.จว.เชียงราย ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายและ

สภ.แม่สายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับทางการเมียนมาเพื่อขอความอนุเศราะห์ในการให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อรายนี้เพื่อพากลับมายังประเทศไทยโดยปลอดภัยเมื่อวันที่26พฤษภาคม2566 ศพดส.ตร.ได้ทำการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเป้าหมายสถานที่ที่นางสาววาสนา ศรีชุม ถูกกักตัวพบว่าพิกัดสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองปางซางรัฐฉานประเทศเมียนมาเป็นพื้นที่อยู่นอกเหนือการดูแลของเจ้าหน้าที่เมียนมาแต่อยู่ในเขตของกองกำลังกลุ่มว้าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร.ได้ใช้กลไกความร่วมมือประสานไปยังกลุ่มดังกล่าวให้เข้าทำการช่วย

เหลือเป็นกรณีเร่งด่วนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ13.00นของวันที่27พฤษภาคม2566ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประสานรับตัวนางสาววาสนา หรือแพนเค้ก ศรีชุม กลับประเทศไทยผ่านทางช่องทางสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสายแห่งที่1อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายเป็นผลสำเร็จพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่าการประสานงานให้ความช่วยเหลือคนไทยจากประเทศเมียนมาในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างทางการไทยและทางการเมียนมาจนสามารถช่วย

เหลือหญิงไทยรายดังกล่าวกบับมาได้สำเร็จจากนี้ก็จะให้เข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อหากพบว่าไม่ได้เป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ก็จะให้มีการดำเนินคดีตามกฏหมายโดยเด็ดขาดต่อไปทั้งนี้ขอฝากความหว่งใยไปยังประชาชนที่กำลังหางานทำขอให้มีการพิจารณาผู้รับสมัครงานและรายละเอียดของงานให้ดีเพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวงคนไปทำงานผิดกฏหมายต่อไป 

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top