Wednesday, 18 September 2024
NEWS FEED

'วัดราชบพิธฯ' แถลง!! ไม่อนุญาตให้ 'ถ่ายพรีเวดดิ้ง-จัดพิธีมงคลสมรส' ในพระอาราม อนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น

เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.67) เพจ 'สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช' ออกแถลงการณ์ระบุว่า...

ประกาศ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม

สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อันก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอนุมัติของเจ้าพระคุณ เจ้าอาวาส จึงออกประกาศกำชับอีกคำรบ ดังนี้...

1. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามอนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยให้ขออนุญาตตามระเบียบที่วัดกำหนด

2. วัดไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีมงคลสมรสในพระอาราม แต่อนุญาตเพียงบุญพิธี กล่าวคือ การทำบุญถวายสังฆทานหรือเจริญพระพุทธมนต์ ตามข้อ 1.โดยต้องไม่มีการจดทะเบียนสมรส การสวมแหวน การรดน้ำสังข์ หรือพิธีส่วนผนวกใดที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน หากมีกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ ถือเป็นการกระทำโดยพลการ วัดมิได้เห็นชอบหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวโดยประการใด ทั้งนี้ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่น จากผู้มาบำเพ็ญกุศลโดยเด็ดขาด

3. ไม่อนุญาตให้ใช้พระอารามเป็นสถานที่ถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์ โฆษณาสินค้าหรือบริการ หรือทำการอื่นใด เพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจ หากมีการกระทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เอื้อเฟื้อต่อความสงบเรียบร้อย วัดจักขออารักขาจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ช่วยเหลือในการจัดการ 

ทั้งนี้ การเข้าภายในเขตพระอารามสาธุชนพึงแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมแก่สถานที่ตามวิถีประชาและธรรมเนียมประเพณีไทยในการเข้าวัด ตลอดจนพึงสำรวม สังวร และรักษากิริยาอาการให้เหมาะสมแก่การอยู่ในบริเวณศาสนสถาน งดแสดงกิริยาอาการไม่เหมาะสม เช่น การปีนป่าย หรือการใช้ปูชนียสถานเป็นฉากประกอบการนำเสนอกิริยาอาการของคู่สมรส หรือเพื่อความบันเทิงอื่น ๆ จนรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุสามเณรหรือการปฏิบัติธรรมของสาธุชน

4. วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานใดในการรับจัดพิธีทางศาสนา พิธีมงคลสมรส หรือการอันเอื้อเฟื้อต่อความยินดีในเชิงที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน การแอบอ้างหรือบิดเบือนอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายซึ่งได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

5. หากพบผู้ที่แอบอ้างหรือเรียกรับประโยชน์ หรืออาจทำให้เสื่อมเสียโดยประการใด หรือพบการกระทำที่ผิดไปจากประกาศนี้ สามารถรายงานเรื่องได้ที่ กลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected]

ประกาศ ณ วันที่ 15 กันยายน 2567

กระจ่าง!! เหตุใด ‘หน่วย SEAL’ ต้องฝึกโหดและหนัก

(17 ก.ย. 67) ครั้งหนึ่ง พ.อ.นายแพทย์ ภาคย์ โลหารชุน หรือ 'หมอภาคย์' นายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี จบหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34 เคยให้มุมมองในช่วงหนึ่งของ Woody Live เมื่อปี 2562 เกี่ยวกับการฝึกหนักของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือที่ทั่วไปเรียก ซีล (SEAL) หรือ 'มนุษย์กบ' ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษ สังกัดกองเรือยุทธการ ของกองทัพเรือไทย ที่ฝึกหนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษของทุกเหล่าทัพไทย ว่า...

หลายคนมองว่าทำไมหน่วย SEAL ถึงต้องฝึกโหดหรือฝึกหนักอะไรขนาดนั้น 

ผมได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเลยว่า ทำไมเราต้องฝึกมาขนาดนั้น

เพราะการฝึกหนัก ทำให้เรามีความพร้อม

พร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ที่มันหนักหนาสาหัส ที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่เราก็ต้องทำ เพราะมันเป็นภารกิจ

นี่คือเป้าหมายของการฝึกหนักครับ

ตัวอย่าง เช่น ภารกิจ ถ้ำหลวง ที่ผ่านมา การดำน้ำทุกห้วงเวลา มีภาวะเสี่ยงกับชีวิตได้ตลอด

เสี่ยงที่จะสูญเสีย เสี่ยงที่จะเสียชีวิต

ความกลัว มีแน่ กลัวว่าจะตายหรือเปล่า มีแน่ มันแว่บขึ้นมาในหัวตลอด

แต่เราไม่หันหลัง เพราะนี่คือผลลัพธ์จากการฝึกของหน่วยซีล

สมุทรปราการ - AOT ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดทีมจิตอาสาดูแลครบวงจร

(17 ก.ย. 67) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ระดมเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบฉับพลัน ประกอบด้วย เด็ก คนชรา ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในบริเวณชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานและพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัด

นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พร้อมกำชับให้ทีมจิตอาสาทุกคนดูแลความปลอดภัยของตนเองและของผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นสำคัญ ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ซึ่งที่ผ่านมาพนักงาน ทชร.ได้ร่วมกันลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยด้วยการนำเรือกู้ภัยทางน้ำเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมออกจากพื้นที่ การนำรถบรรทุกน้ำ (น้ำสะอาด) เข้าไปแจกจ่ายชุมชนโดยรอบ ตลอดจนการแจกจ่ายน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบภัย โดยกำลังพลจิตอาสาของ ทชร. ประกอบด้วย พนักงานส่วนดับเพลิงและกู้ภัย ส่วนบำรุงรักษา รวมทั้งส่วนรักษาความปลอดภัย

ทั้งนี้ AOT มุ่งสู่การดำเนินการและการจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก รวมทั้งดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิดการเป็นสนามบินที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชน (Corporate Citizenship Airport)

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

CEO กุลพรภัสร์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน คว้ารางวัล ISB Award

(16 ก.ย. 67) บริษัท ดับเบิ้ล พี แลนด์ นิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ สร้างเศรษฐกิจชุมชน ดันโครงการทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น คว้ารางวัล ISB Award จาก การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม สู่เกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กนอ. ในปี 2567 เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจที่มีศักยภาพ คำนึงถึงความสมดุลเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าสู่การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางสังคมตามมาตรฐานสากล

โดยบริษัท ดับเบิ้ล พี แลนด์ จำกัด (Double P Land) ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ ที่ได้ดำเนินโครงการ "ทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน" มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่รอบข้างได้นำความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ปราชญ์ชุมชน มายกระดับพืชในท้องถิ่นให้เกิดมูลค่าเพิ่ม แก่ 3 วิสาหกิจชุมชน สร้างอาชีพกว่า 120 คน ปลูกต้นไม้เพิ่ม 15,000 ต้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นโครงการที่สร้างความยั่งยืนของการพัฒนาสังคม ชุมชน อาชีพ ได้อย่างแท้จริง

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้ผ่านเกณฑ์การตรวจรับรองการประเมินผลของ กนอ. ที่ขึ้นทะเบียนเป็น I-EA-T Sustainable Business List 2024 พร้อมรับมอบประกาศนียบัตรในงาน ISB  Forum & Awards 2024

ทั้งนี้ ซีอีโอ กุลพรภัสร์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม เพิ่มคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อวิถีชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขและยั่งยืน

กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าววัน ”โอโซนสากล ประจําปี 2567 “

วันที่ 16 กันยายน 2567 เนื่องในวันโอโซนสากล ประจําปี 2567 กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดงานแถลงข่าว วันโอโซนสากล ประจําปี 2567 โดยมีนางอลิสรา รังษีภโนดร ผู้อํานวยการกองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กล่าวรายงาน  นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้แถลงข่าว และตอบข้อซักถาม ต่อสื่อมวลชน ณ.โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ 

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) ได้กําหนดให้วันที่ 16 กันยายน เป็น วัน โอโซนโลก อย่างเป็นทางการในปี 1994 โดยวันที่นี้ถูกเลือกเพื่อระลึกถึงการลงนามใน พิธีสารมอนทรีออลว่าด้วย สารที่ทําลายชั้นโอโซน ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี ค.ศ. 1987 โดยองค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme - UNEP) เป็นผู้ที่มีบทบาทสําคัญในการจัดและส่งเสริมวันโอโซนโลกเพื่อสร้าง ความตระหนักและกระตุ้นการดําเนินการระดับโลกในการปกป้องชั้นโอโซนวันโอโซนโลก ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน ของทุกปี เป็นเหตุการณ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดลงของชั้นโอโซนและ กระตุ้นให้มีการดําเนินการเพื่อปกป้องชั้นโอโซน

วันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงการลงนามใน “พิธีสารมอนทรีออล” ซึ่ง เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการยุติการผลิตและการใช้สารที่ทําลายชั้นโอโซน ชั้นโอโซนเป็นส่วนสําคัญ ของบรรยากาศโลกซึ่งอยู่ในชั้นสตราโตสเฟียร์และมีบทบาทสําคัญในการปกป้องชีวิตบนโลกโดยการดดูซับรังสี อัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ หากปราศจากชั้นโอโซนนี้ รังสี UV ที่เพิ่มขึ้นจะเข้าสู่พื้นโลกมาก ขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังที่สูงขึ้น ก่อให้เกิดภาวะต้อกระจก และทําลายระบบนิเวศต่างๆ

พิธีสารมอนทรีออลถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี 197 ประเทศที่ร่วมกันลดการใช้สารที่ทําลายชั้นโอโซน เช่น คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) ตั้งแต่การบังคับ ใช้ พิธีสารมอนทรีออลทําให้ชั้นโอโซนเริ่มฟื้นตัว แต่ความร่วมมือระดับโลกยังคงเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อให้ชั้นโอโซน กลับมาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ในแต่ละปี วันโอโซนโลกจะมีหัวข้อเฉพาะเพื่อเน้นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่อง และ กระตุ้นให้มีการปฏิบัติที่ยั่งยืนในการปกป้องชั้นโอโซนและสิ่งแวดล้อม 

พิธีสารมอนทรีออลนี้มีส่วนสําคัญในการ ปกป้องมนุษยชาติในมิติต่างๆที่สําคัญ ดังเช่น
1. ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของโลกซึ่งสิ่งมีชีวิตอาจถูกทําร้ายถ้าหากไม่ได้รับการ ปกป้องจากรังสียูวี
2. ความมั่นคงทางอาหารและรายได้ของเกษตรกร การสัมผัสรังสียูวีเกินไปจะทําลายระบบนิเวศ ส่งผล ต่อแมลงผสมเกสร ลดผลผลิตพืชและแหล่งปลาสัตว์น้ํา
3. การปกป้องชั้นโอโซนจะช่วยป้องกันความเสียหายต่อเกษตรกรรมประมงและวัสดุต่างๆมูลค่า ประมาณ 460 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 1987 ถึง 2060
4. สุขภาพของมนุษย์หลีกเลี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังมากถึง2ล้านรายต่อปีภายในปี2030และป้องกัน ผู้ป่วยต้อกระจกรายใหม่หลายล้านคนทั่วโลก

ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออลเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2532 รวมทั้งให้สัตยาบันพิธีสารมอนทรีออลส่วนที่มีการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติม อีก 5 ครั้ง โดยครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นที่ กรุงคิกาลี (The Kigali Amendment to the Montreal Protocol (2016)) เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่าน มาโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมการผลติ การนําเข้าการ ใช้สารเคมีที่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และเป็นศูนย์ประสานงานในการติดต่อกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่ง สหประชาชาติเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล 

โดยพิธีสารมอนทรีออลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี (Kigali Amendment) กําหนดขึ้นเพื่อควบคุม ยับยั้ง และรณรงค์ให้ลดการผลิตและการใช้สารทําลายชั้น โอโซนเพื่อรักษาชั้นบรรยากาศโอโซนที่ถูกทําลายจากการใช้สารทําลายชั้นบรรยากาศโอโซนเหล่านี้ได้แก่สารคลอ โรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons: CFCs) สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Hydrochlorofluorocarbons: HCFCs) สารฮาลอน (Halons) และ สารเมทิลโบรไมด์ (Methyl Bromide: CH3Br) ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ ค.ศ.1989 – 2023 ลงไปได้ถึง 1,460 ล้านตัน CO2 เทียบเท่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3,896 โรง หรือ การใช้รถยนต์ 387 ล้านคัน 

ซึ่งพิธีสารมอนทรีออลส่วนที่มีการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติม มีการปรับปรุงและแก้ไขเนื้อหาในประเด็น สําคัญ ดังนี้
1. การแก้ไขเนื้อหาพิธีสารมอนทรีออล (Amendment)
1.1เพิ่มสารควบคุมกลุ่มใหม่คือสารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน(HFCs)ในภาคผนวกF(AnnexF) โดย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
• กลุ่ม 1 จํานวน 17 ตัว ได้แก่ HFC-134, HFC-134a, HFC-143, HFC-245fa, HFC-365mfc, HFC-227ea, HFC-236cb, HFC-236ea, HFC-236fa, HFC-245ca, HFC-43-10mee, HFC-32, HFC-125, HFC-143a, HFC- 41, HFC-152, HFC-152a

• กลุ่ม 2 จํานวน 1 ตัว ได้แก่ HFC-23
1.2 เพิ่มข้อกําหนดในการควบคุมการผลิตและการใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) และสําหรับ ประเทศกําลังพัฒนา (Article 5 Parties) กลุ่ม 1 เช่น ประเทศไทย เป็นต้น กําหนดให้ปี พ.ศ. 2567 เป็นปี เริ่มต้นควบคุมปริมาณ (Freeze) การผลิตและการใช้สาร HFCs โดยไม่ให้เกินค่าพื้นฐาน (ซึ่งค่าพื้นฐานจะ เท่ากับผลรวมของค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้สาร HFCs ในปี พ.ศ. 2563 - 2565 กับร้อยละ 65 ของ ค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้สาร HCFCs ในปี พ.ศ. 2552 - 2553)

• ปี พ.ศ. 2572 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 10% ของค่าพื้นฐาน                                                                  • ปี พ.ศ. 2578 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 30% ของค่าพื้นฐาน
• ปี พ.ศ. 2583 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 50% ของค่าพื้นฐาน
• ปี พ.ศ. 2588 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 80% ของค่าพื้นฐาน

1.3 รายงานปริมาณการใช้ และการผลิตสาร HFCs ประจําปี ตามมาตรา 7 ของพิธีสารมอนทรีออล เพิ่มเติม ซึ่งจากเดิมที่มีการรายงานประจําปีเฉพาะการใช้สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons: CFCs) สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Hydrochlorofluorocarbons: HCFCs) สารฮาลอน (Halons) และสาร เมทิลโบรไมด์ (Methyl Bromide: CH3Br) ในภาคผนวก A, B, C และ E (Annex A, B, C และ E) ของพิธีสารมอนทรี ออล

1.4 จัดทําระบบการนําเข้าและส่งออก (Licensing System) ของสาร HFCs ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน หลังจากพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล ฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี มีผลบังคับใช้ในประเทศ ซึ่ง กรอ. ใช้ระบบการอนุญาตภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

2. การปรับปรุงข้อกําหนด (Adjustment)
เกี่ยวกับกําหนดระยะเวลาในการควบคุมการค้าขายสารควบคุมกับประเทศที่ไม่เป็นประเทศภาคี สมาชิก จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2576 ประโยชน์ที่จะได้รับ และผลกระทบต่อประเทศไทยใน การให้สัตยาบันต่อพิธีสารมอนทรีออล ฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี มีดังนี้

2.1) ประโยชน์ที่จะได้รับ
- ประเทศไทยสามารถซื้อขายสาร HFCs กับประเทศภาคีสมาชิกได้ โดยภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้สาร HFCs เช่น ภาคอุตสาหกรรมผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใช้ตามบ้านเรือน ภาคอุตสาหกรรมผลิต เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในรถยนต์ ภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟม ภาคอุตสาหกรรมผลิตตู้เย็น ตู้แช่ เชิงพาณิชย์ เป็นต้น
- เนื่องจากสาร HFCs เป็นสารควบคุมภายใต้พิธีสารมอนทรีออล และเป็นก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีค่า ศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนภายใต้ข้อตกลงปารีส ดังนั้น การลดการใช้สาร HFCs โดยการปรับเปลี่ยน กระบวนการผลิตไปใช้สารทดแทนที่มีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ํา จึงเป็นการสนับสนุนต่อการดําเนิน นโยบายของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065
- ประเทศไทยจะสามารถขอรับเงินช่วยเหลือ รวมถึงความช่วยเหลือทางด้านนโยบายและด้านเทคนิค จากกองทุนพหุภาคี ภายใต้พิธีสารมอนทรีออล เพื่อนํามาดําเนินการลดการใช้สาร HFCs ซึ่งจะทําให้

ภาคอุตสาหกรรมของไทยไม่เสียโอกาสในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้สารทดแทนที่เป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และมีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ํา เป็นการยกระดับ ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
- อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้สาร HFCs เช่น เครื่องปรับอากาศในบ้านเรือน เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในรถยนต์ ตู้เย็น ตู้แช่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น ยังคงมีสารเพียงพอเพื่อการซ่อมบํารุงจนกว่าอุปกรณ์นั้น ๆ จะหมดอายุ การใช้งาน

2.2) ผลกระทบ
- ภาคอุตสาหกรรมที่ใช้สาร HFCs ของไทยจะถูกจํากัดปริมาณการใช้สาร HFCs อย่างไรก็ตามพันธกรณี ภายใต้พิธีสารมอนทรีออลได้ยืดระยะเวลาในการเริ่มการลดการใช้สาร HFCs ออกไป 5 ปี หลังจากพิธีสารฯ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งเพียงพอต่อการลดการใช้สาร HFCs
- ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้สาร HFCs จะต้องลงทุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เพื่อไปใช้สารทดแทนใหม่ที่ไม่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และมีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ำ
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติตามพันธกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามพิธีสารมอนทรอีอลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลีโดยไดจ้ัดทํากิจกรรมต่างๆมากมาย เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นการดําเนินการปกป้องชั้นโอโซนโลก อาทิเช่น
- ส่งมอบบัตรกํานัลสําหรับแลกซื้อเครื่องมือ/อุปกรณ์เพื่อใช้ในการฝึกอบรมช่างติดตั้งและซ่อมบํารุง เครื่องปรับอากาศให้แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ส่งมอบให้ศูนย์ฝึกอบรมในสังกัด สําหรับแลกซื้อเครื่องมือ/อุปกรณ์ แห่งละ 36 ฉบับ รวม 72 ฉบับ
- สนับสนุนงบประมาณการดําเนินโครงการฝึกอบรมให้แก่ช่างติดตั้งและซ่อมบํารุงเครื่องปรับอากาศ จํานวน 4,560 คน รวมทั้งสิ้น 30,408,000 บาท
- ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกอบรม จํานวน 110 ครั้ง ครั้งละ 20 คน จํานวนรวม 2,200 คน
- ร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดฝึกอบรม จํานวน 118 ครั้ง ครั้งละ 20 คน จํานวนรวม 2,360 คน
- จัดกิจกรรม “Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero” กิจกรรมเดินวิ่ง จัดขึ้น 5 จังหวัด ได้แก่ ครั้งที่ 1 จ.ตรัง ครั้งที่ 2 จ.อุดรธานี ครั้งที่ 3 จ.เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช และครั้งที่ 5 กทม.

โดยกิจกรรมที่ผ่านมาจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ( HCFCs) ซึ่ง ส่งผลกระทบต่อการทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และเชิญชวนให้เกิดความสนใจในการปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน รวมถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการลดการใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ภายใต้พิธีสารมอนทรี ออลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี(KigaliAmendment) ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมงานเดินวิ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมากในปีนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนงานที่จะจัดกิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ใน ระหว่างการดําเนินงานจัดเตรียมแผนงาน และจะทําการประชาสัมพันธ์ให้ทราบในโอกาสต่อไป

‘เพจดัง’ แชร์อุทาหรณ์ รพ.สลับตัวทารกแรกเกิด ‘ไทย-เมียนมา’ โชคดี!! พ่อคนไทยถ่ายรูปลูกไว้ แจ้งให้ รพ. ตามหาลูกได้สำเร็จ

(16 ก.ย. 67) เพจ ‘อีซ้อขยี้ข่าว’ เล่าเหตุการณ์อุทาหรณ์โรงพยาบาลสลับตัวเด็ก โดยได้ระบุข้อความว่า…

“เรื่องคือ ลูกสาวผมเกิดวันที่ 11/8/67 น้องหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่…แม่นอนห้องพักฟื้นลูกนอนห้องอภิบาล แล้วโรงพยาบาลให้เยี่ยมได้ 18:30 - 20:00 ผมกับแฟนก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 เขาห้ามถ่ายรูปแต่ผมก็แอบถ่ายลูกผมไว้ทุกวันส่งให้แม่ผมดูส่งให้ญาติ ๆ ผมตามปกติ

วันที่ 13-14-15-16 ผมก็ไปเยี่ยมปกติผมก็แอบถ่ายรูปลูกผมทุกวันพอวันที่ 17 ก็ไปเยี่ยม ‘หน้าลูกผมเปลี่ยน จากผมยาวก็สั้น’ จากมีคิ้วคิ้วก็หาย ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย เสื้อผ้า ผ้าขนหนูก็ไม่ใช่ของลูกผม

ถามพยาบาลว่าป้ายชื่อหายไปไหน เขาบอกว่าอาจหายตอนอาบน้ำ แล้วเสื้อผ้าในกล่องอ่ะครับ อาจจะสลับกันได้ ตอนแรกกะว่าจะเดินดูเด็กทุกคนแต่มีเด็กข้าง ๆ มีการเอกซเรย์เลยต้องออกจากห้องก่อนแล้ว วันที่ 18 ลูกผมครบกำหนด ก็กลับบ้านไปรับกลับบ้าน ผมมองลูกที่ได้กลับมาบ้าน มองยังไงก็ไม่ใช่ลูกผม ผมสับสนกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ ดูรูปที่ถ่ายไว้กับตัวจริงตลอด

จนวันจันทร์ผมได้โทรไปสอบถามโรง’บาลอีกทีว่า…ผมสงสัยว่าไม่ใช่ลูกผม…ผมให้โรงพยาบาลบาลการันตีหรือพูดให้ผมสบายใจหน่อยได้ไหมว่าคนนี้เป็นลูกผม...เขาก็บอกว่าลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่น ลูกคุณพ่อต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือด มันก็มีจริง ผมก็ถามไปอีกว่าแล้วทำไมผมสั้น ลงคิ้วหายไป...เขาก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน จนคืนวันอังคารผมทนไม่ไหวเลยโพสต์ลงในกลุ่มข่าวกระทุ่มแบนให้เพื่อน ๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม...ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคน แนะนำให้ไปโรงบาลไปตรวจ DNA

เช้าวันพุธที่ 21/8/67 จึงรีบพาลูกกับแฟนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด...แล้วก็เริ่มการเจาะเลือดผม แฟนผม แล้วก็เด็กที่ผมนำกลับบ้านไปวันที่ 18/8/67…ผลออกมาคือเด็กกรุ๊ป B ผมกรุ๊ป AB แฟนผมกรุ๊ป A ผมโกรธและโมโหมาก เสียใจมากสงสารลูกผมมาก แล้วรองผ.อ.ก็มาคุย…ผมบอกทำยังไงก็ได้ผมขอเจอลูกผมตัวจริง

วันที่ 21/8/67 ทางโรงพยาบาลก็หามาจนเจอก็มีการเจาะเลือดทั้งสองครอบครัว ครอบครัวเขา B ทั้งบ้าน ส่วนลูกผม AB แล้วผมได้คุยกับอีกครอบครัวนั้น เขาบอกว่าน่าจะสลับวันเสาร์ เพราะเขาก็ว่าอยู่ทำไมลูกเขามีคิ้ว ทั้งที่ตอนแรกไม่มี ครอบครัวนั้นเป็น (พม่า) นะครับ 

ลูกผมถูกให้ยาฆ่าเชื้อเกิน ลูกพม่าถูกให้ยาฆ่าเชื้อขาด กำหนดคือต้อง 7 วันตามที่พยาบาลบอกผม วันแรกที่ลูกผมแยกห้องกับแม่เขาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหม ตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ที่โรงบาลรามาฯ

ล่าสุด 15/9/67 ผล DNA ออกแล้ว ผลก็เป็นไปตามนั้น เด็กสลับตัวกันจริง ทางโรงบาลจึงรับผิดชอบโดยให้สิทธิรักษาลูกผมฟรีแบบพิเศษ แบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว ถ้าจะไปรักษาให้โทรไปบอกเขาว่าเป็นไร แต่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง เขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ครับ แค่นั้น

..ผมจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาท โดยแบ่งให้บ้านของพม่าด้วยหนึ่งแสนบาท...โดยสองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกันนะครับ คุยคนละวัน แต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันครับทั้งสองครอบครัว...โดยทางโรงพยาบาลบอกว่ารักษาฟรีทำได้เลยทันที ส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ครบไหม อาจจะครบหรือไม่ครบ เขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน...มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ??

ไม่เป็นไรรอก็รอครับ เรื่องแบบนี้ทางโรงพยาบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุด ไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนานเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ฝากด้วยครับเพื่อน ๆ ทำไรอย่าประมาท ทำไรควรมีหลักฐานยืนยัน ในกรณีนี้ถ้าผมไม่มีหลักฐานยืนยัน จบครับ ลูกผมไปอยู่พม่าแล้ว!!!

เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ”

'ผู้ประสบภัยน้ำท่วม' ตำหนิ!! อาหารรสชาติไม่อร่อย ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

(16 ก.ย. 67) โลกโซเชียลแห่วิจารณ์สนั่น หลังมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมโพสต์ตำหนิอาหารที่ผู้ใจบุญนำมาแจกฟรีว่ารสชาติไม่อร่อยและจำเจ ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

จากกรณีพายุ 'ยางิ' ถล่มภาคเหนือของประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. มีรายงานว่า ตัวเมืองเชียงรายหลังน้ำกกลดระดับสาหัสไม่แพ้กัน เศษซากกิ่งไม้-ดินโคลนเต็มพื้นที่ ขณะที่หลายหมู่บ้านพื้นที่ 'แม่ฟ้าหลวง' ยังถูกตัดขาดจากดินสไลด์ปิดถนน จนท.ต้องเดินเท้า-ใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งข้าวส่งน้ำช่วยชาวบ้าน

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานต่าง ๆ และภาคประชาชนที่แสดงน้ำใจทำอาหารไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย ก็พบว่ามีผู้ประสบภัยบางรายไม่ได้มองเห็นความมีน้ำใจเหล่านี้ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง เผยภาพโพสต์ของผู้ประสบภัยรายหนึ่ง ออกมาตำหนิอาหารที่นำไปแจกว่ามีแต่ผัดผัก และผัดกะเพรา อีกทั้งตำหนิรสชาติอาหารว่าไม่ได้เรื่อง

ทำให้ผู้โพสต์ต้องออกมาระบุข้อความขอโทษผู้ประสบภัยที่ทำอาหารไม่ถูกปาก นำอาหารไปส่งช้า เนื่องจากต้องลุยน้ำไปส่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวก็ได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์และวิพากษ์วิจารณ์ผู้ประสบภัยรายนี้กันเป็นจำนวนมาก

" จากเหนือ.. สู่อีสาน " ทีมบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมอุปกรณ์ รถยกสูง 4x4 รถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ โรงครัวเคลื่อนที่ ลุยพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง

(16 ก.ย. 67) ตามที่สถานการณ์น้ำท่วมบางพื้นที่จังหวัดเชียงรายเริ่มคลี่คลาย ประจวบกับได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ทีมบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมเรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ รถยกสูง 4x4 รถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ  โรงครัวเคลื่อนที่ ถุงยังชีพ ชุดยาสามัญประจำบ้าน อาหารสุนัขและแมว เคลื่อนกำลังพลออกจากเชียงราย ไปยังจังหวัดหนองคาย โดยขณะนี้ได้จัดตั้งกองอำนวยการ และโรงครัวประกอบอาหารปรุงสุก ณ วัดท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

เมื่อถึงพื้นที่ประสบภัย มูลนิธิฯ ได้จัดทีมปฏิบัติการเร่งสำรวจพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือในทันที รวมถึงอพยพประชาชน  ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยมี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิฯ จุดต่างๆ  อาสาสมัครศิลปิน นำโดย นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ และ หน่วยกู้ภัยจีตัมเกาะอุบลราชธานี ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

และในขณะนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงอยู่ระหว่างปฏิบัติการภารกิจอพยพในพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งประกอบอาหารปรุงสุก พร้อมจัดเตรียมน้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรทุกรถและเรือ ลงพื้นที่แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย  และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ทั้งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ และที่กองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์จะบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม  หรือติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org  เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

พนักงานโรงงานขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ ต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ สุดท้ายเสียชีวิต

(16 ก.ย. 67) จากเพจ 'หนุ่มสาว-โรงงาน' ได้โพสต์เหตุการณ์กรณีพนักงานโรงงานคนหนึ่งขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา เลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปพนักงานคนดังกล่าวไปหาหมอช้าจึงเสียชีวิต ระบุว่า...

หัวหน้าบริษัทดังในนิคมบางปู สมุทรปราการ

ลูกน้องไม่สบายไม่ให้ลูกน้องหยุด บีบบังคับให้น้องมาทำงานทางอ้อม โดยที่น้องไม่เคยหยุดงานเลย

น้องไม่สบายตอนนี้เสียแล้ว 

#ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ

📍เพิ่มเติมให้นะครับ โพสต์ด้านบนตอนแรกเอามาจากคนที่ทำงานน้อง แต่เขาลบไปแล้ว จะสรุปให้นะครับ จริง ๆ คือ น้องเขาจะขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา ไม่รู้เขาบีบบังคับแบบไหน น้องเลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปน้องไปหาหมอช้าเลยเสียชีวิต ประมาณนี้ครับ

สมุทรปราการ - ‘น้องแชมป์’ เด็กหนุ่มบางพลี!! ดีกรีแชมป์โลก นักเจ็ตสกีทีมชาติไทย ระดมทุนช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย

(16 ก.ย. 67) ‘น้องแชมป์’ กษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีดีกรีแชมป์โลก และยังเป็นนักกีฬาเจ็ตกรีทีมชาติไทยเด็กหนุ่มอำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดได้เป็นฮีโร่ขวัญใจพี่น้องคนแม่สายจังหวัดเชียงราย โดยน้องแชมป์และทีมเจ็ตสกีร่วมกับทีมงานกันจอมพลัง ได้เข้าช่วยเหลือคุณลุงเขียงหมูซึ่งติดอยู่บนหลังคาร้าน นานกว่า 2 วัน ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย จนกระทั่งได้รับคำชื่นชมจากประชาชนในโซเชียลเป็นจำนวนมาก

โดยล่าสุด “น้องแชมป์” หรือ นายกษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีทีมชาติไทยได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า น้องแชมป์พร้อมด้วยคุณพ่อ หรือ นายไกรสร ธีระประทีป ลงพื้นที่ภายในตลาดเรือบินเพื่อเดินรับบริจาคเงินระดมทุนเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังได้เปิดจุดรับบริจาคบริเวณด้านหน้าร้านย่างเนยภายในตลาดเรือบิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมี กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชนและแฟนคลับน้องแชมป์จำนวนมาก ร่วมบริจาคเงินพร้อมทั้งสิ่งของและน้ำดื่มเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนกับผู้ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

น้องแชมป์ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ประสบอุทกภัยกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ นับว่ามวลน้ำค่อนข้างมากและมีกระแสน้ำที่รุนแรงและยากต่อการลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ จึงได้ปรึกษากับทางคุณพ่อเพื่อนำเงินบางส่วนจาก บริษัทไฟว์เคที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ รวมทั้งเงินกิจการของร้านอาหารย่างเนยภายในตลาดเรือบิน โดยการนำยอดเงินทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายอาหารภายในร้านของวันนี้ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อนำเงินไปบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

โดยนายสมบัติ เนียมพาง กรรมการสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมารับมอบเงินจากน้องแชมป์ โดยมียอดบริจาครวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 309,080 บาท พร้อมทั้งขอแรงใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมส่งแรงใจแรงเชียร์ “น้องแชมป์” ที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันเจ็ตสกีที่ประเทศอเมริกา ในวันที่ 5-6-7 ตุลาคม 2567 นี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top