Thursday, 28 March 2024
NEWS FEED

นครบาลโชว์ผลงาน ทลายเครือข่ายยานรก ลาดหลุมแก้ว ยึดยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8, พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง รอง ผบก.ฯ และหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 8 ร่วมแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

กรณี จับกุมผู้ต้องหาชาย 6 ราย ย่านพุทธมณฑลสาย 1 และขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 5,600,000 เม็ด คีตามีนจำนวน 200 กิโลกรัม และรถยนต์ 4 คัน

เชียงใหม่-การประชุมกลไกความร่วมมือชายแดนไทย-ลาว เพื่อบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน”

วันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ พลโท ณัฐพงษ์  เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย  พร้อมด้วย พ.อ. ดาวไก  เลิดลิวัน รองหัวหน้ากรมทหารชายแดน กรมใหญ่เสนาธิการ กองทัพประชาชนลาว ร่วมเป็นประธานเปิด การประชุมกลไกความร่วมมือชายแดนไทย-ลาว เพื่อบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน” ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงใหม่

ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระทรวงกลาโหม โดย กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับกรมทหารชายแดน กรมใหญ่เสนาธิการ  กองทัพประชาชนลาว ในการจัดการประชุมกลไกความร่วมมือชายแดนไทย-ลาว เพื่อบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงใหม่
 
คณะที่ประชุมฝ่ายไทยประกอบด้วยผู้แทนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ส่วน คณะที่ประชุมฝ่ายลาว ประกอบด้วย ผู้แทนจาก กระทรวงป้องกันประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จากแขวงบ่อแก้ว แขวงไชยะบุรี และ สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย  นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจาก ประเทศกัมพูชาและประเทศ เมียนมา เข้าร่วมสังเกตการณ์ประชุมอีกด้วย

​ปัญหาหมอกควัน เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญมากเนื่องจาก มีผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน และนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกภาคส่วนได้ตระหนักและร่วมมือกันในแก้ไขปัญหานี้ อย่างจริงจังอยู่แล้ว  แต่อย่างไรก็ตามปัญหาหมอกควัน ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น ยังเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน กลายเป็นปัญหาหมอกควันข้ามแดน  ซึ่งเป็นปัญหาในระดับภูมิภาคที่ทุกประเทศ ต้องร่วมมือกัน

​สำหรับภูมิภาคASEAN มีความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ภายใต้กรอบความร่วมมือข้อตกลง ASEAN ว่าด้วยเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN AGREEMENT ON TRANBOUNDARY HAZE POLLUTION) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ลาว และเมียนมา ได้เห็นชอบร่วมกันในบันทึกความตกลงสามฝ่ายเรื่องยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR SKY STRATEGY) โดยมีเป้าหมายให้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนลดลง และหมดไปโดยเร็ว 

นอกจากนี้ ยังมีกลไกทวิภาคี ได้แก่ กลไกความร่วมมือคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา และ กลไกความร่วมมือคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ซึ่งบันทึกความร่วมมือของคณะกรรมการทุกคณะที่กล่าวมานั้น ได้กำหนดให้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม
 
​ผลการประชุมกลไกความร่วมมือชายแดนไทย-ลาวเพื่อบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ในวันนี้ ทั้งสองฝ่าย ได้กำหนดแนวทางดังนี้

​๑. ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนจัดการฝึกอบรมด้านการควบคุมไฟป่า ให้แก่เจ้าหน้าที่ของฝ่ายลาว จำนวนไม่เกิน ๓๐ คน ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ราชอาณาจักรไทย ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ โดยฝ่ายลาวจะพิจารณาและแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบ ผ่านช่องทางการทูต

​๒. ฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการ เพื่อการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ณ แขวงบ่อแก้ว และแขวงไซยะบุรี โดยฝ่ายลาวจะพิจารณาและแจ้งให้ ฝ่ายไทยทราบผ่านช่องทางการทูต

​๓. ทั้งสองฝ่ายมีความยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ องค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนระหว่างกัน

​๔. ทั้งสองฝ่ายจะรายงานตามลำดับชั้นในฝ่ายตน เพื่อพิจารณาให้กลไกคณะกรรมการชายแดนไทย - ลาว , ลาว - ไทย ประสานงานเพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย  และมีประสิทธิภาพ

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดการประชุมหารือร่วมกัน เพื่อพิจารณากิจกรรมความร่วมมือ  ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม ในโอกาสต่อไป

นภาพร/เชียงใหม่

ตชด. จัดอุปสมบทหมู่ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

วันนี้ (26 มีนาคม 2567) เวลา 08.00 น. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชทานแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2567 ในโอกาสนี้ พลตำรวจโท ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้เข้าร่วมอุปสมบทพร้อมข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน รวม 28 นาย ภายในงานประกอบด้วยพิธีมอบผ้าไตรและบาตร หลังจากนั้นได้มีพิธีบรรพชาและอุปสมบท โดยมีพระธรรมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอุปัชฌาย์ และมีผู้บังคับบัญชา ข้าราชการตำรวจและครอบครัวเข้าร่วมพิธี

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ (2 เมษายน ) อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 2541 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้กำลังพลได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อตำรวจตระเวนชายแดนและพสกนิกรชาวไทย อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่กำลังพลผู้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท มีโอกาสให้ศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาจิตใจของตนเอง โดยตลอดระยะเวลาที่บรรพชาจะได้ฝึกปฏิบัติธรรม วิปัสสนาและเจริญภาวนา ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมวชิรญาณ 200 ปี เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร และลาสิกขาในวันที่ 9 เมษายน 2567 โดยวันที่ 2 เมษายน 2567 พระภิกษุ ตชด. ทั้ง 28 รูป จะเข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ณ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อีกด้วย

พลตำรวจโท ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้เปิดเผยว่า “ได้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้ ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามราชกุมารี อย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 40 ปี ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อพสกนิกรชาวไทยและตำรวจตระเวนชายแดน โดยเฉพาะงานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้เด็กและเยาวชน ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและคนในชุมชนชายแดนได้อย่างยั่งยืน”  ซึ่งในการอุปสมบทในครั้งนี้ พลตำรวจโท ยงเกียรติ มนปราณีต  ได้รับฉายา “ปิยกิตติโก” (ปิ-ยะ-กิต-ติ-โก) แปลว่า ผู้มีชื่อเสียงอันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย

ขอนแก่น - 'ก.ธ.จ.' ลุยสอดส่อง ทำถนน ทต.โพธิ์ไชย-ทต.นาข่า

คณะก.ธ.จ.ขอนแก่น ได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินการให้เป็นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใช้หลักธรรมาภิบาล ให้เกิดความคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดกับเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อพี่น้องประชาชน ตามบทบาทหน้าของธรรมาภิบาล 

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 ในเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้องประชุมเทศบาลตำบลโพธิ์ไชย อำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่น ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ รองประธาน ก.ธ.จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายประณต มิ่งขวัญ ก.ธ.จ. ผู้ประสานงานโซนตะวันตก,ดร.ชำนาญ ศรีวงษ์ ก.ธ.จ.,นายโกมิฬ ขอดคำ ก.ธ.จ.,นายดวงเด่น ลีลรัตนปัญญา ก.ธ.จ.,นายถวิลกานต์ ชาวกะตาก.ธ.จ.,ดร.เรืองยศ แวดล้อม ที่ปรึกษา ก.ธ.จ. ฝ่ายวิชาการ และนายหมวดตรีชูไทย วงศ์บุญมี ที่ปรึกษา ก.ธ.จ.(ฝ่ายปชส.) ร่วมลงพื้นที่สอดส่องโซนใต้ โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก รหัสทางหลวงท้องถิ่น ขก.ถ.44-035 สายแยกหนองแปน-กุดเฒ่าราด หมู่ที่ 8 บ้านกุดลอบ ตำบลโพธิ์ไชย กว้าง 5 เมตร ยาว 2,950 เมตร หนา 0.15เมตร หรือมีพื้นที่คอนกรีตไม่น้อยกว่า 14,750ตารางเมตร  มีไหล่ทาง ของเทศบาลตำบลโพธิ์ไชย อำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่นงบประมาณ 9,830,000 บาท โดยมีนายเสาวฤทธิ์ คามกะสก นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์ชัย,นายทองดี สอนนำ รองนายกเทศมนตรีฯ ,นางสาวสุจิตรา ปรีชา เลขานุการนายกเทศมนตรีณ นายธีรนันท์ เหล่าคนค้า ปลัดเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ไชย, นายเปรมกมล ผางแพ่ง ผอ.กองช่าง และนางละเอียด มูลแก่น ผอ.กองคลัง ร่วมชี้แจงโครงการฯ และนำลงพื้นที่สอดส่อง

ต่อจากนั้นในเวลา 13.30 น. ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ รองประธาน ก.ธ.จ.ขอนแก่น พร้อมคณะ ร่วมลงพื้นที่สอดส่องโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก รหัสทางหลวงท้องถิ่น ขก.ถ.18-014 สายทางบ้านขามป้อม หมู่ที่ 1ถึงบ้านหนองไม้ตายหมู่ที่ 6 ตำบลนาข่า กว้าง 6 เมตร ยาว 2,380 เมตรหนา 0.15 เมตร หรือมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 8,280 ตารางเมตร ของเทศบาลตำบลนาข่า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น งบประมาณ 5,978,300 บาท โดยมี นายสุเนตร เรือนทิพย์ นายกเทศมนตรีตำบลนาข่า, นายประวัติ ผงษา รองนายกเทศมนตรีตำบลนาข่า, นายประดิษฐ์ พิสันเทียะ รองนายกเทศมนตรีตำบลนาข่า, นายธนายุทธ รูปหล่อ ปลัดเทศบาลตำบลนาคา, นางศุภาณีย์ ก้านอิน นักวิชาการพัสดุ,นางปาณิสา แก้วกัลยา หัวหน้าสำนักงานปลัด และนายกมล แสงกงพลี  นายช่างโยธา ร่วมชี้แจงการโครงการฯ และนำลงพื้นที่สอดส่อง

ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ รองประธาน ก.ธ.จ.ขอนแก่น กล่าวว่า คณะก.ธ.จ.ขอนแก่น ได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินการให้เป็นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ใช้หลักธรรมาภิบาลให้เกิดความคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดกับเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อพี่น้องประชาชน ตามบทบาทหน้าของธรรมาภิบาล ขอขอบคุณก.ธ.จ.ขอนแก่น ตลอดจนที่ปรึกษา ทุกท่านที่ร่วมลงพื้นที่สอดส่องโซนใต้วันนี้ขอบคุณ คุณครูประณต มิ่งขวัญ ผู้ประสานงานโซนใต้ที่ประสานหน่วยงานได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งทีมงานบริหารเทศบาลตำบลโพธิ์ไชย อำเภอโคกโพธิ์ไชย,เทศบาลตำบลนาข่า อำเภอมัญจาคีรีที่ให้ความร่วมมือในการลงพื้นที่สอดส่องครั้งนี้

รรท.ผบ.ตร. เยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ พร้อมส่งกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ทั่วประเทศหายจากอาการป่วย และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 5 นาย โดยมี พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมทีมแพทย์พยาบาล ให้การต้อนรับ

โดยพูดคุย ซักถามอาการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากทีมแพทย์ และญาติ ให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินให้จำนวนหนึ่งกับครอบครัว นอกจากนี้ยังถือโอกาสเยี่ยมตำรวจหญิงที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โดยพูดคุยซักถามอาการ ให้กำลังใจกับตำรวจหญิง และครอบครัว หลังพบโพสต์น่าเป็นห่วงในโซเชียลของตำรวจหญิง ที่ระบุว่ารับราชการตำรวจ 1 ปี หลังรับการฝึกพบเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า มีการแชร์โพสต์จำนวนมาก ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยเร่งตรวจสอบให้ความช่วยเหลือด่วน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวขอบคุณ ทีมแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลตำรวจ ที่ไม่เคยทอดทิ้งข้าราชการตำรวจ ที่เจ็บป่วย และได้รับบาดเจ็บ ให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดี ขอส่งกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ทั่วประเทศ ให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว กลับมาปฎิบัติหน้าที่ข้าราชการตำรวจที่ดีให้กับประชาชน

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลตำรวจให้ทีมแพทย์ พยาบาลดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เจ็บป่วยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เจ็บป่วย ด้วยภาวะซึมเศร้า โรงพยาบาลตำรวจ มีเพจ "Depress We Care "ซึมเศร้าเราใส่ใจ  และเพจ  "Because We Care" ซึ่งทีมแพทย์ พยาบาล ทีมจิตแพทย์  กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด พร้อมสหวิชาชีพ จะให้คำปรึกษาดูแลอย่างใกล้ชิด 

จากสถิติการตรวจสุขภาพจิตประจำปีของข้าราชการตำรวจ ปีงบประมาณ 2565-2566 สำรวจ ณ วันที่ 13 ก.พ. 2567 พบว่า ในปีงบประมาณ 65 พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีภาวะซึมเศร้า รุนแรง 301 คน  ภาวะเครียด 1108  คน  ปีงบประมาณ 66 พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง 196 คน ภาวะเครียดรุนแรง 1,552คน และภาวะเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง ในปีงบประมาณ 65 จำนวน 150 คน ปีงบประมาณ 66 จำนวน 315 คน

หากโรงพยาบาลตำรวจพบข้าราชการตำรวจมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตนักจิตวิทยา โรงพยาบาลตำรวจจะโทรศัพท์ พูดคุยให้คำปรึกษา รวมถึงติดตามอาการ และส่งต่อเข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยในปีงบประมาณ 66 มีการให้คำปรึกษาจำนวน 1,366 คน เหลือติดตามต่อเนื่อง 219 คน อีกทัังได้จัดทำคู่มือการดูแลสุขภาวะทางจิตใจของข้าราชการตำรวจ รวมไปถึงอบรมโครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตข้าราชการตำรวจ และครอบครัว และอบรม “โครงการครูแม่ไก่”( จิตแพทย์น้อย)  โดยอบรมเชิงบรรยายและเชิงปฏิบัติการแก่ข้าราชการตำรวจ ในการดูแลรักษาสุขภาพจิต ไม่ให้เกิดภาวะเครียดหรือซึมเศร้า และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต ตรวจประเมินสุขภาพจิตให้กับข้าราชการตำรวจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงห้องตรวจจิตเวชและยาเสพติด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทีมแพทย์และผู้ป่วยด้วย

หากข้าราชการตำรวจหรือครอบครัวรวมไปถึงประชาชนประสบภาวะเครียดหรือซึมเศร้าหรือ สามารถติดต่อ โรงพยาบาลตำรวจได้หลายช่องทาง ผ่านทางเพจ “Depress We Care” และเพจ “Because We Care“ อีกทั้งสายด่วน 081 932 0000 ที่พร้อมจะให้คำปรึกษา รวมถึงการป้องกันและรักษาในเบื้องต้นตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ

“มูลนิธิสหชาติ” ผนึกกำลัง “สมาคมเดอะเชฟประเทศไทย” มุ่งทำความดีเพื่อคนในชาติ พร้อมมอบเสื้อเชฟ 135 ตัวให้กับสมาชิก

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่มูลนิธิสหชาติ พระอาจารย์ชายกลาง อภิญาโณ หรือฉายาพระเท้าเปล่า ประธานมูลนิธิสหชาติ มอบเสื้อเชฟแขนสั้น จำนวน 135 ตัว และกางเกงสีดำ 6 ตัว ให้แก่ เชฟทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย โดยมี นายสมชาย จรรยา ที่ปรึกษามูลนิธิ ร่วมพิธีมอบในครั้งนี้

พระอาจารย์ชายกลาง อภิญาโณ กล่าวว่า เสื้อผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มีความสําคัญต่อมนุษย์ การแต่งกาย นอกจากจะแต่งเพื่อปกปิดร่างกายให้ดูสุภาพ เรียบร้อยแล้ว ยังช่วยทําให้ร่างกายอบอุ่น สวยงาม ทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงอาชีพของผู้ แต่งกายนั้นด้วย “เสื้อเชฟ” ที่ทางมูลนิธิสหชาติ มอบให้กับนายกทองเลี่ยม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับสมาชิกในสมาคมฯ

สำหรับ “เสื้อเชฟ” ไม่ใช่มีไว้เพียงเพื่อทำให้ลูกค้าแยกแยะได้ว่าคนไหนเป็นเชฟเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ และความสำคัญเพื่อป้องกันเชฟจากการบาดเจ็บและความร้อนจากการทำอาหาร เพราะ “เสื้อเชฟ” นั้นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการทำงานในครัว โดยเฉพาะตัวเสื้อ จะทำจากผ้าเนื้อหนาที่สามารถช่วยป้องกันผิวหนังของเชฟจากความร้อนขณะอยู่หน้าเตาต่างๆ หรือป้องกันจากการโดนน้ำมันกระเด็น ดังนั้น การสวมชุดเชฟจะทำให้เชฟปลอดภัย

พระอาจารย์ชายกลาง กล่าวถึง มูลนิธิสหชาติว่า เป็นองค์กรการกุศล ที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่งเสริมและสนับสนุนกด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิสหชาติ ได้ขับเคลื่อนการสร้างคน คนสร้างชาติเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีความรักชาติ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทหารเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เด็กๆได้ตระหนักถึงหน้าที่รวมถึงประชาชนทุก รวมทั้งสนับสนุนการอนุรักษ์ช้างไทย และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

ด้าน เชฟทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟประเทศไทย กล่าวว่า ทางสมาคมฯ จะร่วมมือช่วยเหลือกิจกรรมสาธารณกุศลของมูลนิธิ จากโครงการที่ได้รับฟังจากพระอาจารย์ชายกลาง เป็นโครงการที่ดี ที่ท่านได้ดำเนินการช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือเด็กยากไร้ตามหมู่บ้านชนบท ที่อยู่ห่างไกล แล้วท่านยังมุ่งมั่นทำต่อในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ลูกหลานมีใช้ในอนาคตอย่างยั่งยืน 

รรท.ผบ.ตร. สานต่อ “ทำดี มีรางวัล” มอบเกียรติบัตรตำรวจจราจร สน.บางซื่อ ใช้ AED สภากาชาดไทย ช่วยชีวิตคนขับรถตู้หมดสติ วันนี้ (25 มี.ค.67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี

วันนี้ (25 มี.ค. 67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ข้าราชการตำรวจ สน.บางซื่อ ที่ได้ช่วยชีวิตประชาชนบนท้องถนนด้วยการใช้เครื่อง AED ที่สภากาชาดไทยได้ทำการติดตั้งให้ 

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 เวลาประมาณ 10.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนขับรถตู้หมดสติคาพวงมาลัย บริเวณแยกกำแพงเพชร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ด.ต.ไกรศร พลตาล ผบ.หมู่.งานจราจร สน.บางซื่อ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยมีสัญญาณชีพเพียงเล็กน้อย ด.ต.ไกรศรฯ จึงได้ดำเนินการตามหลักการช่วยฟื้นคืนชีพ กล่าวคือ ได้ขอความช่วยเหลือด้วยการวิทยุแจ้งรถกู้ภัยให้มายังที่เกิดเหตุ และเริ่มทำการฟื้นคืนชีพโดยการนำเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ซึ่งติดตั้งโดยสภากาชาดไทยที่แยกกำแพงเพชร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร มาทำการช่วยเหลือ และทำการ CPR ตามขั้นตอน จนชายคนดังกล่าวกลับมามีสัญญาณชีพ จึงนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

โดยเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ดังกล่าว เป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ที่ได้ทรงส่งเสริมและสนับสนุนให้มีติดตั้งเครื่อง AED ในทุก สน. และบริเวณทางแยกจราจรที่มีการสัญจรหนาแน่นและมีประชากรจำนวนมาก พร้อมทั้งทำการฝึกอบรม CPR และใช้เครื่อง AED ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ตนขอชื่นชมการปฏิบัติงานของ ด.ต.ไกรศรฯ ที่มีไหวพริบปฏิภาณสามารถนำองค์ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลและทักษะด้านการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ได้รับการอบรมมาช่วยเหลือชีวิตของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และทันท่วงที จึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจและสังคมต่อไป
 

‘เพจดัง’ แฉ!! เคสคนพา ‘แมว’ ขอทานตามงานวัด นอนนิ่ง 4 ตัวไม่ขยับ เร่งหน่วยงานช่วยตรวจสอบ

(25 มี.ค. 67) กลายเป็นภาพสุดสะเทือนใจ ขอเหล่าทาสสัตว์ หลังเพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6’ ออกมาแฉเคสขอทานแมว นอนนิ่งเร่ขายกลางงานวัด โดยระบุว่า

“ทาสจะไม่ทน…นอกจากน้องหมาที่ราชบุรีแล้ว ที่กาญจนบุรีก็มีน้องแมวเอาน้องมาหากินใช่ไหมนอนนิ่งเลย ทรมานสัตว์มาก พิกัดวัดพระแท่นดงรัง (กาญจนบุรี)

- โห นิ่งผิดปกติมาก แย่มาก
- พรุ่งนี้มีงานวัดวันสุดท้าย อยากให้มีหน่วยงานรีบเข้าไปดูค่ะ ไม่รู้จบงานแล้วจะพาน้อง ๆ ไปทรมานที่ไหนต่อ เท่าที่เห็นน้ำก็ไม่มีกิน ละอากาศก็ร้อนมากด้วย
- เห็นไปทุกงานวัดค่ะ น่าจะไปมาหลายที่แล้ว เราสงสารน้องแมวมากเลย
- มันเดินสายไปทุกจังหวัดเลยครับที่มีงานใหญ่ ๆ ไอ้เด็กชุดลิเกนี่ แมว 4 ตัวนี้ 3 เดือนที่แล้วพึ่งจะมางานบ้านผม น่าจะทำกันเป็นขบวนการ”

ไม่เพียงแค่นั้น เพจดังกล่าวยังระบุอีกว่า “ใครรู้จักผู้ใหญ่ใจดีก็ช่วยแชร์ส่งต่อไปนะ ทางทีมงานส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นแล้ว”

งานนี้เมื่อแชร์ออกไป ชาวเน็ตต่างแห่กันคอมเมนต์ถกสนั่นถึงการทารุณกรรมสัตว์ พร้อมวอนให้หน่วยงานเร่งตรวจสอบ และลงโทษขบวนการขอทานที่ใช้สัตว์เป็นตัวเรียกความสงสารคนใจบุญ หรือเหล่าทาสสัตว์เลี้ยงอย่างหนัก

สาวๆ กรี๊ด!! ‘สารวัตรแจ๊ะ’ แห่งสืบนครบาล IDMB ‘ประวัติดี-ผลงานเพียบ’ มักปรากฎตัวในหลายคดีดัง

(25 มี.ค. 67) ใครที่ได้ติดตามเฟซบุ๊กเพจ ‘สืบนครบาล IDMB’ ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะได้เห็นหนุ่มน้อยใส่แว่น สวมหมวกไหมพรมสีเทา กางเกงยีนส์ สวมเสื้อแจ็คเก็ต ‘สืบนครบาล’ ร่วมกับทีมงานจับกุมผู้ต้องหาบ่อยครั้ง

ประกอบกับน้ำเสียงดุดัน หนักแน่นกับผู้ต้องหา ซักถามกันแบบตรง ๆ แต่สุภาพอ่อนโยนกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี และด้วยความเป็นหนุ่มแว่น ตาคมกริบ ผิวขาวแบบโอปป้าเกาหลี ทำให้สาว ๆ ต้องใจละลายแทบกรี๊ดสิครับ กรี๊ดนะ กรี๊ดเลย ไม่ต้องกลั้นเอาไว้

ซึ่งหลายคนอยากรู้ว่านายตำรวจหนุ่มโอปป้าคนนี้เป็นใคร และหลายที่ได้เปิดวาร์ปไปแล้ว แต่ขอเปิดวาร์ปเท่าที่พอทำได้ เพราะเจ้าตัวยังคงต้องปฏิบัติภารกิจเพื่อประชาชน สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี

โดยนายตำรวจหนุ่มคนนี้มีชื่อเล่นว่า ‘สารวัตรแจ๊ะ’ ยศพันตำรวจตรี ตำแหน่งสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 69 ส่วนชื่อจริงและนามสกุลจริง ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

เริ่มต้นชีวิตข้าราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ก่อนจะมารู้จักกับ ‘ผู้การจ๋อ’ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

จากนั้นได้ย้ายไปอยู่กลุ่มงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล 4 ต่อด้วยรองสารวัตร กลุ่มงานการข่าว กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บก.ขส. บช.ปส.)

เคยร่วมงานกับ พล.ต.ต.ธีรเดช สมัยที่เป็นผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 ฉายา ‘ฉลามจ๋อ’ และเป็นหัวหน้าชุด PCT 5 ทำคดีใหญ่ ๆ หลายคดี ทั้งทลายเว็บพนันออนไลน์, รวบโจรกางเกงในลักทรัพย์มือถือร้านไอที, ทลายโกดังสินค้าออนไลน์ สั่งซื้อโทรศัพท์กลับได้ผงซักฟอก, รวบโจรหลอกลงทุนผลิตชุด ATK, รวบโจรหลอกขายน้องหมาไซบีเรียน, รวบอดีตรองผู้จัดการเขตธนาคารโกงเบี้ยประกัน, ตามจับผัวปืนโหดยิงเมีย, รวบหนุ่มข่มขืนสาว 8 ชั่วโมง เป็นต้น

กระทั่งย้ายข้ามห้วยจาก บช.ปส. มาอยู่นครบาล เป็นสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถือเป็นลูกน้อง ลูกหม้อ ‘ผู้การจ๋อ’ แห่งสืบนครบาลเต็มตัว วาดฝีมือลวดลายตามจับกุมผู้ต้องหานับร้อยคดี

ที่ผ่านมาสารวัตรแจ๊ะได้เรียนรู้วิชาสืบสวนสอบสวนก่อนลงสนามจริง มีความสามารถในการวางแผน เก็บรายละเอียดทุกการเคลื่อนไหว ก่อนวาดลวดลายเขียนข่าวแจก แบบชนิดที่ว่าออกมาจากใจคนทำงาน

สำหรับหมวกไหมพรมสีเทานั้น เป็นหมวกที่ ‘ผู้การจ๋อ’ ให้มาเมื่อ 6 ปีก่อน ไว้ใส่เวลาทำงานเพื่ออำพรางใบหน้าในระหว่างลงพื้นที่สืบคดี กระทั่งกลายเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียลฯ ถึงขนาดเปรียบเทียบกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ‘โคจอน’ มาแล้ว

ส่วนสถานะหัวใจนั้น บอกได้คำเดียวว่าไม่ว่างแล้ว เพราะชีวิตอีกด้านหนึ่งยังเป็นพ่อลูกอ่อน แต่ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลาดูแลลูกน้อย เพราะต้องทำหน้าที่แกะรอยตามจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญ ๆ

ถึงกระนั้น แฟนคลับทั่วฟ้าเมืองไทยต่างปันใจให้กับ ‘สารวัตรโอปป้าหมวกไหมพรม’ ไปแล้ว

‘มาดามแป้ง’ เปิดแผนเอาใจแฟนบอล ในศึกฟุตบอลโลก 2026 สั่งเปิดทางเข้าราชมังฯ เพิ่ม 2 เท่า - เข้าสนามเร็วกว่าเดิม 3 ชม.

(25 มี.ค. 67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…

เพื่อความสะดวกแฟนช้างศึก! มาดามแป้ง สั่งเปิดทางเข้าราชมังฯ เพิ่ม 2 เท่า-เข้าสนามเร็วกว่าเดิม 3 ชม.

‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อำนวยความสะดวกแฟนบอลเต็มที่ หลังสั่งเปิดทางเข้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน เพิ่ม 2 เท่า ในเกมสำคัญ เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4 

โดยสั่งการเพิ่มช่องทางเข้า Main entrance 2 บริเวณด้านสระว่ายน้ำอีก 15 ช่อง รวมกับด้านหน้า เป็น 30 ช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกแฟนบอล รวมถึงยังเปิดให้แฟนบอลเข้าสู่สนามเร็วขึ้นกว่าเดิม คือ ก่อนเกม 3 ชั่วโมง หรือ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เพื่อระบายความแออัด และช่วยให้การตรวจค้น รวมถึงตรวจบัตร มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย ‘มาดามแป้ง’ นายกสมาคมฯ ยังกล่าวขอบคุณ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหนึ่งในสภากรรมการ ที่ช่วยดูแล และ สั่งเข้มงวดเรื่องนี้เต็มที่ โดยเพิ่มเจ้าหน้าที่บริเวณจุดต่าง ๆ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้แฟนบอล ทั้งในสนาม และ นอกสนาม

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึง พื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (สนามราชมังคลากีฬาสถาน) สามารถเข้าได้ 3 ทาง ประกอบด้วย

- ประตู 1 (ติดกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนรามคำแหง)
- ประตู 2 (ตรงข้ามกับ FBT ถนนรามคำแหง)
- ประตู 4 (ด้านหลัง ตรงข้ามกับแม็คโคร ถนนรามคำแหง 24)

จากนั้น เมื่อเข้ามาในพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทยแล้ว เปิดทางเข้า 2 ช่องทางดังนี้

- ทางเข้าที่ 1 MAIN ENTRANCE 1 สำหรับ แฟนบอล Zone N/W / ประตูเปิดเวลา 16.30 น.
- ทางเข้าที่ 2 MAIN ENTRANCE 2 สำหรับ แฟนบอล Zone E/S /  ประตูเปิดเวลา 16.30 น.

หมายเหตุ : ในวันแข่งขันไม่อนุญาตให้จอดรถภายในพื้นที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย

สำหรับ ทีมชาติไทย เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4 ในวันที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี, Youtube Changsuek Official และ Facebook Changsuek Official


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top