Sunday, 13 October 2024
NEWS FEED

‘บางจาก’ จัดแคมเปญมอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวดแด่ผู้ประสบภัย ส่งต่อน้ำใจจากบางจาก-คนไทยให้ผู้ประสบภัยบรรเทาทุกข์

(9 ต.ค. 67) นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด, นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร 

ร่วมประชาสัมพันธ์แคมเปญ ‘บางจากฯ ชวนปันน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัย มอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวด’ เชิญชวนให้ลูกค้าที่ได้รับแจกน้ำดื่ม 1.5 ลิตรจากการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันบางจากและเอสโซ่เดิมทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ร่วมบริจาคน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤต ตั้งแต่วันที่ 9 - 31 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าจะครบ 1 ล้านขวด

ลูกค้าที่ต้องการร่วมส่งต่อพลังน้ำใจทำได้โดยแจ้งความจำนงกับพนักงานหน้าลานในสถานีบริการ 
โดยบางจากฯ จะประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อกระจายน้ำดื่มไปยังผู้ที่เดือดร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ

‘บางจากฯ ชวนปันน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัย มอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวด’ เป็นการต่อยอดการส่งมอบ
ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จากการช่วยเหลือผ่านบัตรเติมน้ำมัน เงินสด น้ำดื่ม ข้าวสาร วัตถุดิบในโรงครัว อุปกรณ์ของใช้จำเป็น ฯลฯ ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ 

รวมถึงการเชิญชวนให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกบางจาก กรีนไมลส์แลกแต้มสมาชิกเป็นเงินบริจาคมอบให้แก่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพา (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยเพื่อนำไปปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุ 

บางจากฯ หวังว่าการร่วมแรงร่วมใจในครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตนี้ไปได้ พร้อมส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในทุก ๆ พื้นที่ ด้วยความหวังว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน

ในการนี้ยังมีนายวัฒนา พรพัฒน์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานค้าปลีกน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายวรากร โกศลพิศิษฐ์กุล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ร่วมกิจกรรมด้วย

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณรัชกาลที่ 9 เชิญประชาชนร่วมเฝ้ารับเสด็จในหลวง-ราชินี

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘พระลาน’ ได้โพสต์เชิญชวนเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า 

ขอเชิญประชาชนร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2567 พร้อมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  

ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 
ในเวลา 17.00 น. เปิด 3 จุดคัดกรอง เวลา 11.30 น. ได้แก่ 

๑. จุดคัดกรองถนนศรีอยุธยา ฝั่งประตูทางเข้าอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9
๒. จุดคัดกรองถนนศรีอยุธยา ฝั่งวัดเบญจมบพิตร 
๓. จุดคัดกรองถนนพระราม 5 ฝั่งอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9

ในการนี้ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ จะเปิดให้ประชาชนได้เยี่ยมชมในวันที่ 13-14 ตุลาคม 2567 โดยจะมีบทเพลงขับกล่อมจากวงดนตรี 4 เหล่าทัพ จนถึงเวลา 21.00 น.

2 พจนานุกรมดังบรรจุ pad thai ลงในคลังคำศัพท์ ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่ต้องใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นคำอีกแล้ว

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Oxford Dictionary และ Cambridge Dictionary ซึ่งเป็น 2 พจนานุกรมที่มีชื่อเสียงและมีผู้ใช้งานทั่วโลกได้บรรจุ ‘ผัดไทย’ หรือ ‘pad thai’ เป็นคำศัพท์ในพจนานุกรมแล้ว 

โดย Cambridge Dictionary และ Oxford Dictionary ได้ให้ความหมายของคำว่า pad thai ว่า (n) a Thai dish that consists of rice noodles fried with egg, vegetables, and spices, sometimes with pieces of meat or seafood added.

ซึ่งมีความหมายว่า เป็นอาหารไทยที่ประกอบด้วยเส้นผัดกับไข่, ผัก, พริก ในบางครั้งมีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลเพิ่มเข้ามา

ซึ่งการบรรจุคำว่า pad thai ลงในพจนานุกรมในครั้งนี้ ได้บรรจุอยู่ในระดับ C2 คือ คำศัพท์ทั่วไปที่ถูกบัญญัติใช้เพื่อแสดงให้รู้ถึงแหล่งที่มา ต้นกำเนิด หรือพื้นถิ่นของสิ่งๆ นั้นได้ชัดเจน 

ตร. เตือน ระวังหลอกลงทุนธุรกิจขายตรง ใช้กลวิธีหลอกลวง เบื้องหลังเป็นแชร์ลูกโซ่  

(9 ต.ค.67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ

โดยในอดีตที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนจำนวนมากได้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของการชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือการจัดสัมมนาในความรู้ บางครั้งก็จะมาในรูปแบบของการลงทุนในธุรกิจ บางครั้งก็มาในรูปแบบของการขายตรง หลอกลวงว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง และมักจะมีรายได้จากการชักชวนสมาชิกใหม่มาร่วมธุรกิจ เช่น คดียูฟัน (Ufund) คดีแม่ชม้อย คดี FOREX-3D เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังในการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจลักษณะขายตรง ที่อาจเข้าข่ายเป็นขบวนการแชร์ลูกโซ่ หรือหลอกลวงประชาชน โดยมีข้อสังเกตดังนี้

1. โมเดลแชร์ลูกโซ่ - หากโครงสร้างธุรกิจเน้นการรับสมัครคนใหม่เข้าร่วมมากกว่าการขายสินค้าหรือบริการจริง โมเดลนี้ทำให้รายได้หลักมาจากการชักชวนสมาชิกใหม่และเก็บเงินค่าสมัคร แทนที่จะเกิดจากการขายสินค้า
2. การขายสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงความจริง - หากสินค้าหรือบริการที่เสนอขายไม่มีคุณภาพ ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่โฆษณาไว้ หรือไม่มีสินค้าจริงในการจำหน่าย แต่มีการหลอกลวงเพื่อเก็บเงินจากผู้ร่วมธุรกิจ
3. การบังคับซื้อสินค้าหรือการลงทุนจำนวนมาก - หากบริษัทบังคับให้ผู้สมัครเข้าร่วมต้องลงทุนจำนวนมากในการซื้อสินค้าเกินความจำเป็น หรือกักตุนสินค้าโดยไม่สามารถขายออกได้จริง
4. การใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือหลอกลวง - หากบริษัทนำเสนอข้อมูลทางธุรกิจหรือรายได้ที่เกินจริง โฆษณาผลตอบแทนที่สูงเกินจริงโดยไม่สามารถทำได้ตามสัญญา
5. การไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
6. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค - หากธุรกิจไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภค ไม่สามารถคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้าตามที่กฎหมายกำหนด หรือไม่มีการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้บริโภค ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย

โดยถ้าพี่น้องประชาชนพบเห็นธุรกิจในลักษณะดังกล่าว หรือสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 เพื่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ และหากเป็นคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ สายด่วน 1441 หรือเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว มอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 67) สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันกับสมาคมจีนต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่งมอบสิ่งของจำเป็นและเงินจำนวนกว่า 3,800,000 บาทผ่านท่านทูตหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมระลอก 2 ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยมีท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นสักขีพยาน และกระจายไปยังพื้นที่น้ำท่วมภาคเหนือ

คุณอมร อภิธนาคุณ ประธานสมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดพายุฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สะสมทับมาจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติถึง 50-60% จึงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำไหลทะลักมาท่วมบ้านเรือนราษฎร เทียบเท่ากับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 และบางพื้นที่เกิดความเสียหายมากกว่าเดิมอีกด้วย 

“สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว ได้เล็งเห็นถึงวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ทวีความรุนแรงมากกว่าขึ้นกว่าทุกปี ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากรวมถึงการฟื้นตัวจะต้องใช้เวลานาน โดยที่ผ่านมาเห็นว่าผู้ประสบภัยพิบัติส่วนใหญ่ยังขาดแคลนปัจจัย 4 อย่างฉับพลันโดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก ซึ่งถือเป็นช่วงวิกฤตและความทุกข์ยากที่ประชาชนต้องประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวจีนและสมาคมชาวจีนต่าง ๆ  รวมไปถึงนักธุรกิจชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย  เห็นถึงความยากลำบากของพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ จึงได้รวมพลังกันผ่านสมาพันธ์ฯ เพื่อระดมทุนและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับน้ำท่วม เพื่อช่วยลดความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยภาคเหนือ ทั้งจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย”

โดยนักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ในสมาคมต่าง ๆ ร่วมกันบริจาคทรัพย์ กว่า 17 องค์กร คือ 1.สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว 2.สมาคมการค้าการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจไทย-ซานตง 3. สมาคมเตี่ยอันเเห่งประเทศไทย 4.สมาคมการค้าไทย-ซานซี 5.สมาคมการค้าไทย-กวางตุ้ง 6.สมาคมการค้าไทย-หูหนาน 7.สมาคมหนานอัน 8.ชมรมนักธุรกิจโชคดี 9.สมาคมการค้ารวมใจนักธุรกิจรุ่นใหม่จีน-เอเชีย 10.สมาคมความปลอดภัย 11.สมาคมเจียงเจ้อหู้ 12.สมาคมเจียงซี 13.สมาคมกวางสี 14.สมาคมซูซาน 15.สมาคมฟูเจี้ยนอานซี 16.สมาคมย่าไท่ 17.สมาคมกวางตุ้งและร่วมบริจาคสิ่งของ คือ 1.หอการค้าเยาวชนแห่งเอเชียเพื่อสันติภาพและการพัฒนา บริจาคเป็น ปลากระป๋องใหญ่ มาม่า และครีมสำหรับน้ำท่วม 2.คุณหวังคาน เหอ บริจาคข้าวสาร 100 ถุง  3.คุณจาง จุนหมิง บริจาคผ้าห่ม 400 ผืน  4.คุณ ซูซานจงฮุ้ย บริจาคผ้าห่ม 100 ผืน 5.สมาคมซานตง บริจาคเป็นผ้าขนหนู จำนวนเงินกว่า 300,000 บาท 7.คุณเจิง ซูเจียน บริจาคเป็น เครื่องปั่นไฟ 2 เครื่อง  8.คุณอู่ปิงหลิน บริจาคเป็นเสื้อกันฝน 300 ตัว และอื่น ๆ 

“อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสาร เพื่อเตรียมตั้งรับกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแบบฉับพลัน และขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินทางสัญจรไปในที่ที่อาจจะเกิดอุทกภัย และเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ซึ่งทางสมาพันธ์ฯ ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในส่งมอบกำลังใจผ่านสิ่งของและเงินสมทบจากชาวจีนร่วมกับสมาคมจีนต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน ขอให้ผู้ประสบภัยปลอดภัย และสามารถผ่านวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ในเร็ววัน และอยากส่งผ่านข้อความนี้ไปยังคนไทยทุกคนให้ทราบว่า คนจีนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยไม่เคยนิ่งดูดายกับความเดือดร้อนที่ทุกท่านประสบ และจะหาทางช่วยเหลือเสมอ หากมีโอกาส”คุณอมรกล่าวในตอนท้าย

ด้านคุณสื่อ ต้าถัว ประธาน ประธานสมาคมการค้าการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจไทย-ซานตง กล่าวว่า สมาคมมีแนวทางที่ยึดถือมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมคือ "อยู่ประเทศไทยเพื่อประเทศไทย อยู่ประเทศไทยรักประเทศไทย" และจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้น้ำไหลบ่าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้าง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งมีประชาชนและสัตว์เลี้ยงติดค้างหลายราย ซึ่งถือเป็นอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่และหนักที่สุดในรอบ 60 ปี ทางสมาคมฯ ไม่ได้นิ่งเฉย ได้ระดมสิ่งของและกำลังทรัพย์ของสมาชิกภายในสมาคม ที่เป็นนักธุรกิจคนจีนรวมเป็นเงินมูลค่า 750,000 บาท เพื่อร่วมส่งต่อความห่วงใยผ่านทางสมาพันธ์ฯ ไปยังประชาชนผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ

“การร่วมระดมกำลังทรัพย์เพื่อประชาชนคนไทยในครั้งนี้ เพราะประชาชนคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้นตระหนักถึงความเดือดร้อน และความเสียหายคนไทยได้รับเป็นอย่างดี จึงร่วมแรงร่วมใจกันระดมความช่วยเหลือในทุกทางที่มีผ่านสมาคมต่าง ๆ เพื่อช่วยเยียวยาคนไทยและถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนและไทยให้แนบแน่นยิ่งขึ้น และเป็นการสื่อสารที่ชัดขึ้นว่า คนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่มีวันทิ้งคนไทยที่ประสบความเดือดร้อนแน่นอน”

พิธีมอบเงินและสิ่งของบริจาคในครั้งนี้มีท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นสักขีพยาน โดยมีท่านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย หาน จื้อเฉียง เป็นผู้ส่งมอบ เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและกำลังใจจากชาวจีนในประเทศไทยแก่ผู้ประสบภัย และจะมีการส่งต่อไปยังผู้ว่าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายต่อไป

พสบ.ทร. แสดงความยินดี นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ท่านใหม่

เมื่อวันที่ (8 ต.ค. 67) คุณพัชรณันษ์ พัชรวราทิพย์ประธานนักศึกษา หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร (พสบ.ทร.) กองทัพเรือ รุ่นที่ 18 และคณะฯ เข้าแสดงความยินดีกับ นาวาเอกหญิง ดร.ทพญ.จีระวัฒน์  กฤษณพันธ์ ว่องวิทย์ (พี่หมอไก๋ พสบ.ทร.18) ในโอกาส รับตำแหน่งนายกสมาคมภริยาทหารเรือ ซึ่งนับว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาว พสบ.ทร. เป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านเป็นนายกสมาคมภริยาทหารเรือท่านแรก ที่เป็นสมาชิก พสบ.ทร. ณ ห้องรับรองสมาคมภริยาทหารเรือ กรุงเทพฯ

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี 0909535645 รายงาน

แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานใน พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังสุรนารี เน้นย้ำเฝ้าระวังป้องกันชายแดนทุกด้าน

(8 ต.ค. 67) ที่ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานในพื้นที่กองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พันเอก จิรัฏ  ช่วงฉ่ำ , พันเอก บุญเสริม  บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้กองกำลังสุรนารี มีภารกิจในการป้องกันชายแดนในเขต 5 จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน ตามพันธกิจ 5 ประการ ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยที่ผ่านมาได้ฝึกเตรียมความพร้อมให้กับกำลังพลทุกด้าน และทำการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนตลอดเวลา โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการพัฒนา และแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

ทั้งนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำ การป้องกันชายแดน เฝ้าระวังปัญหายาเสพติด และการหลบหนีเข้าเมือง โดยให้มีการประสานความร่วมมือ หน่วยงานต่างไป และกองกำลังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการร่วมมือในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย เพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวสารในพื้นที่เฝ้าระวังป้องกันจนนำไปสู่การปฏิบัติด้านยุทธการต่อไป

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

ยกย่องเชิดชู "พันจ่าทหารเรือ" ช่วยผู้ป่วยสูงอายุขนมปังติดคอ

เมื่อวันที่ (8 ต.ค. 67) พลเรือตรี ชาตรี เปี่ยมศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มอบใบประกาศเกียรติคุณเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ แด่ พันจ่าเอก ภูษิต วิริยะกิจ จากเหตุการณ์ที่ พันจ่าเอก ภูษิต วิริยะกิจ เจ้าหน้าที่คัดกรองคนไข้ นั่งที่จุดคัดกรองคนไข้ที่ รพ.อาภากรฯ ซึ่งเป็นเวลาพักกลางวันกำลังจะไปรับประทานอาหาร มีข้าราชการ ชั้นยศ จ.อ.ที่ประจำอยู่ท่าเรือแหลมเทียน ขับมอเตอร์ไซร์มาขอความช่วยเหลือ ได้ให้ข้อมูลว่า มีผู้ป่วยข้าราชการบำนาญชาย ชั้นยศ พล.ต.ท. ซึ่งมากับครอบครัว มาลอยอังคารญาติ ที่ท่าเรือแหลมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ขณะนั้นญาติได้ลงเรือไปลอยอังคาร แต่ผู้ป่วยไม่ได้ลงไปด้วย เนื่องจากเป็นผู้ป่วยนั่ง Wheel chair ได้รับประทานขนมปังติดคอ หายใจไม่ออก พ.จ.อ.ภูษิต หลังรับแจ้ง ได้รีบขึ้นรถจักรยานยนต์ ไปกับ จ.อ.ท่านนั้น จนสามารถช่วยผู้ป่วยที่อาหารติดคอ ในขณะนั้น จนผู้ป่วยที่มีอาการอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย ปากซีด โดยการ Choking heimlich maneuver จนอาหารหลุดออกมา สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยจนได้รับความปลอดภัยและส่งต่อยังโรงพยาบาลฯ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘ขนส่งทางบก’ ปูพรมตรวจสอบสภาพรถติดตั้งก๊าซทั่วไทย ขีดเส้น 30 พ.ย. 67 ทุกคันต้องผ่านการตรวจสภาพ

(8 ต.ค. 67)รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เดินหน้ามาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุดสำหรับรถโดยสารที่ติดตั้งก๊าซ CNG และ LPG โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ.2567 เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ CNG และ LPG ทั่วประเทศ ต้องนำรถเข้ามาตรวจสภาพรถ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา

โดยมาตรฐานการตรวจสภาพรถต้องตรวจผ่านตาม Check list อาทิ เครื่องอุปกรณ์ และส่วนควบต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ชำรุด เช่น ถังก๊าซต้องไม่บุบ บวม ผุกร่อน เหล็กรัดถัง และสกรูยึดขาถังต้องยึดอย่างมั่นคงแข็งแรง ตัวถังก๊าซต้องไม่หมดอายุตามวันที่ผู้ผลิตกำหนด หมายเลขถังก๊าซและจำนวนถังก๊าซต้องตรงกับที่ปรากฏอยู่ในระบบงานตรวจสภาพรถของกรมฯ

รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ประตูฉุกเฉิน ทางออกฉุกเฉิน ประตูทางขึ้น - ลง เข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก เครื่องดับเพลิง ต้องมีขนาด จำนวน และการติดตั้งถูกต้องระเบียบ พร้อมใช้งาน หากรถโดยสารที่เข้ามาตรวจสภาพรถแล้วไม่ผ่านการตรวจสภาพ เช่น ถังก๊าซหมดอายุ จำนวนถังไม่ตรงกับที่ปรากฏอยู่ในระบบงานตรวจสภาพของกรมฯ เครื่องอุปกรณ์ และส่วนควบชำรุด ตรวจพบการรั่วไหลของก๊าซ และตรวจพบน้ำหนักเกิน กรมฯ จะพ่นข้อความห้ามใช้จนกว่าจะนำรถไปแก้ไขก่อน และนำมาตรวจสภาพให้ถูกต้องอีกครั้ง จึงจะสามารถนำรถกลับมาใช้ใหม่ได้

ทั้งนี้ กรมฯ กำชับให้ผู้ประกอบการต้องนำรถโดยสารเข้ามาตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พ.ย.67 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมสามารถนัดหมายการตรวจสภาพล่วงหน้าได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1-5 สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด และเพื่อความสะดวก รวดเร็ว กรณีนัดหมายมาตรวจสภาพรถ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 รถโดยสารสามารถจอดรอคิวเพื่อเรียกเข้าตรวจสภาพ ณ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการอำนวยความสะดวกเพื่อจัดหาพื้นที่จอดรถดังกล่าว

สำหรับการตรวจสภาพรถโดยสารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องด้วยมีปริมาณรถมากกรมการขนส่งทางบกได้จัดทำแผนบริหารจัดการรถที่เข้าตรวจสภาพเพื่อบรรเทาการจราจรไม่ให้ติดขัด ดังนี้

1.รถโดยสารไม่ประจำทางขนาดใหญ่ (CNG) + รถตู้/รถมินิบัส ไม่ประจำทาง และประจำทาง (CNG) เฉพาะใน กทม. ให้ตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จภายใน 31 ต.ค.2567

2.รถโดยสารประจำทางขนาดใหญ่ (รถบัส CNG) ให้ตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จภายใน 30 พ.ย. 2567

3.รถที่ติดตั้ง (LPG)  ให้ตรวจสภาพรถให้แล้วเสร็จภายใน 30 พ.ย.2567

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการในกรณีที่โรงเรียนจะมีการจัดทัศนศึกษา และเดินทางด้วยรถโดยสาร ขอความร่วมมืองดเว้นการใช้รถโดยสารในกลุ่มดังกล่าวในการเดินทางจนกว่ามาตรการตรวจรถโดยสารนี้จะแล้วเสร็จ เพื่อความปลอดภัยรวมถึงจะบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สถานศึกษาทั่วประเทศ ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้รถเช่าเหมาหรือรถโดยสารไม่ประจำทาง (30) นำนักเรียนไปทัศนศึกษาหรือเดินทางนอกพื้นที่ ขอให้สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบความพร้อมของรถ และซักซ้อมมาตรการความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

12 ตุลานี้งานแห่ประจำปีวัดแขก สีลม แจ้งปิดถนน 4 เส้นทางโดยรอบ

(8 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเขตบางรักแจ้งว่าวันที่ 12 ต.ค. 67 ที่จะถึงนี้มีการปิดจราจรใน 4 เส้นทางได้แก่ 

ถนนสีลม ตั้งแต่แยกนรารมย์-แยกสุรศักดิ์ ตั้งแต่เวลา 16.00-04.00 น.
ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งแต่แยกนรินธร-แยกนรารมย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-02.00 น.
ถนนสาทรเหนือ ตั้งแต่แยกสาธร-แยกนรินธร ตั้งแต่เวลา 19.00-04.00 น.
ถนนสุรศักดิ์ ตั้งแต่แยกสุรศักดิ์-แยกสาทร ตั้งแต่เวลา 16.00-04.00 น.

ทั้งนี้งานนวราตรี คือ งานที่จัดขึ้นเพื่อบูชาและเฉลิมฉลองให้กับพระแม่ทุรคา หรือพระแม่ปารวตี หรือพระแม่อุมาเทวีทั้ง 9 คืน ซึ่งแปลตรงตัวจากคำว่า “นวราตรี” อย่างไรก็ดี ตามประเพณีการจัดงานจะจัดขึ้นทั้งหมด 10 คืนแทน เนื่องจากคืนที่สิบถือเป็นคืนสำคัญที่พระแม่ทุรคาปราบมหิงษาสูร อสูรควายชั่วร้ายได้สำเร็จ หรือที่เรียกกันว่า “วันวิชยาทศมี”, “วิชัยทัสมิ” หรือ “ทศหรา”

งานนวราตรีเป็นงานสำคัญในศาสนาฮินดู โดยลักษณะรูปแบบงานอาจจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมหรือความเชื่อของแต่ละพื้นที่ ซึ่งในงานนวราตรี ปี 2567 วัดแขกจะมีการทำพิธีบูชา อัญเชิญเทวรูปพระแม่อุมาเทวี รวมถึงเทวรูปอื่นๆ แห่ขบวนให้ผู้ที่ศรัทธาได้สักการบูชา

>>>งานนวราตรี 2567 จัดขึ้นวันที่ 2-14 ตุลาคม 2567 โดยมีกำหนดการ ดังนี้

วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระพิฆเนศวร (บรมครู) พิธีบูชาเทพประจำแผ่นดิน เทพแห่งดาวนพเคราะห์ทั้งเก้า พิธีบูชาเพื่อขออนุญาตต่อองค์มหาเทวีและมหาเทพทั้งหลายที่ประดิษฐานภายในวัด เพื่อเริ่มงานพิธีนวราตรี ประจำปี 2567
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.30 น. และพิธีเย็นจัดขึ้นเวลา 17.00 น.
**หลังเสร็จพิธี อัญเชิญองค์พระพิฆเนศวร, องค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี, องค์พระแม่ศรีมหาซูลั่มกาลี ออกแห่

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2567
- เริ่มพิธีนวราตรี ประจำปี 2567 (Navarathri2024 Day 1)
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น. บูชาองค์พระแม่ศรีมหาทุรคาเทวี, พิธีเย็นจัดขึ้นเวลา 17.00 น. บูชาองค์พระแม่ศรีมหาทุรคาเทวี และเวลาประมาณ 18.30 น. อัญเชิญธงสิงห์ขึ้นเสา

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาทุรคาเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีเย็นจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาทุรคาเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาลักษมีเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาลักษมีเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาลักษมีเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2567
- พิธีสยุมพรองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น. (พิธีสยุมพร), พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. (พิธีบูชาพระแม่นั่งชิงช้า) และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น. (พิธีบูชาพระแม่นั่งชิงช้า)

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567
- พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาสรัสวตีเทวี
*พิธีเช้าจัดขึ้นเวลา 09.00 น., พิธีบูชาโฮมัมจัดขึ้นเวลา 17.00 น. และพิธีบูชาใหญ่จัดขึ้นเวลา 19.30 น.

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2567
- งานแห่ประเพณี เนื่องในวันวิชัยทัสมิ ประจำปี 2567 (Vijaya Dasmi 2024)
*ขบวนแห่เริ่มเคลื่อนออกจากวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ในเวลาประมาณ 19.30 น. เป็นต้นไป

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2567
- พิธีอัญเชิญธงสิงห์ลง และพิธีอาบน้ำคณะพราหมณ์และคณะคนทรง
*พิธีเริ่มเวลา 17.00 น. ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีคณะพราหมณ์ จะผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ที่ทำพิธีมาแล้วให้แก่สานุศิษย์ทุกท่านฟรี

>>>การเดินทางไปร่วมงานนวราตรี 2567 หรือวัดแขกสามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้

- รถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์ ทางออกที่ 3 เดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร
- รถไฟฟ้า BTS สถานีเซนต์หลุยส์ ทางออกที่ 2 หรือ เดินต่ออีกประมาณ 750 เมตร
- รถไฟฟ้า MRT สถานีสีลม ทางออกที่ 2 เดินต่อหรือนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

งานนวราตรี 2567 เป็นพิธีสำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ผู้ที่สนใจเข้าร่วมพิธีสามารถเดินทางเข้ามาร่วมงานได้ตลอด 9 วัน 9 คืน โดยไม่มีการจำกัดเชื้อชาติ ศาสนา หรืออายุ ทั้งนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด และศึกษาข้อมูลควรรู้ในเบื้องต้นก่อนเข้าร่วมพิธี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top