Friday, 19 April 2024
NEWS FEED

'ม.ศรีปทุม' คว้าแชมป์ดวลสวิงระดับอุดมศึกษา  'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' สนามแรก

(9 เม.ย.67) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ร่วมกับ เดอะ เจ็นซ์ เปิดศึกดวลสวิงระดับอุดมศึกษา รายการ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' ประเดิมสนามแรกที่เลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ ทาง 'น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง' มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการกอล์ฟไทย ทั้งในระดับเยาวชน และระดับอุดมศึกษา จึงได้จัดรายการแข่งขันนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อส่งเสริมนักกีฬากอล์ฟในระดับอุดมศึกษาให้มีเวทีการแข่งขันที่ต่อเนื่อง และสร้างโอกาสให้กับนักกอล์ฟในระดับอุดมศึกษาได้มีพื้นที่ในการแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศตอบรับร่วมแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษารวม 10 มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' ทำการแข่งขันรอบคัดเลือก 2 สนาม และรอบชิงชนะเลิศ  1 สนาม แข่งขันประเภททีม 4 คน (คิดคะแนนดีที่สุด 3 คน) ซึ่งในรอบคัดเลือกเป็นการแข่งขันแบบสะสมคะแนน 2 สนาม แข่งขันแบบ Stroke Play 36 หลุม เพื่อจัดอันดับ คัด 8 ทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันแบบ Match Play ทำการแข่งขัน 2 วัน แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 Division แข่งรอบละ 18 หลุม โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นทีมละ 2 คู่ คือ Foursomes 1 คู่ และ Four-Ball 1 คู่ ซึ่งทีมที่ชนะเลิศในอันดับต่างๆ จะได้รับทุนการศึกษาพร้อมรางวัลเกียรติยศ

สำหรับการแข่งขัน 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามแรก แข่งขันในวันที่ 6-7 เมษายน 2567 มีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมชิงชัยรวม 10 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือก สนามที่ 1 ปรากฏว่า 'ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม' คว้าแชมป์ตามคาด ส่วน 'ทีมมหาวิทยาธรรมศาสตร์' รับรองแชมป์ และ 'ทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย' จบที่ 3 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกสนามที่ 1

อันดับ 1 มหาวิยาลัยศรีปทุม ภายใต้การควบคุมทีมของ โปรจำลอง นาเมือง นักกีฬาสามารถทำผลงานตามเป้าคว้าแชมป์สนามแรกได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวมทีม 440 (223-217) โดยปีนี้ส่งผู้เล่นรุ่นใหม่ฝีมือดีอย่าง พรหมพจน์ ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุด จบสองรอบที่ 1 อันเดอร์พาร์ 143 (71-72), ปริญยาภรณ์ รุ่งระวี สกอร์ 2 โอเวอร์พาร์ 146 (75-71), ชนินทร์ ทองไพจิตร สกอร์ 7 โอเวอร์พาร์ 151 (77-74) และกฤษฎา เล็กเรืองสินธุ์ สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (80-82)  

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารองแชมป์ ภายใต้การนำทีมของ ศุภวิช ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุดในทีม สองรอบที่ 1 โอเวอร์พาร์ 145 (69-76), สกรรจ์พัส มาลา สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (77-72) ที่ 3 ชาครีย์ โรจนสมิต สกอร์ 17 โอเวอร์พาร์ 161 (82-79) และจิรภัทร ประเสริฐกุล สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (83-79) สกอร์รวมทีม 455 (228-227)   

อันดับ 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมโดย กันต์พศุตม์ วงศ์สกุลวิวัฒน์ สกอร์ 12 โอเวอร์พาร์ 156 (75-81), เตชินทร์ วิชัยณรงค์ สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79), จุฑามาศ กฤษติยานฤวัต สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79) และภุชิสส์ เงาแก้ว สกอร์ 19 โอเวอร์พาร์ 163 (87-76) สกอร์รวมทีม 465 (231-234)  

สรุปผลการแข่งขันกอล์ฟ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามที่ 1 มีดังนี้...

อันดับ 1 ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม สกอร์รวม 440 (223-217) คะแนนสะสม 100 คะแนน
อันดับ 2 ทีมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สกอร์รวม 455 (228-227) คะแนนสะสม 80 คะแนน
อันดับ 3 ทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สกอร์รวม 465 (231-234)  คะแนนสะสม 70 คะแนน
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สกอร์รวม 471 (235-236)  คะแนนสะสม 60 คะแนน
อันดับ 5 ทีมมหาวิทยาลัยศิลปากร สกอร์รวม 473 (231-242)  คะแนนสะสม 50 คะแนน
อันดับ 6 ทีมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกอร์รวม 475 (236-239) คะแนนสะสม 45 คะแนน
อันดับ 7 ทีมมหาวิทยาลัยรังสิต สกอร์รวม 492 (241-251)  คะแนนสะสม 40 คะแนน
อันดับ 8 ทีมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สกอร์รวม 503 (250-253) คะแนนสะสม 35 คะแนน
อันดับ 9 ทีมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า สกอร์รวม 519 (274-245) คะแนนสะสม 30 คะแนน

'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2567 ติดตามความเคลื่อนไหวและผลการแข่งขันได้ที่ Facebook: Chang Golf Club 

ตำรวจภาค 4 กัดติด รวบทีมขน 3 เครือข่ายยาเสพติด สกัดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ก่อนทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใน  เร่งขยายผลยึดทรัพย์ต่อที่ สภ.เชียงคาน

9 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย, นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผวจ.เลย , ผู้แทนหน่วยร่วมบูรณาการ ได้แก่ ป.ป.ส.ภาค 4, กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจน้ำ, กก.11 รน., ร้อย ตชด.246 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพิ่มความเข้ม  ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา และปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไป พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างเด็ดขาดตามนโยบายดังกล่าว  เพื่อให้ผู้ค้ายาเสพติด  ไม่มีพื้นที่ยืนอีกต่อไป 

คดีที่ 1 ตำรวจ สภ.เชียงคาน สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะนำยาบ้าไปส่งในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถตู้ลักษณะตรงตามข้อมูลที่มี จึงติดตามไปตามถนนสายปากชม–เชียงคาน ถึงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น โดยมีนายพัชรพล อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับรถ และนายจิตพงษ์ อายุ 41 ปี นั่งข้างคนขับ ผลการตรวจค้นภายในรถตู้ พบยาบ้าเม็ดสีส้ม และเม็ดสีฟ้า จำนวน 348 แพค บรรจุภายในกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 3,480,000 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย ตรวจยึดยาเสพติดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคาน ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ สภ.บ้านแฮด สืบสวนทราบว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากที่ ต.กู่ทอง  อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงวางกำลังเพื่อทำการจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีทอง ทะเบียน กร 79xx สระบุรี จอดอยู่ที่ลานจอดร้านขนมจีนกู่ทอง ถนนขอนแก่น-เชียงยืน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ตรงตามข้อมูลจากการสืบสวน จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น มีนายภูธเนศ เป็นผู้ขับขี่(ทราบชื่อภายหลัง) ผลการตรวจค้นพบยาบ้า อยู่ในกระเป๋าเดินทาง จำนวน 4 ใบ บรรจุยาบ้าเป็นมัด รวมประมาณ 990,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ฝาท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายภูธเนศ ทราบว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กู่ทอง ดำเนินคดี
 
คดีที่ 3 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 สืบสวนทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดในพื้นที่ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงวางกำลังจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 เวลาประมาณ  น. พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กม 33xx สลกนคร จอดที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 212 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังว่านายณัฐวัฒน์ อายุ 43 ปี ลงมาจากรถ ไปยกกระสอบที่ซ่อนอยู่ข้างทาง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบว่าเป็นยาบ้า 2 กระสอบ จำนวน 570,000 เม็ด จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อหาจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธฯ” ท้องที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 
 
ล่าสุดวันนี้(9 เม.ย.67) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้เดินทางไปสอบปากคำนายพัชรพล นายจิตพงษ์ สองผู้ต้องหาที่ลักลอบขนยาเสพติด 3,480,000 ล้านเม็ด โดยผู้ต้องหารับว่า ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่หลบหนี รับจ้างขนยาเสพติดโดยได้รับค่าจ้างในครั้งนี้สองแสนบาท และหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นนักสนุกเกอร์ที่มีชื่อเสียง แต่เนื่องจากเป็นหนี้พนัน  จึงมาขนยาเสพติดเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พล.ต.ท.สรายุทธ ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนขยายผลไปจับกุมและใช้มาตรการยึดทรัพย์กับผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

‘ขนส่งทางบก-ศูนย์อาชีวะอาสา’ ร่วมมืออำนวยความสะดวกช่วง ‘สงกรานต์’ เปิดบริการ ‘ตรวจรถ-ซ่อมรถฟรี’ 104 จุดทั่วประเทศ ดีเดย์ 11-17 เมษายนนี้

(9 เม.ย.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. 2567 รัฐบาล โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดทำโครงการบูรณาการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน  โดยจะจัดกิจกรรมตั้งจุดบริการตรวจรถ/ซ่อมรถ ‘ฟรี’ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 -17 เมษายน 2567 เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่างปลอดภัย 

นายคารม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในทุกมิติ ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางในช่วงเทศกาลฯ โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาหรือ ศูนย์อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน (Fix it Center) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการจัดตั้งจุดบริการร่วมฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยกำหนดให้มีจุดบริการร่วมฯ จำนวน 104 จุดทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและสายรอง โดยจุดบริการดังกล่าวจะให้บริการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัย ให้ความช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีฉุกเฉิน บริการรถยก (บางพื้นที่) บริการนวดผ่อนคลาย บริการผ้าเย็น น้ำดื่ม ข้อมูลเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยว รายชื่ออู่รถที่เปิดให้บริการ เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้เป็นการให้บริการ ‘ฟรี’ 

“สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้จัดนักเรียน นักศึกษาปฏิบัติหน้าที่ ในการให้บริการอำนวยความสะดวก แต่ละจุดอย่างน้อยจุดละ 5 คน และในการเดินทางของประชาชน ให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้เดินทาง เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ ที่เกิดจากความบกพร่องของตัวรถ ตรวจรถ ซ่อมรถ และผู้ขับรถที่เหนื่อยล้าและง่วงนอน และยังมีบริการ กาแฟ น้ำดื่ม ผ้าเย็น ทุกอย่างบริการฟรี ณ ทุกจุดบริการ ซึ่งความร่วมมือกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นการแสดงเจตจำนงในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง อีกทั้ง ยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะนักเรียน/นักศึกษา ให้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมที่นำไปสู่การลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งร่วมกันกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้มีความสอดคล้องกันทั่วประเทศ” นายคารม กล่าว

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส มอบรองผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้แทนพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ซึ่งเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (9 เม.ย.67)  ที่ วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้แทนในพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม และอาสาสมัครทหารพราน ประคอง  สุทนัง เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน 4613 โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีฯ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สำหรับ อาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ได้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิง ขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ซึ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมการจัดทำซุ้มประตู เหตุเกิดพื้นที่บ้านบลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย  

โดยหลังเสร็จพิธีรดน้ำฯ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กรณีเสียชีวิต รายละ 5,000 บาท และอีกหลายหน่วยงานร่วมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตฯ ด้วย

‘ดร.อานนท์’ แจง!! ตนเป็นลูกหลานคนจีนที่เกิดบนแผ่นดินไทย การให้ข้อมูล ‘ปกป้องสถาบัน’ ทำโดยสมัครใจ ไม่มีใครชี้นิ้วสั่ง

(9 เม.ย. 67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Arnond Sakworawich’ ระบุข้อความว่า ผมเขียนหรือพูดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

ไม่ว่าจะเรื่องภาษีกู ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และเรื่องอื่น ๆ ที่มีคนไม่หวังดีใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมก็นำความจริงและข้อมูลมาพูดมาเขียนมาเผยแพร่มาโดยตลอด

ไม่เคยแอบอ้างว่าตนเองเป็นราชสกุลหรือราชินิกุลใด ๆ

ผมเป็นแค่ลูกหลานคนจีนที่เกิดบนแผ่นดินไทยเท่านั้นครับ

ไม่เคยมีใครสั่งให้ผมพูดหรือเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลยครับ ผมทำของผมเองจริง ๆ ครับ และไม่ได้ค่าจ้างค่าแรงแม้แต่บาทเดียวครับ

ผมไม่เคยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใด ๆ ในการเขียนหรือพูดเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ และก็ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานใด มาบอกหรือมาสั่งให้ผมขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต

ขอโทษนะครับ ไอ้พวกล้มเจ้า มันเขียนมันพูดมันทำงานศิลปะด่าแซะเสี้ยมสถาบันพระมหากษัตริย์ มันก็ไม่เคยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนะครับ

ถ้าทุกคนที่ต้องการจะเขียนและพูดความจริงเพื่อปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต แบบนั้นจะมีใครกล้าเขียนกล้าพูดความจริงเพื่อปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์กันละครับ

ผมเชื่อว่าหากเจตนาเราพูดเราเขียน เราทำงานด้วยความจริง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเหมาะสมแก่กาลเทศะและถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ทำไปเลยครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องไปขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตไปทุกเรื่องหรอกครับ

พวกล้มเจ้าเขาชอบอ้างสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์

คนที่ต้องการปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ หากทำด้วยเจตนาดีและเจตนาบริสุทธิ์ คำนึงถึงความถูกต้องแม่นยำเหมาะสม ก็ทำไปเลยครับ ไม่ต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพราะเราก็มีสิทธิและเสรีภาพในการปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นกันครับ

ขออภัยที่แสดงความในใจออกมา หลังจากวันนี้เกิดดราม่าว่าผมนำรายชื่อราชสกุลและราชินิกุลออกมาเขียน วิเคราะห์ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ โดยไม่ได้ขออนุญาต

ผมถือว่าผมทำเพื่อปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยหลักวิชาการและหลักสุจริต และผมไม่เคยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใด ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว และก็ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานไหนมาสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ผมทำ

เพราะฉะนั้นผมมีเจตนาดีต่อราชสกุลและราชินิกุล ผมก็คงไม่ขออนุญาตและไม่สามารถขออนุญาตได้ทุกคนจริง ๆ เพราะเป็น non-finite population ประชากรอนันต์ ที่ไม่รู้ว่ากระจัดกระจายไปที่ไหนบ้าง หากจะต้องขออนุญาตทั้งหมดก็คงไม่สามารถพูดหรือเขียนอะไรเกี่ยวกับราชสกุลหรือราชินิกุลได้เลยครับ

'เชียงราย' ส่งกลับ!!ปกครองแม่สายร่วมกับสืบสวน ตม.เชียงรายผลักดันต่างด้าวสัญชาติเมียนมากลับประเทศ

วันที่ 9 เมษายน2567 นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย มอบหมายให้นายปวเรศ ปัญญายงค์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.แม่สายที่ 5 ผู้ใหญ่บ้านชุมชนร่มโพธิ์งาม หมู่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ร่วมกับฝ่ายสืบสวนด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จว.เชียงราย และตำรวจ สภ.แม่สาย จัดทำประวัติและผลักดันชาวต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวนมากออกนอกประเทศ ภายหลังจากค่ำวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ชุมชนร่มโพธิ์งาม ว่าที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในชุมชนมีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก ส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อน สร้างความรำคาญอย่างมาก

เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเป็นจำนวนมากและสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ 41 คน ทั้งหมดมีเอกสารบัตรผ่านแดนชั่วคราวมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ 40 คน และมีเด็กติดตามอีก 1 คน 

ภายในบ้านพบมีอุปกรณ์ทำครัว ขยะ สัมภาระเดินทาง กองเกะกะอยู่เป็นจำนวนมาก สอบถามทราบว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักร ในระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นมีคนพาไปอยู่รวมกันที่บ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าเป็นการเตรียมเคลื่อนย้ายเข้าสู่ชั้นในของประเทศโดยผิดเงื่อนไขการอนุญาต จึงได้เชิญคนทั้งหมดไปยังด่าน ตม.จว.เชียงราย และผลักดันออกนอกประเทศดังกล่าว

‘ประธานกลุ่มประชาภักดิ์ฯ’ แจ้งความ ‘เนติวิทย์และพวก’ หลังกระทำ ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 67) นายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน นำเอกสารคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และพวก ตาม ป.อาญา มาตรา 116 (2) (3) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (2) (5) ยื่นต่อ พันตำรวจเอกอิศราพงศ์ จินา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด จังหวัดตรัง กรณีนายเนติวิทย์และพวกรวม 3 ราย ร่วมกันกระทำการอ้าง ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงเพื่อให้ตนไม่ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารประจำปี 2567

ทั้งนี้ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด พร้อมฝ่ายสอบสวนได้เข้าร่วมรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษฯ และร่วมกันสอบคำให้การอย่างละเอียด ใช้เวลาการสอบคำให้การกว่า 3 ชั่วโมง

โดยนายทรงชัยกล่าวว่า ชุดสอบสวนของ สภ.ห้วยยอด สอบคำให้การผมยิ่งกว่าผู้ต้องหาเสียอีก แต่เข้าใจเพราะหากผิดพลาดจุดไหนคนที่ซวยคือผม ต้องขอบคุณผู้กำกับกับ รองผู้กำกับ และพนักงานสอบสวน ที่ให้ความใส่ใจต่อคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย ส่วนผมก็แจ้งชุดสอบสวนแล้วว่าไม่ขอถอนแจ้งความทุกกรณีตราบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ก่อนเดินกลับ นายทรงชัยทิ้งท้าย “น้องเนเน่ก็รู้ดีทุกอย่างนี่ว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมาย แต่ทำไมถึงทำ น้องเรียนมาร่วม 8 ปี น้องต้องมีความรู้มากเพราะเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น พี่ไม่รู้ว่าน้องเรียนเสริมด้านหมวดวิชาไหนบ้าง ป่านนี้ไม่จบเสียที ความเห็นพี่ขอฝากถึงน้อง น้องออกมาทำกิจกรรมแบบนี้นานมากหลายปีแล้วนะ น้องเรียนให้จบแล้วมาลงสมัครเลือกตั้ง เข้าไปเป็น สส. แล้วอยากแก้กฎหมายอะไรก็ไปแก้ในสภาเถอะ ตรงนั้นเขาทำเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง อะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประชาชนไปตรงนั้น เสนอตรงนั้น ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน”

‘หนุ่ม’ กอบกู้หน้าคนไทย!! ตามหา ‘Beer รัก Mayvy’ จนเจอ ลงทุน 700 เยน ลบให้จนเกลี้ยง หลังมือบอนเขียนบนสะพานในญี่ปุ่น

(9 เม.ย. 67) กลายเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ทันที หลังจากที่ ช่างภาพโพสต์ภาพ การเขียนข้อความบอกรักลงบนสะพานจุดชมวิวซากุระชื่อดังข้อความว่า ‘Beer รัก Mayvy’ ลงกลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น พร้อมระบุว่า “วันนี้ผมไปถ่ายรูปที่ Nakameguro แล้วเจอกับสิ่งนี้ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าชาติไหน?” ทำให้คนไทยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวจำนวนมาก

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเฟซบุ๊ก ‘เพชรทอง กองท้วมหัว’ ได้แชร์โพสต์ของ ‘Poetry of Bitch’ ซึ่งเป็นต้นเรื่องของภาพที่เป็นดรามาดังกล่าว โดยระบุว่า “ผมตามหาจนเจอเเล้วนะครับ กำลังไปซื้อยางลบครับ”

ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ตัวเองว่า โดยบอกว่า “ผมทำมันสำเร็จเเล้ว กอบกู้ความสุขให้ชาวไทย”

โดยเจ้าตัวได้ลงคลิปในเรียล พร้อมระบุว่า “ผมได้ทำลายความรักของ เบียร์และเมย์รี่ เพื่อคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลกได้สบายใจกันถ้วนหน้าแล้วนะครับ”

ซึ่งเป็นคลิป ระบุว่า คู่รักคู่นี้ ได้เขียนแสดงความรักของพวกเขาที่ Naka-Meguro ซึ่งตนเห็นแล้วตนรู้สึกไม่ดี เลยมีความตั้งใจที่จะไปลบข้อความดังกล่าว ก่อนจะถ่ายให้ดูว่าข้อความนี้ยังอยู่ จากนั้นเจ้าตัวก็ได้นำน้ำยาล้างเล็บที่เพิ่งซื้อมาในราคา 400 เยน กับทิชชู่เปียกที่ซื้อมาในราคา 300 เยน ออกมา

'ชาวเน็ต' เตือน!! คาเฟ่คลั่ง 'การเมือง' ทำการตลาดอวยกีบ-ด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม "ขายกาแฟดีๆ ไม่ชอบ คงชอบเปิดร้านบ้าง ปิดร้านไปศาลบ้าง เข้าคุกบ้าง"

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก '302 CAFE' พิกัดกรุงเทพฯ ใกล้โรงเรียนอนุบาลสามเสน ได้มีการทำการตลาดผ่านเนื้อหา เมนู และโปรโมชันที่มีความชัดเจนในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามสามกีบ 

ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ย่านอารีย์/ประดิพัทธ์ ผู้คนเฟรนลี่ พร้อมพื้นที่ที่เปิดให้ทุกคนมาหาเพื่อนใหม่ จะมาดื่มกาแฟทานข้าวหรือใช้เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนข่าวสารก็ได้ ไม่ว่าจะเรื่องการเมืองไปจนถึงเรื่องเม้าท์มอยหอยสังข์

อย่างไรก็ตามข้อความต่าง ๆ ที่โพสต์ในเพจล้วนแล้วแต่อิงการตลาดการเมือง ในเชิงจาบจ้วง สร้างปีศาจ และปั่นกระแสจนชาวเน็ตที่ได้พบเห็นเริ่มไม่สบายใจ เช่น...

"เวคอัพ เวคอัพ เวคอัพ ที่อากาศร้อนๆ แวะมาดื่ม มาดริ้ง ที่ 112 เอ้ย 302 ได้นะค้าบบบ"

"วันจันทร์ที่ 8 แดดขนาดนี้ รับ อำมาตย์ชั้น 14 และ ริมสระ สักแก้วไหมครับ Special joke day"

"เมนูกาแฟ ได้แก่ ภัยความมั่นคง / ปล่อยเพื่อนเรา / ทรราช / ทหารเกณฑ์ / ริมสระ / ลีลาของกากี / ขอเวลาอีกไม่นาน ฯลฯ"

"หมายเหตุ: ตำรวจ ทหาร พนักงานของรัฐ คิดเพิ่ม 10%"

ทั้งนี้ ภายหลังจากชาวเน็ตที่ได้เห็นการตลาดเหล่านี้จากร้าน '302 CAFE' จึงได้มีการเข้าไปคอมเมนต์มากมาย อาทิ...

"ร้านชัดเจนแบบนี้แจ้งดับเร็วนักแล เชื่อหลิ่มสิค่ะ" 
"ต้องเพิ่มเมนู #กบฏ ขี้ข้าไอ้ทอน ไปด้วยนะคะจะครบ"
"ที่ร้านมีเมนู 29.5 นายกว่าวไหม?" / "มีเมนูยุบพรรคไหม?"
"คิดใหญ่ใจไม่ถึง หิวแสงแรงไม่ออก คงเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน ปล.มีใครสั่งไปเยี่ยมพวกที่อดอาหารในคุกหรือยัง"

"ไม่แปลกที่พรรคจะถูกยุบ เพราะดูคนที่สนับสนุนด้อมส้ม อย่างร้านนี้ เป็นต้น"
"ขายกาแฟข้างนอกดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเปิดร้านบ้างปิดร้านไปศาลบ้าง สักพักเข้าไปขายในคุกบ้าง เศรษฐกิจแบบนี้รนหาที่นะครับ"

"เพิ่งเปิดร้าน ก็จะปิดร้านเสียแล้ว"

สำหรับท่านใดที่อยากไปลิ้มลอง เมนู เครื่องดื่ม และ อาหาร ตามติดได้ที่พิกัดนี้ >> https://linktr.ee/302CAFE 

ร้านเปิด 09:00 - 17:00 น.

'อ.เทพมนตรี' เผยลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทย 'ท่านอ้น' ยศหม่อมเจ้าโดยชาติกำเนิด แต่ปัจจุบันเป็นสามัญชน

(9 เม.ย.67) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘ท่านอ้นเป็นแค่สามัญชนในปัจจุบัน’ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลำดับการสืบสันตติวงศ์ของจักรีบรมราชวงศ์ เป็นมาอย่างถูกต้องโดยลำดับ และเฉพาะสายสกุลมหิดลนั้นก็เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาจนถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ขึ้นครองราชสมบัติ ในพระราชสถานะองค์รัชทายาทที่ถูกต้องและมีพระอิสริยยศสูงสุด

เช่นเดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ที่มีพระอิสริยยศ สูงกว่าพระเจ้าลูกเธอทั้งปวงจึงทรงดำรงพระราชสถานะ ว่าที่องค์รัชทายาท ซึ่งน่าจะสถาปนาพระองค์ท่านภายหลังจากทรงผนวชและจนลาสิกขาแล้ว ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร

อีกทั้งพระราชมารดาของพระองค์ท่าน คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ก็ได้รับการสถาปนา พระอิสริยยศ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และแม้ภายหลังจะส่งลาออกจากพระอิสริยยศ แต่ก็ยังดำรงตำแหน่งท่านผูัหญิงในปัจจุบัน

ส่วนท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ ซึ่งแต่เดิม มียศเป็นหม่อมเจ้าโดยชาติกำเนิด แต่ปัจจุบันท่านกลับไปเป็นสามัญชน มิได้ดำรงยศเป็นหม่อมเจ้าอีกต่อไป จึงมีวัตรปฏิบัติแตกต่างจากพระราชโอรส และพระราชธิดาของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10

ดังนั้นเราเป็นประชาชนคนธรรมดาจงทำความเข้าใจให้ชัดเจน ถ้าแม้ว่าใครจะขึ้นเป็น ‘องค์รัชทายาท’ ในปัจจุบันนี้มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นก็คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ซึ่งมีทั้งพระราชอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ และเมื่อแรกประสูติก็เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอโดยชาติกำเนิดมาตั้งแต่ต้น

คำลวงความคิดอันเลอะเทอะที่ถูกหว่านล้อมไปด้วยถ้อยคำต่าง ๆ จึงไม่อาจจะหนีความจริงไปได้

ดังนั้นเราเป็นประชาชนคนธรรมดาจึงสมควรที่จะศึกษาหาความรู้ให้กระจ่างแจ้งจะได้เข้าใจและไม่สับสน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไป แต่ที่มาที่ไปนั้นจะต้องถูกรับรองและถูกคำนึงถึงโบราณราชประเพณีและกฎมณเทียรบาลที่ตราขึ้นมาก่อนใครในปัจจุบันนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top