Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน  พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด  25 โรงเรียน  และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท 
  

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 225 กิโลกรัม จากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์  โดย พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้แก่ โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25 

เพื่อปลูกบนเนื้อที่ 15 ไร่ และเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 มอบให้แก่กำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 จำนวน 10 นาย ส่งผลให้ข้าราชการและผู้รับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวฯ มีความรู้สึกปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้ทรงพระเมตตาและห่วงใยความเป็นอยู่ของราษฎรทุกหมู่เหล่า ซึ่งมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 25, เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์, เจ้าหน้าที่โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องรับรอง 1 กองบัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 25

รัฐบาลมาเลเซีย จ่อสร้างกำแพงติดกล้องชายแดนไทย หวังปิดทางลอบขนยาเสพติด และป้องกันการรุกราน

(20 มิ.ย. 68) รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาสร้างกำแพงและติดกล้องวงจรปิดบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศไทย โดยเฉพาะในรัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดนราธิวาส เพื่อควบคุมการลักลอบขนยาเสพติดและรักษาความมั่นคงของชาติ

ชัมซูล อานูอาร์ นาซาราห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ระบุว่าการควบคุมชายแดนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยให้ชายแดนรั่วไหล จะนำไปสู่ปัญหายาเสพติดและความรุนแรง พร้อมเผยว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองเพื่อวางจุดติดตั้งกล้องและโครงสร้างรักษาความปลอดภัย

เขาย้ำว่านโยบายนี้ไม่เพียงคุ้มครองพื้นที่ชายแดน แต่มีผลในระดับประเทศ โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้ประเทศปลอดภัย ควบคุมได้ และไม่ถูกคุกคามจากภายนอกได้ง่าย

ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันเสนอให้สร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งยาวราว 45 กิโลเมตร ชี้ว่าเป็นมาตรการควบคุมชายแดนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

‘บิ๊กเล็ก’ หัวหน้าทีมไทยแลนด์ มองคลิปเสียง ฮุนเซน แผนแยบยล ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งรัง แต่จะไม่ยอมให้เขาสมหวัง พร้อมฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม/ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวในการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เมื่อวันที่ (19 มิ.ย.68) ว่า ในช่วงเวลา 4–5 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบางและท้าทายตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา  ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ท้าทายอธิปไตยของชาติ หากยังทดสอบความพร้อมของเรา ในฐานะคนไทย ที่ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง ด้วยสติ ปัญญา และความสามัคคี

รัฐบาลจึงมีมติให้จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา” หรือ “Team Thailand” ขึ้น โดยมอบหมายให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีม  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารระดับสูง จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและจำเป็น เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ และทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับมาสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และอย่างมีศักดิ์ศรี

วานนี้ ประเทศของเราต้องเผชิญกับอุบัติการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิด คลิปเสียงการสนทนาระหว่างผู้นำระดับสูงของไทยและกัมพูชา ถูกเผยแพร่ออกมาโดยเจตนาหวังผลร้ายต่อประเทศไทย อย่างแน่นอน 

แต่ผมขอเรียนอย่างหนักแน่นว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการที่ซับซ้อน มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและแยบยลจากฝ่ายตรงข้าม การปล่อยคลิปเสียงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหวังผลทางการทูต แต่เป็นการ “ยิงกระสุนนัดเดียว เพื่อหวังจะได้นกทั้งรัง” และเราจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง เป็นอันขาด

ในส่วนของการเมือง ผมขอไม่กล่าวถึง ให้เป็นไปตามกลไกการเมืองที่เหมาะสม แต่ในส่วนของ “Team Thailand” ผมขอยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจนี้ หรือทีมงานนี้  เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝัน อย่างวันนี้ และจะต้องเดินหน้าต่อไป 

นาทีนี้ เราต้องมองไปข้างหน้า มองไปที่ประชาชน มองไปยังชายแดนที่ร้อนระอุ และถามตัวเราเองว่า…เราจะทำอย่างไร ให้แผ่นดินนี้มีแต่ความสงบสุข มีความสามัคคี มีความร่มเย็น บริเวณชายแดนมีความสงบเรียบร้อย และประชาชนปลอดภัย สามารถดำรงชีวิตประจำวันอย่างสงบสุข เช่นเดิม

ผมขอวิงวอนให้ทุกท่านร่วมใจกัน “บูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น“ ...”ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนงานระยะยาว” ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของแผ่นดิน ด้วยหลัก “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ผมกราบขอความกรุณาจากทุกท่าน ในการที่จะเสียสละทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ฝ่าฟันวิกฤติชาติครั้งนี้ไปให้ได้

ขอให้เราทำงานด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถกแถลงกันด้วยเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น และยืนหยัดบนหลักการแห่งความร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุ และไม่ปล่อยให้ความแตกแยกทางอุดมการณ์ความคิด มาบั่นทอนความเป็นหนึ่งเดียวของเรา

แม้วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะไม่ได้อยู่ ณ จุดนี้ แต่ผมขอฝากใจของผมไว้กับทุกท่าน ขอฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้ อย่างสง่างาม

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดการแข่งขัน 'Cabling Contest ปีที่ 13' เฟ้นหา 5 ทีมแกร่งภาคเหนือ สู่รอบชิงชัย คว้าถ้วยพระราชทานฯ ก้าวเป็นสุดยอดทักษะสายสัญญาณ ระดับประเทศ

เปิดสนามประลองฝีมือ เปิดตัวเต็ง 5 ทีมสถาบันแรก ที่ผสานทักษะ และเทคโนโลยี วันนี้ (18 มิ.ย. 68) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ (Cabling Contest ปีที่ 13)' รอบคัดเลือกเฟ้นหาตัวแทนภาคเหนือ ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัลและถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

เป็นความมุ่งมั่นที่ บริษัทฯ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณ จากสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK ที่เป็นมาตรฐาน STANDARD มีมาตรฐานสากลการันตี และมี SOLUTION ดีเยี่ยมที่ตอบโจทย์ทุกงานระบบอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมกับมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณในกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษา ให้มีความรู้ ความสามารถที่ทันสมัย ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในยุคดิจิทัล

โดยงานนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้การสนับสนุนหลักของการแข่งขัน มาร่วมให้โอวาท ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าแข่งขันทุกสถาบันในวันนี้อีกด้วย

ในปีนี้ การแข่งขันยังคงจัดขึ้นอย่างเข้มข้น และจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ในรูปแบบออนไลน์ โดยในวันที่จัดงานนี้ เป็นการแข่งขันในรอบคัดเลือกภาคเหนือ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดฝีมือจากตัวแทนสถาบันการศึกษาทั่วภูมิภาค ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยมีเพียง 5 สถาบัน ประจำภาคเหนือเพียงเท่านั้น ที่จะได้สิทธิ์เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายเพื่อชิง ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัล และถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

โดยในช่วงเช้า จะเริ่มต้นด้วยการให้ความรู้พื้นฐานด้านระบบสายสัญญาณ ในหัวข้อ “Moving Forward with Innovation: Cabling Infrastructure for Future Solutions (Design – Installation – Solution)” โดยได้รับเกียรติจาก นายภาคภูมิ พลธร Technical and Products Training Manager จากบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมระบบสายสัญญาณ และแนวทางออกแบบ ติดตั้ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตพร้อมการแข่งขันภาคทฤษฎี เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าแข่งขัน และในช่วงบ่าย จะเป็นการแข่งขันภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวัดผลทักษะที่แท้จริงของแต่ละทีม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น เต็มไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่น และศักดิ์ศรีของแต่ละสถาบันที่เข้าร่วม

ซึ่งก่อนเข้าสู่การสนามของแข่งขันในภาคปฏิบัติ ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับฟังคำชี้แจง กติกาการแข่งขัน จากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมความพร้อม และทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ของการแข่งขันในรอบนี้ โดยมี ผู้เข้าแข่งขันจากทั่วทุกสถาบันในภูมิภาคเหนือ สมัครเข้าแข่งขันอย่างล้นหลาม และแข่งขันกันอย่างดุเดือดเข้มข้นอีกด้วย

และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ทุกท่านจะสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสด กิจกรรมตลอดทั้งวันได้ผ่านระบบ Zoom และช่องทางออนไลน์ของบริษัท เพื่อมาร่วมลุ้นว่า 5 สถาบันการศึกษาจากภาคเหนือแห่งใด จะคว้าสิทธิ์เข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ และเข้าใกล้โอกาสในการคว้าถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติไปครองและในที่สุด! ได้ 5 ทีมตัวแทนจากภาคเหนือ ที่ฝ่าฟันศึกแห่งศักดิ์ศรี และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิง ถ้วยพระราชทานฯ แล้ว ได้แก่
1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง
2.วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก
3.วิทยาลัยการอาชีพฝาง
4.วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร
5.วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จึงขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการสนับสนุนการศึกษาด้านเทคโนโลยี ช่วยสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาทักษะ และเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับเยาวชนทั่วประเทศ สร้างแรงบันดาลใจ และประสบการณ์จริงที่หาไม่ได้จากห้องเรียน พร้อมผลักดันให้เยาวชนไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคง เพื่อพัฒนาทักษะของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้อุตสาหกรรมโครงข่ายสายสัญญาณของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

สำหรับการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ Cabling Contest ปีที่ 13' รอบคัดเลือกยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยรอบถัดไปจะจัดขึ้น เพื่อเฟ้นหาสุดยอด 5 ทีมตัวแทนภาคใต้ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ จึงขอเชิญทุกท่านติดตาม และร่วมเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนคนเก่งจากทั่วภาคใต้ ในการแข่งขันรอบคัดเลือก วันที่ 16 กรกฎาคม 2568

มาร่วมลุ้น และร่วมเชียร์ไปด้วยกันว่า สถาบันใดจะคว้าตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ บนเวทีแห่งเกียรติยศนี้! และเตรียมพบกับรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศที่จะรวมตัวแทนจากทั่วประเทศมาประชันทักษะครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้านโครงข่ายสายสัญญาณ

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โทร 02-666-1111 ต่อ 1705 
สนใจสมัครแข่งขันได้ที่ : http://cablingcontest.net/home2.php   
สนใจเข้าร่วมสัมมนา ฟรี ได้ที่ https://interlink.co.th/seminar/seminar_view?seminar_id=116  

นี่แหละสังคมไทย!! สังคมที่กฎหมายมักจะทำอะไรไม่ได้กับ ‘คนไม่ดีนอกคุก’

(19 มิ.ย. 68) นี่แหละสังคมไทย!! สังคมที่กฎหมายมักจะทำอะไรไม่ได้กับ ‘คนไม่ดีนอกคุก’ บางคน >> ‘เอิร์น วัดใหญ่’ บทเรียนชีวิต!! เปลี่ยน ‘ทรชน’ สู่ ‘สุจริตชน’ l CONTRIBUTOR EP.32

ติดตามเนื้อหาเต็มได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=BSMFXnao5CM&t=640s

กัมพูชาเพิกถอนใบอนุญาต 2 เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ กล่าวหาละเมิดจรรยาบรรณ-ขัดข้อตกลงกับรัฐซ้ำซาก

เมื่อวันที่ (18 มิ.ย 68) กระทรวงข้อมูลข่าวสารของกัมพูชาได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสื่อออนไลน์ 2 แห่ง ได้แก่ fourpowers.asia และ sim-news.com โดยระบุว่าทั้งสองเว็บไซต์กระทำผิดร้ายแรง ฝ่าฝืนกฎหมายสื่อมวลชน และละเมิดข้อตกลงทางธุรกิจที่ได้ทำไว้กับรัฐ

คำสั่งดังกล่าวลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสาร นายเนตร ภัคตรา โดยให้เหตุผลว่า การเพิกถอนใบอนุญาตเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการสื่อ เพื่อรักษามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของวงการข่าวสารในประเทศ

แม้ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเนื้อหาที่ละเมิด แต่กระทรวงชี้ว่า ทั้งสองเว็บไซต์มีพฤติกรรมผิดซ้ำซากและไม่ปฏิบัติตามคำตักเตือนก่อนหน้า จึงจำเป็นต้องยุติการดำเนินงานอย่างถาวร

ทั้งนี้ สถานการณ์เสรีภาพสื่อในกัมพูชายังคงน่าเป็นห่วง โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปิดหรือควบคุมสื่ออิสระหลายแห่ง พร้อมจำกัดการเข้าถึงสื่อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังมีการใช้กฎหมายในลักษณะคุกคามสื่อและนักข่าว ซึ่งนำไปสู่การจัดอันดับเสรีภาพสื่อของกัมพูชาในระดับต่ำจากหลายองค์กรระหว่างประเทศ เช่น Human Rights Watch, RSF และ Freedom House

‘วินทร์ เลียววาริณ’ ยก ‘พล.อ.เปรม’ ต้นแบบผู้นำชาติ ไร้คำหวาน - ไม่ต้องพูดมาก - แต่ไม่มีทางก้มหัวให้ผู้รุกราน

(19 มิ.ย.68) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และนักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่ทุกคน ไม่ทุกฝ่ายรัก พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำไทยทุกยุคหลังจากนั้นสามารถเรียนรู้จากท่านคือ การรู้จักเงียบ

ทว่าไม่มีใครเรียนรู้

นี่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของ พล.อ. เปรม ชาว Minimalist ทางการเมืองตัวจริง พูดน้อยที่สุด พูดเท่าที่จำเป็น เมื่อจำเป็นก็ลงมือเชือดนิ่ม ๆ จนท่านได้รับฉายาว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

สิ่งหนึ่งที่ผมถามตัวเองเสมอก็คือ ทำไมผู้นำไทยยุคหลัง พล.อ. เปรมไม่รู้จักเรียนรู้คุณสมบัติข้อนี้ เพราะส่วนมากยิ่งพูดยิ่งโชว์โง่

ปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ฝ่ายไทยพบว่าเวียดนามเคลื่อนกำลังทหารผิดปกติ เสนาธิการไทยรวมทั้ง พล.อ. เปรมอ่านออกว่าเวียดนามกำลังจะตีเขมร

ตอนนั้น เฮง สัมริน และฮุนเซน แกนนำเขมรแดงที่ถูกการเมืองภายในเล่นงาน ถูกคำสั่งฆ่าของพลพต หนีไปเวียดนาม แล้วตกลงกับเวียดนามให้ยกทัพมาโค่นล้มพลพต

ถ้าเวียดนามเข้าไปกำจัดเขมรแดง ชาวโลกก็ไม่ว่าอะไร เพราะพลพตโหด ฆ่าคนเป็นล้าน ปัญหาคือประเทศไทยมีเส้นพรมแดนติดเขมรถึงแปดร้อยกิโลเมตร ถ้าเวียดนามบุก ชาวเขมรหลายแสนคนจะอพยพเข้ามาที่ชายแดนไทย หรือเข้าเขตไทย เวียดนามอาจฉวยโอกาสนี้เข้ามาเปลี่ยนไทยเป็นคอมมิวนิสต์

แล้วก็จริงตามนั้น วันคริสต์มาสปี พ.ศ. ๒๕๒๑ เวียดนามยกทัพเต็มอัตราศึกด้วยกำลังทหาร  ๑๕๐,๐๐๐ คน โค่นรัฐบาลเขมรแดงสำเร็จในสองอาทิตย์

เวียดนามใช้ เฮง สัมริน และฮุนเซนเป็นหมากรุกรานกัมพูชา โค่นรัฐบาลพลพต ตั้งรัฐบาลหุ่น People’s Republic of Kampuchea (PRK) เฮง สัมริน ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการปฏิวัติประชาชนและผู้นำ ส่วนฮุนเซนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และในเวลาต่อมาก็เขี่ย เฮง สัมริน แล้วก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

เขมรพลันแตกแยกเป็นสี่ก๊ก ก๊กที่หนึ่งคือรัฐบาลกัมพูชาของ เฮง สัมริน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเวียดนาม ฐานอยู่ที่พนมกระวันและตะวันตกของพระตะบอง กำลังคนราวสี่หมื่นคน

ก๊กที่สองคือกลุ่มเขมรแดงของ พลพต และเขียว สัมพันธ์ มีกำลังราวสี่หมื่นคน ก๊กที่สามคือกลุ่มซอนซาน มีกำลังราวสี่พันคน ก๊กที่สี่คือกลุ่มสมเด็จนโรดม สีหนุ 

สามก๊กหลังรวมกันเรียกว่า Three United Resistance ต่อต้าน เฮง สัมริน และเป็นเป้าหมายการปราบปรามของเวียดนามกับ เฮง สัมริน 

ทัพเวียดนามและเขมร เฮง สัมริน กวาดล้างกลุ่มต่อต้าน ไล่ล่าเขมรแดงมาถึงชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย

ข่าวกรองบอกว่าเวียดนามเสนอความคิดแก่ พคท. ให้ยืมทหารเข้ายึด ๑๗ จังหวัดภาคอีสานของไทย แล้วประกาศเป็นรัฐใหม่

ค่ำวันที่ ๒๒ เดือนมิถุนายน ๒๕๒๓ กำลังเวียดนามและ เฮง สัมริน ยกกำลังสองกองร้อย โจมตีค่ายอพยพที่ชายแดนอรัญประเทศพร้อมกัน ตีค่ายอพยพบ้านหนองจาน บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี และอีกหลายหมู่บ้าน

ฝ่ายไทยทราบเรื่อง กำลังฝ่ายไทยที่คุ้มครองหมู่บ้านโนนหมากมุ่นบุกไปชิงพื้นที่คืน แต่ถูกฝ่ายเวียดนามถล่ม เสียชีวิตหลายคน

ทัพไทยยึดบ้านโนนหมากมุ่นคืนได้ในเวลา ๑๕.๔๕ น. ข้าศึกตายหลายสิบคน ทหารไทยตาย ๑๒ นาย แต่สามารถผลักดันกำลังเวียดนามออกไปในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓

ห้าวันต่อมาคือ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๓ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ พาคณะทูตานุทูตไปดูบริเวณชายแดนปราจีนบุรีและวัฒนานคร เห็นหมวกกะโล่และดาวแดง บอกว่าเป็นพวกเวียดนาม

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถาม พล.อ. เปรมว่า “ทำไมทหารไทยรุกเข้าไปในเขตแดนเขมรถึงหกกิโลเมตร?”

พล.อ. เปรมตอบเรียบ ๆ ว่า “ไทยไม่เคยรุกล้ำใคร นอกจากเวียดนามจะรุกล้ำแผ่นดินไทย ก็เห็น ๆ อยู่แล้ว จะให้ทำอย่างไรถ้าไม่ต่อต้าน”

หน้าที่ทหารไทยคือปกป้องดินแดนไทย ใครแรงมา เราก็แรงไป ไม่ต้องพูดคำหวาน

วันหนึ่งในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้นำไทยได้รับรายงานว่า เวียดนามบุกเนิน ๕๐๐ - ช่องบก หลังจากนั้นยุทธการช่องบกก็ดำเนินไปข้ามปี

เดือนมีนาคม ๒๕๓๐ การรบทวีความรุนแรงขึ้น จนเมื่อทหารไทยบุกประชิด มันก็กลายเป็นการรบแบบตะลุมบอน ใช้ดาบปลายปืน เลือดอาบแผ่นดินไทย

ไทยรบกับข้าศึกมาตลอด จนถึงจุดหนึ่ง ไทยก็ใช้กลยุทธ์ทำสงครามจรยุทธ์ ใช้กำลังทหารพรานกลุ่มเล็กออกล่าพวกเวียดนามในตอนกลางคืน ลอบเข้าไปในเขตฐานของเวียดนาม ฆ่าดักกงเงียบ ๆ ด้วยมีด แล้วหวนกลับมาฐานตอนสาง

ทหารพรานขุดคูเข้าหาฐานศัตรู เหมือนตัวตุ่นดำดินไปหาศัตรูเงียบ ๆ แทรกซึมเข้าไปในแนวข้าศึก ซุ่มโจมตี ตอดเล็กตอดน้อยให้พวกเวียดนามอ่อนกำลังลง ไม่สู้โดยไม่จำเป็น ขนอาวุธตามมา จนเข้าไปใกล้แทบลมหายใจรดต้นคอ สองฝ่ายเห็นหน้ากัน การรบแบบประชิดทำให้ฝ่ายข้าศึกไม่อาจใช้ปืนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ชี้เป้าหมายให้แนวหลังกระหน่ำด้วยปืนใหญ่และเครื่องบินขับไล่จากกองบิน ๔ ตาคลี

การรบที่ช่องบกกินเวลานานตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๒๘ - ธันวาคม ๒๕๓๐ กองทัพไทยสูญเสียกำลังพล ๑๐๙ นาย บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย

พ.ศ. ๒๕๓๒ เวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชาอย่างถาวร ปิดฉากการรบระหว่างไทยและเวียดนาม หลังจากเวียดนามคุกคามไทยมานานเกือบสิบปี

ประเทศไทยในยุคนั้นเป็นอีกห้วงเวลาหนึ่งที่หวุดหวิดเสียเมืองให้แก่ลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะกองทัพดำเนินนโยบายถูกจุด แผนการยุทธ์ถูกต้อง และทหารหาญพลีชีพเพื่อแผ่นดิน

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมา บทบาทของทหารบ่อยครั้งออกนอกลู่นอกทาง จนเกิดประโยคคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม?” แต่เมื่อเกิดวิกฤติร้ายแรงระดับสิ้นชาติ ทหารก็มีไว้เป็นรั้วแรกที่ต้านทานอริราชศัตรูด้วยเลือด

ช่วงเวลานั้นถ้าไม่มีนายทหารเสนาธิการระดับมันสมอง เช่น พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ และนายทหารเสนาธิการอีกหลายคนที่มองการณ์ไกล วางแผนการยุทธ์อย่างรอบคอบ เดินหมากการเมืองระหว่างประเทศอย่างชาญฉลาด รักษาสมดุลระหว่างอำนาจจีนและสหรัฐฯอย่างลงตัว วันนี้ประเทศไทยอาจจะอยู่ใต้ฟ้าดาวแดง

หลายคนร้องเพลงชาติไทยได้ แต่ไม่รู้ความหมายของประโยค "เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่"

และไม่เคยรู้จักคำพูดนี้ของ พล.อ. เปรม “ไทยไม่เคยรุกล้ำใคร... ก็เห็น ๆ อยู่แล้ว จะให้ทำอย่างไรถ้าไม่ต่อต้าน”

หน้าที่คนไทยทุกคนคือปกป้องดินแดนไทย ใครแรงมา เราก็แรงไป ไม่ต้องพูดคำหวาน ไม่ต้องพูดมาก ไม่มีทางก้มหัวให้ผู้รุกราน

นี่ก็คือบทเรียนที่ผู้นำรุ่นหลังไม่เคยเรียนรู้จากนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” ประจำปีงบประมาณ 2568 ในพื้นที่จังหวัดระยอง

ระหว่างวันที่ 17 - 20 มิถุนายน 2568 ศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 จัดการอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” รุ่นที่ 129/361 ประจำปีงบประมาณ 2568 ให้แก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงและอาชีพต่อเนื่องจากการทำประมงในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีพิธีเปิดการอบรมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 และพิธีปิดในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาการเปรียญ วัดพลา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

พิธีเปิดการอบรมได้รับเกียรติจาก พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดการอบรม ส่วนพิธีปิดการอบรมมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีปิด

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 70 คน โดยเน้นให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น
- ประวัติความเป็นมาและสิทธิประโยชน์ของไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล
- การปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติและความเป็นพลเมืองดี
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ การประมง และการสื่อสารทางวิทยุ
- การให้ข่าวสารทางทะเลที่เป็นประโยชน์ต่อราชการ
- สถานการณ์ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
- การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR และการใช้เครื่อง AED

การอบรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการในการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในภาคการประมงให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเลของกองทัพเรือในอนาคต

‘เพชรโกศล’ ทุบกำปั้นปินส์ ซิวแชมป์โลก IBF กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 50 ในประวัติศาสตร์มวยไทย

(19 มิ.ย. 68) การแข่งขันชิงแชมป์โลกมวยสากล IBF รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท (108 ปอนด์) ที่ว่างลง จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ สังเวียนโอตะ เยเนอรัล ยิมเนเซียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการพบกันระหว่าง คริสเตียน อาราเนตา รองแชมป์โลกอันดับ 1 จากฟิลิปปินส์ กับ เพชรโกศล กรีนซึดะ นักชกไทยวัย 25 ปี ดีกรีแชมป์ OPBF

แม้เพชรโกศลจะโดนนับในยกที่ 3 จากหมัดสวนของอาราเนตา แต่จากยก 4 เป็นต้นไป นักชกไทยกลับมาเร่งเกม ใช้ความเร็วและการเข้าวงในอย่างชาญฉลาด ดักต่อยเข้าเป้าอย่างต่อเนื่อง ตลอด 12 ยก จนกรรมการให้คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ 2-1 (115-112, 113-114, 116-111) คว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครองอย่างยิ่งใหญ่

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เพชรโกศล กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 50 ของไทย ในประวัติศาสตร์วงการมวยสากลอาชีพ และถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการปลุกกระแสศรัทธามวยไทยบนเวทีโลก หลังจากช่วงที่ผ่านมาไทยห่างหายจากการได้แชมป์โลกไปช่วงหนึ่ง

หลังชก เพชรโกศลเปิดใจว่า “ผมขอขอบคุณแฟนมวยชาวไทยทุกคนที่ส่งแรงใจมาถึงโตเกียว นี่คือความฝันที่เป็นจริง” พร้อมย้ำว่า จะตั้งใจป้องกันแชมป์และพัฒนาฝีมือต่อไป เพื่อเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีระดับโลกอย่างภาคภูมิใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top