Wednesday, 4 October 2023
NEWS FEED

โซเชียลชื่นชม!! ‘อดีต รปภ. ม.ราม’ สอบติด ‘อัยการผู้ช่วย’ รุ่น 64 ยกเป็นตัวอย่างคน ‘พากเพียร - มุ่งมั่น - ตั้งใจ’ จนประสบความสำเร็จ

(25 ก.ย. 66) เฟซบุ๊ก ‘อุดม สุขทอง’ ของนายอุดม สุขทอง ผู้อำนวยการส่วนรักษาการณ์ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และอาจารย์พิเศษที่มีชื่อเสียงในแวดวงสอบราชการ โพสต์ข้อความระบุว่า…

"ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ขอแสดงความยินดีกับ คุณผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง สังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) มีความพากเพียรพยายามจนสอบติดอัยการผู้ช่วย (รุ่น 64) สนามใหญ่ ลำดับ 47 ขอจงมีความเจริญก้าวหน้า และผดุงความยุติธรรมให้สมกับความคาดหวังของประชาชนต่อไป ไม่เพียงศรัทธาในตัวเขา จงศรัทธาและปลุกพลังในตัวเอง"

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตให้ความสนใจจำนวนมาก และเชื่อว่าเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผู้ที่อาจไม่มีต้นทุนชีวิตสูง ให้มีความพากเพียรขยัน สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างกัน โดยโพสต์มียอดกดไลก์แล้วกว่าพันครั้ง

ยิงสลุต 19 นัด เป็นเกียรติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเยี่ยมอำลากองทัพเรือในโอกาสเกษียณอายุราชการ

​วันนี้ (25 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น. พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปเยี่ยมอำลากองทัพเรือ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงนามในสมุดเยี่ยมพร้อมทั้งกล่าวสดุดีและมอบของที่ระลึกแด่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ พร้อมทั้งขอบคุณกองทัพเรือ ที่ได้จัดพิธีเพื่อเป็นเกียรติในวันนี้

การจัดพิธีในวันนี้ มีการจัดกำลังพลจากกองเรือยุทธการ ร่วมกับ กำลังทางเรือเข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือรับรอง และ เรือหลวงปิ่นเกล้า เป็นเรือยิงสลุต   โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวสดุดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในโอกาสอำลาชีวิตราชการ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี กองทัพไทยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน กำลังพลทุกเหล่าทัพได้ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มกำลัง สามารถสนองตอบนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญท่านยังเป็นผู้บังคับบัญชาที่เปี่ยมด้วยความเป็นผู้นำ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับนับถือโดยทั่วกัน กองทัพเรือมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน ซึ่งท่านได้สนับสนุนการเสริมสร้าง และพัฒนากองทัพเรือ ทั้งในด้านองค์บุคคลและองค์วัตถุให้มีความพร้อม และมีความเข้มแข็งเป็นอย่างดียิ่ง”

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

กระบี่-ไทยจับมือ สปป.ลาว ดันปัญหายาเสพติดเป็นวาระระดับภูมิภาค ในการประชุมทวิภาคีไทย - ลาวฯ ครั้งที่ 19 ระดับรัฐมนตรี ที่จังหวัดกระบี่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธารา กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ต จ.กระบี่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รอง รมต.ป้องกันความสงบ และหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ แห่ง สปป.ลาว พ.อ.อินปง จันทะวงสา เลขาธิการ สนง.คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตรา และควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว ประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 19 ระดับรัฐมนตรี หารือเรื่องมาตรการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน, การส่งผู้ร้ายข้ามแดน, การทำลายแหล่งผลิตยาเสพติด และการสร้างเตาเผายาเสพติดร่วมกัน โดยยกเป็นวาระของภูมิภาคระดับนานาชาติ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวหลังการประชุมว่า จากการประชุมหารือร่วมกัน จะเห็นว่าทั้งไทยและลาว มีปัญหาที่ตรงกัน เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติด ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อทั้ง 2 ประเทศ จากข้อมูลที่หารือกันพบปัญหาหลายเรื่องที่ตรงกัน เช่น ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอาญาที่อยู่ในเรือนจำของทั้ง 2 ประเทศ อย่างของลาว นักโทษ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นคดียาเสพติด ส่วนของไทยประมาณร้อยละ 85-90 ก็เป็นคดียาเสพติดเช่นกัน จะเห็นได้ว่าปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ของทั้ง 2 ประเทศมาจากปัญหายาเสพติดเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ยกปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติเหมือนกัน เราจึงเห็นด้วยกันว่าปัญหายาเสพติด นอกจากจะเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ควรยกระดับเป็นวาระในระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพราะทุกประเทศทั่วโลก ต่างพบกับปัญหายาเสพติดเหมือนกัน

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า การจะแก้ปัญหาในประเทศตัวเองจึงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องยกระดับร่วมมือกันระหว่างประเทศในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีข้อมูลตรงกันว่า ยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่ตอนนี้ เราพบว่าไม่มีการผลิตในประเทศ แต่มาจากแหล่งผลิตในต่างประเทศ เป็นข้อมูลเดียวกันกับ สปป.ลาว จึงตกลงเป็นทวิภาคีร่วมกัน ในเรื่องการป้องกัน การปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย และยังมีความเห็นตรงกันว่า ผู้เสพยาเสพติด หรือผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาจจะมีบางส่วนเป็นผู้หลงผิด เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดฟื้นฟู หลังการประชุมร่วมกันครั้งนี้ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดหัวข้อการแก้ปัญหาที่ตกลงไว้ร่วมกัน 12 ประเด็นหลัก การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่มีการทำสัญญาร่วมกัน เพราะปัญหายาเสพติดเป็นความทุกข์ของคนทั้ง 2 ประเทศ...

กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” มอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนฯ ต่อเนื่องทุกระดับชั้นแก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2566

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2566  ให้แก่นักเรียน นักศึกษาที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 156 สถาบัน 910 ทุน รวมงบประมาณ 12,615,000 บาท (สิบสองล้านหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)  เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาลงเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ เติมเต็มความมุ่งหวังในชีวิต เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี เป็นความมุ่งหวัง เพื่อช่วยเหลือปกป้องสังคม สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา ไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม มีความรู้ สร้างอนาคตตามที่มุ่งหวังของตนเองและครอบครัว เป็นทรัพยากรมีคุณภาพของสังคม ประเทศชาติ โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบทุนฯ แก่เยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาไปแล้ว 1,500 ทุน และในวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อมอบทุนการศึกษาในส่วนภูมิภาค (ทุนสัญจร) ให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร และบึงกาฬ รวม 4 จังหวัด 53 สถาบัน 265 ทุน เป็นลำดับต่อไป

รวมงบประมาณการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2566 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

‘หมอยง’ ชี้ RSV เด็กเล็กติดซ้ำได้ แถมบางคนเป็นทุกปี เหตุเพราะ ‘วัคซีน’ ที่ไม่ได้รับการพัฒนาในตัวเด็ก

(25 ก.ย. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า RSV เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก เด็กบางคนเป็นทุกปี

RSV เป็นโรคที่เป็นแล้วเป็นได้อีก เด็กบางคนเป็นได้ทุกปี โดยพบว่าในการเป็นครั้งแรกจะมีอาการมากที่สุด โดยปกติมากกว่า 80% จะได้รับภูมิต้านทานส่งต่อจากมารดาและภูมินี้จะหมดไปที่ประมาณ 6 เดือนหลังคลอด

เด็กจึงมีโอกาสติด RSV ครั้งแรกหลัง 6 เดือนขึ้นไปได้สูง และเป็นเด็กเล็กอาการที่เกิดหลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ จึงค่อนข้างเด่นชัด และเป็นเหตุให้ต้องนอนโรงพยาบาล ถ้ามีอาการมากถึงกับต้องให้ออกซิเจน

แต่โดยทั่วไปแล้ว การรักษาจะเป็นการแบบประคับประคองรอเวลาแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ผู้ที่เสียชีวิตจาก RSV ในประเทศไทยพบน้อยมากๆ ยกเว้นในประเทศยากจนที่เด็กขาดอาหาร ร่างกายไม่แข็งแรง

เมื่อเป็นแล้วภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะปกป้องการติดเชื้อในปีต่อไปได้ ก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก

จากการศึกษาของเราที่ศูนย์ ในผู้ที่ติดเชื้อซ้ำจำนวน 81 ราย 72 ราย ติดเชื้อซ้ำอีก 1 ครั้ง 9 รายติดเชื่อซ้ำอีก 2 ครั้ง รวมเป็นติดเชื้อ 3 ครั้ง และส่วนใหญ่เกิดภายในอายุ 5 ปี แต่จากการศึกษาทางด้านภูมิคุ้มกันมีเด็กบางคนเมื่ออายุถึง 5 ปี ติดเชื้อทุกปี แต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยเท่านั้น

เด็กที่ติดเชื้อและได้รับการวินิจฉัยที่เราทำการศึกษา 81 ราย เราศึกษาลงลึกถึงสายพันธุ์ของ RSV เรารู้ว่าสายพันธุ์ของ RSV มี 2 สายพันธุ์หลักคือ A และ B และมีสายพันธุ์ย่อย ของ A และ B อีกเป็นจำนวนมาก การศึกษาลงลึกของพันธุกรรมเราพบว่าปีนี้ติดเชื้อ RSV A ปีต่อไปก็สามารถติดสายพันธุ์ A ได้อีก หรือเป็นสายพัน B ก็ได้ ดังแสดงในรูป ในทำนองกลับกันสายพันธุ์หลักไม่ได้ช่วยป้องกันข้ามสายพันธุ์เลย และก็ไม่ช่วยป้องกันสายพันธุ์เดียวกัน รวมทั้งสายพันธุ์ย่อยที่เราพบเช่นสายพันธุ์ ON1 เมื่อติดเชื้อแล้วก็ยังติดเชื้อซ้ำในปีต่อไปได้

เหตุผลดังกล่าว RSV จึงมีปัญหาในการพัฒนาวัคซีนอย่างมาก โดยเฉพาะในเด็ก ถึงแม้ว่าจะมีการนำวัคซีนมาใช้ในผู้สูงอายุหรือสตรีตั้งครรภ์ แต่เชื่อว่าการป้องกันจะอยู่ระยะสั้น

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยคุกคามที่เรียกว่า “Slut Shaming” สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญของบุคคลในการแสดงออก แต่ผู้นั้นจะต้องกระทำภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ไม่ไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่น ซึ่งหากปราศจากขอบเขตย่อมเกิดความเสียหายต่อประชาชน หรือประเทศชาติ

Slut Shaming หรือการประณามหยามเหยียดผู้หญิงที่มีพฤติกรรมทางเพศ หรือจัดการกับร่างกายตนเองต่างจากที่สังคมส่วนใหญ่คาดหวัง ซึ่งถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการประณาม และตัดสินบุคคลอื่น โดยบางครั้งบุคคลที่ประณามก็เป็นผู้หญิงด้วยกันเอง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการมองผู้หญิงที่แสดงออกถึงอารมณ์ทางเพศว่าเป็นบุคคลที่ไม่ดี ทั้งที่จริงแล้วเรื่องทางเพศก็ถือเป็นเรื่องปกติ หรือกรณีมองว่าหญิงที่แต่งกายไม่มิดชิด ไม่เรียบร้อย เป็นบุคคลที่ไม่ดี ซึ่งความคิดดังกล่าวอาจนำไปสู่ Victim Blaming หรือการโทษหญิงซึ่งเป็นผู้เสียหายว่าตนเองเป็นต้นเหตุของการล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งนี้ประกอบกับที่ผ่านมาปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเน็ตไอดอล หรือนักร้องหญิงที่มีชื่อเสียง ถูกสังคมแสดงความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ” หรือความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าวในส่วนของการเผยแพร่ภาพ หรือคลิปในสื่อสังคมออนไลน์ พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ได้รับคำร้องทุกข์ และสอบสวนปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว ทางคดียังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยยังต้องรอผลการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของกลางที่สามารถทำการตรวจยึดได้ รวมถึงการพิสูจน์ว่าผู้ใดเป็นผู้เผยแพร่ภาพ หรือคลิปดังกล่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งหากพบการกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกฯ ” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4), 14(5) อย่างไรก็ตามการ Slut Shaming หรือการประณามหยามเหยียดผู้หญิงที่มีพฤติกรรมทางเพศแล้ว ยังมีรูปแบบของการประณาม และการตัดสินบุคคลอื่นที่น่าสนใจอีก อาทิ Body Shaming หรือการประณาม วิจารณ์ รูปร่างหน้าตาของบุคคลอื่น Rich Shaming หรือการเสียดสี ประชดประชันบุคคลที่ร่ำรวย หรือการที่ให้ความใส่ใจกับการใช้จ่ายเงินของคนอื่นมากเป็นพิเศษ Toxic Masculinity หรือแนวคิดความเป็นชาย ซึ่งการกระทำ หรือพฤติกรรมที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ไม่ควรถูกด้อยค่า ถูกประณาม ดูหมิ่น หรือเหยียดหยามทั้งนั้น นอกจากจะส่งผลเสียต่อบุคคลที่ถูกกระทำ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ จนอาจพัฒนากลายเป็นโรคทางด้านจิตเวชแล้ว ยังอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญาอีกด้วย

‘นศ.เวชนิทัศน์ ปี 2 ม.ขอนแก่น’ วาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ โซเชียลสุดทึ่ง!! เป๊ะทุกสัดส่วน เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย

เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเฟซบุ๊ก ‘ชมนาด อุปชิตกุล’ โพสต์ภาพ ‘ผลงานภาพวาดกระดูกอาจารย์ใหญ่ด้วยเทคนิคสีน้ำ’ ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 2 อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ที่เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย จนชาวโซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์ และแชร์โพสต์ชื่มชนเป็นจำนวนมาก

ดร.ชมนาด อุปชิตกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.เปิดเผยว่า ผลงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาจิตรกรรมขั้นสูงสำหรับเวชนิทัศน์ ซึ่งอยู่ในสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ แม้จะอยู่ในสังกัดคณะแพทย์ แต่นักศึกษาสาขานี้ไม่ใช่หมอ ซึ่งสาขาเวชทัศน์ คือการเรียนการสอนเพื่อสร้างสื่อทางการแพทย์ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ หุ่นจำลอง วิดีโอ ภาพถ่ายเพื่อเป็นสื่อการศึกษาทางการแพทย์ หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยสื่อสารให้คุณหมอ นักศึกษาแพทย์ และคนไข้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น

“เวชนิทัศน์ เป็นการเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต 4 ปีจบ ที่นักศึกษาจะได้เรียนทั้งวิชาด้านการแพทย์ เช่น อาการทางคลินิก วิชาปรสิตวิทยา วิชาพยาธิวิทยา หรือ Gross Anatomy จากอาจารย์หมอ ควบคู่กับการเรียนรู้เทคนิคด้านการสร้างสื่อเทคโนโลยี และศิลปะ เราอาจนิยามได้ว่านักศึกษาเราคือ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์ อย่างไรก็ตาม การวาดภาพทางการแพทย์นั้น ต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างจากการวาดภาพธรรมดา เพื่อให้เห็นภาพความเป็นจริง ใส่รายละเอียด สัดส่วนที่แม่นยำ ถูกต้อง เพื่อให้ใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ หรือคุณหมอ ไม่ใช่เพื่อความสมจริง และสวยงามเท่านั้น” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า ด้วยความตั้งใจที่อยากให้นักศึกษามีกำลังใจในการเรียน และเป็นเหมือนบอร์ดเก็บผลงานลูกศิษย์ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ภาพวาดบนโซเชียล แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นเกินความคาดหมาย เพราะยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอาจารย์หมอ หรืออาจารย์คณะอื่นๆ ก็ติดต่อเข้ามาว่าสนใจให้นักศึกษาไปช่วยวาดภาพวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนด้วย

“ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาต่อที่สาขาวิชาเวชนิทัศน์ ไม่จำเป็นต้องวาดภาพเก่ง หรือถนัดทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ แต่ขอให้เป็นคนที่ชื่นชอบการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริง เพราะตั้งแต่ปี 1-2 นักศึกษาจะได้เรียนรู้การสื่อสารสำหรับเวชนิทัศน์ ฝึกฝนการ Drawing พื้นฐานศิลปะ กราฟิก และการปั้น ขึ้นปี 3 จะเริ่มเรียนรู้วิชาหุ่นจำลองทางการแพทย์ ฝึกฝนการทำ Motion Graphic, Coding การวาดการ์ตูนสำหรับเวชนิทัศน์ ไปจนถึงถ่ายภาพทางการแพทย์ เป็นการสร้าง Multi skill ก่อนชั้นปี 4 ได้เรียนรู้วิชานิทรรศการ สร้างโปรเจ็กต์สื่อทางการแพทย์จากสิ่งที่แต่ละคนชื่นชอบ และสนใจ ซึ่งอาจร่วมมือกับอาจารย์ หรือนักศึกษาคณะอื่นๆ เพื่อบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้บริบทการทำงานของนักเวชนิทัศน์ในโรงพยาบาล และการสร้างสื่อการเรียนการสอนในสายการศึกษาด้วย” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า มีนักเรียนสมัครเข้ามามากขึ้น เพราะเราพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง เมื่อแต่ละคนไปฝึกสหกิจ ก็ทำให้สถานประกอบการสนใจ และให้ทำงานต่อทันทีกว่า 30% ทั้งในไทย และประเทศอาเซียน ซึ่งพบว่าหลังจากจบการศึกษา มีภาวะว่างงานน้อยในสายงานการตลาดที่หลากหลาย

นายนนทกรณ์ จันทร์หวาน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.กล่าวว่า หลังเห็นฟีดแบ็กบนโซเชียลก็ดีใจ ที่มีคนชื่นชอบผลงานภาพวาดครั้งนี้ เพราะเป็นการวาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ของจริงครั้งแรก และเป็นภาพวาดที่ใช้เทคนิคสีน้ำขั้นสูงครั้งแรก ก่อนวาดก็จะวัดสัดส่วนกระดูก ดูมุมแสง และเงา เก็บรายละเอียดต่างๆ จนมั่นใจว่าเหมือนจริง และถูกต้องทุกรายละเอียด จึงรังสรรค์มาเป็นผลงานกระดูกแขน และมือ

“ผมเลือกวาดกระดูกส่วนแขน และมือ เพราะเป็นส่วนที่มีรายละเอียดเยอะ ใช้เวลาวาดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และหวังว่าภาพวาดนี้จะถูกนำไปเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือสื่อการศึกษาทางการแพทย์ในอนาคต แม้จะไม่เคยรู้จักสาขาวิชาเวชนิทัศน์มาก่อน แต่ผมเลือกที่จะลองเข้ามาเรียนรู้ เพราะสนใจในหลักสูตรที่บูรณาการทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลปะไว้ด้วยกัน โดยหวังว่าการผลิตสื่อทางการแพทย์ของตัวเอง จะไม่ใช่เพียงสื่อที่ให้แพทย์ได้ศึกษาเท่านั้น แต่จะเป็นตัวกลางระหว่างหมอกับคนไข้ ให้สื่อสารเรื่องยากได้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น” นายนนทกรณ์ กล่าว

‘มูลนิธิเอเชีย-ศธ.’ เปิดตัวเว็บไซต์ ‘Thailand Leadership’ ส่งเสริมการพัฒนาความเป็นผู้นำ ผอ.โรงเรียนทั่วประเทศ

(24 ก.ย. 66) มูลนิธิเอเชีย ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร, สถานทูตออสเตรเลีย และเหล่าพันธมิตร จัดงานเปิดตัว www.Thailandleadership.org เว็บไซต์พัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของ ผอ.โรง เรียนทั่วประเทศ นำเสนอทักษะผู้นำทางวิชาการที่ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาประสบความสำเร็จ ผ่าน 3 เมนูหลักคือลงมือปฎิบัติ, พัฒนาวิชาการ และสร้างสรรค์งานวิจัย ในรูปแบบของข่าวสาร งานวิจัย บทความ คลิปวิดิโอ พอดแคสต์ สารคดี ฯลฯ จัดทำโดยนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ตั้งเป้าเป็นคลังความรู้ออนไลน์ด้านการศึกษา ขับเคลื่อนพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันนวัตกรรมล้ำสมัย เชื่อม ต่อชุมชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่าย นำประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ที่เป็นมานานกว่า 20 ปี

นายโทมัส พาร์ค ผู้แทนมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า “มูลนิธิเอเชียได้จับมือกับสถาน ทูตออสเตรเลียทำงานร่วมกันมานาน 6 ปีแล้ว ซึ่งโจทย์ที่ทั้งสององค์กรให้ความสำคัญก็คือจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ที่มีมานานนับ 20 ปี โดยสรุปต่างมีความเห็นตรง กันว่าจะต้องมีการปฏิรูปการศึกษา โดยมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหา 2 ประการคือ 1)การเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบการศึกษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องโครงสร้างทั้งระบบและเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก และ 2)ลดความไม่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษา ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงโรงเรียนในพื้นที่ชนบทและในเมือง”

ด้าน ดร.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชีย ได้กล่าวถึงที่มาของการจัดทำเว็บไซต์ว่า…

“ในปี พ.ศ.2561-2564 ทางมูลนิธิฯ ได้มีการจัดทำ โครงการวิจัยเรื่องจากความท้าทายสู่คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย : กฎระเบียบ การบริหารทรัพยากร และความเป็นผู้นำ ที่ได้มุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างและบทบาทของ ‘ตัวกลาง’ ระหว่าง ‘ผู้กำหนดนโยบายการศึกษาของชาติ’ และ ‘ผลผลิตทางการศึกษา’ นั่นคือ ‘ผู้อำนวยการสถานศึกษา’ ในฐานะ ‘กล่องดำทางการศึกษา’ หรือ ‘แกนหลักผู้สื่อสารถ่ายทอดนโยบาย’ จากภาครัฐออกสู่โรงเรียนทั่วประเทศ

บทสรุปที่ได้คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จะต้องมีบทบาท เป็นผู้นำทางวิชาการ ซึ่งยากง่ายแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละท้องถิ่น และนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด ทำให้เกิดข้อเสนอแนะหลากหลายแนวทาง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการแก้ไขให้เหมาะสม กับการบริหารจัดการในแต่ละโรงเรียน

ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ทางมูลนิธิฯ จึงได้จัดทำเว็บไซต์ www.Thailandleadership.org ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของ ผอ.โรงเรียน นำเสนอทักษะที่ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษา ประสบความสำเร็จ และเพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจสำหรับบ่มเพาะ ‘ผู้นำทางวิชาการ’ ในประเทศไทย จัดทำเป็นรูปแบบเว็บไซต์ ที่ประกอบด้วย 3 เมนูหลัก คือ

1.) ลงมือปฎิบัติ
2.) พัฒนาวิชาการ
3.) สร้างสรรค์งานวิจัย

ซึ่งได้เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกรอบด้าน ทั้งข่าวสาร งานวิจัย บทความ คลิปวิดิโอ พอดแคสต์ สารคดี ฯลฯ จากนักวิชาการด้านการศึกษาผู้มีชื่อเสียง นำโดย ดร.รัตนา แซ่เล้า และผู้ร่วมให้คำแนะนำในการจัดทำเว็บไซต์ นำเสนอทฤษฎี และนานาสาระด้วยตนเอง เช่น ศ.ดร.ฟิลิป ฮาลิงเจอร์, รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์, ดร.สุกรี นาคแย้ม, ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค, ดร.วงอร พัวพันสวัสดิ์, รศ.ดร.ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง, รศ.ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ, และ รศ.ดร.ธีรภัทร กุโลภาส ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร, มูลนิธิอานันทมหิดล และทางช่อง 9 MCOT HD

โดยคาดหวังว่าเว็บไซต์นี้ จะเป็นคลังความรู้ออนไลน์ด้านการศึกษา ที่ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อเชื่อมต่อชุมชนผู้นำทางวิชาการ ให้เกิดการสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิด เห็นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เป็นรากฐานเชื่อมต่อพัฒนาสู่ความร่วมมือในระดับสากล”

ภายในงานเปิดตัวเว็บไซต์ฯ ได้มี นางพุทธชาต ทองกร รองผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักย ภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEMC) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวง ศึกษาธิการ เดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายให้ความรู้โดยนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ศ.ดร.ฟิลลิป ฮาริงเจอร์ ในหัวข้อ ‘ผู้นำทางวิชาการกับการพัฒนาการศึกษาไทย’, รศ.ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ ในหัวข้อ ‘ผู้นำกับความสำเร็จของโรงเรียน’ และการจัดทำวอดแคสต์, รศ.ดร.ธีรภัทร กุโลภาส ในหัวข้อ ‘นโยบายปฎิรูปการศึกษา จากกระทรวงสู่ห้องเรียน’, รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ในหัวข้อ ‘แชร์กลยุทธ์ จุดไอเดียผู้บริหาร’ และ ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร, ดร.ธราธร ตันวิพงษ์ตระกูล และคุณชัญฌัญญ์ ธนันท์ปพัฒน์ ในหัวข้อ ‘การทำสารคดีสั้นเรื่องแรงบันดาลใจจากการทำงาน’ เป็นต้น

โดยผู้อำนวยการโรงเรียน, นักวิชาการด้านการศึกษา และประชาชนที่สนใจ จะสามารถเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ที่ www.Thailandleadership.org ได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 062-7341267 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

‘ดร.หิมาลัย-สส.สัญญา’ รับมอบข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย-ขาดแคลนอาหาร ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

(24 ก.ย. 66) ‘มูลนิธิพระราหู’ โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหูพร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3 รวมทั้ง พ.อ.วาทิน เปริญกุล ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมคณะ ‘ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน’ ได้ร่วมรับมอบข้าวสาร จำนวน 10 ตัน ที่สนับสนุนจัดซื้อจากวิสาหกิจชุมชน ตำบลหนองกระเจา อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

โดยมี นายณัฐวุฒิ อรุโนธา ปลัดอาวุโส อำเภอชุมแสง พร้อมด้วย นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา นางสรัญชณา กันสุข กำนันตำบหนองกระเจา นายทศพร เชาว์วิเศษ เกษตรตำบลหนองกระเจา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ แพทย์ฯ สารวัตร ตำบลหนองกระเจา และสมาชิกกลุ่มสิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรม IT อินทรีย์บ้านเนินตะโก ม.11 ตำบลหนองกระเจา อ.ชุมแสง ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารครั้งนี้

จากนั้น ดร.หิมาลัย และนายสัญญา นิลสุพรรณ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อรับมอบข้าวสารจากการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จำนวนอีก 10 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการใจถึงใจ

โดยมี นายสำรวย พระโพธิ์ นายก อบต.เกยไชย นางกัลย์ชพร รอดบำรุง สจ. นครสวรรค์ นายชัยยันต์ กองอรรถ ปลัด อบต.เกยไชย คุณสำอางค์ เปี่ยมส้ม ผู้ใหญ่ ม.7 เกยไชย นายมานพ เกตุศรีเนียม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายนพดล มั่นศักดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิการจัดการความรู้และเครือข่ายโรงเรียนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารดังกล่าว

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนครั้งนี้ โดย มูลนิธิพระราหู ร่วมกับ ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน โดย สส.สัญญา นิลสุพรรณ ได้ร่วมลงพื้นที่มารับมอบในการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ซึ่งเป็นดำริของท่าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ ได้มีแนวคิดจากการจัดกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ในการซื้อข้าวสารต่างๆ ไปแจกให้กับประชาชน และชาวบ้านที่มีความขาดแคลนและต้องการ แทนที่เราจะไปซื้อจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ ซึ่งเขาสามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว เราจึงมีแนวคิดหันมารับซื้อจากวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายข้าวสาร รวมทั้งเพื่อใช้ในการแจกจ่ายถุงยังชีพ ช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยต่างๆ ตามโครงการใจถึงใจ

ดร.หิมาลัย กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ได้รับความรู้มากมาย พร้อมรับรู้ปัญหาต่างๆจากการที่ชาวบ้านได้มาร้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ตำบลนี้ขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องต่อสู้กับ ดิน ฟ้า อากาศ ผมขอยกย่องกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรชาวนาทุกท่าน ที่ยังช่วยรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ พร้อมกับดำเนินตามรอยพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านให้ไว้กับพวกเราทุกคน ให้รักษาแผ่นดินนี้ไว้เป็น อู่ข้าว อู่น้ำ ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา หลายประเทศที่ร่ำรวยเศรษฐกิจใหญ่โตมหาศาล ยังเอาตัวรอดไม่ได้ แต่ประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้เพื่อทำเกษตรกรรม เราสามารถเอาตัวรอดได้

“ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่เกษตรกรชาวนาและผู้นำชุมชน ที่มีความกล้าหาญ ถึงแม้จะเจออุปสรรค ปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ขาดแคลนน้ำ ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล แต่ก็ยังช่วยกันรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ให้ลูกหลานได้ ผมมีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งครับ” ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู  กล่าว

‘พ่อแม่’ พา ‘สแตนดี้ลูกชาย’ สวมชุดครุย ร่วมพิธีจบการศึกษา แม้หัวใจแตกสลาย แต่ขอสานฝันเพื่อคนบนฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘มานพ ชัยนาม’ ได้โพสต์รูปภาพคู่กับสแตนดี้ของลูกชายในชุดครุยปริญญามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พร้อมระบุว่า…

“ใบปริญญาลูกพ่อ รักและคิดถึงที่สุดเจ้าคนเก่งของพ่อ #คนบนฟ้า”

โดยมีกลุ่มญาติ และเพื่อนๆ มาร่วมถ่ายรูปและแสดงความยินดีเพื่อเป็นความทรงจำจำนวนมาก ภายหลังทราบว่าลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ล้ม เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65 ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปส่งกำลังใจและแชร์ออกไปจำนวนมาก

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65 ปีที่ผ่านมา เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังได้โพสต์รูปภาพพิธีฌาปนกิจ และอาลัยการจากไปของลูกชาย โดยระบุว่า…

“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะลูก พ่อกับแม่หัวใจสลายเมื่อรู้ว่าลูกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้ข่าวร้าย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

น้ำตาไหล รินรุด สุดจะฝืน
กราบวิงวอน เทพไท้ให้ลูกคืน
แม้ดึกดื่น เพียงใด หลับไม่ลง
ลูกกลับมา เพียงร่าง ไร้ชีวิต
เหมือนดวงจิต พ่อแม่แยก แตกเป็นผง
ความใฝ่ฝัน นั้นหมาย สลายลง
แม้ฝึกปลง ใจล่วงหน้า เจียนบ้าตาย

ลูกเอ๋ยลูกพ่อ หัวใจของพ่อแม่นี้แตกสลายเหลือเกิน อยากให้ลูกกลับ มาเร็วไวแต่ปฏิหาริย์ไม่มีจริง ทำไมลูกต้องรีบจากพ่อกับแม่ไป ทำไมลูก ทำไม พ่ออยากให้ลูกรับรู้ไว้ว่าพ่อกับแม่รักลูกที่สุดของหัวใจนะ ลูกรักและคิดถึงที่สุดลูกบ่าวพ่อ”

ทั้งนี้ พ่อแม่ของน้องเล่าว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน ลูกชายได้มาบอกว่า ตัวเองเรียนจบและเตรียมรับปริญญาแล้วนะ สามารถทำความฝันให้พ่อกับแม่ได้สำเร็จแล้ว หากได้ทำงานแล้วจะเอาเงินเดือนให้พ่อกับแม่หมดเลย ก่อนจะขอออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ส่งใบสำเร็จการศึกษามาให้ พ่อและแม่ของน้องจึงอยากสานฝันให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจสั่งทำสแตนดี้รูปลูกชายใส่ชุดครุย ก่อนนำไปมหาวิทยาลัยให้ทุกคนมาร่วมถ่ายรูปกันเป็นครั้งสุดท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top