Tuesday, 5 December 2023
NEWS FEED

เปิดนิยาม 'ร่มไม้ใหญ่' ในความคิด 'สมจิตร จงจอหอ' "เชื่อเถอะสักวันเราจะเติบโต และจะเป็นร่มไม้ใหญ่ให้ผู้อื่นต่อได้"

เมื่อไม่นานมานี้ ‘สมจิตร จงจอหอ’ นักกีฬามวยสากล เจ้าของเหรียญทองหลายเหรียญ โพสต์คลิปในติ๊กต็อก ‘somjit656’ เกี่ยวกับประเด็น ‘ร่มไม้ใหญ่’ โดยระบุในคลิปว่า…

“ตอนนี้ผมกำลังอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ร่มไม้ใหญ่นี้ทำให้ผมร่มเย็น ทำให้ผมสดชื่น ทำให้ผมรู้สึกสงบ ที่สำคัญคือผมได้ออกซิเจนจากร่มไม้ใหญ่ ผมเกิดมา มีพ่อและแม่ที่เป็นร่มไม้ใหญ่ คอยกันทุกสิ่งอย่างให้ผม เช่น กันพายุ กันภัยอันตราย กันแสงแดด กันเรื่องไม่ดี และคอยดูแลลูกจนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ผมเติบโตมาได้ก็เพราะร่มไม้ใหญ่ และผมก็ได้ดูแลพ่อแม่ที่เป็นร่มไม้ใหญ่ของผม”

สมจิตร กล่าวต่อว่า “นิยามของผม ร่มไม้ใหญ่ก็คือ พ่อแม่ที่ให้ความอบอุ่นกับลูก แต่ในนิยามของคนอื่นผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อเถอะครับว่า การที่เราอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ สักวันหนึ่งเราก็จะเติบโต เพราะร่มไม้ใหญ่ให้ร่มเรา ให้อาหารเรา ให้สิ่งดี ๆ กับต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ สักพักต้นไม้เล็ก ๆ ก็จะเติบโต วิ่งไปหาแสงแดด และอาจจะเติบโตยิ่งใหญ่ และสามารถเป็นร่มไม้ใหญ่ให้กับร่มไม้ได้”

“เพราะฉะนั้นเชื่อเถอะครับว่า อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ แล้วคุณจะมีความสุข สดชื่น ร่มเย็น ชีวิตสงบอยู่ได้ร่มไม้ใหญ่ดีที่สุดครับ” สมจิตรกล่าวทิ้งท้าย

ปตท. รับโล่ ‘รางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส’ ครั้งที่ 11 รางวัลแห่งเกียรติยศด้านธรรมาภิบาล-ความโปร่งใส

เมื่อไม่นานมานี้ นายชฎิล ชวนะลิขิกร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทน ปตท. รับมอบโล่ ‘รางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส’ ครั้งที่ 11 (NACC Integrity Awards) จากพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

โดยในปีนี้ ปตท. ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใสต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ประกอบด้วย รางวัลองค์กรโปร่งใส จำนวน 2 ครั้ง และรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส จำนวน 3 ครั้ง สะท้อนการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมถึงส่งเสริมการปฏิบัติงานอย่างมีจริยธรรมในองค์กร

ตร. แนะนำ 3 วิธีป้องกัน ภัยร้ายไฮซีซัน เพจโรงแรมปลอม หลอกขายที่พักราคาถูก

วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2566) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ โดยจากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน พบว่าจำนวนคดีในรูปแบบของการหลอกขายสินค้าและบริการออนไลน์ มีจำนวนกว่า 140,000 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าในช่วงเทศกาลที่มีอัตราการท่องเที่ยวสูง หรือที่เรียกว่า ไฮซีซัน คนร้ายมักจะฉวยโอกาสนี้ในการสร้างเพจโรงแรมปลอม ลงโพสต์โฆษณาโปรโมชันที่พักราคาถูกกว่าปกติหลอกล่อให้เหยื่อสนใจ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อติดต่อกับเพจปลอมเพื่อทำการจองที่พักและโอนเงินให้กับคนร้ายแล้ว คนร้ายก็จะทำทีเป็นส่งใบยืนยันการจองให้จนเหยื่อตายใจ ซึ่งกว่าเหยื่อจะรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว เพราะเหยื่อจะรู้ตัวก็ตอนที่เหยื่อเดินทางไปที่โรงแรม แล้วโรงแรมแจ้งว่าไม่ได้มีการจองที่พักจริงแต่อย่างใด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการเลือกจองที่พักผ่านเพจต่าง ๆ โดยขอให้ดำเนินการดังนี้
1. ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเพจดังกล่าวเป็นเพจของทางโรงแรมหรือที่พักดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยดูจากข้อมูลความโปร่งใสของเพจ จำนวนผู้ติดตาม และหากเพจดังกล่าวมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีน้ำเงิน (Blue Badge) ก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. ควรเลือกจองที่พักผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
3. อย่ารีบตัดสินใจจองที่พักที่มีราคาถูกเกินจริง เพราะอาจเป็นวิธีการที่คนร้ายใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ
ในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักต่าง ๆ ควรมีการประชาสัมพันธ์ช่องทางในการจองที่พักให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าหรือผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และตรวจสอบว่ามีคนร้ายสร้างเพจหรือเว็บไซต์ปลอมโดยอ้างเป็นโรงแรมหรือที่พักของท่านหรือไม่ หากพบให้รายงาน (Report) ไปยังผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ที่พบ และแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกขายสินค้าและบริการออนไลน์ หรือคดีอาญากรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมาคมแม่บ้านตำรวจร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชิญชวนบุตรหลานข้าราชการตำรวจประกวดแต่งเรียงความในหัวข้อ “พ่อของฉัน”

เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2566 ส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัว

วันนี้ (22 พ.ย.66) คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดเผยว่า สมาคมแม่บ้านตำรวจมีนโยบายมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และดำเนินกิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการเทิดทูนพระคุณของพ่อและยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม โอกาสนี้ สมาคมแม่บ้านตำรวจจึงร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมประกวดแต่งเรียงความ “พ่อของฉัน” เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ขึ้น เพื่อส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัว และสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

โดยการประกวดครั้งนี้ ขอเชิญบุตรหลานข้าราชการตำรวจที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี ร่วมส่งผลงานการแต่งเรียงความเพื่อชิงรางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ จำนวน 10,000 บาท 1 รางวัล , รองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 7,000 บาท 1 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 5,000 บาท 2 รางวัล  , รางวัลชมเชย จำนวน 1,500 บาท 2 รางวัล โดยรางวัลชนะเลิศของแต่ละกองบัญชาการจะนำไปเผยแพร่ในแอปพลิเคชันแทนใจ  

ผู้สนใจร่วมโครงการสามารถส่งผลงานทาง e-mail : [email protected] ภายในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์สมาคมแม่บ้านตำรวจ policewives.police.go.th

‘พีระพันธุ์’ สั่ง สส. เร่งลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมฉับพลันภาคใต้ ฟาก ‘พิมพ์ภัทรา’ ส่งถุงยังชีพ ก.อุตฯ ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

(21 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party’ โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในภาคใต้ ระบุว่า…

พรรครวมไทยสร้างชาติห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในภาคใต้ ‘พีระพันธุ์’ สั่ง สส. เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมส่งถุงยังชีพบรรเทาทุกข์เบื้องต้น พร้อมขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นห่วงประชาชนในภาคใต้หลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมฉับพลัน อันเป็นผลมาจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 16-21 พ.ย. 

ล่าสุดเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พัทลุง ระนอง สงขลา ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวม 34 อำเภอ 165 ตำบล 836 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 34,228 ครัวเรือน ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้ (21 พ.ย.) น้ำยังท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง และนครราชสีมา รวม 6 อำเภอ 48 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,857 ครัวเรือน

นายอัครเดช กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ขอให้ สส. ของพรรคในภาคใต้ลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้าให้การช่วยเหลือ 

ขณะนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ส่งถุงยังชีพของกระทรวงอุตสาหกรรมไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ขณะเดียวกัน สส. ในพื้นที่ก็ได้เร่งลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ถ้าพื้นที่ไหนมีปัญหาสามารถแจ้ง สส. พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ให้เข้าการช่วยเหลือได้ อย่างไรก็ตามถือเป็นความห่วงใยจากพรรครวมไทยสร้างชาติขอแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งจะได้เร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงที่พรรครับผิดชอบและ สส. ในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าภาวะน้ำท่วมในภาคใต้จะเข้าสู่ภาวะปกติ

#พรรครวมไทยสร้างชาติ  
#สู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่อง

‘สว.วีระศักดิ์’ เผยความรู้สึก หลังพา นทท.ตาบอดทัวร์กรุงเทพฯ ปลื้มใจ!! คนไทยหลายคนหยิบยื่นน้ำใจ-ต้อนรับกันอย่างอบอุ่น

(21 พ.ย. 66) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘นักท่องเที่ยวยุโรปตาบอดกับปากคลองตลาด’ ระบุว่า…

วันก่อน

ในกิจกรรมที่คุณนัตตี้ ด้วยการสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำคณะนักท่องเที่ยวตาบอดจากยุโรป 10 คนที่ซื้อตั๋วซื้อทัวร์เดินทางมาไทยและกำลังจะออกไปเที่ยวที่ปากคลองตลาด ตลาดดอกไม้ชื่อดังของกรุงเทพ

ผมจึงอาสาเดินทางไปทำหน้าที่ผู้ช่วยไกด์กิตติมศักดิ์ รับคณะเดินทางจากด้านหลังตลาด ซึ่งจะมีพื้นที่ให้รถตู้ 3 คันจอดส่งผู้โดยสารตาบอดลงรวมตัวกันใต้เงาอาคารได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

การพาเดินเข้าตลาดจากด้านหลังจะมีคนน้อยกว่า สามารถพาเดินผ่านช่องต่าง ๆ ผ่านชั้นวางชั้นแขวนดอกไม้สารพัดอย่าง 

เดินลึกเข้าไปเจอเข่งตะกร้าหลายใบใส่ใบเตย เราจึงหยุดให้แขกต่างชาติของเราได้สูดกลิ่นของใบเตย (pandan leaf) ที่พ่อค้ามัดรวมไว้รอจำหน่าย ใบเตยใช้ต้มทำเครื่องดื่ม ใช้คั้นเอาน้ำไปผสมในอาหารและของหวาน ทำขนม สรรพคุณของใบเตยช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ดื่มดับกระหาย คลายอ่อนเพลีย 

ผอ.นรินท์ ทิจะยัง จากสำนักงานใหญ่ททท. ซึ่งมาสังเกตการณ์ด้วย รู้เทคนิค จึงเดินจ้ำล่วงหน้าไปกระซิบบอกพ่อค้าแม่ค้าให้ทราบว่า นี่คือกลุ่มนักท่องเที่ยวพิเศษ สายตามองไม่เห็น และตั้งใจมาขอเยี่ยมสัมผัสกับตลาดที่นี่ พ่อค้าแม่ค้ายิ้มพยักหน้ารับทราบ

ว่าแล้วพ่อค้าก็ยื่นช่อกล้วยไม้มาให้ผมส่งให้แหม่มชาวอังกฤษผมทองที่ตาบอดสนิทได้สัมผัส เธอยิ้มตื่นเต้นดีใจ

กล้วยไม้อาจดูเป็นพืชพื้น ๆ ของบ้านเรา แต่กับชาวตะวันตกเมืองหนาว เขาจะตื่นเต้นกับกล้วยไม้กัน ถือเป็นพืชหายาก ในยุโรปมีราคาแพงเพราะต้องเอาขึ้นเครื่องบินส่งเข้าไปจำหน่าย

เราเดินผ่านแผงขายกระทง แม่ค้าสาวอายุน้อยยิ้มรับ พยักหน้าอนุญาต ผมจึงหยิบกระทงขึ้นมาให้กลุ่มนักท่องเที่ยวตาบอดของเราได้สัมผัสกระทง ทุกคนต่างลูบคลำกระทงด้วยความสนใจ แม่ค้าฝากผมแปลว่ากระทงนี้ประดิษฐ์จากต้นข้าวโพดแห้ง และอธิบายประกอบเพิ่มถึงประเพณีลอยกระทงปลายฤดูฝนของเรา ที่น้ำจะเต็มตามตลิ่ง แขกต่างชาติอมยิ้มนึกภาพตามด้วยความสุข

การใช้กระทงวัสดุธรรมชาติเหล่านี้นับว่าได้ประโยชน์หลายต่อ ในแง่ที่เก็บขึ้นจากน้ำได้ง่าย และอย่างน้อยก็ดีกว่าจะถูกจุดไฟเผาทิ้งในไร่ที่ปลูกให้กลายเป็นฝุ่นควันรบกวนสิ่งแวดล้อมเปล่า ๆ

แม่ค้าอีกฝั่งใจดี ยื่นพวงมาลัยแช่น้ำแข็งพวงเล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวตาบอดได้ดมกลิ่นมะลิ (jasmine) หอมสดชื่น 

เราเลยขอซื้อมาลัยมะลิพวงเล็ก ๆ แจกให้ทั้งคณะได้ติดข้อมือไป อยากถือดมไปนานแค่ไหนก็ได้ แม่ค้าติดราคาไว้แค่พวงละ 10 บาท แต่แม่ค้าบอกว่าขอไม่รับเงิน แต่เรายืนยันว่าไม่ขอรบกวน แค่อนุญาตให้คณะได้ยืนมุงบังหน้าร้านนานอย่างนี้ก็ขอบคุณยิ่งแล้ว

ที่จริงสรรพคุณของดอกมะลิที่คนไม่ค่อยทราบคือ มะลิที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงในการปลูกนั้น สามารถใช้เป็นยาสารพัดได้ตามตำรา ทั้งบำรุงครรภ์ สมานแผล แก้ไข้ แก้ท้องเสีย กลิ่นของมะลิมีผลช่วยคลายเครียด

ผ่านไปเจอโต๊ะที่วางขายกุหลาบห่อใหญ่ ๆ หลาย ๆ มัด แม่ค้าชี้ไปที่ถุงพลาสติกใบใกล้ ๆ เรา เราจึงยกถุงมาส่อง มันเป็นดอกกุหลาบตูมล้วน ๆ จึงส่งถุงให้นักท่องเที่ยวของเราได้พากันสูดดมกลิ่นกุหลาบที่แม่ค้าเด็ดไว้สำหรับแยกจำหน่าย 

ผู้ซื้อบางกลุ่มนำกุหลาบตูมพวกนี้ไปสกัดน้ำมันหอมระเหย บางกลุ่มนำไปทำชากุหลาบ บางกลุ่มนำไปผสมในยาแผนโบราณ รักษาสิว สมานแผล งานวิจัยบอกว่ากุหลาบมีสารต้านอนุมูลอิสระ

สักพักเดินไปเห็นถุงที่เต็มไปด้วยดอกจำปี คงมีไว้ร้อยกับมาลัย เราเลยพาแขกของเราลองดม ดอกจำปี(champaka) ซึ่งให้กลิ่นหอมกรุ่นปะทะจมูกจัง ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติสื่อสารส่งเสียงกันเองไปมาให้ลั่นไปหมด เพราะจมูกเค้าคงไม่คุ้นกับกลิ่นใหม่นี้   

ผมซื้อยกถุงขนาดเล็กมาแจกให้ทุกคนมีดอกจำปีสดไว้ติดในกระเป๋าสะพาย เวลากลับเข้านั่งในรถจะได้มีกลิ่นหอม ๆ เย็น ๆ ในรถต่อ ราคาไม่แพงเลย 40 บาท ได้มาน่าจะเกือบร้อยดอก!!

นักท่องเที่ยวของเรายังตื่นเต้นที่ได้สัมผัส ลูบคลำ ผลแก้วมังกร (dragon fruit) ซึ่งคนไทยนิยมทานหลังมื้ออาหาร มีคุณสมบัติ ช่วยลดท้องผูก บำรุงฟันและกระดูก คลายร้อน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

นักท่องเที่ยวถามผมว่าแก้วมังกรมีสีอะไร ผมตอบว่าสีชมพู เธอยิ่งสนใจใหญ่

แม่ค้าผลไม้อมยิ้มอย่างเมตตา ว่าแล้วแม่ค้าก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปนักท่องเที่ยวตาบอดเก็บไว้เป็นที่ระลึก

จากนั้นเราถามหาร้านขายดอกบัว แม่ค้าชี้ส่งไปที่แผงดอกบัว เราซื้อบัวสัตตบงกชมา 3 ห่อ แบ่งให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ตาบอดได้ถือเดินชมตลาดต่อ

แขกชาวต่างชาติหลาย ๆ คนที่ก็มาเดินตลาดสนใจถามผมว่าทำไมจึงนิยมนำดอกบัวไปบูชาพระ คำตอบที่ผมให้ไปก็คือ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของจิตบริสุทธิ์ เพราะแม้บัวจะงอกมาจากใต้ตมใต้โคลน แต่เมื่อขึ้นชูรับแสงสว่างเหนือน้ำแล้ว เราจะไม่เจอเศษโคลนติดขึ้นมาด้วย และแม้จะมีเศษตมใด ๆ กระเด็นมาเปื้อนในภายหลัง เพียงไม่นานผิวของดอกบัวก็จะทำให้สิ่งปนเปื้อนร่วงหลุดออกไปได้เอง เป็นดั่งความบริสุทธิ์แห่งศีล สมาธิและปัญญา ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง

แขกต่างชาติพยักหน้ากันหงึกหงัก จากนั้นก็เล่าให้เราฟังเรื่องกรรม (karma) แบ่งเป็นกรรมดีกรรมชั่ว ซึ่งพวกเขาก็เชื่ออย่างนั้นหลายคน

จะว่าไป การพานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินตลาดสดของไทย ช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงความหลากหลายทางชีวภาพต่าง ๆ ในไทย ช่วยสร้างหัวข้อการสนทนาซักถาม แถมช่วยให้เรื่องพื้น ๆ ของชาวบ้าน กลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีของชาวต่างชาติที่จะไปเล่าต่อในต่างแดน

สำหรับคนตาบอดแล้ว ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทางกลิ่น การใช้นิ้วลูบสัมผัสของนุ่ม ๆ เย็น ๆ มือ ช่วยให้เขาตื่นตัวรับรู้และสดชื่น ตลาดสดของไทยเป็นแหล่งเดินเที่ยวที่ชาวต่างชาติชื่นชอบได้เสมอ เพราะได้รับรู้ว่าของสด ของท้องถิ่น และอาหารพื้นที่ของที่นั่น มีอะไรเป็นส่วนผสม และแน่นอนว่าแตกต่างจากบ้านเขามาก

การนำผู้พิการทางการมองเห็นเดินในสถานที่ทั่วไปนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือให้คนตาบอดจับไหล่เรา เขาจะสามารถเดินตามได้ปลอดภัย เพราะว่าเราจะบิดหรือยกขึ้นลงโดยไม่ทำให้คนตาบอดสับสน ต่างจากการจูงข้อมือ ซึ่งบิดไปมาสร้างความงุนงงให้ผู้ถูกจูงที่ตามองไม่เห็นได้บางตำราบอกว่าให้เค้าใช้มือทาบกลางหลังเราก็ได้เช่นกัน

แต่นั่นคือเหมาะสำหรับอัตราหนึ่งต่อหนึ่งคือตาดีหนึ่งคนนำคนตาบอดหนึ่งคน หรือจะแตะหลังหรือจับไหล่เดินตามกันเป็นแถวก็ได้  

แต่ในกรณีนี้ 2 สาวนักท่องเที่ยวตาบอดจากสโลวีเนียขอเดินคล้องแขนผมทั้งสองฝั่ง บวกกับอีกคนเป็นสาวอังกฤษซึ่งแม้สายตาจะไม่บอดสนิท เธอรับรู้แสงและรับสีได้แต่จะไม่เห็นเส้นรอบรูป กล่าวคือเห็นเพียงเบลอ ๆ มัว ๆ เธอจึงขอเลือกที่จะใช้มือเกาะเป้สะพายหลังของคนตาบอดด้านหน้าแล้วขยับตามก็เพียงพอ ทั้งสามอยากได้ยินการอธิบายเรื่องดอกไม้ผลไม้ต่าง ๆ ได้โดยใกล้ชิดด้วยความสนใจ

แขกตาบอดของเราทุกคนถือไม้เท้าขาวที่พับเก็บหดสั้นได้ รวมทั้งเมื่อยืดออก จะมีลูกกลิ้งพลาสติกสีขาวที่สุดปลายเพื่อใช้ถูกวาดไปข้างหน้า ทำให้คนตาบอดรับรู้สภาพผิวพื้นที่กำลังจะผ่านเข้าไป ว่าขรุขระ เปลี่ยนแปลงระดับ หรือมีร่องหรือไม่ สีขาวของลูกกลิ้งช่วยให้คนตาดีมองเห็นได้ง่ายขึ้นว่า มีไม้เท้าของคนตาบอดกำลังกวาดไปมา จะได้ระวังระยะให้กันและกันได้

การพานักท่องเที่ยวตาบอดชาวยุโรปเดินเที่ยวปากคลองตลาดและซื้อดอกบัวไปบูชาหลวงพ่อพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนที่วัดโพธิ์คราวนี้ สร้างความชื่นใจให้ทั้งคนตาบอด และคนตาดีที่ได้พบเห็น

ผมแอบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลายต่อหลายคนที่เราเดินผ่านไป

นักท่องเที่ยวปกติที่เป็นชาวต่างชาติต่างก็พลอยปลื้มใจ ที่เค้าเห็นประเทศไทยมีศักยภาพในการดูแลและให้บริการนำเที่ยวแก่แขกต่างประเทศที่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องน้ำ ที่จอดส่ง ทางลาด และบุคลากรที่พยายามเข้าใจและรู้จักการให้บริการ

สำหรับผมแล้ว การที่คนตาบอดตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบิน ซื้อทัวร์ จองที่พัก แล้วออกเดินทางข้ามทวีปมาเยือนเรา แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่เขามีให้สังคมเราอย่างสำคัญยิ่ง

เขาได้เอาสวัสดิภาพ และความปลอดภัยในทุกด้านมาวางไว้ในมือของสังคมเรา 

ประเทศไทยประกาศนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (tourism for all)  การที่เรารับนักท่องเที่ยวพิการได้ ย่อมแม่นยำวางใจได้ว่า เราจะรับกลุ่มอื่น ๆ ได้  

มีสิ่งที่เรายังควรปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้อีกเยอะ และเมื่อปรับปรุงให้ถูกต้อง ดี มีมาตรฐานแล้ว คนไทยของเราทุกคนก็จะสะดวก และได้ใช้กันถ้วนทั่วเช่นกัน

ในโลกเรามีคนพิการกว่า 600 ล้านคน (ข้อมูลขององค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ UNWTO) และโลกกำลังมีประชากรสูงอายุเพิ่มเร็วมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

รวมทั้งไทยด้วย

นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ไม่ใช่กลุ่มที่จะไปเมาอาละวาด ทะเลาะกัน ไม่ใช่กลุ่มที่จะเที่ยวเขียนกำแพงทำความเลอะเทอะ ไม่ยุ่งกับการเสพสารเสพติดใด ๆ แน่ มีเพียงปัญหาว่าพวกเขาจะนำเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต ไปให้รางวัลสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ แก่ตัวเองได้ที่ไหน ที่จะมีเอกลักษณ์ หลากหลาย สะอาด ปลอดภัย เข้าใจเขา ทำให้เข้าถึงได้ และเท่าเทียม

วันนี้ นักท่องเที่ยวคณะนี้เดินทางต่อ ออกจากกรุงเทพไปแล้ว และกำลังมุ่งไปอยุธยา เชียงใหม่ พะเยา แล้วจะบินลงใต้ไปพัทลุง ตรัง และจบการเดินทางท่องเที่ยวที่สนามบินภูเก็ต ทริปนี้ของพวกเขายาว 10 วันในไทย จะได้ทำทั้งสัมผัสกับช้าง นั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง สานตะกร้า นั่งสมาธิ ทานอาหารท้องถิ่น และแม้แต่เดินชายหาด นวดแผนไทย ทำกลอง และตีกลองหนังของไทย

อีกไม่นาน พวกเขาก็จะบินกลับยุโรปและอเมริกา กลับบ้านไปเล่าถึงในสิ่งที่ตามองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ถึง ‘ความงาม’ ที่ซ่อนอยู่ในสังคมไทยให้โลกรอบตัวของพวกเขาได้รับรู้

ผมมั่นใจว่าพวกเขาแต่ละคน จะได้รับเชิญให้ไปขึ้นเวทีกล่าวเล่าประสบการณ์ชีวิตตามที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ

ผมต้องขอขอบคุณผู้ทำแพคเกจทัวร์ ขอบคุณทีมสนับสนุน ขอบคุณคนขับรถตู้ ที่ช่วยดูแลแขกพิเศษเหล่านี้อย่างมีความรู้ ผ่านการฝึกกันมา ขอบคุณในน้ำใจของพ่อค้าแม่ค้า คนขนของ คนเข็นผักและเพื่อนนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น ๆ ที่เมื่อเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวตาบอดของเรา ทุกคนจะเอื้อเฟื้อ หลีกทางให้บ้าง หรืออนุญาตให้เราหยิบสินค้าของร้านของเขามาให้แขกของพวกเราได้สัมผัส แล้วส่งยิ้มอย่างอบอุ่นให้

นี่แหละครับ ความน่ารักของสังคมที่เห็น ‘ใจ’ กันและกัน แม้ไม่ต้องส่งเสียงอะไรออกมาเลยก็ตาม

นี่คือสังคมที่จะพัฒนาได้ด้วย ‘สปริตที่ยั่งยืน’

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

สมาชิกวุฒิสภา
อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

พังงา " สอ.รฝ.อันดามัน อิ่มสนุก สุขสันต์ วันเนวี่เดย์ 66 " 

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566  ที่ผ่านมากองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ร่วมกับกองพันรักษาฝั่งที่ 11 จัดเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษให้แก่กำลังพล เนื่องในโอกาสวันกองทัพเรือ ณ พื้นที่หน่วยขึ้นตรงหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ทะเลอันดามัน ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 และกองพันรักษาฝั่งที่ 11 ร่วมกันจัดอาหารให้แก่กำลังพลรับประทานเนื่องในวันกองทัพเรือ( Navy Day ) ซึ่งเป็นอาหารมื้อพิเศษ ได้แก่ ข้าวมันไก่ ขนมจีนน้ำยา น่องไก่ทอด ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว และเครื่องดื่มอีกมากมาย

โดยเน้นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสม พร้อมกันนี้ในระหว่างรับประทานอาหารมีดนตรีโฟล์คซองบรรเลง เพื่อสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหาร พร้อมทั้งจับฉลากมอบของรางวัลให้กับผู้ร่วมงาน ทำให้กำลังพลมีความสุขและสนุกสนานภูมิใจในความเป็นทหารเรือ และความเอื้ออาทรของผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ ของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ด้านกำลังพล

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

ตำรวจไซเบอร์รวบขบวนการหลอกทำภารกิจ เหยื่ออยากหารายได้ กลายเป็นสูญเงินเฉียดแสน

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ผู้เสียหายต้องการหารายได้พิเศษ จึงได้ค้นหาบนอินเตอร์เน็ต พบเว็บไซต์ชื่อ “หางานพาร์ทไทม์” จึงได้สนใจและสมัครทำงาน ต่อมาเว็บดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหาย แอดไลน์ชื่อ “ฝ่ายบริการพลอย” แล้วให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล จากนั้นไลน์ดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายเริ่มทำภารกิจกับบริษัท Asset shop online โดยอ้างว่ามีค่าตอบแทนให้ประมาณวันละ 500 - 3000 บาท โดยการกดจองออเดอร์สินค้าในแพลตฟอร์มชื่อดังต่างๆ เช่น Shopee Lazada และอีกหลายแพลตฟอร์ม

ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ทดลองทำภารกิจโดยเริ่มต้นจากการโอนเงิน 50 บาท เข้าบัญชีธนาคารคนร้าย ต่อมาปรากฏเป็นภาพบัญชีกระเป๋าตังค์ของผู้เสียหายในเว็บไซต์ของ Asset shop online พบยอดเงินในบัญชี 50 บาท ผู้เสียหายจึงได้กดเข้าไปที่ร้านค้า Shopee ผ่านทางกระเป๋าตังค์และจากนั้นพบว่ามีผลตอบแทนในกระเป๋าตังค์ของผู้เสียหายเพิ่มมาจำนวน 15 บาท แล้วมีการเงินตอบแทนมายังบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย จำนวน 65 บาท ผู้เสียหายจึงมั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนจริง จึงโอนเงินเพื่อลงทุนเพิ่มอีกเรื่อยๆ ตั้งแต่ 300 - 500 บาท โดยยังคงได้รับผลตอบแทนกลับมาจริง

ต่อมาผู้เสียหายจึงโอนเงินเพื่อลงทุนเพิ่มอีกเรื่อยๆ อีกหลายครั้ง ตั้งแต่ 800 - 3,500 บาท เมื่อโอนเสร็จผู้เสียหายต้องการถอนเงินแต่ทำไม่ได้ อ้างว่าภารกิจยังไม่สำเร็จ ต้องโอนเงินเพิ่มอีก ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปอีก 12,000 บาท เมื่อทำภารกิจเสร็จ มิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายทำภารกิจผิดพลาด ต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อทำการแก้ไขแผนลงทุน จึงให้โอนเงินเพิ่มอีก 32,520 บาท เมื่อโอนเสร็จยังถอนไม่ได้ ต้องโอนเพิ่มอีก 32,520 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป แต่คนร้ายแจ้งว่าดำเนินการไม่สำเร็จ ให้โอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 99,907 บาท แต่ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกแน่นอน จึงได้แจ้งความกับตำรวจไซเบอร์เพื่อดำเนินคดี โดยผู้เสียหายโดนหลอกโอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 82,190 บาท 

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ บก.สอท.3 โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3  ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายบุลากร อายุ 23 ปีชาวบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น 1 ในกลุ่มขบวนการดังกล่าวที่ถูกออกหมายจับ จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถเข้าจับกุมตัวได้ขณะเดินอยู่ริมถนนหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.8 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงแจ้งข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จึงนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.๓,พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.๓ สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ร.ต.อ.อาณัติ เข็มทอง รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, บก.สอท.3 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม

‘พม.’ เดินหน้าช่วยเหลือ ‘แรงงานไทย​’ หลังกลับจากอิสราเอล​ พร้อมส่ง จนท.ดูแลสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต​อย่างใกล้ชิด​

(21 พ.ย. 66) นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ (พม.) กล่าวถึงการให้การช่วยเหลือแรงงานไทย หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลว่า​ ขณะนี้มีแรงงานลงทะเบียนกับกระทรวง พม. 8,400 ราย โดยขณะนี้เอง เจ้าหน้าที่ได้มีการให้คำแนะนำไปแล้วกว่า 8,348 ราย พร้อมช่วยเหลือส่งกลับภูมิลำเนา​

ในกรณีที่เดินทางกลับเองไม่ได้อีกกว่า 300 ราย โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ พม.​ในพื้นที่​ 62 จังหวัด ทั่วประเทศได้มีการติดตาม และเข้าเยี่ยมแรงงานที่ได้รับผลกระทบ เกือบ 2,000 ราย​  รวมไปถึงทางกระทรวง​ พม.ได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยา​ 1,030 ราย​ ทั้งเรื่องเงินสงเคราะห์​ การให้คำปรึกษา​ การสนับสนุนอาชีพ​ การให้ทุนการศึกษา​ ซึ่งที่ผ่านมา​ พม.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต

เพื่อนช่วยยัน!! ‘พิธา’ ขึ้นแปรอักษรงานจตุรมิตรจริง ส่วนที่ไปเมืองนอก 11 ขวบ คือไปเรียนแบบซัมเมอร์

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 อดีตหัวหน้าห้องช่วยยืนยัน ‘พิธา’ ขึ้นแปรอักษรจริง เช็กชื่อทุกเช้า ส่วนไปเรียนเมืองนอกตอน 11 ขวบ เป็นแบบไปซัมเมอร์ เข้าแคมป์ช่วงปิดเทอม พอพร้อมค่อยไปเรียนต่อเต็มรูปแบบ วอนแยกแยะจบดรามา

จากกรณีดรามาเพจดังจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่าได้ขึ้นแปรอักษร 2 ครั้ง สมัยเรียนโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่เมื่อย้อนไปดูเทปที่เคยให้สัมภาษณ์บอกว่าไปเรียนต่อนิวซีแลนด์ตั้งแต่ 11 ขวบ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะได้ขึ้นแปรอักษร กระทั่งมีภาพยืนยันว่าความจริงแล้วนายพิธา ยังเรียน ม.3 ที่กรุงเทพคริสเตียน จึงถูกตั้งคำถามว่าแล้วจะพูดเท็จเรื่องไปเรียนต่อตั้งแต่อายุ 11 ขวบเพื่ออะไร

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Orio Piriyawat’ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า…

“ในฐานะ อดีตหัวหน้าห้อง ม.2 ห้อง 25 กับ ม.3 ห้อง 35 ผม ‘โอ’ (เพื่อนเรียก ‘เตี้ย’) กท.22718 ‘ทิม พิธา’ เรียนอยู่กับผม ขึ้นแปรอักษรร่วมกัน เป็น BCC145 ตลอดกาล ผมเช็กชื่อนับจํานวนนักเรียนทุกเช้า ประเด็นเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอกทับซ้อน โกหก ขออธิบายตรงนี้ เขาไปเรียนจริงแต่เป็นแบบไปเรียนซัมเมอร์ เข้าแคมป์ ตามประสา ปิดเทอม จนพร้อมก็ไปเรียนต่อต่างประเทศเต็มรูปแบบ ดังนั้น แยกแยะนะครับ จบดรามานะครับ #bcc145”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top