Thursday, 13 February 2025
NEWS FEED

จเรตำรวจแห่งชาติหารือทางการจีน เตรียมคิกออฟศูนย์ประสานงานร่วมไทย-จีนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์  

(24 ม.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์  และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ และผู้อำนวยการ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนทางการจีน นำโดย Mr.Liu Ningning รองอธิบดีสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Zhou Weinan ผู้อำนวยการ ฝ่ายอำนวยการคดีภาค 2 กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr. Wei Song สว. กรมสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Ma Xiao สว. กรมสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , Mr.Shen Anjun ผู้กำกับการ กองกำกับการ9 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กรมความมั่นคงสาธารณะเซี่ยงไฮ้ , Mr.Cai Xingyan รอง ผกก.สส. บก.สส. กรมความมั่นคงสาธารณะเจียงซู สถานเอกอัครราชทูต (สอท.)จีน , พล.ต.ต. Wen Yonggang ทูตตำรวจประจำ สอท.จีน และ พ.ต.ต.Zhao Yongning ผู้ช่วยทูตตำรวจประจำ สอท.จีน ในการเข้าพบเพื่อหารือประสานความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ห้องรับรอง 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจีนได้ส่งคณะผู้แทนมาหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติใน 2 เรื่อง คือ

1. ความคืบหน้าขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับคดีนายหวังซิง นักแสดงจีนที่หายตัวไปอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนแจ้งว่าได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน จับกุมไปแล้ว 22 คน ยังเหลือบุคคลตามหมายจับอีก 8 คน ซึ่งทางการจีนจะร่วมมือกับประเทศไทยในการขยายผลจับกุมคนกลุ่มนี้ต่อไป ซึ่งทั้ง 30 คนดังกล่าวพบว่าเป็นคนจีนทั้งหมด ยังไม่พบคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง

2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน จะตั้ง “ศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน” โดยจะร่วมมือสืบสวน ขยายผล ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งมีทั้งคนจีนและคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก โดยศูนย์ประสานงานฯ จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกส่วนหนึ่งทางการจีนจะขอให้มีศูนย์ประสานงานฯ ดังกล่าว ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ด้วย เพื่อจะได้มีการประสานงานได้อย่างรวดเร็วกรณีคนจีนถูกหลอกมาแล้วข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ขณะนี้มาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดขึ้นมา คือการคัดกรองอย่างเข้มข้นในพื้นที่ที่จะเข้า อ.แม่สอด จ.ตาก โดยหากมีคนต่างชาติเดินทางเข้าไป เจ้าหน้าที่จะสอบถามถึงแผนการท่องเที่ยว ที่พัก และจะให้มีการประสานงานสถานทูตทุกครั้งเพื่อให้ทราบวัตถุประสงค์ที่มาให้มีความชัดเจน อีกส่วนหนึ่งตนได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบกในการร่วมมือกันต่อสู้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้มีใครลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติไปได้

ในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างไทย-จีนนั้น จะทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลกลุ่มแก๊งอาชญากรรมที่มาจัดทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางการจีนระบุว่าหลังจากที่จีนร่วมมือกับทางการเมียนมาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเล่าก์ก่าย ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา ทางกลุ่มนี้ก็ย้ายฐานไปยังเมืองเมียวดี ติดกับ อ.แม่สอด ของไทย จุดนี้เราต้องการการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว รวมทั้งในเรื่องของการปราบปรามด้วย เชื่อว่าเมื่อมีศูนย์ประสานงานฯ กรณีที่คนจีนมาแล้วติดต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะผ่านทางประเทศไทย หรือช่องทางใดก็ตาม จะมีการเร่งรัดติดตามตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว และจะเดินหน้าปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน หรือกลุ่มทุนร่วมกับคนไทยในการเข้ามาหลอกทั้งคนไทย คนจีน และคนทั่วโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตำรวจสอบสวนกลางเปิด 'ปฏิบัติการปิดจบสยบ Fiwfans (ฟิวแฟน) แพลตฟอร์มค้ามนุษย์เด็กออนไลน์' 

(24 ม.ค.68) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร.) เป็นประธานแถลงผลการจับกุมกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ซึ่งใช้รูปแบบแฟลตฟอร์มเว็บไซต์ออนไลน์ 'ปฏิบัติการ ปิดจบสยบ Fiwfans (ฟิวแฟน) แพลตฟอร์มค้ามนุษย์เด็กออนไลน์'

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 16 และ 17 ปี จำนวน 2 ราย ส่งตัวเข้ารับการคุ้มครอง โดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรมได้ลักลอบเปิดเว็บไซต์ค้าประเวณีออนไลน์ มากว่า 4 ปี มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี รวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท มีหญิงที่ค้าประเวณีผ่านเว็บไซต์ประมาณ 46,000 ราย

ปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่เป็นแอดมินในการเปิดเว็บไซต์ฟิวแฟน ในการเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์กลางในการโฆษณาค้าประเวณี จำนวน 5 ราย โดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรมมีพื้นฐานความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี เป็นโปรแกรมเมอร์ เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศมาก่อน จึงใช้เทคนิคในการปิดพรางซ่อนตัวตน ยากต่อการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ พบว่ากลุ่มแอดมินเว็บไซต์จะได้รับเงินที่เป็นค่าโฆษณาค้าประเวณีและค้าประเวณีเด็ก โดยใช้การเติมเงินผ่านระบบทรูมันนี่ และปกปิดซ่อนตัวตนในการตรวจสอบข้อมูล สร้างระบบให้มีการนำเลขทรูมันนี่ เข้าไปเติมเงินในเว็บไซต์ฟิวแฟน และเงินจะผ่านเข้าไปเติมในเกมออนไลน์ นอกจากนั้นยังใช้วิธีการเทคนิคทางคอมพิวเตอร์ในการอำพรางเว็บไซต์ว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ 

นอกจากนี้ มีการจับกุมผู้กระทำความผิดค้ามนุษย์ โดยเป็นแม่เล้าสัญชาติลาว ที่มีการนำเด็กหญิงสัญชาติลาว อายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ได้รับค่าส่วนแบ่งรายได้จากการค้าประเวณีเด็กมากกว่าเดือนละ 1-2 แสนบาท ทำมามากกว่า 2 ปี โดยโพสต์โฆษณาค้าประเวณีเด็กผ่านเว็บไซต์ฟิวแฟน 

ต่อมา พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤติยา รอง ผบก.อก.บช.ส.รรท.ผบก.ปคม. ได้สั่งการให้มีการเข้าตรวจค้นและจับกุม จำนวน 6 จุด ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น สมุดบัญชีธนาคาร เงินสด โฉนดที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองคำ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จำนวนมาก รวมมูลค่าประมาณ 34 ล้านบาท และได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารประมาณ 6 ล้านบาท รวมอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกว่า 40 ล้านบาท

‘ศ.ดร.บังอร‘ อัดฉีด​ 15.2 ล้านบาท ให้นักกีฬาที่ร่วมสู้ศึก “กีฬาปัญญาชน 50” หลัง ม.กรุงเทพธนบุรีคว้าเจ้าเหรียญทอง 6 สมัยซ้อน

เมื่อวันที่ (20 ม.ค.68) ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี (มกธ.) กล่าวแสดงความยินดีกับผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และทัพนักกีฬา พร้อมทั้งมอบเงินรางวัลอัดฉีดรวม 15,230,000 บาท แก่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีเรืออากาศโท หญิง ภานิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) แชมป์กีฬาเทควันโด เหรียญทองโอลิมปิก ปารีส 2024 หัวหน้าคณะนักกีฬา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวรายงาน สรุปผลการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 ธรรมศาสตร์เกมส์” และนำทีมผู้ฝึกสอนและนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีเข้ารับมอบเงินรางวัลดังกล่าวในงาน 'เชียร์ให้ฉ่ำ ฉลองแชมป์สมัยที่ 6' จากการส่งทัพนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 'ธรรมศาสตร์เกมส์' เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่ได้รับเหรียญรางวัลจากทุกประเภทการแข่งขันกีฬา โดยมี รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ผู้ฝึกสอน และนักศึกษาร่วมแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาที่ได้รับรางวัลดังกล่าวด้วย    

ทั้งนี้ ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีสามารถขึ้นแท่นเป็นเจ้าเหรียญทอง 6 สมัยซ้อน โดยสามารถคว้า 124 เหรียญทอง 45 เหรียญเงิน และ 51 เหรียญทองแดง รวมเหรียญรางวัลทั้งหมดที่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีได้รับจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬารายการดังกล่าว จำนวน  220 เหรียญ

จากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 50 นักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สามารถคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมหลายประเภทกีฬา ได้แก่ ว่ายน้ำ น.ส.กมนชนก ขวัญเมือง และนาย รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ กรีฑา นายณัฐพงษ์ ศรีนนทา หมากกระดาน นายวิชญฤทธิ์ คฤหวาณิช นายภานุวัฒน์ เถาวัลย์ นายทัพฟ้า คำหน่อแก้ว น.ส.ทิพย์อักษร อินทะสร้อย และน.ส.กอบเงิน ฤกษ์วิรี เทควันโด น.ส.พรรณนภา หาญสุจินต์ แบดมินตัน นายพณิชพล ธีระรัตน์สกุล น.ส.นัทธมน ไล้สวน เทนนิส นายยุธนา เจริญผล น.ส.พัณณิน โควาพิทักษเทศ เปตอง นายรัชตะ คำดี น.ส.พรทิวา แก้วมูล เซปักตะกร้อ นายพงษ์ศักดา จันริสา คอร์สเวิร์ด น.ส.ณัฐชยา ศรีทะโร คาราเต้ น.ส.มณีวรรณ บุตรสุวรรณ ปันจักสีลัต นายพีระพล มิตธสาร เทเบิลเทนนิส ชัยเดช ม่วงหวาน และเอแม็ท น.ส.ธัญชนก จันทร์คล้าย

ในการนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้จัดงานเลี้ยงฉลองแชมป์แก่ทัพนักกีฬาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันกีฬารายการดังกล่าว และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีตั้งไว้ด้วย ซึ่งงานเลี้ยงฉลองแชมป์ดังกล่าวจัดขึ้น ณ อาคารปฏิบัติการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว ชั้น 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี  

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ เข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ กระชับความร่วมมือป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(23 ม.ค.68) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้การต้อนรับผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้แก่ นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอก และผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ , นายโทโมโนริ ซาโต้ เลขานุการโท และกงสุล , นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล และ น.ส.แพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เลขานุการผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ขอเข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือกระชับความร่วมมือในการแก้ไขการหลอกลวงบุคคลให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีความเสียหายในวงกว้าง 

พังงา 'ความชำนาญมิได้เกิดขึ้นในวันเดียว ฝึกให้เชี่ยวเก็บเกี่ยวความรู้มาปรับปรุง' เปิดการฝึกปีงบประมาณ 2568 

(23 ม.ค.68) นาวาโท นพดล กิ่งเกตุ ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกบูรณการเป็นหน่วยกองร้อย กองพัน ประจำปีงบประมาณ 2568 ในส่วนของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 

พร้อมทั้งให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการฝึก "ให้กำลังพลทุกนายมุ่งมั่นในการฝึกโดยยึดถือความปลอดภัยขององค์บุคคลเป็นหลัก ยึดแนวทางตามเอกสารอ้างอิงของกองทัพเรือ เป็นแบบแผนของการฝึก ให้เป็นไปดั่งคำที่ว่า รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น ในคราวเดียวกันนี้กำลังพลฝึกทั้งหมดได้ดำเนินการทบทวนฝึกการตรวจความพร้อมรรบองค์บุคคลเพื่อตรวจสอบ อุปกรณ์ สัมภาระ สำหรับใช้ในการดำรงชีพ

ผบช.ภ.2 ให้ความมั่นใจ รองผู้ช่วยทูต สหรัฐฯ เตรียมพร้อมด้านความปลอดภัย รับ 5,400 ทหารเรืออเมริกัน ขึ้นฝั่งชลบุรี พักผ่อนพัทยา 27- 31 ม.ค.นี้ 

(23 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 2 ( ภ.2 )  นายลู แฟม รองผู้ช่วยทูตหน่วยป้องกันกองกำลังสหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( ผบช.ภ.2 ) เพื่อหารือด้านการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีเรือของกองทัพสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ เทียบท่าในจังหวัดชลบุรี ในช่วงระหว่างพักการฝึก ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม 2568  โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาประมาณ 5,400 นาย พักในพื้นที่พัทยา จว.ชลบุรี ขณะที่เรือเทียบท่าในพื้นที่ สภ.สัตหีบ และ สภ.แหลมฉบัง 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า การเข้าหารือวันนี้เป็นไปด้วยดี ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ทางรองผู้ช่วยทูตฯ ถึงแผน และมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยเรือรบทั้ง 4 ลำที่เทียบท่าในพื้นที่ นั้นตำรวจภูธรภาค 2 ประสานงานกับฐานทัพเรือสัตหีบมีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น ขณะที่ในส่วนของการอำนวยการจราจรนั้นตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องว่าแผนการจัดการไว้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมประสานงานฝ่ายปกครอง และผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงในการร่วมกันดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความประทับใจ

“กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5,400 นาย จะเดินทางมาพักผ่อนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา นั้นตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ก็ได้มีมาตรการในการดูเรื่องความปลอดภัย ได้มีการตั้งกลุ่มไลน์ และ แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดที่มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดต่อประสานงาน ในการอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในการพักผ่อน และดูแลความปลอดภัย แก่กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐ ด้วยความยินดีต้อนรับ ให้เกิดความประทับใจ โดย สภ.เมืองพัทยา ได้ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการในพื้นที่ทราบ และได้เพิ่มกำลังสายตรวจในเครื่องแบบ และฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง ภ.จว.ชลบุรี ได้เพิ่มกำลังชุดสายตรวจไดนามิก และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของ ภ.จว.ชลบุรี ร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยเพิ่มวงรอบในการตรวจในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น” ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวชลบุรีร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีเบาะแส แจ้งเหตุด่วน ให้โทร.191 ตลอด 24 ชั่วโมง 

ตำรวจ-ทหารไทย จับมือลุยแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนให้สิ้นซาก

(23 ม.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เข้าพบ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อหารือเรื่องมาตรการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ปธ.คปษ.ทบ. , พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. , พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. และคณะ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะ ร่วมหารือ

ด้วยปัจจุบัน ปัญหาการหลอกลวงบุคคลให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการส่งแรงงานไปยังประเทศที่ 3 รวมถึงปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการหลอกลวงคนไทยหรือชาวต่างชาติไปทำงาน โดยผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง หรือช่องทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และเล็งเห็นความสำคัญในการร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงร่วมหารือในครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก โดยขอความร่วมมือปิดกั้นเส้นทางธรรมชาติทั้งหมด เพื่อป้องกันการเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมตรวจสอบเสาสัญญาณโทรคมนาคมที่ติดตั้งโดยที่จะรับอนุญาต หรือมีความผิดปกติตามแนวชายแดน พร้อมเฝ้าระวังบุคคลมีพฤติกรรมน่าสงสัยเดินทางเข้ามากดเงินที่ตู้ atm ในประเทศไทย แล้วกลับไปตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งหารือการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่

ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นพ้องว่า ในระดับพื้นที่เห็นควรใช้กลไกของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา ของจังหวัดตาก กำหนดให้ 5 อำเภอชายแดน จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ควบคุมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติถูกหลอกลวงและการค้ามนุษย์ ได้แก่ 

1. การคัดกรองเข้าพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งทางถนนและทางอากาศ รวมทั้งบริเวณด่านตรวจ ให้คัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้า อ.แม่สอด อย่างเข้มข้น ซักถามวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด หากไม่มีหนังสือรับรองจากสถานทูต หรือไม่สามารถชี้แจงวัตถุประสงค์ ไม่มีที่พัก หรือแผนการเดินทางกลับอย่างชัดเจน เห็นควรแจ้งสถานทูต และงดเว้นไม่ให้เดินทางเข้าในพื้นที่อำเภอแม่สอด และใช้มาตรการทางกฎหมายลงโทษ รถยนต์ที่รับจ้างนำพาบุคคลต่างชาติเข้าพื้นที่ 

2. การจำกัดการเข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผู้เกี่ยวข้อง ตั้งด่านตรวจร่วมเพิ่มเติม บริเวณเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่ระมาด และ อ.พบพระ จ.ตาก

3. การตรวจสอบโรงแรมที่พัก โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบโรงแรมที่พักทุกแห่งใน อ.แม่สอด ที่ชาวต่างชาติเข้ามาพัก ว่าได้แจ้งข้อมูลการเข้าพักของบุคคลต่างชาติให้ทราบหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 หากไม่มีการแจ้งให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

4. การสกัดกั้น โดยบูรณาการกำลังร่วมระหว่างตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง ในเส้นทางหลักและเส้นทางรองที่จะเข้าสู่ชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติลักลอบข้ามแดน

ทั้งนี้ จะมีการประชุมประเมินและติดตามการดำเนินการร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีแก็งลูกตำรวจรุมทำร้ายเหยื่อพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ตรวจค้นบ้านพบปืน 3 กระบอก ย้ำเป็นลูกตำรวจก็ต้องเคารพกฎหมาย และควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม หากทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน

(23 ม.ค. 68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีมีผู้ร้องพาผู้เสียหายเดินทางมาพบตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามคดีที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีข่าวว่าเป็นแก๊งลูกตำรวจ รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ภายในซอยลาดพร้าว 101 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงาน และสั่งการให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี พร้อมดูแลให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย 

ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว โดยในรายของนายมาตี้ ซึ่งเป็นลูกของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของลูกตำรวจจริง แต่พ่อแม่แยกทางกัน โดยนายมาตี้ได้อาศัยอยู่กับทางแม่ ซึ่งตำรวจได้นำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านพักในพื้นที่ สน.บางชัน พบปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก บนฝ้าเพดานภายในบ้านพัก ได้ทำการตรวจยึด และดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ตำรวจได้ดำเนินอย่างเต็มที่ทุกรายในแนวทางเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแก๊งวัยรุ่น เป็นเยาวชนที่จะต้องดำเนินการภายในกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจดำเนินการ 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินคดีนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกตำรวจ หรือลูกใคร หากทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มียกเว้น  ยิ่งเป็นลูกตำรวจ ยิ่งควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมมากกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับไปยังข้าราชการตำรวจในการสอดส่องดูแลบุตรหลาน รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาลงไปสอดส่องดูแลอีกส่วนหนึ่งแล้ว

'มาริษ' ชี้นานาชาติชื่นชมไทย ย้ำคนไทยต่างแดนจดทะเบียนได้ที่สถานทูต

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 มกราคม) ว่า กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในวันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนในประเทศไทยสามารถสร้างครอบครัวและออกแบบชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกัน

นายมาริษกล่าวต่อไปว่า การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ผ่านกฎหมายนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบทบาทสำคัญของไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเคารพสิทธิความเท่าเทียมของทุกคน

กระทรวงการต่างประเทศยังยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมให้แก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกพร้อมให้บริการการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ

สื่อญี่ปุ่น ตีข่าว ‘ พยาบาลสาวไทย’ ปั๊มหัวใจช่วยชายสูงวัยที่หมดสติ พร้อมขึ้นข้อความ “ขอบคุณ” ความมีน้ำใจของคนไทยตลอดเวลา

(23 ม.ค. 68) เพจ J-Doradic  ได้โพสต์ข้อความว่า ข่าวดังเช้านี้ที่ญี่ปุ่น!! รายการข่าวเช้าดังของญี่ปุ่น ได้ลงเรื่องราวน่าประทับใจของพยาบาลหญิงชาวไทยที่ได้ใช้วิชาชีพของตัวเอง เข้าช่วยเหลือชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นที่ล้มลงระหว่างที่ตัวเองเที่ยวอยู่บริเวณรถไฟใต้ดิน ย่านอาซากุซะ 

พยายาลท่านนี้พยายามช่วยด้วยการ CPR (การช่วยคืนชีพ) และมีการขอเครื่อง AED (เครื่องช๊อคปั๊มหัวใจ) เพื่อช่วยคืนชีพให้ชาวญี่ปุ่นที่หมดสติ หลังจากที่เครื่อง AED มา เดชะบุญชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ประกอบกับ จนท.กู้ชีพญี่ปุ่นถึงที่เกิดเหตุจึงนำส่งโรงพยาบาล

พยาบาลท่านนี้ คือ ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ พยาบาล (สบ 1) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดกลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ

ขอชื่นชมจริงๆครับ เพราะข่าวนี้ดังไปทั่วญี่ปุ่น และเลย

ที่ชอบคือ สื่อญี่ปุ่นมีลงมุมบนกรอบแดงของทุกรูปน้องพยาบาลและเรื่องราวตอนเสนอข่าวว่า "#感謝" ซึ่งหมายถึง "ขอบคุณ" ตลอด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top