Friday, 3 May 2024
NEWS FEED

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนเที่ยวเกาหลีใต้ต้องระวัง เว็บไซต์-แอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA ปลอม เสียทั้งเงิน เสียทั้งข้อมูล

วันนี้ ( 22 เมษายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสหลอกลวงพี่น้องประชาชนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สาธารณรัฐเกาหลี หรือประเทศเกาหลีใต้ โดยการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA ปลอม แล้วเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ

โดย ระบบ K-ETA หรือชื่อเต็มคือ Korea Electronic Travel Authorization เป็นระบบที่มีไว้ให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนขออนุญาตก่อนที่จะเดินทางเข้าไปที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อลดปัญหาการปฏิเสธนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าประเทศ และแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมาย โดยนักท่องเที่ยวจะต้องทำการลงทะเบียนล่วงหน้า ซึ่งจำเป็นจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลหนังสือเดินทาง ภาพถ่ายใบหน้า อาชีพ รายได้ต่อปี และข้อมูลที่พักอาศัยในประเทศเกาหลีใต้ อีกทั้งจำเป็นต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน 10,300 วอน (ประมาณ 270 ถึง 290 บาท) ผ่านช่องทางบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต

ซึ่งถ้าหากพี่น้องประชาชนหลงเชื่อลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน K-ETA ปลอม มิจฉาชีพก็จะได้ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซึ่งสามารถนำไปใช้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นจำนวนมาก เช่น อาจถูกนำข้อมูลบัตรเครดิตไปซื้อสินค้า นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้กระทำความผิด หรืออาจถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการหลอกลวงในอนาคต อีกทั้งเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน K-ETA ปลอมอาจมีการหลอกให้ชำระค่าธรรมเนียมที่สูงเกินจริง (ค่าธรรมเนียมปกติอยู่ที่ 10,300 วอน) เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชนอีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการลงทะเบียน K-ETA เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยขอให้ตรวจสอบก่อนว่าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้ลงทะเบียน เป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียน K-ETA ของจริงคือ www.k-eta.go.kr เท่านั้น ส่วนแอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA สำหรับโทรศัพท์มือถือ สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store และ Google Play Store ที่ https://apps.apple.com/th/app/k-eta/id1562976724 และ https://play.google.com/store/apps/details?id=kr.go.keta 

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ตม.จว.นครพนม

ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้กำหนดมาตรการดูแลอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง เพื่อบริการให้รวดเร็วประหยัดเวลา ลดความแออัด โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสะดวกเรียบร้อยในทุกพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 

วันนี้ (22 เม.ย.2567)  เวลา 9.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ณ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม อ.เมืองนครพนม จว.นครพนม  พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ครั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 กำหนดให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม นำโดย พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม รายงานผลการปฏิบัติงานและการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองตามนโยบายของผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 

จากนั้น พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางต่อไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) โดยได้ตรวจดูความเรียบร้อยในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง และ พบปะประชาชนที่มารับบริการ ณ จุดผ่านแดน ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4

‘กรมควบคุมโรค’ ห่วง!! สถานการณ์ ‘โควิด-19’ ระบาดเพิ่มหลังสงกรานต์ สัปดาห์เดียวป่วยเข้า รพ. 1 พันราย ลุยกำชับทุกหน่วยดูแล ปชช.ให้ทั่วถึง

(22 เม.ย.67) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ. มีความห่วงใยสถานการณ์โควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้สั่งการทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กำชับทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14-20 เมษายน 2567 มีรายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ โดยพบผู้ป่วยมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง และมีผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง (608)

“คาดสาเหตุที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการเหมือนไข้หวัด ทำให้ไม่ระวัง ป้องกันตนเอง ส่งผลให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่ายังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของเชื้อโอมิครอน โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา” นพ.ธงชัยกล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีลักษณะเหมือนโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีจำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา โดยขณะนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด เป็นต้น ทั้งนี้ โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เตียงรองรับผู้ป่วย เวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี

ยูทูบเบอร์กัมพูชา ลอกคอนเทนต์ ‘หมอตังค์ เวรชันสูตร’ ตัดต่อคลิป-หน้าปก ไปลงช่องตน โดยไม่ให้เครดิต

(22 เม.ย.67) กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจทันที หลังจากที่มีผู้ใช้ (X) รายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความตั้งคำถามว่า มียูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ลอกคลิปของ หมอตังค์ ยูทูบเบอร์ดังของไทย ไปตัดต่อลงช่องของตัวเอง โดยไม่ให้เครดิต

สำหรับ หมอตังค์ มรรคพร ขัติยะทองคำ แพทย์หนุ่ม เจ้าของยูทูบเบอร์ช่องดัง ‘เวรชันสูตร’ หรือ Tang Makkaporn ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.05 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญหมอตังค์ จะทำคอนเทนต์เรื่องราวเกี่ยวกับ คดีลึกลับ ฆาตกรรม

ทั้งนี้ ชาวเน็ต พบว่า ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ไม่ได้แค่ลอกเนื้อหา แต่ยังทำคลิปวิดีโอที่ตัดต่อแล้วไปลงช่องอีกด้วย อีกทั้งยังมีการตัดต่อปกแบบเดิม เพิ่มรูปตัวเองใส่เข้าไปทับรูปของเจ้าของผลงานตัวจริง

ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชารายนี้มีคนติดตามกว่า 8 แสนคน และทำคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งคลิปเล่าข่าว รีมิกซ์เพลง สปอยหนัง ทำรีแอคชั่นวิดีโอ ร้องเพลง และเล่าเรื่องคดี

อีกทั้งยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ยูทูบเบอร์รายนี้เคยมีประเด็นดรามามาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากชอบลงคลิปเคลมไทย ให้ข้อมูลผิด ๆ เมื่อมีคนเข้าไปแย้งก็ไล่บล็อกและลบคอมเมนต์ ทั้งยังบล็อก IP ที่มาจากประเทศไทยอีกด้วย

จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมาก พร้อมกับรวมตัวรีพอร์ตช่องยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชาวคนดังกล่าวด้วย

ล่าสุด หมอตังค์ โพสต์ถึงประเด็นดรามาดังกล่าวผ่านเพจ ‘Tang Makkaporn’ ระบุว่า เพื่อน ๆ ค้าบตังค์เองนะค้าบ ตังค์และน้อง ๆ ทีมงานได้ทราบเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นเรียบร้อยแล้วนะครับ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งข่าวและให้กำลังใจอย่างมากมายเลย เบื้องต้นตังค์ก็ให้ทีมตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ แล้วครับพบว่า

1 เรื่องเนื้อหา ตังค์และทีมไม่ทราบว่าจะมีความเหมือนกันขนาดไหนเพราะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางด้านภาษา

2 ภาพและวีดีโอประกอบคดีอันนี้มีความคล้ายในบางคดีครับ อาจเป็นภาพจากแหล่งข้อมูลคดีจริงที่เป็นทั้งข้อมูลสาธารณะหรือเป็นภาพ/คลิปจากสารคดีที่สร้างจากเคสนั้น ๆ ซึ่งสามารถหาได้ทางอินเตอร์เน็ต

3 หน้าปกคลิป หลังจากการตรวจสอบแล้ว ตังค์ว่าก็มีบางตอนที่คล้ายและบางตอนที่แตกต่างครับ แต่พอกลับไปดูล่าสุดก็เหมือนมีการเปลี่ยนหน้าปกคลิปที่คล้ายไปแล้ว

สรุปแล้วตังค์ว่าเรื่องนี้ ตังค์ขอโฟกัสในฐานะคนทำ true crime content ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ช่องของตังค์แต่ยังมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการนี้อีกหลายคน ที่คอย support กันและกันเสมอ ทุกช่องทุกคนก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป แต่ตังค์เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนจริงใจและพยายามจะแบ่งปันเรื่องราวที่เป็นทั้งกรณีศึกษา เป็นอุทาหรณ์ถ่ายทอดไปเพื่อส่งความห่วงใยถึงเพื่อน ๆ คุณผู้ชม สำหรับตัวตังค์คิดว่าหากการทำคอนเทนต์ของเรามีเจตนาดี ยิ่งมีการเผยแพร่มากก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นไปอีก ตังค์เองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในเรื่องราวต่าง ๆ ครับ เพราะก็หาข่าวหาข้อมูลมาเล่าจากแหล่งข้อมูลต่างๆในอินเตอร์เน็ต

สำหรับช่องที่เป็นประเด็นตังค์ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางเขาและทีมคงได้ตรวจสอบ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามแนวทางของช่อง

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว มันทำให้ตังค์ได้เห็นความรักความหวังดีของเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งมาให้ นี่ยิ่งตอกย้ำตัวตังค์และทีมว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่เรามาถูกทางแล้ว นอกจากนั้นความรักจากทุกคนจะยังเป็นแรงผลักดันให้ตังค์และทีมยกมาตรฐานทั้งคุณภาพคลิป เนื้อหา การนำเสนอและภาพประกอบ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนดูมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้นะค้าบ

อันที่จริงตัวตังค์เองเป็นคนที่ไม่อยากสร้างปัญหาหรือมีปัญหากับใครเลย แถมการที่เราได้มาทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับความตายเป็นประจำ ยิ่งทำให้ได้รู้ว่าชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอนเลยครับ มีขึ้นมีลง มีผิดมีถูก มีรู้มีไม่รู้ มีเกิดและดับไป ดังนั้นสำหรับตังค์ ตังค์แค่อยากมีความสุขอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ตังค์ก็พอใจแล้วค้าบบ แถมตอนนี้รู้แล้วด้วยว่าตังค์ไม่ได้อยู่แบบโดดเดี่ยว แต่มีเพื่อนๆครอบครัวเวรชันสูตรที่คอยอยู่ support ตังค์เสมอ แค่นี้ก็แฮปปี้สุด ๆ ละค้าบ

‘หมอชลน่าน’ จัด“โครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ปัตตานี” จัดคลินิกคัดกรองมะเร็ง-ทันตกรรม-ตรวจความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็ก ช่วยเข้าถึงการผ่าตัดแก้ไขปัญหา 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ จังหวัดปัตตานี ที่ โรงเรียนสายบุรี “แจ้งประชาคาร” และ โรงเรียนเทศบาล 6 บ้านบางตาหยาด ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทาง รวม 21 คลินิก ดูแลประชาชนชาวสายบุรีกว่า 2,000 คน เน้นดูแลปัญหาสุขภาพตามบริบทพื้นที่ อาทิ คลินิกคัดกรองความผิดปกติของใบหน้าและมือในเด็ก เพื่อส่งเข้ากระบวนการแก้ไขปัญหาและรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่อสม.ในพื้นที่ร่วมพิธี และกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมพาหมอไปหาประชาชนฯ เป็นประจำในวันหยุดทุกสัปดาห์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาด้านการแพทย์เฉพาะทางให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกหน่วยแพทย์ไปแล้ว 41ครั้ง มีประชาชนเข้าถึงบริการแล้วกว่า 159,000 ราย ได้เข้ารับหัตถการเฉพาะทาง 2,433 ราย และหัตถการเฉพาะทางคัดกรองมะเร็ง ถึง 8,340 ราย

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นปัญหาสุขภาพของเด็กที่พบในจังหวัดปัตตานีจำนวนมาก สาเหตุจากการตั้งครรภ์หลายครั้งทำให้โฟลิคในร่างกายต่ำ โดยในปี 2565-2566 มีผู้ป่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ประมาณ  40 ราย/ปี ในวันนี้จึงมีการจัดคลินิกคัดกรองความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็กขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อค้นหาเด็กที่มีความผิดปกติ อาทิ ปากแหว่งเพดานโหว่ นำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาและผ่าตัดศัลยกรรมที่โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งกระบวนการดูแลรักษาเดิมจะเป็นการติดตามต่อเนื่องตั้งแต่หลังคลอดและแก้ไขปัญหาให้ตั้งแต่เด็กอายุยังน้อยๆ เพื่อป้องกันการปฏิเสธการรักษา โดยทำการผ่าตัดใส่เพดานเทียม (Obturator) ซึ่งทำได้ทันทีหลังคลอด เด็กจะสามารถดูดนมและเจริญเติบโตได้ตามวัย ส่วนเด็กที่คลอดในโรงพยาบาลชุมชนและพบความผิดปกติ จะประสานกับทันตแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร (Maxillofacial) และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic and Reconstructive Surgery) ของโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งหลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และมีคุณภาพชีวิตดีที่ขึ้น

สืบนครบาล ร่วมสืบ114 รวบสาวสองกระชากสร้อยหลังหลบหนีกบดานสำนักสงฆ์กว่า 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่ามีคนร้าย ข้อหา วิ่งราวทรัพย์ ได้ไปอาศัยใบบุญสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาปิดบังความผิด หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 2 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งกำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ดำเนินการจับกุมตัวให้ได้

ต่อเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ปฏิบัติราชการ  สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมนักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 114 (ชป.2) ดำเนินการจับกุมตัว

นายอมรเทพ อาทะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 74 หมู่ที่9 ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.98/2565 ลงวันที่ 2 พ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่บริเวณ สำนักสงฆ์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลากลางวัน นายอมรเทพ ได้ขับรถจักรยานยนต์ Honda Wave สีเขียว ของน้องสาว ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังร้านขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณหมู่บ้านบ้านเงี่ยง ขณะจอดซื้อก๋วยเตี๋ยว เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวสวมสร้อยคอทองคำ หนักประมาณ 1 บาท บริเวณคอ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาศัยช่วงเวลาที่แม่ค้าเผลอกระชากสร้อยคอทองคำฯ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย เป็นหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 191/2563 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ในการกระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาดังกล่าวได้ทำการกระชากสร้อยคอทองคำฯ ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปจริง จากนั้นได้นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สถานที่จับกุมบริเวณ สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 
นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวทิ้งท้ายว่าผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่เป็นมารร้ายในสังคม ทำผิดแล้วไปชุบตัว แสร้งทำดี แอบแฝงตัวในสำนักสงฆ์ เวรกรรมมันตามทัน โปรดอย่าใช้วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่ล้างมลทิน สร้างความเสริมศรัทธาแก่ชาวบ้าน ยิ่งหนียิ่งไม่รอด

‘MAZDA’ คิกออฟ!! MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 สานฝันเด็กไทย ก้าวสู่ 'โปรกอล์ฟระดับโลก' ผู้ชนะได้สิทธิตะลุยถิ่นลุงแซม

(21 เม.ย.67) มาสด้าแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ร่วมมือกับ The Agency Recruiter เอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาให้เยาวชนจากทั่วโลก เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่สนใจกีฬากอล์ฟได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นโปรกอล์ฟมืออาชีพในอนาคต พร้อมโอกาสในการรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการจุดประกายความฝันครั้งสำคัญของเยาวชนไทยสำหรับการก้าวไปสู่ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลก นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024’ จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสและเป็นการจุดประกายให้กับนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิง ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันกอล์ฟในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที ซึ่งการเดินทางไปเล่นที่สหรัฐอเมริกาจะมีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดังและมหาวิทยาลัยชั้นนำมาคอยสังเกตุการณ์ทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคลคน หรืออาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในโอกาสต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 
“ถือเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญสำหรับเยาวชนไทย ที่ทางมาสด้าได้สิทธิ์จากทัวร์นาเมนต์กอล์ฟเยาวชนชื่อดังระดับโลกมาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับแบรนด์มาสด้าเรามีความเชื่อในคุณค่าของการ uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิต มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ Challenger Spirit ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เสมือนกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกฝนทักษะ มีความมานะอุตสาหะ ต่อสู้กับตนเองและสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตต่อยอดไปจนถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ”

สำหรับกำหนดการจัดการแข่งขัน MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ครั้ง และ 2 สนาม โดยสนามแรกจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนักกอล์ฟเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 132 คน ส่วนสนามที่ 2 เตรียมจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป ซึ่งการคัดเลือกสำหรับสนามที่ 2 ทางมาสด้าและพันธมิตรยังคงได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน โดยจะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเฉพาะลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าและสมาชิกครอบครัวมาสด้าเท่านั้น ที่มีเยาวชนอายุระหว่าง 12-19 ปี ซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเดินทางสู่การเป็นโปรกอล์ฟ โดยเตรียมจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟเยาวชนขึ้นในเดือนกันยายน 2567 เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุด จำนวน 24 คน เป็นเยาวชนชาย 12 คน และเยาวชนหญิงอีก 12 คน เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย 

ฮือฮา!! 'ฮอนด้า' ผนึกพันธมิตร คลอด 3 รุ่น EV โชว์ 'ออโต้ไชน่า' พร้อมปรับโฉมโลโก้ H ใหม่โดยเฉพาะ หวังเจาะตลาด EV จีน

(21 เม.ย.67) งานออโต้ ไชน่า ที่จะเริ่มปลายเดือนเมษายนนี้ ที่เมืองปักกิ่ง ฮอนด้า ประกาศออกมาแล้วว่าจะเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าใหม่ 3 รุ่นที่มาจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรเหล่านี้ในฐานะที่เป็น Local Content นั่นคือ Ye Series ซึ่งจะประกอบด้วย S7 และ P7 Series ส่วนอีกรุ่นคือ GT Series และแน่นอนว่ารถยนต์เหล่านี้ไม่ได้ใช้โลโก้ดั้งเดิมของ H ที่เราคุ้นเคย แต่จะเป็นตัว H ที่ถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับทำตลาดในจีนโดยเฉพาะ

รุ่นแรกที่จะถูกเปิดตัวขายก่อนคือ S7 และ P7 ซึ่งมีคิวลงขายในจีนช่วงปลายปี 2024 โดยทั้งคู่จะมีตัวถังเดียวกัน ต่างกันที่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เดี่ยวแบบล้อหลัง หรือว่าการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ในแบบทวินมอเตอร์ ส่วน GT Series ซึ่งมาในแบบรถยนต์ฟาสแบ็คขนาด D-Segment จะเริ่มลงตลาดในปลายปี 2025

นอกจากนั้น ฮอนด้า ยังวางแผนเปิดตัวรถยนต์ที่มาจาก Ye Series รวมทั้งสิ้นอีก 6 รุ่นภายในปี 2027 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหากเริ่มต้นด้วยตัวคนเดียว

‘ภูเก็ต’ จัดรถเมล์ฟรี รับ-ส่งนักท่องเที่ยว วิ่งรอบเมืองเก่า ตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม เริ่ม 9 พ.ค.นี้

(21 เม.ย.67) บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด ร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน เปิดตัวโครงการ Phuket Smart Bus EV เส้นทางเมืองเก่า โดยนำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ให้บริการฟรีแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ลดมลพิษทางอากาศ ขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยและการท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2567 ให้บริการทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.

เส้นทางเดินรถรอบเมืองเก่า เริ่มต้นจากจุดจอดรถ ไปตามถนนหลวงพ่อ ต่อด้วยถนนดีบุก จอดจุดที่ 1 ตรงข้ามโครงการไลม์ไลท์ ภูเก็ต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเทพกษัตรี จอดจุดที่ 2 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย สาขาภูเก็ต (ตรงข้ามหอนาฬิกาพรหมเทพ) เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพังงา จอดจุดที่ 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารภูเก็ตแห่งที่ 1 (บขส.1) กลับมาที่ถนนพังงา จอดจุดที่ 4 โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนมนตรี จอดจุดที่ 5 ตรงข้ามโรงแรมเพิร์ล ผ่านวงเวียนหอนาฬิกา ไปตามถนนดิลกอุทิศ 1 เลี้ยวขวา จอดจุดที่ 6 ตลาดเกษตร ออกจากตลาดเกษตร เลี้ยวขวาไปตามถนนอ๋องซิมผ่าย จอดจุดที่ 7 ร้านออฟฟิศเมท สาขาภูเก็ต

เลี้ยวขวาไปตามถนนภูเก็ต จอดจุดที่ 8 ร้านโกอ่างซีฟู้ด ผ่านวงเวียนหอนาฬิกา จอดจุดที่ 9 ตรงข้ามตึกแดงพลาซ่า เลี้ยวซ้ายไปตามถนนรัษฎา จอดจุดที่ 10 ร้านคอฟฟี่ ทอล์ค ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต จอดจุดที่ 11 ตรงข้ามธนาคารกรุงไทย สาขาภูเก็ต วนวงเวียนน้ำพุไปยังถนนเยาวราช จอดจุดที่ 12 ธนาคารอิสลาม สาขาภูเก็ต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกระบี่ จอดจุดที่ 13 พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เลี้ยวขวาไปตามถนนดีบุก จอดจุดที่ 14 ถนนดีบุก จอดจุดที่ 15 วัดมงคลนิมิตร จอดจุดที่ 16 โครงการไลม์ไลท์ ภูเก็ต เป็นป้ายสุดท้าย ก่อนถึงจุดจอดรถ

นายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ตที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาศัยการใช้พลังงานสะอาดในการลดมลพิษ และยกระดับการดำเนินชีวิตของประชาชนและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานโครงการต่างๆที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเห็นควรร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green City) เพื่อทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม คล่องตัว มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

‘ผบ.ทอ.’ ส่งชุดปฏิบัติการ บินดับไฟป่า ‘เชียงใหม่-เชียงราย’ หวังบรรเทาความเดือดร้อน ให้แก่พี่น้องประชาชนโดยเร็ว

(21 เม.ย.67) พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสนับสนุนการบินควบคุมไฟป่า กองทัพอากาศ (ส่วนหน้า) ซึ่งวางกำลังอยู่ที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนอากาศยาน เพื่อปฏิบัติภารกิจในการบินควบคุมไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วยเครื่องบิน DA-42 ติดตั้งระบบ Video Downlink (VDL) สำหรับถ่ายทอดภาพสถานการณ์แบบ Real Time เพื่อบินลาดตระเวนค้นหาพื้นที่ไฟป่า เส้นทางบิน กองบิน 41 – อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย – อำเภอเชียงดาว – อำเภอเเม่แตง – อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ – กองบิน 41

เครื่องบิน BT-67 ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับบรรทุกน้ำและสารควบคุมไฟป่า เพื่อปฏิบัติภารกิจบินโปรยน้ำควบคุมไฟป่าบริเวณ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ กองทัพอากาศยังคงสนับสนุนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนโดยเร็ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top