Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

‘เจมส์ เรืองศักดิ์’ โพสต์ถึงเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ขนลุกซู่!!...ผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย นั่งหมายเลขเดียวกัน

(13 มิ.ย. 68) จากกรณีเที่ยวบิน AI171 ของสายการบิน Air India ตกหลังบินขึ้นจากเมืองอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดพบว่าผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของโศกนาฏกรรมนี้ นั่งอยู่ที่หมายเลข 11A

เหตุการณ์นี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ เครื่องบินโบอิ้ง 787‑8 ดรีมไลเนอร์ ตกกระแทกอาคารแพทย์หลังขึ้นบินเพียง 625 ฟุต คร่าชีวิตผู้โดยสาร-ลูกเรือ 241 คน บาดเจ็บกว่า 60 คน ขณะที่ชายเชื้อสายอินเดีย-อังกฤษวัย 40 ปี ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว นั่งที่ริมหน้าต่าง 11A และสามารถหนีออกจากซากเครื่องก่อนเกิดไฟลุกไหม้

เจมส์ เรืองศักดิ์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “ขนลุกมาก เขานั่งหมายเลขเดียวกับผม 11A” ทำให้ย้อนเตือนเหตุการณ์ในปี 2541 ที่รอดชีวิตจากเที่ยวบิน TG261 ของการบินไทย ประสบอุบัติเหตุขณะพยายามร่อนลงจอดที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวนจากอิทธิพลของพายุจิล

โดยในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 101 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน 'เจมส์ เรืองศักดิ์' เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รอดตายจากเหตุการณ์นั้น ส่วนสาเหตุของการตกไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดสู่สาธารณะมากนัก มีเพียงความพยายามระบุว่าสาเหตุการตกน่าจะมาจากการหลงสภาพการบินในการลงจอดเวลากลางคืนในสภาพอากาศที่มีลมแรง

ทั้งนี้ เจมส์ยังได้ย้ำว่าตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิง เป็นเครื่องเตือนใจให้อยู่กับปัจจุบัน ใช้ชีวิตด้วยสติ และไม่ประมาท พร้อมปฏิเสธข่าวลือว่าเขาได้นั่งเครื่องบินฟรีตลอดชีวิต โดยยืนยันว่าไม่เคยมีสิทธิพิเศษใดๆ

'รักชนก-สหัสวัต' หอบหลักฐานร้อง ป.ป.ช. ฟัน 'สุชาติ' ปม ‘ประกันสังคม ’ซื้อตึกแพงเกินจริง

‘รักชนก-สหัสวัต’ ยื่นคำร้อง ‘ป.ป.ช.’ สอบ ‘สุชาติ’ พ่วงปลัดแรงงาน ปมซื้อตึกสกายไนน์แพงเกินจริง 2 เท่า ฟาด ‘นายกฯ’ ตั้งใครเป็น รมต. ควรเกรงใจประชาชน-ผู้ประกันตนด้วย

(13 มิ.ย.68) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน พร้อมด้วย นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อคราวดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เมื่อคราวดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) อนุมัติเงินกองทุนประกันสังคมลงทุนในกองทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพรม์ แอสเซท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีโครงการอาคาร Cas Centre หรืออาคารสกายไนน์ (SKYY9 Centre)

และนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อดีตปลัดกระทรวงแรงงานช่วงปี 2564 – 2567 ที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) โดยตำแหน่ง ได้กระทำความผิดตามมาตรา 172 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

โดยนายสหัสวัต กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมาพวกตนติดตามการดำเนินงานของ สปส. พบปัญหาทุจริตหลายอย่าง เรื่องหนึ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจคือการซื้อตึกสกายไนน์ เห็นผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ออกมาแล้วยืนยันว่ามีความผิดปกติ วันนี้จึงมายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อยื่นสอบนายสุชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในขณะนั้น รวมถึงองคาพยพทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตึกนี้ เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกันตนจำนวนมาก เงินซื้อตึกมาจากเงินที่ผู้ประกันตนทำงานและส่งเงินสมทบเข้ามาแต่กลับถูกนำไปใช้อย่างไม่สมเหตุสมผล วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยขอฝากคำถามถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่า จะตั้งคนแบบนี้ ที่มีคดีอยู่ใน ป.ป.ช. ทั้งคดีทุจริตและคดีค้ามนุษย์ เรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการที่ส่งแรงงานไทยไปเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในต่างประเทศ ให้เป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ ตอนนี้ประชาชนจับตาดูอยู่ว่าโผ ครม. จะไปในทิศทางไหน

ด้านนางสาวรักชนก กล่าวยืนยันว่า มูลค่าที่แท้จริงของตึกสกายไนน์กับราคาที่ สปส. ซื้อนั้นไม่สอดคล้องกัน หลังจากพวกตนออกมาพูดก็ถูกสุชาติฟ้อง อย่างไรก็ตามยืนยันมาตลอดว่า ทุกอย่างที่พูดไม่ได้ต้องการโจมตีใคร แต่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกันตน โดยหลังจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการสอบฯ ผลออกมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า มูลค่าของตึกอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,200 ล้านบาท แต่ประกันสังคมกลับทุ่มเงินซื้อสูงถึง 7,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แล้ว ตนหวังอย่างยิ่งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว นำคนผิดมาลงโทษ

ทั้งนี้ อาคารสกายไนน์เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2540 ก่อนหยุดชะงักและถูกทิ้งร้างมานานหลายปี จนกระทั่งปี 2559 มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทบริษัท AGRE101 จำกัด ปัจจุบันคือ บริษัท ไพรม์ ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด เริ่มปรับปรุงอาคารแต่ยังคงไม่สมบูรณ์และไม่มีการใช้งานที่ชัดเจน สำหรับประเด็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งคือเรื่องของมูลค่าอาคาร ในปี 2565 บริษัทที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประเมินอยู่ที่ 7,300 – 8,000 ล้านบาท แต่สมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กลับประเมินมูลค่าอาคารดังกล่าวไว้เพียง 3,400 – 3,800 ล้านบาท แตกต่างจากราคาที่สำนักงานประกันสังคมเข้าลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

โดยช่วงเดือนมีนาคมปี 2566 สำนักงานประกันสังคมได้เข้าลงทุนในกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพรม์ แอสเซท ซึ่งกองทรัสต์นี้ได้เข้าซื้อบริษัท AGRE101 จำกัด ที่ถือครองอาคารสกายไนน์ในราคา 6,900 ล้านบาท สูงกว่าราคาประเมินที่แท้จริงอย่างมาก การจัดซื้ออาคารดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่อาคารยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่มีผู้เช่าหรือรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ ขัดต่อเป้าหมายที่ต้องการจะสร้างรายได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังขาดการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน (ROI) และการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

การดำเนินการดังกล่าวของสำนักงานประกันสังคม ส่งผลให้บริษัท ไพรม์ ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ได้รับเงินจากการขายอาคารมูลค่า 6,900 ล้านบาท อาจมีการทุจริตเกิดขึ้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ภายในกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมของเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และกองทุนประกันสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ประกันตน เนื่องจากเป็นการจัดซื้อที่ไม่โปร่งใสและไม่คุ้มค่าในการลงทุน ส่งผลให้เงินจากกองทุนประกันสังคมที่มีไว้เพื่อดูแลสุขภาพและสวัสดิการของผู้ประกันตนถูกใช้ไปในโครงการที่ไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนได้

การนำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุนดังกล่าว มี นายบุญสงค์ เลขาธิการ สปส. ขณะนั้น เป็นผู้ลงนาม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีการตรวจสอบสัญญาการก่อตั้งทรัสต์ ไม่ได้สอบทานความถูกต้องของการประเมินทรัพย์สินและตรวจสอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนแต่ประการใด อาจมีการทุจริตเพื่อหาส่วนต่างของมูลค่าที่สูงเกินความเป็นจริง ทำให้กองทุนประกันสังคมได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจากผลการอนุมัติดังกล่าว

ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม รับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในกระทรวงแรงงานให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา กลับปล่อยปละละเลยให้มีการลงทุนซื้ออาคารดังกล่าวที่อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 มาตรา 20 ประกอบมาตรา 35 พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 เช่นเดียวกับ บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงานในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารองจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปล่อยปละละเลยให้มีการลงทุนซื้ออาคารดังกล่าวที่อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 ประกอบ พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 28 (1) และมาตรา 30 ว่านายสุชาติ, นายบุญชอบ และ นายบุญสงค์ ได้ดำเนินการ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการ ให้เกิดผลเสียต่อกองทุนประกันสังคม ตลอดจนไต่สวนหาข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจ นายสุชาติ, นายบุญชอบ และนายบุญสงค์ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ด้วยหรือไม่

‘ถนอม’ ยก ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองที่ควรอนุรักษ์ ชี้รทสช.วุ่น เหตุคนกลุ่มหนึ่งพลาดเงินหนุนกลุ่มทุนพลังงาน

นายถนอม อ่อนเกตพล ผู้จัดรายการ 'ฟังชัด ๆ ถนอมจัดให้' โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รวมถึงความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ...

'พีระพันธุ์' นักการเมืองที่ไม่น่ารัก แต่ควรอนุรักษ์

ข่าว สส.พรรค รทสช.เคลื่อนไหวปลดคุณพีระพันธุ์ ออกจากหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีพลังงาน เสมือนหนึ่งว่า คุณพีระพันธุ์เป็นคนไม่ดี เป็นอันตรายต่อประเทศประชาชนที่ต้องกำจัดให้พ้นไปจากวิถีการเมืองน้ำเน่า

'พีระพันธุ์' ที่ผมรู้จักเป็นคนอย่างไร 

1.คุณพ่อเป็นทหารเคยดูแลพลังงานของประเทศ อยากเป็นนักบินแต่มีปัญหาเรื่องสายตาจึงมาเรียนนิติศาสตร์เป็นผู้พิพากษา เหล่านี้ อาจจะหล่อหลอมให้คุณพีระพันธุ์เป็นคนที่มีทั้งระเบียบ วินัย และเคร่งครัดในกฎระเบียบ ตรงไปตรงมา ค่อนข้างจะขวานผ่าซาก 

2.คุณพีระพันธุ์ เป็นกรรมาธิการงบประมาณที่ทหารทุกเหล่าทัพต้องระมัดระวังในการชี้แจง เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องกองทัพจริงคนหนึ่ง   

3.ครอบครัวคุณพีระพันธุ์ เป็นครอบครัวที่มีเงิน มีทรัพย์สินมั่งคั่งมากพอที่จะเลี้ยงดู สส.ในสังกัดให้พอใจอยู่ด้วยได้ แต่ไม่ทำ

4. คุณพีระพันธุ์ มีความเป็นตัวตนแบบเฉพาะตัวที่มีจุดยืนและเป้าหมายในการทำงานการเมืองในรูปแบบที่ตนเองต้องการตามอุดมการณ์คิดของตัวเอง จึงมาร่วมมือกับลุงตู่ สร้างพรรคในอุดมการณ์ 

ด้วยคุณสมบัติ 4 ข้อดังกล่าว จึงทำให้นักการเมืองจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วมสังกัด อาศัยบารมีลุงตู่และคุณพีระพันธุ์เข้าสภากันหลายคน 

โดยจำนวนหนึ่งคาดหวังจะได้รับการสนับสนุนเงินจากทุนพลังงาน แต่พอถึงเวลาไม่ได้มีเงินจากทุนพลังงานทั้งช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง จึงทำให้นักการเมืองกลุ่มหนึ่งผิดหวัง  

ต่อเมื่อมีคนบางคนตั้งโต๊ะเป็นเจ้ามือคอยดูแล และมีกลุ่มทุนพลังงานเดิมจะเข้ามาหนุนในนามพรรคการเมืองใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา จึงพากันเอาใจออกห่าง 

ปัญหาของคุณพีระพันธุ์เวลานี้ คือ 
1. ไม่เอาใจทุนพลังงาน ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาล 
2. ไม่เอาใจเลี้ยงดู สส. เหมือนเจ้ามือบางคน 
3. ขออะไรส่วนตัวก็ไม่ได้  

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นอุปสรรคในการทำงานการเมืองของนักการเมืองบางคน 
จึงหาทางออกจากพรรค 

ตรงกันข้ามกับคุณชัชวาล คงอุดม หรือ 'ชัช เตาปูน' และลูกชาย ชื่นชอม คงอุดม คนที่มีความมั่งคั่งเหลือพอที่จะให้การช่วยเหลือคน โดยไม่ต้องขอใครกิน ยังให้การสนับสนุนคุณพีระพันธุ์อย่างเต็มที่ 

คุณชัชวาล เล่าให้คุณต้นทางท็อบนิวส์ฟังว่า....ตอนคุณพีระพันธุ์สู้คดีค่าโง่โฮปเวลที่ศาลปกครองตัดสินแล้วให้ การรถไฟ กระทรวงคมนาคม ชดใช้ค่าโง่กว่า 2 หมื่นล้านพร้อมดอกเบี้ยในสมัยลุงตู่ มีคนเสนอให้คุณพีระพันธุ์ 1 หมื่นล้าน ให้หยุดทำเรื่องนี้ แต่คุณพีระพันธุ์ไม่หยุด สู้คดีจนชนะคนไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่ที่นักการเมืองคนหนึ่งก่อไว้แม้แต่บาทเดียว 

นักการเมืองแบบนี้ ถ้าคนไทยไม่อนุรักษ์พีระพันธุ์ไว้ แล้วเราจะให้มีนักการเมืองพันธุ์ไหนมาบริหารประเทศ 

ผมไม่ได้รู้จักคุณพีระพันธุ์ส่วนตัว แต่ผมแน่ใจว่า ... 

ถ้าผมจะไปขอผลประโยชน์สนับสนุนส่วนตัวจากคุณพีระพันธุ์บ้างก็คงไม่ได้ และบอกเลยว่าอย่าแม้จะคิด แต่ถ้าเป็นประโยชน์เพื่อชาวบ้าน ผมแน่ใจว่า คุณพีระพันธุ์ ไม่ละเลย อย่างเช่น 'ชุดสุดซอย' ที่นำโดยคุณโอ๋ ฐิติภัสร์ 

ถ้าพีระพันธุ์ไม่ใช่ของแท้ ลุงตู่คงไม่เอามาเป็นที่ปรึกษาและมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใกล้ชิดติดตัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน    

ดังนั้น สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ประสงค์จะให้ใครเห็นด้วย ไม่ประสงค์จะยกย่องใครและทับถมใครเป็นการส่วนตัว แต่หากผมไม่ปกป้องคนที่ทำประโยชน์ส่วนรวมให้ประเทศชาติแล้ว แล้วเราจะปกป้องประเทศชาติไปทำไม ปล่อยให้เขมรมันยึดไปเลย 

และถ้าเราไม่ปกป้องนักการเมืองดี ๆ ไว้ แล้วเราจะมีคนดีๆที่ไหนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประชาชน และถ้าเราไม่รักษานักการเมืองดี ๆ ไว้ ก็เท่ากับเราทำลายคนดี ๆ และทำลายตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

'สหพันธ์กุนขแมร์' สั่งแบนนักมวยไทย ประกาศห้ามขึ้นชกในกัมพูชา เริ่มมีผลวันนี้

(13 มิ.ย. 68) กระทรวงสารสนเทศของกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่า สหพันธ์มวยกุนขแมร์ (Khmer Kun Boxing Federation) ได้ออกประกาศสำคัญแจ้งไปยังสถานีโทรทัศน์ สโมสร และพันธมิตรผู้จัดแข่งขันในประเทศกัมพูชา ให้ยุติการจัดคู่แข่งขันระหว่างนักมวยไทย (ทั้งชายและหญิง) ในรายการกุนขแมร์ที่จัดขึ้นในประเทศกัมพูชา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

แถลงการณ์ของสหพันธ์ฯ ระบุว่า “มติดังกล่าวเป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อระงับการจัดคู่แข่งขันทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักมวยไทยในทุกรายการแข่งขันภายใต้การกำกับดูแลของสหพันธ์ฯ ในกัมพูชา โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักกีฬา คณะกรรมการจัดงาน ผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน และประชาชนทั่วไป โปรดปฏิบัติตามด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงยิ่ง”

โดยการประกาศครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งคาดว่าการตัดสินใจของสหพันธ์กุนขแมร์ที่จะหยุดนำนักมวยไทยเข้าร่วมแข่งขันในประเทศตนเองนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักมวยไทยหลายคนที่เคยเดินทางไปชกและสร้างชื่อเสียงในสังเวียนกัมพูชา รวมถึงอาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการมวยในภูมิภาคนี้

ทหารไทย-ลาว ประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ตามแนวชายแดน         

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดหนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์) ร่วมกับ กองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดการประชุมระหว่างชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ตามบริเวณแนวชายแดนไทย - ลาว  

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดหนองคาย - นครหลวงเวียงจันทร์) ร่วมกับ กองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดการประชุมระหว่างชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว โดยมี พันเอก จักรพงษ์  โพธิ์นาแค รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทน พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดหนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์) เป็นประธาน (ฝ่ายไทย) และ พันเอก บุนลิด สีสุพอน หัวหน้ากองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว - ไทย (นครหลวงเวียงจันทน์ - จังหวัดหนองคาย)เป็นประธาน (ฝ่ายลาว) พร้อมด้วย ผู้บังคับหน่วยป้องกันชายแดน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ (ฝ่ายไทย) และ (ฝ่ายลาว) เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องเกียรติยศ ด่านสากลสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 1 นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 

โดยการประชุมในครั้งนี้เพื่อหารือข้อราชการ และการบูณาการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดข้ามแดน และป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ตามแนวชายแดนไทย - ลาว อีกทั้งยังได้ประสานการจัดตั้งจุดประสานงานชายแดน ระหว่าง อำเภอของไทย กับ เมืองของ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ การดำเนินการโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน พร้อมทั้ง การขยายผลโครงการทหารพันธุ์ดี เพื่อขยายผลความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการจัดการลาวตระเวนร่วม และการฝึกร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถประสานงานกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ทันเวลา 

ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบให้โอวาทและมอบของบำรุงขวัญแก่ทีมฟุตบอลกองทัพเรือ ก่อนร่วมการแข่งขันกีฬากองทัพไทย ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ (12 มิ.ย. 68) พลเรือโท วัชระ พัฒนรัฐ ประธานกรรมการฟุตบอลกองทัพเรือ และผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ให้โอวาทและมอบของบำรุงขวัญแก่ทีมฟุตบอลกองทัพเรือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจก่อนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในการแข่งขันกีฬากองทัพไทย ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–27 มิถุนายน 2568

ในการนี้ พลเรือตรี อโศก ศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลกองทัพเรือ และนาวาโท นักรบ บางพระ ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอน เป็นผู้แทนทีมฟุตบอลเข้ารับโอวาท ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ

การแข่งขันกีฬากองทัพไทยนับเป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างความสามัคคีและศักยภาพของกำลังพลกองทัพไทย โดยทีมฟุตบอลกองทัพเรือมีความมุ่งมั่นที่จะทำผลงานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพต่อไป

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดกิจกรรมพายเรือกระเชียงในทะเล เพื่อฝึกความเป็นชาวเรือให้แก่น้องเล็กของกองทัพเรือ

เมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 68) น.อ.ฐิติวัชร ภัทรเกียรติวงศ์ รองผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ (สายงานการศึกษา) นำทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 จำนวน 120 นาย ทำการฝึกพายเรือกระเชียงในทะเล โดยมอบแนวทางการฝึกในการสร้างความเป็นชาวเรือ คือ "ความอดทน ความสามัคคี เสมือนการสร้างเหล็กในคน" ณ บริเวณท่าเรืออ่าวเกล็ดแก้ว โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ อยู่ภายใต้กรอบของความปลอดภัยตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ “NAVY-SAFETY 2025”

ตม.ดอนเมือง จับกุมชาวจีนตามหมายจับคดีฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ

เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 68) เวลา 05.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.อติศักดิ์ ปัญญา ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามชุดที่ 2 ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง กวดขันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงราย ตามที่ได้รับเบาะแสว่าจะมีการเดินทางออกนอกประเทศของผู้ต้องหารายนี้ ด้วยสายการบินไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL100 ปลายทางประเทศสิงคโปร์

จากการวางกำลังตรวจสอบบริเวณโถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบชายชาวจีนต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงหลักฐานและตรวจสอบจนแน่ชัดว่าบุคคลดังกล่าวตรงตามหมายจับ ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน

ผู้ต้องหาคือ MR. HUANG (นายหวง) อายุ 39 ปี สัญชาติจีนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงราย ที่ 50/2568 ลงวันที่ 16 พ.ค.68 ในข้อหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”

ในระหว่างการจับกุม ผู้ต้องหาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ตม.ทอ.ดอนเมือง จึงมอบหมายให้ จ.ส.ต.สุวพันธ์ อุตส่าห์ ผบ.หมู่ ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลสิทธิและพฤติการณ์ในการกระทำความผิดให้ผู้ต้องหารับทราบ

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่ผู้เสียหายชาวจีน 2 ราย มอบหมายให้ทนายเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เม.ย.68 ขณะทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่อำเภอแม่สาย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเหรียญดิจิทัล (Bitcoin) และได้มีการโอนเหรียญ Bitcoin จำนวน 2 ครั้ง รวมมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหา แต่ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับเงินตอบแทนใด ๆ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง

หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ ตม.ทอ.ดอนเมือง ได้ประสานส่งตัวผู้ต้องหาให้ สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

‘ปธน.มาครง’ ของฝรั่งเศส เสนอช่วยปมพิพาทชายแดน ยินดีจัดหาเอกสารให้ ‘ไทย-กัมพูชา’ หากต้องการ

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แสดงความพร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาเอกสารให้แก่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา หากจำเป็น เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยเปิดเผยระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลดังกล่าวเปิดเผยโดยนายฌอง-ฟรองซัวส์ ตัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระหว่างแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มิถุนายน โดยระบุว่าการพบปะกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเยือนฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร ครั้งที่ 3

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ย้ำจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ปัญหาชายแดนกับไทยผ่านแนวทางสันติวิธี โดยเสนอ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ การรักษามิตรภาพกับไทย, การเสนอข้อพิพาทปราสาทและพื้นที่บางส่วนให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ), การร่วมมือผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อรักษาความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน

นายกฯ กัมพูชา ชี้แจงว่า การยกประเด็นข้อพิพาทชายแดนในการหารือกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อชี้แจงจุดยืนของกัมพูชา ไม่ใช่เพื่อขอการสนับสนุนใดเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาครงได้แสดงความพร้อมในการช่วยเหลือด้านเอกสารหรือข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หากมีความจำเป็น เพื่อส่งเสริมแนวทางแก้ไขอย่างสันติ

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศที่เมืองนีซของผู้นำกัมพูชา ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเวทีหนึ่งที่กัมพูชาใช้ในการสื่อสารจุดยืนทางการทูตต่อเวทีโลกเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สภากาชาดไทย ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาส 3 ปีตั้ง ‘สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด’

สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ประจำปี 2568 ในโอกาสครบรอบ 3 ปี “เชิดชูเกียรติอาสาสมัครสภากาชาดไทย SPIRIT OF SUCCESS” ซึ่งตรงกับวันที่ 2 มิถุนายนของทุกปี 

เมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 68)นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีใน พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครกาชาดผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาสครบรอบ 3 ปีของการสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 

จากนั้น นางสุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทยบรรยายพิเศษถึงความสำเร็จของการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมบทบาทของอาสาสมัครกาชาดให้มีส่วนร่วมในการทำประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวขอบคุณและส่งมอบกำลังใจให้แก่อาสาสมัครกาชาด ชมรมอาสาสมัครกาชาด และภาคีเครือข่าย ที่ร่วมกันปฏิบัติงานมาอย่างเข้มแข็งตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยมีอาสาสมัครกาชาดในระบบอาสาสมัครกาชาดจากทั่วประเทศ จำนวน 134,378 คน และกิจกรรม/โครงการเพื่อประชาชน และกลุ่มเปราะบางบนระบบ จำนวน 41,699 รายการ พร้อมทั้งมอบวิสัยทัศน์แนวทางการทำงาน และประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาด ให้อยู่เคียงคู่สภากาชาดไทยสืบไป

โอกาสนี้ นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ประธานในพิธี ได้กล่าวขอบคุณ และมอบกำลังใจแก่อาสาสมัครกาชาด ที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาดให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

เนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ครบรอบปีที่ 3 โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครกาชาดที่ทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะดูแลช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและปฏิบัติภารกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ได้ตระหนักถึงความสำคัญยิ่งของอาสาสมัครกาชาด ถือเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และแสดงความขอบคุณอาสาสมัครสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายที่อุทิศตนทำงานจิตอาสาเพื่อสังคมด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละ

โดยในงานจัดให้มีกิจกรรมจากชมรมอาสายุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด เพื่อเป็นการจัดแสดงผลงานของอาสาสมัครทั่วประเทศ ภายในงานมีผู้เข้ารับการเชิดชูเกียรติ จำนวน 363 คน รวม 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. รางวัลส่งเสริมมาตรฐานชมรมอาสายุวกาชาด
2. รางวัลเชิดชูเกียรติกาชาดหัวใจครู
3. รางวัลวิทยากรแกนนำดีเด่น
4. โล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายโครงการอาสาสมัครป้องกันไข้เลือดออกเพื่อชุมชนจังหวัดตราด ด้วยการบริหารระบบอาสาสมัครทางไกล
5.เข็มผู้อำนวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด 

โดยงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ในการสร้างพลังอาสาสมัครให้เป็นกำลังสำคัญของสภากาชาดไทย มุ่งสร้างและพัฒนา 'อาสาสมัคร' ให้เป็น 'อาสาสมัครที่พึ่งพาได้' ของสังคมและประเทศชาติต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top