Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

'สนธิ-จตุพร' ประกาศกร้าวไม่อ่อนข้อให้กัมพูชา พร้อมส่งสัญญาณให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชายแดน

'สนธิ-จตุพร' ประกาศกร้าวไม่ขออ่อนข้อให้กัมพูชา ชู 6 มาตรการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชายแดน จี้ให้ยกเลิก MOU 43 ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ใน JBC

(10 มิ.ย. 68) ที่ศูนย์ร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยกลุ่มแนวร่วมที่สนับสนุน รวมถึงนักวิชาการและประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินจำนวนมาก เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ นายวีระ สมความคิด นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ นายใจเพชร กล้าจน นายคมสัน โพธิ์คง นายประพันธ์ คูณมี ฯลฯ ทยอยเดินทางมารวมตัวเพื่อ แสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยกรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนกับกัมพูชา

ทั้งนี้ นายสนธิ และคณะ ได้ยื่นหนังสือผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ถึง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงสาย มีบรรดาผู้สนับสนุนเดินทางมาร่วม อาทิ กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมกับป้ายข้อความแสดงจุดยืนต่างๆ อาทิ การยกเลิก MOU43 และ MOU44 ที่ไม่จำเป็นต้องมี รวมถึงการเพิกถอน JC 2544

"ผมยืนยันถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย และทำให้รัฐบาลชั่วช้า จะลงถนนตนไม่ขัดข้องถึงอายุ 78 ปี จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตายตนก็ยินดี และเชื่อว่าประชาชน หรือว่าทุกคนบนโต๊ะนี้ร่วมกับผมแน่ และขอฝากถึง นายกฯแพทองธาร นายภูมิธรรม นายทักษิณ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในการเจรจาทวิภาคี คือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไร" นายสนธิ กล่าว

ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า แม้มีสัญญาณว่ากัมพูชาจะถอยแต่เราไม่เชื่อ เราเชื่อว่าเป็นการถอยทางยุทธวิธี เพราะปัจจุบันเรายังไม่สามารถไว้วางใจได้ เรายังเห็นท่าทีของกัมพูชาเป็นปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของไทย อีกทั้ง กัมพูชายังประกาศว่าพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เป็นของกัมพูชาและจะนำเรื่องเข้าสู่การตัดสินที่ศาลโลก และกัมพูชายังยึดมั่นในพื้นที่มาตรา 1:200,000 ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการรุกล้ำฝ่ายไทยตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปี 2547 มีการละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 470 ครั้ง อีกทั้ง MOU 2543 สร้างความขัดแย้งให้กับไทย-กัมพูชา มา 25 ปี รวมทั้งกัมพูชายึดเส้นเขตไหล่ทวีปทางทะเลและสร้างสิ่งปลูกเพิ่มยื่นเข้ามาในอ่าวไทย ที่สำคัญกัมพูชาเป็นพื้นที่อาชญากรรมทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทยตลอดแนวชายแดน ไม่ว่าจะกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และการทำลายสัตว์ป่า ป่าไม้ตลอดแนวชายแดนของประเทศไทย ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ทำตาม 6 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 รัฐบาลไทยต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่ยอมรับอำนาจจากองค์กรอื่นหรือประเทศอื่นมาตัดสินในเรื่องอธิปไตยของประเทศไทย และใช้กลไกทวิภาคีเจบีซีเท่านั้น

มาตรการที่ 2 ไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชาและทางสากล ว่า 3 ปราสาทและ 1 ดินแดน เป็นดินแดนอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มีการแบ่งเขตแดนเสร็จสิ้นแล้วระหว่างสยามและฝรั่งเศส ต้องแก้ไขคำพูดของ นายภูมิธรรม ว่าการรุกล้ำของกัมพูชาต้องแก้ไขที่เป็น โนแมนสแตน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทยของราชอาณาจักรไทยเท่านั้น

มาตรการที่ 3 ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000

มาตรการที่ 4 ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ยกเลิกเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และใส่เส้นมัธยะตามหลักสากล

มาตรการที่ 5 สั่งการและมีมติเพิ่มเติมอำนาจต่อรองให้คณะเจรจา ไม่ว่าจะปิดด่าน แก้ปัญหาชายแดนพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาวุธสงคราม ยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ต้องกดดันต่อด่านปอยเปรตและกาสิโนทั้งหมด

มาตรการที่ 6 หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เลวร้าย ไม่สามารถเจรจาได้ ภาคประชาชนสนับสนุนให้กองทัพไทยประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่มาจากความผูกพันทางเครือญาติของผู้นำการเมืองทั้งสองประเทศ หรือการสมยอมผลประโยชน์ส่วนตัวซึ่งกันและกัน โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ

ด้านนายวีระ กล่าวว่า หากใช้เอ็มโอยู 2543 ไปเจรจาเราจะแพ้กัมพูชา แค่เริ่มก็แพ้ และขอให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ทำให้ตนถูกจำคุกที่ กรุงพนมเปญ ให้ยอมรับว่าเราเข้าไปในเขตกัมพูชาทั้งที่เป็นเขตของประเทศไทย กล่าวหาว่าเราเป็นสายลับ ไปโจรกรรมความลับในกัมพูชา ขอยืนยันถ้าไทยจะให้ นายประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ตนว่าประเทศเสียหาย และรัฐบาลแพทองธารต้องรับผิดชอบ เราถูกหลอก รัฐบาลหลอกประชาชน หลักฐานคือเมื่อวานกระทรวงกลาโหมกัมพูชากับ จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกแถลงยืนยันว่ายังไม่ถอนทหารแค่ปรับกำลัง ประเทศไทยกลับออกข่าวว่ามีการถอนทหาร กัมพูชายอมแล้ว

จากนั้น นายสนธิ และแกนนำคนอื่นๆ ได้เดินออกมาพูดคุยกับมวลชน บริเวณด้านหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อพูดคุยถึงข้อตกลงต่างๆ ที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีแล้ว

สำหรับบริเวณด้านหน้า นายจตุพร กล่าวว่า ไทยเสียดินแดนมากกว่าที่เหลือ ช่วงรัชกาลที่ 9และรัชกาลที่ 10 พูดว่าจะไม่ยินยอมเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร และนายทักษิณ เราเห็นเรื่องดินแดนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี การลงพื้นที่ของนายกฯ ตรงข้ามกับแหล่งปัญหาทุกเรื่อง จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อ "โนแมนแลนด์ แปลว่าแผ่นดินไม่มีเจ้าของ แต่แปลว่าชายที่ไม่มีแผ่นดินอยู่" เมื่อมีการยืนยันชัดเจนว่า 3 ประสาทจะนำขึ้นศาลโลก ไม่ประชุมในโต๊ะเจบีซี และประเทศไทยส่ง นายประศาสน์ ไปเจรจาเรื่องประสาท ความเป็นจริงการเจรจาต้องยกเลิกเพราะเจบีซีคือทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ขอเจรจากับกัมพูชา

ด้านนายสนธิ กล่าวกับมวลชนว่า ตนได้ประกาศไปแล้วว่าเรื่องอะไรพอจะรับกันได้นั่นคือ อดทนกันได้ แต่ถ้าเรื่องอธิปไตยของชาตินั้นยอมกันไม่ได้เลย ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องแตกหักกัน ตนเชื่อว่าประเทศไทยคนไทยทั่วประเทศจะเข้ามาร่วมกับตนและพวกเรา ในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติ เพราะว่าเรามีคนไทยใจเขมร แม้กระทั่งประธาน JBC ซึ่งรัฐบาลชุดนี้แต่งตั้ง ที่เป็นอดีตทูตไทยประจำกัมพูชา การเอาอดีตทูตไทยประจำกัมพูชามาเป็นประธาน JBC แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่จริงใจต่อการเจรจา เรามีข้อสรุปว่ากัมพูชายังไม่ได้ถอยจริง เรายื่นข้อเสนอ ว่าถ้ายังแก้ไขไม่ได้เราจะให้ทหารเข้ามาประกาศกฎอัยการศึกเพื่อจัดการกับกัมพูชา และคนไทยขายชาติซึ่งตนมีรายชื่อหมดแล้ว อย่าประมาทประชาชน พวกเราทำอะไรมีเหตุมีผลตลอดเวลา เราไม่รับอำนาจศาลโลก เราไม่ได้คลั่งชาติจะไปรบกับใคร แต่ตนคิดว่าคนไทยไม่กลัวกัมพูชา และทหารไทยไม่กลัวทหารกัมพูชา

"วันนี้เราประสานงานกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะกลุ่มจตุพร พรหมพันธุ์ ผม และอาจารย์ปานเทพ ร่วมมือเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ แล้วไล่ฮุน เซนให้ลงนรกไป" นายสนธิ กล่าว

มุกดาหาร​ -​นรข.เขตนครพนม โดย สน.เรือมุกดาหาร ตรวจยึดสุกรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร

(10 มิ.ย.68) ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านทรายทอง ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จว.มุกดาหาร พิกัด 48QVD 72728 41154 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร สกัดจับ ขบวนการลักลอบส่งออกสุกร โดยไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร จำนวน 1 ตัว และกรงเหล็ก จำนวน 4 กรง

โดย​ น.ท.รุ่งเรือง มาสุทธิ หน.สน.เรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับ จะมีการลักลอบลำเลียงขนสินค้าผิดกฎหมายข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำและทางบก เข้าตรวจสอบตามข่าวที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเมื่อเวลา​ 06.45 น. ชุดลาดตระเวนทั้งสองไปถึงพื้นที่ตรวจพบชายฉกรรจ์ประมาณ 6 คน กำลังลำเลี้ยงสุกรลงไปบริเวณท่าน้ำเมื่อกลุ่มดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งของกลางและใช้ความชำนาญพื้นที่หลบหนีเข้าไปตามภูมิประเทศหลังจากนั้นชุดลาดตระเวณทางบกและทางน้ำได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นสุกรอยู่ในกรง จำนวน 1 ตัว และพบกรงเปล่าสำหรับบรรจุสุกร จำนวน 3 กรง จึงได้ทำการตรวจยึดและนำของกลางกลับมายัง สน.เรือมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย​ต่อไป

วิทยาลัยเกษตรบุรีรัมย์ จับมือ “ ม.เชียงใหม่และ เจริญชัย ” นำนวัตกรรม AI ( NiA ) “ ด้านลดค่าไฟ สู่ลดโลกร้อน ” ยกระดับเกษตรบุรีรัมย์ สู่ AI ต้นแบบนวัตกรรมพลังงาน สะอาด 

(10 มิ.ย. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยกระดับและพัฒนาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ ให้เป็นต้นแบบด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาดและการลดคาร์บอน โดยนายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ในการขับเคลื่อนและพัฒนาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั้งประเทศ ให้พลิกโฉมและพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ได้ประสานงานร่วมกับ “ ERDI-CMU  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัทเจริญชัย หม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ” ซึ่งได้นำ นวัตกรรม NiA 🇹🇭 AI Transformer Green Management Platform พร้อมร่วมส่งเสริม ต้นแบบ ศูนย์นวัตกรรมเกษตรและพลังงานสะอาด ล้ำสมัย ด้าน AI ประหยัด พลังงาน และ Data Analytics เพื่อการเรียนการสอน พร้อมสู่ ประชาชน แบบ AI Real Time

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์โชว์กึ๋น สร้างเกษตรนวัตกรรมดิจิตอลยุคใหม่  วันที่ 5 มิถุนายน 2568 บริหารงานโดย #นายสิทธิชนม์_คำแปล ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ พร้อมคณะผู้บริหาร ครู ร่วมกับ #บริษัทเจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้าจำกัด โดย #นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ ตำแหน่งกรรมการบริหารด้านนวัตกรรม ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย #ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้แทนพิเศษด้านพลังงานสะอาด ร่วมจัดทำแผนพัฒนาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี จะเป็นศูนย์นวัตกรรมเกษตรและพลังงานสะอาดมุ่งสู่ผู้เรียน และประชาชน #ให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เช่น AI, IOT, Drone และ Bigdata อย่างยั่งยืน ณ ห้องบรรยายสรุป วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์
คลิกอ่าน https://www.facebook.com/share/v/18wiFVQa3p/

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และเยี่ยมกำลังพลของกองกำลังสุรนารี  พร้อมทั้งมอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ณ จังหวัดสุรินทร์

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.68) เวลา 09.30 น. ถึง 12.00 น. คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยกรรมาธิการ ได้แก่ นายสมบูรณ์ หนูนวล ร้อยตำรวจเอกฉลอง ทองนะ ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ พร้อมด้วยนักวิชาการ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และเยี่ยมกำลังพล ของกองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 และพลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับ โดยคณะกรรมาธิการได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการปฏิบัติของกองกำลังสุรนารี ณ ห้องประชุมเหมะบุตร นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการได้มีการเยี่ยมเยือนกำลังพล เพื่อให้กำลังใจ และยกย่องเชิดชูในความเสียสละ และอดทนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนในการแก้ไขปัญหา สถานการณ์ความมั่นคง ชายแดนไทย - กัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ 

และในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. ถึง 16.30 น .คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปติดตาม สถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดน บริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน ไทย - กัมพูชา รวมทั้งมอบสิ่งของจำเป็น และพระเครื่อง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้รับทราบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในเรื่องของ ระบบการสื่อสาร การขาดอุปกรณ์ที่ทันสมัย ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาความมั่นคง ปัญหาการขาดยุทธศาสตร์ระดับชาติในการผลักดันส่งกลับชาวกัมพูชาในพื้นที่ที่รุกล้ำแผ่นดินไทย ปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคที่สำคัญ เช่นไฟฟ้าและประปา เป็นต้น ปัญหาการทักท้วงเพื่อรักษาสิทธิในดินแดนของประเทศไทย ยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และประการสุดท้าย คือ การสร้างถนนยุทธศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญ ต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนยังขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยคณะกรรมาธิการจะได้นำข้อมูลที่ได้เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลตามบทบาท ภารกิจ อำนาจและหน้าที่ต่อไป

พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ในวัย 91 ปี

(10 มิ.ย.68) พลเอก สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 01:57 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมอายุได้ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน

พลเอก สุจินดา เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางทหาร อาทิ ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งทำรัฐประหารในปี พ.ศ. 2534 ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา

แม้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลในนาม 'นายกฯ คนนอก' แต่เส้นทางการเมืองของเขาก็สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2535 ภายหลัง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งนำไปสู่การลาออกท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชน

ชีวิตส่วนตัวของพลเอก สุจินดายังเป็นที่จดจำควบคู่ไปกับภริยา คุณหญิงวรรณี คราประยูร (นามสกุลเดิม หนุนภักดี) ซึ่ง ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ขณะมีอายุ 84 ปี ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เช่นกัน

ขอนแก่น - มข. ส่งมอบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสนับสนุนกองทัพ เสริมความมั่นคงชายแดน

(11 มิ.ย. 68) ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่ต้องการการเตรียมพร้อมด้านความมั่นคง มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ได้แสดงจิตวิญญาณความเป็นไทยด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนล้ำสมัย เพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพในพื้นที่ปฏิบัติการ

พิธีส่งมอบ จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 12.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี เป็นประธานในการส่งมอบ  พร้อมด้วยศาสตราจารย์ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน, รศ.นงลักษณ์ มีทอง ผู้อำนวยการโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ และพลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยคณะทหารมณฑลทหารบกที่ 23

การสนับสนุนแบตเตอรี่ เพื่อการปฏิบัติการทางทหารนั้น เป็นรูปแบบการให้ยืมเป็นระยะเวลาชั่วคราว ประกอบด้วย
1. แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน 24V100Ah ซึ่งสามารถนำไปใช้งานสำหรับจั๊ม สตาร์ทเครื่องยนต์รถบรรทุก จำนวน 3 แพ็ก
2. แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน 24V50Ah ซึ่งสามารถนำไปใช้งานสำหรับจั๊ม สตาร์ทเครื่อยนต์ตระกูลนาโต้ จำนวน 3 แพ็ก

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความร่วมมือยาวนานกับกองทัพ และมณฑลทหารบกที่ 23 โดยมีความร่วมมือทั้งในลักษณะกึ่งทางการและเป็นทางการ ผ่านบันทึกความเข้าใจ ซึ่งโรงงานแบตเตอรี่ มข. ไม่เพียงเป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น แต่ยังผลิตแบตเตอรี่เฉพาะทางสนับสนุนกองทัพ ทั้งสำหรับรถถัง ป้อมปืน และอุปกรณ์ Power Supply ต่างๆ” เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ

นอกจากสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กองทัพในภูมิภาคแล้ว โครงการนี้ยังเป็นตัวอย่างสำคัญ ของการแปลงงานวิจัยสู่การใช้งานจริง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ต้องการความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า “เป็นการร่วมสนับสนุนในฐานะประชาชน ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพ” อธิการบดีเน้นย้ำ

พลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 กล่าวขอบคุณ มข. ที่สนับสนุนภารกิจหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์อ่อนไหวตามแนวชายแดน “แหล่งพลังงานสำรองนี้ช่วยให้กองทัพและหน่วยยานเกราะไม่ต้องกังวลเรื่องการส่งกำลังบำรุงหากเกิดการชะงักงัน”

พลตรี กิตติพงษ์ กล่าวย้ำว่า “การดำเนินการครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย กับภาคความมั่นคงเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้  โรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่ร่วมกับระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และมีความพร้อมในการใช้เพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว

ที่สำคัญ การดำเนินการของมหาวิทยาลัยครั้งนี้เป็นการร่วมสนับสนุนภารกิจสำคัญของกองทัพ ในฐานะประชาชน “ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่ง” เพื่อให้กองทัพสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศ ได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่อง.

ข่าว : เบญจมาภรณ์ มามุข
ภาพ : ณัฐวุฒิ จารุวงศ์

‘ฮุน มาเนต’ ยืนยัน กัมพูชายังไม่ถอนกำลัง ย้ำกองทัพพร้อมเจรจา แต่ไม่ถอยจากอธิปไตย

(9 มิ.ย. 68) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กจากเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ยืนยันว่า ทางการกัมพูชายังไม่ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่อธิปไตยของตน บริเวณช่องบก หุบเขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้การครอบครองของกัมพูชามาเป็นเวลานาน และการวางกำลังเป็นไปเพื่อปกป้องแผ่นดิน

ฮุน มาเนต ย้ำว่าการเคลื่อนไหวของกองทัพกัมพูชา รวมถึงการวางกำลัง การปรับกำลัง และการระดมพล ล้วนกระทำภายใต้กรอบอธิปไตยของกัมพูชา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และรักษาดินแดนจากการรุกราน

แม้กัมพูชาจะสนับสนุนแนวทางสันติภาพและกลไกการเจรจา แต่กองทัพก็พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยยืนยันการใช้คณะกรรมาธิการร่วมเขตแดน (JBC) กัมพูชา-ไทย และ MOU ปี 2543 เป็นกรอบในการแก้ไขปัญหาเขตแดน

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชายืนยันเดินหน้ารักษาความสัมพันธ์กับไทยอย่างสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ร่วมของประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลบิดเบือนที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งระหว่างสองชาติ

‘หมอก้อย’ ภรรยาหมอชลน่าน แจงดรามาทำบุญบ้าน ชี้ ‘บ้านสยามธามันโญ’ เป็นทรัพย์สินที่พ่อให้มา

เพจหมอชลน่านFcไม่มีดราม่า ของ ‘หมอก้อย’ ภรรยาหมอชลน่าน โพสต์ปมทำบุญบ้านหลังใหญ่ พร้อมแจงที่มาทรัพย์สินเป็นทรัพย์สินมรดกจากพ่อภรรยา

จากกรณี เพจ 'หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า' โพสต์รูป นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยภรรยา คือ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ ได้จัดงานทำบุญเลี้ยงพระในบ้านสยามธามันโญ ทวีวัฒนา ซึ่งเป็นบ้านสไตล์นีโอเรเนอซองส์ สถาปัตยกรรมซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 และที่ดินมีเอกสารสิทธิตราแดง รศ.114 เดิมบ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่า หลังจากใช้เวลารีโนเวตจนเข้าอยู่ได้ จึงจัดงานทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 เพจเฟซบุ๊ก 'หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า' โพสต์ข้อความระบุว่า  #งานบุญเล็กๆแต่ทัวร์มาลง #มรดกภรรยาติดตัวมาสามีผิด งานทำบุญเล็กๆ เงียบๆ แขกไม่ถึงร้อยแต่ #บ้านใหญ่กลายเป็นประเด็นใหญ่ สื่อก็ลงถึงความเคลื่อนไหวของหมอชลน่านตามปกติ แต่ผู้คนเข้ามาถล่ม (อีกแล้ว) ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพและผิดกฎหมาย #สยามธามันโญ บ้านที่มาจากการ #บริหารทรัพย์มรดก 550 กว่าล้านที่ติดตัวหมอก้อยมา #พ่อให้มา!!! ทรัพย์เหล่านี้แจ้ง ปปช.ไปแล้วหลายรอบ เราแปลงทรัพย์มรดกเป็นอาคารเก่าที่ควรอนุรักษ์ตามสิทธิของเรา บ้านกลางป่าที่งดงามด้วยงานสถาปัตยกรรมใช้เวลาสรรพกำลังรีโนเวทจนเข้าพักอาศัยได้ บ้านเก่าเข้าอยู่ก็ต้องทำบุญ

#บ้านในปัจจุบันอาจได้เป็นพิพิธภัณฑ์ในอนาคต #มรดกภรรยาติดตัวมาสามีผิดตรงไหน 

ขอบพระคุณคุณพ่อที่ส่งต่อสิ่งดีๆให้ลูกเสมอ มรดกของพ่อถวายวัดไปก็เยอะ ตัดถนนแจกก็หลายสาย 

เรื่องแบบนี้ไม่มีประเด็น #ทำดีไม่มีประเด็น

https://www.facebook.com/share/p/15jEcCbj4A/

ปล.แอดมินหมอก้อยขออนุญาตใช้พื้นที่เพจนี้ชี้แจงเพราะเพจไป๊น่านถูกบล๊อคกิจกรรมค่ะ

สมุทรปราการ-นายกบางเมือง แถลง 7 นโยบาย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงพร้อมเดินหน้าพัฒนาบางเมืองให้เจริญก้าวหน้า

(9 มิ.ย. 68) ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลบางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ  นายพิพัฒน์ อัศวเหม ประธานสภาฯ ได้เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยที่ 1 โดยภายในที่ประชุม ประกอบด้วย คณะผู้บริหารเทศบาล นำโดย นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง และคณะผู้บริหารเทศบาล 

นายอิทธิชัย ชูเรณู ปลัดเทศบาล พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการกอง และคณะสมาชิกสภา ทั้ง 2 เขตเลือกตั้ง จำนวน 12 ท่าน เข้าร่วมรับฟังการแถลงนโยบาย สมัยสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2568

โดยในที่ประชุม นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ได้กล่าวแถลงนโยบายทั้ง 7 ด้าน ต่อที่ประชุมสภา ประกอบด้วย 1.นโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นสนับสนุนก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน 2.พัฒนาด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม  สนับสนุนการเรียนการสอนเพิ่มศักยภาพให้เด็กและเยาชนมีโอกาสเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงขั้นสูงสุด 3.พัฒนาด้านคุณภาพชีวิต พร้อมจัดระเบียบชุมชน โดยส่งเสริมงานด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและมุ่งเน้นความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน 

4.พัฒนาด้านเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ประชาชน โดยหนุนให้ความรู้ในการค้าขายสินค้าออนไลน์ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน 5.ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการขุดลอกคูคลองป้องกันน้ำท่วม จัดสร้างสวนสาธารณะเพื่อเป็นปลอดคนบางเมือง 6.ส่งเสริมการท่องเที่ยว นำชุมชนไหว้พระและชมจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ รัชการที่ 9 ภายในโบสถ์วัดบางปิ้ง   

และ 7.พัฒนาด้านการเมืองและการบริหาร โดยจัดให้มีการทำบัตรประชาชนของเทศบาล และส่งเสริมประชาชนได้มีส่วนร่วมตามหลักการปกครองตามระเบียบประชาธิปไตย ภายใต้สานงานต่อ ก่องานใหม่ให้ควบคุม 20 หมู่บ้าน 3 ตำบล เพื่อให้ชาวตำบลบางเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นตลอด 4 ปีต่อไป 

นอกจากนี้นายกเทศมนตรีตำบลบางเมืองได้ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนที่มอบให้และไว้วางใจต่อจากนี้จะดูแลและพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

แผนที่โบราณของฝรั่งเศส ยืนยันชัด ‘เกาะกูด’ เป็นของ ‘สยาม’ มานานแล้ว

(9 มิถุนายน 2568) มีรายงานว่า สำนักผู้ช่วยทูตทหารบกไทย ประจำกรุงปารีส ได้ค้นคว้าแผนที่กัมพูชา ที่ทำขึ้นโดยข้าราชการระดับสูงของฝรั่งเศส ที่ไปปกครองกัมพูชา อาณานิคม 'Le Résident Supérieur Baudoin au Cambodge pendant l'époque coloniale française'

ฟร็องซัวส์ มาริอุส โบดวง (1867–1957) เป็นข้าราชการอาณานิคมระดับสูงของฝรั่งเศส เขาดำรงตำแหน่งผู้แทนอาวุโสประจำกัมพูชา (Résident Supérieur) ระหว่างปี ค.ศ. 1914 - 1927 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เขามีอิทธิพลอย่างมาก ต่อการบริหารราชการภายใต้ระบบรัฐอารักขา

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า เส้นเขตแดนทางทะเล เกาะกูด เป็นของไทย มายาวนาน ไม่ได้เป็นอย่างที่ ฝ่ายกัมพูชา เคลม แต่อย่างใด

พันเอก ประชา สมิทธ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำกรุงปารีส ซึ่งจบจาก รร.นายร้อย Saint-Cyr ฝรั่งเศส ค้นคว้า จากหอสมุดแห่งชาติ ฝรั่งเศส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top