Wednesday, 24 April 2024
NEWS FEED

สถาบันพระปกเกล้า นำนักศึกษาปกขส.รุ่น 6 ศึกษาการจัดการน้ำจืดน้ำเค็ม ชุมชนสมุทรสงคราม

วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า โดย นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนัก พร้อมด้วยนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่หลักสูตร นำนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ปกขส.) รุ่นที่ 6 ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดสมุทรสงคราม 

โดยเดินทางไปยังชุมชนแพรกหนามแดง จังหวัดสมุทรสงครามลงพื้นที่ศึกษาภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตแห่งสายน้ำ จากนั้น เดินทางไปยัง วิทยาลัยการอาชีพอัมพวา เพื่อรับฟังการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็น “การจัดการน้ำจืดน้ำเค็ม กรณีประตูกั้นน้ำแพรกหนามแดง และการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มเลี้ยงสุกร” ณ วิทยาลัยการอาชีพอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 

นอกจากนี้คณะนักศึกษายังลงพื้นที่ศึกษาดูงานประตูกั้นน้ำ การบริหารพื้นที่ของชุมชน  บรรยายโดย นายปัญญา โตกทอง กรรมการลุ่มน้ำเพชรบุรีประจวบ, นายสมศักดิ์ ริ้วทอง กรรมการกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์และสวัสดิการชุมชน ตำบลแพรกหนามแดง และนายประสงค์ สุขศรี ผู้ประสานงานชลประทานตำบลแพรกหนามแดง 

การศึกษาดูงานดังกล่าว มุ่งเน้นให้นักศึกษานำความรู้และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนกับบุคคลจากภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อนำความรู้มาใช้ในการถอดบทเรียนต่อไป

กระบี่-รอง ผวจ.กระบี่ พร้อมด้วย ผอ.ปพ. DSI นำป้ายของกลางปิดทับป้ายบริษัทยึดโรงสกัดน้ำมันปาล์มเป็นของกลางสมบูรณ์  

วันที่ 22 เมษายน  2567 พันตำตรวจตรีสุทศวรรศ อารีย์รัตนะนคร  ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ  ผู้บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมด้วย นายอนุวรรตน์   โหมดพริ้ง  รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่   นำป้าย  ข้อความ”ของกลางในคดีพิเศษที่ 56/2566” ปิดทับป้ายบริษัท ยึดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่  สมบูรณ์  โดยมีการสนธิกำลังระหว่าง หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ  ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 426 กระบี่  สั่งการโดย พ.ต.ท.ก้องภพ โพธิ์แสน  ผู้บังคับกองร้อย ต.ช.ด 426 กระบี่  นาวาโทอดิเรก สาทำ  รองผู้บังคับการกรมนาวิกโยธิน 2 กองพลนาวิกโยธิน  กองทัพเรือ  เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิ์การและคุ้มครองแรงงาน  วิศวกรโรงงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ นายเติมศักดิ์  เสี่ยมไหม  ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์อ่าวลึก อ.ปลายพระยา  จ.กระบี่  นางจันทิมา  ชตาญาณ ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์คลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ผู้จัดการไฟฟ้าภูมิภาค กระบี่  นิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกระบี่ นายนิติกร  สำนักงานสวัสดิ์การแรงงานจังหวัดกระบี่  พันตำตรวจตรีจตุพล  บงกชมาศ  ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค ร้อยตำรวจเอกชาญณรงค์  ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค  หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 56/2566 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษใช้อำนาจตาม มาตรา 24 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ  บุกเข้าควบคุมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ซึ่งเป็นของกลางในคดีพิเศษที่ 215/2565 ควบคุมสั่งหยุดการเดินเครื่องจักรกลสายการผลิตสกัดน้ำมันปาล์มที่บริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด กำลังเดินเครื่องจักรผลิตน้ำมันปาล์มตามอำนาจของอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ที่อนุญาตให้บริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด  ใช้ของกลางโรงงาน มาตั้งแต่ 4 สิงหาคม 2565  โดยมีวิศวกรโรงงาน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องจักรกล จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ร่วมตรวจสอบเครื่องจักรกลของกลางทุกชิ้น  ที่ประกอบกันเป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีฐานข้อมูลว่า  เป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ดีที่สุดของประเทศ  เนื่องจากเครื่องจักรกลทั้งหมดถูกนำเข้าจากต่างประเทศในห้วงเวลาที่มีการก่อสร้างโรงงานแห่งนี้  และ พันตำรวจตรีจตุพล  ได้มีหนังสือที่ ยธ 0817/3049  ถึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ผู้ใช้ของกลางให้ เตรียมโรงงานให้อยู่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์ ภายในวันที่ 21 เมษายน 2567 เพื่อการส่งมอบของกลางในครั้งนี้ 

ร้อยตำรวจเอกชาญณรงค์  กล่าวว่า การสนธิกำลังในวันนี้เพื่อที่จะต้องการควบคุมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้นิ่ง และเพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับของกลางในคดีพิเศษเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงยุติธรรม ที่ออกโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 และ เนื่องจากตนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 56/2566 หลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 215/2565 สืบสวนสอบสวนพบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส)และอดีตเจ้าหน้าที่ธกส.ร่วมกันทุจริต ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ธกส.และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะเจ้าหนี้  ได้รับความเสียหาย จึงส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง ป.ป.ช.ตามกรอบกฏหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  และหลังจากที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ประชุมพิจารณาสำนวนแล้วมีความเห็นส่งกลับมาให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีตนจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษที่ 56/2566 หลังจากที่ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐานและการอนุญาตให้ใช้ของกลางซึ่งเป็นโรงงานและส่วนควบร่วม 17 รายการแล้ว  ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษคดีนี้ได้มีมติให้ รับของกลางจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 215/2565 ซึ่งหลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะร่วมประชุมกันอีกครั้งว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไรกับของกลางที่เป็นกรรมสิทธิ์เดิมของสมาชิกสหกรณ์ชาวสวนปาล์มกว่า 50,000 ราย 

“หลังจากนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 56/2566 จะแยกกันปฎิบัติการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 56/2566 จะเร่งสรุปสำนวนคดี  รายงาน คณะกรรมการ ป.ป.ช.และจะรีบส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดโดยด่วนที่สุดตามนโยบายเร่งคดีของ พันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  และการบริหารคดีของ พันตำรวจยุธนา  แพร่ดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมกับการอำนวยความเป็นธรรมและสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของ ร้อยตำรวจเอกปิยะ รักษ์สกุล  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ”ร้อยตำรวจเอกชาญณรงค์กล่าว....
กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

'อ.เทพมนตรี' ชี้!! สติปัญญามีให้เรียนรู้ไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ ยิ่งคิดอย่างพุทธต้องมุ่งหาความจริง ก่อนนิพพานหรือเหนือมนุษย์

(22 เม.ย. 67) อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ว่า...

ฟังคลิปเด็กสอนศาสนาผู้ใหญ่ เหนื่อย! เขาเอาหลายลัทธิศาสนามารวมปะปนกันพระศรีศากยมุนี เจ้าแม่กวนอิม พระพุทธเจ้ามีลูกเป็นนาคคือ ตัวเขา ไหว้พระคเณศ ตกลงอะไรกันแน่ แถมมีลูกแก้วแวววาว งง

พร้อมทั้งโพสต์อีกต่ออีกว่า...ดอกไม้ในความคิดเด็ก…ไร้ความรู้

ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู พุทธ (มหายาน) ให้ความสำคัญสีสันดอกไม้ในการประกอบพิธีกรรม ความเชื่อว่าเทพองค์นั้นองค์นี้ พระพุทธเจ้าประจำทิศนั้นทิศนี้จะต้องบูชาอย่างไร สาวกหรือศาสนิกต้องศึกษาและบูชาดอกไม้ที่มีสีสันให้ถูกต้อง เชื่อว่าจะบูชาได้สำเร็จบริบูรณ์ ที่ว่าดอกไม้สีเหลืองเอาไว้ทำเฉพาะงานศพ ไม่จริงเลยนะครับ เครื่องบูชาวางศิลาฤกษ์สร้างวัดเขาก็ใช้สีเหลืองเป็นองค์ประกอบ !

สติปัญญามีให้เรียนรู้ไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ ถ้าคิดอย่างพุทธต้องมุ่งหาความจริงก่อน ก่อนจะไปนิพพานหรือความเหนือมนุษย์

"เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับนางนาคตนไหนจึงให้กำเนิดเจ้าชาย 'เพชรภัทรนาคานาคราช' ครับ ขอโทษจริง ๆ ผมพึ่งทราบ" อ.เทพมนตรี ทิ้งท้าย

'ต่อตระกูล' เปิดภาพแนวคิด ก่อสร้างตึกสูงจากกลุ่มทุนดูไบ ด้าน 'นายกฯ' เสนอ!! สร้างให้สูงที่สุดของโลกเลยได้ไหม?

(22 เม.ย. 67) นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ต่อตระกูล ยมนาคว่า "ตึกสูง ที่กลุ่ม EMAAR จาก ดูไบ จะมาลงทุนสร้าง นำบินมาเสนอนายกฯ ไทย หน้าตาเป็นแบบนี้ EMAAR Group เสนอเป็นแนวคิด ที่จะสร้างด้วยเหล็ก สเตนเลส ไร้สนิม แต่ยังไม่ใช่รูปแบบตึกที่จะสร้างให้สูงที่สุดในโลก แต่นายกฯ เศรษฐา เสนอแนะว่า จะสร้างให้สูงที่สุดในโลกเลย ได้ไหม? เขาก็รับไปศึกษาเพิ่มเติม

EMAAR Group เป็นกลุ่มผู้บริหารตึก Burj Khalifa ตัวจริง ที่ดูแลการบริหาร และจัดการตลาด ของตึกสูงสุดของโลกอยู่ในขณะนี้ เขามีความสนใจ ที่จะเสนอโครงการสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลกที่ ประเทศไทย! ถ้าเขาอยากเอาเงินของกลุ่มเขาจากดูไบ มาลงทุนในประเทศไทยบ้าง เราก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจีน ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติเขาก็ได้มาลงทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเรากันมานานแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็ประสบความสำเร็จกันดี"    

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนเที่ยวเกาหลีใต้ต้องระวัง เว็บไซต์-แอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA ปลอม เสียทั้งเงิน เสียทั้งข้อมูล

วันนี้ ( 22 เมษายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสหลอกลวงพี่น้องประชาชนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สาธารณรัฐเกาหลี หรือประเทศเกาหลีใต้ โดยการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA ปลอม แล้วเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ

โดย ระบบ K-ETA หรือชื่อเต็มคือ Korea Electronic Travel Authorization เป็นระบบที่มีไว้ให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนขออนุญาตก่อนที่จะเดินทางเข้าไปที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อลดปัญหาการปฏิเสธนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าประเทศ และแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมาย โดยนักท่องเที่ยวจะต้องทำการลงทะเบียนล่วงหน้า ซึ่งจำเป็นจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลหนังสือเดินทาง ภาพถ่ายใบหน้า อาชีพ รายได้ต่อปี และข้อมูลที่พักอาศัยในประเทศเกาหลีใต้ อีกทั้งจำเป็นต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน 10,300 วอน (ประมาณ 270 ถึง 290 บาท) ผ่านช่องทางบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต

ซึ่งถ้าหากพี่น้องประชาชนหลงเชื่อลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน K-ETA ปลอม มิจฉาชีพก็จะได้ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซึ่งสามารถนำไปใช้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นจำนวนมาก เช่น อาจถูกนำข้อมูลบัตรเครดิตไปซื้อสินค้า นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้กระทำความผิด หรืออาจถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการหลอกลวงในอนาคต อีกทั้งเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน K-ETA ปลอมอาจมีการหลอกให้ชำระค่าธรรมเนียมที่สูงเกินจริง (ค่าธรรมเนียมปกติอยู่ที่ 10,300 วอน) เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชนอีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการลงทะเบียน K-ETA เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยขอให้ตรวจสอบก่อนว่าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้ลงทะเบียน เป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียน K-ETA ของจริงคือ www.k-eta.go.kr เท่านั้น ส่วนแอปพลิเคชันลงทะเบียน K-ETA สำหรับโทรศัพท์มือถือ สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store และ Google Play Store ที่ https://apps.apple.com/th/app/k-eta/id1562976724 และ https://play.google.com/store/apps/details?id=kr.go.keta 

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ตม.จว.นครพนม

ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้กำหนดมาตรการดูแลอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง เพื่อบริการให้รวดเร็วประหยัดเวลา ลดความแออัด โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสะดวกเรียบร้อยในทุกพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 

วันนี้ (22 เม.ย.2567)  เวลา 9.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ณ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม อ.เมืองนครพนม จว.นครพนม  พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ครั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 กำหนดให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม นำโดย พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม รายงานผลการปฏิบัติงานและการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองตามนโยบายของผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 

จากนั้น พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เดินทางต่อไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) โดยได้ตรวจดูความเรียบร้อยในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง และ พบปะประชาชนที่มารับบริการ ณ จุดผ่านแดน ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4

‘กรมควบคุมโรค’ ห่วง!! สถานการณ์ ‘โควิด-19’ ระบาดเพิ่มหลังสงกรานต์ สัปดาห์เดียวป่วยเข้า รพ. 1 พันราย ลุยกำชับทุกหน่วยดูแล ปชช.ให้ทั่วถึง

(22 เม.ย.67) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ. มีความห่วงใยสถานการณ์โควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้สั่งการทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กำชับทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14-20 เมษายน 2567 มีรายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ โดยพบผู้ป่วยมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง และมีผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง (608)

“คาดสาเหตุที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการเหมือนไข้หวัด ทำให้ไม่ระวัง ป้องกันตนเอง ส่งผลให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่ายังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของเชื้อโอมิครอน โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา” นพ.ธงชัยกล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีลักษณะเหมือนโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีจำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา โดยขณะนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด เป็นต้น ทั้งนี้ โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เตียงรองรับผู้ป่วย เวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี

ยูทูบเบอร์กัมพูชา ลอกคอนเทนต์ ‘หมอตังค์ เวรชันสูตร’ ตัดต่อคลิป-หน้าปก ไปลงช่องตน โดยไม่ให้เครดิต

(22 เม.ย.67) กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจทันที หลังจากที่มีผู้ใช้ (X) รายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความตั้งคำถามว่า มียูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ลอกคลิปของ หมอตังค์ ยูทูบเบอร์ดังของไทย ไปตัดต่อลงช่องของตัวเอง โดยไม่ให้เครดิต

สำหรับ หมอตังค์ มรรคพร ขัติยะทองคำ แพทย์หนุ่ม เจ้าของยูทูบเบอร์ช่องดัง ‘เวรชันสูตร’ หรือ Tang Makkaporn ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.05 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญหมอตังค์ จะทำคอนเทนต์เรื่องราวเกี่ยวกับ คดีลึกลับ ฆาตกรรม

ทั้งนี้ ชาวเน็ต พบว่า ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชา ไม่ได้แค่ลอกเนื้อหา แต่ยังทำคลิปวิดีโอที่ตัดต่อแล้วไปลงช่องอีกด้วย อีกทั้งยังมีการตัดต่อปกแบบเดิม เพิ่มรูปตัวเองใส่เข้าไปทับรูปของเจ้าของผลงานตัวจริง

ยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชารายนี้มีคนติดตามกว่า 8 แสนคน และทำคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งคลิปเล่าข่าว รีมิกซ์เพลง สปอยหนัง ทำรีแอคชั่นวิดีโอ ร้องเพลง และเล่าเรื่องคดี

อีกทั้งยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ยูทูบเบอร์รายนี้เคยมีประเด็นดรามามาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากชอบลงคลิปเคลมไทย ให้ข้อมูลผิด ๆ เมื่อมีคนเข้าไปแย้งก็ไล่บล็อกและลบคอมเมนต์ ทั้งยังบล็อก IP ที่มาจากประเทศไทยอีกด้วย

จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมาก พร้อมกับรวมตัวรีพอร์ตช่องยูทูบเบอร์ชาวกัมพูชาวคนดังกล่าวด้วย

ล่าสุด หมอตังค์ โพสต์ถึงประเด็นดรามาดังกล่าวผ่านเพจ ‘Tang Makkaporn’ ระบุว่า เพื่อน ๆ ค้าบตังค์เองนะค้าบ ตังค์และน้อง ๆ ทีมงานได้ทราบเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นเรียบร้อยแล้วนะครับ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งข่าวและให้กำลังใจอย่างมากมายเลย เบื้องต้นตังค์ก็ให้ทีมตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ แล้วครับพบว่า

1 เรื่องเนื้อหา ตังค์และทีมไม่ทราบว่าจะมีความเหมือนกันขนาดไหนเพราะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางด้านภาษา

2 ภาพและวีดีโอประกอบคดีอันนี้มีความคล้ายในบางคดีครับ อาจเป็นภาพจากแหล่งข้อมูลคดีจริงที่เป็นทั้งข้อมูลสาธารณะหรือเป็นภาพ/คลิปจากสารคดีที่สร้างจากเคสนั้น ๆ ซึ่งสามารถหาได้ทางอินเตอร์เน็ต

3 หน้าปกคลิป หลังจากการตรวจสอบแล้ว ตังค์ว่าก็มีบางตอนที่คล้ายและบางตอนที่แตกต่างครับ แต่พอกลับไปดูล่าสุดก็เหมือนมีการเปลี่ยนหน้าปกคลิปที่คล้ายไปแล้ว

สรุปแล้วตังค์ว่าเรื่องนี้ ตังค์ขอโฟกัสในฐานะคนทำ true crime content ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ช่องของตังค์แต่ยังมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการนี้อีกหลายคน ที่คอย support กันและกันเสมอ ทุกช่องทุกคนก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป แต่ตังค์เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนจริงใจและพยายามจะแบ่งปันเรื่องราวที่เป็นทั้งกรณีศึกษา เป็นอุทาหรณ์ถ่ายทอดไปเพื่อส่งความห่วงใยถึงเพื่อน ๆ คุณผู้ชม สำหรับตัวตังค์คิดว่าหากการทำคอนเทนต์ของเรามีเจตนาดี ยิ่งมีการเผยแพร่มากก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นไปอีก ตังค์เองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในเรื่องราวต่าง ๆ ครับ เพราะก็หาข่าวหาข้อมูลมาเล่าจากแหล่งข้อมูลต่างๆในอินเตอร์เน็ต

สำหรับช่องที่เป็นประเด็นตังค์ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางเขาและทีมคงได้ตรวจสอบ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามแนวทางของช่อง

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว มันทำให้ตังค์ได้เห็นความรักความหวังดีของเพื่อน ๆ ทุกคนที่ส่งมาให้ นี่ยิ่งตอกย้ำตัวตังค์และทีมว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่เรามาถูกทางแล้ว นอกจากนั้นความรักจากทุกคนจะยังเป็นแรงผลักดันให้ตังค์และทีมยกมาตรฐานทั้งคุณภาพคลิป เนื้อหา การนำเสนอและภาพประกอบ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนดูมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้นะค้าบ

อันที่จริงตัวตังค์เองเป็นคนที่ไม่อยากสร้างปัญหาหรือมีปัญหากับใครเลย แถมการที่เราได้มาทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับความตายเป็นประจำ ยิ่งทำให้ได้รู้ว่าชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอนเลยครับ มีขึ้นมีลง มีผิดมีถูก มีรู้มีไม่รู้ มีเกิดและดับไป ดังนั้นสำหรับตังค์ ตังค์แค่อยากมีความสุขอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ตังค์ก็พอใจแล้วค้าบบ แถมตอนนี้รู้แล้วด้วยว่าตังค์ไม่ได้อยู่แบบโดดเดี่ยว แต่มีเพื่อนๆครอบครัวเวรชันสูตรที่คอยอยู่ support ตังค์เสมอ แค่นี้ก็แฮปปี้สุด ๆ ละค้าบ

‘หมอชลน่าน’ จัด“โครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ปัตตานี” จัดคลินิกคัดกรองมะเร็ง-ทันตกรรม-ตรวจความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็ก ช่วยเข้าถึงการผ่าตัดแก้ไขปัญหา 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ จังหวัดปัตตานี ที่ โรงเรียนสายบุรี “แจ้งประชาคาร” และ โรงเรียนเทศบาล 6 บ้านบางตาหยาด ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทาง รวม 21 คลินิก ดูแลประชาชนชาวสายบุรีกว่า 2,000 คน เน้นดูแลปัญหาสุขภาพตามบริบทพื้นที่ อาทิ คลินิกคัดกรองความผิดปกติของใบหน้าและมือในเด็ก เพื่อส่งเข้ากระบวนการแก้ไขปัญหาและรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่อสม.ในพื้นที่ร่วมพิธี และกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรมพาหมอไปหาประชาชนฯ เป็นประจำในวันหยุดทุกสัปดาห์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาด้านการแพทย์เฉพาะทางให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกหน่วยแพทย์ไปแล้ว 41ครั้ง มีประชาชนเข้าถึงบริการแล้วกว่า 159,000 ราย ได้เข้ารับหัตถการเฉพาะทาง 2,433 ราย และหัตถการเฉพาะทางคัดกรองมะเร็ง ถึง 8,340 ราย

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นปัญหาสุขภาพของเด็กที่พบในจังหวัดปัตตานีจำนวนมาก สาเหตุจากการตั้งครรภ์หลายครั้งทำให้โฟลิคในร่างกายต่ำ โดยในปี 2565-2566 มีผู้ป่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ประมาณ  40 ราย/ปี ในวันนี้จึงมีการจัดคลินิกคัดกรองความผิดปกติบนใบหน้าและมือเด็กขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อค้นหาเด็กที่มีความผิดปกติ อาทิ ปากแหว่งเพดานโหว่ นำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาและผ่าตัดศัลยกรรมที่โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งกระบวนการดูแลรักษาเดิมจะเป็นการติดตามต่อเนื่องตั้งแต่หลังคลอดและแก้ไขปัญหาให้ตั้งแต่เด็กอายุยังน้อยๆ เพื่อป้องกันการปฏิเสธการรักษา โดยทำการผ่าตัดใส่เพดานเทียม (Obturator) ซึ่งทำได้ทันทีหลังคลอด เด็กจะสามารถดูดนมและเจริญเติบโตได้ตามวัย ส่วนเด็กที่คลอดในโรงพยาบาลชุมชนและพบความผิดปกติ จะประสานกับทันตแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร (Maxillofacial) และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic and Reconstructive Surgery) ของโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งหลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และมีคุณภาพชีวิตดีที่ขึ้น

สืบนครบาล ร่วมสืบ114 รวบสาวสองกระชากสร้อยหลังหลบหนีกบดานสำนักสงฆ์กว่า 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่ามีคนร้าย ข้อหา วิ่งราวทรัพย์ ได้ไปอาศัยใบบุญสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาปิดบังความผิด หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 2 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งกำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ดำเนินการจับกุมตัวให้ได้

ต่อเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ปฏิบัติราชการ  สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมนักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 114 (ชป.2) ดำเนินการจับกุมตัว

นายอมรเทพ อาทะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 74 หมู่ที่9 ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.98/2565 ลงวันที่ 2 พ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่บริเวณ สำนักสงฆ์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลากลางวัน นายอมรเทพ ได้ขับรถจักรยานยนต์ Honda Wave สีเขียว ของน้องสาว ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังร้านขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณหมู่บ้านบ้านเงี่ยง ขณะจอดซื้อก๋วยเตี๋ยว เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวสวมสร้อยคอทองคำ หนักประมาณ 1 บาท บริเวณคอ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาศัยช่วงเวลาที่แม่ค้าเผลอกระชากสร้อยคอทองคำฯ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย เป็นหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 191/2563 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ในการกระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาดังกล่าวได้ทำการกระชากสร้อยคอทองคำฯ ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปจริง จากนั้นได้นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สถานที่จับกุมบริเวณ สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 
นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวทิ้งท้ายว่าผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่เป็นมารร้ายในสังคม ทำผิดแล้วไปชุบตัว แสร้งทำดี แอบแฝงตัวในสำนักสงฆ์ เวรกรรมมันตามทัน โปรดอย่าใช้วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่ล้างมลทิน สร้างความเสริมศรัทธาแก่ชาวบ้าน ยิ่งหนียิ่งไม่รอด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top