Saturday, 9 December 2023
NEWS FEED

เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก-ครุฑธาภิเษก วัตถุมงคลพญาครุฑ รุ่นสมบัติแผ่นดิน 140 ปี ไปรษณีย์ไทย 24 ธ.ค. 66

(8 ธ.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พญาครุฑ 140 ปี ไปรษณีย์ไทย’ โพสต์ข้อความเชิญชวนเข้าร่วมพิธีสืบสานตำนานศิลป์ปฐมบท พญาครุฑ สมบัติแผ่นดิน โดยระบุข้อความว่า…

“ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก และครุฑธาภิเษก วัตถุมงคลพญาครุฑ รุ่น สมบัติแผ่นดิน 140 ปี ไปรษณีย์ไทย ในวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา 13.19 น. ณ มณฑลพิธีวัดครุฑธาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

📣 มีวัตถุมงคลแจกฟรี! สำหรับผู้ร่วมงานหลังเสร็จพิธี 📣”

สำหรับ พญาครุฑ รุ่น สมบัติแผ่นดิน 140 ปี ไปรษณีย์ไทย เป็นผลงานจากประติมากรรมผลงานการออกแบบโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยมีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโธ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศ 36 รูป เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 096-994-9893

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวจัดการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี ตำรวจไทย-ตำรวจมาเลเซียชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค.66 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

วันที่ 8 ธ.ค.66 เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารการกีฬาประเภทรักบี้ฟุตบอล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 โดยมี พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานการจัดการแข่งขันฯ และพ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียอย่างเน้นเฟ้น ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จะมาคุกคามประชาชนระหว่างสองประเทศ โดยการจัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานกว่า 62 ปี มีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 12 - 15 ธ.ค.66 และจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 14 ธ.ค.66 ณ สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ครั้งที่ 34 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแข่งขันชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี
2. การแข่งขันชิงถ้วย "สุวิมล" ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการ
ตำรวจ ร่วมรับชมผ่านและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทยในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณี ระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 ในวันที่ 14 ธ.ค.66 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

รู้จัก รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ จุดเปลี่ยน สร้างบุคลากรด้านวิทย์ฯ ของไทย ภายใต้ค่าเฉลี่ย PISA สูงลิ่ว จากวิสัยทัศน์ 'เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ' ที่น้อยคนจะรู้

(8 ธ.ค.66) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Pornpichit Samaktham' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ ช่วยดึงคะแนน PISA ให้ดีขึ้น (มี 12 โรงเรียน)

เมื่อวาน BBC Thai เอาคะแนน PISA มาเปิดเผยแบบพาดหัวข่าวตัดตอน ขาแช่งประเทศไทยให้ตกต่ำเฮ กันใหญ่ สื่อเล็กสื่อน้อยช่วยกันเล่นสนุกสนานแต่ไม่พูด ภาพกว้างของการพัฒนาวงการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์บ้านเรา

ผมเป็นคนหนึ่งที่คอยให้คำปรึกษาผู้ปกครองทุกวัน รับสายทุกวัน เพราะตั้งใจว่าจะเอาความรู้ที่ร่ำเรียนมา ประสบการณ์จากชีวิตจริง มารับใช้สังคม จนหมดแรง

บทสนทนาแรกๆ กับผู้ปกครองจะเหมือนๆ กัน ไม่รู้ว่าให้ลูกไปเรียนทางไหน ไม่อยากให้ลูกเครียดมาก อยากให้ที่ลูกเรียนที่ลูกชอบ

คำตอบของผม ผู้ปกครองหลายท่านไม่ชอบใจ ไม่โทรมาอีกเลย แต่ส่วนใหญ่ยังมาปรึกษาต่อเนื่อง ให้ช่วยวางแผนการศึกษายาวๆ

ผมจะบอกผู้ปกครองเสมอว่าสิ่งที่ผมแนะนำในการเรียน

1.เรียนอะไรก็ได้อย่าตกงาน

2.เรียนอะไรก็ได้ที่เงินเดือนสูง

3.เรียนง่ายๆ น้อยคนที่ได้เงินเดือนสูง

4.ถ้าเด็กเก่งด้านภาษาแบบโดดเด่นสนับสนุนไปเลย แต่ต้องยอมรับว่าโดยส่วนใหญ่เงินเดือนสายนี้จะน้อยกว่าสายวิทยาศาสตร์

5.ประเทศไทย มีสถาบันการศึกษาที่สอนสายศิลป์มากแล้ว เรียนวิทย์ได้เรียนวิทย์เถอะ

6.ถ้าเด็ก เรียนสายวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ได้ ให้เรียนสายนี้

มาถึงการวัดคะแนน PISA คือวัดเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่าโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ มหิดลวิทยานุสรณ์ กำเนิดวิทย์ และโรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัย และโรงเรียน สพฐ.ชั้นนำ ได้คะแนนสูงกว่า ค่าเฉลี่ยของ OECD (Organization for Economic Co operation and Development)

OECD คือองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนา หรือประเทศเจริญแล้ว รวยแล้ว มีสมาชิก 38 ประเทศ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยียม, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น เป็นต้น

ดูรายชื่อประเทศพวกนี้ ก็คงมองออกสถานะทางการเงิน

มาดูประเทศที่อันดับดีในเอเชีย มาจากชาติที่การแข่งขันสูง จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า, สิงคโปร์, มาเลเซีย รวมทั้งเวียดนาม ต้องยอมรับว่าเป็นประเทศที่แข่งขันสูง ความเครียดสูง วัฒนธรรมคนขยันขันแข็ง

ต้องยอมรับว่าประเทศไทยในยุคนี้ สื่อมวลชนมีส่วนชักนำเยาวชน ผู้ปกครองเยอะมาก ความรู้สึก ค่านิยม ไม่ต้องเรียนสูง เรียนง่ายๆ ขายของออนไลน์ ก็มีกินมีใช้แล้ว แต่ทักษะเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวได้ ได้แค่เป็นผู้ค้าและเป็นผู้ซื้อเทคโนโลยีเท่านั้น

ที่ผ่านมาภาครัฐ มีส่วนส่งเสริมการเรียนการสอนเทคโนโลยี มากมายเพื่อรองรับโครงสร้างประเทศในอนาคต รองรับการสร้างงานในพื้นที่ EEC ที่ต้องใช้แรงงานระดับสูง แต่การศึกษานั้น ผู้ปกครองต้องมีส่วนในการสร้างเยาวชนของชาติด้วย ไม่ใช่เรียกร้องแต่สิทธิ์ของฉัน

โครงสร้างด้นดิจิทัลของประเทศไทย ตอนนี้เอื้อแก่การเรียนรู้ ทางเลือกออนไลน์มาก อยู่ที่จะนำไปใช้แบบไหน ที่เอามาพัฒนาตัวเอง

การตั้งโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ ตามปณิธานของ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง ครั้งแรกวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สมัยนั้น นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ต่อมาได้ให้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นต้นแบบร่วมจัดหลักสูตรและบุคลากร และเป็นพี่เลี้ยง แทบจะเรียนฟรีทั้งหมด ให้โอกาสลูกคนที่มีฐานะอ่อนแอกว่า จะเห็นว่าผู้ใหญ่ของประเทศไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ เลย พัฒนาต่อเนื่องแม้การเมืองจะล้มลุกคลุกคลาน 

***ข้อมูลจากกูเกิล

ส่วนโรงเรียนสาธิต สังกัดมหาวิทยาลัยต้องยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่ผู้ปกครองมีโอกาสทางสังคมสูง จากการแสวงหาโอกาส ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ ต้องยอมรับว่าเป็นกลุ่มผู้ปกครองตัวอย่าง ที่ทำให้ค่าคะแนน PISA ดึงกลุ่มอื่นขึ้นมา  

ผู้ปกครองกลุ่มนี้ควรดึงผู้ปกครองกลุ่มอื่นที่อ่อนแอกว่าขึ้นมาด้วย ช่วยกัน ให้คำปรึกษาแนะนำ สังคมถึงจะร่วมกันพัฒนาเจริญไปด้วยกัน ดีกว่าก่นด่ากัน

ส่วนนักเรียนกลุ่ม มหิดลวิทยานุสรณ์ กำเนิดวิทย์ วมว. และ รร.ชั้นนำ สังกัด สพฐ.ในกรุงเทพ และภูมิภาค อันนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะผู้ปกครอง และเด็ก เป็นหัวกะทิของประเทศอยู่แล้ว

จะบอกตรงนี้ว่าปัจจุบันจำนวนนักเรียนไทยสายวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆ เยอะมากมาย ตามรร.ชั้นนำข้างต้น ด้วยนโยบายข้างต้น เราเลยผลิตบุคลากรด้านนี้ได้มากมาย

***ลองไปดูการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ระดับนานาชาติประเทศไทย กวาดเหรียญรางวัลมาทุกปี ใช่อาจจะกลุ่มเดียว แต่จะมองเห็นศักยภาพเด็กของประเทศ ว่าไม่ด้อย ถ้าขยันพอ

ถ้าเอาจำนวนเด็ก ที่เด่นด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไปวัดกับสิงคโปร์ เราจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่พอวัดตามสัดส่วนประชากร เราจึงแพ้หลายประเทศ

ดังนั้น เชื่อในที่นี้ว่าเด็กที่อันดับไม่ดี ไม่ใช่เริ่มที่ตัวเด็ก เริ่มที่ผู้ปกครองก่อนเลย อย่าพูดว่าเด็กสมัยนี้มีมือถือเครื่องเดียวมันเก่งแล้ว เด็กจะรู้กว่าผู้ปกครองได้ยังไง

ผู้ปกครอง คือ คนที่ช่วยกันสร้างประเทศ ในโอกาสแรกให้เด็ก

ปล.นี่คือ การวัดด้าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นหลัก

ตอนเช้า ผมเห็น ดร.คนนึง เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยดัง สามย่าน และเป็นอดีต สส.

โพสต์สะใจกับเรื่องนี้

ผมถามว่า เข้าใจเรื่องนี้ดีแล้วเหรอ

ดูเนื้อในหรือยัง ?

จากคนจิตอาสาแนะแนวด้านการศึกษา เพราะรู้ว่าเรื่องการศึกษาคือ การสร้างอนาคตประเทศ สร้างโอกาสให้คนบ้านนอกแบบผม มีโอกาสในการทำมาหากิน

ตม.สนามบิน ย้ำมาตรการคุ้มครองข้อมูลบุคคลป้องกันมั่วเช็กคนเข้าออกประเทศ

วันนี้ (8 ธ.ค.2566) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เปิดเผยมาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เดินทางเข้า - ออกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่างๆ มักประสานขอตรวจสอบข้อมูลคนเข้า - ออกประเทศ โดยอ้างเหตุผลทางคดี หรือเหตุผลทางด้านความมั่นคง ส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลบุคคลในฐานข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง 

พล.ต.ต.เชิงรณ ฯ เปิดเผยว่า กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 มีภารกิจในการตรวจอนุญาตบุคคล ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรผ่านด่านท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลการเดินทางเข้า - ออกราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินดังกล่าว มักมีบุคคลหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร้องขอเพื่อทำการตรวจสอบ โดยอ้างว่าเพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานทางกฎหมายในหลายกรณี ซึ่งการขอตรวจสอบดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้เดินทาง และก่อให้เกิดความเสียหายได้ ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยได้มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือที่เรียกว่า กฎหมาย PDPA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 โดยกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ และเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลซึ่งประชาชน และสังคม อาจเกิดความวิตกกังวลในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของตน ดังนั้น กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จึงได้กำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 โดยมีมาตรการตามหนังสือ บก.ตม.2 ที่ 0029.312/8295 ลง 1 ธ.ค.66 โดยสรุป ดังนี้

1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นภายใต้กรอบกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2540  โดยจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้าหรือในขณะนั้น  หรือเป็นกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้กระทำได้ด้วยบทบาทภารกิจหน้าที่ในการตรวจอนุญาตบุคคลทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เช่น    

1.1 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีเมื่อพบการแจ้งเตือนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แจ้งนายตำรวจผู้ควบคุมระดับสารวัตรขึ้นไป ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระบบฐานข้อมูลนั้น เช่น กรณีเป็นบุคคลต้องคำสั่งศาลห้ามเดินทาง กรณีมีหมายจับคดีอาญา กรณีบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นต้น

1.2 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะกรณีที่มีคำสั่งศาลหรือกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ 
หรือหน่วยงานของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อมูลและมีการแจ้งขอเป็นหนังสือราชการ เช่น การใช้อำนาจของพนักงานสอบสวน ตาม ป.วิอาญา 

1.3 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีได้รับการสั่งการจากผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยภายใต้ดุลยพินิจและอำนาจตามกฎหมาย 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เกินสมควรแก่กรณี อันอาจเข้าข่าย เป็นการกระทำละเมิด ดังนั้น ในการเข้าถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กระทำโดยจำกัดเท่าที่จำเป็นแก่กรณีที่มีการร้องขอหรือสั่งการและเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

2. การป้องกันการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการ ดังนี้
2.1 ดำเนินการกำหนดสิทธิ และจำกัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในการเข้าถึง หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะราย หรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ มีการเพิกถอนสิทธิ เมื่อมีการลาออก เปลี่ยนตำแหน่ง หรือย้ายตำแหน่ง ตามคำสั่ง 

2.2 ให้หน่วยงานในสังกัดกำหนดแนวทางการทำงานที่เป็นมาตรฐาน (Standard Operating Procedure หรือ SOP) ในการเข้าถึง และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบถ่ายภาพหรือจัดพิมพ์รวมถึงการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบนำอุปกรณ์เข้าออก เป็นต้น

2.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ พ.ศ.2544

3. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบันทึกกิจกรรม
การใช้งาน หรือการเก็บบันทึกการเข้า - ออก (Log Files) ระหว่างการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึงการใช้ข้อมูล การทำลายข้อมูล หรือการนำไปใช้โดยมิชอบ รวมทั้งการแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต 

4. ข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดหากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือการเปิดเผยข้อมูลนั้นไม่เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมาย ให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยและอาญาพร้อมทั้งรายงานให้ ผบก.ตม.2 ทราบโดยเร็ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ขอเชิญชวนเข้าร่วมงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม นี้ อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ด้วยสภากาชาดไทยจัดงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร และทางระบบ Online ภายใต้แนวคิด “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” พร้อมเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานย้อนวันวานด้วยการ “นุ่งโจงห่มไทยเที่ยวงานวันกาชาด” โดยในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมออกร้านในงานกาชาดด้วยเช่นกัน ณ โซน 5 

สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติปีนี้ มีกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมมากมาย ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการตำรวจไทย “ย้อนรอย 100 ปีกิจการตํารวจไทย” มีมุมให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมถ่ายภาพกับภาพเหมือนของตำรวจโบราณ , ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ “ตํารวจไซเบอร์ผู้พิทักษ์ภัยออนไลน์ 24 ชั่วโมง” , กิจกรรมบนเวทีและการแสดงของศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะมาสร้างความสนุกในทุกวัน โดยในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณอินดี้ อินทัช เหลียวรักวงศ์ , ฟังเพลงยุค 90”S โดย คุณต๊ะ บอยสเกาท์ , ร่วมเล่นเกมส์กับคุณน้ำหวาน เดอะเฟซ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “สนุกกับเกม” ได้แก่ เกมปาโป่ง และเกมตักไข่นำโชค ให้ผู้เข้าร่วมชมร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมสนุกและชิงของรางวัลมากมายอีกด้วย

ในส่วนร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ซึ่งคัดสรรสินค้าคุณภาพงานฝีมือจากหน่วยงานและครอบครัวข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ , มีการลุ้นรางวัลกับกิจกรรม “พฤกษากาชาด” และจำหน่ายสลากกาชาดของสมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่อออกรางวัลให้กับผู้โชคดี โดยมีของรางวัลใหญ่มากมาย นอกจากนี้ ในแต่ละวันจะมีศิลปินดารามาร่วมกิจกรรมที่ร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจในทุกวันอีกด้วย สำหรับในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณแจ๊ส ชวนชื่น , คุณหมิว ลลิตา , คุณบอย พีชเมคเกอร์ และคุณเจี๊ยบ พิจิตรา

นอกจากนี้ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. ขอเชิญประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาด ประจำปี 2566 “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมงานกาชาด ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ณ โซน 5 อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน

สถาบันพระปกเกล้า ชวนเที่ยวงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย”

วันที่ 7 ธันวาคม ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ.หลานหลวง กรุงเทพฯ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าเป็นประธานเปิดงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” โดยมี ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายณัฐพงษ์ รอดมี ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าอาจารย์ กู้เกียรติ ภูมิรัตน์ ประธานการจัดงาน และที่ปรึกษาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าด้านพลเมืองพร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า ศิลปิน ดารา ผู้ประกาศข่าวที่เป็นศิษย์สถาบันพระปกเกล้า ร่วมงานในครั้งนี้ 

นายวิทวัส กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์มากมาย ทั้งการพัฒนาประเทศ การศึกษา การวางรากฐานประชาธิปไตยให้กับราษฎร คุณูปการที่ใหญ่หลวง คือ การที่พระองค์ท่านสละพระราชอำนาจที่มีอยู่เดิมเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวงชนชาวไทย  

ในวาระ 130 ปี พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และในวาระ 91 ปีที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับแรก สถาบันพระปกเกล้าจึงได้จัดงาน“13 ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า พระผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” ขึ้น ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการเสวนาวิชาการ การบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิ กิจกรรมวิพิธทัศนา และการแสดงต่างๆ เพื่อเป็นการหวนย้อนรำลึกถึงงานฉลองรัฐธรรมนูญในอดีตที่ผ่านมา 

ขอเชิญร่วมเที่ยวชมงาน “๑๓ ทศวรรษ แผ่นดินพระปกเกล้า ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย” ตั้งแต่วันที่ 7-10 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 15.30 – 20.30 น. ร่วมกิจกรรมเสวนาวิชาการ รับชมการแสดงวิพิธทัศนา ร่วมย้อนอดีตกับงานฉลองรัฐธรรมนูญ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อปวงชนชาวไทย

'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย' จัดพิธีมอบทุนการศึกษา พร้อมผ้าห่มกันหนาวให้แก่เยาวชนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2566 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

วานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาสำหรับเยาวชนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2566 ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 45 อำเภอพนมทวน โรงเรียนร่มเกล้ากาญจนบุรี (ในพระราชดำริ) โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาคม โรงเรียนสมาคมป่าไม้แห่งประเทศไทยอุทิศ โรงเรียนบ้านเกริงกระเวีย โรงเรียนบ้านห้วยเสือ อำเภอทองผาภูมิ และโรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา อำเภอสังขละบุรี รวม 7 แห่ง จำนวน 60 ทุน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 450,000 บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบผ้าห่มกันหนาวพร้อมขนมให้กับนักเรียนที่เข้ารับมอบทุนฯ โดยจัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ หอประชุม โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการส่งเสริมด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

'อ.ศศิน' เผย 'สร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง' อาจมีประโยชน์ แต่ยังมีโจทย์ 3 ข้อ ที่ยังไม่มีใครตอบ หากตัดสินใจจะสร้างจริงๆ

(7 ธ.ค. 66) นายศศิน เฉลิมลาภ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม อดีตประธานมูลนิธิ สืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า...

#กระเช้าภูกระดึง โจทย์ที่ต้องตัดสินใจของประเทศไทย 3 ข้อ

ถ้าทำกระเช้าภูกระดึง จะมีสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์หลายประการ...

ประการแรก ธุรกิจที่สัมพันธ์กับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ที่มีคนครอบครองอยู่รอบ ๆ ภูเขาภูกระดึง และเส้นทางสู่ภูกระดึงจะคึกคัก ทั้งการเพิ่มมูลค่า การหมุนเวียนของเม็ดเงินต่าง ๆ ในการขยายกิจการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมากขึ้น และหมุนเวียนมาเยือนเพื่อขึ้นลงกระเช้าไปที่ราบกว้างใหญ่บนยอดเขา ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สองเท้าเดิน

ประการที่สอง ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองขึ้นไม่ไหว ไม่มีเวลา และไม่กล้าขึ้น รวมถึงผู้มีข้อจำกัดเรื่องอายุและสภาพร่างกายมีโอกาสขึ้นไปได้

และกระเช้าไฟฟ้าอาจช่วยนำคนเจ็บป่วย บาดเจ็บ ขยะ ขนส่งข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้ขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

นี่เป็นเหตุผลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่…การสร้างกระเช้าภูกระดึง มีโจทย์ที่ไม่มีใครคิดจะตอบ 3 ข้อ 3 ระดับ...

#ระดับที่ 1 ภูกระดึงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาที่เป็น Trekking trail ที่ดีที่สุดของประเทศ เมื่อประเมินจากระยะทางที่ไม่ไกลมาก แทบไม่มีอันตรายอะไรถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุจากความประมาท การจัดการที่ลงตัว มีค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวไม่แพง รวมถึงเมื่อขึ้นไปแล้วมีที่สวย ๆ ให้เดินเที่ยวมากมาย เรียกว่าคุ้มค่าเดินขึ้นและเดินเที่ยวสิ่งที่ว่ามาทำให้ภูเขาลูกนี้ทำหน้าที่มอบความรักธรรมชาติ ให้เราได้ซึมซับความงามทั้งจากธรรมชาติและมิตรภาพระหว่างทาง รวมถึงการเรียนรู้ที่บังเกิดขึ้นมากมายระหว่างความอดทนตอนเดินขึ้น สถานที่แบบนี้ในไทยมีที่เดียวคือ 'ภูกระดึง' ส่วนที่อื่น ๆ มีถนนขึ้นถึง หรือเดินไกลเกินไป เดินไปถึงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก

ดังนั้น เมื่อมีกระเช้า ความท้าทายให้ไปถึงเรื่องที่ว่ามา ย่อมสู้ความสบายเย้ายวนจากการขึ้นกระเช้าไม่ได้

คนจะเดินขึ้นก็คงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

พวกที่เลือกเดินจึงเป็นคนที่รักธรรมชาติมากมายอยู่แล้ว คนที่ขึ้นกระเช้าไปก็ไม่ได้ซึมซับอะไร ไม่ต่างจากการขับรถขึ้นภูเรือ ดอยอินทนนท์ หรือภูเขาอื่น ๆ ที่กลับมาแล้วไม่มีความหมายอะไร ภูกระดึงทำหน้าที่นี้ให้ประเทศไทยมากว่า 50 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงปัจจุบัน

การมีกระเช้าหมายถึงเราเลิกใช้ฟังก์ชันนี้ของภูกระดึงแล้ว จะเทียบไปคงเหมือนเปลี่ยนวัด โบสถ์ วิหาร เป็นบอร์ดนิทรรศการพุทธศาสนา

นี่คือเรื่องที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะเลือกทิ้งคุณค่าจากสิ่งนี้ไปหรือไม่

#ระดับที่ 2 จากผลการศึกษาและการออกแบบระบบกระเช้า คาดว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (เช่นตัดต้นไม้ไม่กี่ต้น) แต่ผลที่ตามมาหลังจากมีกระเช้า ยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

เช่นเมื่อคนจำนวนมากขึ้นไปข้างบนแล้วจะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมแน่ ๆ เช่น อาคารกลางแหล่งธรรมชาติ

ที่สำคัญคือ ถนนหนทางข้างบนที่ต้องรองรับผู้มาเยือนที่ไม่เตรียมตัวไป ‘เดิน’ และไม่พร้อมจะรับรู้ทั้งนั้นว่าทำไมไม่มีรถวิ่งไปชมที่ท่องเที่ยวที่ห่างจากสถานีกระเช้าหลายกิโลเมตรในแต่ละที่

รวมถึงการจำกัดคนค้างแรม การจัดการขยะ ต่าง ๆ ภายใต้สถานภาพความเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย กำลังคน งบประมาณในการดูแลให้คงสภาพธรรมชาติ

เราพร้อมจะปล่อยให้ที่สวย ๆ ข้างบนพังไปอีกที่ใช่หรือไม่

#ระดับที่ 3 ถ้ามีคนขึ้นไปจำนวนมาก เราพร้อมเปลี่ยนพื้นที่อนุรักษ์อันอุดมด้วยธรรมชาติไปรองรับการบริการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวข้างบนในอนาคตเลยหรือไม่

หากนโยบายวันข้างหน้าจะเอาอย่างนั้น ยกเลิกพื้นที่อุทยานแห่งชาติไปเลย

นี่คือเรื่องที่ต้องตัดสินใจตามกระเช้ามาในระดับท้ายสุด

รัฐบาลนี้ต้องตอบทั้ง 3 คำถามก่อนตัดสินใจ ผมรอฟังอยู่ ก่อนตัดสินใจขึ้นกระเช้าไปทำลายภูกระดึงเดิม ๆ ด้วยกัน

‘ดาวติ๊กต็อกจีน’ ทำคอนเทนต์ ‘ซอยนานา’ ไม่ปลอดภัย ชาวเน็ตจวก!! ใส่ร้ายเมืองไทย ทั้งที่ก็หากินในแผ่นดินไทย

(7 ธ.ค. 66) เป็นเรื่องอีกครั้ง หลังดาวติ๊กต็อกสาวชาวจีนที่เคยทำคลิปเมืองไทยไม่ปลอดภัย จนโดนทัวร์ลงไปรอบหนึ่ง ล่าสุดแต่งตัวนุ่งสั้นมาแกล้งยืนริมทางตอนกลางคืน เพื่อถ่ายคอนเทนต์สื่อว่า ‘ซอยนานา’ อันตรายสำหรับผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองตั้งใจแต่งตัวมาทำให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปมามอง เพื่อทำคอนเทนต์ดิสเครดิตเมืองไทยว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย

โดยทางเพจเฟซบุ๊ก ‘ลุยจีน’ ได้ลงโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ดาว Douyin ชื่อคล้ายร้านสะดวกซื้อแห่งนึง พูดกับกล้อง “วันนี้ฉันขอเอาตัวมาลองเสี่ยงดูเพื่อจะบอกกับผู้หญิงทุกคนค่ะว่า ถ้าคุณมาที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น”

👉ภาพตัดมาที่ซอยนานา เวลา 23.30 น. เธอเดินไปทางซอย มีกล้องซูมหน้าพวกชาวต่างชาติที่เหลือบมามองเธอ พร้อมข้อความ “ฉันเดินซอยนี้อย่างอกสั่นขวัญแขวน”

👉แล้วเธอก็แอบมาพูดกับกล้องว่า “เดี๋ยวฉันจะยืนอยู่ที่ซอยนี้นะคะ รอดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อจากนี้” แล้วเธอก็ยืนริมทางเท้า มีผู้ชายร่างท้วมคนนึงยืนอยู่ข้างหลัง (ในคลิปบอกว่าเป็นบอดีการ์ดเผื่อเกิดเหตุไม่ดี)

👉เธอยืนรอไปเรื่อย ๆ กล้องแพนไปหลาย ๆ มุม จนสักพักมีชายชาวต่างชาติคนนึงเดินเข้ามาหาเหมือนพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แล้วเธอก็โบกมือปฏิเสธพูด Sorry แล้วเดินออกมา

🔥จังหวะนี้เธอทำหน้าเหวอ พูดกับกล้องว่า “เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นมาทักทายฉันว่า How are you today? ค่ะ แต่บอกเลยถ้าจังหวะนั้น เขาดึงตัวฉันขึ้นมารับรองว่าฉันไหวตัวไม่ทันแน่ ๆ เพราะงั้นผู้หญิงที่มาที่นี่ถ้าอยู่ดี ๆ คุณโดนเข้าถึงตัว...รับรองว่าคุณหนีไม่ทัน”

🔥🔥เธอย้ำหน้ากล้องว่า “ฉันว่าที่นี่ผู้หญิงตัวคนเดียวห้ามมาเลยค่ะ เพราะอันตรายมาก ๆ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าคุณเดิน ๆไปจะเจอกับคนอะไรแบบไหน”

🔥🔥🔥ประโยคสุดท้ายคือไฮไลท์ 📌 “คนที่มาเดินถนนเส้นนี้ 99% ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกค่ะ” 来这边的99%的人他都不正经

งานนี้ทำเอาชาวเน็ตไทยเดือดไม่ใช่น้อย เพราะคอนเทนต์ที่เธอทำนั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าจงใจจะดิสเครดิต ‘ซอยนานา’ เพราะพฤติกรรมของเธอแสดงออกมาให้คนรอบข้างต้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น และอาจจะคิดว่าเธอเป็นสาวไซด์ไลน์

อีกทั้งในคลิปเธอยังมีการซูมหน้าผู้ชายต่างชาติที่เดินผ่านไปผ่านมา พร้อมใส่ทำนองเพลงให้ดูว่าพวกเขาเป็นคนที่มีเจตนาไม่ดี ทั้ง ๆ ที่แค่เดินผ่านกัน และก็เป็นตัวเธอเองที่แต่งตัวจัดเต็มชวนให้พวกเขาต้องมอง

ชาวโซเชียลจึงไม่พอใจที่เธอทำคอนเทนต์ที่ดูโอเวอร์จนเกินไป ไม่ต่างจากครั้งที่เธอเคยทำคอนเทนต์เมืองไทยไม่ปลอดภัย จนโดนทัวร์ลงอย่างหนักไปแล้ว

ซึ่งครั้งนี้ไม่เพียงแต่คนไทยจะไม่พอใจ ชาวเน็ตจีนที่รู้ว่าเธอมาขายพระเครื่องอยู่ในไทย ยังบอกอีกว่า “ตัวก็หากินอยู่กับเมืองไทย แต่ก็ชอบที่จะนำเสนอจุดด้อยของเมืองไทย กินบนเรือนขี้บนหลังคา!”

‘สุวัจน์’ ขอบคุณ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ช่วยสร้างชื่อให้ประเทศ ถือโอกาสมอบรูปหล่อคุณย่าโม-หลวงพ่อคูนเป็นขวัญกำลังใจ

(7 ธ.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ให้การต้อนรับ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 และ คุณปุ้ย- ปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการบริษัททีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ที่บ้านพัก ถนนราชวิถี 

นายสุวัจน์ กล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณแอนโทเนีย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย  และเป็นความสุข ภาคภูมิใจของชาวโคราช ในฐานะที่แอนโทเนียเป็นหลานย่าโมที่ได้รับตำแหน่งในปีที่โคราชครบรอบ 555 ปีพอดี โดยนายสุวัจน์ได้มอบรูปหล่อคุณย่าโม ที่สร้างในโอกาสที่โคราชมีอายุครบ 555 ปี และมอบพระยอดธง รุ่น 9 ของหลวงพ่อคูณ จัดทำขึ้นในโอกาส ครบรอบวันเกิด 90 ปี โดยหลวงพ่อคูณปลุกเสกเอง ให้กับแอนโทเนียและคุณปิยาภรณ์  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจบ้านเราต้องอาศัยเรื่องวัฒนธรรม เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องอาหาร เรื่องการแสดงโชว์มวยไทย ชมโขน ชมละคร อันนี้คือ เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์ของคนไทย เรามีผู้แทนการค้าเศรษฐกิจแล้ว แอนโทเนีย ก็สามารถจะเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ได้ จึงขอให้แอนโทเนียช่วยประเทศชาติด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก เพราะแอนโทเนียจะต้องเดินทางไปทำภารกิจอีกในหลาย ๆ ประเทศ ตนเชื่อมั่นในบุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ ของแอนโทเนีย ที่โชว์ความเป็นไทย ทั้งด้านการแต่งกาย อาหาร วัฒนธรรม ภาษา และการไหว้ ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ในตัวของแอนโทเนีย   

“นึกถึงผู้หญิงไทยนึกถึงความเก่ง นึกถึงซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะชุดประจำชาติที่แอนโทเนียใส่ตอนประกวด คือชุด ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ เป็นการโชว์ถึงความยิ่งใหญ่ของความเป็นไทย และในโอกาสที่ยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียน สงกรานต์ในประเทศไทยให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งแอนโทเนียก็ได้รับเลือกให้เป็นนางสงกรานต์ประจำปี 2567 นับได้ว่าการได้รับตำแหน่ง ของแอนโทเนีย มาตรงกับจังหวะและสถานการณ์ ของประเทศพอดี เป็นประโยชน์อย่างมาก ขอให้ประสบความสำเร็จทุกเรื่อง และในวันที่ 11 ธันวาคม แอนโทเนียเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา จะมีการต้อนรับอย่างอบอุ่น พอดีผมติดภารกิจในวันนั้น วันนี้จึงดีใจมากที่ได้พบกัน” นายสุวัจน์ กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top