Thursday, 8 June 2023
NEWS FEED

‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ รถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกของไทย ลดต้นทุนด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ เปิดให้บริการฟรี 1 เดือน!!

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 66 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte’ ในหัวข้อ “ว้าววว...รถไฟฟ้าสายสีเหลือง โมโนเรลสายแรกของไทย” ระบุว่า…

น่าดีใจที่วันนี้ (3 มิ.ย. 66) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดให้ประชาชนทดลองใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองฟรีเป็นเวลา 1 เดือน หลายคนสงสัยว่าทำไมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองต้องเป็นโมโนเรล ?

1.) ทำไมต้องเป็นโมโนเรล ?
โมโนเรล (Monorail) คือรถไฟฟ้า แต่เป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งคร่อมรางโดยใช้รางเดี่ยว หรืออาจจะแขวนห้อยอยู่ใต้รางก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากก็คือ แบบคร่อมราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้กำหนดว่า โครงข่ายรถไฟฟ้าเส้นทางใด ควรใช้รถไฟฟ้าประเภทไหน โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร หากเส้นทางใดคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาก สนข. ก็จะใช้รถไฟฟ้าขนาดหนัก ซึ่งมีความจุมากกว่า ดังเช่น รถไฟฟ้า BTS หรือ รถไฟฟ้า MRT เป็นต้น

สำหรับสายสีเหลือง สนข. คาดว่าจะมีผู้โดยสารไม่มากจึงเลือกใช้โมโนเรล ซึ่งมีความจุน้อยกว่า หากเลือกใช้รถไฟฟ้าขนาดหนักก็จะเป็นการลงทุนเกินความจำเป็น สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ โดยทั่วไปวงเงินลงทุนโมโนเรลจะถูกกว่ารถไฟฟ้าขนาดหนักประมาณ 40%

2.) ถึงวันนี้รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มีกี่ประเภท?
มี 3 ประเภท ได้แก่

(1) รถไฟฟ้าขนาดหนัก มี 5 สาย ประกอบด้วย สายสีเขียว สีน้ำเงิน แอร์พอร์ตลิงก์ สีม่วง และสีแดง

(2) รถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) มี 1 สาย คือ สายสีทอง APM เป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก โดยเฉพาะในสนามบินเพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินไปมาระหว่างเทอร์มินัลกับเทอร์มินัล หรือระหว่างเทอร์มินัลกับอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารรอขึ้นเครื่องบิน) ดังเช่นที่ใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินระหว่างเทอร์มินัล 1 กับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1

(3) โมโนเรล มี 2 สาย ประกอบด้วยสายสีเหลือง และสายสีชมพู (ยังไม่เปิดให้บริการ) เป็นรถไฟฟ้าไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีต (หรือรางเหล็ก) เพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก โมโนเรลเป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มากเช่นเดียวกัน แต่มักนิยมใช้ขนผู้โดยสารไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าขนาดหนักที่สามารถขนผู้โดยสารได้มากกว่า พูดได้ว่าใช้โมโนเรลสำหรับรถไฟฟ้าสายรองเพื่อขนผู้โดยสารไปป้อนให้รถไฟฟ้าสายหลัก ดังเช่นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งเป็นโมโนเรลที่ขนผู้โดยสารริมถนนลาดพร้าวไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) ที่สถานีลาดพร้าว

3.) ใครเป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง?
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ร่วมกับพันธมิตรเป็นผู้ชนะการประมูล โดยชนะ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เนื่องจาก BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิจาก รฟม. (เงินสนับสนุนจาก รฟม. ลบด้วย เงินตอบแทนให้ รฟม.) โดย BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 22,087.06 ล้านบาท ในขณะที่ BEM ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 157,721.81 ล้านบาท หรือ BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิจาก รฟม. ต่ำกว่า BEM มากถึง 135,634.75 ล้านบาท BTSC จึงคว้าชัยชนะไป โดย BTSC ได้รับสิทธิ์ในการบริหารจัดการเดินรถเป็นเวลา 30 ปี

4.) ถ้าโมโนเรลเสีย ผู้โดยสารต้องทำอย่างไร?
ในกรณีฉุกเฉิน ผู้โดยสารจะต้องลงจากโมโนเรลไปที่ทางเดินระหว่างรางทั้งสอง (รางขาไปและขากลับ) ทางเดินเป็นตะแกรงเหล็กกัลวาไนซ์เพื่อให้ผู้โดยสารเดินไปสู่สถานีที่ใกล้ที่สุด ความสูงจากพื้นโมโนเรลถึงทางเดินเกือบ 2 เมตร ดังนั้น จะต้องลงทางบันไดที่พาดจากประตูโมโนเรลไปที่ทางเดิน บันไดดังกล่าวจะถูกเก็บไว้บนรถและบนทางเดินตลอดทาง ส่วนผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์จะต้องช่วยกันอุ้มลงมาที่ทางเดินแล้วเข็นไปที่สถานี

5.) สรุปและข้อเสนอแนะ
(1) โมโนเรลไม่ใช้คนขับ แต่ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ (Human Error) ได้ ทำให้มีความปลอดภัยสูง แต่การไม่ใช้คนขับทำให้ต้องลงทุนงานระบบควบคุมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวจะช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายในการประกอบการเดินรถถูกลง

(2) โมโนเรลใช้ล้อยาง ไม่ใช่ล้อเหล็ก เพื่อลดเสียงดังและการสั่นสะเทือนที่สร้างความรำคาญต่อผู้อยู่อาศัยริมทาง มีความนุ่มนวลในการขับขี่ดีกว่า และช่วยให้สามารถเร่งความเร็วหรือเบรกได้อย่างรวดเร็วในระยะทางสั้นๆ ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าสามารถวิ่งต่อเนื่องใกล้ๆ กันได้

(3) เพื่ออำนวยความสะดวก ประหยัดเวลา และลดค่าเดินทางให้ผู้โดยสาร รฟม. ควรพิจารณาต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากสถานีลาดพร้าว บริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งบนถนนรัชดาภิเษกไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีรัชโยธิน ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้แบบไร้รอยต่อ เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วขึ้น

‘รศ.อัศวิณีย์’ หวั่น สถานศึกษากลายเป็นที่บ่มเพาะความแตกแยก สอนเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยวิธีเผด็จการ อ้างสิทธิเพื่อละเมิดผู้อื่น

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย 66 รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ภาควิชาศิลปะไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘Asawinee Wanjing’ ถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับสถานศึกษา ก่อนจะกลายเป็นแหล่งบ่มเพราะเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย สร้างความแตกแยกให้ประเทศชาติบ้านเมือง โดยระบุว่า…

“วันใดที่การศึกษา เป็นเพียงสถานสร้างวิชา ละเลยคุณธรรม บ่มเพาะความก้าวร้าว พัฒนาการต่อต้าน สร้างความแตกแยก ชี้นำคำลวง ให้โกหกกลายเป็นถูก สอนเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยวิธีเผด็จการ สนับสนุนใช้อำนาจกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ให้สิทธิเสรีภาพในการละเมิดผู้อื่น ใครใคร่ละเลยปล่อยเยาวชนตกเป็นเครื่องมือ บำเรอความใคร่อุดมการณ์ จินตนาตนเป็นนักสู้ ผู้สอนแอบหลังเด็กบังหน้า อ้างวิชาการ ไปปะทะและทำลาย ใครหมดความหมายย้ายคนใหม่ ทนอยู่ได้ อยู่รักษาตัวให้รอดเป็นยอดดี

ผู้บริหารปิดตา ไม่มอง ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น ไม่ฟัง ไม่ได้ยิน เพื่อไม่เดือดร้อน เพราะภาระงานมาก เร่งทำ Ranking หารายได้บริหารงบ ปล่อยแกนนำนักศึกษาจะนำไหนก็นำไป ขอให้จ่ายครบจบส่งออก คืนปัญหาสู่สังคม ไปกัดเซาะโครงสร้าง สถาบันแตกร้าว สุดท้ายพุพองในบ้าน ให้ครอบครัวคอยเยียวยา เมื่อนั้นคือ ความอัปยศทางการศึกษา เข้าสู่กลียุคอย่างแท้จริง

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะให้ความสำคัญกับสถานศึกษา ก่อนจะกลายเป็นแหล่งบ่มเพราะสร้างปัญหา การละเลยเห็นประกายไฟเป็นเรื่องเล็กน้อยปล่อยให้ลุกลาม สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไรเลย

‘นนอ.กฤตวัฒน์ สุอุทัย’ นร.ทุนกองทัพอากาศ จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ได้รับเลือกเป็นนายทหารเกียรติศักดิ์ และหัวหน้ากองพันที่ 1 แห่ง ‘USAFA’

(3 มิ.ย. 66) รายงานข่าว จากกองทัพอากาศเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา (United States Air Force Academy : USAFA) จัดพิธีจบการศึกษาของนักเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา รุ่นที่ 2023 โดยในปีนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเป็นประธานในพิธีและร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษาด้วยตนเอง สำหรับการเดินทางมาเป็นประธานในพิธีจบการศึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นการหมุนเวียนกันในแต่ละปีระหว่างโรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐฯ (The United States Military Academy หรือ Westpoint) โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ (United States Naval Acdemy) และโรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐฯ (United States Air Force Academy)

ซึ่งในปีนี้ เป็นวงรอบการเป็นประธานในพิธีจบการศึกษาของโรงเรียนนายเรืออากาศฯ นอกจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนแล้ว มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ มาร่วมเป็นเกียรติในการแสดงความยินดีกับผู้จบการศึกษาซึ่งประกอบด้วย นายแฟรง แคนดอล Secretary of the Air Force, พล.อ.อ.ชาร์ล บราวน์ จูเนียร์ Chief of Staff of the Air Force, พล.อ.อ.แชนซ์ ซอลท์แมน Chief of Space Force ถือว่าเป็นพิธีจบการศึกษาที่ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูง

สำหรับผู้จบการศึกษาของโรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐฯ ในปีนี้มีจำนวนทั้งหมด 921 คน ประกอบด้วยนักเรียนต่างชาติ 12 คน และหนึ่งในนั้นคือ นักเรียนนายเรืออากาศ กฤตวัฒน์ สุอุทัย ซึ่งเป็นนักเรียนทุนของกองทัพอากาศ

นักเรียนนายเรืออากาศ กฤตวัฒน์ สุอุทัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 58 และเป็นนักเรียนนายเรืออากาศรุ่นที่ 65 เกิดเมื่อ 10 พ.ค. 2542 อายุ 24 ปี นนอ.กฤตวัฒน์ฯ เข้ารับการศึกษาระดับปริญญาตรี ณ United States Air Force Academy ในสาขา Computer Science and Cyber Science โดยมีเกียรติประวัติระหว่างการศึกษา นนอ.กฤตวัฒน์ฯ มีความสนใจในการบินและได้เข้าร่วมชมรมนักบินเครื่องร่อนของโรงเรียน จนมีความชำนาญและได้เป็นครูสอนการบินเครื่องร่อนให้กับนีกเรียนรุ่นต่อมา โดยทำการสอนศิษย์การบินเครื่องร่อนรวมทั้งสิ้น 117 เที่ยวบิน นอกจากนี้ นนอ.กฤตวัฒน์ฯ ยังได้รับเลือกเป็นนายทหารเกียรติศักดิ์ (Honor Officer) และหัวหน้ากองพันที่ 1 (Squadron 1 Commander) ขณะศึกษาในชั้นปีที่ 4 ถือเป็นเกียรติประวัติอันสำคัญยิ่งของนักเรียนทุนจากกองทัพอากาศ

‘United States Air Force Academy’ ถือเป็นสถานบันผลิตนายทหารหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เป็นสถาบันที่ผลิตผู้นำชั้นแนวหน้าอย่างเช่น พล.อ.อ.ชาร์ล บราวน์ จูเนียร์, Chief of Staff of the Air Force ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้ดำรงตำแหน่ง ‘Chairman of the Joint Chiefs’ คนต่อไป ซึ่งนับเป็นตำแหน่งสูงสุดทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ ทั้งนี้กองทัพอากาศไทยได้คัดเลือกนักเรียนนายเรืออากาศเข้ารับการศึกษาในสถาบันแห่งนี้ทุกปี โดยสหรัฐฯ เสนอที่นั่งให้กับนักเรียนนายเรืออากาศของไทยปีละ 1 ที่นั่ง ซึ่งนักเรียนนายเรืออากาศที่ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพอากาศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้สร้างชื่อเสียงและแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ ทั้งด้านการศึกษาและความเป็นทหารได้อย่างดีเยี่ยม ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในการให้ที่นั่งศึกษาในทุกๆ ปี

ทุนยักษ์ใหญ่

รัตนาวะดี (Gulf), เจียรวนนท์ (CP Group), จิราธิวัฒน์ (Central Group) และ สิริวัฒนภักดี (TCC Group) คือกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่กุมสัดส่วนหุ้นไทยรวมกันถึง 20%
 

9 ร้านอาหารไทย ติดโผ 50 ร้านยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ปี 2023 ผ่านการจัดอันดับโดย The World's 50 Best Restaurants

ประเทศไทยกวาด 9 ร้าน จาก 50 อันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2023 ซึ่งประกาศโดยเว็บไซด์ The Worlds 50 Best Restaurants จะมีร้านอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!!

อันดับที่ 1 ของเอเชีย : Le Du
‘Le Du’ พยายามไต่อันดับสู่ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียมาตั้งแต่ปี 2560 จนมาถึงจุดสูงสุดในปี 2566 ด้วยฝีมือของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟเจ้าของร้านอาหารนำเสนออาหารไทยสมัยใหม่ชั้นเลิศตามวัตถุดิบของประเทศ มรดกทางการเกษตรที่ไม่ธรรมดาและเทคนิคการทำอาหารที่มีอายุหลายศตวรรษ - และรูปแบบอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้นักวิจารณ์และนักชิมจากทั่วทั้งทวีปประทับใจ

พิกัด 399/3 Silom Soi 7, Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
Contact : https://www.instagram.com/ledubkk/
โทร. +66 092 919 9969

อันดับที่ 3 ของเอเชีย : Nusara
‘นุสรา’ ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในปี 2563 โดยเสิร์ฟอาหารไทยต้นตำรับที่มีการพลิกโฉม ซึ่งสะท้อนถึงการปรับปรุงสูตรอาหารของครอบครัวและประเพณีการทำอาหารของเชฟให้ทันสมัย นุสรา ชิมอาหาร 12 คอร์สผ่านอาหารว่างที่สลับซับซ้อน เช่น ปลาแมคเคอเรลกับมะพร้าวและแตงกวา หอยเชลล์ฮอกไกโดกับข้าวโพดหวานและไข่แดง ซุปต้มยำกุ้ง รวมถึงแกงกะหรี่ปูอันเป็นเอกลักษณ์ที่นำเสนอบนใบพลูกรุบกรอบพร้อมไข่แมงดาทะเล จากนั้นมีคอร์สสไตล์ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ได้แก่ Bumbai Neua แก้มเนื้อนุ่มในแกงกะหรี่สไตล์บอมเบย์พร้อมแตงกวาดอง อาหารแต่ละจานมีสีสันสดใสพอ ๆ กับถ้วยชามที่สวยงามที่เสิร์ฟ

พิกัด 22 Maha Rat Road, Phra Borom Maha Ratchawang, Phra Nakhon, Bangkok 10200, Thailand
Contact : https://www.instagram.com/nusarabkk/?hl=en
โทร. +66 97 293 5549

อันดับที่ 5 ของเอเชีย : Gaggan Anand
‘Gaggan Anand’ เชฟผู้รักสังคมแบบกัลกัตตาปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ ของเขา ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นที่ 1 ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียเป็นประวัติการณ์ถึง 4 สมัย ตั้งแต่ปี 2558-2561 ในเดือนสิงหาคม 2562 ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขาได้เปิดร้านรูปแบบใหม่ของ ร้านอาหารที่มีชื่อแตกต่างกันเล็กน้อยในพื้นที่ใหม่ซึ่งปกคลุมด้วยใบไม้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ หลังจากเปิดตัวในอันดับที่ 5 ในปี 2021 และได้รับรางวัล Highest New Entry Award ก็ผ่านช่วงเวลาของการปิดชั่วคราว แต่ก็กลับมาพร้อมกับการกลับมาติดอันดับ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2023

พิกัด 68 Sukhumvit 31, Khlong Tan Nuea, Watthana, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/gaggan_anand/?hl=en
โทร. +66 98 883 1022

อันดับที่ 9 ของเอเชีย : Sorn
ไอซ์ ศุภักษร จงศิริ เชฟผู้มีอุปการะคุณของศรเติบโตมาคลุกคลีกับการทำอาหารปักษ์ใต้ของคุณยาย ไอซ์จึงไม่ได้แค่ทำอาหารปักษ์ใต้เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนรสชาติและความทรงจำที่เขาได้พบเจอกับวัฒนธรรมทางใต้ที่หลากหลายให้กลายเป็นอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร กระบวนการคิดของเขาช่างเหลือเชื่อและเครื่องปรุงของเขาก็ระเบิดออกมาโดยไม่ประนีประนอมกับความร้อนของพริกและเครื่องเทศ

‘ศร’ ถูกกล่าวหาว่า เป็นร้านอาหารที่จองยากที่สุดในประเทศไทย และหนึ่งในเหตุผลที่ดีว่าทำไมร้านถึงให้บริการไร้ที่ติ ทีมงานหน้าร้านได้รับการฝึกฝนให้สื่อสารเรื่องราวและความทรงจำที่เชฟใส่ลงไปในอาหารทุกจานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจจากความรักและความหลงใหลในภาคใต้ของไอซ์

พิกัด 56, Sukhumvit 26, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/sornfinesouthern/
โทร. +66 099 081 1119

อันดับที่ 22 ของเอเชีย : Sühring 
‘Sühring’ ได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนบ้าน ร้านอาหารตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่รับประทานอาหาร 4 แบบ ได้แก่ เรือนกระจกที่มองเห็นสวนเขียวขจี และครัวแบบเปิดที่ผู้รับประทานอาหารสามารถชมเชฟทำอาหารได้ ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ทีมงานได้ปรับปรุงพื้นที่ด้วยผ้าปูที่นอนและจานชามใหม่ และสร้างระยะห่างระหว่างห้องรับประทานอาหารหลักสองห้องมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะสำหรับแขก

พิกัด No. 10, Yenakat Soi 3, Yannawa, Chongnonsi, 10120 Bangkok, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/restaurant_suhring/
โทร. +66 0 2107 2777

อันดับที่ 33 ของเอเชีย : Ms. Maria & Mr. Singh 
‘Ms. Maria & Mr Singh’ เปิดตัวใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียในปี 2566 หลังจากเปิดตัวในปี 2563 Ms. Maria & Mr Singh เป็นร้านอาหารอินเดียผสมเม็กซิกันบรรยากาศสบายๆ จาก Gaggan Anand เชฟและเจ้าของร้านแห่งเดียวที่ครองตำแหน่งผู้นำ รายการตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2018 ร้านอาหารได้ย้ายไปยังตำแหน่งใหม่ในเดือนมีนาคม 2023 โดยมีพื้นที่โต๊ะสำหรับเชฟและครัวแบบเปิดที่คึกคักซึ่งดำเนินการโดยมือขวาของ Anand เชฟ Rydo Anton
.
พิกัด 2nd Floor of Gaggan Anand Restaurant, 68 Sukhumvit 31, Sukhumvit Road, Klongton-Neu, Wattana, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/mariaandsingh/?hl=en
โทร. +66 91 698 6688

อันดับที่ 35 ของเอเชีย : Potong
‘โปตง’ ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดในปี 2564 เป็นร้านอาหารชั้นเลิศในอาคารหลายชั้นแคบๆ จากเชฟพิชญา 'แพม' อุทานธรรม เสิร์ฟเมนูอาหารไทย-จีนนวัตกรรมใหม่ 20 คอร์สใจกลางไชน่าทาวน์ของกรุงเทพฯ

อาหารที่ Potong ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทั้ง 5 ได้แก่ เกลือ กรด เครื่องเทศ เนื้อสัมผัส และ Maillard ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำตาลรีดิวซ์ที่ก่อให้เกิดรสชาติที่โดดเด่น ความเอร็ดอร่อยเริ่มต้นด้วยเนื้อสัตว์ที่ทำเองและส้มแมนดารินที่เป็นสัญลักษณ์ ก่อนจะผ่านหอยนางรมกับปลาหมึกดำและไข่มุกดำ และขาเป็ดไทย-จีนกับพริกไทยเสฉวน การชิมจะนำผู้รับประทานอาหารผ่านความทรงจำและอารมณ์ในการทำอาหารของเชฟแพม

พิกัด 422 Vanich Road, Bangkok, 10100, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/restaurant.potong/?hl=en
โทร. +66 82 979 3950

อันดับที่ 38 ของเอเชีย : Raan Jay Fai
ในเมนูคุณจะพบกับอาหารไทยริมทางที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน พลาดไม่ได้กับผัดขี้เมาทะเล – ซีฟู้ดผัดขี้เมาทะเลที่ผัดแบบแห้งกรอบเป็นพิเศษ – หรือที่ทุกคนต้องลองอย่าง ไข่เจียวปู้ ไข่เจียวปูสูตรดังของเจ๊ฝ้ายที่มีไข่ปูขนาดใหญ่ถึง 600 กรัม เนื้อปูขาวสดคุณภาพดีที่สุด แม้ว่าราคาอาจสูงกว่าพ่อค้าเร่รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่วัตถุดิบสุดหรูของร้านร้านเจ๊ไฟรับประกันประสบการณ์การทำอาหารที่น่าจดจำบนถนนในกรุงเทพฯ

พิกัด 327 Maha Chai Rd, Samran Rat, Phra Nakhon, Bangkok 10200, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/jayfaibangkok/?hl=en
โทร. +66 2 223 9384

อันดับที่ 46 ของเอเชีย : Baan Tepa
ได้รับอิทธิพลมาจากช่วงเวลาของเธอที่บลูฮิลล์ที่สโตนบาร์นส์ เชฟและเจ้าของร้านตามชุดารี เทพคำ ได้สร้างประสบการณ์ร้านอาหารและสวนในกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนผลผลิตในท้องถิ่นและความหลากหลายทางชีวภาพของไทย Baan Tepa เปิดให้บริการในปี 2563 มีห้องรับประทานอาหารแบบครัวเปิด โต๊ะสำหรับเชฟ และสวนอาหารออร์แกนิกที่ผู้เข้าพักสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและเครื่องเทศในท้องถิ่นก่อนนั่งรับประทานอาหาร

เมนูชวนชิม 9 คอร์สของบ้านเทพาจะพานักชิมเดินทางไปทั่วประเทศ เริ่มจากอาหารว่างจากภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง เข้าคอร์สอย่างหมึกดำผัดตะไคร้ ปูนิ่มไข่ปลา แกงแกะเครื่องดอง

พิกัด 2369 Ramkhamhaeng Rd, Hua Mak, Bang Kapi District, Bangkok 10240, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/baantepabkk/?hl=en
โทร. +66 98 696 9074

หนุ่มอัดคลิประบายความในใจ ขอคนไทยหยุดทะเลาะกัน ชี้!! หากไม่เลิกแบ่งแยก ประเทศชาติก็ไม่มีวันเปลี่ยน

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘tulipsincere’ ออกมาโพสต์คลิป ระบายความในใจ พร้อมดึงสติคนไทย ให้หยุดทะเลาะ เลิกแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในตอนนี้ มีความคุกรุ่นอย่างมาก ตนจึงอยากให้คนไทยตระหนักถึงว่า แก่นแท้ของประชาธิไตย ว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกได้ระบุว่า…

“สวัสดีพี่น้องชาวประชาธิปไตย ชาวเพื่อไทย ชาวก้าวไกล แอบแปลกใจ เพราะตอนที่เรามีลุง พวกเรารักกันดี แต่ตอนที่ไม่มีลุง พวกเราเอาแต่ทะเลาะกัน นับเป็นความน่าเหนื่อยใจที่หากเราแข่งกันทั้งคู่ ไม่ยอมอ่อนให้กัน ในฐานะที่ผมไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และมองแบบเป็นกลาง ทุกพรรคต้องเคลียร์ใจกันคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย หรือพรรคอื่น ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกพรรคของทุกฝ่ายออกมาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ตอนนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะประชาชนคงจะไม่สามารถไว้ใจหรือเชื่อใจได้ เพราะฉะนั้น ควรกลับไปมีลุงเหมือนก่อนหน้านี้คงจะดีกว่า แล้วเราทุกคนก็เป็นฝ่ายค้านกันให้หมด ทุกพรรคก็ดูจะสามัคคีกันดีกว่าตอนนี้”

ผู้ใช้ติ๊กต็อก ยังได้กล่าวเพิ่มเติม อีกว่า หากไปมองย้อนกลับไป ทุกคนต่างว่าลุงเป็นเผด็จการ แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนในวันนี้ ก็อยากให้พรรคแต่ละพรรคเป็นไปในแบบที่ตัวเองชอบ เหมือนหลงลืมไปว่า การบังคับคนอื่น ด่าทอคนที่เห็นต่าง ไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ นั้น ทำให้พวกเราเป็นประชาธิปไตยอย่างไร หรือว่าตอนนี้ พวกเรากำลังเป็นเผด็จการในแบบที่พวกเราเคยด่า?

“หากยังเป็นแบบนี้กันอยู่ ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะกลับไปหนักกว่าสถานการณ์เดิม ฝากให้พวกเราทุกคนกลับไปคิดอีกครั้ง ว่าประชาธิปไตยคืออะไร ความเห็นต่างคืออะไร และการแยกแยะคืออะไร เพราะพวกเราอาจจะกำลังเป็นคนในแบบที่พวกเราด่ากันอยู่”

‘ดร.สามารถ’ แนะ ‘รฟม.’ เร่งขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง หลังไม่เชื่อมต่อกับสายสีเขียวเหนือ หวั่นทำผู้โดยสารเดือดร้อน

(30 พ.ค. 66) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธา และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์’ ถึงประเด็นที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองไม่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ โดยระบุว่า…

อีกแล้ว!!! รถไฟฟ้า ‘ฟันหลอ’
สายสีเหลืองไม่เชื่อมกับสายสีเขียวเหนือ

สิ่งที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้นอีกแล้ว ใครที่จะใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากถนนลาดพร้าวผ่านทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว เพื่อไปสู่รัชโยธิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วัดพระศรีมหาธาตุ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช หรือสถานที่อื่นบนถนนพหลโยธิน จะต้องสะดุด เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นรถไฟฟ้าฟันหลอ!!

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร เป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรล มีเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ บริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว กับสายสีส้มบริเวณทางแยกลำสาลี กับแอร์พอร์ตลิงก์บริเวณทางแยกต่างระดับพระราม 9 และกับสายสีเขียวใต้ที่สถานีสำโรง การก่อสร้างมีความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 99

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นรถไฟฟ้าฟันหลอ ก็เพราะว่า จากสถานีลาดพร้าวบริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไม่มีเส้นทางเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต ทั้งๆ ที่สามารถเชื่อมต่อได้ที่สถานีรัชโยธิน โดยก่อสร้างเส้นทางเลี้ยวขวาวิ่งบนถนนรัชดาภิเษก ผ่านแหล่งทำงาน และแหล่งที่อยู่อาศัย มีผู้คนมากมาย ไปบรรจบกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือที่สถานีรัชโยธิน การขาดเส้นทางเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือดังกล่าว หรือมีลักษณะเหมือนฟันหลอ ทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ต้องการเดินทางไปสู่สถานที่ต่างๆ บนถนนพหลโยธินไม่ได้รับความสะดวก เพราะต้องเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว เพื่อเดินทางไปสู่สถานีห้าแยกลาดพร้าว แล้วเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือต่อไป ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลาและเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้น

คงจำกันได้ว่า รถไฟฟ้าฟันหลอเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อตอนเริ่มเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน เนื่องจากสายสีม่วงไม่เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีเตาปูน ทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อน ต้องต่อรถเมล์จากสถานีเตาปูนไปสถานีบางซื่อ เพื่อใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อไป แต่ในที่สุด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็เร่งแก้ปัญหาโดยการต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจากสถานีบางซื่อมายังสถานีเตาปูน ส่งผลให้รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารได้รับความสะดวก ไม่ต้องต่อรถเมล์

“ปัญหาฟันหลอของรถไฟฟ้า รฟม. รู้ดี เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว จะต้องรีบแก้ปัญหา ด้วยการเร่งต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากสถานีลาดพร้าวไปเชื่อมกับสายสีเขียวเหนือที่สถานีรัชโยธินโดยด่วน อย่าปล่อยให้ผู้โดยสารเดือดร้อนอีกเลยครับ” ดร.สามารถ กล่าวทิ้งท้าย

‘THG’ จับมือ ‘OR’ เปิดให้บริการ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร นำร่องที่แรกในปั๊มน้ำมันพีทีที

แพทย์หญิงวรีรัตน์ ยมจินดา รองประธาน พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ‘THG’ เปิดเผยว่า พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ด้านการดูแลสุขภาพถึงบ้านแบบองค์รวม โดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ในเครือ THG ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) ในเครือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จัดตั้ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ คลินิกให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมในสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น โดยนำร่องเปิดสาขาแรก ณ ร้านจิฟฟี่ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2

‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ สามารถให้บริการทั้งในรูปแบบออนไซต์ (Onsite) และ ออนไลน์ (Online) อาทิ บริการเจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน ทำแผล ตรวจคัดกรองโควิด ATK และ RT-PCR ฯลฯ รวมถึงให้บริการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านระบบออนไลน์ (Online) ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ตลอดจนให้บริการสุขภาพอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) เป็นผู้บริหารสถานีบริการพีทีที สเตชั่น-จิฟฟี่ ซึ่ง THG เล็งเห็นถึงศักยภาพภายในพื้นที่สถานีบริการที่มีความเหมาะสม ทั้งความสะอาด สะดวก ปลอดภัย เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตั้งอยู่บนถนนสายหลักใกล้แหล่งชุมชน ประชาชนเข้าถึงง่าย นำมาต่อยอดให้บริการการแพทย์ในรูปแบบใกล้บ้าน ซึ่ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพของชุมชน อีกทั้งสามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาในการเดินทาง สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัยของคนในชุมชน

อนึ่ง หากผู้ที่มาใช้บริการมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หรือ มีความจำเป็นส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก ก็จะมีโรงพยาบาลในเครือ THG อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา (โรงพยาบาลธนบุรี 2) ให้การสนับสนุนรองรับในส่วนนี้ หรือ หากผู้ป่วยต้องการการดูแลต่อเนื่องในที่พักอาศัย ก็จะมี พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ พร้อมให้บริการ

สำหรับ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ โครงการนำร่องสาขาแรก ณ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2 ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมก่อนเลี้ยวเข้าถนนรามอินทรา สามารถให้บริการชุมชนโดยรอบครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 กิโลเมตร เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00-19.00 น. และมีแพทย์ทั่วไปประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-12.00 น. พร้อมกันนี้โครงการจะเดินหน้าพัฒนาและวางแผนในการขยายคลินิกทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ทั่วกรุงเทพมหานคร ตลอดจนจังหวัดหลักๆ ทั่วประเทศต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “แก็งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยส่งข้อความ SMS ยังไม่สิ้นซาก” 

เนื่องจากในรอบสัปดาห์  มีการจับกุมมิจฉาชีพรับจ้างแก็งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center)นำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น(SMS)  สวมรอยช่องทางปกติของสถาบันการเงิน และหน่วยงานอื่น หลอกลวงผู้เสียหายกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์และหลอกให้โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกจาก Mobile Banking ของผู้เสียหาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายอื่นสวมรอยส่งข้อความสั้น(SMS) ในลักษณะเดียวกัน   จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.   หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  และ พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2566  เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากยังมีการส่งลิงก์ในลักษณะดังกล่าวอยู่ และมีการส่งในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก  

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 พ.ค.2566)  มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ   3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน  4) คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงในช่วงนี้ คือ คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ โดยใช้วิธีส่งข้อความสั้น (SMS) สวมรอยช่องทางปกติของสถาบันการเงิน หรือหน่วยงานอื่น โดยขยับมาจากอันดับ 6 เป็นอันดับ 4 ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องย้ำเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ  

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด   ผบก.ตอท.บช.สอท.    กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ที่มิจฉาชีพรับจ้างแก็งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) นำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น(SMS)หลอกลวงผู้เสียหาย  ดังนี้ 

ก่อนหน้านี้มิจฉาชีพแก็งคอลเซ็นเตอร์ส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงผู้เสียหายโดยใช้ SIM BOX โทรศัพท์จากต่างประเทศผ่านระบบ VOIP หรือส่งผ่านอีเมลผ่านบริษัทรับส่งข้อความสั้น (SMS) แต่ในรอบเดือนที่ผ่านมา มิจฉาชีพนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ใส่ไว้ในรถขับไปเส้นทางต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล แล้วส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยใช้ชื่อผู้ส่งเป็นสถาบันการเงิน ส่งข้อความสั้น (SMS) ว่า “มีผู้เข้าสู่ระบบธนาคารของผู้เสียหายจากอุปกรณ์อื่น หากไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเอง ให้ผู้เสียหายติดต่อธนาคารผ่านลิงก์ไลน์(Line)ทันที”     และมีผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์   แล้วคนร้ายจะโทรผ่านไลน์หลอกให้กดลิงก์โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ และโอนเงินออกจาก Mobile Banking  ของผู้เสียหาย โดยในห้วงเดือน เม.ย. -พ.ค. 2566 มีการแจ้งความออนไลน์ จำนวน 1,398 เคส รวมมูลค่าความเสียหาย 235,135,988.50 บาท 

ต่อมาวันที่ 24 พ.ค.66 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์โดยการนำของพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,   พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ  รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. ได้ประสานความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,สำนักงานคณะกรรมการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ,สำนักงานคณะกรรมการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ,ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS TRUE และ DTAC, ธนาคารกสิกรไทย และ ศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคธนาคาร (TB-CERT) ทำการสืบสวน ตรวจค้น จับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าว โดยจับกุม นายสุขสันต์ อายุ 40 ปี กับพวก รวม 6 คน ในข้อหา “ร่วมกัน ทํา มี ใช้ นําเข้า นําออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม

โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม, เป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรตามประมวลกฎหมายอาญา” ตรวจยึดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) จำนวน 4 คัน พร้อมอุปกรณ์ 4 ชุด ตรวจยึดเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station)   ที่ยังไม่ได้แกะออกมาใช้อีก 1 ชุด ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การรับว่าได้รับการติดต่อว่าจ้างจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านขับรถนำเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงประชาชนในรัศมี 2 กม. หรือครอบคลุมพื้นที่ 4 ตร.กม. โดยจะได้ค่าจ้างสำหรับการวิ่งส่งสัญญาณเดือนละ 80,000 บาท ซึ่งเครื่องดังกล่าวนั้นสามารถส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้วันละ 20,000 หมายเลขต่อเครื่อง  

ขอเน้นย้ำให้ได้รับทราบว่า  ในช่วงแรกมิจฉาชีพต้องการให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนไลน์เพื่อหลอกลวงด้วยการพูดคุยตลอดเวลาให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและทำตามขั้นตอน  จากนั้นจะพยายามส่งลิงก์ผ่านไลน์เพื่อให้ผู้เสียหายกดโหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ โดยมิจฉาชีพจะคอยแนะนำขั้นตอนต่างๆ  ทีละขั้นตอน  เนื่องจากการกดยอมรับแอปพลิเคชันให้ควบคุมเครื่องโทรศัพท์นั้น  มีขั้นตอนยุ่งยาก ผู้เสียหายไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ต้องทำตามคำแนะนำของคนร้าย และเมื่อผู้เสียหายกดยินยอมขั้นตอนสุดท้ายแล้ว  หน้าจอจะมีข้อความเป็นเปอร์เซ็นต์หรือข้อความกำลังอัพเดด กรุณารอสักครู่  ช่วงนี้มิจฉาชีพจะทดลองเข้าแอปพลิเคชันธนาคารจากรหัสที่เราตั้งในแอพ หรือจากเบอร์โทรศัพท์ของเรา โอนเงินออกจากบัญชี Mobile Banking  ของผู้เสียหาย  หากเข้าไม่ได้ก็จะหลอกให้โอนเงินไปลงทะเบียน หรือโอนระหว่างบัญชี ซึ่งคนร้ายจะเห็นว่าเรากดรหัสอะไร 

จุดสังเกต   
1) มิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) พร้อมแนบลิงก์สวมรอยช่องทางปกติในการส่งข้อความจาก 
ธนาคาร และใช้ชื่อไลน์คล้ายกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงาน 
2) มิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) ขณะขับรถไปตามเส้นทางต่างๆ แสดงว่าทุกคน ทุกอาชีพมี 
โอกาสได้รับข้อความสั้น (SMS) และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ 
3) พนักงานธนาคาร  ไม่ใช้ไลน์ส่วนตัวในการติดต่อลูกค้า 
4) เว็บไซต์ปลอมที่มิจฉาชีพให้กดโหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์นั้น  สามารถกดได้ 
เฉพาะเมนูดาวน์โหลด เมนูอื่นๆ เมื่อกดแล้วจะไม่ขึ้นข้อมูลใดๆ  
4) ธนาคารไม่มีนโยบายการส่งข้อความ SMS แบบแนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอดไลน์ 
ไอดี  หรือเพิ่มเพื่อนในไลน์ 

วิธีป้องกัน  
1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ 
ติดตั้ง  
2) กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ  ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับ สายด่วนของธนาคารหรือ 
หน่วยงานนั้นๆ โดยตรง  
3) หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ  
Apple Store  เท่านั้น  อย่าเชื่อคำแนะนำของคนร้ายให้กดเข้าบราวเซอร์อื่น 
4) มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการหลอกลวงในรูปแบบให้สแกน QR Code หรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID  
Line จึงไม่ควรสแกนหรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID Line จากคนที่ไม่น่าเชื่อถือ 
 จากข้อมูลสถิติรับแจ้งความออนไลน์พบว่า  หลังจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ (call center) ดังกล่าวข้างต้นถูกจับกุมแล้ว  ปรากฏว่ายังมีสถิติการรับแจ้งความมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างสถานบันการเงิน  การไฟฟ้า ประปา และหน่วยงานอื่นหลอกลวงประชาชนอยู่  เนื่องจากยังมีแก็งคอลเซ็นเตอร์(call center) จำนวนหนึ่งยังไม่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพแก็งคอลเซ็นเตอร์(call center) ดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการของมิจฉาชีพ   และให้ตระหนักไว้ว่าหากมี SMS แปลกปลอม ต้องไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ  ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับ สายด่วนของธนาคารหรือหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง หรือไปติดต่อหน่วยงานนั้นๆ  ด้วยตนเอง  และที่สำคัญหากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store  เท่านั้น และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

อาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตัวตึงเรื่องสถาบันกษัตริย์ ผู้ก่อตั้งเพจ ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง’

รองศาสตราจารย์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เป็นนักวิชาการ นักเขียน นักรัฐศาสตร์และอดีตนักการทูตชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการมีอยู่ของ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย’ ผ่านรายการ วีโอเอไทย ในหัวข้อ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตัวตึงเรื่องสถาบันกษัตริย์’ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 ว่า…

“เนื้อแท้ของปวิน คือ รอยัลลิสต์ ผมอยากเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงอยู่ แต่การที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงสนับสนุนให้มีการปฏิรูป เพราะผมอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทย แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่มีโมเมนต์ไหนเลยที่ผมคิดว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่จำเป็นต่อประเทศไทยแล้ว”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top