Sunday, 3 December 2023
NEWS FEED

‘เทศบาลตำบลบางเมือง’ จัดประกวด ‘นางนพมาศผู้สูงอายุ' ‘สร้างสีสัน-คืนความสุขให้สูงวัย’ ในวันลอยกระทงเต็มเปี่ยม

เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.66) ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบางเมือง ได้จัดงานประเพณีลอยกระทง 2566 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมี นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง เป็นประธานเปิดงานประเพณีลอยกระทง เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย ที่มีมายาวนาน ให้คงอยู่สืบไป โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ บนเวทีสร้างความสามัคคีและสร้างสีสันให้กับงาน 

ภายในงานได้มีการประกวดกระทงสวยงาม และการประกวดนางนพมาศ โดยปีนี้ได้รับสมัครผู้เข้าประกวดนางนพมาศที่มีอายุระหว่าง 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบางเมือง ซึ่งจะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาตัดสินการประกวด โดยจะพิจารณาจากรูปร่างหน้าตา ความสวยงาม ความประทับใจในบุคลิกภาพ คะแนน 40 คะแนน กิริยามารยาท ท่วงท่าในการตัดสินใจและความมั่นใจ 30 คะแนน และการแต่งกายสวยงามเหมาะสมอีก 30 คะแนน

ซึ่งการประกวดดังกล่าวสร้างความสนใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก โดยมีกองเชียร์ส่งเสียงลุ้นระทึกให้กับผู้สมัครนางนพมาศของตัวเองที่เข้าประกวดทำให้บรรยากาศภายในงานมีสีสัน สร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมงาน โดยประชาชนต่างทยอยไปลอยกระทงที่ท่าน้ำที่ทางเทศบาลได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกดูแลเรื่องความปลอดภัย 

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรชาวลาวในการทำคลอดฉุกเฉิน ข้ามฝั่งท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจาก ท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ว่ามีราษฎรชาวลาวเจ็บป่วยฉุกเฉิน ทราบชื่อ นางแหม่ม จันทะลัก อายุ 17 ปี ราษฎรบ้านท่าสะอาด เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว มีอาการปวดท้องใกล้คลอด จึงได้จัดกำลังพลเข้าให้การช่วยเหลือนำราษฎรหญิงชาวลาวใกล้คลอด ลงมาจากเรือแล้วนำขึ้นยังฝั่งท่าเรือฯ พร้อมกับประสาน รพ.บ้านแพง เพื่อนำหญิงใกล้คลอด นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม 

และเมื่อรถฉุกเฉินพร้อมบุคลากร โรงพยาบาลบ้านแพง มาถึง ปรากฎว่า ราษฎรหญิงชาวลาว ทนเจ็บท้องไม่ไหว หน่วยจึงได้อำนวยความสะดวกในการกันพื้นที่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลบ้านแพง ได้ทำคลอดฉุกเฉิน ณ พื้นที่ บริเวณท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยการช่วยเหลือราษฎรชาวลาวในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรม ที่หน่วยได้ปฏิบัติด้วยดีตลอดมา และเพื่อรักษาและสืบสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างราษฎรทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ให้คงอยู่สืบไป การทำคลอดฉุกเฉินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราษฎรหญิงชาวลาว ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก พร้อมน้ำส่ง โรงพยาบาลบ้านแพง เพื่อดูแลรักษาหลังการคลอดต่อไป มารดาและญาติของราษฎรหญิงชาวลาว มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน 'ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture'

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยวธ.ร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เน้นให้ประชาชน ร่วมสืบสานคุณค่าสาระประเพณีไทย พร้อมเตรียมเสนอยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566 “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อม คณะทูตานุทูต ประเทศลาว สิงคโปร์ เกาหลี ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และอินโดนีเซีย พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมด้วย นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยกรุ๊ปฯ และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ภาคีเครือข่ายที่ร่วมงาน ซึ่งภายในงานมีประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่งชุดไทยมาเที่ยวงาน และร่วมลดขยะด้วยการลอยกระทงร่วมกัน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า งานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๖ “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่ ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่พี่น้องชาวไทยจะได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน ร่วมงานด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจ เพราะเป็นประเพณีที่เต็มไปด้วยคุณค่า ความหมายที่จะสร้างสรรค์สังคม และชุมชนให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติที่มีคุณต่อมนุษย์นับแต่อดีตจนปัจจุบัน และความเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตที่งดงามของคนไทยที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา 

“งานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ปีนี้ เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเผยแพร่และสืบสานคุณค่าสารัตถะประเพณีลอยกระทง แล้ว ยังได้มีการจัดประกวดกระทงในประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ การจัดแสดงผลงานของเด็กและเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จากท้องถิ่นสู่เลอค่า การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์กรมศิลปากร การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรีลูกทุ่งจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ตลอดจนการสาธิตอาหารไทย ขนมโบราณ การสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนต่าง ๆ มาให้พวกเราได้สัมผัสในหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นงานลอยกระทงที่งดงามเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

โดยนายเสริมศักดิ์ ประธานพิธีได้มอบรางวัลการประกวดกระทงประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ จำนวน ๑๒ รางวัล และมอบรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก Local สู่เลอค่า รวมจำนวน ๘ รางวัล จากนั้น ประธานพิธีพร้อมคณะฯ ได้ร่วมลอยกระทงพร้อมกัน ณ บริเวณท่าน้ำ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้รับชมการแสดงดนตรีออร์เคสตร้า “รุ่งอรุณ สู่ค่ำคืน” ผลงานเพลงที่รังสรรค์พิเศษเพื่องานลอยกระทง โดย สมเถา สุจริตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ประพันธ์เพลงร่วมสมัย)  พุทธศักราช ๒๕๖๕

นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ได้ชมและร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การสาธิตการทำกระทงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสาธิตการทำอาหารและขนมโบราณ กิจกรรมลานอรุณ รักษ์ไทย by Thai Group  ได้ความรู้จากนิทรรศการเผยแพร่คุณค่าสาระความสำคัญของประเพณีลอยกระทง  ชมกระทงสวยงามและสร้างสรรค์ ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในงาน  ชมผลงานจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก local สู่เลอค่า และยังได้ชิมอาหารและขนมจากโครงการ “๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” 

ของกรุงเทพมหานครและพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ข้าวตอกตั้ง แกงเหงาหงอด และชมชิมการสาธิตอาหารไทยโบราณ อาหารท้องถิ่น ได้แก่ หมูโสร่ง ขนมถุงเงินถุงทอง ขนมบัวลอย ดอกพิกุล ขนมต้มญวน เมี่ยงดอกบัว ขนมวงและขนมบัว ขนมกระทงทอง ขนมล่าเตียงไส้มะพร้าวกุ้ง ขนมพวงประทัด ขนมตระกูลทอง (ทองหยิบ ทองเอก ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน จ่ามงกุฏ สเน่ห์จันท์) น้ำสมุนไพร ขนมจีนน้ำยาเห็ด ขนมไข่ปลา ข้าวเหนียวมะม่วง และในช่วงดึกยังได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรี โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร และปิดท้ายด้วยความบันเทิงการเพลงลูกทุ่งจากศิลปินนักร้องดาวรุ่ง นัน ไมค์ทองคำ และที่สำคัญยังได้ร่วมกันลดปริมาณขยะ ๑ ครอบครัว ๑ กระทง ลอยผ่านรางน้ำหรือสไลเดอร์ อย่างสะดวกปลอดภัย ณ บริเวณท่าน้ำวัดอรุณฯ จึงเป็นค่ำคืนที่สวยงามและประทับใจยิ่ง

นอกจากนี้ ในส่วนภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยังสนับสนุนให้จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีลอยกระทง คงอัตลักษณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่น เช่น งานเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย / งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก / งานประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ / งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม / งานประเพณีลอยกระทงที่ จังหวัดมหาสารคาม อุดรธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ เฟสบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และประชาสัมพันธ์จังหวัดของภูมิภาคต่าง ๆ

กระบี่-เจ้าสัวสมชัย เอไอเอส advance info service จำกัด พร้อมสาธุชน ร่วมบุญกฐินสมทบทุนสร้างพระธาตุมหาเจดีย์วัดคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ยอดกฐิน 5 ล้านกว่าบาท

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ณ วัดคลองท่อม ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีการจัดทอดกฐินสามัคคี เพื่อสร้างพระธาตุวัดคลองท่อม พระครูสถิตนราธิการ เจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม ฝ่ายสงฆ์ ประธานกฐินโดย คุณ สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานกรรมการ การบริหาร บริษัทแอดวานซ์อินโฟเซอร์วิสจำกัด(มหาชน) พร้อมด้วยคุณอังศวี สิทธิโชคสุขสกุล และครอบครัว คุณโกสินทร์ อัศววิริยะกิจและครอบครัว คุณอนุวัฒน์ บุษรานิพรรณ์และครอบครัว คุณชนิสรา อัครหิรัญกุลและครอบครัว เป็นประธานกฐินร่วม นายพิริยะศรีสุขสมวงศ์นายกเทศมนตรีตำบลคลองท่อมใต้ ข้าราชการตำรวจทหาร ท้องถิ่นอบต. พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธา หลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น แม้ในช่วงเช้าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่พุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาก็ยังคงมาร่วมบุญกันอย่างหนาแน่น 

มีการจัดตั้งโรงทานสำหรับผู้ที่มาร่วมบุญกฐิน พุทธศาสนิกชนที่นำปัจจัยและองค์กฐินมาร่วมแห่รอบพระอุโบสถครบ 3 รอบพร้อมขบวนฟ้อนรำและกลองยาวโดยมีพระครูสถิตนราธิการเจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้เจ้าอาวาสวัดคลองท่อมพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับองค์กฐินและปรับประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั้งนอกและในพื้นที่เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจัยทั้งสิ้นเป็นเงิน 5,154,105 บาท  ซึ่งการทอดกฐินครั้งนี้เพื่อสมทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์วัดคลองท่อม ต่อไป

ทั้งนี้พิธีทอดกฐินหรือทำบุญกฐินเป็นประเพณีทำบุญของชาวคลองท่อมที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรืองานบุญประจำปีหลังเทศกาลการออกพรรษาโดยจะมีชาวบ้านร่วมทำบุญบริจาคปัจจัยเปิดโรงทานทำอาหารคาวหวานเลี้ยงสาธุชนเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับสาธุชนที่มาร่วมบุญในครั้งนี้และได้สืบสานทำนุบำรุงศาสนสถานและสืบทอดบริวารพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาประจำท้องถิ่น ต่อไป

'ดร.เอ้' เปิดใจ!! ในฐานะนักเรียนทุนรัฐบาลจากภาษีประชาชน ต้องตอบแทน ‘ปชช.-สังคม-แผ่นดินแม่’ อย่างสุดความสามารถ

(27 พ.ย. 66) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

"เรา นักเรียนทุนรัฐบาล จากภาษีประชาชน ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน"

ผมในฐานะ ‘นายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย’ จัดการประชุมประจำปี และมอบรางวัลนักเรียนทุนดีเด่น และนักเรียนทุนดาวรุ่ง ประจำปี 2566 เพื่อเป็นกำลังใจแก่ คนทำความดีเพื่อสังคมไทย

ผมขอแสดงความยินดีกับ ผู้ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ และครอบครัว รวมทั้งหน่วยงานของท่านด้วยครับ

ทุกความสำเร็จ ย่อมมี ‘คนปิดทองหลังพระ’ ซึ่งก็คือ พี่น้องคณะกรรมการสมาคมนักเรียนทุนฯ ที่เป็นคนที่เสียสละที่สุด ทำงานเพื่อส่วนรวม มิหวังผลตอบแทน และไม่เคยได้อะไรตอบแทน น่าศรัทธายิ่ง

เรารู้ว่า บุญคุณของสังคมไทย ที่ส่งเราไปเรียนต่างประเทศ นั้นยิ่งใหญ่มากนัก เราจึงมีหน้าที่ต้องตอบแทนประชาชน สังคม และแผ่นดินแม่ อย่างสุดความสามารถ

รู้ครับว่า ไม่ง่าย เพราะคนเก่ง คนดี อาจไปไม่ไกลถึงดวงดาว เพราะสังคมไทยมีปัจจัยแฝงมากมายเหลือเกิน

แต่กำลังใจ ที่มอบให้กัน และการยกย่องคนเก่งคนดี อย่างน้อยจะเป็นพลังซึ่งกันและกัน ผลักดันสังคมไทยให้พัฒนาขึ้นได้แน่นอน

สู้ๆ นะครับ

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
นายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย (2562-2566)
#นักเรียนทุน

‘แสตมป์แพงสุดในโลก’ มูลค่าสูงกว่า 300 ล้านบาท ถึงเมืองไทยแล้ว ปชช.ร่วมชมความยิ่งใหญ่ได้ที่อาคารไปรษณีย์กลาง 27 พ.ย.-3 ธ.ค.นี้

(27 พ.ย.66) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (ส.ต.ท.) นำแสตมป์สีม่วงแดง 1 เซ็นต์ บริติช กีอานา ปี 1856 (The British Guiana One-Cent Black on Magenta) แสตมป์ที่แพงที่สุดในโลกที่มีมูลค่าสูงกว่า 300 ล้านบาท และแสตมป์มังกร พิมพ์กลับหัว (500 Mon) ปี 1871 ซึ่งมีราคาแพงที่สุดในทวีปเอเชีย มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยแสตมป์ทั้งสองดวงเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว และเตรียมจัดแสดงในงาน POSTiverse ส่งสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปี ไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก โดยเป็นครั้งแรกของโลกที่แสตมป์ที่แพงที่สุดของโลกและแพงที่สุดของเอเชียได้ถูกจัดแสดงร่วมกัน

งานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ยังมีแสตมป์ไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ แสตมป์สะสมส่วนพระองค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แผงประกวดที่ได้รางวัลจากสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (สตท.) ผลงานการประกวดตราไปรษณียากรจากนักสะสม กว่า 60 ประเทศทั่วโลก แม่พิมพ์แสตมป์ชุดแรกของไทย ‘ชุดโสฬศ’ อายุ 140 ปีที่หาชมที่ไหนไม่ได้http://www.thailandpost.co.th

ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th , เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด , ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post , ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post , ติ๊กต็อก : @thailandpostchannel

เจ้าของสุนัขใจสลาย โดนเด็กแสบปีนเข้าบ้านตอนไม่อยู่  แอบเปิดรั้ว ปล่อยหลุดถนนใหญ่ ถูกรถชนตาย 2 ตัว

(27 พ.ย.66) กลายเป็นประเด็น ที่ทำเอาเหล่าทาสหมาหลายคนพากันใจสลาย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ หลังเจอเด็กปีนเข้าบ้านตอนไม่อยู่ สุดท้ายปล่อยหมาสุดที่รัก พันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีหลุดจากรั้ว ถูกรถชนตายไป 2 ตัว

พร้อมเผยความรู้สึกว่า “การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ วันนี้ไม่อยู่บ้านเด็กวัย 7 ขวบ กับ 9 ขวบ แอบเข้ามาในบ้านเปิดประตูรั้ว (ภาพจากกล้องวงจรปิด) ปล่อยให้หมาทั้ง 3 ตัวหลุดออกจากบ้านแล้ววิ่งไปถนนใหญ่ จัสมินและอันนาถูกรถชนตาย ส่วนเอลซ่านั่งเฝ้าศพ คนในหมู่บ้านรีบโทรมาบอก

เราก็คิดแค่ว่าหมาคงเจ็บรักษาได้ ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ สูญเสียทั้งหมา ซ่อมรถให้เขาอีก ฝากถึงพ่อแม่ที่มีลูกควรดูแลลูกหลานตัวเองไม่ให้เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต สอนมารยาทให้ดี เด็กก็คือเด็ก แต่เด็กก็ไม่ได้น่ารักทุกคน”

งานนี้เมื่อแชร์ออกไป สร้างความโศกเศร้าให้คนรักสัตว์ พร้อมเข้ามาแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

‘อนุทิน-พวงเพ็ชร’ เปิดตัวแอปฯ ‘ทางรัฐ’ เล็งลดขั้นตอนติดต่อราชการ พร้อมช่วยให้ ‘ผู้สูงอายุ-คนพิการ’ เช็กเบี้ยได้สะดวกและรวดเร็ว

(27 พ.ย.66) ที่อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดบริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการบนระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) หรือแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ โดยมีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรมต.ประสำนักนายกฯ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผอ.สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตัวแทนภาคประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมในพิธี 

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีที่จะได้เปิดการให้บริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการบนระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชนหรือแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจตามนโยบายรัฐบาลที่จะปรับเปลี่ยนการบริหารประเทศให้เข้าสู่ยุค Digital Government โดยเมื่อข้อมูลทั้งหลายถูกนำเข้าสู่ระบบออนไลน์แล้ว ประเทศก็จะได้ทั้งการบริหารงานที่โปร่งใส และการให้บริการที่สะดวกสบายสำหรับประชาชน ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรค์บริการ ทั้งการพัฒนาบริการเดิม และเสริมบริการใหม่ จะช่วยลดขั้นตอนการติดต่อราชการที่ซ้ำซ้อนลง สามารถตอบสนองความต้องการของคนยุคนี้ ในการเข้าถึงบริการของรัฐได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลดปัญหาดังที่เราทุกคนเคยมีประสบการณ์ของความหงุดหงิด เวลาอยากจะทำอะไรนอกเวลาราชการแล้วทำไม่ได้ ต้องมาเสียเวลาทำการทำงาน เพื่อไปติดต่อราชการตามเวลาราชการ 

“ความรู้สึกแบบนั้นจะหายไป เมื่อเราเข้าสู่ความเป็น Digital Government โดยสมบูรณ์ ซึ่งการรวมศูนย์บริการภาครัฐให้เป็นพอร์ทัลกลาง เป็นปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลดิจิทัลเกิดขึ้นได้จริง การที่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการให้บริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ รองรับผู้ใช้งานกว่า 14 ล้านคนในครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับอัตลักษณ์ในการทำงานของชาวกระทรวงมหาดไทย คือทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม สนองตอบความต้องการของประชาชน

ด้านนางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่วันนี้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนนโยบายของท่านรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ที่มุ่งพัฒนาให้ข้าราชการและหน่วยงานเป็นที่พึ่งพาของประชาชน ทั้งนี้ การที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้เกียรตินำบริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการมาไว้ในแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ สะท้อนถึงการก้าวสู่องค์กรดิจิทัลที่มีความสอดคล้อง คล่องตัว เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่จะผลักดันให้แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ เสมือนซูเปอร์แอพของภาครัฐ ที่ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในแอปฯ เดียว ซึ่ง DGA มุ่งมั่นขับเคลื่อนงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างประเทศให้ทันสมัย เพื่อชีวิตของคนไทยที่ง่ายขึ้น (Smart Life) ส่งผลให้ประชาชนทุกคน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

นายขจร กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัญหาที่ประชาชนทั่วไปไม่ทราบ หรือไม่สามารถคำนวณหาช่วงเวลาที่ต้องไปยืนยันตัวตน เพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้อย่างถูกต้อง มีความเสี่ยงในการไปยืนยันตัวตนล่าช้ากว่าที่ระเบียบกำหนด ส่งผลให้ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุล่าช้า และจำนวนเงินเบี้ยยังชีพที่ได้รับน้อยลงกว่าสิทธิที่ควรจะได้ หรือต้องการทราบข้อมูลการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการในแต่ละเดือน ก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางมาสอบถามข้อมูลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ยิ่งถ้าต้องการข้อมูลจากหลายหน่วยงานก็ต้องเดินทางไปหลายแห่งอีก สร้างภาระค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากให้กับประชาชนที่ต้องการความสะดวก

นายขจร กล่าวอีกว่า แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ได้รวบรวมบริการที่สำคัญของภาครัฐมาไว้ในแอพเดียว ที่ให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ปัจจุบันแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ พร้อมให้บริการประชาชนกว่า 134 บริการ เช่น บริการตรวจสอบสิทธิประกันสังคม สิทธิการรักษาพยาบาล เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด สิทธิหลักประกันสุขภาพ รวมถึงฐานข้อมูลการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ เป็นการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 รวมถึงแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งรัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งผลักดันให้แผนนี้เป็นระบบกลางของประเทศ ที่รวบรวมงานบริการภาครัฐไว้ในแหล่งเดียว เพื่อให้ประชาชนได้รับประสบการณ์ที่ดีในการติดต่อราชการผ่านทางออนไลน์

‘บ้านพักคนชราธรรมปกรณ์ฯ’ จัดงานลอยกระทง ‘สร้างความสุข-คลายความเหงา’ ให้คุณยายสูงวัย

(26 พ.ย. 66) ที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง และสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา น.ส.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมวันสำคัญและประเพณีจัดงานวันลอยกระทง พร้อมสนับสนุนเทศกาลลอยกระทงผู้สูงอายุ พร้อมด้วยนายกมลศักดิ์ เกษเมธีการุณ และนายวีระชาติ ทุ่งไผ่เเหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นำคณะผู้บริหาร โดยมีนางรังสียา บุทกิจ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม และน.ส.ณิชาสุธนี นกนอก หัวหน้าฝ่ายสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้สูงอายุที่อยู่ในความอุปการะของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วงให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น และได้แสดงกิจกรรม ร่วมรำวงย้อนยุค

ทั้งนี้สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง กองสวัสดิการสังคม มีหน้าที่ให้การอุปการะผู้สูงอายุหญิงที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน โดยได้จัดบริการด้านปัจจัยสี่ ด้านสุขภาพอนามัย ด้านอาชีวบำบัด ด้านสังคมสงเคราะห์ และนันทนาการเป็นต้น ปัจจุบันมี ผู้สูงอายุ จำนวน 68 ราย ในการนี้สถานสงเคราะห์ฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของประเพณีลอยกระทงนี้ จึงได้จัดงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีจัดงานวันลอยกระทงขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมสืบสานประเพณีไทย ทำให้ผู้สูงอายุได้รับความสุขทางใจ มีความภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทงของไทย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ ได้มีกิจกรรมประกอบด้วย การลอยกระทงร่วมกัน เพื่อขอขมาพระแม่คงคา การประกวดคุณยายนพมาศและการแสดงของผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีการจัดเลี้ยงอาหาร ขนม มอบของขวัญให้กับผู้สูงอายุทุกท่าน ร่วมลอยกระทงอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง 

ขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นโดยมีการจัดกิจกรรมสร้างความรัก ความอบอุ่น สร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับผู้สูงอายุ มีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มีการประกวดคุณยายพมาศ ได้แก่ หมายเลข 5 คุณยายพัลลภา ทัพวิบูลย์ อายุ 79 ปี ส่วนมิสออร่า หมายเลข 6 คุณยายพรรณี จุฑาเกตุ อายุ 70 ปี เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีรางวัล คุณยายผิวสวย, ขวัญใจช่างภาพ, นางงามบุคลิกภาพดี, ขวัญใจพี่เลี้ยง, คุณยายเสียงใส และนางงามมิตรภาพ พร้อมกับร่วมกันรำวงในเพลงลอยกระทง และได้ร่วมกันลอยกระทงในสระน้ำภายในสถานสงเคราะห์ โดยคุณยายทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดีใจ สดชื่น มีความสุข อบอุ่นกันทุกคน

น.ส.ยลดา กล่าวว่า กิจกรรมเทศกาลลอยกระทง ทำให้เห็นบรรยากาศของผู้สูงอายุที่มีสถานสงเคราะห์ 2 แห่ง ทั้งบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง กับบ้านคนชราธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง เพื่อให้กำลังใจและเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีวันลอยกระทง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นประจำทุก ๆ ปี ซึ่งเราอยากให้เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า คุณพ่อ คุณแม่ผสมผสานร่วมด้วยกันในการร่วมกิจกรรมดี ๆ เพราะประเพณีลอยกระทงถือว่าสิ่งที่ดีงามเป็นการขอขมาแม่น้ำคงคา เพราะน้ำเราใช้ดื่ม ใช้กิน ใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภคใช้ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่เราทำวันนี้ถือว่าคลายความเหงาให้ผู้สูงอายุ ให้กำลังใจ ให้ความอบอุ่น ให้ทุกท่านได้รับรู้ว่าท่านไม่ได้ถูกทอดทอดทิ้ง เป็นกิจกรรมที่ดีงาม และคุณคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านได้มีสุขชภาพจิตที่ดี สุขภาพกายที่ดี ไม่ซึมเศร้า ท่านได้สนุกสนาน และคลายความเหงาให้กับผู้สูงอายุ ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน

ด้านคุณยายสุนีย์ ญาสตรี อายุ 76 ปี กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ที่จัดให้ดีมาก ทำให้ยายได้ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า เพราะเราไม่ได้ออกไปข้างนอก 3-4 ปีแล้ว เพราะสถานการณ์โควิด ยายอยู่ที่นี้มีความสุข เจ้าหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ดีมาก พี่เลี้ยงให้ความเป็นกันเองดี รับผิดชอบดีทุกอย่าง โดยเฉพาะทาง อบจ. โดย น.ส.ยลดา ที่ไม่ทอดทิ้งเรา รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่เขายังไม่ทิ้งคนแก่บ้านเมตตา ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มาทำบ้านที่บ้านคุณยาย ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุก ๆ ท่านที่ได้กรุณาคุณยายเราทุกคน ขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่ยังคงนึกถึงพวกตน

ลูกสาว ‘ดาบวิชัย’ เผยคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อ “อย่าเซ่า ชีวิตมีอิหยังให้เฮ็ดอีกหลาย”

(27 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘ปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ’ ได้โพสต์ไว้อาลัย ร.ต.ต. วิชัย สุริยุทธ หรือ ‘ดาบวิชัย’ พร้อมระบุข้อความว่า…

“ขอไว้อาลัยแด่ ‘พ่อดาบวิชัย’ ร้อยตำรวจตรี วิชัย สุริยุทธ ‘คนบ้าปลูกต้นไม้’ ที่พวกเรารู้จักกันดี

ตลอดชีวิตของท่าน ได้ปลูกต้นไม้มากกว่าสามล้านต้น และเป็นแรงบันดาลใจให้ ‘คนบ้าปลูกต้นไม้’ รุ่นต่อๆ มา แม้จนวินาทีสุดท้าย…

พ่อให้บอกทุกคนว่า “อย่าเซ่า ชีวิตมีอิหยังให้เฮ็ดอีกหลาย”

คุณกฤษฎาวัลย์ (พี่อ้อ) ลูกสาวของพ่อดาบ กล่าวถึงข้อความที่ พ่อดาบวิชัย บันทึกฝากไว้ในช่วงท้ายของชีวิต ก่อนจากไปอย่างสงบ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. 2566 ในวัย 77 ปี

“หวังว่าท่านจากไปอย่างสงบ และไปสู่สุคติ สวรรค์ชั้นฟ้าที่ท่านสถิตเชื่อว่าจะมีต้นไม้อุดมร่มรื่น” คำไว้อาลัย โดย พระไพศาล วิสาโล ประธานกรรมการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ (มตธ.) 26 พ.ย. 66 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top