Wednesday, 19 February 2025
NEWS FEED

'ช้าง-บางจากฯ-ดิทโต้' ร่วมหนุน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' ดันนักกอล์ฟเยาวชนไทยมุ่งสู่ระดับจัดศึกกอล์ฟเยาวชนฤดูกาล 2025

(14 ก.พ.68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด พร้อมด้วย  นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง (ที่ 5 จากซ้าย), นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย) และ นายประสงค์ สุดอำพัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ที่ 5 จากขวา) ร่วมแถลงข่าวจัดศึกกอล์ฟเยาวชน 'ช้าง - เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' ที่ราชพฤกษ์ คลับ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568

'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย 'น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง', 'บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)' และ 'บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)' พร้อมเดินหน้าพัฒนากอล์ฟเยาวชนอย่างต่อเนื่อง จัดศึกดวลสวิงกอล์ฟเยาวชนฤดูกาลใหม่ 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' (Chang - GENZ Golf Tour 2025) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาและผลักดันให้วงการกอล์ฟเยาวชนของไทยมีความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในระดับชาติ และนานาชาติได้ต่อไปในอนาคต 

นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร 'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' กล่าวว่า 'เดอะ เจ็นซ์' ได้สร้างทัวร์นี้ขึ้นมาให้เป็นทัวร์เยาวชนของคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักกอล์ฟเยาวชนของไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ ในปีนี้เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 4…'เดอะ เจ็นซ์' ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาวงการกอล์ฟเยาวชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังคงรักษามาตรฐานการจัดการแข่งขันตามกฎกติกาสากล รวมถึงมีการนับคะแนนสะสมอันดับนักกอล์ฟสมัครเล่นโลก (WAGR - World Amateur Golf Ranking) และ Junior Golf Scoreboard (JGS) ในปีนี้เราจัดการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 8 รายการ ซึ่งทุกรายการแข่งขันได้รับการรับรองจาก JGS และมี 4 รายการที่ได้รับการรับรองจาก WAGR...

โดยในปีนี้เราได้เพิ่มรุ่นการแข่งขันอีก 1 รุ่น รวมเป็น 4 รุ่นการแข่งขัน คือ Special GENZ (ชายและหญิง) อายุ 19-23 ปี, Super GENZ (ชายและหญิง) อายุ 15-18 ปี, รุ่น Junior GENZ (ชายและหญิง)  อายุ 11-14 ปี และรุ่น Rookie GENZ (ชายและหญิง) อายุ 8-10 ปี ทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสมตลอดฤดูกาล เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟในรุ่น Super GENZ และรุ่น Junior GENZ เข้าร่วมทีม GENZ CREW  จำนวน 12 คน โดยนักกอล์ฟที่มีคะแนนสะสม (สนามที่ 1-8) อันดับ 1, 2 และ 3 ในสองรุ่นดังกล่าวทั้งชายและหญิง จะได้รับการดูแลและสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนาฝีมือจากทาง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และยังคัดเลือกนักกอล์ฟ ฝีมือดีในรุ่น Super GENZ และ Junior GENZ (ชายและหญิง) จำนวน 8 คน ร่วมแข่งขันในรายการ Yonex Junior Golf Champioship 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น และอีก 1 รายการคือ Singapore Junior World Masters 2025 ที่ประเทศสิงคโปร์ และในปีนี้พิเศษกับ Genz Golf Camp ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่ง เดอะ เจ็นซ์ ได้ร่วมมือกับ Golfing Ground และ FlowCode โดยมี Dr. Rick Sessinghaus (ดอกเตอร์ริก เซสซิงฮาว) โค้ชของ Collin Morikawa (คอลิน โมริกาวา) รวมถึงคุณ Hallam Morgan (ฮาลัม มอร์แกน) และทีม Flow Code มาร่วมสอนเรื่อง Mental อีกด้วย

การแข่งขัน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' จัดแข่งขันรวม 8 รายการ ดังนี้ 
รายการที่ 1 'ช้าง โอเพ่น' วันที่ 8-9 มี.ค.2568  สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 2 'บางจาก แชมเปี้ยนชิพ' (WAGR) วันที่ 18-20 เม.ย.2568 สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  
รายการที่ 3 'ช้าง แชมเปี้ยนชิพ' วันที่ 10-11 พ.ค.2568 สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี
รายการที่ 4  'ดิทโต้ Super 6 Match Play' วันที่ 7-8 มิ.ย.2568 สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 5 'ดิทโต้ แชมเปี้ยนชิพ' (WAGR) วันที่ 4-6 ก.ค.2568  (To Be Announced)    
รายการที่ 6 'บางจาก มาสเตอร์ส' วันที่ 2-3 ส.ค.2568 สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 7 'ช้าง คลาสสิค' (WAGR)  วันที่ 5-7 ก.ย.2568 สนามเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จ.เพชรบุรี  
รายการที่ 8 'บางจาก แชมเปี้ยนส์ คัพ' (WAGR) วันที่ 3-5 ต.ค.2568 สนามแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา  

สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

นครพนม​ -​ตชด.235 ธาตุพนม ไล่ล่ายึดยาบ้ากลางงานพระธาตุพนม 1 ล้านเม็ด

(14 ก.พ.68​) ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2, พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนมพ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ใจสุข ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235  แถลงข่าว ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,00,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.ธาตุพน จ.นครพนม

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 10.00 นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 สืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.ธาตุพนม โดยใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 3446 กระบี่ เป็นพาหนะ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมประชุมวางแผนเพื่อตรวจค้นจับกุม 

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นชุดเฝ้าสังเกตการณ์และสะกดรอยติดตาม ตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่พบ รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง กำลังขับมาตามเส้นทางถนนชยางกูร หมายเลข 212 มุ่งหน้าไปในเขตเทศบาล ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับรถ ได้แสดงท่าทีพิรุธ ไม่ยอมหยุดรถ พร้อมเร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในห้วงนี้มีการจัดงานนมัสการพระธาตุพนม ในบริเวณเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม ทำให้มีรถบนท้องถนนหนาแน่น และเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้มาเที่ยวงาน  

จนกระทั่งรถของเจ้าหน้าที่ขับมาถึงภายในซอยบ้านดอนกลาง หมู่ที่ 9 ต.ธาตุพนม พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้อยู่ในบริเวณชายป่าริมถนน และพบห่อวัตถุต้องสงสัยขนาดใหญ่บรรจุอยู่ท้ายกระบะรถจำนวน 4 ห่อ แต่ไม่พบผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบห่อวัตถุต้องสงสัย ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุยาบ้าจำนวน 101ก้อน ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,090,000 เม็ด ซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้นำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน  สภ.ธาตุพนม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จเรตำรวจแห่งชาติประชุมร่วม UNODC เดินหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ระดับนานาชาติ

(14 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ /ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) ในฐานะหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) เป็นประธานการประชุมหารือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมด้วยผู้แทน UNODC ได้แก่ Mr. Benedikt Hofmann UNODC Deputy Regional Representative /Acting Regional Representative for Southeast Asia and the Pacific , Dr. Rebecca Miller, Regional Coordinator,  Human Trafficking & Migrant Smuggling Programme, UNODC , Dr. Sylwia Gawronska, Advisor, Human Trafficking & Migrant Smuggling, UNODC และคณะ เพื่อหารือความคืบหน้าการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) ณ ห้องประชุม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้เพื่อหารือความคืบหน้าการตั้งคณะทำงาน การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของไทย ในหน่วยเฉพาะกิจดังกล่าว และความร่วมมือของ UNODC ที่จะมาสนับสนุนการปฏิบัติ พร้อมกันนี้ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังทางการไทยกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะมาตรการตัดไฟ-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน ไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ทำให้มีการทยอยส่งคนกลับมาทางฝั่งชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก คาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีการส่งทยอยส่งคนสัญชาติต่างๆ กลับมาอีกจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของไทยได้มีมาตรการในการรองรับ โดยการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism - NRM) และประสานสถานทูตแต่ละประเทศเพื่อรับตัวกลับประเทศต้นทางต่อไป

ในส่วนการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทย โดยใช้ 7 มาตรการเข้มของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สามารถป้องกันการถูกหลอกลวงไปยังพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งจนถึงขณะนี้ยืนยันได้ว่าไม่พบการถูกหลอกลวงจากประเทศไทยอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความมุ่งมั่นในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปโดยเร็ว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยสนับสนุน ทั้งในประเทศและนานาประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว เป็นการป้องกันคนทั่วโลกจากอาชญากรรมร้ายเหล่านี้

'เชียงราย' ผบ.นบ.ยส.35 ลงพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ สกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มข้น ลดยาเสพติดเข้า ลดสารเคมีออก ตามนโยบายของรัฐบาล 'Seal Stop Safe'

(13 -14 ก.พ.68) พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน รองผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการกองทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยายาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) และคณะฯ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลปฏิบัติงานป้องกันชายแดนในพื้นที่ จว.ช.ม.,จว.ช.ร.และ จว.พ.ย. โดยมุ่งเน้นการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนและการ Seal ชายแดน เพิ่มความเข้มข้นการสกัดกั้นยาเสพติเให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ณ ฐานปฏิบัติการ บก.สกัดกั้นที่ 3 ต.หงาว อ.ภูซาง จว.พ.ย. , ร้อย ทพ.3103 ฐานปฏิบัติการแก่งผาได  ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จว.ช.ร., นรข.เชียงราย อ.เชียงแสน , ฐานปฏิบัติการจุดผ่อนปรนท่าดินดำ บก.ผาทมิฬ ฉก.ทัพเจ้าตาก, ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ อ.แม่สาย,  ฐานปฏิบัติการบ้านม้งเก้าหลัง , ฐานปฏิบัติการปางหนุน และ จุดตรวจ บ้านอีก้อสามแยก อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ปีแรก! สวนนงนุชพัทยา จัดจดทะเบียนบนหลังช้าง ฉลองสมรสเท่าเทียม คู่รัก LGBTQ+ แห่ร่วมคึกคัก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงาน

(14 ก.พ.68) นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มอบหมายให้ นางพัทธนันท์  ขันติสุขพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปสวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง โดยมี         

นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ ได้จัดส่งหน่วยเคลื่อนที่อำนวยความสะดวก ในการจดทะเบียนสมรส ณ บริเวณสวนลอยฟ้าที่ประดับตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้และดอกไม้นับหมื่นต้น

สวนนงนุชพัทยาจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่อลังการโดยมีขบวนแห่ขันหมากนำคู่สมรส 9 คู่นั่งบนหลังช้าง 9 เชือก และนักแสดงสวนนงนุชพัทยากว่า 100 ชีวิตมาร่วมขบวน และความพิเศษของปีนี้เรามีการจดทะเบียนภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของคู่บ่าวสาว ตามที่รัฐบาลประกาศใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความสนใจจากคู่รักคู่รัก LGBTQ+ ตบรับเข้าร่วมจำนวนมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานและนักท่องเที่ยว

สำหรับกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ปีนี้เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะได้พบกับวัฒธรรมและประเพณีไทยอันดีงามที่สวนนงนุชพัทยาจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มาจดทะเบียนสมรสวันนี้ทุกท่าน ได้รับสิทธิ์เที่ยวชมสวนสวยฟรีทุกคู่ โดย 50 คู่แรกได้รับบัตรรับประทานอาหารกลางฟรี และทุกคู่ได้ขึ้นหลังช้างเพื่อรับทะเบียนสมรส พร้อมกับรับของที่ระลึกเป็นต้นไม้มงคลทุกคู่ จากสวนนงนุชพัทยา

นิสสันปรับเกมใหญ่!! ปิดโรงงานแรกในไทย ยกเครื่องสายการผลิต เดินหน้าสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์

(14 ก.พ.68) นิสสัน มอเตอร์ ประกาศแผนปรับโครงสร้างการผลิตระดับโลก โดยเตรียมปิดโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อลดต้นทุนลง 400,000 ล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2026

แหล่งข่าวจาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานผลิตรถยนต์แห่งที่ 1 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานแรกของนิสสันในประเทศ จะถูกปิดและเปลี่ยนเป็นศูนย์ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แทน ส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงถึง 220,000 คันต่อปี

โรงงานแห่งนี้เคยเป็นฐานการผลิตของรถยนต์รุ่น เทียน่า, เอ็กซ์เทรล, ซิลฟี่, โน๊ต, มาร์ช และ อัลเมร่า (โมเดลแรก) ซึ่งหลายรุ่นได้ยุติการจำหน่ายไปแล้ว ปัจจุบันยังมีการผลิตรุ่น อัลเมร่า (โฉมปัจจุบัน) และ คิกส์ ซึ่งทั้งสองรุ่นจะถูกย้ายไปรวมสายการผลิตที่โรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งเดิมเน้นผลิตรถกระบะ นาวารา และ เทอร์ร่า

โรงงานของนิสสันในประเทศไทยตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 21 จังหวัดสมุทรปราการ มีโรงงาน 2 แห่งที่ใช้ผลิตรถยนต์สำหรับตลาดในประเทศและการส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก กำลังการผลิตรวมของทั้งสองโรงงานอยู่ที่ 370,000 คันต่อปี โดยแบ่งเป็น:

โรงงานที่ 1 กำลังการผลิต 220,000 คันต่อปี (กำลังจะปิดตัวลง)

โรงงานที่ 2 กำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี ซึ่งจะรองรับการผลิตเพิ่มเติมจากโรงงานที่ 1

นอกจากนี้ นิสสันยังได้ลงทุนในโรงงาน นิสสัน พาวเวอร์เทรน ประเทศไทย (Nissan Powertrain Thailand – NPT) ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ โดยถือเป็นโรงงานแรกนอกประเทศญี่ปุ่นที่มีความสามารถในการประกอบระบบขับเคลื่อนอี-พาวเวอร์ ด้วยกำลังการผลิตเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังสูงสุดถึง 580,000 หน่วยต่อปี

หลังการประกาศครั้งนี้ ยังคงต้องติดตามว่านิสสัน ประเทศไทยจะปรับกลยุทธ์ด้านการผลิตและลดต้นทุนอย่างไรเพื่อตอบสนองต่อแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทแม่ และบทบาทของประเทศไทยในแผนธุรกิจระยะยาวของนิสสันจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด

เชียงใหม่-งานเลี้ยงขันโตก จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.68) ณ สนามหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีเลี้ยงขันโตก "จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 โดยมี พลเอก โกศล ประทุมชาติ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร, ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย คณะผู้บังคับบัญชา, คณะผู้บริหาร, คณาจารย์, คณะครู, ข้าราชการ,นักเรียนเตรียมทหาร, นักเรียนยุพราชวิทยาลัย และผู้มีเกียรติร่วมงาน 

พลเอก โกศล ประทุมชาติ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับในงานเลี้ยงขันโตก จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 ในนามของผู้บริหาร คณะครู บุคลากร ผู้ปกครองนักเรียน และภาคีเครือข่ายโรงเรียน ยุพราชวิทยาลัย มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจัดงานเลี้ยงขันโตก ต้อนรับผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร คณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ ข้าราชการและนักเรียนเตรียมทหาร ในโอกาสเดินทางมาทัศนศึกษาในเขตพื้นที่ภาคเหนือ และร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬาประเพณีเตรียมทหาร - ยุพราชฯ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐบาลที่จัดการศึกษาได้อย่าง มีคุณภาพเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นโรงเรียนที่ได้รับการอุปถัมภ์ชุบเลี้ยง กิจการต่าง ๆ ของโรงเรียนจากพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ รวมถึงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และเจ้านายฝ่ายเหนือ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนมาจนถึง ปัจจุบัน 

ดังนั้น ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนยุพราชวิทยาลัยทุกคน จึงถูกปลูกฝังให้เป็นผู้มีความจงรักภักดี กตัญญูกตเวที่ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อพระผู้ทรงมีคุณูปการต่อโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยมิเสื่อมคลายเฉกเช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ได้ปลูกฝังนักเรียนเตรียมทหารให้มีพื้นฐานความเป็นนายทหารในอนาคต ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะปกป้องราชบัลลังก์แห่งองค์พระมหากษัตริย์เจ้า จากอริราชศัตรู และภยันตรายทั้งปวง ที่อาจจะล่วงล้ำเข้ามาในพระราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของเหล่าทหารหาญทุกเหล่าทัพ ตำรวจทุกนาย และเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยทุกคนอีกด้วย

คืนนี้จึงเป็นคืนแห่งความงดงาม เป็นคืนแห่งการรวมใจ ในท่ามกลางงานเลี้ยง ขันโตก ของคณะผู้บังคับบัญชา คณะผู้บริหาร คณาจารย์ คณะครู และนักเรียนทั้งสองสถาบันอันเป็นสถาบันการศึกษาหลักที่เพาะบ่มความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนให้แก่เยาวชนที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองในทางที่ถูกต้องได้อย่างยั่งยืน ต่อไปในอนาคต

นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า งานเลี้ยง ขันโตก "จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 ทราบว่าจัดขึ้นเพื่อต้อนรับคณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ข้าราชการ และนักเรียนจากโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศในโอกาสที่ได้มาทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในเขตจังหวัดภาคเหนือ เพื่อประกอบการศึกษาตามหลักสูตร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีการศึกษา และได้ใช้โอกาสนี้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเพณีเตรียมทหาร - ยุพราชฯ ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของทั้งสองสถาบัน โดยได้จัดสืบเนื่องมาอย่างยาวนานทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 34 แล้วของการจัดงาน

สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานได้สร้างมิตรภาพอันงดงามของทั้งสองสถาบัน โดยได้ก่อให้เกิดคุณูปการที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียนและบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ที่จะได้มีการสานสัมพันธ์สามัคคีกีฬาประเพณีและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ ทั้งยังเป็นโอกาสอันดี ที่คณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ และนักเรียนเตรียมทหารจะได้ใช้โอกาสนี้ ทัศนศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่นและท่องเที่ยวอย่างมีความสุขใน เมืองแห่งความงดงาม มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องด้วยเชียงใหม่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนามาแต่โบราณ มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามหลายแห่งอีกด้วย

สตูล ประชุมติดตามผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่ เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570)

(14 ก.พ.68) ที่ห้องประชุมโต๊ะหยงกง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหมายให้นาวาเอก แสนไทย บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สต. ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่ เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570) พร้อมด้วยคณะพัฒนาเพื่อความมั่นคงในเขตพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ปกครองจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยมีพล.ร.ต.พงษ์มิตร ณรงค์กูล เสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุม

โดยก่อนการประชุมพล.ร.ต.พงษ์มิตร ณรงค์กูล เสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 3 และคณะฯ ขอเข้าเยี่ยมคำนับ นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เพื่อหารือข้อราชการในการเสริมสร้างความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ ตามวัตถุประสงค์ และแนวทางที่กำหนด ตลอดจนให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. 2558 และเพื่อรองรับการเสนอโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป้าหมายและภารกิจที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการประชุมครั้งนี้จังหวัดสตูลได้นำเสนอความคืบหน้าในการดำเนินการตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ 17 (การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่) และบรรยายสรุปแผนงาน/โครงการ ในพื้นที่เป้าหมาย ที่จังหวัดประกาศ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแนะนำ วาเลนไทน์นี้จะไม่ต้องปวดใจ หากหันกลับมาห่วงใยตนเองแลครอบครัว

(14 ก.พ.68) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 มกราคม 2567 พบว่ามีผู้เสียหายกว่า 8 แสนราย ความเสียหายรวม 81,500 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น วัยเรียน (อายุต่ำกว่า 25 ปี) ร้อยละ 15 วัยทำงาน (อายุ 26 - 60 ปี) ร้อยละ 78 และวัยสูงอายุ (อายุ 60 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 7 จำแนกเป็น เพศชาย ร้อยละ 37 และเพศหญิง ร้อยละ 63 ซึ่งเห็นได้ว่าคนทุกเพศทุกวัย ก็สามารถตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ได้ ประกอบกับในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นเทศกาล “วันวาเลนไทน์” หรือที่เรียกกันว่าเทศกาลแห่งความรัก ที่พี่น้องประชาชนมักจะใช้โอกาสนี้ในแสดงความรักให้กับคนรัก หรือคนที่แอบชอบ นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอใช้โอกาสนี้ แนะนำพี่น้องประชาชน ที่ไม่ต้องการเจ็บปวดใจจากความรักที่ไม่สมหวัง ให้หันมาแสดงความรักกับคนในครอบครัว ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแนะนำ ดังนี้

1. แนะนำให้อย่าหลงเชื่อข้อความหวานหูจากบุคคลแปลกหน้าในโลกออนไลน์

2. แนะนำให้รู้ทันมิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะ หลอกรักออนไลน์ (Romance Scam), หลอกลงทุน และแอปพลิเคชันปลอม

3. แนะนำให้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์
- ไม่กดลิงก์แปลกปลอม ที่ส่งมาทาง SMS หรือโซเชียลมีเดีย
- ใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย และไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันทุกแพลตฟอร์ม
- ตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชีออนไลน์ เช่น ยืนยันตัวตนสองชั้น

4. แนะนำให้ดูแลทรัพย์สินให้ปลอดภัย
- อย่าหลงเชื่อการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
- ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือรหัส OTP กับผู้อื่น
- ตรวจสอบบัญชีธนาคารหรือธุรกรรมออนไลน์เป็นประจำ

5. ใช้เวลาอยู่กับคนในบ้านให้มากขึ้น เพื่อลดการเสี่ยงตกเป็นเหยื่อจากการแสวงหาความรักในโลกออนไลน์ และยัง สามารถแนะนำบุคคลในครอบครัว ให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน Cyber Check ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่สามารถช่วยในการตรวจสอบและป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ โดยใช้ฐานข้อมูลจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการร้องเรียนและดำเนินคดีจริง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน Google Play 
และ App Store

สุดท้าย หากท่าน หรือบุคคลในครอบครัว ได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'เชียงราย'ตม.จว.เชียงราย รับคนไทยพันโทษจากเมียนมาตรวจสอบพบหมายจับคดีสำคัญยาเสพติดและพยายามฆ่าของพื้นที่ภาคใต้ 4 ราย

(13 ก.พ.68) เวลาประมาณ 11.00 น. ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จว.เชียงราย โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จว.เชียงราย, พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ ชูชื่น สว.ตม.จว.เชียงราย ร่วมกันรับตัวบุคคลสัญชาติไทย พ้นโทษตามคำพิพากษาศาลประเทศเมียนมา จากเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ท่าขี้เหล็ก จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. นายผกาเพชร (นามสมมุติ)อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา ต.ปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง จว.พัทลุง 
2. นายพินิจนัย (นามสมมุติอายุ 35 ปี ภูมิลำเนา ต.น้ำรึม อ.เมืองตาก จว.ตาก  
3. นายอรรถสิทธิ์ (นามสมมุติอายุ 31 ปี ภูมิลำเนา ต.กงรถ อ.ห้วยแถลง จว.นครราชสีมา     
4. นายคมสัน (นามสมมุติอายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน จว.พัทลุง

จากนั้น เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม และงานตรวจบุคคลและพาหนะ ตม.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันนำตัวบุคคลสัญชาติไทยทั้ง 4 ราย เข้าสู่ขั้นตอนพิธีการคนเข้าเมือง ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จว.เชียงราย จากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(POLIS) ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ(CRIMES) และระบบศูนย์ข้อมูลอาชญากรรม(PDC) พบว่า เป็นบุคคล  มีหมายจับ จำนวน 3 ราย ดังนี้ 

1. นายผกาเพชร (นามสมมุติอายุ 30 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน    ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายผกาเพชร ช่วยบำรุง ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง ให้ นายผกาเพชร ช่วยบำรุง ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. นายพินิจนัย (นามสมมุติอายุ 35 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัด ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายพินิจนัย คงเพชรนุ่น ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง ให้ นายพินิจนัย (นามสมมุติดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.ควนขนุน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3. นายอรรถสิทธิ์ (นามสมมุติอายุ 31 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายอรรถสิทธิ์ อุ้ยเกษมสุข ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง  ให้ นายอรรถสิทธิ์ อุ้ยเกษมสุข ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และการรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.เขาชัยสน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะนี้ทั้ง 3 คนอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อรอนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top