Sunday, 6 October 2024
NEWS FEED

‘นักธุรกิจสาว’ โวยโรงหนังดัง หลังถูกงูฉกขณะเข้าใช้บริการ ฟาก ‘โรงหนัง’ ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นหนู เสนอเยียวยา 6,990 บาท

(24 ก.ย. 67) น.ส.กรภาภิพร (สงวนนามสกุล) นักธุรกิจ อายุ 27 ปี เข้าร้องทุกข์กับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีนั่งดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ชื่อดังกับครอบครัว จู่ ๆ ก็ถูกงูฉกที่เท้าได้รับบาดเจ็บ 

โดยผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. ขณะเข้าไปดูหนังเรื่องในโรงหนังชื่อดังย่านพระราม 2 พอภาพยนตร์จบก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเลื้อยผ่านเท้า เพราะถอดรองเท้าแตะนั่ง จากนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกตัวอะไรกัด ตะโกนร้องกรี๊ดตกใจรีบออกไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่นอกโรงภาพยนตร์ 

พอเห็นท่าไม่ดี จึงรีบไปโรงพยาบาล ต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน เมื่อออกจากโรงพยาบาล จึงไปแจ้งความที่ สน.ท่าข้าม แต่ตำรวจให้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน โดยอ้างว่าให้ไปพูดคุยเจรจากันก่อน 

ผู้เสียหายยังบอกว่า หลังเกิดเรื่องทางพนักงานโรงภาพยนตร์ไม่เชื่อว่าเป็นงูฉกอาจจะเป็นหนู ซึ่งทางความเห็นแพทย์ระบุว่า ถูกกัดจากสัตว์มีเขี้ยวอาจเป็นงูพิษ ซึ่งตนเองพยายามเรียกร้องการดูแลรับผิดชอบ เรื่องค่ารักษาพยาบาล เป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท แต่ทางตัวแทนโรงภาพยนตร์กลับบอกว่าให้สำรองจ่ายไปก่อน ค่อยนำใบเสร็จมาเบิกเงิน กว่าจะได้เงินค่ารักษาคืนก็นานเป็นสัปดาห์ 

ล่าสุดเมื่อวาน (23 ก.ย. 67) เสนอเงินเยียวยา 6,990 บาท แต่ตนเองปฏิเสธไป เห็นว่าทางโรงภาพยนตร์ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจให้มากกว่านี้ 

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า จะประสานกับผู้กำกับสน.ท่าข้าม  ตรวจสอบกรณีนี้ เพราะเห็นว่าควรเป็นคดีอาญา อีกทั้งในเรื่องความรับผิดชอบนั้นควรจะมีมากกว่านี้ เชื่อว่าทางโรงภาพยนตร์มีการทำประกันภัยไว้ เพราะถือว่าโรงภาพยนตร์เป็นที่สาธารณะจะต้องมีความปลอดภัยสูง ไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

'ไทย' เปิด 'ศูนย์คัดแยกและส่งต่อระดับชาติเหยื่อค้ามนุษย์' หวังยกระดับขึ้น Tier 1

(24 ก.ย.67) เวลา 10.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (คณะกรรมการ ปกค.) ได้มอบหมายให้ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเปิดศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ (Thailand Victim Identification and Referral Center) อย่างเป็นทางการ ณ ถนนเชิดวุฒากาศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง 

โดยมี พลตำรวจโท อภิชาติ สุริบุญญา
ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี/หัวหน้าชุดปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TATIP) พลตำรวจตรี ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองจเรตำรวจ (สบ 7)/หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) และผู้แทนจากหน่วยงานราชการอันประกอบด้วยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรุงเทพมหานคร สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลต่าง ๆ ประจำประเทศไทย รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคม(NGOs) ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีต่อพิธีเปิดครั้งนี้       

พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และประกาศเป็นวาระแห่งชาติมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง 
และเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ก็มีความคืบหน้าที่สำคัญในเรื่องนี้ นั่นคือ คณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการ
ว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวยึดแนวทาง 'ผู้เสียหาย
เป็นศูนย์กลาง' หรือ 'victim-centric approach' และยังได้นำเอากลไกการส่งต่อระดับชาติ
ที่ใช้แพร่หลายในระหว่างประเทศมาปรับใช้ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทยให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องต่อหลักสิทธิมนุษยชน และกติกาสากลระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

พลตำรวจโท ประจวบฯ อธิบายต่อว่า กลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ National Referral Mechanism: NRM ที่กล่าวไปนั้น เป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติงาน
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประสานความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล การส่งต่อความช่วยเหลือคุ้มครองบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จากการบังคับใช้แรงงาน
หรือบริการ เพื่อช่วยให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้าถึงบริการการช่วยเหลือในเบื้องต้นได้

แนวคิดที่สำคัญของกลไกนี้ มีเรื่องของการกำหนดระยะเวลาการฟื้นฟูไตร่ตรอง (reflection period) โดยเป็นช่วงเวลาที่ให้ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ได้มีโอกาสผ่อนคลาย ทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมาในสถานที่ที่เหมาะสม อันจะนำไปสู่การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่สำคัญตามแผนปฏิบัติการได้แก่ 1) การรับแจ้งเหตุ 2) การคัดกรอง 3) การคัดแยก และ 4) การคุ้มครอง โดยการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ในต่างจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบในการกำหนดสถานที่และบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผน ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร และส่วนกลาง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบในการกำหนดสถานที่ และบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผน

ในส่วนของกรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานหลักทั้ง 3 หน่วย ตามที่ได้กล่าวไปนั้น ได้ดำเนินการและปรับปรุงอาคารศูนย์ฝึกอบรมสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาอย่างต่อเนื่อง
และจัดตั้งเป็น “ศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติ (Thailand Victim Identification and Referral Center)” เพื่อให้เป็นไปตามแผน ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติเห็นชอบอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

พลตำรวจโท ประจวบฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า ศูนย์คัดแยกและส่งต่อผู้เสียหายระดับชาติแห่งนี้ จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ที่รัฐบาลได้เห็นชอบให้มีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่มีต่อการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทย
มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะยกระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Tier 2 ก้าวขึ้นสู่ระดับ Tier 1 ต่อไป

'จักรภพ' ปูด!! มีคนใช้ AI เขียนด่า แทรกตัวเข้ามาในโลกโซเชียลเพียบ เบี่ยงประเด็นให้เนื้อหาหมดความสนใจ ทำลายความเห็นที่ควรรับฟัง

(24 ก.ย. 67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วงทัวร์ลงแบบนี้ ผมได้ความรู้ว่ามีคนที่ใช้ AI เขียนเข้ามาผสม ทำให้ดูเสมือนว่ามีคนเขียนจริง ๆ มากมาย ความจริงข้อความแท้ ๆ บริสุทธิ์ ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ ก็คงมีไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่เขาใส่ชื่อจริงแบบพิสูจน์ได้ แต่เมื่อเล่น AI ซ่อนเข้ามา ก็เลยไม่รู้ภาพรวม

นี่คือจุดอ่อนที่สำคัญของเกม AI คือทำให้เราหมดความสนใจและกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญไป คล้ายจะเป็นเฟคหมด ทั้งที่ความเห็นในระบอบประชาธิปไตยมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดและต้องรับฟัง วันนี้พอดีช่องเนชั่นเชิญมา ถ้ามีจังหวะก็จะเล่าต่อเรื่องแผน AI ที่เขาเล่นสนุกในการทำสงครามกันอยู่

เทศกาลดนตรี 'K-pop' จัดใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย กำลังมา WannaLand Music Festival 2024 กับการรวมศิลปิน K-pop มากกว่า 15 กรุ๊ป บอกเลยว่าคุ้มสุดๆ ในเดือนพฤศจิกายนที่เมืองพัทยา เราจะนําไปสู่เทศกาลดนตรีที่ไม่เคยมีมาก่อน

เทศกาล WANNALAND ครั้งแรกได้มาถึงแล้ว!ในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2024 โดยจัดแสดงคอนเสิร์ตที่ Legend Siam Pattaya เพื่อนําการแสดงดนตรีป๊อปที่ทันสมัย มาใน Theme สวนสนุกที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ WANNALAND, We All Need New Amazing in Thailand WannaLand Music Festival เป็นเทศกาล K-pop ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด !!!!ในประเทศไทย โดยได้มีการลงนามความร่วมมือ Legend Siam Pattaya , TME Group, ค่ายHead Line Music Entertainment Group ,บริษัท China Travel Service  จำกัด (CTS), Shanghai Airlines จากประเทศจีน 

ในการจัดงาน เทศกาลดนตรี K- Pop ศิลปินเกาหลี ภายใต้ชื่องาน 'Wanna Land Music Festival 2024' ในวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน 2567 นี้  ซึ่งงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา , เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เข้ามาร่วมให้การสนับสนุนพลักดันงาน  โดยกำหนดสถานที่ จัดงานที่ Legend Siam Pattaya  เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ มุ่งหวังให้กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีน เข้ามาท่องเที่ยวและชมคอนเสิร์ตในเมืองพัทยาจำนวนมาก โดยเฉลี่ยถึง2-3 หมื่นคนต่อวัน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ให้กับเมืองพัทยาและชุมชนอำเภอใกล้เคียงของจังหวัดชลบุรี

โดยได้ปล่อยรายชื่อศิลปินรอบแรกแล้ว!!!!!!! ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดังที่แฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนได้พบกับพวกเขาแน่นอน อาทิ Rain, Super junior D&E, Nowadays, Everglow, Gen1es มีศิลปินอีกมากมายกว่า 15 กรุ๊ป ทั้งศิลปินเกาหลี และศิลปินไทย ซึ่งจะมีการจำหน่ายบัตรรอบแรก Early Bird ในราคาสุดพิเศษ วันที่ 25 กันยายน 2567

ใครที่กำลังรอพบกับศิลปินที่ชื่นชอบ ได้พบกันแน่นอน วันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2567 กับงาน WannaLand Music Festival 2024 ณ Legend Siam Pattaya ติดตามการประกาศรายชื่อศิลปินและข้อมูลการจำหน่ายบัตรได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=61565461916882&mibextid=ZbWKwL

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.094-3544655, 094-8834589, 094-8883998

เปิดคำอ้าง!! ไร้เจตนาทุบศิลปะภาพปูนปั้นของศิลปินแห่งชาติ ชี้!! อาจเกิดจากการสื่อสารผิดพลาดในการก่อสร้าง

จากกรณีนายนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักวิชาการนักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า ‘นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว’ เป็นภาพศิลปะปูนปั้นภูมิปัญญาของชาวเมืองเพชรบุรี พร้อมระบุข้อความว่า พ่อล้อม เพ็งแก้ว ตายไม่ถึง 2 เดือน ช่างทองร่วง เอมโอษฐ์ ศิลปินแห่งชาติ ตายไม่ถึง 1 ปี ได้มีการทุบงานปูนปั้นการเมืองของครูทองร่วงทิ้งไปแล้ว ที่วัดมหาธาตุ กลางเมืองเพชรบุรี เพราะวัดมหาธาตุจะใช้พื้นที่ทำร้านกาแฟ หมดพ่อล้อม หมดครูทองร่วง ต่อจากนี้ใครเล่าจะปกป้องรักษางานปูนปั้นศิลปะการเมืองของเมืองเพชรบุรีเอาไว้ได้ จนมีชาวเพชรบุรีจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุด (24 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘อุดมเดช เกตุแก้ว’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นทุบงานปูนปั้นของช่างทองร่วง โดยได้ชี้แจงในมุมของเจ้าอาวาส โดยได้ระบุข้อความว่า

“กรณีทุบงานปูนปั้นช่างทองร่วง เอมโอษฐ ศิลปินแห่งชาติ ที่วัดมหาธาตุ วรวิหาร จ.เพชรบุรี ที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ ขออนุญาตให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และคณะกรรมการที่ร่วมพิจารณาแบบก่อสร้างอาคารดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาที่จะทุบทำลายงานปูนปั้นของช่างทองร่วงแต่อย่างใด ทางวัด คณะกรรมการมีความประสงค์ที่พัฒนาพื้นที่ใช้สอยภายในวัดให้เกิดประโยชน์แก่ทางวัด และโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์ฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลทางพระพุทธศาสนาที่ดำเนินการโดยวัดมหาธาตุฯ จึงได้รื้อถอนอาคารห้องน้ำ-ห้องสุขา ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดออก แล้วก่อสร้างอาคารร้านจำหน่ายสินค้า เครื่องดื่ม (บนพื้นที่เดิม) โดยใช้เงินของทางวัดดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด เมื่อสร้างเสร็จแล้ว วัดจะร่วมกับโรงเรียนในการบริหารจัดการ เช่น จัดแสดงและจำหน่ายผลงานของนักเรียน จำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว เป็นต้น

ส่วนกรณีการทุบงานปูนปั้นของช่างทองร่วงนั้น ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่เจตนาของหลวงพ่อ กับคณะกรรมการ เนื่องจากในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารูปแบบก่อสร้างอาคาร ให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างเฉพาะอาคารห้องสุขา ไม่ได้ให้ทุบกำแพงหน้าอาคาร น.ส.อำพร บุญประคอง แต่อย่างใด อาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดในการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 16.00 น.ของวันนี้ (24 ก.ย. 2567) ทางวัดจะมีการประชุมชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อีกครั้ง

ฉะเชิงเทรา-สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติสทนช. ภาค2เข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจ การใช้น้ำประเภทที่หนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.67) ณ ห้องเทพราช โรงแรมชันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จ.ฉะเชิงเทรา นางสาว ธารทิพย์ จันทร์พิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่ม ประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง พร้อมเจ้าหน้าที่ สทนช.2 เข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ณ ห้องประชุมเทพราช โรงแรมชันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์โฮเทล จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนางพัชววีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนกลุ่มองค์กรผู้ใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนกว่า 150 คน

การดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกัสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันดำเนินงานวิจัย พัฒนา บูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสาธารณะ โดยการจัดทำบัญชีการใช้น้ำของผู้ใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 

รวมถึงการบริการทางวิชาการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ให้บรรลุตามแผนแม่บทการบริหารจัดการพรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2566-2580) 

โดยในการพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ตามประกาศของ กนช. ใช้พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แลพจังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน และปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบและประเมินผลการใช้งานระบบดังกล่าว รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจและความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำประเภทที่หนึ่งให้กับผู้ใช้น้ำได้รับรู้ และรับทราบ รวมถึงให้ความร่วมมือในการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวด้วย

‘พีระพันธุ์’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางมาเป็นประธานในพีธีเบิกเนตรและเปิดแพรคลุมป้ายวิหารองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกร

เมื่อวันที่ (22 ก.ย. 67) นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ได้เดินทางมาเป็นประธานในพีธีเบิกเนตรและเปิดแพรคลุมป้ายวิหารองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกรและวิหารหลวงปู่ไต่ฮงกง ที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งจัดสร้างโดยนายวุฒิพงศ์ และนางสมจิตต์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานบริษัทในเครือวงษ์พิทักษ์ และเป็นประธานในการจัดสร้างวิหารองค์พระมหาพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร และวิหารหลวงปู่ไต่ฮงกง รวมถึงหล่อองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกรและหลวงปู่ไต้ฮงกง โดยมีนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ (สส.มุ่ง) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรีเขต 4 และประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมสภาผู้แทนราชฎร เป็นที่ปรึกษาการจัดสร้างโครงการดังกล่าว 

โดยพิธีเบิกเนตรและเปิดแพรคลุมป้ายวิหารมีพระเดชพระคุณ พระราชวชิรานุสิฐ เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับเกียรติจาก นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ,นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต2 ,นางสาวกุลวลี นพอมรบดี  สส.ราชบุรี เขต1 ,นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต5นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์  สส.ราชบุรี เขต3 , นายวิวัฒน์ นิติกาญจนานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี , พล.ต.ต.วชิรพงศ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดราชบุรี ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โดยครอบครัววงษ์พิทักษ์โรจน์ได้จัดสร้างวิหารดังกล่าวเพื่อการจัดตั้งมูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาสงเคราะห์ที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยากไร้และประสบภัยในเขตจังหวัดราชบุรี
ในงานดังกล่าวได้มีการแจกข้าวสารและอาหารสำเร็จรูปเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน กลุ่มเปราะบางจำนวน 600 ชุด 

จึงขอเชิญชวนพี่น้องที่มีจิตศรัทธาในองค์พระมหาพระโพธิสัตว์กวนอิ่มพันกร และหลวงปู่ไต่ฮงกง  ขอเชิญมากราบไหว้ สักการระ และมาทำบุญได้ตั้งแต่ วันที่ 22 กันยายน 67 เป็นต้นไป

'ในหลวง' ทรงรับ 'ลูกชาย' ของอาสากู้ภัยฯ ที่เสียชีวิตหลังช่วยน้ำท่วม เป็นนักเรียนทุนพระราชทาน จนกว่าจะจบการศึกษา

(23 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก 'มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์' ได้เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเด็กชายจีรพัฒน์ แจ้งรู้สุข บุตรชายของ นางสาวจันทิมา ครุฑหมื่นไวย อาสากู้ภัยหน่วยเจริญธน 19-146 ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังเดินทางกลับจากช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ไว้เป็นนักเรียนทุนพระราชทานเพื่อการศึกษาสงเคราะห์ ของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนกว่าจะจบการศึกษา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต่อยอดโอกาส สร้างชีวิต ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์... มอบทุนการศึกษา ทุกระดับปีสุดท้าย และทุนฯ ต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2567 รวมงบประมาณกว่า 12.6 ล้านบาท

(23 ก.ย. 67) เวลา 10.00 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2567 ให้แก่นักเรียน นักศึกษาที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา รวม 156 สถาบัน จำนวน 910 ทุน รวมเป็นจำนวนเงิน 12,615,000 บาท (สิบสองล้านหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า  การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิฯ ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี เป็นความมุ่งหวังของมูลนิธิฯ ในการช่วยเหลือปกป้องสังคม ช่วยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้จนสำเร็จการศึกษา สร้างเยาวชนให้มีความรู้ เป็นคนดีของสังคม สามารถสร้างอนาคตตามที่มุ่งหวังของตนเองและครอบครัว เป็นทรัพยากรมีคุณภาพของสังคมและประเทศชาติ

โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบทุนฯ แก่เยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาไปแล้ว 1,500 ทุน และในวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อมอบทุนการศึกษาในส่วนภูมิภาค (ทุนสัญจร) แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาในภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช ตรัง สงขลา และ สตูล รวมจำนวน 53 สถาบัน รวม 265 ทุน เป็นลำดับต่อไป

รวมงบประมาณการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2567 
เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง 
ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” 

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก 
แฟนเพจ http://www.facebook.com/pohtecktungofficial

'ปลัดแรงงาน' รับ!! ขึ้น 'ค่าแรง 400' สะดุด ไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ อ้าง!! รอ 'ธปท.' ส่งตัวแทนคนใหม่ร่วมคณะกรรมการไตรภาคี

(23 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ถึงการพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ว่า ในวันที่ 24 กันยายน นี้ ไม่สามารถประชุมได้แล้ว เนื่องจากนายเมธี สุภาพงษ์ ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้เป็นแล้ว เนื่องจากลาออกจาก ธปท.ไปแล้ว ซึ่งในการประชุมครั้งที่แล้ว ธปท.ก็ไม่ได้ส่งคนมาเข้าร่วมประชุม พร้อมระบุว่า ไม่รับผิดชอบการกระทำของนายเมธี ที่ร่วมประชุมก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้ทำหนังสือไปยัง ธปท. เพื่อยืนยันเป็นหลักฐานว่า นายเมธีไม่เกี่ยวกับ ธปท.แล้ว ธปท.ต้องส่งผู้แทนคนใหม่มา เพราะเป็นการแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะฉะนั้น หากจะแต่งตั้งคนใหม่ได้ บุคคลเดิมก็ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อน

เมื่อถามย้ำว่าคาดว่าดำเนินการไม่ทันภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ตามที่เคยประกาศไว้ใช่หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า “น่าจะไม่ทัน เว้นแต่ว่าหากนายเมธีลาออก และมีการเสนอคนมาแทนนายเมธี และเข้า ครม. อาจจะเลื่อนไปอีก 1-2 สัปดาห์”

เมื่อถามว่ากระบวนการหลังนายไพโรจน์ เกษียณอายุราชการ จะเป็นอย่างไรต่อไป นายไพโรจน์ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของ ปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ ที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งตนก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และเต็มที่แล้ว

เมื่อถามว่าสรุปแล้วการขึ้นค่าแรง 400 บาท จะทำได้หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เรื่องค่าแรงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าไม่อยู่ในห้องประชุม ไม่รู้หรอกว่าการพิจารณาแต่ละประเด็น ฝ่ายนายจ้างก็มีมุมมองหนึ่ง แต่ละคนมีเหตุผล ลูกจ้างเองก็มีเหตุผล ซึ่งภาครัฐต้องผสมผสานมิติความคิดของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงฝ่ายราชการ มารวมและคิดรูปแบบในการขึ้นค่าแรง ว่าจะขึ้นเท่าไร ซึ่งตนรู้ว่าผู้ใช้แรงงาน ก็รอคำตอบนี้อยู่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top