นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ ผู้ประกอบการจากจังหวัดสมุทรสาครร้องเรียนศบค.ว่าจังหวัดอื่น ปฏิเสธรับซื้อสินค้าของจังหวัดสมุทรสาคร ศบค. จะแก้ปัญหาอย่างไร ว่า น่าเห็นใจในภาวะของการตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นมากไปสักนิด
ขอย้ำว่าโรค โควิด-19 เป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจ ดังนั้นอาหารทะเลหรืออุปโภคบริโภคที่ออกไปจากสมุทรสาคร แล้วเกิดความรังเกียจนั้นก็ถือว่าแรงเกินไป เพราะในความเป็นจริงไม่ถึงขนาดนั้น หากอาหารทะเลหรืออาหารอุปโภคบริโภคเมื่อปรุงสุกแล้ว มีการทำความสะอาดทุกอย่างสินค้าเหล่านั้นยังใช้ได้เหมือนเดิมตามปกติดังนั้นขอให้ทุกคนเข้าใจและอุดหนุนสินค้าจากจังหวัดสมุทรสาครได้ตามปกติ หากทำความสะอาดก่อนที่จะปรุงสุกแล้วเชื้อโรคก็ไม่ได้ทนทาน ยืนยันเรื่องความปลอดภัย ขอให้ทุกคนช่วยกัน
นายกรัฐมนตรีได้กำชับในศบค. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขจัดทีมเข้าไปตรวจสอบคุณภาพถึงสถานที่ผลิตเพื่อยืนยันให้มั่นใจว่าสินค้าที่ออกมานั้นเกิดความมั่นใจต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นในจังหวัดก็ต้องให้ความร่วมมือร่วมใจและขอให้ประชาชนทั่วไปมีความมั่นใจด้วย
ส่วนกรณีที่คนไทยในประเทศเกาหลีใต้ ติดโควิด-19 มากกว่า 30 คนนั้น โฆษก ศบค.กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ที่ประชุมศบค. ชุดเล็กได้มีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยรักษาการอธิบดีกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งว่าทางสถานเอกอัครราชทูตณกรุงโซล ประเทศเกาหลี รายงานมาว่ามีการติดจริง 31 คนในเมืองชอนัน จ.ชุงชองใต้
ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งทางใต้ของกรุงโซลประมาณ 80 กิโลเมตรซึ่งพบว่า เป็นชาวไทยติดเชื้อเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 1 ราย และได้ทำการตรวจผู้สัมผัส กับผู้ป่วยดังกล่าวและผู้มีความเสี่ยง ที่ร้านขายอาหารไทยแห่งหนึ่ง จำนวน 90 ราย พบว่ามีการติดเชื้อ ในชาวไทยเพิ่มขึ้นอีก 31 คนและอยู่ระหว่างการตรวจรอยืนยันอีก 28 คน
ตอนนี้จะได้มีการเชื่อมโยงไปมา ตามที่เราเคยมีการดูแลข้ามประเทศโดยใช้ การติดต่อผ่านทางออนไลน์ , เฟสไทม์ , วีดีโอคอนเฟอเรนซ์กัน โดยกลุ่มทางการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขได้ติดต่อกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้แล้ว เพื่อดูแลเรื่องการติดเชื้อว่าอะไรเป็นอย่างไร ขณะนี้ทีมแพทย์จากกรมการแพทย์ได้ตั้งกลุ่มไลน์และได้ประสานงานช่วยเหลือแล้ว
โฆษกศบค. ยังกล่าวถึงกรณีชาวต่างชาติไม่ปฏิบัติตามมาตการป้องกันการติดเชื้อว่าว่า ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ได้เข้มงวดในการทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 และขณะนี้เราได้ประกาศอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ 100% ต้องสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า
ดังนั้นทุกคนต้องเตือนกันได้ว่าใครที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยต้องเตือนกันได้โดยไม่ถือโทษโกรธกัน ซึ่งทาง ผู้ช่วยโฆษกศบค. จากกระทรวงการต่างประเทศจะได้ประสานข้อมูลไปยังผู้ที่เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทยเพื่อขอความร่วมมือในการที่จะต้องปฏิบัติตนให้เหมือนกับคนไทยทุกคน
เมื่อมาอยู่ร่วมกันในประเทศไทยก็ต้องเลือกที่จะใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรครวมกันเหมือนอย่างที่เราทำได้ผลมาแล้ว เพราะตัวเลขการติดเชื้อครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้วเพราะฉะนั้นเราต้องจะเข้มมากกว่าครั้งก่อนอีกมาก เช่นในต่างจังหวัดมีชาวต่างชาติทั้งสวมใส่หน้ากากอนามัยและสวมใส่หมวกกันน็อคขณะขับขี่รถจักรยานยนต์
ดังนั้นคงถือว่าเป็นส่วนน้อยที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุข ดังนั้นขอความร่วมมือให้ 100% ดังนั้นขอฝากให้ทุกคนดูแลป้องกันตัวเองด้วย และต้องขอความร่วมมือให้เราปฏิบัติกันสักพักใหญ่ๆ เพื่อต้องการให้ตัวเลขสองถึงสามหลักที่เกิดขึ้นในขณะนี้ลดลงให้ได้โดยเร็ว
ความร่วมมือของคนไทยและคนต่างชาติต้องร่วมมือกันเราจึงจะมีอิสรภาพอย่างนี้ได้เพราะถ้าไม่ร่วมมือความเข้มข้นก็จะต้องตามมาโดยที่คงไม่มีใครชอบที่จะถูกจำกัดอิสรภาพต่าง ๆ ดังนั้นขอความร่วมมือไปยังพี่น้องชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยตอนนี้ด้วย
ทั้งนี้ หากประชาชนจะเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวปี สามารถตรวจสอบข้อมูล ผ่านการแถลงข่าวของศบค.ได้ทุกวัน ทั้งในเรื่องตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายจังหวัด ส่วนการเดินทางขณะนี้จำกัดเฉพาะจังหวัดสมุทรสาครที่กำหนดว่าไม่ควรเดินทางออกนอกจังหวัด
ส่วนจังหวัดอื่นๆยังสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ แต่พยายามอย่าเดินทางไปในที่ที่เป็นสถานที่ชุมชน แต่การจะไปเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นก็ยังสามารถเดินทางได้ ยังไม่มีการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดแต่อย่างใด ดังนั้นขอให้ติดตามเป็นรายวันไป
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้รวมศูนย์แถลงข่าวมาที่ทำเนียบรัฐบาล มีความกังวลว่าตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจจะไม่อัพเดท ช้ากว่าข้อเท็จจริง จะมีการให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่สามารถแถลงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันประชาชนสับสนและคลายความกังวลหรือไม่
โฆษกศบค.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีความสับสนในพื้นที่และมีความกังวลเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากข้อมูลที่เข้ามาในส่วนกลางไม่ได้เป็นทางเดียวแต่ออกมาเป็นคนละทิศและทางดังนั้น นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศบค. ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวจึงให้มีการรวมศูนย์ชุดข้อมูล ให้เป็นเหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ดังนั้นขอให้ทุกคนทราบว่าชุดข้อมูลที่เป็นชุดเดียวในเวลาที่ใช้แถลงข่าว 11.30 น. ในรอบ 24 ชั่วโมงมาแถลงข่าวเพื่อรายงานหนึ่งครั้งนั้นถือว่าไม่ช้าจนเกินไป ไม่มีอะไรต้องเร่งด่วนมากขนาดนั้น และความเร่งด่วนที่เกิดขึ้นโดยอยากจะได้ข้อมูลรวดเร็วแต่ปรากฏว่ายังบวก ๆ ลบ ๆ จึงเกิดความผิดพลาดกันไปใหญ่ เหมือนกับที่ขณะนี้มีข้อมูลว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 36 จังหวัด แต่เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีกยังอยู่ที่ 31 จังหวัดแต่หากจะถามว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็รอในรอบ 24 ชั่วโมงก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป
เพราะขณะนี้เราไม่ได้มีการล็อคดาวน์แต่อย่างใด ดังนั้นความถูกต้องและละเอียดของข้อมูลจึงต้องเน้นย้ำ ตนมั่นใจที่จะเสนอต่อทุกคน ดีกว่าข้อมูลออกไปหลายรอบแล้วไม่ตรงกัน สื่อ แต่ละสื่อก็จะไปนำเสนอเองทำให้เกิดความงุนงงขึ้นในสังคม ดังนั้นขอใช้ช่องทางศูนย์แถลงข่าวของศบค.แถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพียงช่องทางเดียว เหมือนอย่างที่เราทำกันมาตลอดและเป็นรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับได้โดยไม่มีการปกปิดข้อมูล
“ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือ เพราะนี่คือสิ่งที่เราจะก้าวไปด้วยกันจึงขอเน้นย้ำในข้อเท็จจริงที่เราร่วมมือขอให้คงไว้ให้นานที่สุด ภาครัฐและภาคเอกชนภาคประชาชนประชาสังคมขอให้รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อสู้กับไวรัส โควิด-19 ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ เป็นพันคนแล้ว และกระจายไปในหลายจังหวัดเราก็ไม่ได้เพิ่งเจอครั้งนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้น ขอให้ย้อนไปในประสบการณ์ที่ผ่านมา
เราก็ผ่านมาแล้วดังนั้นขอความร่วมมือกันอีกครั้งหนึ่งถึงแม้ว่าปีใหม่นี้ทุกคนอยากจะสนุกสนานจึงขอร้องว่าให้ลดน้อยลงกันสักนิดขอให้มีความสุขกันได้โดยมีหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ที่จะช่วยทำให้ทุกคนซึ่งอยู่ในทุกที่มีความปลอดภัยดังนั้นขอย้ำให้ช่วยกันสวมใส่และมีความสุขในบรรยากาศปีใหม่กับครอบครัว ขอให้ทุกคนต่างช่วยกันและเราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน”