Wednesday, 25 June 2025
NEWS FEED

เปิดผล “เราชนะ-ม.33 เรารักกัน” เงินเข้าระบบศก. 3 แสนล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการมาช่วยเหลือประชาชนโดยเพิ่มวงเงินเยียวยา 2,000 บาทต่อคน ใน โครงการเราชนะ สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่มีแอปพลิเคชันเป๋าตัง และโครงการ ม.33เรารักกัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ประชาชนยังสามารถใช้จ่ายได้ถึง 30 มิ.ย. 2564 และช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับกลุ่มเป้าหมายรวมกว่า 41 ล้านคน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุดการดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในเศรษฐกิจแล้ว 297,314 ล้านบาท

ทั้งนี้แยกเป็น โครงการเราชนะ มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 33.1 ล้านคน มีการใช้จ่ายครบวงเงินตามสิทธิ์ในโครงการแล้ว 17.6 ล้านคน โดย ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2564 มีการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วมูลค่ากว่า 257,997 ล้านบาท ขณะที่โครงการ ม.33เรารักกัน มีผู้ได้รับสิทธิ์รวมทั้งสิ้น 8.14 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสมแล้ว ณ วันที่ 31 พ.ค. 2564 กว่า 39,317 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเพื่อช่วยผู้ประกอบการ เช่น มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 และ พ.ร.ก. ซอฟต์โลน วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจ เสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

“ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง โครงการ คนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะออกมาในครึ่งปีหลังนี้ด้วย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น”

“พิพัฒน์” ประสานฝ่ายความมั่นคง คุมนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากเปิดนำร่องภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ วันที่ 1 ก.ค. นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมประสานหน่วยงานความมั่นคง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และกรมเจ้าท่า เช่นเดียวกับภาคเอกชน ร่วมกันคุมเข้มเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในพื้นที่ไม่ครบ 14 วัน ลักลอบออกจากพื้นที่นำร่องในจังหวัดภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่นๆ พร้อมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในการรองรับและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเอาไว้ด้วย

ทั้งนี้จากการรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า ในเดือนก.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตพอสมควร โดยที่ยืนยันมาชัดเจนแล้ว มี 2 กลุ่ม คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจากสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้ามาภูเก็ตในวันที่ 9 ก.ค.นี้ และเข้ามาอีกกลุ่มใหญ่ในช่วงปลายเดือน คือ กลุ่มทหารเรือจากอังกฤษ ซึ่งเข้ามาในภูมิภาคเพื่อทำการซ้อมรบและมาแวะพักที่จังหวัดภูเก็ต อีกประมาณ 400-500 คน ประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรป และทวีปอเมริกา จะมีทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนประเทศในกลุ่มเอเชียใต้ ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในประเทศไทย เพราะต้องรอให้สถานการณ์ในประเทศนั้นคลี่คลายลงก่อน

ส่วนนักท่องเที่ยวไทยนั้น เบื้องต้นจะต้องฉีดวัคซีนครบก่อนจึงจะสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ โดยชิโนแวค ต้องฉีด 2 โดส แอสตร้าเซเนก้า ฉีด 1 โดส แต่ถ้าใครยังไม่ฉีดจะต้องสวอปเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดก่อนทุกราย ซึ่งการดำเนินการตอนนี้จะใช้มาตรการเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สื่อมะกันแฉไม่แคร์ FC! เผยมหาเศรษฐีสหรัฐฯ ทั้ง เจฟฟ์ เบโซส์, อีลอน มัสก์, วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยเลี่ยงไม่ยอมจ่ายภาษีมาแล้วทั้งนั้น

สำนักข่าวอิสระของสหรัฐ ProPublica ได้ออกมาแฉข้อมูลลับที่ได้จากข้อมูลของกรมสรรพากรสหรัฐอเมริกา พบว่า อภิมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นเจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon, อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla หรือแม้แต่พ่อมดการเงินอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือ จอร์จ โซรอส เสียภาษีน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับรายได้จำนวนมหาศาล หรือบางปีก็ไม่เสียภาษีให้คนอเมริกันเลยแม้แต่เหรียญเดียว

โดยยกตัวอย่างกรณี เจฟฟ์ เบโซส์ เคยแจงบัญชีขาดทุน และไม่จ่ายภาษีให้รัฐบาลกลางเลยในปี 2007 และ 2011 อีลอน มัสก์ แจ้งเลี่ยงการจ่ายภาษีลักษณะเดียวกันในปี 2008 เจ้าพ่อสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง ไมเคิล บลูมเบิร์ก ก็เคยแจ้งไม่จ่ายภาษีเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งคนระดับมัจจุราชการเงินโลกอย่าง จอร์จ โซรอส เคยยื่นแจ้งไม่เสียภาษีให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 3 ปีติดต่อกัน

ProPublica ยังเปิดเผยอีกว่า จากข้อมูลภายในของกรมสรรพากรสหรัฐฯย้อนหลัง 15 ปี ที่ไม่ได้มีแต่ประวัติรายได้ และการเสียภาษีเท่านั้น แต่ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจของการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าของอภิมหาเศรษฐีระดับบนๆ ของประเทศ เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ บิล เกตฟส์ หรือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น เปิดบริษัทในต่างประเทศ หรือแม้แต่กำไร-ขาดทุนจากการเล่นพนัน

ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เห็นว่ามหาเศรษฐีเหล่านี้ สามารถหาช่องโหว่ในระบบจัดเก็บภาษีของรัฐบาลกลาง ที่ทำให้พวกเขาสามารถยักย้ายถ่ายเทความมั่งคั่ง ไปสู่สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ผ่านการลงทุนในหุ้น หรือเปิดบริษัทในประเทศที่เอื้อประโยชน์ด้านภาษีที่ทำให้พวกเขารวยขึ้น และรวยขึ้น แต่จ่ายภาษีน้อยลง หรือแทบไม่จำเป็นต้องจ่ายเลยก็ทำได้

ซึ่งช่องโหว่ และข้อได้เปรียบทางกฎหมายภาษีนี้ เป็นสิ่งที่คนทำงานกินเงินเดือน หาเช้ากินค่ำทั่วไปทำไม่ได้ และกลายเป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลทุกเม็ด จากรายได้ที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละเดือน ซึ่งตรงกันข้ามกับกลุ่มชนชั้นนำ ที่รายได้ยิ่งมาก กลับยิ่งเสียภาษีน้อยลง ซึ่งไม่สมดุลกับรายได้อันมหาศาลของพวกเขา

หากจะเทียบให้เห็นภาพชัด ในสหรัฐฯ ครอบครัวชั้นกลางที่มีรายได้ประมาณ 70,000 เหรียญต่อปี จะต้องจ่ายภาษีประมาณ 14% หรือหากเป็นคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันตั้งแต่ 628,300 เหรียญต่อปีขึ้นไป ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดที่ 37% ซึ่งโครงสร้างการจัดเก็บภาษีก็ควรออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างทางสังคม ผู้ที่มีรายได้มาก ก็ต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงขึ้น

แต่สำหรับอภิมหาเศรษฐีติดอันดับ Top 25 ของสหรัฐฯ แม้ในแต่ละปีจะจ่ายภาษีในจำนวนมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปก็จริง แต่เป็นสัดส่วนที่ไม่สมดุลกับรายได้อย่างฐานภาษีทั่วไป เช่น อีลอน มัสก์ จ่ายภาษีในอัตรา 3.27% เจฟฟ์ เบโซส์ จ่ายที่ 0.98% ส่วนวอร์เรน บัฟเฟตต์ มาเหนือสุด จ่ายเพียง 0.1% เท่านั้น

เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มประเทศ G7 ได้บรรลุข้อตกลงในการตั้งเกณฑ์การจัดเก็บอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทที่มีสาขา และมีรายได้จากต่างประเทศ ต้องจัดเก็บขั้นต่ำที่ 15% เท่ากันหมดทั่วโลก เพื่ออุดช่องโหว่ในจุดนี้ ที่อภิมหาเศรษฐีนิยมไปเปิดบริษัทโฮลดิ้ง นำเงินไปลงทุนในประเทศดินแดนภาษีต่ำ หรือที่เรียกว่า Tax Haven เพื่อหลบเลี่ยงภาษี

ซึ่งรัฐบาลของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก G7 ก็หวังว่าข้อตกลงภาษีใหม่นี้จะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีจากกลุ่มอภิมหาเศรษฐีร่ำรวยได้มากขึ้น ในอัตราที่พวกเขาควรที่จะต้องจ่ายอยู่แล้ว เพื่อความเท่าเทียมกันกับคนธรรมดาทั่วไป

แต่จากข้อมูลภาษีที่เปิดเผยผ่านสำนักข่าว ProPublica ก็เกิดคำถามขึ้นมากมายถึงต้นตอแหล่งข่าว เรื่องฐานข้อมูลภาษีที่ย้อนหลังถึง15 ปี ที่ถือว่าเป็นเอกสารลับของทางราชการ ซึ่งทางกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ระบุไว้ว่า การเปิดเผยข้อมูลภาษีส่วนบุคคลถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

 

อ้างอิง : https://www.propublica.org/article/the-secret-irs-files-trove-of-never-before-seen-records-reveal-how-the-wealthiest-avoid-income-tax

https://www.straitstimes.com/business/economy/elon-musk-jeff-bezos-other-us-billionaires-paid-little-or-no-income-tax-report


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นักเรียนไทยในจีน วอน ‘ลุงชวน’ ประสานรัฐช่วยกลับไปเรียนต่อ

กลุ่มร้องขอเปิดวีซ่านักเรียน (จีน) นำโดยนางอินถวา ห่อเล และนายกิตติเชษฐ์ เกื้อมา เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ประสานรัฐบาลไทย ช่วยเหลือนักเรียน-นักศึกษาไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด สามารถกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน

โดยข้อความในหนังสือระบุว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อนักเรียน-นักศึกษาไทย ที่ต้องกลับไปศึกษาต่อ ณ ประเทศจีนในระดับชั้น มัธยมศึกษา อาชีวะ (ปวช. ปวส.) การเรียนภาษาระยะสั้น จนถึงระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนในบางช่วงอายุแล้ว แต่ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องการให้กลับไปศึกษาต่อได้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้จัดทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่มิได้รับการตอบกลับจากหน่วยงานรัฐบาลไทย ทำให้มีนักเรียน-นักศึกษาไทย ที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อได้จำนวนนับแสนราย

จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากประธานสภาผู้แทนราษฎร ช่วยประสานงานทวงถามไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานงานกับทางรัฐบาลจีน และกระทรวงศึกษาธิการจีน เพื่อให้กำหนดมาตรการในการช่วยเหลือให้นักเรียน-นักศึกษาไทย ที่กำลังศึกษาต่อ ณ ประเทศจีนในปัจจุบัน สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อได้ ซึ่งจะส่งผลเป็นคุณูปการต่อระบบการศึกษาไทย-จีนอย่างราบรื่น จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอความอนุเคราะห์

ทั้งนี้ มีนักเรียนช่วงอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาและปวช. ซึ่งทางประเทศจีนได้มีวัคซีนสำหรับเด็กที่อายุ 3-18 ปีออกมาแล้ว จึงอยากให้ประสานเพื่อนำมาฉีดให้นักเรียนไทยที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อ ณ ประเทศจีนด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แสนยากรณ์" อภิปรายนอกสภาฯ เงินกู้ 5 แสนล้าน เทียบบทเรียนกู้ 1 ล้านล้านบาทปีที่แล้ว แผนงาน สธ. ป้องกันโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท เบิกจ่ายจริงแค่ 9,545 ล้านบาท ขอรัฐบาลวางแผนดีๆ กู้ครั้งใหม่ต้องใช้ให้ตรงจุด เหตุหนี้สาธารณะเฉียดทะลุเพดานแล้ว 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า อภิปรายนอกสภาฯ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เพิ่มเติม 500,000 ล้านบาท ว่าหากกู้เพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ระบุว่า หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ร้อยละ 58.56 ของ GDP หรือ 9.16 ล้านล้านบาท เหลือแค่ร้อยละ 1.44 ก็จะแตะเพดานหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 ของ GDP แล้ว ดังนั้นการกู้เงินเพิ่มเติมรอบนี้ ต้องเบิกจ่ายให้รวดเร็วเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้จ่ายให้มากที่สุด 

นายแสนยากรณ์ ยังอภิปรายเปรียบเทียบกับ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่สภาฯ เห็นชอบเมื่อกลางปีที่แล้วว่า เว็บไซต์ http://thaime.nesdc.go.th/ #Summary รายงานว่าแผนงานช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ วงเงิน 685,000 ล้านบาท ผลเบิกจ่าย 607,190.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.64 ของวงเงินแผนงาน แต่แผนงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 270,000 ล้านบาท ผลเบิกจ่าย 70,294.36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.03 ของวงเงินแผนงาน แล้วยิ่งแผนงานทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท แต่ผลเบิกจ่ายเพียง 9,545.64 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.21 ของวงเงินแผนงานเท่านั้น 

นายแสนยากรณ์ อภิปรายต่อว่า ผ่านเวลาไป 1 ปีแล้ว แต่การเบิกจ่ายเงินกู้ด้านสาธารณสุขยังล่าช้า ไม่สมกับที่ต้องออกมาเป็นพระราชกำหนดเลย พร้อมข้อสังเกตว่าการเบิกจ่ายล่าช้า เกี่ยวข้องกับปัญหาจัดซื้อวัคซีน หรือปัญหาค้างจ่ายเบี้ยเสี่ยงภัยโควิด-19 ให้บุคลากรด้านสาธารณสุขด้วยหรือไม่ จึงฝากว่าการกู้ 500,000 ล้านบาทครั้งนี้ ต้องกำหนดแผนให้ชัดเจนว่าจะนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ลดขั้นตอนการเบิกจ่ายตามความจำเป็นเร่งด่วน อย่าติดกับดักระบบราชการหลัง หากเทียบเป็นกระสุนแล้ว ยิงต้องตรงเข้าเป้า เพราะครั้งนี้คือการกู้ไม้สุดท้ายแล้ว ถ้ายังยิงไม่ตรงเป้า แล้วต้องกู้เพิ่มอีก คงทะลุเพดานหนี้สาธารณะ เป็นหนี้ท่วมประเทศ 

'อาจารย์จุฬา' จัดหนัก 'นิสิต' ชี้ มีเสรีภาพได้ แต่อย่าไร้มารยาท

รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Puangthong Pawakapan โดยระบุว่า ข้างล่างนี้เป็นข้อความที่เพิ่งส่งถึงนิสิตปี 2 นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี 3 วันที่ผ่านมาทำเอาเส้นความอดทนขาดลง เพราะมีนิสิต 3 คน inbox มาหาหลังเที่ยงคืนด้วยเรื่องคะแนน .... ต่อไปนี้จะเริ่มคลาสด้วยการแปะข้อความนี้ก่อนทุกครั้ง

ลูกชายเราบอกว่าถ้าแม่ไม่บอกเรื่องพวกนี้ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยมีใครสอนเขา

ในขณะที่โรงเรียนไทยให้ความสำคัญกับเครื่องแบบ การกราบไหว้ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แต่กลับไม่สอนมารยาทพื้นฐานในการมีชีวิตในโลกยุคใหม่ให้กับเด็ก

นิสิตคะ

เราเข้าใจว่าสมัยคุณเป็นนักเรียนมัธยม ไม่มีใครบอกคุณเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ ที่การติดต่อส่วนใหญ่กระทำผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ทำให้พวกคุณแยกแยะไม่ออกว่าการติดต่อระหว่างเพื่อน ระหว่างนิสิตกับอาจารย์ นิสิตกับเจ้าหน้าที่ นิสิตกับบุคคลภายนอก เช่น การสมัครงาน การสมัครเรียน ฯลฯ พึงมี code of conduct อย่างไร ฉะนั้น ทุกปีทั้งอาจารย์ และบุคคลภายนอกที่ต้อง deal กับนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ จะบ่นเรื่องเด็กไม่มีมารยาทกันบ่อยมาก ฉะนั้น อาจารย์ถือเป็นหน้าที่ที่ควรจะต้องบอกให้พวกเราได้รับรู้ เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อไปภายหน้า

ยกเว้นกับเพื่อนและคนในครอบครัวของคุณแล้ว ความสุภาพยังเป็นสิ่งสำคัญ การมีเสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้แปลว่าไม่ต้องมีมารยาทและการให้เกียรติแก่กันและกัน สองอย่างนี้ควรดำเนินไปด้วยกันเสมอ และอันนี้ไม่เกี่ยวกับ "ความเป็นไทย" หรืออนุรักษ์นิยม ในสังคมฝรั่ง ความสุภาพเป็นสิ่งสำคัญไม่ย่อหย่อนกว่ากัน แน่นอนว่าความสุภาพของแต่ละสังคมมีระดับต่างกัน สิ่งที่อาจารย์เรียกร้องจากคุณคือ "ขั้นพื้นฐาน" ที่มนุษย์ควรมีต่อกัน เช่น ทักทายกันด้วยคำว่า "สวัสดี" หรือ "เรียน" ก็พอ ไม่ต้องถึงกับ "กราบเรียน"

ในกรณีจดหมายทางการ ใช้คำว่า "เรียน" เท่านั้น

หากอาจารย์วิชาใดให้คุณส่งงานทางอีเมล์ จะต้องมีข้อความในอีเมล์ด้วย เช่น สวัสดีครับ/เรียน อาจารย์... ผมขอส่งรายงานวิชา .... ด้วยความนับถือ .... ลงชื่อ (เขียนเหมือนจดหมายปะหน้า พวกคุณเรียนการเขียนจดหมายกันแล้วใช่ไหม)

อย่าส่งงานโดยไม่มีข้อความใดๆ ติดไปด้วยโดยเด็ดขาด คนรับจะรู้สึกเหมือนนิสิตโยนงานใส่หน้า อย่าทำแบบนี้ในเวลาที่คุณไปเรียนต่อต่างประเทศด้วย

อย่าทำแบบเดียวกันนี้ในการสมัครงาน หรือสมัครเรียนโดยเด็ดขาด

อย่าติดต่ออาจารย์ผ่านทาง messenger หรือ line หากเขาไม่ได้อนุญาตให้คุณทำ ยกเว้นมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ เช่น คุณต้อง withdraw แล้วเป็นวันสุดท้ายแล้ว คุณติดต่อไปทางอื่นก่อนหน้านี้แล้วแต่อาจารย์ไม่เห็น ในความเป็นจริง คุณควรจะติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ภาค และให้เขาติดต่ออาจารย์เอง แต่นี่หมายความว่าคุณต้องมีเวลาเผื่อล่วงหน้า ไม่ใช่วิ่งเต้นแก้ปัญหาให้ตัวเองในวันสุดท้าย

ที่เลวร้ายมากคือ ส่งข้อความมาหลัง 4 ทุ่ม หลายคนส่งมาหลังเที่ยงคืน

หากเขาไม่ได้อนุญาตไว้ก่อน อาจารย์ฝรั่งจะถือมาก หากคุณติดต่อเขาผ่าน inbox ของ social media เขาถือว่าคุณละเมิด privacy ของเขา

วิชานี้มี TA คุณสามารถติดต่อสอบถามเขาก่อน

การขอให้อาจารย์ช่วยแก้คะแนนให้ หรือขอทำงานแก้ตัวใหม่ ไม่ควรกระทำเด็ดขาด โอกาสในชีวิตหลายๆ อย่างผ่านไปแล้ว ก็จะไม่ผ่านมาอีก ถ้าพลาด ก็ถือเป็นบทเรียน ยกเว้นในกรณีที่อาจารย์ได้บอกข้อยกเว้นไว้แล้ว เช่น อนุญาตให้เฉพาะคนที่ติด probation หรือเสี่ยงกับการติด probation

หากนิสิตมีปัญหาส่วนตัว เช่น เป็นโรคซึมเศร้า หรือสภาพที่บ้านเป็นอุปสรรคต่อการเรียน คุณควรแจ้งให้อาจารย์ทราบแต่เนิ่นๆ ผ่านทางอีเมล์ อาจารย์ก็อาจจะหาทางออกที่เป็นไปได้ ไม่ใช่แจ้งหลังจากผลคะแนนออกแล้ว เพราะจะแก้ไขอะไรยากมาก และไม่แฟร์กับคนอื่นค่ะ

แค่นี้ก่อนแล้วกัน ถ้าใครมีคำถามอะไรก็ถามมาได้ค่ะ.

 

ที่มา : https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/4316338125083580


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เตือนสติชายไทย!! ระวังโดนแก๊งต่างชาติอัดคลิปแบล็คเมล์ หลังใช้รูปสาวเซ็กซี่ขอแอดเป็นเพื่อนแล้วชวนเปิดกล้องช่วยตัวเอง

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายเป็นชายไทยหลายรายตกเป็นเหยื่อแก๊งคนร้ายต่างชาติข่มขู่เรียกเงินแลกกับคลิปที่แอบบันทึกไว้ขณะเหยื่อถูกหลอกสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

วิธีการของแก๊งคนร้าย เรียกว่า “Sextortion” คือ การใช้อำนาจที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือฝ่ายหนึ่ง บังคับ ข่มขู่หรือกรรโชกทางเพศ เพื่อหวัง “สิ่งตอบแทน” ในลักษณะนี้คือต้องการเงิน โดยใช้ช่องทางออนไลน์ในการกระทำผิด ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการใช้ภาพโปรไฟล์หญิงสาวสวยเซ็กซี่ชาวต่างชาติทั้งฝรั่ง หรือ หญิงสาวประเทศในแถบเอเซียแอดมาขอเป็นเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก

จากนั้นจะชวนเหยื่อแชตเป็นภาษาอังกฤษพูดคุยจนเหยื่อตายใจคิดว่าได้คุยกับหญิงสาวเหล่านั้นจริงๆ ก่อนจะชักชวนเหยื่อเปิดกล้องวีดิโอคอลแล้วชวนสำเร็จความใคร่ โดยอ้างว่าแลกกันดูก่อนจะแอบอัดคลิปไว้เรียกค่าไถ่

เมื่อคนร้ายได้คลิปแล้วจะขู่ว่า จะส่งคลิปลับไปให้ ภรรยา ลูก เจ้านาย ลูกน้องในที่ทำงาน หรือเพื่อนของเหยื่อ ฯลฯ ทำให้เหยื่อมีความวิตกกังวล กลัวจะได้รับความเสื่อมเสียและอับอาย จึงยอมโอนเงินไปให้คนร้าย โดยจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท และอาจมีการต่อรองกันจนเหลือประมาณ 20,000-30,000 บาท

แต่เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น เพราะคนร้าย จะเรียกเงินต่อไปอีกเป็นครั้งที่ 2 หรืออีกหลายครั้ง จนทนไม่ไหว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับวิธีการเลือกเหยื่อ แก๊งคนร้ายจะเลือกชายไทยที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานดี เป็นคนรักครอบครัว ประเภทแฟมิลี่แมน เพราะรู้ว่าเหยื่อจะกลัวครอบครัวรู้ อีกทั้งเป็นที่รู้จักนับถือของคนในสังคม เกรงจะได้รับความอับอาย คนร้ายย่อมได้เงินจากการข่มขู่แน่นอน

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า แก๊งคนร้ายเหล่านี้มักเป็นชาวต่างชาติ ที่พบส่วนใหญ่เป็นแก๊งฟิลิปปินส์ จึงใช้ภาษาอังกฤษในการแชต และการโอนเงินมักจะให้เหยื่อโอนเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อให้ยากต่อการติดตาม ส่วนกรณีแก๊งคนไทย ส่วนใหญ่จะแชตด้วยภาษาไทย โดยเลือกเหยื่อเป็นผู้หญิงหน้าตาดี และมักอ้างตัวเองว่าเป็นโมเดลลิ่ง ชักชวนเหยื่อเข้าวงการถ่ายแบบ หรือวงการบันเทิง จากนั้นจะขอดูสัดส่วนเหยื่อผ่านกล้อง บางครั้งมีการว่าจ้างให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองผ่านกล้องวิดีโอคอล เมื่อได้ภาพนิ่ง คลิป ก็จะข่มขู่ในรูปแบบตัวเงิน หรือบังคับให้ทำอย่างอื่นต่อ จากนั้นจะนำภาพ คลิป ไปขาย หรือไปปล่อยในเว็บไซต์ลามก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคนร้ายดังกล่าว จึงฝากข้อควรระวัง ดังนี้

1.) ไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ภาพสาวสวยเซ็กซี่ หรือหากจำเป็นหรือต้องการจะรับจริงๆ ก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี

2.) เมื่อมีเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ชวนให้วิดีโอคอล แล้วชักชวนให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง อย่าทำเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวอย่างไรก็ตาม

3.) หากตกเป็นเหยื่อโดยถูกถ่ายคลิปและมีการข่มขู่เรียกเงิน อย่าโอนเงินให้ เพราะท่านจะถูกข่มขู่เรียกเงินซ้ำอีก ให้รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งตำรวจ

สำหรับความผิด ผู้กระทำผิดจะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ที่ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากมีการนำภาพไปปล่อยในเว็บไซต์ลามก ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ก็จะผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชน ทั่วไปอาจเข้าถึงได้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"รวมพลัง ส่งใจช่วยเหลือคนพิการ" ดารา, ผู้ใหญ่ใจบุญ รวบรวมอุปกรณ์ช่วยคนพิการ ส่งต่อ "ผู้นำคนพิการ"

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยและตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร (จิตอาสา) เข้าพบ "คุณเขตต์ ฐานทัพ" ดารา นักแสดง ชื่อดัง เพื่อนำงาน "ถักตะกร้า" ฝีมือ "กลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการแม่สำ" ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ไปจำหน่ายใน "CD OUTLET" แพลตฟอร์มรายแรกในประเทศไทย ที่เป็นช่องทางให้คนพิการนำสินค้ามาจำหน่ายได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อเป็นการ "คืนความดี สู่สังคมแบ่งปัน" และให้โอกาสกับคนพิการ คนชรา และผู้ด้อยโอกาส ให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่ทันยุคทันสมัยกับในสถานการณ์โลกปัจจุบัน

อีกทั้ง ยังได้ร่วมกันมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ เช่น รถวีลแชร์ วอร์คเกอร์ 4 ขา แพมเพริต เพื่อนำไปส่งมอบต่อให้กับ "นายสายันต์ ดีเลิศ" นายกสมาคม ส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ (ปทุมธานี) นำไปแยกชิ้นส่วน ถอดเก็บเป็นอะไหล่ใช้ทดแทน ซ่อมบำรุง รถวีลแชร์มือ 2 ที่ได้รับบริจาคมาจากประเทศญี่ปุ่น และเมื่อสามารถใช้งานได้ตามปกติทางสมาคมฯ ก็จะส่งมอบต่อให้กับคนพิการ คนชรา คนเจ็บไข้ได้ป่วย ที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ อย่างสมบูรณ์ต่อไป

สุดท้ายนี้ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยได้กล่าวขอบพระคุณ "พี่เขตต์ ฐานทัพ, คุณณัฐวุฒิ เหมือนเพชร, นายวีระ ลาเสือ (น้าหม่อม), คุณมานพ, คุณสุธาทิพย์ อยู่เมือง ที่ได้มอบโอกาสแบ่งปันช่วยเหลือสังคม "คนพิการ" ให้น่าอยู่สืบไป 
#คนละไม้_คนละมือ
#คนพิการยุคใหม่_หัวใจเดียวกัน

คนละครึ่งเฟส 3 กำลังมา!

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยกำหนดผู้เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. ของทุกวัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอยง’ แจงเหตุผล ยืดระยะห่างฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 เป็น 16 สัปดาห์ เพราะได้ผลภูมิต้านทางที่ดีกว่า

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า...โควิด-19 วัคซีน ระยะห่างของการให้วัคซีน AstraZeneca หลายคนมีข้อสงสัยในการกำหนดระยะห่างของการให้วัคซีน AZ

ทำไมประเทศไทยขณะนี้จึงกำหนดระยะห่าง จากเดิม 10 สัปดาห์ เป็น 16 สัปดาห์ จากการศึกษาในการวิจัยทางคลินิก เดิมระยะห่าง การให้วัคซีน AZ อยู่ที่ 4 สัปดาห์

เมื่อทำการศึกษาระยะที่ 3 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกันมากกว่า 6 สัปดาห์ ถึง 12 สัปดาห์ ได้ผลภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพดีกว่าผู้ที่ได้รับห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์

ในการใช้จริงที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีโรคระบาดมาก และวัคซีนไม่เพียงพอ อังกฤษจึงยืดระยะห่างของการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปอีกถึง 16 สัปดาห์ เพื่อให้ประชากรส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด ไม่ต้องใช้แรงงาน มาพะวงกับการฉีดเข็มที่ 2 จะได้ปูพรมเข็มแรกได้กว้างที่สุดเพื่อระงับการระบาด

ผลการศึกษาในสกอตแลนด์ พบว่าการให้ AZ เพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพ ถึง 80% การให้เข็มที่ 2 จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเข็ม 2 เพิ่มประสิทธิภาพก็จริง ถ้าเปรียบเทียบกับการปูพรมเข็มแรกให้มากที่สุดแล้ว ค่อยเติมเข็ม 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ในการควบคุมการระบาดของโรค

โดยหลักของวัคซีน การทิ้งระยะห่าง ยิ่งห่างนาน ก็จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่า ระดับภูมิต้านทานหลังเข็ม 2 จะสูงกว่า ในการหวังผลให้อยู่นาน

การยืดเข็ม 2 ออกไป จะมีข้อเสียตรงที่ว่าประสิทธิภาพจะสู้การให้ 2 เข็มไม่ได้ ต้องคำนึง คือถ้ามีเชื้อกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ ( Beta) วัคซีนทั่วไป ประสิทธิภาพลดลงอยู่แล้ว ก็อาจจะป้องกันไม่ได้ แต่สายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ไม่น่าจะมีผลมาก

ดังนั้น ประเทศไทยอยู่ในช่วงการระบาดขาขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ AZ วัคซีนปูพรมในแนวกว้างให้มากที่สุดก่อน โดยต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดรวมทั้งวัคซีน มาใช้ในการให้วัคซีนเข็มแรก ภายใน 16 สัปดาห์ ประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็จะได้วัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วค่อยไปเติมเข็มที่ 2 ภูมิจะสูงขึ้นและอยู่นาน

สิ่งสำคัญในระหว่างนี้ จะต้องเฝ้าระหว่างสายพันธุ์กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่อาจจะสร้างปัญหาในระดับที่ภูมิต้านทานยังไม่สูงมากเกิดขึ้นได้ สายพันธุ์อังกฤษและอินเดียไม่น่าจะมีปัญหา

การควบคุมการระบาดในประชากรหมู่มาก ทั้งประเทศไทย ในภาวะที่ทรัพยากรที่จำกัด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ดังนั้น การกำหนดระยะห่างไปที่ 16 สัปดาห์ จึงเป็นการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศไทย ในภาพรวม

 

ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top