Sunday, 12 May 2024
The States Times EconBiz Team

ดาราสาว ‘พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช’ ดาราสาว พร้อมมารดาและพี่ชาย ย่องพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รับทราบ 3 ข้อกล่าวหา คดีฉ้อโกงประชาชน ปมแชร์ Forex-3D แล้ว ด้านดีเอสไอ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับหมายเรียกเข้าพบ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ในวันนี้ (วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564) นายสรายุทธ ไชยเดช นางสรินยา ไชยเดช และนางสาวสาวิกา หรือ พิ้งค์กี้ ไชยเดช ได้เข้าพบนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D ณ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีพิเศษที่ 153/2562 โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

กรณีดังกล่าว นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ร่วมกันหลอกลวงโดยการโฆษณาชักชวนต่อประชาชนทั่วไปให้เข้าร่วมลงทุน ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ www.forex-3D.com และแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ค ในชื่อบัญชี “Apiruk Krub” “Apiruk Kothi” และ “Forex-3D” โดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60 - 80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการนำไปลงทุนเทรดค่าเงิน และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก

ซึ่งการโฆษณาชักชวนหลอกลวงประชาชนของผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก เป็นความเท็จ ความจริงไม่มีการนำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) ตามที่กล่าวอ้าง แต่มีลักษณะนำเงินจากประชาชนที่ลงทุนรายนั้นหรือรายอื่นมาหมุนเวียนจ่ายแก่ประชาชนผู้ลงทุนหรือผู้ให้กู้ยืมเงินรายอื่น เป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก โดยปรากฏผู้เสียหายในสำนวน จำนวน 9,692 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,908,113,421.92 บาท

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “ในวันนี้ ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ตนมาติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนคดี Forex-3D เนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายสูงมาก ประชาชนให้ความสนใจติดตามคดีดังกล่าว อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวง โดยการโฆษณาชักชวนให้ร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก เดินทางเข้าร้องเรียนผ่านศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม”

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวต่อว่า “ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าในห้วงนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยในวันนี้ ได้มีการเรียก นางสาวสาวิกา หรือพิ้งค์กี้ ไชยเดช ดาราสาวที่มีชื่อเสียง นางสรินยา ไชยเดช มารดา และนายสรายุทธ ไชยเดช พี่ชาย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนฯ ของดีเอสไอ ทั้งนี้ ทางกระทรวงยุติธรรม จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับหมายเรียกเข้าพบ และขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย”

บางกอกแอร์เวย์ส เจอพิษโควิด ฉุดรายได้ปี 63 วูบ 64.2 % จำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ประมาณ 1,884,603 คน ลดลงจากปีก่อน 67.8% ส่งผลทำให้ขาดทุนสุทธิถึง 5,327.8 ล้านบาท

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,216.3 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 64.2 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของธุรกิจสายการบินที่ปรับตัวลดลง 70.4% ส่วนธุรกิจสนามบิน ปรับตัวลดลง 67.6% และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ลดลง 57.5% เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับแผนการปฏิบัติการบิน ให้สอดคล้องกับมาตรการจำกัดการเดินทาง ตามนโยบายภาครัฐ และประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) รวมถึงปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่ลดลง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 5,327.8 ล้านบาท โดยเป็นผลขาดทุนส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 5,283.2 ล้านบาท และมีผลขาดทุนต่อหุ้นเท่ากับ 2.56 บาท

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ปรับแผนการปฏิบัติการบิน ให้สอดคล้องกับมาตรการจำกัดการเดินทาง และปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร โดยได้ทยอยหยุดทำการบินในบางเส้นทางตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.2563 จนกระทั่งประกาศหยุดทำการบินในทุกเส้นทางชั่วคราว ระหว่างวันที่ 6 เม.ย. - 14 พ.ค. 2563 และเริ่มกลับมาให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2563 เป็นต้นมา ในเส้นทางกรุงเทพฯ - สมุยเป็นเส้นทางแรก

พร้อมทั้งทยอยปฏิบัติการบินเส้นทางภายในประเทศเป็น 10 เส้นทางในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ได้แก่ กรุงเทพฯ - สมุย, กรุงเทพฯ - เชียงใหม่, กรุงเทพฯ - ลำปาง, กรุงเทพฯ - สุโขทัย, กรุงเทพฯ - ภูเก็ต, กรุงเทพฯ - ตราด, กรุงเทพฯ - กระบี่, ภูเก็ต - สมุย, ภูเก็ต - หาดใหญ่ และภูเก็ต - อู่ตะเภา ทำให้ปี 2563 สายการบินฯ มีจำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ประมาณ 1,884,603 คน ลดลงจากปีก่อน 67.8% และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 62.9%

ขณะที่คนไทยและคนทั่วโลกยังต้องเผชิญกับวิกฤตโรคโควิด-19 ท่ามกลางความคาดหวังเรื่องวัคซีนที่จะช่วยให้สถานการณ์การระบาดจบลงโดยเร็ว แต่รู้หรือไม่? ยังมีภัยด้านสุขภาพที่รุนแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในลำดับต้น ๆ ของคนไทยซ่อนอยู่อีก

นั่นคือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ เช่น การรับประทานอาหารรสจัด ไขมันสูง การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ พักผ่อนน้อย มีความเครียดสูง ฯลฯ

จากข้อมูลของหนังสือ ‘ThaiHealth WATCH 2021 จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2564’ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้รายงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค NCDs ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในแต่ละปี โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคอ้วน พบว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการได้รับโรคอุบัติใหม่ และเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงโรคโควิด-19 ที่พบว่ามีความเสี่ยงอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า

ที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจาก 6 โรคกลุ่ม NCDs ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคอุดกั้นเรื้อรัง และโรคไตวายเรื้อรัง หากติดเชื้อโควิด-19 จะมีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เพราะเป็นโรคที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบทางเดินหายใจโดยตรง

สำหรับแนวทางป้องกันความเสี่ยง แนะนำให้คนไทยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ด้วยการดำเนินชีวิตใหม่ ทั้งการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด มีไขมันสูง พร้อมเพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควบคู่กับการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งไม่เพียงเพื่อปกป้องตนเองจากโรค แต่ยังเสริมสร้างสุขอนามัยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งถือเป็นวัคซีนป้องกันตนเองที่ดีที่สุด

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีเชิงป้องกัน ‘ไทยประกันชีวิต’ ได้จัดโครงการ ‘ไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต’ เพื่อมอบความฟิตในทุกด้านของชีวิต ภายใต้แนวคิด “Circle of Wellness” 4 มิติ ได้แก่...

- Self การดูแลสุขภาพร่ายกายให้แข็งแรง

- Sense การเสริมสร้างจิตใจให้มีความสุข

- Stability การสร้างความมั่นคงทางการเงิน

- และ Spirit การสร้างคุณค่าชีวิตผ่านการให้และแบ่งปัน

นอกจากจะมอบความคุ้มครองและการดูแลตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของโครงการฯ แล้ว บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมด้านสุขภาพต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถสะสมคะแนนเป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามเงื่อนไข พร้อมรับสิทธิพิเศษหลากหลาย ถือเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์การวางแผนการดูแลชีวิตและสุขภาพที่คุ้มค่าให้กับคนไทยในยุคปัจจุบัน

กระทรวงคมนาคม ดันแลนด์บริดจ์ ชุมพร - ระนอง มูลค่าลงทุนแสนล้านบาท เชื่อมโยง 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือระนองแห่งใหม่ และท่าเรือชุมพร พร้อมเปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ 2 มหาสมุทร ทั้งมหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแปซิฟิก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ลงนามสัญญาจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษา ความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (Land bridge) เป็นการขนส่งเชื่อมโยง 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือระนองแห่งใหม่ และท่าเรือชุมพร โดยออกแบบให้เป็นท่าเรือที่ทันสมัย ควบคุมการบริหารจัดการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2565

สำหรับโครงการนี้ กระทรวงคมนาคมจะบูรณาการรูปแบบการขนส่งเชื่อมโยง ท่าเรือระนองแห่งใหม่ และท่าเรือชุมพร โดยออกแบบให้เป็นท่าเรือที่ทันสมัย รวมทั้งการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และรถไฟทางคู่ รวมทั้งวางระบบการขนส่งทางท่อ โดยทำการก่อสร้างไปพร้อมกันในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องตามแผนบูรณาการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่

ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินของภาคประชาชน โดยประมาณการวงเงินลงทุนทั้งโครงการ ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนกับภาครัฐในรูปแบบ PPP

ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งทางเรือลงได้ถึง 2 วัน ช่วยยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำของภูมิภาค เปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ของมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยสร้างโอกาส สร้างงานและรายได้เพิ่มขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยภาพรวมธุรกิจเดือน ก.พ.64 ปรับตัวดีขึ้น หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม ขณะที่ภาคท่องเที่ยวได้อานิสงส์วันหยุดยาว

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือนก.พ. 2564 พบว่า ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ และปรับโซนพื้นที่ควบคุมใหม่ โดยภาคการค้าได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากมาตรการของรัฐ และภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณปรับดีขึ้นจากผลของวันหยุดยาว โดยธุรกิจส่วนใหญ่ คาดว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะใกล้เคียงหรือน้อยกว่าระลอกก่อนเล็กน้อย อีกทั้งยังปรับตัวได้ค่อนข้างมากและดีขึ้นจากเดือนก่อน ยกเว้นภาคท่องเที่ยวและภาคการค้า

ส่วนระดับกิจกรรมทางธุรกิจปรับดีขึ้นจากปีก่อน หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ และปรับโซนพื้นที่ควบคุมใหม่ในเดือน ก.พ. ส่งผลให้ความเชื่อมั่น รวมถึงกิจกรรมบางส่วนที่หยุดชะงักไปเริ่มทยอยกลับมา และช่วยให้ระดับการจ้างงานและรายได้ของแรงงานในธุรกิจส่วนใหญ่ทยอยปรับดีขึ้น ทั้งจำนวนแรงงาน ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยและรายได้เฉลี่ยต่อคน

ขณะที่การใช้นโยบายปรับเปลี่ยนการจ้างงาน พบว่า ธุรกิจทั้งในและนอกภาคการผลิตใช้นโยบายปรับเปลี่ยนการจ้างงานลดลงจากเดือนก่อน โดยเฉพาะการสลับกันมาทำงาน และลดชั่วโมงทำงาน แต่ธุรกิจนอกภาคการผลิตมีแนวโน้มใช้นโยบายปลดคนงานเพิ่มขึ้น เพื่อประคับประคองธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไป

สร้างรายได้จากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ‘ปิดทองหลังพระ’ ช่วยเพิ่มรายได้ชุมชน 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบในปีนี้

สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้แก้ปัญหาชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ 12 จังหวัด ช่วยสร้างรายได้เพิ่ม 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดในปีนี้

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยผลดำเนินงานของปิดทองฯ ในปี 63 ว่า ปิดทองฯ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ โดยเฉพาะหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ช่วยแก้ปัญหาให้กับชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ดำเนินการ 12 จังหวัด สามารถเพิ่มพื้นที่รับประโยชน์จากน้ำ 33,171 ไร่ ให้กับเกษตรกร 14,260 ครัวเรือน เพื่อทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ช่วยสร้างรายได้รวม 426 ล้านบาท

“รายได้เหล่านี้มาจากการส่งเสริมอาชีพ การปลูกพืชหมุนเวียนตลอดปีและการท่องเที่ยววิถีท้องถิ่นของพื้นที่ต้นแบบ 69 ล้านบาท โครงการทุเรียนคุณภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ 140 ล้านบาท และรายได้ที่เป็นผลจากการพัฒนาแหล่งน้ำและส่งเสริมอาชีพจากโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานจากปัญหาโควิด-19 อีก 217 ล้านบาท”

สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ร่วมถึงปัญหาภัยแล้ง ปิดทองฯ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการทำงาน ด้วยการดำเนินงานโครงการจ้างงานคนจากปัญหาโควิด-19 เริ่มจาก 3 จังหวัดภาคอีสาน คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่น และ อุดรธานี 107 โครงการ จ้างงานคนว่างงาน 369 คน ทำให้มีรายได้ระหว่างว่างงาน และได้เรียนรู้แนวพระราชดำริในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มทางเลือกการประกอบอาชีพ

โดยชุมชนยังได้รับประโยชน์จากแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น 23.7 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 30,900 ไร่ คำนวณแล้วคนในพื้นที่ 5,320 ครัวเรือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นรวม 217 ล้านบาทและปัจจุบันนี้ได้ขยายผลดำเนินการออกไปอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบรวม 543 โครงการ

เนื้อโคขุนราคาดี ธ.ก.ส. อัดสินเชื่อ 5 หมื่นล้าน ดอกแค่ 0.01% ต่อปี หนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเลี้ยงโคขุน

ธ.ก.ส. ร่วมกรมปศุสัตว์ หนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมการเลี้ยงโคขุน พร้อมสนับสนุนความรู้คู่เงินทุนหมุนเวียนผ่านสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 0.01% ต่อปี หรือล้านละ 100 บาท

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนสินเชื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โคเนื้อ กระบือ แพะเนื้อ และไก่พื้นเมือง โดยสนับสนุนสินเชื่อตามโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็นเพื่อเป็นค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี หรือล้านละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันกู้

โดยตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดอัตราดอกเบี้ยตามเกณฑ์ปกติของธนาคาร กำหนดชำระคืนเงินกู้กรณีค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ไม่เกิน 12 เดือน (พิเศษไม่เกิน 18 เดือน) กรณีค่าลงทุน ไม่เกิน 15 ปี (พิเศษไม่เกิน 20 ปี) นับแต่วันที่กู้ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2565 วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท

ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 104 แห่ง และ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อไปแล้วกว่า 417 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวข้องได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ปศุสัตว์อำเภอ หรือ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ของท่าน

"ปัจจุบัน ธ.ก.ส. เล็งเห็นว่าโคเนื้อได้รับความนิยมในการบริโภค อีกทั้งมีราคาขายที่สูงขึ้นกว่าในอดีต จึงได้มีการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคขุนเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้ที่เพิ่มขึ้น"

กรมสรรพสามิต เล็งชะลอขึ้นภาษีน้ำหวาน จากเดิมกำหนดขึ้น 1 ตุลาคม 64 หวังช่วยผู้ประกอบการในยุคโควิด-19

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมชะลอการปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากในวันที่ 1 ต.ค. 2564 จะครบกำหนดเวลาที่ต้องมีการปรับขึ้นภาษีความหวานรอบใหม่ จากระยะที่ 2 ไปสู่ระยะที่ 3 ซึ่งจะมีอัตราภาษีที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด จนอาจกลายเป็นภาระให้กับผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีสารความหวาน ได้กำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 4 ระยะ ซึ่งปัจจุบันกำลังเก็บภาษีระยะที่ 2 ถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้

สำหรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน ที่มีกำหนดเพิ่มขึ้นวันที่ 1 ต.ค.64 เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จะยังได้รับยกเว้นเก็บภาษีเหมือนเดิม ส่วนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 6 - 8 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 0.10 บาทต่อลิตร เป็น 0.30 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 8 - 10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 0.30บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร

เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 1 บาทต่อลิตร เป็น 3 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 14 - 18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 3 บาทต่อลิตร เป็น 5 บาทต่อลิตร ขณะที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกิน18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเท่าเดิมที่ 5 บาทต่อลิตร

“กรมจะทบทวนดูว่าจะมีการชะลอขึ้นภาษีออกไปหรือไม่ โดยจะนำข้อมูลนำมาพิจารณารายละเอียดดูความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งยังไม่ได้ยืนยันว่าจะมีการเลื่อนออกไป หรือเลื่อนออกไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา”

กทก. ยัน! จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้นไม่หวั่นโควิด คาดยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังไทยจิ้มเข็มวัคซีนและผ่อนปรนต่างชาติฉีดวัคซีนเข้าไทยได้ไม่ต้องกักตัว

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สรุปจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เริ่มกลับมามีจำนวนเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกใหม่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 โดยจากการรวบรวมตัวเลขทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (เอสทีวี) นักท่องเที่ยวกลุ่มสมาชิกไทยแลนด์อีลิทการ์ด และกลุ่มนักธุรกิจ เดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 7,694 คน ส่วนจำนวนรายได้ ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการรวบรวม

ทั้งนี้ประเมินว่า ในช่วงต่อจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มที่ได้รับการผ่อนปรนให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เดินทางเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยในช่วงตังแต่เดือนมี.ค.นี้เป็นต้นไป รวมไปถึงแนวโน้มการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีน และมีใบรับรองอย่างถูกต้อง สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องกักตัว ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กาลโหม ซึ่งได้ออกมาประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในเดือนนี้ ภาพรวมมีทั้งหมด 7,694 คน ลดลง 99.80% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยรวม 3.81 ล้านคน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากประเทศจีน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ติดลบเกือบ 100% นี้ เป็นผลมาจากการระบาดที่ยังไม่สิ้นสุด แต่ก็เป็นที่น่าสนใจว่าจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนนี้ มีจำนวนตัวเลขการเดินทางเข้ามามากกว่าหลาย ๆ เดือนในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด และรัฐบาลได้ผ่อนปรนให้เดินทางเข้ามาได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 ของปี 63

เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการเห็นชอบเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ รวม 13 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือความรู้ความสามารถของตน แต่ทั้งนี้ประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

โดยอัตราค่าจ้างแต่ละสาขาอาชีพ มีรายละเอียดดังนี้

1. กลุ่มช่างอุตสาหกรรม ค่าจ้างตั้งแต่ 460 – 630 บาทต่อวัน ได้แก่

1.1 ช่างกลึง

1.2 ช่างควบคุมเครื่องกลึง CNC

1.3 ช่างควบคุมเครื่อง Wire Cut

1.4 ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ

2. กลุ่มช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างต่อวันตั้งแต่ 440 - 540 บาทต่อวัน ได้แก่

2.1 ช่างไฟฟ้าภายนอกอาคาร

2.2 ช่างโทรคมนาคม (ไมโครเวฟและการสื่อสารดาวเทียม)

2.3 ช่างควบคุมด้วยระบบโปรแกรมเมเบิ้ลลอจิกคอนโทรลเลอร์ (Programmable Logic Controller: PLC)

2.4 ช่างไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมการจัดประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการแสดงสินค้า (MICE : Meeting Incentives Conventions Exhibitions)

2.5 ช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์

3. กลุ่มช่างเครื่องกล ค่าจ้างตั้งแต่ 415 – 430 บาทต่อวัน ได้แก่

3.1 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกไฟฟ้า

3.2 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกใช้เครื่องยนต์

3.3 ช่างตั้งศูนย์และถ่วงล้อรถยนต์

3.4 ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือโทร. 02 6182323

(หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี)​


ที่มา: https://www.antifakenewscenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-3-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-630-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top