Monday, 16 June 2025
Hard News Team

เพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ โพสต์ข้อความกรณี ‘nailname’ รับพูดเท็จ ‘สนธิ’ ออกมาไล่ ‘ทักษิณ’ เพราะไม่ให้ยืมเงิน

(17 พ.ค. 68) เพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ยูทูบเบอร์ nailname ขอโทษ 'สนธิ' รับพูดเท็จ สนธิ ออกมา 'ไล่ทักษิณ' เพราะไม่ให้ยืมเงิน

"ตามที่ข้าพเจ้า เนม รติศา วิเชียรพิทยา หรือ nailname เผยแพร่คลิปวิดีโอ ชื่อหัวข้อ #สนธิ vs ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลืองแดง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เผยแพร่ใน YouTube ช่อง NailName ซึ่งเนื้อหาในคลิปวิดีโอดังกล่าว ข้าพเจ้าขอยอมรับว่าไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานหรือข่าวใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่า คุณสนธิไปยืมเงินคุณทักษิณ โดยปรากฏข่าวว่าคุณสนธิปฏิเสธว่าไม่ใช่เพื่อนรักกับคุณทักษิณ และมีบุคคลอื่น เคยขอโทษคุณสนธิเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังที่ปรากฏข้อมูลไว้ในคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ทำให้คุณสนธิได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียง ข้าพเจ้ารับทราบแล้วจึงขออภัยและขอโทษมาด้วยความจริงใจ ต่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และขอบคุณคุณสนธิยินดีที่จะไกล่เกลี่ยและไม่เอาความ มา ณ โอกาสนี้"

อินเดียเดือด!! ไอดอลจีนล้อแรง เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิง ‘ปากีสถาน’ กระหน่ำแชร์!! จนกลายเป็นไวรัลทั่วโลก

(17 พ.ค. 68) สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานไม่ได้จำกัดอยู่แค่สนามรบหรือเวทีการทูตอีกต่อไป แต่ลุกลามไปถึงโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อเน็ตไอดอลจีนผู้มีเลือดรักชาติเข้มข้นชื่อดัง '豪哥哥' (หาวเกอเกอ) จุดกระแสความฮาแบบดุดัน ด้วยการปล่อยคลิปเพลงล้อเลียนเหตุการณ์ที่อินเดียสูญเสียเครื่องบินรบผลิตโดยฝรั่งเศส 'Dassault Rafale' ซึ่งเพิ่งซื้อมาใหม่ ในมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 328,500 ล้านบาท) แต่กลับถูก เครื่องบินรบ J-10C ของฝั่งปากีสถานซึ่งซื้อจากจีน ยิงตก

หาวเกอเกอ และทีมงานสวมผ้าโพกหัวสีแดงสด ทาหน้าคล้ำ และพูดภาษาจีนสำเนียง 'อินเดีย' อย่างชัดเจน พร้อมร้องเพลงที่เขาแต่งขึ้นใหม่ชื่อว่า《刚买的飞机被打啦 (เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิงแล้ว!) เนื้อเพลงตลกร้ายสุดสะเทือนใจอินเดีย เช่น '雷达都是坏哒,九十亿全部白花!' (เรดาร์ก็เสีย เก้าพันล้านเสียไปเปล่าๆปลี้ๆ)

เนื้อหาและการแสดงที่ขยี้จุดเจ็บของอินเดียโดยตรง ทำให้คลิปนี้กลายเป็นไวรัลในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักทั่วโลก โดยมียอดวิวและยอดแชร์ทะลุหลักร้อยล้านทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศปากีสถานที่คลิปดังกล่าวถูกนำไปแชร์ต่อในทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง TikTok, X (อดีต Twitter), Facebook และ YouTube

ชาวเน็ตแดนภารตะตอบโต้ทันควัน พากันเข้าไปถล่มคอมเมนต์คลิปดังกล่าว บางส่วนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงถึงขั้นเรียกร้องให้ TikTok

ลบคลิปนี้ทิ้ง ขณะที่อีกกลุ่มถึงกับกล่าวหาว่าเป็นการดูหมิ่นชาติและกองทัพอินเดียอย่างชัดเจนแต่ยิ่งมีเสียงคัดค้าน คลิปล้อเลียนนี้ก็ยิ่งดังมากขึ้น ค่ายสื่อหลายรายในต่างประเทศเริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับกระแสดังกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามอย่างจริงจังถึง "ความพร้อมของกองทัพอินเดีย" ที่ใช้เงินมหาศาลซื้อเครื่องบินรบจากฝรั่งเศส แต่กลับถูกยิงตกตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า

อนึ่ง คลิปล้อเลียนของชาวเน็ตจีนชิ้นนี้ ถูกจัดทำขึ้นหลังจากเหตุการณ์กองทัพปากีสถาน ใช้เครื่องบินขับไล่ผลิตโดยจีน สอยเครื่องบินรบของอินเดียอย่างน้อยสองลำร่วง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ทางการอินเดียไม่ยอมเปิดเผยจำนวนเครื่องบินของฝ่ายตนที่ถูกทัพปากีสถานสอยร่วง รัฐมนตรีกลาโหมแห่งปากีสถาน Khawaja Muhammad Asif เปิดเผยว่า กองทัพปากีฯได้ใช้เครื่องบินขับไล่J-10 ผลิตโดยจีน ยิงเครื่องบินรบของกองทัพภารตะร่วงไป 5 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ Rafale ผลิตโดยฝรั่งเศส3 ลำที่อินเดียเพิ่งจัดซื้อมาประจำการในกองทัพ เครื่องบินรบของรัสเซีย 2 ลำ คือ MiG-29 และ Su-30 ทั้งนี้ เครื่องบินขับไล่J-10 และ Rafaleเป็นเครื่องขับไล่รุ่น 4.5 ถือเขี้ยวเล็บใหม่ของกองกำลังฝูงบินรบ

สื่อทางการจีน ซินหัว ยังได้รายงานข่าวด้วยท่าทีภาคภูมิใจในเทคโนโลยีการทหารจีน โดยเรียกขานว่า 'รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ของการทำสงคราม'

เหตุการณ์กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินรบของคู่อริตกในศึกปะทะที่จุดชนวนจากเหตุทัพฟ้าภารตะโจมตีเขตควบคุมของปากีฯในแคชเมียร์ ซึ่งทางอินเดียอ้างเหตุผลในการโจมตีฯนี้ว่าเพื่อโต้ตอบการจู่โจมกลุ่มนักท่องเที่ยวในเขตควบคุมของอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 22 เม.ย. แต่ทางปากีฯปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จีนเป็นซับพลายเออร์ป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่สุดให้กับปากีสถาน

นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ถูกขบวนการเฟคนิวส์ ตัดต่อภาพ ทำคลิปโฆษณาอาหารเสริมแก้เบาหวาน

(17 พ.ค. 68) นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ สูตินรีแพทย์ชื่อดัง ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเฟคนิวส์ หลังจากมีการนำภาพของท่านไปตัดต่อเป็นวิดีโอเพื่อโฆษณาขายอาหารเสริมแก้เบาหวาน สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน

ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการนำภาพของนายแพทย์ตุลย์ขณะพูดในงานหนึ่ง มาตัดต่อใส่ข้อความและเสียงที่กล่าวอ้างถึงสรรพคุณของอาหารเสริมแก้เบาหวาน สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของท่านและทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาโรคเบาหวาน

นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ชี้แจงว่า ท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และขอให้ประชาชนระมัดระวังข่าวปลอมที่ใช้ชื่อและภาพของท่านเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า ทั้งนี้ ท่านยังเน้นย้ำว่า การรักษาโรคเบาหวานควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ ไม่ใช่อาหารเสริมที่ไม่มีการรับรองทางการแพทย์

ประชาชนที่พบเห็นวิดีโอนี้ โปรดอย่าหลงเชื่อ หากเป็นเบาหวาน ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานต่อไป

‘ลิซ่า – ไทล่า’ แดนซ์!! แซ่บสะบัด ในมิวสิกวิดีโอ ‘When I'm with you’

(17 พ.ค. 68) กลายเป็นกระแสไวรัลเลยทีเดียวหลังลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินตัวแม่ตัวมัมแห่งวงการเพลงได้ออกมาสปอยล์มิวสิกวิดีโอเพลง When I’m with you ที่มีการฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินสาวสุดเซ็กซี่อย่าง ไทล่า (Tyla) ทั้งสองมอบความสุขให้กับแฟน ๆ ด้วยมิวสิควิดีโอที่ร้อนแรงไม่แพ้แดดประเทศไทย ซึ่งเข้ากับช่วงซัมเมอร์พอดี

ในวันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 22.00 น. KST ลิซ่าได้ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง 'When I’m With You' ซึ่งเป็นเพลงที่ 9 จากอัลบั้มเดี่ยวที่ชื่อว่า Alter Ego แน่นอนว่า สาว ๆ ไม่ได้มาเล่น ๆ มาพร้อมท่าเต้นทุบสะโพกที่ซ่อนความเซ็กซี่เย้ายวน ด้านแฟชั่นจัดเต็มสุดจึ้งทั้งชุดคริสตัลระยิบระยับและรองเท้าส้นสูงแบบรัดข้อ “หน้าส่งชุด ชุดส่งหุ่น หุ่นส่งจักรวาล”

'When I’m With You' ถ่ายทอดการต่อสู้ภายในระหว่างความปรารถนาและการควบคุมตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของความสัมพันธ์ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งละทิ้งการยับยั้งชั่งใจและยอมจำนนต่อช่วงเวลานั้น ๆ อย่างเต็มที่ แถมยังมีนักแสดงรับเชิญอย่าง Mason Gooding, Sab zada, Leah Kateb, และ Miguel Harichi จาก Love Island USA

งานนี้ ทำเอาแฮชแท็ก #LISAxTYLA และ #LISAxWIWY พุ่งติดเทรนด์เอ็กซ์ เท่านั้น ไม่พอเพลง ยังติดอันดับเพลงมาแรง อันดับที่ 5 ในยูทูบอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นเพลงในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนแรงเกินกว่าจะรับไหวจริง ๆ

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ เตือน!! ระวังภัยซ่อนเร้นจากโต๊ะเจรจาการค้า ชี้!! เกษตรกรไทย อาจถูกตีซ้ำสอง ทั้งจากจีน และสหรัฐอเมริกา

(17 พ.ค. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง 'กระดูกสันหลังหักแน่' ระบุว่า …

น่ากลัว การเจรจาเรื่องภาษีที่ไทยกำลังเจรจากับสหรัฐ อย่ายอมเปิดตลาดไทยให้สินค้าเกษตรอเมริกันแบบอ้าซ่า โดยไม่มีเงื่อนไขเด็ดขาด

สินค้าเกษตรอเมริกันอาจมีปัญหาจีเอ็มโอ ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม อาจเป็นผลร้ายต่อผู้บริโภคชาวไทยแต่ประการสำคัญ สินค้าเกษตรจากอเมริกาจะดั๊มตลาดไทย จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและรัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ เกษตรกรจะเจอสึกสองด้นทั้งจีนและอเมริกา

สินค้าอีกตัวที่เข้ามาได้คือเนื้อหมูที่อเมริกาอยากให้เราเปิดตลาดมานานแล้ว ปัจจุบันก็มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูชำแหละเข้าประเทศอยู่แล้ว คนเลี้ยงหมูตายแน่คราวนี้

เกษตรกรที่ถูกเชิดชูเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม คงมีอยู่แต่ในเนื้อเพลง แต่เกษตรกรตัวจริงหลังหักไปแล้ว

สงครามยูเครน-รัสเซีย แลกศพทหารอย่างไม่สมดุล สะท้อนความสูญเสียข้างเดียว ของประเทศยูเครน

(17 พ.ค. 68) สงครามยูเครน-รัสเซีย: แลกศพทหารอย่างไม่สมดุลสะท้อนความสูญเสียข้างเดียว แม้การเจรจาทางการทูตยังดำเนินในอิสตันบูล

มีการส่งคืน ศพทหารยูเครน 909 ราย แลกกับ ศพทหารรัสเซียเพียง 34 ราย

สัดส่วนความต่าง เกือบ 27 ต่อ 1 ถือเป็นหนึ่งในการแลกศพที่ไม่สมดุลที่สุดตั้งแต่เกิดสงคราม

รายงานจากกลุ่มอิสระ War Tears ระบุว่า

ทหารยูเครน เสียชีวิตแล้วกว่า 718,909 ราย

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียชีวิตเพิ่มอีก 893 ราย

มี เชลยศึกยูเครนอย่างน้อย 16,000 ราย

สบส. จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ในสถานพยาบาลรัฐ และเอกชน 241 แห่งทั่วไทย

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สถานพยาบาล 241 แห่งทั่วไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาร่างกฎหมายอุ้มบุญ ฉบับ 2 พัฒนาแนวทางการขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม

เมื่อวันที่ (14 พ.ค.68) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์จากข้อกําหนดของกฎหมายสู่การปฏิบัติ (IVF/IUI) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” โดยมีบุคลากรของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 241 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมทั้งออนไซต์ และออนไลน์

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดฯว่า ปัจจุบัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2559 ได้มีผลบังคับใช้มากว่า 9 ปี โดยสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ กว่า 7,500 ล้านบาท มีอัตราความสำเร็จในการให้บริการตั้งครรภ์ เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 52 มีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) กว่า 20,000 รอบการรักษา และมีการผสมเทียม (IUI) กว่า 12,000 รอบการรักษา ซึ่งถือเป็นหลักฐานของความก้าวหน้า และความสำเร็จของการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของไทยที่ไม่เป็นรองชาติใดๆ ดังนั้น เพื่อการยกระดับบริการ เพิ่มศักยภาพในการให้บริการทั้งคนไทยเละต่างชาติ การคุ้มครองผู้บริโภค จวบจนดึงดูดผู้รับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ จากต่างชาติเข้าสู่ประเทศ จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้สถานพยาบาลที่ให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ทั้งในกลุ่มสถานพยาบาลรายเดิมและกลุ่มสถานพยาบาลที่ให้บริการ IUI รายใหม่ทั่วประเทศ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถดำเนินการให้บริการตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถดำเนินการตามระบบฐานข้อมูลในรูปโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ICMART) ซึ่งจะนำไปสู่การได้มาของข้อมูลภาพรวมของประเทศและนำไปวิเคราะห์ข้อมูล กำหนดนโยบายการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ของประเทศ 

ทันตแพทย์อาคมฯ  กล่าวเพิ่มเติมว่า และนอกจากการพัฒนาบุคลากรแล้ว การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ โดย กรม สบส. จึงได้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนากฎหมาย (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ....โดยมีประเด็นในการปรับแก้กฎหมายแม่บท อาทิ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ การกำหนดให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเฉพาะ การขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม การเพิ่มกลุ่มผู้รับบริการตั้งครรภ์แทนในกลุ่มชาวต่างชาติ และการส่งออกซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนของผู้เป็นเจ้าของเซลล์สืบพันธุ์ เป็นต้น โดยอยู่ในระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการต่อไป 

‘มูดี้ส์’ ปรับลด!! อันดับความน่าเชื่อถือของ ‘สหรัฐฯ’ หลังหนี้สาธารณะพุ่งสูง อยู่ในภาวะที่ควบคุมไม่ได้

(17 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ เนื่องจากหนี้สาธารณะพุ่งสูง

Moody's เพิ่งโจมตีชื่อเสียงทางการเงินของอเมริกาอย่างรุนแรง ด้วยการลดอันดับความน่าเชื่อถือเครดิตของสหรัฐฯ จาก AAA เหลือ Aa1 โดยเข้าร่วมกับคู่แข่งอย่าง S&P และ Fitch ในการประกาศให้สถานะหนี้ของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่ควบคุมไม่ได้อย่างเป็นทางการ

สำนักงานจัดอันดับเครดิตที่มีอายุ 116 ปีกล่าวโทษ "การขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล" และต้นทุนดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การขาดดุลการคลังแตะระดับ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีที่แล้ว

“รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ ชุดต่อๆ มาล้มเหลวในการตกลงกันเกี่ยวกับมาตรการเพื่อพลิกกลับแนวโน้มของการขาดดุลงบประมาณรายปีจำนวนมากและต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น”

จังหวะเวลาไม่สามารถแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว - การปรับลดระดับดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันปฏิเสธวาระการประชุมใหญ่ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการขยายเวลาการลดหย่อนภาษีปี 2017

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นทันที 3 จุดพื้นฐานเป็น 4.48% ขณะที่กองทุน ETF พันธบัตรร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ความจริงที่ว่าความน่าเชื่อถือทางการเงินของอเมริกาไม่ได้แข็งแกร่งอีกต่อไป

Peter Boockvar จาก Bleakley Financial สรุปไว้ดังนี้

"นี่คือหน่วยงานจัดอันดับเครดิตหลักที่ออกมาประกาศว่าสหรัฐฯ มีหนี้สินและการขาดดุลที่ตึงตัว"

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เผยหนังเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production กรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ และขยายความร่วมมือด้านภาพยนตร์อย่างรอบด้าน

เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ โดยเข้าร่วม เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 (Cannes Film Festival 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 24 พฤษภาคม 2568 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ “A Sit-down Lunch Talk” การพบปะแบบกึ่งทางการระหว่างตัวแทนจากคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กับผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก เช่น ผู้บริหารเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ผู้อำนวยการองค์กรส่งเสริมภาพยนตร์ และผู้กำหนดนโยบายด้านวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในระดับนานาชาติ อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือ “Thai Pitching” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยนำเสนอแนวคิดและโครงการภาพยนตร์ต่อกลุ่มนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2568 ณ Thailand Pavilion No.112 โดยมีการคัดเลือก 3 โปรเจกต์เด่น ได้แก่ “ผีเงือก” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์บันเทิงคดี และ “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” กับ “ทางของแสง” ที่ได้รับทุนพัฒนาบทภาพยนตร์

นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวต่อว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับโลก กระทรวงวัฒนธรรมยังสนับสนุนการเข้าร่วม “Producers Network – Spotlight Session” ซึ่งเปิดพื้นที่ให้โปรดิวเซอร์ไทยจำนวน 5 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม Thai Pitch และผู้ได้รับทุนผลิต เข้าร่วมสร้างเครือข่ายกับโปรดิวเซอร์นานาชาติ โดยกิจกรรมนี้เป็นเวทีสำคัญในการเจรจาความร่วมมือ และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยไปยังระดับสากล อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการสนับสนุน ผู้ได้รับทุนผลิตสื่อคุณภาพ ทั้งในหมวดภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน รวม 8 โปรเจกต์ (โปรเจกต์ละ 2 คน) ให้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพื่อเปิดโลกทัศน์ของผู้สร้างสรรค์ไทย และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เล่นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก และยังมีการจัดสัมมนา THACCA Launch in Cannes ณ เวที Panel ในตลาด Marché เพื่อเผยแพร่บทบาทของ THACCA ในการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์นโยบายด้าน Soft Power ของประเทศต่อผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ อันเป็นเวทีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตคอนเทนต์คุณภาพ ในช่วงท้ายของเทศกาลยังมีการจัด Thailand Reception ณ Thailand Pavilion เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงธุรกิจกับผู้ร่วมงานจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้แทนองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต 

“ในครั้งนี้นับเป็นข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยที่สร้างความภาคภูมิใจ คือ ภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” (A Useful Ghost) กำกับโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค หรือ “อุ้ย” ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในรอบ 10 ปี ที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมสายการประกวดนี้ โดยผลงานจากบริษัท 185 ฟิล์มส์ จำกัด เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production จากกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการขยายตลาดสู่ระดับนานาชาติอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของ Soft Power ไทยที่สามารถสร้างโอกาส สร้างชื่อเสียง และสร้างความภาคภูมิใจบนเวทีโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว 

ทั้งนี้  “A Useful Ghost” (ผีใช้ได้ค่ะ) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวเสียดสีสังคมที่กำกับโดย รัชภูมิ บุณยฤทธิ์โชค ได้รับการสนับสนุนในขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์จาก สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และได้รับการสนับสนุน ในขั้นตอนหลังการผลิต (Post-production) จาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ 

A Useful Ghost ได้รับเลือกให้ประกวดในสาย Critics' Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2025 (ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายในสาย Critics' Week ซึ่งมุ่งเน้นผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมผลิตระหว่างประเทศไทย, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร รวมทั้งได้รับทุนจาก Infocom Media Development Authority (IMDA) ของสิงคโปร์ และรางวัล Open Doors Award จากเทศกาลภาพยนตร์โลการ์โน A Useful Ghost ได้รับรางวัล Runner-up จากการประกวด SEAPITCH 2020 (Bangkok ASEAN Film Festival 2020 จัดโดยกองภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม

ใครที่กำลังมองหางานห้ามพลาด!!

ภายในงานมีตำแหน่งงานมากกว่า 5 แสนอัตรา จากผู้ประกอบการและระบบออนไลน์กว่า 173 บริษัท และตำแหน่งงานในต่างประเทศกว่า 1 แสนอัตรา จาก 16 บริษัทจัดหางาน จัดส่งโดยภาครัฐ

วันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 5 - 6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top