Sunday, 15 June 2025
Hard News Team

‘แอนนี่ บรู๊ค’ ย้อนเล่าเรื่องราวแห่งโอกาสในชีวิต หลังได้รับทุนเรียนต่อใน รร.เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) แอนนี่ บรู๊ค ดารานักแสดง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตว่า แอนเคยได้รับทุนจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ไม่ใช่แค่ทุนการศึกษา แต่คือแสงสว่างในอุโมงค์มืด ในวันที่โลกยังไม่เท่าเทียม และแอนโชคดีที่ได้อยู่ในแสงสว่างนั้น โอกาสนี้หล่อหลอมให้แอนเติบโตและเดินบนเส้นทางที่ควร

“ขอบคุณที่เคยเชื่อในเด็กคนหนึ่ง... ที่วันนี้ยังไม่ลืมคุณค่าของโอกาสนั้นเลยค่ะ”

แอนนี่ ยังบอกเพิ่มเติมว่า เดิมโรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่าโรงเรียนเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ท และได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ หรือ อร.  โดยแอนเป็นนักเรียนรุ่นที่ 1 รุ่นบุกเบิกโรงเรียน ผู้ดูแลเป็นมาเซอร์ อยู่ในศาสนาคริสต์คาทอลิก แต่ไม่ว่าจะศาสนาไหนทุกคนอยู่ที่นี่เท่าเทียมกันหมด

พร้อมทั้งได้ยกย่องครูที่นำทางแสงสว่าง มีชื่อว่า ครูสมัย วิไลศักดิ์ โดยครูเป็นคนไปขอแม่ว่าเด็กมันเรียนดีเป็นเด็กดี ครูขอนะ เพราะในตอนนั้นแม่กำลังจะส่งแอนไปทำงานเป็นแม่บ้านในกรุงเทพฯ ครูจึงบอกว่า ขอให้เด็กได้ไปเรียนต่อ 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ครูสมัยอยู่ไหน แต่หนูซาบซึ้งในพระคุณมากๆค่ะ”

 "สมาพันธ์ SME ไทย - สมาคมสำนักงานบัญชี ค้านแนวคิดเก็บ VATรายย่อยไม่ถึง 1.8 ล้าน/ปี"

(19 พ.ค. 68) จากกรณีที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เสนอแนวคิดให้กรมสรรพากรจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แบบเหมาจ่ายในอัตรา 1% กับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อขยายฐานภาษี คาดเก็บรายได้เพิ่มกว่า 4,000ล้านบาท/ปี ล่าสุด กลุ่มภาคธุรกิจรายเล็กไม่เห็นด้วย

ประธานสมาพันธ์ SME เตือน “ยังไม่ถึงเวลา เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น”

ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย แสดงจุดยืนคัดค้าน ชี้ว่า เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเปราะบาง หนี้ครัวเรือน-หนี้ภาคธุรกิจยังสูง SMEรายย่อยยังเข้าไม่ถึงแหล่งทุน การเพิ่มภาระภาษีจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
“การจะลดเกณฑ์ VATลง เท่ากับเปิดแนวรบใหม่ให้คนตัวเล็กต้องสู้โดยไม่มีอาวุธ”  
“รีดเลือดจากปู” สมาคมสำนักงานบัญชีชี้ภาระเกินแบก

คุณอัญชลี มณีท่าโพธิ์ นายกสมาคมสำนักงานบัญชีไทย กล่าวว่า การเก็บ VAT แบบเหมาจ่าย1% โดยไม่คำนึงถึงต้นทุน เป็นภาระหนักสำหรับธุรกิจรายย่อยที่ยังไม่ฟื้นตัว “ผู้ประกอบการรายเล็ก กำลังประสบปัญหาหนัก แต่ถ้าต้องมารับภาระ VAT เหมาจ่าย1%  เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล เป็นการรีดเลือดจากปูเพิ่มภาระความทุกข์ให้กับพวกเค้าอีก ...ขอถามว่า ถูกต้องแล้วหรือไม่

ข้อเสนอจากสมาพันธ์ SMEไทย
เพื่อสร้างสมดุลในการจัดเก็บรายได้ภาษี พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ สมาพันธ์ SMEไทย เสนอแนวทางดังนี้ :
    - ทบทวนแนวคิดจัดเก็บ Micro VAT อย่างรอบด้าน
    - เร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
    - ปิดช่องโหว่ “ทุนแฝง-นอมินีต่างชาติ” ด้วยกฎหมายที่เข้มงวด
    -     ดึงนักลงทุนต่างชาติที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมสร้างระบบกฎหมายที่เป็นธรรม
    -     จัดตั้งกองทุนสนับสนุนSME วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อเสริมธุรกิจรายเล็ก

ต้องการรายได้เพิ่ม รัฐควรเน้นโครงสร้าง ไม่ใช่ภาระคนตัวเล็ก
สมาพันธ์ SMEไทยและสมาคมสำนักงานบัญชีไทยย้ำว่า การขยายฐานภาษีควรพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ผลักภาระไปยังผู้ประกอบการรายเล็กที่ยังไม่พร้อมเดินหน้า
..........
Cr: สื่อสารองค์กร
สมาพันธ์SMEไทย

ทัพเรือภาคที่ 1 น้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “วันอาภากร องค์บิดาของทหารเรือไทย” วันที่ 19 พฤษภาคม 2568

🔹 พิธีวางพวงมาลา:
พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1/ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล เขตทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี

🔹 พิธีสักการะ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1:
พล.ร.ต.รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประกอบพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ องค์บิดาของทหารเรือไทย

🔹 พิธีสักการะ ณ ศาลพระตำหนัก:
น.อ.กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนทัพเรือภาคที่ 1 ประกอบพิธีสักการะ รวมถึงยิงสลุตถวาย ณ ศาลพระตำหนักพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง โดยมีคณะฝ่ายอำนวยการในทัพเรือภาคที่ 1 หัวหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ผู้บังคับการเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธี

✨ สำหรับวันที่ 19 พฤษภาคม “วันอาภากร”
เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” ซึ่งพระองค์เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยนั้น ปรากฏทั้งในด้านกิจการทหารเรือที่พระองค์ท่านทรงวางรากฐานไว้ และการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาช่วยเหลือรักษาผู้ตกทุกข์ได้ยากไม่เลือกชั้นวรรณะ จนเป็นที่เลื่องลือนับถือกันโดยทั่วไปในพระนามว่า “หมอพร” หรือ ที่ทหารเรือเรียกท่านว่า “เสด็จเตี่ย”

สมนึก เชื้อสนุก  รายงาน

‘วิว’ กุลวุฒิ ตั้งเป้าป้องกันแชมป์โลก หลังซิวแชมป์ไทยแลนด์ โอเพน สมัยที่ 2

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก เอาชนะ แอนเดอร์ส แอนทอนเซน มือ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก ไปอย่างสนุก 2-1 เกม 21-16, 17-21, 21-9 ในรอบชิงชนะเลิศแบดมินตันไทยแลนด์ โอเพน 2025 ที่อาคารนิมิบุตร คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 หลังเคยทำได้เมื่อปี 2023

แม้ก่อนหน้านี้วิวจะมีสถิติเป็นรอง โดยชนะคู่ปรับรายนี้เพียงครั้งเดียวจาก 7 หน และแพ้มาตลอด 4 เกมหลังสุด แต่ด้วยฟอร์มและเสียงเชียร์จากแฟนๆ เจ้าตัวสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ พร้อมรับเงินรางวัล 1,170,000 บาท และถือเป็นแชมป์รายการที่ 3 ของเจ้าตัวในปีนี้ ต่อจากอินโดนีเซีย มาสเตอร์ และแบดมินตันชิงแชมป์เอเชีย

เจ้าวิวเปิดเผยหลังจบเกมว่า แม้จะเป็นแมตช์ที่กดดัน แต่แรงเชียร์ของแฟนแบดฯ ไทย ช่วยเติมพลังให้สู้จนคว้าชัยได้ พร้อมตั้งเป้าสำคัญคือการป้องกันแชมป์โลกที่จะจัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ให้ได้อีกสมัย แม้รู้ดีว่าเป็นงานยากแต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

เชียงใหม่-AWC ขับเคลื่อนตามนโยบายจังหวดเชียงใหม่และ ททท. ร่วมสร้างเมืองท่องเที่ยวยั่งยืน  

พร้อมเปิด Plaii Ballroom ห้องบอลรูมอิมเมอร์ซีฟแห่งแรกของโลก  สร้างศูนย์กลาง Innovative MICE ภาคเหนือ เชื่อมโยงท่องเที่ยวด้วยโครงการ Chiang Mai Tram รถแทรมไฟฟ้าแรกของประเทศ ณ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ “Lannatique” 
    
เมื่อวันที่ (19 พ.ค.68) บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร พร้อมด้วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสาวเอิบลาบ ศรีภิรมย์ ร่วมเปิด “Plaii Ballroom” ห้องบอลรูมระบบอิมเมอร์ซีฟแห่งแรกของโลกภายในโรงแรม ที่เชื่อมกับพื้นที่ใหม่เพื่อการประชุมของโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล มาพร้อมห้องประชุมหลากหลายขนาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อรองรับกลุ่ม Innovation & Leisure MICE 

โดย AWC ได้ประกาศร่วมสนับสนุนนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืนของจังหวัดเชียงใหม่ และ ททท. สู่การเป็น Innovative and Sustainable Tourism ผ่านการพัฒนาโครงการ“Chiang Mai Tram by Lannatique” รถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยว เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชื่อดังของเชียงใหม่ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นตามจุดจอดตลอดเส้นทาง ร่วมส่งต่อรายได้สุทธิของบริการรถแทรมไฟฟ้าล้อยางกลับคืนสู่ชุมชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าพลิกโฉมย่านช้างคลานสู่ศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมระดับโลกในโครงการ “Lannatique” แลนด์มาร์กศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ผสานอัตลักษณ์ล้านนาและเครือข่ายนานาชาติเข้ากับศิลปะร่วมสมัยภายใต้แนวคิด “The Heart of Lanna Art Movement” ร่วมส่งเสริมคุณค่าท้องถิ่นไทยสู่เวทีโลก และขับเคลื่อนเชียงใหม่สู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดยเตรียมเปิดให้บริการเฟสแรกในปลายปี 2568 นี้ 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC มุ่งมั่นเดินหน้าตามนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่และ ททท. ร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนของเมืองเชียงใหม่ ด้วยรูปแบบ Innovative and Sustainable Tourism และ โมเดล ‘AWC’s Lifestyle Destination’ ที่โครงการ ‘Lannatique’ เชื่อมต่อ Innovative MICE Facility ของโรงแรมในกลุ่ม AWC คือโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ด้วยการเปิดห้องอิมเมอร์ซีฟบอลรูมแห่งแรกของโลก ‘Plaii Ballroom’  ต่อเนื่องห้องประชุมรูปแบบหลากหลาย รวมถึงอาคารประชุมขนาดใหญ่ของอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ Lifestyle MICE ของโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ พร้อมรองรับทุกการจัดกิจกรรมระดับเวิร์ดคลาส ต่อเนื่องถึงโครงการ ‘Lannatique’ และโครงการ ‘Chiang Mai Tram by Lannatique’ เพื่อเสริมการท่องเที่ยวผ่านการร่วมรวมพลังกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเชียงใหม่สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนเชิงสร้างสรรค์และการอนุรักษ์ระดับโลก”

ยกระดับศักยภาพกลุ่มนักเดินทาง Innovative & Leisure MICE ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมรองรับการจัดกิจกรรมระดับโลก AWC ยกระดับศักยภาพการรองรับกลุ่มนักเดินทาง MICE ด้วยการเปิด “Plaii Ballroom” ห้องบอลรูมระบบอิมเมอร์ซีฟแห่งแรกของโลกภายในโรงแรมที่โรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล โดดเด่นด้วยจอ LED จากพื้นถึงเพดานครอบคลุมผนังทั้ง 4 ด้าน รองรับการจัดงานแบบ Innovative ทุกรูปแบบได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงพื้นที่ใหม่เพื่อการประชุมที่มาพร้อมห้องประชุมหลากหลายขนาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้อง “Suthep Hall” ขนาดใหญ่รองรับผู้ร่วมงานกว่า 800 คน รวมถึงห้องคาราโอเกะ และกอล์ฟซิมมูเลเตอร์ เสริมศักยภาพโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ในการดึงดูดกลุ่มนักเดินทาง Innovative & Leisure MICE ระดับโลกเข้าสู่เชียงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเชื่อมต่อกับโครงการ “Lannatique” แลนด์มาร์กศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ของ AWC ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเชียงใหม่ในฐานะจุดหมายปลายทางการประชุมสัมมนาระดับโลก

“Lannatique” พลิกโฉมย่านช้างคลานสู่แลนด์มาร์กศิลปวัฒนธรรมระดับโลกใจกลางเชียงใหม่ สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งล้านนา สู่จุดหมายปลายทางแห่งคุณค่าและความสุขที่ยั่งยืน

AWC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการ “Lannatique” ให้เป็นไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์กระดับโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะแห่งใหม่บนย่านช้างคลาน ที่หลอมรวมวิถีชีวิตท้องถิ่นล้านนาและวัฒนธรรมร่วมสมัยเอาไว้ในพื้นที่เดียวกันภายใต้แนวคิด “The Heart of Lanna Art Movement” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของอารยธรรมล้านนาอันทรงคุณค่ายาวนานกว่า 700 ปี ออกมาในรูปแบบ “หมู่บ้านศิลปะร่วมสมัย” เชื่อมโยงมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับการสร้างสรรค์ในโลกปัจจุบันอย่างกลมกลืนผสานกับไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพระดับโลก ด้วยมูลค่าการลงทุนเพิ่มกว่า 8,500 ล้านบาท นับเป็นมูลค่าโครงการ “Lannatique” ทั้งหมดรวม 11,950 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 3 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ 

•    Lannatique Kalare ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 17,500 ตารางเมตร ถ่ายทอดเสน่ห์แห่งศิลปวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะสมัยใหม่ผ่าน 3 หมู่บ้านศิลป์

 ได้แก่ Thai Craftsmanship Village หมู่บ้านศิลปะไทยและหัตถกรรมทรงคุณค่า Cultural Village หมู่บ้านวัฒนธรรมหลากหลายของชาติพันธุ์ และ Creative Art Village หมู่บ้านสร้างสรรค์ศิลปะแบบใหม่ และพื้นที่ Experiential Shop

โดยจะเปิดให้บริการเฟสแรกในปี 2568 พร้อมปูรากฐานสู่การพัฒนาโรงแรมระดับโลกขนาด 55,000 ตารางเมตร ที่จะผสานกับ Attraction ระดับโลกขนาดใหญ่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 

•    Lannatique Bazaar ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 22,500 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด Contemporary Art กับพื้นที่ศิลปะร่วมสมัย รวมถึงโครงการโรงแรมที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร 

•    Lannatique Market ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 87,000 ตารางเมตร ที่อยู่ระหว่างการศึกษาภายใต้คอนเซ็ปต์ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืน

จับมือพันธมิตรชั้นนำ ร่วมมอบประสบการณ์ศิลปะร่วมสมัยในโครงการ Lannatique Kalare AWC เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงการ Lannatique Kalare ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับแนวหน้าของไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะ การแสดง และอาหาร เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างครบวงจร โดยเปิดพื้นที่ให้ศิลปิน ผู้ประกอบการ และชุมชนท้องถิ่นที่มีวิสัยทัศน์เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนและสร้างสรรค์ประสบการณ์พิเศษ เริ่มด้วยพันธมิตรชั้นนำที่จะส่งต่อคุณค่าของไทยสู่นักเดินทางจากทั่วโลก 
•    6ixcret Show โดยกันตภณ เนียมมณี นักออกแบบการแสดง เจ้าของผลงานสร้างสรรค์ในเชียงใหม่ และระดับประเทศ ร่วมกับทีมผู้บริหารและทีมงานผู้มีประสบการณ์จากเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งจะเข้าร่วมพัฒนาภายในโครงการ Lannatique Kalare เพื่อเปิดโรงละครภายใต้แบรนด์ STARGANZA LIVE นำเสนอการแสดง Cabaret Show ร่วมสมัยที่หลอมรวมศิลปะ แฟชั่น วัฒนธรรมล้านนาท้องถิ่น ถ่ายทอดออกมาในมิติที่ใหม่แบบอิมเมอร์ซีล้ำสมัย กล้าท้าทายและทรงพลัง พร้อมยกระดับการแสดงศิลปะในเชียงใหม่สู่มาตรฐานระดับสากล บนพื้นที่รวมมากกว่า 500 ตารางเมตร
•    ร้านเอกฉันท์ โดยเชฟเอก เอกพล พิชวงค์ ผู้สร้างสรรค์อาหารไทยท้องถิ่นชื่อดังจากมิชลินไกด์ในเชียงใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากแหล่งออร์แกนิกท้องถิ่นและรสชาติที่สะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิภาค เตรียมเปิดโมเดลใหม่ในโครงการ Lannatique Kalare ที่จะนำเสนออาหารไทยที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมผ่านวัตถุดิบพื้นถิ่นคุณภาพดี ถ่ายทอดรสชาติและเรื่องราวจากทุกภูมิภาคของประเทศในมิติใหม่ที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืน บนพื้นที่รวมมากกว่า 500 ตารางเมตร

“Chiang Mai Tram by Lannatique” เชื่อมเส้นทางวัฒนธรรมทั่วเมืองเชียงใหม่ผ่านโครงข่ายรถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ“Chiang Mai Tram by Lannatique” รถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยวแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Innovative and Sustainable Tourism เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ชื่อดัง รวมกว่า 40 แห่งตลอดสาย อาทิ ประตูท่าแพ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตลาดวโรรส คลองแม่ข่า โครงการ “Lannatique” พันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และโรงแรมในเครือ AWC เป็นต้น 

“Chiang Mai Tram by Lannatique” จะช่วยลดการปล่อยมลภาวะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยผู้ใช้บริการสามารถจอดรถส่วนตัวไว้บริเวณรอบนอก หรือในโครงการเครือ AWC แล้วเดินทางเข้าสู่เมืองด้วยรถแทรมไฟฟ้าล้อยางเพื่อลดการใช้พลังงานและการจราจรที่หนาแน่นในเขตเมือง โดยรายได้สุทธิจากโครงการ “Chiang Mai Tram by Lannatique” จะร่วมสนับสนุนกิจกรรมเพื่อชุมชนยั่งยืนให้จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป 

คุณค่าในทุกมิติ ด้วยการรวมพลังเพื่อความยั่งยืน
AWC มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งตามนโยบายความยั่งยืนของเมืองเชียงใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าองค์รวมในทุกมิติ และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ผ่านการลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์แผนการพัฒนาเมือง และขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของคนเชียงใหม่ให้เติบโตไปด้วยกัน สู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนแห่งความภาคภูมิใจของทั้งคนเชียงใหม่และประเทศไทยบนเวทีโลก
 

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำกองทัพไทยคุมเข้มชายแดน – ปกป้องอธิปไตยเต็มที่ กรณีทหารเขมรรุกเนิน 745

(19 พ.ค. 68) จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเข้าพื้นที่เนิน 745 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยมีลักษณะการสร้างฐานที่มั่น ขุดคูเลท และเสริมกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ทหารพรานกองกำลังสุรนารีได้เข้าตรวจสอบและพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา กระทั่งได้ข้อสรุปว่าทหารกัมพูชาจะยุติการขุดคูเลทและถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน พร้อมตกลงจะนัดพบในห้วงเวลาโดยไม่มีอาวุธ และมีการลาดตระเวนร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาบางส่วนยังคงอยู่ในพื้นที่ล้ำแดนบริเวณอื่นของช่องบกระยะห่างประมาณ 150 เมตร ซึ่งทหารไทยได้เจรจาเรียกร้องให้ถอยหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมสถานการณ์

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้ยังมีบางจุดที่เกิดความไม่เข้าใจกันซึ่งเป็นผลจากการใช้แผนที่คนละฉบับ แต่โดยรวมถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้ โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยยังคงลาดตระเวนตามปกติ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเป็นหลัก

ทั้งนี้ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ ได้มีข้อตกลงร่วมกันในหลักการ “ใครอยู่ตรงไหน ให้อยู่ตรงนั้น” หากจะมีการเคลื่อนไหวต้องแจ้งล่วงหน้าและพูดคุยกันก่อน พร้อมรอผลการดำเนินงานจากคณะอนุกรรมการปักปันเขตแดน

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะดูแลผลประโยชน์ของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างดีที่สุด พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศ ไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย

ปัจจุบันจุดที่มีความเสี่ยงและยังไม่มีการปักปันอย่างชัดเจน ได้มีการถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ส่วนจุดที่มีการประจำการตามปกติจะยังคงอยู่เช่นเดิม โดยยืนยันว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดจะยึดแนวทางสันติและการเจรจาเป็นหลัก

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ผู้ว่าฯ สงขลา พร้อม วปอ.66 สร้างสะพานบุญสู่ท้องถิ่น ร่วมทอดผ้าป่า-มอบทุนช่วยเด็กเปราะบาง พัฒนาวัดสุวรรณคีรี

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำคณะนักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 66 กลุ่มนกเค้าแมว จัดกิจกรรม CSR ณ วัดสุวรรณคีรี ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา โดยมีพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำรายได้ไปพัฒนาวัดและส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

ภายในงานมีการมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้กับนักเรียนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ รวมถึงการแจกเครื่องกรองน้ำ เสื้อกีฬา และเงินสงเคราะห์แก่เด็กในครอบครัวยากจน 30 ราย รวมเป็นเงิน 90,000 บาท โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่

สำหรับยอดเงินจากการทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ มียอดเบื้องต้นอยู่ที่ 322,375 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการบูรณะและพัฒนาสิ่งปลูกสร้างของวัดสุวรรณคีรี ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจและสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาในชุมชนต่อไป

ทั้งนี้ วัดสุวรรณคีรีเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวสงขลา ก่อตั้งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และยังคงเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นมาจนถึงปัจจุบัน

จับจริง! ปราบน้ำมันเถื่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติโชว์ผลปฏิบัติ 4 เดือน จับแล้วเกือบ 400 คดี

(19 พ.ค. 68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยในส่วนของการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ศปนม.ตร. มีผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2568 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 4 มิติหลักอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดังนี้

1. มิติการตรวจป้องกัน : ดำเนินการตรวจทั้งทางบกและทางน้ำรวม 4,642 ครั้ง มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ (4,400 ครั้ง) คิดเป็น 105.5% โดยตรวจทางบก 4,480 ครั้ง และทางน้ำ 162 ครั้ง

2. มิติการดำเนินคดี : สามารถจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 393 คดี แบ่งเป็นคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวน 166 คดี และคดีที่เปรียบเทียบปรับแล้ว 227 คดี รวมมีผู้ต้องหา 335 คน เป็นชาย 249 คน หญิง 106 คน ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาต่างชาติ 4 คน และเป็นนิติบุคคล 22 ราย

3. มิติของกลาง : ของกลางที่ยึดได้จากการดำเนินคดีมีปริมาณน้ำมันกว่า 832,000 ลิตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 24.9 ล้านบาท และก๊าซปิโตรเลียมเหลวกว่า 58,000 กิโลกรัม มูลค่าราว 2.1 ล้านบาท

4. มิติเงินค่าปรับ : จากคดีที่เปรียบเทียบปรับแล้ว 226 คดี ได้เงินค่าปรับรวมกว่า 4.3 ล้านบาท และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างสอบสวนอีก 166 คดี ซึ่งคาดว่าจะมีค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกหลังการดำเนินการเสร็จสิ้น

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงความจริงจังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการลดความเสียหายด้านพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ โดยหลังจากนี้จะมีการเร่งสืบสวนขยายผลไปถึงเครือข่ายผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเข้มข้น โดยไม่มีการละเว้นผู้กระทำผิดไม่ว่าเป็นใคร

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันสอดส่อง และแจ้งเบาะแส หากพบการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน หรือจำหน่ายก๊าซผิดกฎหมาย รวมถึงหากพบเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1599
เพื่อร่วมกันปกป้องความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

‘เท้ง’ แนะ!! ‘อิ๊งค์’ สิ่งที่ควรทำมากกว่า ไลฟ์สดขายทุเรียน คือต้องเปิดตลาดใหม่ อย่าพึ่งพิงแค่ตลาดจีน ประเทศเดียว

(18 พ.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไลฟ์ขายทุเรียน ที่จ.จันทบุรี เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า เรื่องทุเรียน คนนำเข้าหลักๆ คือประเทศจีน ซึ่งคู่แข่งที่สำคัญคือประเทศเวียดนาม

ดังนั้น ตอนนี้ถ้าเราดูสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนเกษตรกรในประเทศของเขา เขาพยายามที่จะมีเงินอุดหนุนให้เกษตรกรตามชนิดพืชที่ปลูกแล้วมีมูลค่ามากขึ้น พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนให้ไปปลูกทุเรียน เพื่อมาแข่งกับไทย

แต่เมื่อดูบริบทที่ประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นการยกระดับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่าที่ควร เกษตรกรอยู่รอดด้วยตัวเอง เพราะคนจีนชอบบริโภคและมองว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าทานแล้วดีต่อสุขภาพ

“ถ้าจะให้ผมเสนอแนะ สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่าการไลฟ์สด วัตถุประสงค์ของการไลฟ์สดคือช่วยขยายตลาด แต่ตลาดปัจจุบันเราส่งออกไปจีนโดยส่วนมากอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่า คือการเปิดตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดีย ก็มีประชากรเยอะ และเป็นประเทศที่บริโภคผลไม้อาหารต่างๆ ที่มีรสจัดอยู่แล้ว มองหาทางเลือกใหม่ๆ เป็นไปได้หรือไม่

อย่าไปพึ่งพิงที่ตลาดประเทศจีนประเทศเดียว เพราะเราเห็นผลกระทบที่ตามมา เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลจีนมีมาตรการในการกีดกันทุเรียนนำเข้า เราก็จะได้รับผลกระทบ เพราะเราพึ่งพาอยู่ตลาดเดียว ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น เราจะช่วยลดต้นทุนเกษตรกร เพิ่มผลผลิตต่อไร่แล้วต้องขยายตลาดออกไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ด้วย” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘กรณ์’ คาใจผู้ว่าฯ กทม. พยายามแก้ กม. เอื้อสร้างตึกสูง ลั่น!! อย่าเอาใจ ‘นายทุนอสังหาฯ’ ให้มากเกินไป

(18 พ.ค. 68) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

การทำงานของ กทม. แถวบ้านผม หลายวันที่ผ่านมา กทม. สร้างความประทับใจในการทำงานอยู่หลายงานครับ

1. ปรับปรุงกระจกจราจรในมุมอันตรายภายใน 2 วันจากที่ชาวบ้านแจ้งไปทาง  traffy fondue

2. มาลอกคลอง 2 วันก่อนฝนตกหนัก (โดยไม่มีใครร้องขอ) คลองนี้เป็นคลองระบายนํ้าสำคัญจากสาทรผ่านไปออกเจ้าพระยา และกลายวันที่ผ่านมาที่ฝนตกหนักมากนํ้าระบายออกอย่างดี

3. ซ่อมใหญ่ท่อระบายนํ้าในซอยเย็นอากาศ 3  ด้วยระบบการทำงานที่ดีมาก คือ ขุด-ปรับปรุงจนเสร็จทีละจุด ไล่ไปตามซอย ขณะนี้มาถึงท่อกลางซอย แต่ช่วงต้นซอยที่ขุดไปก่อนได้มีการปรับปรุงและซ่อมคืนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำงานเร็ว เท่าที่เห็น มีคนงานทำอยู่ทุกวัน

ผมไม่รู้จริงๆว่างานเหล่านี้สำนักงานเขต (ยานนาวา) เขาทำกันเอง หรือเป็นนโยบายหรือการกำกับของท่านผู้ว่าฯ แต่เมื่องานดี ผมขอชม เพราะพองานไม่ดี ทั้งผู้ว่าฯ (ทุกยุค) และเจ้าหน้าที่ กทม. จะมีคนพร้อมด่าเสมอ

อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ผมยังคาใจกับท่านผู้ว่าเสมอคือเรื่องความพยายามแก้กฎหมายเพื่อเอื้อการสร้างตึกสูง และเพื่อลบล้างความผิดที่สำเร็จแล้ว

กทม. หลายยยุคที่ผ่านมาปล่อยปละละเลยเรื่องการก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย บางครั้งศาลพิพากษาแล้ว แต่ กทม. ก็ไม่มีการดำเนินการตามคำสั่งศาล ประชาชนเสียเปรียบเพราะเมื่อสร้างไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

เรื่องงานจิปาถะสำคัญ แต่เรื่องผังเมือง เรื่องกฎหมาย และเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่เอาใจนายทุนอสังหาเกินไปก็สำคัญมากครับ หากผู้ว่ามีความชัดเจนเรื่องนี้จะดีมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top