Tuesday, 10 June 2025
Hard News Team

นครพนม​ -​ตชด.237 จับหนุ่มโพนสวรรค์ ใช้รถกระบะขนยาบ้า 3.1 ล้านเม็ด  

เมื่อวันที่ (22 พ.ค.68) ที่กองร้อย ตชด. 237 จ.นครพนม พล.ต.ต.ดร.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2  พ.อ. ศิวดล  ยาคล้าย ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และ พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชด.23 ร่วมแถลงข่าวเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 3,182,000 เม็ด และรถกระบะ 1 คัน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 21.00 น. ร.ต.อ.จรณ์ แก้วคำแสน หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว ร้อย ตชด.237 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบนำยาบ้าเข้ามาในพื้นที่ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2032 สายบ้านท่าดอกแก้ว - อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ใกล้หลักกิโลเมตรที่ 2-3 พบชายต้องสงสัยชื่อ นายเฉลิม (สงวนนามสกุล) อยู่บ้านโพนเจริญ หมู่ที่ 10 ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ขับรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน ฒห 9613 กรุงเทพมหานคร จึงได้ขออนุญาตตรวจค้นภายในรถยนต์ห่อพบยาบ้าจำนวน 1,591 มัดภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 3,182,000 เม็ด จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหานายเฉลิมว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีลักษณะการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘อธิการบดี’ ยืนยัน มธ. มีของเยอะ งานวิจัยและนวัตกรรมเพียบ อปท. ไหนต้องการให้ซัปพอร์ต-สนใจอยากนำไปต่อยอดรับมือสังคมสูงวัย

‘ธรรมศาสตร์’ ประกาศความพร้อมดูแลคนไทยในสังคมสูงวัย ด้วยการบูรณาการทรัพยากรจากหลากหลายคณะเป็น ONE TU เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนทางด้านบริการวิชาการ-บริการสังคม ‘อธิการบดี’ ยืนยัน มธ. มีของเยอะ งานวิจัยและนวัตกรรมเพียบ อปท. ไหนต้องการให้ซัปพอร์ต-สนใจอยากนำไปต่อยอด ให้ประสานเข้ามาพูดคุยกันผ่าน 4 ศูนย์ 'ท่าพระจันทร์-รังสิต-พัทยา-ลำปาง'

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประกาศความพร้อมในการเป็นกลไกสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดบริการดูแลประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์สังคมสูงวัย โดยเบื้องต้นหาก อปท. ใดต้องการการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ ตลอดจนหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรสุขภาพ สามารถเข้ามาพูดคุยหรือเข้ามาทำความร่วมมือกับ มธ. ได้ ผ่านทั้ง 4 ศูนย์ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ท่าพระจันทร์ พื้นที่ จ.ปทุมธานี ณ ศูนย์รังสิต พื้นที่ จ.ชลบุรี ณ ศูนย์พัทยา และพื้นที่ จ.ลำปาง ณ ศูนย์ลำปาง

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวว่า บทบาทสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันจะอยู่ที่ชุมชนและหน่วยบริการระดับปฐมภูมิเป็นหลัก ซึ่งเป็นแน่นอนว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ดูแลสุขภาพ (Caregiver) อปท. ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น กทม. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่รับการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มาบริหารจัดการ ตลอดจนองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล หากท้องถิ่นใดหรือหน่วยบริการใดต้องการการสนับสนุนทางวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ มธ.ยินดีสนับสนุน

“ผมอยากจะเรียนว่าธรรมศาสตร์มีของเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาเรามีการจัดบริการวิชาการ การจัดบริการสังคม การดูแลชุมชนผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งหากของของเราตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ก็อยากให้ท่านลองประสานเข้ามา” อธิการบดี มธ. กล่าว

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน มธ. มีงานวิจัยจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในระดับบุคลากร ระดับสังคม และระดับนโยบาย ซึ่งการจะแปลงงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงนั้น 1. ผู้ประกอบการจะต้องเห็นประโยชน์และมีการติดต่อขอนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการทำเป็นครั้งๆ และจบไป 2. การนำงานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะไปพัฒนาต่อ โดยกรณีนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เป็นผู้ที่มีทรัพยากรมากกว่า และกำหนดนโยบายในการสนับสนุนได้ 3. การที่ อปท. เห็นความสำคัญและต้องการนำงานวิจัยหรือนวัตกรรมไปใช้ดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยในส่วนนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก และอยู่ในวิสัยที่จะทำงานร่วมกันได้ทันที

“เรามีงานวิจัยและนวัตกรรม ทาง อปท. มีพันธกิจในการดูแลประชาชน ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องสร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างท้องถิ่นกับสถาบันการศึกษาให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้องค์ความรู้หรืองานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ถูกนำไปใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่จริงๆ” ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าว

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับ อปท. ทำได้ในหลายรูปแบบ ตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ธรรมศาสตร์จัดงานแสดงนวัตกรรมการป้องกันพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ เราก็ได้หารือกับ กทม.ว่า เรามีงานวิจัยและนวัตกรรมประมาณนี้ ถ้า กทม.สนใจเราพร้อมพัฒนาต่อให้ กทม.ก็สนใจและได้จัดสรรงบประมาณมา สุดท้ายงานนี้ก็ถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลผู้สูงอายุ กทม. เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของความร่วมมือที่เกิดขึ้นได้ทันที 

ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสังคมสูงวัยในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ที่สัดส่วนประชากรสูงวัยในประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดกันอย่างจริงจัง ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐบาลปัจจุบัน แต่ต้องแผนระยะยาวในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาเรามีการพูดกันถึงประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  คำถามคือในยุทธศาสตร์เรามีพูดเรื่องพวกนี้มากเพียงใด ถ้ายังไม่พูดก็ควรต้องพูดและต้องทำตามที่เขียนเอาไว้

‘กระติ๊บ ชวัลกร’ ปวดไส้ติ่งเฉียบพลันกลางดึกที่เซี่ยงไฮ้ เผยสุดประทับใจโรงพยาบาลรัฐจีน ถูก-ดี-เร็วเกินคาด

(23 พ.ค. 68) นักแสดงสาว 'กระติ๊บ ชวัลกร' เผยประสบการณ์เจ็บป่วยเฉียบพลันระหว่างท่องเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงกลางดึกจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พบเป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว

กระติ๊บเล่าว่า เดิมตั้งใจจะไปโรงพยาบาลเอกชน แต่คนขับแท็กซี่แนะนำให้ไปโรงพยาบาลรัฐแทน โดยมีเพื่อนชาวจีนช่วยแปลภาษา ผลการตรวจ CT Scan พบก้อนเล็กในไส้ติ่ง แพทย์ให้ยา กลับบ้านพร้อมยาฉีด โดยไม่ต้องผ่าตัดทันที

สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวประทับใจที่สุดคือ ค่ารักษาถูกเกินคาด ทั้งค่าซีทีสแกน ค่าหมอ ค่ายา รวมแล้วไม่ถึง 3,600 บาท เทียบกับประสบการณ์เดิมที่ญี่ปุ่นที่ต้องจ่ายหลายหมื่นบาทแต่รอนานและทรมาน

ทั้งนี้ หลังอาการดีขึ้น กระติ๊บกลับมาเที่ยวต่อ พร้อมยืนยันยาที่ได้รับเป็นตัวยาคุณภาพ และทิ้งท้ายว่า “เลิฟจีนไปเลย!” ขณะที่แฟนคลับร่วมส่งกำลังใจให้หายป่วยและเดินทางปลอดภัยตลอดทริป

BAFS เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ เตรียมส่งรถเติมน้ำมันประจำการสนามบินกัมพูชา

BAFS รุกตลาด SEA ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน นวัตกรรมฝีมือคนไทย เตรียมพร้อมประจำการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่กัมพูชา กลางปีนี้!!

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทบาฟส์ (BAFS Group) ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบ ผลิต และประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานรวมถึงรถให้บริการภาคพื้นภายในท่าอากาศยาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรและเทคนิคของ BAFS INTECH ผสานนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ากับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่น มีความทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยานในระดับภูมิภาค ล่าสุด เตรียมส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน Hydrant Dispenser รถให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นประเภท Mobile Refueling Cart รวมทั้งสิ้นจำนวน 7 คัน ให้กับบริษัท Phnom Penh Aviation Fuel Service Co., Ltd. (PPAFS) ในเดือนพฤษภาคม 2568 สำหรับให้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความเป็นผู้นำด้านบริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของ BAFS 

อุตสาหกรรมการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS INTECH เริ่มต้นจากองค์ความรู้และความชำนาญในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และจุดเด่นในการออกแบบและผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยสามารถเลือกขนาดและอัตราการไหล (Flow Rate) ของรถเติมน้ำมันอากาศยาน ให้รองรับกับขนาดและคุณสมบัติของเครื่องบินแต่ละประเภท รวมถึงสภาพแวดล้อมของท่าอากาศยานที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย และความเหมาะสมต่อการใช้งาน การันตีคุณภาพการผลิตที่สอดคล้องตามมาตรฐานการบริการน้ำมันอากาศยานระดับสากลของ Joint Inspection Group (JIG) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับระบบเติมน้ำมันอากาศยาน 

BAFS INTECH มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ให้สามารถตอบสนองต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยที่ผ่านมา BAFS INTECH เริ่มต้นจากการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานให้กับ BAFS และลูกค้าในประเทศไทย ก่อนจะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา BAFS INTECH ได้รับความไว้วางใจโดยได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบ และผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยาน รวมถึงรถให้บริการภาคพื้นอากาศยาน ให้กับลูกค้าในประเทศเมียนมา และ สปป. ลาว

“จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจให้บริการน้ำมันอากาศยานด้วยมาตรฐานสากลยาวนานกว่า 40 ปี และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการให้บริการภาคพื้นอากาศยาน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย การส่งมอบรถในครั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของ BAFS INTECH ในฐานะผู้นำในธุรกิจออกแบบและผลิตยานพาหนะภาคพื้นสำหรับท่าอากาศยาน สำหรับในปีนี้ เรายังมีรถที่อยู่ระหว่างการผลิตและรอการส่งมอบอีก 16 คัน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมียอดสั่งซื้อจำนวน 17 คัน นอกจากนี้ BAFS INTECH วางแผนการดำเนินธุรกิจ รุกสู่ลูกค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดขายในการผลิตรถสมรรถนะเยี่ยมที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเอเชีย ตั้งเป้าขยายตลาดสู่ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ภายใน 5 ปี”

สหรัฐฯ เล็งถอนทหาร 4,500 นายจากเกาหลีใต้ เตรียมย้ายกำลังพลรับมือจีนในอินโด-แปซิฟิก แทน

(23 พ.ค. 68) รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแผนถอนทหารสหรัฐฯ ราว 4,500 นาย จากกองกำลังสหรัฐฯ ประจำเกาหลีใต้ (USFK) ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 28,500 นาย โดยมีแนวโน้มย้ายไปประจำการในพื้นที่อื่นของอินโด-แปซิฟิก เช่น เกาะกวม ตามรายงานของ The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนนโยบายไม่เป็นทางการในการรับมือกับเกาหลีเหนือ แต่มีแนวโน้มสะท้อนยุทธศาสตร์ 'America First' ของทรัมป์ ซึ่งมุ่งลดภาระทางทหารในต่างประเทศและเพิ่มการแบ่งภาระจากพันธมิตร โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากจีน

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก และผู้บัญชาการ USFK แสดงความกังวลในวุฒิสภาว่า การถอนทหารจะเพิ่มความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะรุกราน และบั่นทอนบทบาทสำคัญของสหรัฐฯ ในการคานอำนาจรัสเซียและจีนในภูมิภาค

ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังไม่ได้ประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้อาจสร้างความกังวลในเกาหลีใต้ที่เป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงที่เกาหลีเหนือมีพัฒนาการด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ท่ามกลางความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น

‘ทรัมป์’ สั่งห้าม ‘ฮาร์วาร์ด’ รับนักศึกษาต่างชาติ บังคับผู้เรียนปัจจุบัน!..ต้องโอนย้ายมหาวิทยาลัย

(23 พ.ค. 68) รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่าฮาร์วาร์ดล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล ทั้งในเรื่องความรุนแรงบนมหาวิทยาลัย การแสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว และความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

คริสตี โนม รัฐมนตรีความมั่นคงฯ ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การรับนักศึกษาต่างชาติเป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่สิทธิที่มหาวิทยาลัยจะได้รับโดยอัตโนมัติ” โดยยืนยันว่าได้เพิกถอนการรับรองในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งหมายความว่าฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติใหม่ได้ และนักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ต้องหามหาวิทยาลัยใหม่

ฮาร์วาร์ดตอบโต้ว่า มาตรการของรัฐบาล 'ผิดกฎหมาย' และเป็นการ 'แก้แค้นทางการเมือง' พร้อมยืนยันจะต่อสู้เพื่อสิทธิของนักศึกษานานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในชุมชนมหาวิทยาลัย โดยฮาร์วาร์ดกำลังดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลกลางในข้อหาใช้อำนาจเกินขอบเขตและละเมิดรัฐธรรมนูญ

การยกระดับมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนแนวคิดต่อต้านอิสราเอลและรัฐบาลทรัมป์ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตัดงบประมาณสนับสนุนสถาบันการศึกษาไปแล้วกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรงต่อฮาร์วาร์ดในอนาคตอันใกล้

บึงกาฬ ทหารเรือ นรข.ร่วมหน่วยความมั่นคงแถลงตรวจยึดยาไอซ์เกรดเอ 344 กก. มูลค่า 344 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ (22 พ.ค. 68) ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ของกลางยาไอซ์ รถยนต์ 1 คัน พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ แก้วสมนึก รองผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.บึงกาฬ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนตำรวจตชด.244 พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.หน.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ ทหารพราน2108 ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ 

ทั้งนี้เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายข่าวรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขง ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด ระหว่างหนองเดิ่นท่า-บ้านห้วยเล็บมือ-บ้านภูสวาท ต.หนองเดิ่น ไปจนถึงแยกโรงพยาบาลบุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ นอกจากนั้นยังมีการชุดสนับสนุนให้อยู่ที่ตั้ง 

ขณะที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่ริมโขงบริเวณพื้นที่บ้านหนองเดิ่นท่า ติดริมแม่น้ำโขง ได้ตรวจพบรถเก๋งต้องสงสัยจอดอยู่ชุดปฏิบัติติการเฝ้าตรวจได้ประสานไปยังชุดสนับสนุนให้เฝ้าติดตามรถเก๋งคันดังกล่าว กระทั่งชุดเฝ้าตรวจสะกดรอยติดตามมาเรื่อย ๆ จนมาถึงถนนทางหมายเลข 212 บึงกาฬ-นครพนม ช่วงโรงพยาบาลบุ่งคล้า ทำการส่งสัญญาณเพื่อให้รถคันดังกล่าวให้หยุดรถขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฎว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเร่งเครื่องยนต์ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงขับไล่ตาม กระทั่งรถเก๋งดังกล่าวเสียหลักลงข้างทาง ถึงได้ไปควบคุมตัวตรวจค้นภายในรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า CRV สีบรอน-เทา ทะเบียน ขต.3323 อุดรธานี ภายในรถพบของกลางยาไอซ์ จำนวน 9 กระสอบ กระสอบเล็ก 2 กระสอบ กระสอบใหญ่ 7 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ทราบชื่อนายประดิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี จึงทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว และจับกุมผู้ต้องหามาทำบันทึกที่ สถานีเรือบึงกาฬ ก่อนนำตัวส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ทั้งหมด นำส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเปิดแผนปฏิบัติการของรัฐบาลในการ ซิล สต๊อป เซฟ และนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้ นรข.ได้ร่วมบูรณาการกับหน่อยความมั่นคงในพื้นที่ในการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของประเทศ เป็นความพยายามที่ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนในการจับกุมครั้งนี้ด้วยการบูรณาการอย่างแท้จริง ทำให้สถานีเรือบึงกาฬสามารถทำการตรวจยึดจับกุมได้ประสบความสำเร็จ ไม่มีความสูญเสีย จากแหล่งข่าวที่เราได้รับ และเฝ้าติดตาม โดยเราเฝ้าติดตามตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้เราจับยาบ้าได้ครั้งที่ผ่านมา และจับยาไอซ์ได้ในครั้งนี้ 

ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกัน และช่วยสกัดกั้นยาเสพติดที่มีปริมาณมูลค่าค่อนข้างสูง จากการตรวจสอบจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่า ปริมาณค่อนข้างบริสุทธิ์ เมื่อออกจำหน่ายจะมีราคากิโลกรัมละ 1,000,000 บาท รวมทั้งสิ้นที่เราสามารถตรวจยึด มูลค่ากว่า 344 ล้านบาท ผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้าง 50,000 บาท หากงานสำเร็จถึงที่หมายคือ จังหวัดหนองคาย จึงต้องขอขอบคุณกำลังพลสถานีเรือบึงกาฬที่ร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่เพื่อประเทศ เพื่อกองทัพเรือ เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ให้ยาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน และต้องขอขอบคุณทุกหน่วยที่ร่วมบูรณาการกันจับกุมในครั้งนี้ และในครั้งต่อ ๆ ไป จะได้ร่วมกันทำงานลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป เชื่อว่า หากทุกคนร่วมมือกันอย่างจริงจัง การสกัดกั้นและปราบปราม ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพเหมือนครั้งนี้

ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนเยี่ยมพื้นที่ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจ

วันที่ 21–22 พฤษภาคม 2568 ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากหลากหลายสำนัก เพื่อร่วมเผยแพร่ภารกิจของกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือสู่สาธารณชน

📍 กิจกรรมวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
•เยี่ยมชมเรืออเนกประสงค์ลองใหญ่ ณ อำเภอคลองใหญ่
•เข้าเยี่ยมชมและรับฟังภารกิจจากหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.เกาะกูล)
•ชมการสาธิตการปฏิบัติการทางทหาร และสำรวจภูมิประเทศ 
•รับฟังบรรยายสรุปภารกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของกองทัพเรือ

📍 กิจกรรมวันที่ 22 พฤษภาคม 2568
•ติดตามภารกิจของชุดเฝ้าตรวจจากกองพันทหารราบ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (พัน.ร.ฉก.นย.ตราด) ในด้านความมั่นคง
•ร่วมกิจกรรม CSR ณ โรงเรียนบ้านอ่าวพร้าว โดยมอบอุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้กับนักเรียน
•เยี่ยมชมฐานตราด ทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมรับฟังการบรรยายจากหน่วยต่าง ๆ
•ทำข่าวและร่วมชมการสาธิตภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

โดยมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ให้เกียรติร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน

กิจกรรมตลอด 2 วันนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของกองทัพเรือในการดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ แต่ยังแสดงถึงความตั้งใจในการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือและสื่อมวลชน

เอกอัครราชทูตจีนเยี่ยมสวนทุเรียนระยอง หนุนความร่วมมือการค้าผลไม้ไทย-จีน

เมื่อวันที่ (19 พ.ค.68) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง เดินทางเยี่ยมชมสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง พร้อมสำรวจการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการส่งออกทุเรียน โดยได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเกษตรกรและเจ้าของสวนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

เอกอัครราชทูตหานกล่าวว่า ทุเรียนไทยได้รับความนิยมอย่างมากในจีน โดยปีที่ผ่านมา ร้อยละ 85 ของทุเรียนไทยส่งออกไปยังจีน ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น ปัจจุบัน จีนได้เปิดด่านศุลกากรตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าทุเรียนไทยให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันความตั้งใจในการขยายความร่วมมือทางการค้ากับไทยต่อไป

ด้านเกษตรกรระบุว่า ปีนี้ผลผลิตทุเรียนออกมามากและราคารับซื้อสูงถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม โดยทุเรียนที่เก็บเกี่ยวถูกส่งออกไปยังจีนทันที ผ่านระบบขนส่งทั้งรถไฟ ถนน และทางน้ำ ซึ่งสามารถถึงปลายทางได้ในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมขอบคุณรัฐบาลจีนสำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ทำให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

‘ยิ่งลักษณ์’ ยืนยันจำนำข้าวตั้งใจช่วยชาวนา แต่ต้องรับกรรม…หนี้หมื่นล้านชดใช้จนวันตาย

(22 พ.ค. 68) จากกรณีศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท ชี้พฤติการณ์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง

ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียในวันครบรอบ 11 ปีรัฐประหาร แสดงความเสียใจและไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ที่ตัดสินให้เธอต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาทจากโครงการระบายข้าว ทั้งที่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีโดยตรง และก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางเคยวินิจฉัยว่าเธอไม่ต้องชดใช้

อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่า ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร เธอถูกกล่าวหาว่าละเลยการกำกับดูแล แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการระบายข้าวโดยตรง โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่มีเจตนาช่วยเหลือชาวนาให้มีรายได้และชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พร้อมตั้งคำถามถึงความยุติธรรม หากผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งยังถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

เธอกล่าวด้วยว่า “หนี้ 10,000 ล้านบาท ชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด” พร้อมสะท้อนว่าการทุ่มเททำงาน ท่ามกลางแรงเสียดทานทั้งทางการเมืองและด้านอื่น ๆ เพื่อค้ำยันราคาข้าวให้มีเสถียรภาพ สร้างโอกาสให้ชาวนามีชีวิตที่ดีขึ้น กลับจบลงด้วยบทสรุปที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับตนเอง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงความไม่คืบหน้าในการตรวจสอบการขายข้าวหลังรัฐประหาร ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายนับแสนล้านบาท โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ พร้อมย้ำว่า ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา เธอเผชิญกับการยึดอำนาจ คดีความ และการยึดทรัพย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมจนถึงที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top