Tuesday, 10 June 2025
Hard News Team

ทรูยอมรับสัญญาณขัดข้อง แจ้งชดเชยผ่าน SMS กสทช. จี้มาตรฐานบริการ เตือนอาจมีบทลงโทษ

(22 พ.ค. 68) ภายหลังผู้ใช้บริการเครือข่ายทรู (True) ทั่วประเทศประสบปัญหาสัญญาณมือถือและอินเทอร์เน็ตล่มนานหลายชั่วโมง ส่งผลกระทบต่อการติดต่อสื่อสารและการดำเนินธุรกิจอย่างกว้างขวาง กสทช. ได้เรียกผู้บริหารของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) เข้าชี้แจงโดยด่วน พร้อมสั่งให้รายงานสาเหตุปัญหาและมาตรการเยียวยาผู้ใช้ภายในวันเดียวกัน

ทรูประกาศขออภัยลูกค้า พร้อมแจ้งว่าบริการวอยซ์และดาต้ากลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วทั่วประเทศ พร้อมเตรียมส่ง SMS แจ้งรายละเอียดการชดเชยให้ลูกค้าระบบรายเดือนและเติมเงินที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ กสทช. สั่งกำชับให้บริษัทเร่งตรวจสอบและพัฒนาระบบเครือข่ายให้มีความเสถียร พร้อมเตือนว่าหากเกิดเหตุซ้ำอีกจะพิจารณาบทลงโทษขั้นต่อไป

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะผู้บริหารทรูได้เข้าพบ กสทช. เพื่อรายงานแผนป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะนี้เกิดซ้ำ และแสดงความพร้อมในการเยียวยาผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุขัดข้องในครั้งนี้

'ดร.อานนท์' เผยเหตุผลทำไมต้องแก้ไข พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

(22 พ.ค 68) รศ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล (Citizen data sciences) คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไมจึงต้องแก้ไขพรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในปี ๒๕๖๘" มีเนื้อหาดังนี้

สำนักงานพระคลังข้างที่ กลายเป็นหน่วยงานเล็กๆ ในสังกัดสำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง หลังจากมีการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ตาม พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๔๙๑ และแม้จะมีการแก้ไข พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ อีกครั้งใน พ.ศ. ๒๕๖๑ แต่สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวังก็ยังคงอยู่ เป็นสำนักงานเล็ก ๆ มาโดยตลอด โดยมีภาระหน้าที่ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ดังนี้

หนึ่ง ทำหน้าที่ดูแลการจ่ายเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ เงินปีเป็นเงินที่แต่เดิมรัฐบาลจัดถวายให้พระมหากษัตริย์พระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปได้รับพระราชทานไปใช้เป็นการส่วนพระองค์ของเจ้านายแต่ละพระองค์ และรัฐบาลก็ถวายพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ไม่ทรงรับเงินปีจากรัฐบาล พระราชทานคืนกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังทั้งหมด ต่อมาไม่ทรงรับเงินปีที่รัฐบาลจัดถวายเพื่อให้พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงส่งคืนกรมบัญชีกลางเช่นกัน และทรงใช้เงินส่วนพระองค์พระราชทานเงินปีให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์แทน โปรดอ่านได้จากบทความ เงินปี งบประมาณประจำปี และเงินรายปีวาทกรรมประดิษฐ์บิดเบือนเป็นเท็จใส่ร้ายป้ายสีสถาบันฯ https://mgronline.com/daily/detail/9640000089488

สอง สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินและเก็บผลประโยชน์ เช่น ค่าเช่า ของพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์

จะเห็นได้ว่าภาระหน้าที่ของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวังมีไม่มากนัก เพราะได้ถ่ายโอนไปที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไปจนหมดแล้ว นับแต่ พ.ศ. ๒๔๙๑

เมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๕ แล้ว สำนักพระราชวัง ก็ย้ายมาสังกัดหน่วยราชการในพระองค์ สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ย้ายไปสังกัดกรมบังคับการสำนักพระราชวัง จนกระทั่งในปัจจุบัน

จนกระทั่งหากร่าง พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2568 ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และกำลังจะนำไปสู่การลงมติของรัฐสภา และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงดังแสดงในแผนภาพด้านล่างนี้ ดังนี้

หนึ่ง มีการโอน สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ไปสังกัดสำนักงานพระคลังข้างที่ที่เปลี่ยนชื่อมาจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

สอง เปลี่ยนการเรียกชื่อตำแหน่ง จากคณะกรรมการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไปเป็น คณะกรรมการพระคลังข้างที่ และผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไปเป็นผู้อำนวยการพระคลังข้างที่

แต่กลับเกิดการโจมตีของมีความคิดเห็นอันเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จากต่างแดน เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ว่านี่คือการกลับไปสู่ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างแท้จริง

ประการแรก ตามทฤษฎีองค์การ (Organizational theories) ยังไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ (Organizational structure) กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (Political regime) ไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหาร (Management system) อะไรไปมากเลย กลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปได้ช่างเป็นตรรกะวิบัติ (Logical fallacy) ของนักวิชาเกินโดยแท้

ประการสอง ทรัพย์สินในพระองค์ กับ ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ยังคงแยกออกจากกันอย่างชัดเจน อันเป็นไปตาม พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๑ เช่นเดิม ทั้งนี้ทรัพย์สินในพระองค์ เป็นทรัพย์สินของราชสกุลมหิดล นับตั้งแต่ก่อนครองสิริราชสมบัติ เดิมมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ตั้งอยู่ในวังสระปทุม แต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าเป็นการจัดโครงสร้างองค์การที่ซับซ้อน เพราะมีคณะกรรมการชุดเดียวกัน ควรนำมารวมหน่วยงานกันเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดการมากขึ้น แต่ยังแยกออกจากทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ อันเป็นทรัพย์สินที่จะตกทอดต่อไปยังพระมหากษัตริย์ในภายภาคหน้าให้สามารถทรงใช้เพื่อบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทำนุบำรุงแผ่นดินได้สืบไป

ประการสาม การเปลี่ยนชื่อกลับไปใช้คำโบราณ อันเป็นคำที่เรียกมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเก็บเงินที่ทรงค้าสำเภาได้ไว้ในถุงแดง ข้างพระแท่นที่บรรทม จึงทรงเรียกว่าพระคลังข้างที่ การกลับไปใช้คำโบราณ อันเป็นคำเก่าเฉย ๆ ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (Political regime) ได้แต่ประการใด ไม่ทราบว่าคนพวกนี้ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กันมาได้อย่างไร

อันที่จริงร่าง พรบ. ฉบับนี้ก็ได้เขียนเหตุผลในการตรากฎหมายไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า โดยที่พระคลังข้างที่เป็นหน่วยงานที่มีภาระหน้าที่ในการจัดการดูแลพระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์มาแต่โบราณกาล ซึ่งต่อมาได้มีการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เพื่อทำหน้าที่แทน เพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี จึงสมควรเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่ และสมควรรวมกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานพระคลังข้างที่เดิมเข้ามาบริหารจัดการโดยสำนักงานพระคลังข้างที่ตามพระราชบัญญัตินี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ประการที่สี่ การรวมกิจการของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวังเดิม มาสังกัดสำนักงานพระคลังข้างที่ที่เปลี่ยนชื่อจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นั้นเป็นการถูกต้องตามหลักการทางการจัดการการเงิน เพราะสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เดิม มีความชำนาญ (Specialization) ในการจัดการทรัพย์สินมากกว่า มีบุคลากรพร้อมกว่า อันน่าจะตอบโจทย์ในภารกิจที่สองของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง (เดิม) ได้ดีมีประสิทธิภาพกว่า

นอกจากนี้ในเชิงการบัญชีและการเงิน การจ่ายเบี้ยหวัดเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นการใช้จ่ายเงินส่วนพระองค์ อันน่าจะเกิดจากผลประโยชน์งอกเงยของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่บริหารการเงินและทำบัญชีโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (เดิมอยู่แล้ว) ย่อมทำให้ลดขั้นตอนในการทำงาน ทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องโอนเงินไปมาข้ามหน่วยงานอีกต่อไป ทำให้น่าจะตอบสนองต่อภารกิจในการจ่ายเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะน่าจะลดขั้นตอนในการโอนเงินระหว่างหน่วยงานได้

ประการที่ห้า การเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงค้าสำเภาได้กำไรเป็นเงินตราต่างประเทศ เหรียญทองปีกนกเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก แล้วทรงใส่ไว้ในถุงผ้าสีแดง ไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม จงทรงเรียกว่าพระคลังข้างที่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เงินถุงแดงนี้ในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองเมื่อคราววิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไปเป็นสำนักงานพระคลังข้างที่อันเป็นคำที่ใช้มาแต่โบราณ จึงมีนัยยะที่มีพระราชประสงค์ถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยอีกประการหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้จึงมิใช่การเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณีแต่ประการเดียว และไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใด ๆ ทั้งสิ้นด้วย

ส.วิศวกรฯ ผ่า 4 ปมเหตุอาคาร สตง. ถล่ม จี้สอบวิศวกร–ปรับกฎหมาย สกัดโศกนาฏกรรมซ้ำ

(22 พ.ค. 68) จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ในเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ส่งผลให้อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย เบื้องต้นพบจุดเริ่มต้นถล่มน่าจะมาจากผนังปล่องลิฟต์ ซึ่งดึงให้โครงสร้างอื่นถล่มตาม ยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง

นายอมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ ระบุว่า มี 4 ปัจจัยที่ต้องตรวจสอบ ได้แก่ ความแรงของแผ่นดินไหว การออกแบบ การก่อสร้าง และคุณภาพวัสดุ โดยต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านนิติวิศวกรรม พร้อมเก็บหลักฐาน วิเคราะห์โครงสร้าง และเปิดเผยผลต่อสาธารณะ

อีกทั้ง เรียกร้องให้สภาวิศวกรดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทันที หากพบความผิด เช่น การปลอมลายมือชื่อ หรือวิศวกรไร้คุณสมบัติ โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน พร้อมเสนอเปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อวางแนวปฏิบัติอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ มีข้อเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.วิศวกร, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร, พ.ร.บ.การผังเมือง ฯลฯ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการออกแบบ-ก่อสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว และสร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใสครอบคลุมทุกขั้นตอน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรับมอบเงินสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2568 พร้อมมอบรางวัลให้กับทีมสืบสวนดีเด่น และทีมคิดหุ่นตำรวจอัจฉริยะ 'AI Police Cyborg 1.0'

เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , จเรตำรวจแห่งชาติ , ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้
1. กำชับให้ทุกหน่วยขับเคลื่อนและดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ หนี้นอกระบบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย อาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา พืชกระท่อมที่ผิดกฎหมาย อย่างเด็ดขาดและจริงจัง ทุกหน่วยจะต้องร่วมกันดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตรวจสอบและประเมินผลได้ โดยให้ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ยึดถือปฏิบัติ และให้ทุกหน่วยนำมาใช้เป็นข้อมูลในการบริหารงานบุคคลทุกระดับต่อไป

2. กำชับให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานีตำรวจ ห้ามมิให้ไปช่วยราชการในหน้าที่อื่นโดยเด็ดขาด เพราะอาจขัดต่อกฎหมายตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานีตำรวจ หากกำลังพลไม่เพียงพอให้บริหารจัดการกำลังพลในระดับกองบังคับการ หากมีความจำเป็นหรือไม่เพียงพอให้กองบัญชาการพิจารณาดำเนินการ

3. กรณีพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พบการก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศปก.ตร.สน.จะต้องปรับแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การสืบสวนก่อน ขณะ และหลังเกิดเหตุ ทำรายงานการสืบสวนโดยละเอียด ขยายผลไปยังตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ถือความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นสำคัญ จะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่เจ้าหน้าที่ในการทำงานและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด

4. กำชับให้ทุกหน่วยเสริมสร้างความสามัคคีภายในหน่วย ให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลควบคุมการทำงานภายในหน่วย เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำหน้าที่และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดโครงการ/กิจกรรมเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการทำงาน ความร่วมมือภายในหน่อย ที่สอดคล้องกับภารกิจของหน่วย

ทั้งนี้ ก่อนการประชุมบริหาร ตร. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เป็นประธานพิธีมอบเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2568 , พิธีมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปื่น และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และพิธีมอบรางวัลให้กับโครงการยกระดับมาตรฐานงานสืบสวน ป้องกันปราบปรามและความปลอดภัยสาธารณะ ด้วยเทคโนโลยีระบบหุ่นตำรวจอัจฉริยะ “AI Police Cyborg 1.0”

สำหรับพิธีมอบเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2568 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานรับมอบเงินสนับสนุนจากหน่วยงานหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณอาภิพร ชูวงศ์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , คุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคุณศิริเพ็ญ ตั้งทวีสุโข นวลมา กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ , คุณชนาพร ไกรทอง , คุณลภัทธิตา จินตกานนท์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ , คุณมนสิการ สำราญสำรวจกิจ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมพิธี โดยรับมอบจากผู้สนับสนุนจำนวน 4 หน่วยงาน ได้แก่ 

- เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย คุณภัคพล งามลักษณ์ ประธานคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการเครือเจริญโภคภัณฑ์ มอบทุนการศึกษาให้กับบุตรข้าราชการตำรวจ จำนวน 10,000,000 บาท และเงินสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ จำนวน 2,000,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 12,000,000 บาท 

- มูลนิธิมาดามแป้ง โดย พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองมูลนิธิมาดามแป้ง ลำดับที่ 1 มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อโครงการทุนการศึกษาบุตรข้าราชการตำรวจ

- บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) โดย คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล , คุณชูศักดิ์ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ คุณเพ็ญจันทร์ ยงวงศ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” ด้านตำรวจทุพพลภาพ

- บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด โดย คุณวิทยา พานิชตระกูล กรรมการบริหาร และ คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” ด้านเด็กพิเศษ

โดยสมาคมแม่บ้านตำรวจจะนำเงินสนับสนุนดังกล่าวไปดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของผู้สนับสนุน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการให้ความช่วยเหลือ พัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวต่อไป

พิธีมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปื่น และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน  
- กลุ่มการปฏิบัติที่ 1 : ดีเด่นอันดับ 1 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 3 , ดีเด่นอันดับที่ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5 , ดีเด่นอันดับที่ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 4 และหน่วยที่มีผลการปฏิบัติดี จำนวน 8 หน่วย ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 7 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 8 , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 2 , ตำรวจภูธรภาค 6 และตำรวจภูธรภาค 9
- กลุ่มปฏิบัติการที่ 2 : ดีเด่นอันดับที่ 1 ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยที่มีผลการปฏิบัติดี จำนวน 4 หน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

พิธีมอบรางวัลให้กับโครงการยกระดับมาตรฐานงานสืบสวน ป้องกันปราบปรามและความปลอดภัยสาธารณะ ด้วยเทคโนโลยีระบบหุ่นตำรวจอัจฉริยะ “AI Police Cyborg 1.0” หรือ พ.ต.อ.นครปฐม ปลอดภัย หุ่นกล้อง AI อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับสภาพการจราจร ตรวจสอบใบหน้าบุคคลเชื่อมข้อมูลกับฐานข้อมูลหมายจับ รวมถึงการทำงานเพิ่มประสิทธิภาพของตำรวจ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้พัฒนางานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยการแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน โดยตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้ร่วมกับหลายภาคส่วน พัฒนาระบบหุ่นตำรวจอัจฉริยะ “AI Police Cyborg 1.0” ซึ่งเป็นระบบ Face Recognition เพื่อพิสูจน์ทราบบุคคลตามหมายจับจากฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งจนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ 20 หมาย นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ มีข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับมอบรางวัลจำนวน 13 นาย นำโดย พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

‘ทรัมป์’ เปิดคลิปฟาดใส่ผู้นำแอฟริกาใต้ กล่าวหา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนขาว” กลางวงหารือ

(22 พ.ค. 68) เกิดเหตุเผชิญหน้าสุดตึงเครียดในห้องรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดวิดีโอที่อ้างว่าแสดงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาวในแอฟริกาใต้ต่อหน้าประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างความงุนงงและอึดอัดให้กับผู้นำแอฟริกันอย่างเห็นได้ชัด

วิดีโอที่ฉายแสดงภาพไม้กางเขนสีขาว และคำพูดปลุกระดมจากนักการเมืองฝ่ายค้านในแอฟริกาใต้ ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าคือหลักฐานของความรุนแรงที่รัฐเพิกเฉย พร้อมระบุว่าคนกลุ่มนี้ควรถูกจับกุม โดยการกระทำครั้งนี้ซ้ำรอยการหักหน้าผู้นำยูเครนเมื่อต้นปี สะท้อนถึงพฤติกรรมที่สร้างความลำบากใจให้ผู้นำต่างชาติที่มาเยือน

รามาโฟซาตอบโต้ด้วยความสุภาพ แต่ชัดเจน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และย้ำว่าไม่เคยเห็นคลิปนี้มาก่อน พร้อมชี้ว่า หากมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริง นักกอล์ฟและนักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวที่ร่วมเดินทางมากับเขาคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ท่าทีดังกล่าวกลับยิ่งกระตุ้นให้ทรัมป์โต้กลับอย่างเผ็ดร้อน พร้อมโชว์เอกสารบทความสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

นอกจากนี้ รามาโฟซายังระบุว่า ปัญหาอาชญากรรมในแอฟริกาใต้มีอยู่จริง แต่เหยื่อส่วนใหญ่กลับเป็นประชาชนผิวดำ ไม่ใช่เฉพาะชาวไร่ผิวขาวดังที่ทรัมป์กล่าว ขณะที่บรรยากาศการประชุมกลับตึงเครียดยิ่งขึ้น เมื่อทรัมป์แทรกขึ้นว่า “ชาวนาไม่ใช่คนผิวดำ” ก่อนที่ผู้นำแอฟริกาจะตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เรายินดีจะพูดคุยกับคุณในเรื่องนี้”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เหตุการณ์นี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้นำชาติอื่น ๆ ที่กำลังพิจารณารับคำเชิญเยือนสหรัฐฯ ในสมัยทรัมป์ เนื่องจากเสี่ยงต่อการถูก “ทำให้อับอาย” ต่อหน้าสาธารณะและสื่อมวลชน ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับแอฟริกาใต้ก็ดูจะห่างเหินยิ่งขึ้น

สตม.รวบผู้ต้องหาเอี่ยวพนันออนไลน์ ก่อนเผ่นออกนอกประเทศ

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ บก.ตม.2 เข้มงวดกวดขันและตรวจสอบความปลอดภัยให้คนที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.68) เวลาประมาณ 15.50 น. กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับการประสานจาก กก.2 บก.สอท.3 ว่า นางสาวรัชนีวรรณ อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในความผิดฐาน "ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" ทาง กก.2 บก.สอท.3 ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหากว่า 10 ล้านบาท โดยได้รับแจ้งว่าบุคคลดังกล่าวจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน CATHAY PACIFIC เที่ยวบินที่ CX706 เส้นทาง BKK - HKG ในวันเดียวกัน และขอให้ดำเนินการติดตามจับกุม รวมถึงบันทึกข้อมูลในระบบสารสนเทศ สตม.

ชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์และตรวจสอบตามช่องทางบริเวณพื้นที่ฝ่าย ตม.ขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมือง  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ได้พบนางสาวรัชนีวรรณ  ณ บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะกำลังจะผ่านการตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนและแสดงหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบเบื้องต้น จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว การจับกุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรง และได้นำตัวผู้ถูกจับส่ง กก.2 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'บิ๊กอู๊ด' โพสต์ถึง 'เสก โลโซ' ยกย่องลูกผู้ชาย กล้าทำ-กล้ายอมรับ แม้สนิทแต่ทำผิดก็ต้องจับ

‘บิ๊กอู๊ด’ อดีตตำรวจคนดังมือจับผู้พันตึ๋งโพสต์ถึง ‘เสก โลโซ’ ถือเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำ กล้ายอมรับ และสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป แต่หน้าที่พี่ต้องทำ น้องทำผิดพี่ก็ต้องจับ

เมื่อวันที่ (21 พ.ค. 68) พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง อดีต ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะ รองนายกสมาคมตำรวจ โพสต์ถึง ‘เสก โลโซ’ ว่า ในฐานะที่เรารู้จักกันมายาวนาน 10 กว่าปี ความผูกพันมันต้องมี แต่หน้าที่พี่ต้องทำ น้องทำผิดพี่ก็ต้องจับ ก็ขอเป็นกำลังให้เสกเพราะถือเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง กล้าทำ กล้ายอมรับ และสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป

อย่างไรก็ตาม ขณะเล่นคอนเสิร์ตเขาก็ตักเตือนเยาวชนแล้วว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้ว

‘เนทันยาฮู’ ยืนยันอิสราเอลอาจสังหาร ‘โมฮัมหมัด ซินวาร์’ ผู้นำฮามาสในกาซาไปแล้ว พร้อมเดินหน้าปฏิบัติการควบคุมฉนวนกาซาทั้งหมด

(22 พ.ค. 68) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู แถลงว่า อิสราเอล “น่าจะสังหาร” โมฮัมหมัด ซินวาร์ ผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้สำเร็จ ระหว่างการโจมตีทางอากาศที่โรงพยาบาลในเมืองคานยูนิสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 28 ราย และบาดเจ็บกว่า 50 คน

ซินวาร์เป็นน้องชายของยาห์ยา ซินวาร์ อดีตผู้นำฮามาสในกาซาที่ถูกอิสราเอลสังหารไปก่อนหน้านี้ หากได้รับการยืนยัน การเสียชีวิตของเขาจะเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียสำคัญของฝ่ายฮามาส แม้กลุ่มยังคงรักษาอำนาจในพื้นที่ไว้ได้บางส่วน

นอกจากนี้ เนทันยาฮูประกาศว่า อิสราเอลจะไม่ยุติปฏิบัติการทางทหารในกาซา จนกว่าจะสามารถควบคุมพื้นที่ทั้งหมดได้ พร้อมระบุว่าอาจยอมรับการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อแลกกับการปล่อยตัวตัวประกัน แต่จะไม่ยุติสงครามจนกว่าฮามาสจะถูกโค่นล้ม และกาซาจะถูกปลดอาวุธ

เนทันยาฮูยังกล่าวถึง “แผนอพยพโดยสมัครใจ” ตามแนวทางของสหรัฐฯ เพื่อเปิดทางให้ชาวกาซาที่ต้องการออกจากพื้นที่สามารถทำได้ พร้อมย้ำว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามของอิหร่าน ซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การจับตามองเรื่องโครงการนิวเคลียร์

แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่กองกำลังผาเมือง

พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่  3 เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วย ในพื้นที่กำลังผาเมือง ด้านจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา ในห้วงวันที่ 21 – 22 พฤษภาคม 2568 ณ กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ ค่ายพิชิตปรีชากร ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จัวหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลตรี กิดากร จันทรา ผู้ บัญชาการกองกำลังผาเมือง ให้การต้อนรับ

จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานปฏิบัติการแก่งทรายมูล กองร้อยทหารพรานที่ 3209 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 แม่ทัพภาคที่ 3 และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยป้องกันชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31โดยรับฟังบรรยายสรุปประกอบภูมิประเทศ และมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจการณ์ เนิน 103 บ้านผาตั้ง ตำบลปอ อำเภอเวียงแกน จังหวัดเชียงราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top