Thursday, 12 June 2025
Hard News Team

บึงกาฬ ทหารเรือ นรข.ร่วมหน่วยความมั่นคงแถลงตรวจยึดยาไอซ์เกรดเอ 344 กก. มูลค่า 344 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ (22 พ.ค. 68) ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ของกลางยาไอซ์ รถยนต์ 1 คัน พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ แก้วสมนึก รองผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.บึงกาฬ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนตำรวจตชด.244 พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.หน.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ ทหารพราน2108 ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ 

ทั้งนี้เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายข่าวรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขง ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด ระหว่างหนองเดิ่นท่า-บ้านห้วยเล็บมือ-บ้านภูสวาท ต.หนองเดิ่น ไปจนถึงแยกโรงพยาบาลบุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ นอกจากนั้นยังมีการชุดสนับสนุนให้อยู่ที่ตั้ง 

ขณะที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่ริมโขงบริเวณพื้นที่บ้านหนองเดิ่นท่า ติดริมแม่น้ำโขง ได้ตรวจพบรถเก๋งต้องสงสัยจอดอยู่ชุดปฏิบัติติการเฝ้าตรวจได้ประสานไปยังชุดสนับสนุนให้เฝ้าติดตามรถเก๋งคันดังกล่าว กระทั่งชุดเฝ้าตรวจสะกดรอยติดตามมาเรื่อย ๆ จนมาถึงถนนทางหมายเลข 212 บึงกาฬ-นครพนม ช่วงโรงพยาบาลบุ่งคล้า ทำการส่งสัญญาณเพื่อให้รถคันดังกล่าวให้หยุดรถขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฎว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเร่งเครื่องยนต์ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงขับไล่ตาม กระทั่งรถเก๋งดังกล่าวเสียหลักลงข้างทาง ถึงได้ไปควบคุมตัวตรวจค้นภายในรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า CRV สีบรอน-เทา ทะเบียน ขต.3323 อุดรธานี ภายในรถพบของกลางยาไอซ์ จำนวน 9 กระสอบ กระสอบเล็ก 2 กระสอบ กระสอบใหญ่ 7 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ทราบชื่อนายประดิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี จึงทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว และจับกุมผู้ต้องหามาทำบันทึกที่ สถานีเรือบึงกาฬ ก่อนนำตัวส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ทั้งหมด นำส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเปิดแผนปฏิบัติการของรัฐบาลในการ ซิล สต๊อป เซฟ และนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้ นรข.ได้ร่วมบูรณาการกับหน่อยความมั่นคงในพื้นที่ในการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของประเทศ เป็นความพยายามที่ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนในการจับกุมครั้งนี้ด้วยการบูรณาการอย่างแท้จริง ทำให้สถานีเรือบึงกาฬสามารถทำการตรวจยึดจับกุมได้ประสบความสำเร็จ ไม่มีความสูญเสีย จากแหล่งข่าวที่เราได้รับ และเฝ้าติดตาม โดยเราเฝ้าติดตามตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้เราจับยาบ้าได้ครั้งที่ผ่านมา และจับยาไอซ์ได้ในครั้งนี้ 

ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกัน และช่วยสกัดกั้นยาเสพติดที่มีปริมาณมูลค่าค่อนข้างสูง จากการตรวจสอบจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่า ปริมาณค่อนข้างบริสุทธิ์ เมื่อออกจำหน่ายจะมีราคากิโลกรัมละ 1,000,000 บาท รวมทั้งสิ้นที่เราสามารถตรวจยึด มูลค่ากว่า 344 ล้านบาท ผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้าง 50,000 บาท หากงานสำเร็จถึงที่หมายคือ จังหวัดหนองคาย จึงต้องขอขอบคุณกำลังพลสถานีเรือบึงกาฬที่ร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่เพื่อประเทศ เพื่อกองทัพเรือ เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ให้ยาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน และต้องขอขอบคุณทุกหน่วยที่ร่วมบูรณาการกันจับกุมในครั้งนี้ และในครั้งต่อ ๆ ไป จะได้ร่วมกันทำงานลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป เชื่อว่า หากทุกคนร่วมมือกันอย่างจริงจัง การสกัดกั้นและปราบปราม ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพเหมือนครั้งนี้

ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนเยี่ยมพื้นที่ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจ

วันที่ 21–22 พฤษภาคม 2568 ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากหลากหลายสำนัก เพื่อร่วมเผยแพร่ภารกิจของกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือสู่สาธารณชน

📍 กิจกรรมวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
•เยี่ยมชมเรืออเนกประสงค์ลองใหญ่ ณ อำเภอคลองใหญ่
•เข้าเยี่ยมชมและรับฟังภารกิจจากหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.เกาะกูล)
•ชมการสาธิตการปฏิบัติการทางทหาร และสำรวจภูมิประเทศ 
•รับฟังบรรยายสรุปภารกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของกองทัพเรือ

📍 กิจกรรมวันที่ 22 พฤษภาคม 2568
•ติดตามภารกิจของชุดเฝ้าตรวจจากกองพันทหารราบ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (พัน.ร.ฉก.นย.ตราด) ในด้านความมั่นคง
•ร่วมกิจกรรม CSR ณ โรงเรียนบ้านอ่าวพร้าว โดยมอบอุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้กับนักเรียน
•เยี่ยมชมฐานตราด ทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมรับฟังการบรรยายจากหน่วยต่าง ๆ
•ทำข่าวและร่วมชมการสาธิตภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

โดยมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ให้เกียรติร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน

กิจกรรมตลอด 2 วันนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของกองทัพเรือในการดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ แต่ยังแสดงถึงความตั้งใจในการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือและสื่อมวลชน

เอกอัครราชทูตจีนเยี่ยมสวนทุเรียนระยอง หนุนความร่วมมือการค้าผลไม้ไทย-จีน

เมื่อวันที่ (19 พ.ค.68) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง เดินทางเยี่ยมชมสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง พร้อมสำรวจการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการส่งออกทุเรียน โดยได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเกษตรกรและเจ้าของสวนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

เอกอัครราชทูตหานกล่าวว่า ทุเรียนไทยได้รับความนิยมอย่างมากในจีน โดยปีที่ผ่านมา ร้อยละ 85 ของทุเรียนไทยส่งออกไปยังจีน ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น ปัจจุบัน จีนได้เปิดด่านศุลกากรตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าทุเรียนไทยให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันความตั้งใจในการขยายความร่วมมือทางการค้ากับไทยต่อไป

ด้านเกษตรกรระบุว่า ปีนี้ผลผลิตทุเรียนออกมามากและราคารับซื้อสูงถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม โดยทุเรียนที่เก็บเกี่ยวถูกส่งออกไปยังจีนทันที ผ่านระบบขนส่งทั้งรถไฟ ถนน และทางน้ำ ซึ่งสามารถถึงปลายทางได้ในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมขอบคุณรัฐบาลจีนสำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ทำให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

‘ยิ่งลักษณ์’ ยืนยันจำนำข้าวตั้งใจช่วยชาวนา แต่ต้องรับกรรม…หนี้หมื่นล้านชดใช้จนวันตาย

(22 พ.ค. 68) จากกรณีศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท ชี้พฤติการณ์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง

ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียในวันครบรอบ 11 ปีรัฐประหาร แสดงความเสียใจและไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ที่ตัดสินให้เธอต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาทจากโครงการระบายข้าว ทั้งที่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีโดยตรง และก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางเคยวินิจฉัยว่าเธอไม่ต้องชดใช้

อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่า ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร เธอถูกกล่าวหาว่าละเลยการกำกับดูแล แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการระบายข้าวโดยตรง โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่มีเจตนาช่วยเหลือชาวนาให้มีรายได้และชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พร้อมตั้งคำถามถึงความยุติธรรม หากผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งยังถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

เธอกล่าวด้วยว่า “หนี้ 10,000 ล้านบาท ชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด” พร้อมสะท้อนว่าการทุ่มเททำงาน ท่ามกลางแรงเสียดทานทั้งทางการเมืองและด้านอื่น ๆ เพื่อค้ำยันราคาข้าวให้มีเสถียรภาพ สร้างโอกาสให้ชาวนามีชีวิตที่ดีขึ้น กลับจบลงด้วยบทสรุปที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับตนเอง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงความไม่คืบหน้าในการตรวจสอบการขายข้าวหลังรัฐประหาร ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายนับแสนล้านบาท โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ พร้อมย้ำว่า ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา เธอเผชิญกับการยึดอำนาจ คดีความ และการยึดทรัพย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมจนถึงที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญชี้แผน ‘Golden Dome’ เสี่ยงล้มเหลวสูง เทคโนโลยียังไม่พร้อม รับมือ ‘ขีปนาวุธข้ามทวีป’ ได้ไม่จริง

(22 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดตัวแผนงานใหญ่ชื่อ “Golden Dome” มูลค่ากว่า 175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่ครอบคลุมทั้งภาคพื้นดินและอวกาศ โดยหวังให้เป็นประการสำคัญในการสกัดภัยคุกคามจากขีปนาวุธข้ามทวีปในอนาคต โดยได้แรงบันดาลใจจากระบบ “Iron Dome” ของอิสราเอลที่ใช้รับมือจรวดจากฉนวนกาซา

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายรายแสดงความกังวลว่า แผนของทรัมป์อาจไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งเป้าไว้ ยูริ คนูตอฟ นักประวัติศาสตร์ด้านกองกำลังป้องกันทางอากาศของรัสเซีย ระบุว่า Iron Dome มีจุดแข็งในการจัดการเป้าหมายเดี่ยวหรือกลุ่มเล็ก แต่ไม่สามารถรับมือการโจมตีแบบรวมหมู่หรือการยิงขีปนาวุธจำนวนมากได้ ซึ่งเป็นลักษณะของภัยคุกคามในยุคสงครามนิวเคลียร์

อิกอร์ โคโรตเชนโก บรรณาธิการนิตยสาร National Defense เสริมว่า จุดต่างสำคัญระหว่าง Iron Dome และ Golden Dome คือระดับภัยคุกคามที่ต้องรับมือ โดย Iron Dome ออกแบบมาเพื่อสกัดจรวดทำเองของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ขณะที่ Golden Dome มีเป้าหมายรับมือขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่ซับซ้อนและเร็วกว่า ซึ่งยังไม่มีเทคโนโลยีใดในปัจจุบันที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตว่า Golden Dome มีลักษณะคล้ายคลึงกับโครงการ “สงครามดวงดาว” (Strategic Defense Initiative – SDI) ที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เสนอในยุค 1980 ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีล้ำยุค เช่น เลเซอร์และขีปนาวุธจากอวกาศ แต่ล้มเหลวเพราะข้อจำกัดทางเทคนิคและงบประมาณ แม้เวลาผ่านมากว่า 40 ปี สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านั้นให้เป็นจริงได้

แม้ส่วนภาคพื้นดินของแผน Golden Dome จะสามารถอัปเกรดจากระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่แล้ว เช่น THAAD, Aegis และ Patriot ได้ แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอวกาศจะต้องพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นภารกิจที่ท้าทายและใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากเกิดการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในจำนวนมาก Golden Dome ก็อาจไม่สามารถรับมือได้ในเชิงปฏิบัติ และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการล้มเหลวเช่นเดียวกับในอดีต

'เนติวิทย์' ขึ้นศาล! คดีหนีทหารครั้งแรก ยังยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดี

(22 พ.ค.68) นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขึ้นศาลคดีต่อต้านเกณฑ์ทหารครั้งแรก วันนี้ 22 พฤษภาคม ครบรอบ 11 ปีของการรัฐประหารในประเทศไทย (English version below)

เช้าวันนี้ เวลา 10.00 น. ผมเดินทางไปที่ศาลแขวงสมุทรปราการ หลังจากอัยการมีคำสั่งฟ้องผมในข้อหาหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

เมื่อปีที่ผ่านมา ผมได้ไปที่หน้าหน่วยตรวจเลือก แต่ปฏิเสธที่จะร่วมจับใบดำใบแดง ผมไม่ได้หลบหนี แต่เลือกที่จะไม่ร่วมมือกับระบบที่ผมไม่เชื่อถือ ด้วยเหตุผลทางมโนธรรม

ผมขอยืนยันการปฏิเสธข้อกล่าวหา

การปฏิเสธเกณฑ์ทหารด้วยเหตุผลทางมโนธรรม (conscientious objection) เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

ประชาชนไม่ควรถูกบังคับให้เข้าร่วมในระบบที่ฝึกฝนความรุนแรงหรือขัดต่อความเชื่อส่วนบุคคล ตลอดประวัติศาสตร์ มีผู้คนมากมายลุกขึ้นปฏิเสธการเกณฑ์ทหารด้วยจิตสำนึกทางศีลธรรม หนึ่งในนั้นคือ มูฮัมหมัด อาลี ตำนานนักมวยผู้ประกาศอย่างกล้าหาญว่า “ผมไม่มีเรื่องอะไรกับพวกเวียดกง”

เขาสูญเสียตำแหน่งแชมป์โลก และถูกจำคุก แต่จุดยืนของเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก ในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ เยอรมนี อิสราเอล และอีกมากมาย

มีผู้ปฏิเสธการเกณฑ์ทหารอย่างสันติและยอมแลกด้วยเสรีภาพส่วนตัว พวกเขาคือแรงบันดาลใจของผม

ระบบเกณฑ์ทหารในไทย เป็นต้นเหตุของการคอร์รัปชัน ความรุนแรง และการใช้อำนาจของกองทัพเกินขอบเขตมาช้านาน ผมเชื่อว่า การต่อสู้ด้วยสันติวิธีครั้งนี้จะนำไปสู่กองทัพที่โปร่งใสขึ้น และสังคมไทยที่เคารพเสรีภาพมากขึ้น เหมือนเมื่อ 11 ปีก่อนที่ผมลุกขึ้นต่อต้านรัฐประหาร

วันนี้ ผมยังคงยืนหยัดในแนวทางเดิม แนวทางของเสรีภาพ มโนธรรม และความไม่รุนแรง

อย่างไรก็ตาม ศาลแขวงสมุทรปราการมีคำสั่ง อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ต้องวางหลักทรัพย์ แต่ให้สาบานตนแทน

'หมอเหรียญทอง' โพสต์เดือดฝากถึง 'สิระ' หลังอ้างความดันขึ้นเบี้ยวฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

(22 พ.ค 68) ภายหลังศาลแขวงดอนเมือง นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นจำเลยในความผิดฐานบุกรุกโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2564

อย่างไรก็ตามนายสิระไม่ได้เดินทางมาศาล ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา โดยอ้างว่ามีอาการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 18 มิ.ย.2568

ทั้งนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายสิระ เจนจาคะ ฐานหมิ่นประมาท 5 กระทง กระทงละ 2 เดือน รวม 10 เดือน และฐานบุกรุก 6 เดือน รวมโทษทั้งหมด 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ต่อมา ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้โทษ โดยลดโทษจำคุกเหลือ 10 เดือน และไม่รอลงอาญา

ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ยังไม่แน่จริง ไม่เข้มแข็งพอ ถึงแม้จะเคยติดคุกมาแล้ว

เมื่อต้องฟังคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสุดท้ายแล้ว ในขณะที่ 2 ศาลยืนตามกัน คือ ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นพิพากษายืนตามกันให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญาทั้ง 2 ศาล

มันคงเครียดมาก นอนไม่หลับ ปวดหัว ความดันขึ้น คนติดคุกก็ต้องเครียดอย่างนี้แหละครับ ...บางรายกลัวคุก จนขี้แตก ท้องร่วง ก็มีนะครับ...บางรายก็ขอให้แพทย์ผ่าตัดอะไรก็ได้...ฉีดสีหลอดเลือดเพื่อหาเหตุให้อ้างว่าป่วยหนัก...อื่นๆ อีกสารพัด...นี่แหละครับ 'กรรม'

รพ.สนามพลังแผ่นดิน ถูกนาย สิระ บุกรุกขัดขวางจนต้องเลื่อนออกไปนานกว่า 1 สัปดาห์ ชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักขณะนั้นไม่สามารถย้ายเข้า รพ.สนามพลังแผ่นดินที่มีขีดความสามารถ ไอ ซี ยู เพียงแห่งเดียวในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียที่รุนแรง

1 สัปดาห์ที่ รพ.สนามต้องเลื่อนออกไปจากการบุกรุกของ นาย สิระ เจนจาคะ นั้น มีผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก เสียโอกาสเข้า ไอ ซี ยู รพ.สนาม จนเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้เสียชีวิตทั้งหลายไม่มีโอกาสรอดชีวิต เพราะการบุกรุก รพ.สนามโดย นาย สิระ

นายสิระยังมีอีกหลายคดีที่ศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หากติดคุกวันนี้แล้ว ยังมีคดีอื่นๆที่จะทยอยตามมาสมทบ นับวันจำคุกเพิ่มเข้าไปอีก 

นายสิระคงคิดหนัก ทั้งยังเป็นคนไม่เข้มแข็ง ก็เลยเครียด ความดันขึ้น ติดคุกให้จบๆ แล้วประพฤติตนเสียใหม่ชีวิตบั้นปลายจะได้มีสุข

‘อิสราเอล’ เปิดฉากยิงเตือนคณะต่างชาติ จี้สอบด่วน..ทูตญี่ปุ่น-ยุโรปหวิดโดนลูกหลง

(22 พ.ค. 68) เกิดเหตุทหารอิสราเอลยิงปืนเตือนใส่คณะผู้แทนทางการทูตกว่า 20 ประเทศ ขณะลงพื้นที่ใกล้แคมป์ผู้ลี้ภัยในเมืองเจนิน เขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ตุรกี อียิปต์ รัสเซีย และอีกหลายประเทศร่วมอยู่ด้วย แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่หลายชาติแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลสอบสวนเหตุการณ์

รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ และได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการ โดยเรียกร้องให้อิสราเอลชี้แจงและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ด้านโฆษกของสหประชาชาติระบุว่า การยิงปืนใส่คณะทูต 'ไม่อาจยอมรับได้' และขอให้อิสราเอลเคารพความปลอดภัยของคณะทูตทุกชาติ

ขณะที่ กองทัพอิสราเอลชี้แจงว่าคณะทูตเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ได้รับอนุญาตและเข้าสู่เขตหวงห้าม จึงจำเป็นต้องยิงปืนเตือนเพื่อป้องกันความเสี่ยง พร้อมแสดงความเสียใจต่อ 'ความไม่สะดวก' ที่เกิดขึ้น ขณะที่หลายประเทศ ได้แก่ แคนาดา เยอรมนี อิตาลี สเปน และตุรกี ได้เรียกตัวทูตอิสราเอลเข้าชี้แจง หรือเตรียมดำเนินมาตรการทางการทูต

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันต่ออิสราเอลจากนานาชาติให้หยุดปฏิบัติการรุนแรงในฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 53,000 ราย และเกิดวิกฤตมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ขณะที่สหภาพยุโรปเริ่มทบทวนความร่วมมือกับอิสราเอล และบางประเทศเสนอให้พิจารณาคว่ำบาตรรัฐมนตรีอิสราเอลด้วย

‘จอม’ ฟาดแรง ‘นายกฯอิ๊งค์’ ขาดวุฒิภาวะ ปมมองสส. ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติเหมือนย้ายที่ทำงาน

(22 พ.ค. 68) จอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่กำลังลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี สส.ย้ายพรรค พร้อมระบุข้อความว่า...

ทรยศ หักหลัง ประชาชน ในทางการเมือง ถือเป็นความผิดร้ายแรงพอ ๆ กับการทุจริตคอร์รัปชันเพราะคือการ หลอกลวง คดโกง  แต่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนนี้ของไทย กลับมองการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ เท่ากับ การย้ายที่ทำงาน.... ความคิดความอ่านทางการเมืองที่ไร้เดียงสา ขาดวุฒิภาวะแบบนี้ ... ได้แต่เอาตีนก่ายหน้าผาก..อนิจจาประชาชนคนไทย...อีก 10 ปีก็ยังไม่เห็นอนาคตที่สดใส

จีนควักเพิ่ม 500 ล้านเหรียญหนุน WHO แทนที่สหรัฐฯ หลังทรัมป์ประกาศถอนตัว

(22 พ.ค. 68) รองนายกรัฐมนตรีจีน หลิว กั๋วจง ประกาศมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่องค์การอนามัยโลก (WHO) ภายในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลกเมื่อวันที่ 20 พ.ค. เพื่อชดเชยช่องว่างงบประมาณ หลังสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลทรัมป์ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนหลัก

หลิว กั๋วจงกล่าวว่า โลกกำลังเผชิญความท้าทายด้านความมั่นคงสุขภาพจากแนวคิดฝ่ายเดียวและการเมืองอำนาจ พร้อมย้ำว่า “พหุภาคีนิยมคือทางออกที่มั่นคง” ขณะที่ WHO ปรับลดงบประมาณปี 2026–2027 ลง 21% เหลือ 4.2 พันล้านดอลลาร์

การปรับงบใหม่ของ WHO ที่จะมีมติในที่ประชุม ยังรวมถึงการเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิกรายประเทศขึ้น 20% ภายใน 2 ปี ซึ่งจะทำให้จีนกลายเป็นผู้บริจาครายใหญ่สุดรายใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเงิน 500 ล้านดอลลาร์ดังกล่าวรวมค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top