Sunday, 28 April 2024
สหรัฐฯ

'อ.โต' วิเคราะห์!! โควิดทำขนส่งทางเรือสหรัฐฯ ชะงัก คาดกระทบลามทั่วโลก แต่ไม่กระทบไทย

นายศาสตรา โตอ่อน เจ้าของช่อง YouTube 'อ.โตวิเคราะห์ official' อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายมหาชน) ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sattra Toaon ว่า...

สหรัฐฯ กำลังวิกฤต เนื่องจากการขนส่งทางทะเลวิกฤตหนักจากโควิด-19

ตอนนี้มีคอนเทนเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือทั่วสหรัฐฯ ราว 500,000 ตู้

ปัญหาหนักขึ้นไปอีก เพราะการติดเชื้อเกิดขึ้นในคนขับรถบรรทุกสินค้าจากท่าเรือ

ส่งผลให้การกระจายสินค้าทำได้ลำบาก

เชลฟ์วางสินค้าในสหรัฐฯ กำลังว่างเปล่า

เหตุการณ์การขนส่งทางทะเลมีปัญหา ซึ่งมิได้เกิดแค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังลุกลามไปทั่วโลก

อังกฤษและยุโรป ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน

Pandemics การระบาดใหญ่ ส่งผลกระทบทำให้สายโซ่การผลิตขนส่งของโลกขาดจากกัน

Global Supply Chain is breaking มันกำลังพัง

ส่องเล่ห์มะกัน!! ใต้ข้อพิพาท ‘ไต้หวัน - จีน’ ผ่านเหลี่ยมการเมืองของ ‘โจ ไบเดน’

มีอะไรน่าสนใจ ภายหลังจาก โจ ไบเดน ได้กลับมาพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผ่านทางออนไลน์อีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2021 จากก่อนหน้านี้ที่เคยต่อสายตรงไปคุยกันแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทางโจ ไบเดน ก็ได้ออกมายืนยันเองว่า ได้พูดคุยกับจีนเกี่ยวกับข้อพิพาทในไต้หวันที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวกลับมองว่า ประเด็นที่ทั้ง 2 ผู้นำคุยกันครั้งล่าสุดนี้ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากครั้งที่แล้วมากนัก ซึ่งสอดคล้องกันกับแหล่งข่าวจีนที่ยืนยันว่าไม่มีอะไรมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความไม่มีอะไร กลับมีเรื่องสะกิดใจจากถ้อยแถลงของ โจ ไบเดน ที่เอ่ยผ่านสื่อหลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้นำจีนครั้งล่าสุดนี้ว่า...

“ผมกับสี เราคุยกันเรื่องไต้หวัน และเราตกลงกันว่าจะยังคงรักษาข้อตกลงไต้หวันกันอยู่ และทางจีนก็จะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่ได้ระบุใน >> ข้อตกลงนี้”

อะไรคือ ‘ข้อตกลงนี้’ ที่โจ ไบเดน อ้างถึง และจีนต้องทำตามอะไร? นี่คือเรื่องจะมาขยายปมกัน!!

ข้อตกลงที่ว่านี้ มีอยู่ 2 ฉบับ ซึ่งเป็นการตกลงกันมาตั้งแต่ปี 1979 หลังจากสหรัฐฯ ได้รับรองสถานะของรัฐบาลจีนปักกิ่ง ตอนที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยขณะนั้น เติ้ง ดำรงตำแหน่งรองผู้นำสูงสุดของจีน และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศมีการสานสัมพันธ์ไมตรีกันอีกครั้ง ตั้งแต่จีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนผ่านสู่การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 1949 

ผลจากการเยือนสหรัฐฯ ของเติ้ง เสี่ยวผิง ในครั้งนั้น ได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องนโยบายจีนเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ด้วยการถอนสถานทูตสหรัฐฯ ออกจากกรุงไทเป มาเปิดใหม่ที่ปักกิ่ง และถือว่ากิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของจีนและต้องคุยผ่านปักกิ่ง ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับรองไปแล้วว่า >> ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน 

แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนของข้อตกลงนี้ นั่นก็คือ >> จีนจะต้องให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ร่วมต้านกองทัพโซเวียตในสงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน ที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นศัตรูอันดับ 1 ในยุคสงครามเย็น เพื่อกันไม่ให้โซเวียตสามารถแผ่อิทธิพลในดินแดนเอเชียตะวันออกกลางได้ 

สาวไทยเล่าวินาทีโดนทำร้ายที่นิวยอร์ก ด้านตำรวจสหรัฐฯ ยังจับผู้ต้องสงสัยไม่ได้

แม้เติบโตในไทย แต่ "บิว จิรจริยาเวช" (Bew Jirajariyawetch) มองนิวยอร์กในฐานะจุดหมายปลายทางในอุดมคติมาตลอด และมีความฝันย้ายมาอยู่ในมหานครแห่งนี้ แต่เมื่อเดือนที่แล้วสาวผู้เดินตามความฝันกับการเป็นนางแบบ ต้องมาพบเจออีกด้านของนิวยอร์ก หลังเธอถูกทำร้ายร่างกายชิงทรัพย์ที่บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง

บิว จิรจริยาเวช ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์เมื่อวันพุธ (15 ธ.ค.) ว่า "ฉันดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่" เธอเล่าถึงเหตุการณ์อันน่าสยดสยองของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ณ สถานี 34th Street Herald Square ซึ่งส่งผลให้เธอเลือดตกยางออกและเป็นแผลถลอก

หญิงสาวรายนี้ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่ในนิวยอร์กเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา กำลังรอขบวนรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้านที่เขตควีนส์ ตอนเวลา 04.00 น. หลังไปชมคอนเสิร์ตของดาบอยเวย์ แรปเปอร์อเมริกันเชื้อสายไทย กับเพื่อน ๆ

เธอยืนอยู่บริเวณริมขอบชานชาลาของสถานี ตอนที่จู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าดอดเข้ามาจากด้านหลังและล็อกศีรษะของเธอ เอามือปิดปาก จมูกและตา เพื่อขัดขวางไม่ให้ฉันตะโกนส่งเสียงดังขอความช่วยเหลือ "เขาลากฉันไปในที่ที่ไม่มีใครเห็น ทำร้ายฉันและเอากระเป๋าเงินฉันไป ฉันได้แต่ภาวนาว่าขอโอกาสตะโกนขอความช่วยเหลือสักครั้ง"

ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นคนร้ายล็อกคอจากด้านหลังฉุดกระชากลาก บิว เข้าไปในจุดลับตาคน ก่อนเหวี่ยงลงกับพื้นและชกเธอหลายหมัดตอนที่เธอลงไปกองเบื้องล่าง นอกจากนี้แล้ว ผู้ก่อเหตุยังถูกกล่าวหาสัมผัสของสงวนของเหยื่อและขโมยกระเป๋าเงินของเธอไป ก่อนที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจะจบลงที่ภาพหญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ก่อนยืนขึ้นเดินโซซัดโซเซออกไป 

ท้ายที่สุดแล้วก็มีใครบางคนพบเธอในสภาพถูกทำร้ายและพาเธอไปขอความช่วยเหลือ "ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีใครมาเจอฉันพอดี" บิว จิรจริยาเวช กล่าว

ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดย บิว จิรจริยาเวช ซึ่งถ่ายไว้ไม่นานหลังถูกทำร้าย พบเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแผลถลอก มีคราบเลือดแห้ง ๆ บริเวณจมูกและใกล้ปาก ส่วนอีกภาพพบเห็นรอยถลอกและรอยเลือดไล่ลงไปตามขาของเธอ

เธอถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล Lenox Hill HealthPlex ในกรีนวิช วิลเลจ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

กรมตำรวจนิวยอร์กเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นภาพที่ผู้ต้องสงสัยกำลังกระโดดข้ามประตูหมุนและเดินผ่านเข้าไปในพื้นที่ชั้นลอยรกร้างแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ต้องสงสัยรายใดถูกจับกุมต่อเหตุทำร้ายร่างกายอันน่าสะอิดสะเอียนครั้งนี้

บิว จิรจริยาเวช ซึ่งเดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อเรียนภาษาอังกฤษและเดินตามความฝันเข้าสู่วงการแฟชั่น เล่าว่าเธออยากเห็นมหานครแห่งนี้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ "ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันคิดฝันมาตลอดว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองแบบไหน ฉันชอบเมืองแห่งนี้ตั้งแต่แรกเห็น น่าเศร้า มันเปลี่ยนไปสำหรับฉัน ตอนนี้ฉันเห็นอีกด้านของมัน"

"หมอหนู" ชี้​ ตัวเลขเสียชีวิตสหรัฐฯพุ่ง​ เหตุไม่ได้รับวัคซีนกันเยอะ​ ส่วนไทยมั่นใจคุมได้​ เชื่อ​ ตัวเลขจะค่อยๆลดลง​ “ชี้”วงสังสรรค์​เป็นคลัสเตอร์หลัก

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.สาธารณสุข​ กล่าวถึงกรณีมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟที่ชุมนุมข้างทำเนียบฯหลายราย กระทรวงสาธารณสุขจะต้องเข้ามาคัดกรองหรือไม่​ ว่า​ เข้าใจว่าทาง กทม. เป็นผู้ดูแล ขณะนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยเฉพาะวันนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นนั้น ตนยังเชื่อว่าจะค่อยๆลดลง อย่างไรก็ตาม​ วันนี้เน้นในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยหนัก และยังยืนยันว่าจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ในจำนวนที่ดี ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่​

ส่วนที่สหรัฐอเมริกามีตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงขึ้นทั้งที่เชื้อโอมิครอนมีอาการไม่รุนแรงนั้น ต้องดูในรายละเอียด อย่างที่สหรัฐฯมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และวิถีการใช้ชีวิตอย่างไม่เหมือนเรา คนไทยยังให้ความร่วมมืออย่างดี โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้การติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่เราควบคุมได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อมา มาจากการรวมตัวกัน การปาร์ตี้สังสรรค์ ตรงนี้ยอมรับว่ายังมีอยู่ เพราะทุกคนถือว่าฉีดวัคซีนกันแล้ว ระมัดระวังกันอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเหมือนเป็นการคัดกรองชั้น 1 แล้ว ย้ำว่าวันนี้เรื่องวัคซีนไม่ใช่ปัญหา แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการรวมตัวเฮฮาปาร์ตี้ การสังสรรค์ ได้รับรายงานว่าขณะนี้เป็นคลัสเตอร์หลัก มาจากกิจกรรมเหล่านี้

เมื่อถามว่า กระทรวงการอุดมศึกษา​ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีการประสานกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการดูแลการสอบทีแคสแล้วหรือยัง​ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขฉีดวัคซีนให้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแล และกระทรวงสาธารณสุขได้ให้มาตรการ อย่างไรก็ตาม ขอให้รักษามาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล เมื่อมีการฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองด้วย ATK ก่อนเข้าสอบแล้ว ก็สามารถดำเนินการได้

สหรัฐฯ ย้ายที่ทำการสถานทูตพ้นกรุงเคียฟ อ้างรัสเซียโจมตีทำลายล้างยูเครนได้ทุกเมื่อ

สหรัฐฯ กำลังย้ายปฏิบัติการของสถานทูตประจำยูเครน จากกรุงเคียฟไปยังลวิฟ เมืองทางตะวันตก จากการเปิดเผยของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศในวันจันทร์ (14 ก.พ.) โดยอ้างถึง "การเร่งเสริมกำลังพลของกองทัพรัสเซีย"

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่ามอสโกกำลังเดินหน้าสะสมกำลังพลมากกว่า 100,000 นาย ใกล้ชายแดนติดกับยูเครนและในเบลารุส และอาจลงมือโจมตีทำลายล้างได้ทุกเมื่อ ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ แม้ว่าทางรัสเซียยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวหาของทางตะวันตก และบอกว่าพวกเขาไม่มีแผนรุกรานใดๆ

"การรุกรานใดๆ เข้าสู่ยูเครนจะนำมาซึ่งความรุนแรงครั้งเลวร้าย การทำลายล้างครั้งใหญ่ และความสูญเสียที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอเมริกา ชาวยูเครนหรืออื่นๆ" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

บลิงเคน กล่าวในถ้อยแถลงว่า การตัดสินใจย้ายปฏิบัติการของสถานทูตไปยังเมืองลวิฟ ห่างจากชายแดนทางตะวันตกของยูเครนติดกับโปแลนด์ ราวๆ 80 กิโลเมตร เป็นการดำเนินการภายใต้ความกังวลด้านความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของสถานทูตได้รับคำสั่งให้เดินทางออกจากยูเครน และพลเมืองสหรัฐฯ ได้รับคำแนะนำให้เดินทางออกจากประเทศแห่งนี้ด้วยระบบขนส่งพาณิชย์

บลิงเคน เน้นย้ำว่าการย้ายปฏิบัติการของสถานทูตในครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการในแนวทางที่บ่อนทำลายแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และคณะผู้แทนทูตของสหรัฐฯ จะยังคงติดต่อกับรัฐบาลยูเครน "สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ากดดันมอสโกเพื่อหนทางออกทางการทูต" เขากล่าว

อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน! ‘ไบเดน’ ลั่น! ‘ปูติน’ ไม่อาจอยู่ในอำนาจ ด้าน ‘รัสเซีย’ ซัดกลับ ‘ไม่ใช่กงการของไบเดน’!

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันเสาร์ระหว่างการเยือนโปแลนด์ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้ และการทำสงครามกับยูเครนของเขาเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซีย 

“เพื่อเห็นแก่พระเจ้า ชายผู้นี้ไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้” ไบเดน บอกกับฝูงชนในวอร์ซอ ไบเดนยังกล่าวอีกว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าเดือนที่สองแล้ว ได้รวมชาติตะวันตกเข้าด้วยกัน โดยเสริมว่า นาโตเป็นพันธมิตรในแนวทางการป้องกันที่ไม่เคยต้องการให้รัสเซียล่มสลาย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในรัสเซีย เมื่อเขากล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย "ไม่สามารถอยู่ในอำนาจได้" 

“ประเด็นของประธานาธิบดีคือไม่อนุญาตให้ปูตินใช้อำนาจเหนือเพื่อนบ้านหรือภูมิภาคของเขา เขาไม่ได้พูดเกี่ยวกับอำนาจของปูตินในรัสเซีย หรือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง” เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวหลังคำปราศรัยของไบเดนในกรุงวอร์ซอ

ด้านทำเนียบเครมลินปฏิเสธคำกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ว่า วลาดิมีร์ ปูติน “ไม่สามารถคงอยู่ในอำนาจได้” โดยกล่าวว่ารัสเซียจะเลือกประธานาธิบดีของตนเอง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของไบเดน โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ บอกกับรอยเตอร์ว่า "นั่นไม่ใช่เรื่องที่ไบเดนที่จะตัดสินใจ ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้รับเลือกจากรัสเซีย"

'จีน' ตอกกลับ 'มะกัน' ก่อนเรียกร้องให้ประณามรัสเซีย ยังจำวัน 'ถล่มปักกิ่ง-ปล้นชิง-เผาราชวังจีน' ได้หรือไม่?

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

มีนักข่าวสหรัฐฯ ถามโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน 'หัวชุนอิ๋ง' ว่า "ทำไมจีนไม่ประณามรัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน ประเทศเพื่อนบ้าน หรือเป็นเพราะ จีนเห็นด้วยกับการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย"

โฆษก กต.จีน หัวชุนอิ๋ง ตอบว่า พวกคุณน่าจะหันกลับไปมองตัวเองบ้างว่า พวกคุณได้ทำอะไรไว้บ้างในเรื่องสิทธิสภาพของประเทศต่างๆ ว่าพวกคุณยึดมั่นให้เกียรติประเทศอื่นๆ แค่ไหน 

เตือนแล้วนะ! ‘รัสเซีย’ เตือน ‘สหรัฐฯ-นาโต’ หยุดส่งอาวุธให้ยูเครน ขู่!  หากดึงดัน อาจเกิดผลลัพธ์เกินคาดเดา!

รัสเซียเตือนอย่างเป็นทางการถึงสหรัฐฯ และนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ถ้าหากยังไม่หยุดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า ทหารยูเครนราว 2,500-3,000 นาย เสียชีวิตในช่วงเวลา 7 สัปดาห์ของสงครามกับรัสเซียและอีกราว 10,000 นาย ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเรียกร้องนานาชาติให้คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม


สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์รายงานว่า รายงานอ้างสื่อในสหรัฐฯ หลายสำนักที่ระบุว่า รัสเซียได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการลงวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมาถึงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ผ่านทางสถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี เตือนสหรัฐฯ และองค์การนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ หากยังคงส่งอาวุธไปให้แก่ยูเครน ในหนังสือของรัสเซียระบุว่า การที่สหรัฐฯ และนาโต จัดส่งอาวุธที่อ่อนไหวมากที่สุดไปให้แก่ยูเครนนั้น เท่ากับเป็นการเติมเชื้อเพลิง ซ้ำเติมความขัดแย้ง พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ หยุดการส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างไม่รับผิดชอบ เพราะจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ข่าวคำเตือนของรัสเซียออกมา หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนอีก 800 ล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา 2 วันหลังจากรัสเซียส่งหนังสือเตือนดังกล่าว อาวุธใหม่ที่สหรัฐฯ เตรียมจะส่งให้แก่ยูเครน สำหรับความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่ 800 ล้านดอลลาร์นั้น รวมถึง ปืนใหญ่วิถีโค้ง หรือฮาวอิทเซอร์ ขนาด 155 มม. ซึ่งสหรัฐฯ ยังไม่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาก่อนรวมไปถึงระบบเรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ ที่ไม่มีในคลังอาวุธของกองทัพยูเครน ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ รวมถึงปืนใหญ่ กระสุนปืนใหญ่ ยานเกราะลำเลียงพล และเฮลิคอปเตอร์

ด้านประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในวันที่ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเมื่อวันพุธดังกล่าว ว่า อาวุธชุดใหม่ที่จะจัดส่งให้แก่ยูเครนนี้ รวมถึงอาวุธประสิทธิภาพสูง ที่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาแล้ว และเพิ่มเติมคือ อาวุธศักยภาพใหม่ที่คัดมาโดยเฉพาะเพื่อมอบให้แก่ยูเครน ใช้รับมือการโจมตีจากรัสเซียระลอกใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน ไบเดนระบุด้วยว่า การส่งอาวุธให้แก่ยูเครนอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ และพันธมิตร เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ช่วยให้ยูเครนสามารถสู้รบกับรัสเซียได้อย่างต่อเนื่อง

การประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เป็นไปตามคำร้องขอล่าสุดจากประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่เพิ่งร้องขออาวุธหนักจากสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือปฏิบัติการใหม่ของรัสเซีย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครนในเร็วๆ นี้

ทำไมเกเรแบบนี้!! 'พลโทนันทเดช' วิเคราะห์!! ทำไมสหรัฐฯ มักเอี่ยวหลากสมรภูมิ เพราะสงครามนำพาความอยู่รอดมาสู่ประเทศตน

พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ทำไมสหรัฐฯ ถึงเกเรแบบนี้!! 

สหรัฐฯ มีเหตุผลด้านผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ เพื่อความอยู่รอดของประเทศตนเอง บ่อยครั้งจึงได้เห็นความ 'เกเรเกตุง' ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด เพราะ....

1. สหรัฐฯ มีระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาสงคราม 

2. ยุทธศาสตร์หลักของสหรัฐฯ (Grand Strategy)
คือ การรบนอกประเทศ (Forward Defense Strategy)

ดังนั้นสงครามที่สหรัฐฯ เข้าไปเกี่ยวข้อง จึงต้องทำให้เกิดขึ้นนอกประเทศสหรัฐฯ เสมอ ลองย้อนไปดูประวัติ การทำสงครามของสหรัฐฯ ที่ผ่านมาเกือบ 30 ครั้งได้ จะพบว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายทำกำไรจากสงครามได้เสมอ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เพราะโครงสร้างประเทศไม่เคยเสียหายเลย 

3. สหรัฐฯ มักจะไม่เข้าร่วมสงครามด้วยตนเองก่อน แต่จะรอให้ ประเทศอื่นๆ รบกันไปก่อน หลังจากที่มั่นใจว่ามีความพร้อมจริงๆ (การข่าวที่ชัดเจน ยุทธวิธี  อาวุธยุทโธปกรณ์ งบประมาณฯ ) แล้ว สหรัฐฯ ถึงจะเข้าไปร่วม ซึ่งมักจะเป็นช่วงหลังๆ ของสงครามเสมอ 

4. สหรัฐฯ เป็นประเทศเกิดใหม่ เป็นพหุสังคม ที่ไม่มีรากเหง้าวัฒนธรรมที่แน่ชัด หรือเป็นหนึ่งเดียว กล่าวง่ายๆ คือ ไม่เคยมีประวัติศาสตร์แม้แต่เรื่อง 'การใช้ ดาบต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราช'

ดังนั้น แนวคิดเรื่องเสรีภาพและความ เสมอภาค 
จึงถูกนำมาอ้างเพื่อทดแทน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ แย่กว่าทางยุโรปเสียอีก

แต่การอ้างเรื่อง เสรีภาพนั้น ก็สุ่มเสี่ยงต่อความคิดเรื่อง การแยกตัวของมลรัฐต่างๆ ดังนั้น การให้ทุกฝ่ายสามารถได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน จึงมีการสร้างภาพ ในประเด็นหลัก สำหรับใช้จูงใจ ประชาชนให้ลืมเรื่อง วัฒนธรรมไป เพื่อให้เกิดพลังของความสามัคคีขึ้น 

สงครามจึงเป็นจุดขายของกรณีนี้!! จนกล่าวได้ว่า สหรัฐฯ นั้นล้างหัวสมองกระทั่งประชาชนของตัวเองด้วย การประชาสัมพันธ์เช่นกัน 

กรณีนี้ สหรัฐฯ จึงพยายามสร้างความภูมิใจในความเป็นชาติ ซึ่งก็สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้รวดเร็ว ผ่านการทำศึกสงคราม สร้างความรู้สึกของความเป็นเจ้าของปกป้องประเทศว่า ผ่านสงครามที่ไหนมาบ้าง? และยังทำให้เกิดความภูมิใจ ต่อประเทศในฐานะ "พี่ใหญ่" ของโลกอีกด้วย (ดูเรื่องประกอบจากหนังสือ "ผ่านฟ้าลีลาศ") 

ด้วยเหตุผลนี้ สหรัฐฯ ซึ่งมองเห็นแต่ผลประโยชนของตนมาก่อนอื่น จึงแผ่อิทธิพลไปในหลายพื้นที่ไม่มีวันหยุด 

ความซวยก็มักจะตกอยู่กับชาติที่สหรัฐฯจะหาประโยชน์ เช่น กรณี ยูเครน ในปัจจุบัน (กำลังจะทำให้ยุโรปซวยตามไปด้วย) ไต้หวัน (ไต้หวันซวย) เกาหลีเหนือ (เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่นซวย) 

สื่อโซโลมอน จวกมะกัน ปมบีบยกเลิกข้อตกลงกับจีน ซัด! ตลอด 30 ปี ไม่เคยเหลียวแล ตั้งแต่หลังสงครามโลก

เพจ “ลึกชัดกับผิงผิง” สื่อที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีน โพสต์ข้อความกรณีตัวแทนทำเนียบขาวเดินทางเยือนโซโลมอน ว่า ...

สื่อโซโลมอนชี้ สหรัฐฯ ลืมพวกเรานานแล้ว พอรู้สึกตัวก็มาบังคับให้เรายกเลิกข้อตกลงระหว่างโซโลมอนกับจีน

วันที่ 20 เมษายน 2022 นายมานัสเซห์ โซกาวาเร (Manasseh Sogavare) นายกรัฐมนตรีโซโลมอนยืนยันว่าได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับจีนแล้ว และกล่าวว่า “นี่สอดคล้องกับผลประโยชน์สำคัญที่สุดของโซโลมอน ส่งเสริมการพัฒนาแห่งชาติ ฟื้นฟูความมั่นใจของนักธุรกิจและนักลงทุนท้องถิ่น”

เรื่องดังกล่าวทำให้โซโลมอนกลายเป็น “ศูนย์กลางพายุ” ของมหาสมุทรแปซิฟิก 

วันที่ 22 เมษายน นายแคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานกิจการอินโด-แปซิฟิก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งทำเนียบขาว ได้นำคณะผู้แทนไปเยือนโซโลมอนและจัดประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีโซโลมอน หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดสถานทูตประจำโซโลมอนเป็นเวลานานถึง 30 ปี และไม่เคยจัดคณะผู้แทนไปเยือนโซโลมอนในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา 

วันที่ 23 เมษายน โซโลมอนสตาร์ (solomon star) ที่เป็นสื่อสำคัญของโซโลมอนที่ติดตามรายงานข่าวเกี่ยวกับการเยือนของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ครั้งนี้และชี้ชัดว่า “หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วอชิงตันก็ลืมโซโลมอนโดยสิ้นเชิง พอตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็มาบังคับให้นายกรัฐมนตรีโซกาวาเรยกเลิกข้อตกลงกับจีน”

รายงานข่าวของโซโลมอนสตาร์ระบุว่า หลังการประชุมสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์เชิงข่มขู่แสดงความห่วงใยต่อมาตรการการสร้างฐานทัพถาวรในโซโลมอน และจะมีปฏิกิริยาตอบโต้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top